ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 260

Now you are reading ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ Chapter 260 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
การต่อสู้ยามค่ำคืน

‘พี่สาว มีคนบาดเจ็บอยู่ตรงนี้หนึ่งคน’เสียงอ่อนโยนของหญิงสาวดังขึ้น เสียงของเธอเหมือนกับสายลมอันอ่อนโยนที่ปลอบประโลมจิตใจให้กับผู้คน

‘เขามาอยู่ที่นี่ได้ยัง? อาณาเขตวิญญาณสีเลือด มันจะปิดกั้นทางเข้าออกทั้งหมด ไม่มีทางที่จะมีคนผ่านเข้ามาได้’เสียงของหญิงสาวอีกคนดังขึ้น

‘ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสงสัยนะ รีบพาเขาไปรักษาเถอะ’

ในสติที่พร่าเลือนจิวโมไป๋ลืมตาขึ้น มองไปยังร่างสองร่างในชุดคลุมสีเขียวสอง ก่อนที่สติของเขาจะดับไป

หลังจากวันนั้น ชะตาชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป เขาได้เข้าหน่วยลับและค่อยๆพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

แต่หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้พบหญิงสาวอีกเลย เขาพยายามตามหาแต่ก็ไม่พบ เขาลองถามหลิวยี้เฟย แต่เธอก็ไม่บอกอะไร

ที่เขาตามหาหญิงสาวมันไม่ได้เป็นความรัก แต่เขาแค่อยากจะขอบคุณเธอเท่านั้น

ถ้าเธอไม่พาเขาไปรักษาตัวในวันนั้น เขาคงไม่ได้ทำความรู้จักกับหลิวยี่เฟย เขาคงไม่สามารถเข้าหน่วยลับได้

เวลาผ่านไปหลายปี เข้าก็ไม่เคยได้พบหญิงสาวอีกเลย เหมือนเธอหายไปในอากาศ จนกระทั้งได้มีข่าวการลอบสังหารอัจฉริยะของหน่วยลับ และเขาก็ได้รู้ว่าหญิงสาวที่ช่วยเขาในอดีต เป็นน้องสาวของหลิวยี้เฟย

เขาก็ได้รู้ว่าเธอชื่อ หลิวยี้เอิน

เขาสืบข้อมูลของหญิงสาวจนได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ในวันที่เขาถูกกักขังอยู่ในอาณาเขตวิญญาณ ของวิญญาณสีเลือด หน่วยลับก็ได้ส่งคนมาต่อสู้กับวิญญาณร้าย

ในเหตุการณ์นั้น หลิวยี้เอินถูกพิษวิญญาณสลาย เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากพิษวิญญาณทุกค่ำคืน วิธีรักษามีเพียงส่งเธอไปยังสำนักพุทธธรรมแห่งหนึ่ง เพื่อใช้หลักธรรมกำจัดพิษวิญญาณสลาย

หญิงสาวใช้เวลาอยู่ที่นั้นหลายปี จนกำจัดพิษวิญญาณได้หมดและในเวลาเดียวกันเธอก็ได้บรรลุสัจธรรมบางอย่าง

เมื่อเธอทะลวงผ่านระดับก่อกำเนิด เธอก็สัมผัสกฎแห่งแสงสว่าง กลายเป็นผู้บ่มเพาะพลัง กฎแห่งธาตุน้ำและกฎแห่งแสงสว่าง

แต่โชคร้ายเธอถูกลอบสังหารเสียก่อน ทำให้เธอไม่สามารถเติบโตได้

เวลาผ่านไปหลายสิบปี เขาก็ค่อยๆลืมเหตุการณ์นี้ไป ถ้าเขาไม่ได้พบหลิวยี้เอินในตอนนี้ เขาคงลืมไปแล้ว

จิวโมไป๋รวบรวมสติ ก่อนจะปล่อยมือของหลิวยี้เอิน พลางลอบสำรวจหญิงสาวไปด้วย

น่าแปลกที่ในเวลานี้เธอยังไม่มีรัศมีอบอุ่นอ่อนโยนแบบในตอนที่เธอได้ช่วยเหลือเขา

เธอคงบังเอิญพบโชค ทำให้ปลุกความสามารถบางอย่างขึ้นมา

หลิวยี้เอินมองจิวโมไป๋ด้วยความสงสัย

จิวโมไป๋ยิ้มไม่พูดอะไร

พวกเขาตกลงกันอีกครั้ง จิวโมไป๋เห็นด้วยกับแผน รอรับคนมาเป็นกำลังเสริม แม้เขาจะสามารถจัดการทั้งหมดได้ แต่เขาก็ต้องแสดงความแข็งแกร่งออกไป เขายังไม่อยากเผยความแข็งแกร่งในตอนนี้

ดวงจันทร์ค่อยๆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า อากาศเย็นขึ้นอีกระดับ สายลมที่พัดผ่านทะเลทรายรุนแรงขึ้น จนเห็นทรายถูกสายลมพัดกระจายออกไปโดยรอบอย่างรุนแรง

จิวโมไป๋จึงขุดพื้นทราย สร้างอุโมงค์เนิน เพื่อลดความแรงของสายลม แม้อากาศจะหนาวเย็น แต่มันก็ยังสามารถทนทานได้ แต่สายลมอันรุนแรง ที่เหมือนใบมีดนี้ไม่สามารถทนได้จริงๆ แม้เขาจะไม่บาดเจ็บ แต่คนอื่นๆไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเขา

ในตอนนี้มีผู้ทดสอบ เดินทางมาถึงที่เขาอยู่และถูกชักชวนให้เข้าร่วม จนได้ 5 คน ร่วมเขาและหลิวยี้เอินก็ 7 คน

พวกเขากำลังวางแผนว่าจะทำอะไรต่อ

ผู้ทดสอบทั้ง 5 เหมือนไม่พอใจกับแผนลอบโจมตีเหมือนคนขี้ขลาด พวกเขาอยากจะต่อสู้ตรงๆ มันไม่แปลกอะไร เพราะพวกเขาเป็นอัจฉริยะที่ถูกคัดเลือกมา พวกเขาจะต้องมีความเย่อหยิ่งอยู่ในตัวไม่มากก็น้อย

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เข้าไปตรงๆเลยก็ได้”จิวโมไป๋กล่าวตัดจบ ถ้าไม่สามารถวางแผนได้ ก็ไม่ต้องใช้แผนอะไรเลย

“นี่…”หลิวยี้เอินอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

จิวโมไป๋พูดขึ้นก่อน”ไม่ต้องห่วง เรามีกำลังคนเยอะกว่า และอีกฝ่ายก็ต่อสู้ตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงตอนนี้ พวกเขาสูญเสียพละกำลังไปไม่น้อย มันเป็นโอกาสดีที่จะแสดงความแข็งแกร่งออกไป ไม่ต้องใช้แผนให้ยุ่งยาก”

ผู้ทดสอบทั้ง 5 ได้ยินก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที พวกเขาไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถเอาชนะคนที่ต่อสู้มาทั้งวันไม่ได้

“นายกำลังทำอะไร”หลิวยี้เอินเข้ามากระซิบแผ่วเบา

“ฉันไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย ฉันแค่อยากจะต่อสู้ตรงๆ”จิวโมไป๋ตอบ เขาคิดอย่างนี้จริงๆ

หลิวยี้เอินไม่เชื่อ ผู้ทดสอบทั้ง 5 มีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 4 อวัยวะภายในปลาย และกลางเท่านั้น ระดับการบ่มเพาะพลังห่างกัน 1 ขั้นใหญ่ ฝ่ายของเราไม่สามารถสู้ฝ่ายตรงข้ามได้เลย

จิวโมไป๋ยิ้มอย่างเฉยชา

เขาคนเดียวก็สามารถเอาชนะทั้งหมดได้แล้ว ตอนนี้มีคนมาเพิ่มอีก 6 มันไม่ยากเลยที่จะเอาชนะ ตอนนี้เอาเพียงแค่คิดกว่าจะทำยังใงเพื่อปกปิดความแข็งแกร่ง ไม่ให้โดดเด่นเกินไป

เวลาผ่านไปอีกเล็กน้อย หลิวยี้เอินให้พวกเขารอคนมาเพิ่มอีก 2 คน

ผู้ทดสอบทั้ง 5 ไม่พอใจอย่างมาก พวกเขาเหมือนถูกดูแคลน

แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยอม เพราะถ้าคนเพิ่มขึ้น โอกาสแพ้ก็น้อยลง

เวลาผ่านไป ดวงจันทร์ขึ้นไปอยู่กลางฟ้า อากาศหนาวจนติดลบ

พวกเขาก็ได้คนเพิ่มอีก 3 คน ร่วมทั้งหมดเป็น 10 คน

หลิวยี้เอินเบาใจลงเล็กน้อย ก่อนที่พวกเขาจะเตรียมตัว พร้อมต่อสู้

ทางด้านฮันคงฉานและคนของเขานั่งพิงกองไฟอย่างสบายใจ แม้จะเหนื่อยเล็กน้อยกับการต่อสู้ แต่พวกเขาสลับกันไปสู้ ทำให้ไม่กินแรงมากนัก

“พวกเราได้มา 58 คะแนนแล้ว แม้จะแบ่งก็เยอะอยู่ดี เมื่อพวกเราไปรายงานภารกิจ คะแนนพวกนี้สามารถแลกของล่ำค่าที่ช่วยในการบ่มเพาะพลังได้”ชายล่างเล็กพูดอย่างพออกพอใจ

ฮันคงฉานพยักหน้าพอใจเช่นกัน

ตอนแรกเขาอารมณ์เสียเพราะความไม่พอใจที่ถูกบังคับ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นผลกำไรที่ได้ เขาเปลี่ยนเป็นพอใจทันที

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่

คนที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนก็ร้องขึ้น

“มีคนจะเข้ามา!”

“ครั้งนี้ตาฉัน!”ชายคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะลุกขึ้น เพื่อจะไปต่อสู้

“อย่า! มันไม่ได้มาคนเดียว พวกมันรวมกลุ่มกันมาโจมตีพวกเราแล้ว!”

“อะไรนะ!”ทุกคนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว มองไปยังทิศทางหนึ่ง เห็นกลุ่มคน 10 คน เดินเข้ามา

ฮันคงฉานได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสี เขารู้ดีว่าถ้ามีการร่วมมือกัน แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่า แต่มดกัดสามารถล้มช้างได้ ถ้าอีกฝ่ายมีคนมากกว่า การต่อสู้ยืดเยื้อพวกเขาจะเสียเปรียบทันที

จิวโมไป๋แอบเดินตามหลังสุด เพราะเขารู้ว่าเป็าหมายของอีกฝ่ายคือตัวเขาเอง เขาทำตัวไม่สะดุดตา และแอบปล่อยเสี่ยวหง ให้มันไปซ่อนตัวห่างๆ

กลุ่มคนของพวกเขาเดินมาถึงหน้าโอเอซิส

“ฉันเป่ยลั่ว เมืองเทียนฉิน พวกนายคนหนึ่งออกมาสู้กับฉัน!”เป่ยลั่วกล่าวอย่างเย่อหยิ่งดาบในมือเปล่งพลังกดดันอันแข็งแกร่งออกมา

กลุ่มของฮันคงฉานทั้ง 5 ก็เดินมายืนเผชิญหน้า พวกเขาส่งสายตาสื่อสารบางอย่าง ก่อนที่พวกเขาจะแผ่กระจายพลังกดดันอันอย่างน่ากลัว ระเบิดออกมาพร้อมกัน!

“อึก!”โดนพลังกดดันอันรุ่นแรงใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเล็กน้อย พวกเรารู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 5 กระดูกต้นเป็นอย่างน้อย!

เป่ยลั่วตอนนี้หน้าซีดขาว เพราะเขารับพลังกดดันเกือบทั้งหมดตรงๆ

“สู้! ถ้าเราไม่สู้ตอนนี้ เราก็ต้องถูกตัดสิทธิ์อยู่ดี ไม่มีอะไรต้องเสีย พวกเราลุย!”เสียงปริศนาดังขึ้นจากด้านหลัง

ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นทุกคนมีใบหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที

แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ขยับ กลุ่มของฮันคงฉานก็เคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพียงราวกับซักซ้อมกันมาก่อน

“พวกมันเป็นแค่ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 4 อวัยวะภายใน! โจมตี!”ฮันคงฉานร้องสั่งเสียงดังลั้น

คนของฮันคงฉานทั้ง 4 ก็ชักอาวุธเข้าโจมตีทันที ฮันคงฉานมองดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ

เป่ยลั่วเป็นคนที่ยืนอยู่หน้าสุด เขาพบการโจมตีก่อนใคร อาวุธนับไม่ถ้วนโจมตีเข้ามาอย่างรุนแรง แม้อาวุธพวกนี้จะลบคม แท้ถ้าโดนโจมตีหนักๆก็บาดเจ็บสาหัสอยู่ดี

“ฉันขอสู้ตาย!”เขากัดฟันร้องตะโกน ฟันดาบออกไปปัดป้องการโจมตีทั้งหมด

“เร็ว ไปช่วยเขาเร็วเข้า!”เสียงดังขึ้นอีกครั้ง

พวกเขาค่อยได้สติเข้าไปช่วยเป่ยลั่ว และต่อสู้สวนกลับฝ่ายตรงข้าม แม้ระดับจะห่างกัน 1 ขั้นใหญ่ แต่ทางฝั่งพวกเรามีมากกว่า 2 เท่า ยากที่จะตัดสินว่าใครจะชนะ วงล้อมการต่อสู้ค่อยๆ ขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว

จิวโมไป๋ค่อยๆ เดินเข้าหาฮันคงหานอย่างช้าๆ

ฮันคงฉานสังเกตเห็นจิวโมไป๋ที่ดูแตกต่างไปจากคนอื่น

ยอดฝีมือ!

ดวงตาฮันคงฉานเป็นประกาย

เขาไม่รอช้าพุ่งเข้าต่อสู้ เขาไม่ใช้อาวุธใช้เพียงสองหมัดเท่านั้น

จิวโมไป๋ควงพลองเหล็กกระโดดสูง และทุบลงมาอย่างรุนแรง คลื่นพลังกระเบิดราวกับจะบดขยี้ทุกสิ่ง

ฮันคงฉานพุ่งแหวกอากาศเข้ามาเหมือนฉีกอากาศ เท้าของเขาห่อหุ้มกฎแห่งธาตุลม ความเร็วของเขาไม่ธรรมดา เพียงพริบตาเขาก็ฉีกตัวหลบไปได้

ตูบ! พลองเหล็กฟาดพื้นดังสนั่น เกิดหลุมลึกน่ากลัว

ฮันคงฉานเผลอกลืนน้ำลายไปอึกหนึ่ง ก่อนที่เขาจะตั้งสติและเข้าจูโจม หมัดของเขาชกออกนับไม่ถ้วน เกิดแรงอัดอากาศนับสิบ พุ่งเข้าหาร่างของจิวโมไป๋อย่างรุนแรง

ประสาทสัมผัสของจิวโมไป๋ ถูกยกขึ้นถึงขีดสุด

เขามองเห็นเงาอันเลือนรางของหมัดอัดอากาศ ไม่รอช้าเขาควงพลองฟาดหมัดอัดอากาศนับสิบกระจัดกระจายออกโดยรอบ

แต่ในชั่วพริบตานั้นเอง ฮันคงฉานก็เข้าประชิดตัว และชกหมัดออกมา

พายุบ้าคลั่ง หมัดห่อหุ้มกฎแห่งธาตุลมสีเขียวอ่อน ทั้งสองหมัดชกออกมาพร้อมกัน ก่อนจะประทะกันเกิดเป็นสายลม ฉีกกระชากระเบิดออกอย่างน่ากลัว

จิวโมไป๋พลิกข้อมือ ชี้พลองไปยังหมัดที่ชกมา ก่อนจะร่วมพละกำลังแทงพลองออกไปอย่างรุนแรง ปลายพลองเกิดพลังอันมหาศาลทะลวงเข้าไปปะทะหมัด

เปรี้ยง! ร่างของฮันคงฉานถอยไปสามก้าว ทางด้านจิวโมไปถอยไปเพียงสองก้าว

“เยียม! ฉันไม่ได้เจอคู่ต่อสู้แข็งอกร่งมานานแล้ว”ฮันคงฉานคำรามก่อนที่สายลมสีเขียวจะห่อหุ้มทั่วร่าง ความเร็วของเขาพลันเพิ่มขึ้นอีกระดับ ร่างของเขาหายวับไป ก่อนจะไปปรากฎตัวกลางอากาศเหนือหัวของจิวโมไป๋ เขาพุ่งตกลงมาก่อนจะชกหมัดขวาอย่างรุนแรง คลื่นพายุสีเขียวก็ล้อมรอบร่างของจิวโมไป๋อยู่ตรงใจกลางพายุ ไม่สามารถหลบหนีหมัดนี้ไปได้

พายุทำลายล้าง! หมัดขวาระเบิดคลื่นสายลมคล้ายใบมีดกระสน่ำโจมตีเข้าหาร่างของจิวโมไป๋

จิวโมไป๋ไม่หวาดกลัว เขาควงพลองผ่านฟ้าเกิดเป็นพลองลวงตานับไม่ถ้วนฟาดออกไป!

ในเวลาเดียวกัน หลิวยี้เอินก็สนับสนุนคนฝั่งเธอ โจมตีคนของฮันคงฉาน เธอหันไปเห็นจิวโมไป๋ถูกพายุล้อมรอบพอดี

เธอทะยานร่างจะเข้าไปช่วย แต่อยู่ๆเสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้น

ก่อนที่ชายร่างผอมจะขวางเธอไว้ ดาบเรียวยาวขวางไม่ให้เธอผ่าน

หลิวยี้เอินชี้กระบี่ ไปยังชายร่างผอม กฎแห่งธาตุน้ำห่มหุ้มที่ปลายกระบี่ของเธอ

“ถอยไป!”

—-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด