ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 263

Now you are reading ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ Chapter 263 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
แมงป่องผิวศิลา

จิวโมไป๋ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ตรวจสอบจำนวนแมงป่องผิวศิลา พวกมันมีจำนวนมากกว่า 300 ตัว ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาหันไปบอกหลิวยี้เอินที่กำลังเล่นกับเสี่ยวหงอยู่

“ลุกขึ้นเร็ว มีอันตรายกำลังมา พวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้!”

หลิวยี้เอินได้ฟัง เธอไว้วางใจจิวโมไป๋มาก เธอไม่ถามเหตุผล เธอหยิบหม้อต้มน้ำที่บรรจุน้ำจนเต็มใส่ในเสื้อคลุม และลุกขึ้นยืนทันที

จิวโมไป๋มองไปยังทิศทางที่แมงป่องผิวศิลากำลังเคลื่อนตัวมา

แมงป่องผิวศิลาเป็นแมลงร้ายสายพันธุ์ที่รบกวนระบบนิเวศ พวกมันจะสังหารและกินสิ่งมีชีวิตทุกประเภทที่ไม่ใช่พวกมันเอง สิ่งมีชีวิตที่เจอพวกมันจะถูกกินน่าน่าสยดสยอง ไม่เหลือเนื้อทิ้งไว้

การฆ่าแมงป่องผิวศิลาจะช่วยป้องกันระบบนิเวศ และเนื้อแมงป่องผิวศิลายังมีสรรคุณในการเสริมสร้างร่างกาย เหตุผลที่เขตเพาะพันธุ์เลี้ยงแมงป่องผิวศิลา ที่มีปัญหามากมาย ก็เพื่อที่จะนำเนื้อของมันไปเสริมความแข็งแกร่งให้กับคนของหน่วยลับ

จิวโมไป๋ลังเลว่าจะจัดการกับพวกมันดีไหม โอกาสได้รับเนื้อล้ำค่า ไม่ได้มีมาง่ายๆ แม้ว่าสำหรับตัวเขาเองจะไม่มีประโยชน์ แต่สำหรับครอบครัวของเขา มันมีประโยชน์อย่างมาก

แต่จำนวนแมงป่องผิวศิลา 300 ตัว ก็มากเกินไป แม้ว่าเขาจะมั่นใจ ว่าจะสามารถเอาชนะพวกมันได้ เขาก็ไม่อาจรับรองได้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เลย บาดแผลที่เกิดจากแมงป่องผิวศิลา ไม่สามารถที่จะรักษาได้ง่ายๆ การจะรักษาจะต้องใช้เวลาหลายเดือน เขาจึงไม่อยากเสี่ยงต่อสู้กับมัน

สุดท้ายเขาตัดสินใจเลี่ยงออกนอกเส้นทาง เพื่อหลบเส้นทางการล่าเหยื่อของแมงป่องผิวศิลา

แต่ในระหว่างที่เขาและหลิวยี้เอินกำลังจะออกเดินทาง

“ช่วยด้วย!”เสียงขอความช่วยเหลือดังลั้นจากที่ไกลออกไป

จิวโมไป๋และหลิวยี้เอินหันไป จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบก็จำได้ทันทีว่าคนที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือคือ เป่บลั่ว ที่เคยร่วมกลุ่มของพวกเขา

ถ้าไม่รู้จักก็จะปล่อยไป ยังไงก็ไม่ตาย แค่ก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น รักษาตัวหลายเดือนก็หาย

แต่เมื่อเจอกับคนที่เคยร่วมมือกัน แม้ว่าจะไม่ได้รู้จักกันมากนัก แต่การปล่อยโดยไม่ช่วยไม่ก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก

จิวโมไป๋และหลิวยี้เอินมองสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูด

จิวโมไป๋บอกให้เสี่ยวหงซ่อนตัวไม่ต้องช่วยต่อสู้

ส่วนตัวเขาถือพลองเหล็ก และหลิวยี้เอินถือกระบี่ เดินออกไปซุ่มรอ

เป่ยลั่วเสียใจที่ตัวเองมีแค่สองขา เขารู้สึกว่าตัวเองวิ่งช้าเหลือเกิน แต่จะโทษตัวเองก็ไม่ได้ เพราะเขาวิ่งมาหลายชั่วโมงแล้ว ร่างกายของเขาในตอนนี้เหมือนกำลังแบกตะกั่วหนักหลายร้อยกิโลกรัม

แซกๆ เสียงแผ่วเบาดังไล่มาจากด้านหลัง เป่ยลั่วได้แต่กัดฟันวิ่งต่อ ด้านหลังมีแมงป่องผิวศิลาขนาด 30 ซ.ม. จำนวน 300 ตัวไล่ตามมา พวกมันวิ่งบนทรายอ่อนนุ่มราวปลาว่ายอยู่ในน้ำ

ขนทั่วร่างของเขาลุกชันด้วยความกลัว ก่อนหน้าเขาและผู้ทดสอบหนึ่งคน หลบหนีจากพายุทะเลทรายด้วยกัน แต่โชคร้ายพวกเขาไปพบแมงป่องผิวศิลา เพียงไม่กีวินาทีผู้ทดสอบคนนั้นก็ถูกจัดการ โชคดีที่คลื่นสี่นสะเทือนรบกวนทำงานเสียก่อน ไม่อย่างนี้นผู้ทดสอบคนนั้นจะต้องเหลือเพียงโครงกระดูก

นั้นจึิงเป็นเหตุที่เอาเขาไม่อยากถูกแมงป่องผิวศิลาจับ และเขาก็ไม่อยากถูกตัดสิทธิ์การทดสอบ เขาจึงเลือกที่จะเสี่ยงมาที่โอเอซิส เขาไม่รู้ว่าที่โอเอซิสมีคนอยู่กี่คน เขาหวังว่าจะมีคนที่ช่วยเขาได้

ยิ่งใกล้โอเอซิส เป่ยลั่วก็ยิ่งตื่นเต้น เมื่อผ่านขึ้นเนินหนึ่งสามารถมองไปยังโอเอซิสได้ แต่เขาไม่พบใคร มีแต่ความมืด ใจของเขาก็มืดลงเช่นกัน

แต่ในตอนนั้นเอง

“ไปถึงเนินข้างหน้าแล้วกระโดดไปให้ไกลที่สุด”อยู่ๆเสียงใครบางคนดังขึ้น เป่ยลั่วที่กำลังหมดหวัง ก็มีกำลังใจขึ้น เขาไม่รู้ว่าใครพูด แต่เขาเลือกที่จะเชื่อโดยสมัครใจ

เมื่อไปถึงเนินสูง เขากระโดดทันที ในชั่วเวลานั้นเขาหันกลับมามอง เขาเห็นชายคนหนึ่งอยู่ใต้เนิน เมื่อร่างของเขาลอยผ่านด้านบน

ชายคนนั้นก็ยกพลองเหล็กและฟาดไปที่เนินทรายอย่างรุนแรง

ตูมเนินทรายพังทลายไหลย้อนกลับไปโถมทับแมงป่องผิวศิลาที่กำลังตามมา พวกมันถูกทรายนักกดทับไหลลงไปอย่างน่าอนาถ ในเวลาเดียวกันจิวโมไป๋ก็กระโดดขึ้นไป และหลิวยี้เอินเดินตามมาติดๆ พวกเขาพุ่งเขาสังหารแมงป่องผิวศิลาอย่างรวดเร็ว

จิวโมไป๋บอกจุดอ่อนของแมงป่องผิวศิลาก่อนหน้า ทำให้หลิวยี้เอินใช้กระบี่แทงเข้าจุดตายทันที

ทรายที่โถมลงไปทำให้แมงป่องผิวศิลาไม่สามารถขยับได้สะดวก ทำให้กลายเป็นการเข่นฆ่าฝ่ายเดียว

จิวโมไป๋ใช้พลองทุบไปเรื่อยๆ จิตสัมผัสของเขาก็ตรวจสอบแมงป่องผิวศิลาทุกตัว

เขาก็โล่งใจที่ไม่มีตัวไหนเปิดสติปัญญา เขาไม่อยากฆ่าสิ่งมีชีวิตที่เปิดสติปัญญา

พลองเหล็กทุบแมงป่องผิวศิลาเหมือนทุบตัวตุ่น เขาเล็งที่ตรงคอต่อหัวด้านข้าง เป็นส่วนที่บอบบางทุกสิ่ง

เพียงพริบตา พวกเขาก็สามารถกำจัดแมงป่องผิวศิลาไป 100 ตัว

แมงป่องผิวศิลาที่เหลือรอดก็เริ่มตั้งตัวได้

จิวโมไปหันไปยังหลิวยี้เอินและส่งสัญญาณมือ พวกเขาก็หันหลังวิ่งจากไปทันทีโดยไม่หันกลับ

เป่ยลั่วที่พึ่งได้พักก็ตกตะลึงและสับสน

“มัวรออะไรอีกวิ่งเร็วเขา”จิวโมไป๋เตือนก่อนจะผ่านหน้าเป่ยลั่ว สิ่งนำไปก่อนตามด้วยหลิวยี้เอิน

พวกเขาวิ่งออกนอกเส้นทางไปอีกทางไม่ไปที่โอเอซิส

“คอยๆจิบ นายยังไม่ได้ดื่มน้ำเลยใช่ไหม”หลิวยี้เอินหยิบหม้อต้มน้ำออกมา ยื่นส่งให้เป่ยลั่ว

เป่ยลั่วก้มหัวขอบคุณ เขาไม่สนใจศักดิ์ศรี เขาเห็นจิวโมไป๋และหลิวยี่เอินสังหารแมงป่องผิวศิลามากมายทำให้เขาชื่นชมทั้งสองอย่างมาก

ได้จิบน้ำเล็กน้อยเป่ยลั่วก็ฟื้นฟูพลังกลับมาได้เล็กน้อย

คลืนนนน

เสียงเคลื่อนพลอันน่ากลัวดังขึ้น จิวโมไป๋ไม่แม้แต่จะหันมองพวกเขาเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น

ใบหน้าของเป่ยลั่วน่าเกลียดมาก เขาดึงดาบขึ้นมาถือด้วยสัญชาตญาณ

“แมงป่องผิวศิลา ผิวหนังของมันแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 ก็แทบที่จะไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ แต่มันก็มีจุดอ่อนถึงตายที่ข้อต่อส่วนหัวด้านข้าง การสังการมันไม่ต้องใช้พลังทั้งหมด แค่โจมตีแม่นยำเข้าตรงจุดอ่อนมันก็ตายแล้ว”จิวโมไป๋กล่าวขึ้นขณะที่พวกเขาเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ

เป่ยลั่วได้ยินก็พยักหน้าเข้าใจ กำลังใจเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

“เตรียมพร้อม”จิวโมไป๋กล่าวเสียงแผ่วเบา

ทุกคนที่ได้ยินก็งุนงง ก่อนที่พวกเขาจะพบกับซากศพของแมงป่องผิวศิลา พวกเขาย้อนกลับมาที่เดิม

จิวโมไป๋พาไปซ่อนตัวใต้เนินเดิม

แมงป่องผิวศิลาที่ติดตามมาเห็นศพพวกตัวเองก็งุนงงเล็กน้อย ในชั่วเวลานั้นเองจิวโมไป๋ก็ใช้พลองเหล็กฟาดเนินทรายที่เหลือพังลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้เนินทรายไหลลงไปมากกว่าเดิมเกือบเท่าตัว

“ฆ่า!”จิวโมไป๋ร้องตะโกนก่อนที่จะพุ่งตัวออกไป

หลิวยี้เอินกระโดดตามไปไม่ลังเล

เป่ยลั่วลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกัดฟันกระโดดตามไป

พวกเขาเข่นฆ่าแมงป่องผิวศิลาฝ่ายเดียวไม่นาน แมงป่องผิวศิลาทั้ง 200 ตัวที่เหลือก็ตายลง

หลิวยี้เอินนั่งลงพักผ่อน เป่ยลั่วนอนเหยียดตัวอย่างเหน็ดเหนื่อย

จิวโมไป๋มองทั้งสองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองไปยังศพแมงป่องผิวศิลา

ร่วมมือกับอัจฉริยะนี้มันดีจริงๆ อธิบายเพียงรอบเดียวก็สามารถรวมมือกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

จิวโมไป๋หยิบร่างของแมงป่องผิวศิลามา 6 ตัว นำมันไปโอเอซิส

หลิวยี้เอินและเป่ยลั่วเห็นดังนั้นก็เดินตามไปทันที

จิวโมไป๋ไปที่พัก และก่อไฟ และลงมือจัดการย่างแมงป่องผิวศิลาด้วยวิธีพิเศษ

ไม่นานกินหอมก็แผ่กระจายออกไปโดยรอบ

เป่ยลั่วที่การบ่มเพาะพลังอยู่ขั้นที่ 4 อวัยวะภายในปลาย แค่ได้กลิ่นร่างกายเหมือนสั่นระริกด้วยความหิวโหย

“รีบกินแล้วพักผ่อน พรุ่งนี้เราต้องรีบออกเดินทาง”จิวโมไป๋พูดจบก็ลงมือกิน

คนอื่นๆไม่รอช้ารีบทานทันที

เมื่อทานเสร็จก็ผลัดกันเป็นยามตรวจดูความปลอดภัย จิวโมไป๋เป็นคนแรก

เมื่อทุกคนนอน จิวโมไป๋ก็แอบไปที่ซากศพของแมงป่องผิวศิลา ก่อนจะลากพวกมัน 20 ตัวไปที่พักเพื่อตบตา และที่เหลือเขาแอบใช้ข่ายอาคมพลางตาและลอบเก็บแมงป่องผิวศิลาที่เหลือทัั้งหมดลงในแหวนมิติเก็บของ

เช้าวันต่อมาแสงแดดส่องทะเลทรายคลื่นความร้อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงช่วงเช้าอุณหภูมิสูงถึง 40 องศา

จิวโมไป๋ตื่นขึ้นมาพบหลิวยี้เอินที่กำลังล้างหน้า เขาพยักหน้าและทำความสะอาดร่างกาย เป่ยลั่วก็ตื่นขึ้นมา

จิวโมไป๋ก็ทำอาหารจากแมงป่องผิวศิลา 6 ตัว และที่เหลือเก็บไว้ในกระเป๋า ทานอาหารเสร็จพวกเขาก็เริ่มเดินทาง

2 วันผ่านไปพวกเขาก็ไปถึงอาณาเขตส่วนที่ 2 ของเขตเพาะพันธุ์ เป็นป่าไม้ที่หนาแน่น แตกต่างจากทะเลทรายสีแดงส้มอย่างชัดเจน

พวกเขาทั้ง 3 ยืนอยู่เส้นแบ่งส่วนที่ 1 และส่วน 2

เป่ยลั่วลังเล แต่สุดท้ายก็กล่าว”จากตรงนี้ฉันขอแยกตัวไปตามทางของตัวเอง ขอบคุณที่ช่วยเหลือ”

จิวโมไป๋พยักหน้า”ขอให้โชคดี เจอกันที่สำนักงาน”

“ไว้เจอกันที่สำนักงาน”เป่ยลั่วพูดจบก็แยกตัวจากไปทันที

หลิวยี้เอินเดินมาข้างจิวโมไป๋และกระซิบกล่าวเสียงเบา

“มีสมุนไพรลำค่ากำลังบาน นายจะไปกับฉันไหม”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด