ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 387

Now you are reading ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ Chapter 387 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทาเคยูชิหมุนตัวกลางอากาศสองรอบพ้นระยะการโจมตีของพลองเหล็ก ก่อนที่ร่างของเขาจะตกลงที่พื้น เขาไม่รั้งรอเด้งตัวพุ่งเข้าโจมตีจิวโมไป๋ต่อเนื่องโดยไม่พักหายใจ สายตาอันแหลมคมราวคมดาบกวาดมองร่างกายของจิวโมไป๋เพียงแววเดียว ก่อนที่เงาดาบสีเงินจะฟันออกไป

จิวโมไป๋ชักพลองเหล็กขึ้นจากพื้น หมุนควงเหวี่ยงซ้ายขวาไปมาด้วยความเร็ว เกิดสายลมกรรโชกรุนแรงรอบร่างกาย

เคร้ง! เงาดาบฟันเข้ากับพลองเหล็ก ก่อนที่พลองเหล็กจะปัดใบดาบออกไปด้านข้าง สีหน้าของทาเคยูชิเรียบเฉยไม่แสดงความประหลาดใจ เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าจิวโมไป๋จะรับสามารถได้ เขาขยับเท้าใช้ท่าร่างอันรวดเร็ว เคลื่อนย้ายไปรอบๆก่อนจะโจมตีต่อเนื่อง เข้าใส่จิวโมไป๋ทุกทิศทาง ราวกับสายฟ้าตกกระหน่ำ

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! พลองเหล็กหมุนวนรอบร่างกายของจิวโมไป๋ ป้องกันคมดาบได้ทั้งหมด เงาพลองปะทะกับเงาดาบถี่ยิบสะเก็ดไฟสีแดงส้มสาดกระจาย เสียงปะทะดังกึงก้อง จนแก้วหูดังอื้ออึง คลื่นพลังสาดซัดกระจายออกไป หงหยุนและหงเฟยที่กำลังต่อสู้อยู่ต้องถอยร่นห่างออกไปด้วยความตกใจ

คลื่นพลังจากการต่อสู้ของทั้งสองขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดครึ่งหนึ่งของสนามประลอง

จิวโมไป๋ยืนปักหลักอย่างมั่นคง ราวปราการอันแข็งแกร่ง ทาเคยูชิก็โจมตีด้วยความเร็วสูงจนไม่สามารถมองเห็นใบดาบได้ เห็นเพียงเงาดาบสีเงินที่ฟาดฟันออกมา

ทางด้านหนึ่งป้องกันอย่างหมดจดไม่มีการโจมตีทะลุผ่านได้ อีกด้านเร็วจนไม่สามารถจับต้องได้ ทั้งสองปะทะกัน โดยไม่มีฝ่ายไหนเสียเปรียบ

เมื่อผ่านการโจมตีครั้งที่ 100 ใบหน้าของทาเคยูชิก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ด้วยประสาทสัมผัสอันเฉียบคม เขาสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของจิวโมไป๋ ที่ค่อยๆดีขึ้นอย่างช้าๆ คมดาบของเขาโจมตีเข้าไปใกล้ร่างของอีกฝ่ายได้ยากขึ้นเรื่อยๆ จากระยะห่างสองก้าว ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสามก้าว รอบร่างกายของจิวโมไป๋เหมือนมีกำแพงวงกลมที่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้

จิวโมไป๋รับการโจมตีของทาเคยูชิอย่างใจเย็น เขาค่อยๆปรับสภาพร่างกายของตัวที่สูญเสียเลือดมังกร ให้เข้าที่ทีละน้อย การปิดผนึกสายเลือดมังกรทำให้ความแข็งแกร่งของร่างกายอ่อนแอลงอย่างมาก ทำให้การขยับเคลื่อนไหวร่างกาย กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ไม่สอดคล้องกับความแข็งแกร่ง

ปกติแล้วร่างกายสามารถปรับร่างกายให้เกิดความเคยชินได้เอง จากการฝึกฝนขยับร่างกาย แต่มันต้องใช้เวลาในการปรับสภาพร่างกาย หลังจากที่เขาผนึกสายเลือดมังกร เขาก็ไม่มีเวลาได้บ่มเพาะพลังปรับสภาพร่างกายเลย

เขาไม่รู้ว่าโบราณสถานที่เขาจะได้เข้าไปมีการต่อสู้หรือไม่ ถ้ามีการต่อสู้ ด้วยร่างกายแบบนี้ ถ้าเกิดการต่อสู้อันตรายถึงชีวิต เขาจะตกอยู่ในอันตรายได้

โชคดีที่ ทาเคยูชิมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา เขาจึงถือโอกาส ใช้อีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ ทำความเคยชินกับร่างกายปัจจุบัน

ทาเคยูชิเห็นว่าความแข็งแกร่งของจิวโมไป๋เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มร้อนร้น การโจมตีของเขาเริ่มดุเดือนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงฟาดฟันดาบดังกระหึ่ม พลังกดดันที่แผ่กระจายออกจากร่างเริ่มบิดเบี้ยวหมุนวนเกิดสายลมบ้าคลั่ง

พันเอกนาคามูระที่ยืนมองดูการประลองอยู่บนแท่น ถอนหายใจออกมา ดวงตาฉายแววผิดหวังและเสียดาย แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้อาวุโสใน ที่ดูแลศิษย์ในสำนัก เขาก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจแทนทาเคยูชิ อัจฉริยะอันดับ 7 ของสำนักที่ต้องสูญเสียโอกาสสำคัญไป

การเข้าไปโบราณสถานครั้งนี้สำหรับอัจฉริยะของสำนักที่อยู่ขั้นที่ 5 กระดูกปลาย เป็นโอกาศครั้งสำคัญ และเป็นโอกาสสุดท้ายของทาเคยูชิแล้ว ถ้าเขาพลาดโอกาสนี้ไป เขาจะต้องรออีก 6 เดือน เพื่อเข้าไปในโบราณสถานครั้งต่อไป แต่การเสียเวลา 6 เดือนเพื่อเข้าโบราณสถานอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่พลังธรรมทชาติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเป็นการเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ถึง 6 เดือน!

ในเวลา 6 เดือนผู้บ่มเพาะพลังอัจฉริยะรุ่นเดียวกันคนอื่นๆ จะทิ้งห่างออกไปจนยากที่จะติดตามทัน

การเสียเวลา 6 เดือนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเองก่อน อาจไม่ได้เป็นความคิดที่แย่ แต่ในรุ่นของทาเคยูชิ มีคิยูมิและทาคาฮิโระ อัจฉริยะชั้นยอดที่มีพรสวรรค์ระดับปีศาจ การถูกทั้งสองทิ้งห่างถึง 6 เดือน มันเป็นการตัดเส้นทางการติดตามทั้งสองอย่างสิ้นเชิง

การโจมตีของทาเคยูชิโจมตีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงปะทะดังปาดแก้วหู คลื่นพลังม้วนตัวเป็นพายุโหมกระหน่ำบนสะนามประลอง

จิวโมไป๋ปัดป้องการโจมตีอย่างมั่นคง เสื้อคลุมโบกสะบัดจากสายลมอันรุนแรง เขาสังเกตเห็นแววตาอันมืดมนของทาเคยูชิ แตกต่างจากตอนที่ท้าทายเขาตอนแรกอย่างสิ้นเชิง เขาเข้าใจว่าทาเคยูชิต้องการที่จะได้รับสิทธิ์เข้าไปโบราณสถานอย่างมาก

แต่เขาก็ไม่เห็นใจ ยอมออมมือให้ เข้าสู่แห่งโลกแห่งการฝึกตนแล้ว ความเห็นใจเป็นอันตรายร้ายร้ายแรง ถ้าไม่แข็งแกร่งจนไม่มีใครทำร้ายได้ ความเห็นใจอาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้

ที่เขาแจกสูตรโอสถให้ทุกคน ช่วยให้ทุกคนแข็งแกร่งขึ้น โดยไม่สนว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู เป็นเพราะว่าเขาไม่ต้องการให้อารยธรรมของโลกล่มสลายจากการโจมตีของมิติอื่น เขาคนเดียวไม่สามารถช่วยมิติโลกได้ เขาต้องการให้ผู้บ่มเพาพลังทั้งโลกช่วยต่อสู้หยุดการรุกราน เขาจึงต้องยอมที่จะสร้างรอยร้าวให้กับตัวเอง ปล่อยให้ศัตรูในอนาคตมีโอกาศที่จะแข็งแกร่งขึ้น

เขายังมีสูตรโอสถและเคล็ดบ่มเพาะพลังระดับสูงมากมาย ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาจึงกล้าแจกสูตรโอสถ 1 ดาวออกไป.

เปรี้ยง! คมดาบสีเงินปะทะพลองเหล็กอย่างรุนแรง ก่อนที่ร่างของทาเคยูชิจะกระเด็นถอยออกไปหลายก้าว เขาหอบหายใจอย่างหนักเหงื่อใสอาบใบหน้าที่ซีดเผือด มือขวาที่จับดาบเปลี่ยนเป็นสีม่วงช้ำสั่นระริก

ผู้บ่มเพาะพลังประเทศเกาะมีร่างกายอ่อนแอกว่าผู้บ่มเพาะพลังประเทศมังกรอยู่แล้ว ทาเคยูชิสามารถโจมตียืดเยื้อได้ถึงขนาดนี้ ร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา อาจจะพอๆกับผู้บ่มเพาะพลังสายร่างกายของประเทศมังกรด้วยซ้ำ

แต่สุดท้ายร่างกายของทาเคยูชิก็อ่อนแอกว่าจิวโมไป๋ ที่มีร่างกายระดับผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 โลหิตอยู่ดี

จิวโมไป๋หยุดควงพลองวาดไปด้านข้างเสียงแหวกอากาศแหลมสูง เขาพ้นลมหายใจออกมา ร่างกายของเขาปรับสภาพได้อย่างสมบูรณ์

เขาสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวา เซลล์ทุกเม็ดในร่างกายกำลังกรีดร้องด้วยความดีใจ ความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ ถูกชำระล้างหายไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายกลับมาเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง

จิวโมไป๋ยกมือซ้ายขึ้นมากำแน่น แววตาเป็นประกายระยิบระยับ

สุดยอดการฟื้นฟู!

เขียนฉากต่อสู้รุนแรงของผู้บ่มเพาะพลังระดับสูงไปหลายสิบตอน พอกลับมาเขียนการต่อสู้ระดับธรรมดา มันเขียนยากมาก! ฮ่าๆ กว่าจะปรับสภาพกลับมาเขียนฉากธรรมดาได้ สมองตันไปหลายรอบ

ยังมีอีกตอนครับ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามครับ^^

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด