ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 234

Now you are reading ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ Chapter 234 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ใต้ทะเลสาบ

สำนักงานหน่วยลับหมู่บ้านทะเลสาบดอกบัว

“หมายเลข 12 เคลื่อนไหวแล้ว”ชายชุดคลุมสีเหลืองกล่าวขึ้น

ชายชุดคลุมสีส้มได้ยินก็เอียงหน้ามาดูโฮโลแกรมที่ฉายภาพแผนที่หมู่บ้านทะเลสาบดอกบัวทั้งหมด บนหน้าจอมีจุดสีต่างๆบอกถึงลักษณะของสิ่งต่างๆ

บนแผนที่มีจุดสีฟ้าเป็นรูปตราและมีหมายเลขอยู่ตรงกลางทั้งหมด 12 อัน กำลังกระจัดกระจายไปทั่วหมู่บ้าน

“เสียเวลาไป 3 วันแล้ว พึ่งเริ่มทำงาน คะแนนภารกิจคงติดลบแล้วสินะ”แววตาของชายชุดสีส้มฉายแววดูแคลน

“ไม่หรอก อย่าลืมว่าเมื่อ 3 วันก่อน หมายเลข 12 ได้เข้าไปช่วยชีวิตหมายเลข 1 และจัดการกับศพแปลกประหลาด ในตอนนั้นคะแนนภารกิจของเขาสามารถเข้าเป็นคนของหน่วยลับได้แล้ว แต่เพราะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าศพนั้นเป็นสาเหตุของการหายตัวไปจริงๆ ทำให้คะแนนภารกิจเกือบทั้งหมดถูกเก็บเอาไว้ก่อน แต่คะแนนภารกิจที่หมายเลข 12 ได้รับก็ยังมากอยู่ดี แค่ไม่ทำภารกิจ 3 วัน คะแนนภารกิจยังไม่ลดไปเท่าไหร่”ชายชุดคลุมสีเหลืองกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

ชายชุดคลุมสีเหลืองพยักหน้า แต่สีหน้ายังคงไม่พอใจ และเขาก็ถาม

“ศพที่พบเมื่อ 3 วันก่อน ผลตรวจสอบเป็นยังไง”

“ศพที่พบเป็น 1 ในหญิงสาวที่สูญหายเมื่อ 20 วันก่อน เธอไม่ได้ถูกจัดอยู่ในคดีเดี่ยวกับผู้สูญหายทั้ง 51 คน เพราะเวลาห่างกัน 2 สัปดาห์ และเราได้ตรวจสอบศพ ก็พบว่าเสียชีวิตประมาณ 7 วัน ซึ่งไม่มีทางทีศพจะเคลื่อนย้ายได้ด้วยตัวเอง

แต่จากที่หมายเลข 1 ได้แจ้งมา เราสามารถคาดเดาได้ว่า ศพนี้ถูกวิชาบางอย่าง ทำให้ศพเคลื่อนไหวได้”ชายในชุดคลุมสีเหลืองกล่าว

ชายชุดคลุมสีส้มยันตัวขึ้น ท่าทางสนใจคดีนี้มากขึ้น เพราะความยากง่ายของภารกิจ มันหมายถึงคะแนนภารกิจที่เขาจะได้รับว่ามันจะมากหรือน้อย เขากล่าวถาม

“ศพนี้เหมือนกับผีดิบที่โรงงาน…ใช่ไหม”

“ใช้”ชายชุดคลุมสีเหลืองพยักหน้า

แววตาของชายชุดคลุมสีส้มเป็นประกาย เขารีบถาม

“ถ้าอย่างนั้น เราต้องนับศพนี้เป็นเหยื่อที่หายตัวไปด้วย แสดงว่าต้องมีมากกว่า 51 คนที่หายตัวไป”

“ใช้ ตอนนี้เรากำลังดูข้อมูลการหายตัวไปย้อยหลังอยู่”ชายชุดคลุมสีเหลืองกล่าว

“ดีมาก นอกจากตรวจสอบข้อมูลแล้ว อย่าลืมจับตาดูการเคลื่อนไหวของหมายเลข 12″ชายชุดคลุมสีส้มสั่ง ก่อนจะเอียงตัวกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง มือก็กดไปที่โฮโลแกรม เปิดหาข้อมูลบางอย่าง

ชายชุดคลุมสีเหลืองเหลือบห่างตามองไปยังชายชุดคลุมสีส้ม สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจ ที่อีกฝ่ายทำเหมือนกับว่าเขาเป็นลูกน้อง ทั้งๆที่พวกเขามีตำแหน่งเท่ากัน

บนต้นไม้ใกล้ทะเลสาบดอกบัวฝั่งใต้ จิวโมไป๋ไปถึงผีน้ำที่ใกล้ที่สุด เขาก็ยังไม่ลงมือ แต่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดธรรมดาเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป และแต่งหน้าให้ดำคล่ำ เขาไม่ใช้เคล็ดวิชาเปลี่ยนใบหน้า เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขามีเคล็ดวิชาเปลี่ยนใบหน้า

เมื่อปลอมตัวเรียบร้อย เขาก็วางเสื้อคลุมทดสอบและพลองเหล็กเงินไว้บนต้นไม้

แต่ในขณะนั้น จิตสัมผัสที่ค่อยเฝ้าดูผีน้ำอีกสองตัว ก็พบว่าผีน้ำทั้งสองกำลังหาเหยื่อ ถ้าเขาไม่ทำอะไรจะต้องมีคนถูกผีน้ำจับตัวไปแน่

จิวโมไป๋ก็ตัดสินใจในที่สุด เขามองหาผู้ทดสอบที่อยู่ใกล้ที่สุด และด้วยความบังเอิญ ผีน้ำที่อยู่ทะเลสาบดอกบัวฝั่งทางเหนือ อยู่ใกล้กับหมายเลข 1 ที่กำลังปลอมตัวเดินหาผีน้ำอยู่ เขาจำรูปลักษณ์จริงๆของหมายเลข 1 ที่เป็นหญิงสาวผมสั่นได้ทันที

จิวโมไป๋ไม่รอช้า ใช้พลังวิญญาณปลอมแปลงคลื่นพลังคล้ายกับผีน้ำ ส่งเป็นคลื่นพลังอ่อนๆส่งไปหาหมายเลข 1 คลื่นพลังดูบางเบาเหมือนไม่ได้ตั้งใจให้พบ

หมายเลข 1 เดินไปตามริมทะเลสาบ เพราะจากข้อมูลที่เธอสืบหามา ทำให้เธอมั่นใจว่าผีน้ำจะลักพาตัวเหยื่อที่อยู่ใกล้แม่น้ำ เธอค่อยๆเดินสอดส่องไปมาเพื่อค้นหา แต่ก็ไม่ทำให้มีอะไรผิดสังเกต ในระหว่างที่เธอกำลังเดินผ่านพื้นที่นั่งพักริมใทะเลสาบ ประสาทสัมผัสของเธอก็ตื่นตัว ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที เธอจดจำความรู้สึกหนักอึ้งและน่าสะพรึงกลัวได้ ไม่เสียเวลาเธอใช้ความรู้สึกพาเธอไป

จิวโมไป๋เห็นว่าหมายเลข 1 ไปยังผีน้ำแล้ว เขาก็ไปยังผีน้ำอีกตัว บริเวณนั้นไม่มีผู้ทดสอบอยู่ใกล้เลย มีแต่ตำรวจหนุ่มที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหมายเลข 5

เมื่อไม่มีทางเลือกจิวโมไป๋ก็ตัดสินใจ ส่งคลื่นพลังที่ปลอมแปลงไปยังตำรวจหนุ่ม

ตำรวจหนุ่มเดินตรวจสอบตามคำสั่งของหมายเลข 5 เขาไม่พอใจคำสั่งอย่างมาก แต่ก็ต้องจำใจทำตาม ในตอนที่เขากำลังเดินผ่านสวนสาธารณะเล็กๆ ขนทั่วร่างของเขาก็รุกซู่โดยไร้สาเหตุ เขามองลึกไปยังทางเดินมืดๆ ที่เป็นทางไปทะเลสาบ ใบหน้ากลายเป็นเคร่งเครียด เขารู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวอยู่ข้างหน้า เขาติดต่อไปยังตำรวจคนอื่นทันที และติดต่อไปยังหมายเลข 5

จิวโมไป๋เห็นว่ามีคนจัดการผีน้ำทั้งสองเรียบร้อย เขาก็เปิดกำไลข้อมือเพื่อบันทึกภาพ และแสร้งทำเป็นคนธรรมดามาท่องเที่ยวคนเดียว เขาเดินออกห่างจากถนนหลัก ไปยังผีน้ำที่ซุ่มอยู่ในน้ำ เขาเดินเข้าใกล้เรื่อยๆท่าทางเหม่อลอยเหมือนไม่รู้ตัว

ผีน้ำที่รออยู่ก็เข้าจู่โจมทันที

กลิ่นอายเน่าเหม็นกระทบจมูก บรรยากาศรอบด้านกลายเป็นมืดมน

ผีน้ำตัวนี้เป็นชายวัยกลางคนเสื้อผ้าเลอะไปด้วยโคลนและน้ำทั้งตัว ใบหน้าเน่าเปื่อยหายไปบางส่วนจนเห็นกะโหลกศีรษะ

จิวโมไป๋ทำเป็นตกใจกลัวถอยหลังไปหลายก้าว ผีน้ำกระโจนด้วยความเร็วสูงมาเกาะขาแน่น เขาก็พยายามดิ้นรนอย่างรุนแรง แต่ก็ออมกำลังให้เหลือน้อยที่สุด ทำเป็นต่อสู้ขัดขืน

ยื้อยุดไปครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็แกล้งอ่อนแรงถูกดึงลงไปในทะเลสาบที่เย็นจัด

จิวโมไป๋แกล้งสำลักน้ำและสลบไป ผีน้ำก็ลากร่างของจิวโมไป๋ลงไปเรื่อยๆ

ที่เขายอมทำแบบนี้ ก็เพราะการทำลายร่างแยกเป็นวิธีการที่เสียแรงเปล่า และมันอาจทำให้เกิดความยุ่งยากตามมา ถ้ากำจัดร่างแยกผีน้ำไปมากๆ ผีน้ำตัวจริงจะหลบหนีไปซ่อนตัว เพื่อรอเวลากลับมาได้ตลอดเวลา

ในอนาคตพลังงานธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ วิญญาณแค้นจะเป็นกลุ่มแรกๆที่ได้ประโยชน์ที่สุด เมื่อมันกลับมาอาจแข็งแกร่งจนเราไม่สามารถต่อสู้ได้

วิธีที่จะสามารถจัดการอย่างเด็ดขาด เขาจะต้องจัดการมันโดยตรง

เขารู้ว่าร่างแยกผีน้ำไม่สามารถดูดซับพลังงานชีวิตได้เอง จะต้องเป็นร่างหลักเท่านั้น ทำให้เหยื่อจะต้องไม่ตายก่อนไปถึงร่างหลัก ทำให้เขาสามารถมั่นใจว่าจะไม่ถูกฆ่าเสียก่อน

และเขาต้องการหาร่างของผู้หายสาบสูญ เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีศพ

ผีน้ำพาจิวโมไป๋ลงไปใต้ทะเลสาบดอกบัวลึกเกือบ 25 เมตร ก่อนจะพาไปยังชากต้นไม้ใต้ทะเลสาบที่ตายทับถมจนกลายเป็นสีดำโคลน ผีน้ำพาจิวโมไป๋มุดลงไปในโคลนเหม็นทันที มันเป็นช่องทางเล็กๆยาวผ่านไปโผล่ที่ถ้ำแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใต้ทะเลสาบ

ผีน้ำยกร่างของจิวโมไป๋ขึ้นจากบ่อน้ำ และลากไปยังตามทางเดินตรงไปด้านใน กลิ่นเหม็นลอยอบอวลไปทั่วถ้ำเพราะไม่สามารถถ่ายเทระบายอากาศออกไปได้

ในระหว่างนั้นจิวโมไป๋ที่แกล้งสลบ ก็หรี่ตาขึ้นเล็กน้อยลอบใช้กวาดตามองโดยรอบ แม้ว่าจะมืดเพราะไม่มีแสงไฟ มันก็ไม่ทำให้เขาสูญเสียการมองเห็นใดๆ

ที่เขาไม่ใช้จิตสัมผัสเพราะอาจทำให้ผีน้ำรู้ตัว

จิวโมไป๋ประหลาดใจอย่างมาก เพราะผนังถ้ำมันเรียบอย่างน่าประหลาดใจ เหมือนไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ น่าจะเกิดจากน้ำมือมนุษย์ เขาสังเกตเห็นว่ามีตะไคร่สีเขียวเกาะทั่วถ้ำ เพราะน้ำพึ่งลดลงไป เขาก็คาดเดาได้ว่าเป็นถ้ำโบราณ ไม่ได้เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน

ผีน้ำลากร่างของจิวโมไป๋ลึกเขาไปจนเกิดทางแยกสองทาง ผีน้ำพาจิวโมไป๋ไปทางขวา ยิ่งเดินลึกเขาก็ได้ยินเสียงผู้คนกรีดร้องคร่ําครวญ แววตาของจิวโมไป๋เป็นประกาย

ยังมีผู้รอดชีวิต! และจากเสียงที่ได้ยินไม่ได้มีเพียงคนเดียว

ไม่ต้องรอให้จิวโมไป๋ต้องคิด เพราะเลี้ยวอีกครั้งเขาก็พบร่างแยกผีน้ำอีก 4 ตัวยืนคุมปากถ้ำ อีกฝั่งเป็นถ้ำที่เหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ ภายในห้องมีแสงไฟเล็กน้อย ที่เกิดจากกำไลข้อมือของผู้คนด้านใน ทุกคนอยู่ในสภาพเละเทอะ

จิวโมไป๋ก็ถูกโยนเข้าไปในถ้ำ

ปัก! จิวโมไป๋นอนนิ่งไม่ขยับตัวเพราะแกล้งสลบ

“มีคนถูกจับเข้ามาอีกแล้ว!”

“ปล่อยพวกเราออกไป!”

“ฮือออ ฉันกลัว ใครก็ได้ช่วยด้วย!”

“พวกปีศาจปล่อยพวกเราออกไป!”

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นกระหึม แต่พวกผีน้ำไม่สนใจ ผีน้ำที่เฝ้าหน้าทางเขายืนเงียบไม่ขยับ ผีน้ำที่พาจิวโมไป๋เขามาก็หันหลังจากไป

ผู้คนต่างก็ยังกรีดร้องไม่พอใจ

จิวโมไป๋คอยๆใช้จิตสัมผัสตรวจสอบทุกคน โดยที่ใช้วิธีซ่อนพลังวิญญาณทำให้พลังวิญญาณบางเบาที่สุด เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะลอบถอนหายใจ

เพราะจำนวนคนที่อยู่มีทั้งหมด 30 คน จากข้อมูลมีคนหายไปประมาณ 51 คน แสดงว่ามีคนเสียชีวิตไปแล้ว 21 คน

เขาตรวจสอบคนที่รอดชีวิต เขาก็เข้าใจ

วิธีที่ผีน้ำทำคือการค่อยๆดูดพลังชีวิต ไม่ได้ดูดทีเดียวหมด จนทำให้มนุษย์ตายทันที

ผีน้ำตัวนี้จับมนุษย์มาทำเป็นฟาร์มพลังชีวิต!

ถ้าไม่ถูกดูดพลังชีวิตจนหมด มนุษย์จะสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ผีน้ำตัวนี้เล็งเห็นถึงสิ่งนี้ จึงจับมนุษย์มาขังเพื่อคอยๆดูดพลังชีวิต

ที่จำนวนน้อยลงอาจเพราะฆ่าตัวตาย หรือพลังชีวิตฟื้นตัวไม่ทัน ทำให้เสียชีวิต

การที่ผีน้ำตัวนี้มีความอดทน ไม่รีบร้อนดูดพลังชีวิตจนหมด แสดงว่าผีน้ำตัวนี้ไม่ธรรมดาเหมือนที่เขาคิด

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ไม่มีใครสนใจจิวโมไป๋เลย พวกเขาเหมือนศพที่มีชีวิต เพราะไม่รู้ว่าจะหลบหนีจากสถานที่นี่ได้ยังไง

“โอ๊ย”จิวโมไป๋แกล้งยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะมองไปรอบๆด้วยความตกใจกลัว ผู้คนที่เห็นก็นิ่งเฉยไม่สนใจ

จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็ทำเป็นตัวสั่นเดินไปนั่งพิงพนังถำ

เขาแสร้งกดกำไลข้อมือ แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด ไม่มีสัญญาณติดต่อ ไม่แปลกเลยเพราะที่นี่อยู่ใต้ดินลึก และจากที่เขาตรวจสอบหินตรงผนัง มันเป็นหินที่แข็งแกร่งอย่างมาก ไม่ต้องใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ เขาก็คาดเดาได้ว่าหินแข็งประเภทนี้ ปกคลุมถ้ำทั้งหมด ทำให้สัญญาณไม่สามารถผ่านเข้ามาได้ และจิตสัมผัสของเขาก็อ่อนแอลงอย่างมาก แม้จะสามารถมองผ่านไปได้ แต่ก็เหลือระยะเพียง 50 เมตรเท่านั้น แต่ถ้าเขาใช้จิตสัมผัสเต็มกำลัง อาจทะลุไปได้ 200 เมตร

โชคยังดีที่ยังใช้กล้องบันทึกได้ จากที่เขาเห็นคนที่ถูกจับมาต่างก็ใช้กำไลข้อมือบันทึกจดหมายลาตาย

จิวโมไป๋หลุบตาลงรอเวลา

เวลาผ่านไปช้าๆ อยู่ๆผีน้ำทั้งสี่ ที่เฝ้าหน้าทางเข้าสั่นไหวอย่างรุนแรง และกรีดร้องเสียงแหลมบาดแก้วหู

ผู้คนต่างตกใจด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าทำไมผีน้ำพวกนี้ถึงกรีดร้อง

จิวโมไป๋หรี่ตาเล็กน้อย เขาก็รู้ได้ทันทีว่าผีน้ำตัวหนึ่งถูกกำจัด เขาคาดว่าน่าจะเป็นหมายเลข 1 ที่กำจัดผีน้ำไปได้

วูบบบ

คลื่นพลังอันน่าหวาดกลัวก็กวาดผ่านเข้ามาในห้องโถง อากาศด้านในลดลงอย่างรวดเร็วจนเย็นเฉียบ ผู้คนต่างตัวสั่นระริกด้วยความกลัว

จิวโมไป๋สูดลมหายใจลึกๆ มือแตะที่กระบี่อ่อนเบาๆ

มาแล้ว!

—-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด