ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 411 ตำหนักยุทธ์หลังที่ 3!

Now you are reading ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ Chapter 411 ตำหนักยุทธ์หลังที่ 3! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ร่างของชายวัยกลางคนแข็งทื่อ กลิ่นอายกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวสะกดร่างของเขาไม่ให้ขยับได้ แม้จะไม่มีสะติปัญญา แต่สัญชาตญาณในความทรงจำกำลังกรีดร้องด้วยความกลัว

โดยไม่เปิดโอกาสให้ชายวัยกลางคนได้ตอบโต้

จิวโมไป๋โบกมือไปข้างหน้า กระบี่นับไม่ถ้วนกลายเป็นแสงสีเงิน พุ่งทะลวงด้วยความเร็วสูง ทำลายคลื่นดาบสายฟ้าที่ลุกไหม้ และพุ่งทะลวงผ่านร่างของชายวัยกลางคนจากทุกทิศทาง ทำลายร่างสติปัญญาเป็นชิ้นๆ

ร่างของชายวัยกลางคนกลายเป็นแสงสีม่วง พุ่งเข้าหาร่างของจิวโมไป๋

จิวโมไป๋หลบตาซึมซับข้อมูลที่ไหลทะลักเข้ามา

เป็นเคล็ดวิชาต้องห้าม ลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิฉบับสมบูรณ์จริงๆ!

จิวโมไป๋ระงับความตื่นเต้น เมื่อคัดลอกเคล็ดวิชาต้องห้ามลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิในสมองเสร็จ

เขากลับเข้าไปในทะเลสติทันที โดยไม่สนใจวิชาอื่นของชายวัยกลางคน

ภายในทะเลสติ จิวโมไป๋บังคับร่างวิญญาณลอยมาที่ตำหนักยุทธ์ลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิ

กระบี่เลือนเร้นพุ่งเข้าหาจิวโมไป๋อย่างออดอ้อน

เขายิ้มพลางลูบไล้มันเบาอย่างอารมณ์ดี

ก่อนที่เขาจะตั้งสมาธิ ตำหนักยุทธ์ลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิ ก็สั่นสะเทือนพลังอันมหาศาลถูกเทลงไปในตำหนักยุทธ์ เงาเลือนลางของพายุสามสี ใจกลางของตำหนักยุท์จะก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว รูปลักษณะของมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

พายุสีม่วงและแดงที่สงบเงียบก็เริ่มเคลื่อนไหว พวกมันกำลังจะต่อสู้กันอีกครั้ง

แต่จิวโมไป๋ไม่เปิดโอกาสให้พวกมันได้ทำได้

เขาโบกมือขึ้นพลังวิญญาณสีทองในทะเลสติก็พุ่งเข้าห่อหุ้มพวกมัน ทำให้พายุทั้งสองนิ่งค้าง ไม่สามารถทำอะไรได้

จิวโมไป๋โบกมืออีกข้าง ตัวอักษรนับแสนคำของเคล็ดบ่มเพาะพลังลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิฉบับสมบูรณ์ ก็ลอยขึ้นกลางอากาศ

จิวโมไป๋กวาดสายตาพิจารณาเคล็ดวิชา เขาก็พบข้อผิดพลาดมากมาย ซึ่งเกิดจากความอ่อนหัดและความไม่รู้ของผู้สร้าง

การสร้างเคล็ดวิชานี้ขึ้นมาได้ พูดได้ว่าต้องอาศัยโชคอันมหาศาล

จิวโมไป๋ถอนหายใจด้วยความรู้สึกชื่นชมเล็กน้อย

ถ้าผู้สร้างเคล็ดวิชาต้องห้ามลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิ ได้รับการฝึกฝนการสร้างเคล็ดวิชาอย่างเป็นระบบ เขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น เคล็ดวิชาต้องห้ามลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิอาจจะถุกสร้างเสร็จอย่างสมบูรณ์ ลบผลร้ายออกไป หรือเคล็ดวิชาต้องห้ามลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิอาจจะไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้

เพราะถ้าคนมีความรู้เกี่ยวกับการสร้างเคล็ดวิชา แม้จะเป็นเพียงผู้ฝึกหัด พวกเขาจะต้องมองเห็นอันตรายของเคล็ดวิชาต้องห้ามลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิได้ พวกเขาจะไม่มีทางสร้างมันต่ออย่างแน่นอน

นี้อาจเรียกได้ว่า ความไม่รู้ก่อให้เกิดความกล้า ก็เป็นได้

จิวโมไป๋มองเคล็ดวิชาทีละบรรทัด ศึกษาอย่างละเอียด

ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาไม่หยุด เดี๋ยวก็ชื่นชม เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็ตกใจ

ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาวออกมา ใบหน้าของเขาแสดงความไม่ยินยอมออกมา

เคล็ดวิชายุ่งเหยิงเกินไป ถ้าเขาจะแก้ไขมันต้องใช้เวลาหลายเดือนหรืออาจจะเป็นปี เวลาที่อยู่ที่นี่เหลือแค่ 1 ชั่วโมง เขาไม่มีเวลาแก้ไขมัน

จิวโมไป๋มองไปยังตำหนักยุทธ์ลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจ เขาโบกมือสองข้าง ตัวอักษรเคล็ดบ่มเพาะพลังลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิฉบับสมบูรณ์ ลอยเข้าไปยังตำหนักยุทธ์

ก่อนที่มันจะพุ่งไปใจกลางตำหนัก เข้าไปหลอมรวมกับพายุสามสี กลิ่นอายทรงพลังก็ระเบิดออกมา ตำหนักยุทธ์สั่นสะเทือนอย่างน่ากลัว

ไม่นาน พายุสามสีก็ม้วนตัวกันเป็นก้อนวงกลม กลายเป็นลูกพลังสามสีที่อันแน่นไปด้วยพลังอันน่าเกรงขราม

หยดปราณจากตำหนักยุทธ์ลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิ ก็ค่อยๆตกลงไปด้านล่าง กลายเป็นสระปราณแห่งใหม่!

ร่างกายของจิวโมไป๋สั่นสะท้าน ทะเลปราณเตาหลอม 9 สุริยันหมุนวนอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะก้าวหน้าทะลวงผ่านไปขั้นที่ 5 กระดูกกลาง!

จิวโมไป๋ดื่มด่ำกับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นครู่หนึ่ง

จิวโมไป๋ถอนหายใจออกมา ก่อนจะมองไปยังตำหนักยุทธกระบี่เลือนเร้น เขาเกิดความคิดบางอย่างไม่รอช้าเขาลอยเข้าไปในตำหนัก โดยมีกระบี่เลือนเร้นลอยด้ามด้านหลัง

เขามองผลึกกรรมชั่วก่อนจะเดินไปหยิบมันขึ้นมา จิตมารปะทุขึ้นในอก แต่เขาท่องเคล็ดบ่มเพาะพลังวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์สะกดมันเอาไว้ ก่อนที่เขาจะบังคับร่างวิญญาณลอยไปตำหนักยุทธ์ว่างเปล่าหลังหนึ่ง ที่อยู่ไกลออกไป

เขาลอยไปถึง ก็โยนผนึกกรรมชั่วเข้าไป และถอยออกมาจากตำหนัก ดูอยู่นานก็ไม่เกิดความผิดปกติ ดวงตาของเขาเป็นประกาย ก่อนที่เขาจะกลับไปที่ตำหนักยุทธ์กระบี่เลือนเร้นและเคลื่อนย้ายผลึกกรรมชั่วทั้งหมดไปยังตำหนักเปล่าจนหมด ตำหนักยุทธ์กระบี่เลือนเร้นว่างเปล่าอีกครั้ง

ที่เหลือก็ต้องรอดูว่าเมื่อเขาสังหารผู้มีกรรมชั่วแล้ว กรรมชั่วจะถูกเก็บไว้ในตำหนักยุทธิ์กระบี่เลือนเร้นและไม่ถูกทำลายหรือไม่

จิวโมไป๋โบกมือลากระบี่เลือนเร้นก่อนจะดึงสติกลับ

เมื่อเขาลืมตาขึ้น ม่านพลังสีม่วงที่ปกคลุมร่างก็สลายไป เขาลุกขึ้นมองไปรอบๆ ทุกคนยังสืบทอดพลังอยู่

เขาจึงเดินไปนั่งห่างๆ ก่อนจะย่อยวิชาต่างๆที่เหลือของชายวัยกลางคน จากนั้นก็แบ่งเวลาวิเคราะห์วิชาพลอง เพื่อปรับปรุงแก้ไขมัน เขารู้ว่าจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นอีก ทำให้เขาต้องรีบแก้ไขวิชาพลองให้แข็งแกร่งขึ้น

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด