ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 241

Now you are reading ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ Chapter 241 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
การทดสอบอันแสนยากลำบาก

ดินแดนแห่งหนึ่งในห้วงจักวาล ทุกตารางนิ้วบนผืนแผ่นดินอาบไปด้วยบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ไพศาล แผ่นดินถูกเคลือบไปด้วยพลังสีทองบริสุทธิ์ไร้สิ่งใดแปดเปื้อน ถ้ามองจากภายนอกมิติจะเห็นรัศมีธรรมก่อตัวกลายเป็นดอกบัวสีทองนับไม่ถ้วนเรียงกันเป็นดอกบัวสีทองขนาดใหญ่ ห่อหุ้มดินแดนแห่งนี้เอาไว้

ตรงใจกลางดินแดน มีวัดเล็กๆแห่งหนึ่งตั้งอยู่อย่างเงียบสงบกลางป่าเขา ดูจากภายนอกวัดแห่งนี้เหมือนกับวัดดอกบัวในมิติโลกแทบทุกระเบียบนิ้ว แต่เมื่อผ่านประตูวัดเข้าไป จะพบกับมิติทับซ้อนขนาดใหญ่ พื้นที่ภายในกำแพงที่หนึ่งถูกขยายออกไปมากกว่าหมื่นเท่า นอกจากหอทดสอบ 7 ชั้นและศาลาคัมภีร์ที่ตั้งอยู่ข้างประตูที่สอง ก็มีอาคารมากมายสร้างขึ้นรอบกำแพงที่สอง

ผู้คนนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ที่นี่ผ่านวันเวลาอันไม่สิ้นสุด บางคนเกิดและเติบโตที่นี่ ทุกคนต่างมีเพียงจุดมุ่งหมายเดียวกันคือผ่านหอทดสอบชั้นที่ 4 เพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากวัด เพื่อออกบวช

ทุกๆวันจะมีผู้บ่มเพาะพลังตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงเทพยุทรสวรรค์มาเข้าทดสอบมากมาย

แต่ความยากลำบากในการทดสอบแต่ละชั้น ไม่ใช่ใครก็จะผ่านไปได้ แค่เพียงชั้นที่ 1 ต้องเอาชนะรูปปั้นประติมากรรมจำแลงของสุดยอดฝีมือแห่งยุค ที่ถูกลดความแข็งแกร่งให้มีระดับการบ่มเพาะพลังและระดับความเข้าใจวิชาต่อสู้เท่ากับผู้ทดสอบ และรูปปั้นหินยังมีความแข็งแกร่งทดทานที่ยากแก่การสร้างความเสียหาย

แค่เพียงชั้นที่ 1 ของหอทดสอบ ทุกหนึ่งวัน มีเพียงไม่ถึง 5 คน ที่สามารถผ่านไปได้ พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนอัจฉริยะของมิติหรือดินแดนต่างๆทั้งสิ้น

ไม่ต้องพูดถึงชั้นที่ 2 และ 3 ที่ความยากลำบากในการทดสอบจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า

แต่สุดท้ายเกือบทุกคนก็ต้องมาหยุดชั้นที่ 4

ด่านทดสอบชั้นที่ 4 ถูกผู้บ่มเพาะพลังอัจฉริยะที่สามารถผ่านชั้น 3 แต่ไม่อาจผ่านไปได้เรียกว่า’ชั้นดับอัจฉริยะ’

อัจฉริยะที่ผ่านชั้นที่ 3 ได้ เมื่ออยู่มิติภายนอกพวกเขาต่างก็สามารถสร้างชื่อเสียงเกรียงไกรได้รับความเคารพจากผู้คนนับไม่ถ้วน

แต่เมื่อพวกเขาทดสอบชั้นที่ 4 มีเพียงความทรงจำอันขมขื่นเหลืออยู่เท่านั้น

ถ้าโชคดี ในหนึ่งปีอาจจะมีผู้ที่สามารถผ่านชั้นที่ 4 ได้ 1 ถึง 2 คน แต่ในความจริงแล้ว แต่ละปีแทบจะไม่มีคนผ่านเลยแม้แต่คนเดียว อาจจะต้องสามถึงห้าปีจะมีซักหนึ่งคนที่สามารถผ่านชั้นที่ 4 ได้

ไม่แปลกเลยที่พระประจำวัดแห่งนี้จะมีจำนวนน้อย

ในเวลานั้นเองประตูทางเข้าหอทดสอบชั้นที่ 1 ก็ส่องแสงสีเงินเจิดจ้าก่อนจะม้วนตัวกลายเป็นตัวเลข 1 ตรงคานไม้เหนือประตู ก่อนที่แสงสีเงินจะค่อยๆหายไป

“วันนี้มีผู้ผ่านชั้นที่ 1 สี่คนแล้วใช่ไหม”ผู่บ่มเพาะพลังวัยรุ่นกล่าวขึ้น ดวงตาที่มองไปที่ตัวเลข 1 อยู่ๆก็ชะงักค้าง คิ้วขมวดแน่น

“ทุกๆวันก็มีคนผ่านชั้นที่ 1 อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ”ผู้บ่มเพาะพลังหญิงสาวพูดขึ้น เมื่อเห็นท่าทางของศิษย์พี่แปลกไป เธอผ่านชั้นที่ 2 ได้แล้ว เธอไม่เสียเวลาสนใจคนที่พึ่งผ่านชั้นที่ 1 เท่าไหร่

“พวกเจ้าเห็นหรือไม่ สีของพลังศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นสีเงิน!”อยู่ๆก็มีคนร้องเสียงดันด้วยความตกใจ

“หืม ทำไมศักดิ์สิทธิ์เป็นสีเงินไม่ใช้สีทอง”ผู้บ่มเพาะพลังรู้ตัวว่ามีอะไรผิดปกติกับผู้ที่ผ่านชั้นที่ 1

ผู้คนที่สังเกตเห็นความผิดปกติก็เข้ามามุงดู แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเสียงดัง พวกเขาได้แต่สงสัยว่าใครที่ทำให้ศักดิ์สิทธิ์เป็นสีแบบนั้น

พวกเขารออยู่ด้านนอก เพื่อรอให้ผู้ทดสอบคนนั้นปรากฏตัวขึ้น

ศาลาบำเพ็ญตน ใจกลางกำแพงที่ 3

พระชราลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาสองข้างอาบไปด้วยแสงสีทองบริสุทธิ์ เขามองผ่านจักรวาลนับไม่ถ้วน ทะลุผ่านดวงดาว หลุมดำ ที่ขวางทาง ไปยังดวงดาวสีฟ้าแห่งหนึ่งที่ห่างไกลจนไม่อาจกำหนดระยะทางได้

แต่ก่อนที่เขาจะได้มองผ่านเข้าไปในโลก

ปัง! เสียงกระแทกอะไรบางอย่างดังสนั่น วิชาเนตรถูกทำลายลงอย่างราบคาบ ก่อนที่คลื่นพลังอันน่ากลัวจะสะท้อนกลับไปยังเจ้าของวิชาเนตร

อัก! พระชรากระอักเลือดสีทองออกมากองใหญ่ เขาพนมมือเบาๆ

“อมิตาพุทธ”

ใบหน้าของพระชราดูแก่ลงไปเล็กน้อย ฟื้นฟูพลังอยู่ครู่หนึ่ง พระชราก็ถอนหายใจยาวออกมา ดวงตาฉายแววปัญญาอันลึกล้ำ

“ชะตากรรมดั้งเดิมได้ผันแปร ไปในเส้นทางที่ไม่มีใครคาดเดาได้อีกแล้ว อมิตาพุทธ ข้าหวังว่าผู้เปลี่ยนชะตากรรม จะหลุดพ้นจากห่วงกรรมที่คล้องเขาเอาไว้”

มิติโลก วัดดอกบัว

หอทอสอบชั้นที่ 2

เคร้ง! เปรี้ยง! ร่างของจิวโมไป๋หมุนวนด้วยความเร็วสูง คมกระบี่เฉือนโจมตีเข้าจุดอ่อนของรูปปั้นหินโดยรอบ

แต่รูปปั้นมือเปล่าก็เข้ามาขวาง หมัดอันทรงพลังโจมตีอย่างรุนแรงจนพื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังโจมตีที่ส่งออกมาไม่สามารถประมาทได้เลย

จิวโมไป๋สลับกระบี่ไปที่มือซ้าย ก่อนที่เกล็ดมังกรทองจะปกคลุมทั่วร่าง เขาใช้หมัดขวาชกเข้าปะทะตรงๆ

ปัง! คลื่นพลังกระจายออกเป็นวงกว้าง กวาดร่างของรูปปั้นหินที่ไม่ได้ตั้งหลักให้ถูกผลักกลับไป

ในเวลาเดียวกันกระบี่มือซ้ายก็แทงออกไปที่อกของรูปปั้นมือเปล่า คมกระบี่แผ่พลังอันแหลมคมราวกลับจะแทงทะลุทะลวงทุกสิ่ง

แต่ก่อนที่คมกระบี่จะแทงไปที่อกของรูปปั้นมือเปล่า

เคร้ง! หอกยาวก็แทงเข้ามาสกัดเอาไว้ได้ทัน ในเวลาเดียวกันรูปปั้นอีก 7 ตัว ก็เข้ามาล้อมรอบจิวโมไป๋ไม่ให้หนีไปได้

จิวโมไป๋ยิ้มเย็นชาหมุนตัวเตะไปที่รูปปั้นดาบที่ใกล้ที่สุด เขาเตะมันกระเด็นออกไป ก่อนที่จะใช้กระบี่มือซ้าย ฟันออกไปเกิดเป็นวงกลมรอบร่างปัดป้องการโจมทั้งหมดออกไป

นัยน์ตาของจิวโมไป๋เปล่งประกายเจิดจ้า ในตอนนั้นเองร่างของเขาก็แยกออกเป็น 9 ร่าง พุ่งเข้าไปหารูปปั้นทั้ง 9 ตัว พวกมันมองไปที่ร่างแยกแค่เสี้ยววินาทีก่อนจะสามารถจับตัวจริงได้

จิวโมไป๋ไม่ได้จะใช้ร่างเงาในการถ่วงเวลาอยู่แล้ว เขาแค่อาศัยเวลาเพียงเสี้ยววินาที พุ่งเรียบไปกับพื้นฟันกระบี่ตัดขาของรูปปั้นหอกไปหนึ่งตัว

เปรี้ยง! ขาขวาถูกฟันแตกออกไป รูปปั้นก็หอกล้มลงไปกับพื้น ในเวลาเดียวกันจิวโมไป๋กระโดดข้ามร่างของรูปปั้นหินกระบี่ ในตอนที่กำลังข้ามผ่านไป เขาก็แทงกระบี่เลือนเร้นลงไปที่กลางหัวของรูปปั้นหินกระบี่ แต่มันก็ใช้มือซ้ายยกมารับได้ทัน ทำให้เขาโจมตีพลาดไป

รูปปั้นหินตัวอื่นๆพุ่งตามมา

จิวโมไป๋ถอยออกมาถึงกำแพง เขาหันหลังให้กับกำแพง ปล่อยให้รูปปั้นทั้ง 9 โจมตีมาทางด้านหน้า

ในระหว่างการต่อสู้เขาก็เข้าใจความแข็งแกร่งของรูปปั้นทั้ง 9 ตัว พวกมันมีระดับการบ่มเพาะพลังเท่ากับเขา ความเข้าใจวิชาต่อสู้ก็อยู่ระดับเข้าใจ แต่ความแข็งแกร่งทนทานของรูปปั่นหินลดลง 2 ใน 10 ส่วน ของรูปปั้นหินชั้น 1

และรูปปั้นหินทั้ง 9 ยังใช้ค่ายกลต่อสู้อีกด้วย

รูปปั้นหินมือเปล่า 3 ตัว จะอยู่หน้าสุด คอยเข้าปะชิด ไม่ให้คู่ต่อสู้สามารถขยับได้ตามใจชอบ

รูปปั้นหินกระบี่ 2 ตัว จะอยู่ตรงกลาง พวกมันใช้ความว่องไว คอยลอบโจมตีในตอนที่ต่อสู้ ทำให้ต้องแยกสมาธิในการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของมัน

รูปปั้นหินดาบ 2 ตัว จะอยู่ตรงกลางเหมือนรูปปั้นหินกระบี่ แต่พวกมันจะคอยปิดวงล้อม ขวางไม่ให้ออกไปได้ และโจมตีอย่างรุนแรงเพื่อสร้างความเสียหาย

และรูปปั้นหอก 2 ตัว อยู่นอกสุด พวกมันคอยโจมตีจากระยะไกล และป้องกันรูปปั้นหินตัวอื่นๆในช่วงเวลาอันตราย

ชั้นที่ 2 ระดับความยากสูงกว่าชั้นที่ 1 หลายเท่าจนเขาไม่คิดว่าจะมีใครผ่านไปได้ แม้ว่าความทนทานของรูปปั้นหินจะลดลงไป 2 ส่วน แต่ถ้าไม่มีโอกาสโจมตีก็ไร้ความหมาย

รูปปั้นมือเปล่าทั้ง 3 ตัวพุ่งนำหน้ามาก่อนตามมาด้วยรูปปั้นดาบและกระบี่ รูปปั้นหินหอกตามหลังสุด ส่วนรูปปั้นหินหอกที่ถูกตัดขาในตอนนี้ยืนได้ด้วยขาเดียว แม้จะขาเดียวแต่มันก็สามารถเข้ามาต่อสู้ได้อย่างไม่เป็นปัญหา

จิวโมไป๋ใช้วิชากระบี่พื้นฐานฟาดฟันรูปปั้นหินโดยที่ไม่ขยับจากที่เดิม การต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ร่างของจิวโมไป๋เริ่มปรากฏบาดแผล แต่เขายังคงยืนหยัดต่อสู้ต่อ เหมือนกับว่าจะกำลังดึงศักยภาพของวิชากระบี่พื้นฐานให้พัฒนามากยิ่งขึ้น

กระบี่ที่ปัดป้องอาวุธและหมัดอันรุนแรงเริ่มเฉียบคมมากว่องไวมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งกระบี่โจมตีก่อนที่อีกฝ่ายจะออกกระบวนท่าด้วยซ้ำ

บนร่างของรูปปั้นหินทั้ง 9 ตัว เริ่มมีรอยร้าวปรากฏขึ้น

จนกระทั้งคมกระบี่แทงออกไปยังรูปปั้นหินดาบ ตัดคอของมันลงมา ก่อนที่ร่างของมันจะแตกสลายเป็นฝุ่นผง

“น่าเสียดาย น่าเสียดาย”จิวโมไป๋พูดประโยคเดียวกันถึงสองครั้ง ก่อนที่เขาจะโยกตัวหลบหมัดและเยียบไปที่พนังกระแทกเท้าอย่างแรงม้วนตัวไปด้านหลังรูปปั้นหิน กระบี่เลือนเร้นพลันเปล่งประกายสีเงิน

ฉึก ฉึก ฉึก

รูปปั้นหอกทั้งสอง และรูปปั้นกระบี่ถูกแทงเข้าที่อก ก่อนจะแตกกระจายกลายเป็นฝุ่นผง

รูปปั้นหินที่เหลือหันกลับมาอย่างรวดเร็ว และพุ่งเข้าหาจิวโมไป๋ แต่พวกมันช้าไป จิวโมไป๋หมุนวนกระบี่เป็นคลื่นพลังก่อนจะฟันออกไป ปะทะร่างของรูปปั้นทั้ง 5 ตัว พวกมันป้องกันเอาไว้ได้ทัน

ในชั่วเวลานั้นเอง จิวโมไป๋ก็ไปปรากฏตัวที่รูปปั้นมือเปล่าที่อยู่ริมสุด

จิวโมไป๋เปลี่ยนมือถือกระบี่ไปมือซ้าย เกล็ดมังกรทองห่อหุ้มทั่วร่าง ก่อนที่เขาจะชกออกไปอย่างรุนแรง

พลังมังกร

ตูม!

อกของรูปปั้นหินมือเปล่าแตกเป็นหลุม และกระเด็นไปกระแทกรูปปั้นหินด้านหลังจนเสียหลัก ก่อนที่ร่างของมันจะแตกสลาย

จิวโมไป๋พุ่งเข้าไปชกหมัดใส่รูปปั้นอีกตัว และมันก็กระเด็นไปชนอีกตัวด้านหลัง จิวโมไป๋เร่งความเร็วตามไปชกไม่ยั้ง ทุกหมัดจะผลักร่างของรูปปั้นไปชนรูปปั้นที่อยู่ถัดไป กว่าจะตั้งตัวได้ ก็เหลือเพียงรูปปั้นหินมือเปล่าและรูปปั้นหินกระบี่ 2 ตัว ที่หลบรอดจากการโจมตีไปได้้

จิวโมไป๋ไม่เสียเวลาอีก กระบี่เลือนเร้นในมือซ้ายแทงออกด้วยความเร็วสูง ตัดคอรูปปั้นหินกระบี่ ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเตะตัดไปที่ขาของรูปปั้นหินมือเปล่าด้านหลัง จนตัวของมันลอยขึ้น และเขาก็พลิกมือที่ถือกระบี่ หันกลับมาตวัดฟันกระบี่ตัดหัวลงอย่างรวดเร็ว

“จบการทดสอบชั้นที่ 2 สามารถเข้าไปเลือกเคล็ดวิชา ภายในศาลาคัมภีร์ชั้น 2 ได้ 1 เล่ม”

ภาพทุกอย่างก็หายไปร่างของจิวโมไป๋มายืนอยู่หน้าทางเข้าชั้น 3 จิวโมไป๋ก้มมองเสื้อผ้าที่กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่มีรอยฉีกขาด บาดแผลทั่วร่างได้รับการรักษา แต่ความเหนื่อยล้าไม่ได้ลดลง เขานั่งลงฟื้นฟูพลัง

ที่ชั้น 2 เขาค้นพบความรู้สึกถึงเจตจำนงกระบี่ได้เลือนลาง แต่โชคร้ายที่รูปปั้นพวกนั้นไม่มีวิญญาณอยู่ ทำให้เหมือนโปรแกรมมากกว่า แม้จะได้รับประสบการณ์ที่ดี แต่ไม่นานก็ไม่ได้รับอะไรอีก เพราะรูปแบบการโจมตีของรูปปั้นหินทั้ง 9 ตัว มันซ้ำซาก แค่ต่อสู้ไม่นานเขาก็สามารถจดจำรูปแบบการโจมตีได้

น่าเสียดายอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น เขาก็จะไปถึงระดับครึ่งก้าวเจตจำนงวิชากระบี่พื้นฐานแล้ว

เขาไม่อาจปล่อยโอกาสให้หลุดออกไปได้อีก

ฟื้นฟูจนร่างกายกลับมาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เขาก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปชั้น 3 ทันที

ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นความกว้างของห้องขยายใหญ่ขึ้นไป 500 ตร.ม

ใบหน้าของจิวโมไป๋กลายเป็นจริงจัง

“การทดสอบชั้นที่ 3 เอาชนะฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดภายใน 3 ชั่วโมง”

พนังรอบด้านเปล่งแสงสว่าง ก่อนที่รูปปั้นหิน 81 ตัวปรากฏตัวล้อมรอบร่างของเขาอยู่ตรงกลาง

พวกมันปล่อยพลังกดดันอันรุนแรงออกมา บนร่างของพวกมันมีแสงสีหลากหลาย จนเกิดภาพลวงตาของธรรมชาติ

คิ้วของจิวโมไป๋กระตุก

“บัดซบ! ทั้งหมดสามารถใช้กฎแห่งธาตุได้!”

จิวโมไป๋ตบฝ่ามือลงไปก่อนบนพื้นจะเกิดเป็นเถาวัลย์นับไม่ถ้วนเรียงรอยกันเป็นตาข่ายกระจายออกไปโดยรอบปกคลุมทั่วทั้งห้อง ในชั่วเวลาเดียวกันร่างของจิวโมไป๋ก็หายวับไป

รูปปั้นหินทั้งหมด 81 ตัวใช้กระบวนท่าโจมตีตาข่ายเถาวัลย์ เพียงกระบวนท่าเดียวตาข่ายเถาวัลย์ก็ถูกทำลาย

แต่ที่จริงแล้ว ตาข่ายเถาวัลย์เป็นเพียงการหลอกสายตาเท่านั้น!

ในชั่วเวลาที่พวกมันกำลังออกกระบวนท่า จิวโมไป๋ก็ไปปรากฏตัวมุมสุดของห้องและโจมตีรูปปั้นมือเปล่าเพียงกระบี่เดียวเขาก็ทำลายมันลงอย่างง่ายดาย

“ความทนทานลดลง 5 ใน 10 ของรูปปั้นหินชั้นที่ 1″จิวโมไป๋พยักหน้าเบาๆ ในตอนที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง

รูปปั้นหินหอกที่อยู่ใกล้ก็แทงหอกออกมาด้วยกฎแห่งธาตุไฟ คมหอกสีแดงพุ่งตรงเข้ามา เพลิงอันร้อนแรงทำให้รัศมีการโจมตีดุร้ายมากยิ่งขึ้น

จิวโมไป๋ยิ้มเยือกเย็น ร่างของเขาพลันฉีกตัวหลบไปด้านข้างเล็กน้อยปล่อยให้หอกเพลิงผ่านร่างไป โดยที่เขาไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นพลังอันร้อนแรงเลย กระบี่เลือนเร้นแทงออกไปทำลายอกรูปปั้นหอกที่ใช้กฎแห่งธาตุไฟอย่างรวดเร็ว

ในตอนนั้นเองรูปปั้นอีก 10 กว่าตัวที่อยู่ตรงนั้น ก็เข้ามาโจมตีพร้อมกัน

เกล็ดมังกรทองปรากฏขึ้นทั่วร่างของเขา เส้นเอ็นสีทองแดงในร่างร่องประกายเล็กน้อย แววตาของจิวโมไป๋เป็นประกายมองไปยังรูปปั้นหินที่เข้ามา เขาฉีกยิ้มออกมา ก่อนจะคำรามเสียงดังสนั่น

“สู้!”

เปรี้ยง!

ด้านนอก

ชายซอมซ่อประหลาดใจเล็กน้อยกับความบริสุทธิของสายเลือดมังกรในร่างของจิวโมไป๋ เขาลอบพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเหม่อมองไปยังทิศทางเดิม ที่เขายืนมองมาหลายหมื่นปี

ดวงดาวแห่งหนึ่งในจักรวาลมืด

ใจกลางภูเขาที่พังทะลาย มีข่ายอาคมอันทรงพลังที่กักขังทรมานผู้คนที่อยู่ภายใน

ลึกลงใต้ภูเขาพลังงานสีดำอันทรงพลังกำลังห่อหุ้มร่างชายหนุ่ม ไม่ให้เขาสามารถขยับตัวได้ ทุกๆวันพลังงานสีดำจะสุ่มการลงทัณฑ์ทำให้ชายหนุ่มได้รับความทรมานมากที่สุด

แต่ชายหนุ่มเหมือนจะไม่สนใจการลงทัณฑ์แม้แต่น้อย การทรมานพวกนี้สำหรับเขามันไม่มีอะไรเลย แต่ที่เขาทนไม่ได้คือความเบื่อหน่ายที่ถูกกักขังมานาน

“สารเลว! เจ้าคนทรยศ! อย่าให้ฉันออกไปได้ หึ! ถ้าฉันออกไปได้ฉันจะทำลายพวกแกให้หมด!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด