ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 57

Now you are reading ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ Chapter 57 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ความโกรธ

ในอดีตเมื่อจิวโมไป๋พบเด็กดื้อรั้น เขามักจะคิดถึงน้องสาวของเขาที่จากไปก่อนเวลาอันควร ตลอดเวลาหลายสิบปีพวกเขามักจะต่อสู่และไล่ล่ากัน เขาจึงปฏิบัติกับเด็กสาวราวกับว่าเธอเป็นน้องสาวของเขา เมื่อมีเรื่องอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเธอ เขาจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออย่างไม่ลังเล

มันกลายเป็นความผูกพันธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ เด็กสาวมักจะต่อว่าเขาด้วยถ้อยคำร้ายกาจ แต่เธอก็เรียกเขาว่าพี่ชายเสมอเมื่อเจอหน้ากัน และชอบวิ่งมาหาเขาเพื่อแสดงค่ายกลหรือข่ายอาคมใหม่ๆ ให้เขาได้เห็นเป็นคนแรก… แม้ส่วนมากจะเป็นการต่อสู้กันก็ตาม

เขาจึงคิดว่าเด็กดื้อรันเป็นน้องสาวอีกคนของเขา

เมื่อเขาทำให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงไป เขาก็คิดว่าจะไม่มีโอกาสได้พบกับเด็กสาวอีกแล้ว

การที่เขาได้จะพบเด็กดื้อรั้นที่นี่ มันทำให้เขาตกใจอย่างมาก

เมื่อเห็นสภาพในปัจจุบันของเด็กสาว เขาก็รู้สึกสับสนขึ้นมา ว่าทำไมเด็กสาวถึงได้เข้าสำนักผีเสื้อดาราได้ ทั้งๆที่ไม่มีพื้นหลังใดๆเลย?

แม้เขาจะรู้ถึงพรสวรรค์การบ่มเพาะ ความสามารถในการสร้างค่ายกลและข่ายอาคม ของเด็กสาวยอดเยี่ยมมาก แต่ในตอนนี้เธอเป็นเพียงเด็กธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เธอไม่น่าจะมีสิทธิ์เข้าสำนักดั้งเดิมได้เลย…

จิวโมไป๋ชะลอตัวลงอย่างช้าๆ ก่อนที่จะทำเป็นเดินดูสิ่งของ ขณะที่ใช้จิตสัมผัสคอยจับตาดูเด็กสาว

เด็กสาวเดินขายสมุนไพรราคาถูกในตระกล้าไปทั่วถนนสายนั้น ขาน้อยๆดูอ่อนแรงเพราะต้องถือของและเดินไปมาไม่หยุด แต่เพราะท่าทางของเธอดูไร้ชีวิตชีวาไม่กระตือรือร้น ทำให้ไม่ค่อยมีใครซื้อของจากเธอมากนัก เด็กสาวก็ยังคงเดินขายอย่างไม่ย่อท้อ

เดินขายอยู่นานสมุนไพรในตระกล้าก็ถูกขายจนหมด

เด็กสาวก็เข้าไปในซอยเล็กๆด้านข้าง

จิวโมไป๋ไม่รอช้า เขาเดินสะกดรอยตามอยู่ห่างๆ เขาใช้จิตสัมผัสระยะ 23 เมตร ทำให้สามารถทิ้งระยะห่างได้ไกล โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังสะกดรอยตามอยู่

เด็กสาวเดินเข้าไปในย่านชุมชนแออัด ที่อยู่ไม่ไกลจากตลาดสมุนไพรเทียนไห่มากนัก เธอเดินมาถึงบ้านเก่าทรุดโทรมหลังหนึ่ง สภาพของตัวอาคารไม่น่าจะมีคนอาศัยอยู่ได้เลย เด็กสาวเข้าไปด้านในบ้านก่อนที่จะปิดประตูลง

จิวโมไป๋เดินไปนั่งตรงม้านั่งแถวๆนั้น ก่อนใช้จิตสัมผัส สำรวจเข้าไปในบ้าน เขาก็พบร่างของหญิงสาวอายุประมาณ 30 ปี เขาชะงักครู่หนึ่ง เมื่อพบว่าร่างของหญิงสาวนั้นผอมแห้งจนผิวหนังติดกระดูก เธอกำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงไม้ บนร่างของเธอถูกห่มด้วยผ้าห่มผืนบาง

“แม่คะหนูกลับมาแล้ว”เด็กสาวเดินเข้ามาหน้าเตียง พูดเสียงสะอื้นขณะจับมือหญิงสาวอย่างเบามือ แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่มีสติรับรู้เหลืออยู่เลย ถ้าเขาไม่สามารถสัมผัสถึงลมหายใจอ่อนๆ ของหญิงสาวได้ เขาคงคิดว่าเธอเสียชีวิตไปแล้ว

ขณะที่เขากำลังใช้จิตสัมผัสตรวจสอบร่างของหญิงสาว ด้านนอกก็มีกลุ่มคนประมาณ 5 คน เดินมาถึงบ้านทรุดโทรม พร้อมกับเตะกระแทกประตูเปิดออกอย่างแรง จนอาคารที่สภาพใกล้จะพังสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง พวกเขาเดินเข้าไปในบ้านพร้อมมองสำรวจคู่แม่ลูก

“สาวน้อยวันนี้ขายสมุนไพรได้เท่าไหร่”ชายร่างกายผอมแห้งดูขี้โรค ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่มพูดขึ้น

“น..หนู ขายได้แค่นี้ค่ะ”เด็กสาวตัวสั่นระริกเหมือนลูกนกตัวเล็กๆ ที่กำลังหวาดกลัว เธอกดบนกำไลข้อมือเก่าๆ ข้อมูลการเงินก็โผล่ออกมา

“ดี โอนมันมาให้หมด”ชายร่างผอมพยักหน้าพอใจ

“ที่ตกลงกันไว้ หนูได้ส่วนแบ่ง 10 % ไม่ใช่เหรอค่ะ”เด็กสาวถามเสียงเบา

“วันนี้พวกเราต้องใช้เงิน พรุ่งนี้ฉันจะเพิ่มสมุนไพรให้ เธอจะได้รับเงินเยอะขึ้น ดีไหม?”ชายร่างผอมพูดอย่างไร้เหตุผล

“หนู…ขอเก็บเงินไปรักษาคุณแม่ก่อนได้ไหมคะ พรุ่งนี้หนูจะหาเงินให้มากขึ้น”เด็กสาวพูดเสียงเบา ดวงตาของเธอมืดมนไร้แสงความหวัง

“บัดซบ! ลูกพี่ของฉันให้พวกแกสองคนแม่ลูก อยู่ที่นี่และยังให้งานพวกแกทำ ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ยังจะเรื่องมากอีก ส่งเงินมาเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นฉันจะส่งพวกแกไปนอนข้างถนน”ชายร่างผอมตะคอกเสียงดังลั้น เขาไม่พอใจที่เด็กตัวเล็ก กล้าขัดคำสั่งของเขา

เด็กสาวสะดุ้งตกใจ เธอถอยกรูดไปด้านหลัง น้ำตาไหลพรั่งพรูไม่หยุด เธอจับกำไลข้อมือแน่นไม่ยอมปล่อย เธอรู้ดีว่าตอนนี้แม่ของเธอไม่ไหวแล้ว ถ้าเธอไม่รีบพาไปรักษา แม่ของเธอจะต้องจากไปแน่

ชายร่างผอมแค่นเสียงไม่พอใจ เขาหันมาสั่งให้ลูกน้องด้านข้าง ให้เข้าไปจัดการ แววตาของพวกเขาฉายแววโหดเหี้ยมไร้ปราณี

ชายอันธพานคนหนึ่งในกลุ่ม เดินก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมพูดขู่เด็กสาวอย่างหน้าไม่อาย

“เด็กน้อยรีบส่งเงินมาเร็วๆ อย่าทำให้พวกฉันต้องเสียเวลา”

เด็กสาวถอยหลังมายืนอยู่หน้าเตียงนอน เธอไม่หลบไปที่ไหนอีก ร่างน้อยย่อตัวนั้งก่อนหลับตายอมรับชะตากรรม

ชายอันธพานพ้นลมออกมา ด้วยความหงุดหงิด ที่ต้องมารังแกเด็กแบบนี้ เขายกมือขึ้นเตรียมจัดการให้เสร็จๆไป

แต่ก่อนที่จะได้ทันทำอะไร เงาร่างสีดำกระโดดเข้ามาขวาง รังสีกดดันแผ่ขยายจนผู้คนหายใจไม่ออก

ชายอันธพานหยุดชะงักด้วยความตกใจ แต่เมื่อเห็นเป็นชายหนุ่มใบหน้าละอ่อน เขาก็ขืนตัวข่มความกลัว

“แกเป็นใคร! รู้ไหมว่า คนที่มายุ่งเรื่องของแก๊งไม้สัก ไม่มีใครเคยกลับออกไปครบ32″ชายอันธพานร้องตะโกนขู่เสียงดัง

“หึ! คงเป็นพวกชอบทำตัวเป็นคนดี รีบๆจัดการไอ้เด็กนี้ไปด้วยซะ!”ชายร่างผอมร้องสั่ง เสียงดังอย่างโกรธเกรี้ยว เขาไม่พอใจเมื่อมีคนเข้ามายุ่งวุ่นวาย

“ครับหัวหน้า”ชายอันธพานร้องตอบรับก่อนที่จะส่งรอยยิ้มเหี้ยมให้ชายหนุ่ม ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปพร้อมเหวี่ยงหมัดใส่อย่างรุนแรง

จิวโมไป๋ในตอนนี้ในใจเดือดดาลราวเปลวไฟกำลังแผดเผา ดวงตาของเขาแฝงไว้ด้วยความเย็นชา เขายืนอยู่กับที่ไม่หลบเลี่ยง มือข้างขวาขยับยกขึ้น ด้วยท่าทางแปลกประหลาดพิสดาร

“อ๊าาคคคค”เสียงกรี๊ดร้องดังลั้น พร้อมกับร่างของชายอันธพานร่วงลงไปกองด้านล่าง เขาดิ้นไปมาบนพื้นอย่างรุนแรง แขนขวาของเขาบิดเบี้ยวผิดรู้อย่างน่ากลัว

เป็นการลงมือที่โหดเหี้ยมอย่างมาก

ชายร่างผอมและลูกน้องที่เหลือยืนอึ้งด้วยความตกใจ เพราะพวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่าชายหนุ่มลงมือยังไง

“บัดซบ! ไอ้หนูแกเป็นใคร กล้ามามีเรื่องกับพวกเราแก๊งไม้สัก แกคงอยากตายมากสินะ!”ชายร่างผอมพูดข่มขู่เสียงดัง แต่ตัวถอยไปหลบด้านหลังลูกน้องที่เหลืออีกสามคน

จิวโมไป๋ยืนเงียบไม่พูดอะไร ก่อนที่เขาจะยกเท้าขึ้น และกระทืบข้อต่อ ที่ขาขวาของร่างที่นอนอยู่อย่างแรง

“กร๊อบ!”เสียงกระดูกแตกหักดังลั่น ทำให้ผู้คนใบหน้าถอดสี ความโหดเหีี้ยมของชายหนุ่มทำให้กลุ่มที่ยังยืนอยู่ใบหน้าบิดเบี้ยว

“จัดการมัน!!!”ใบหน้าของชายร่างผอมซีดเผือก เขาร้องออกคำสั่งด้วยความกลัว ขณะที่ตัวเองเปิดกำไลข้อมือส่งข้อความออกไปอย่างรวดเร็ว

ลูกน้องทั้งสามลอบสบตากันเล็กน้อย อีกฝ่ายมีแค่คนเดียว ถ้าพวกเขาลงมือพร้อมกัน อีกฝ่ายไม่น่าจะรับมือได้แน่ เมื่อตกลงกันได้แล้ว พวกเขาก็พุ่งตัวเข้าไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว

จิวโมไป๋หมุนข้อเท้า ก่อนพุ่งเข้าใจคนทั้งสามอย่างไม่เกรงกลัว ความเร็วของเขายิ่งกว่าสายลม เสียง กรอบแกรบ ดังขึ้นติดๆราวกับเสียงเหยียบใบไม้ ร่างของคนทั้งสามนอนลงไปกับพื้น ด้วยท่าทางแปลกประหลาด บางคนแขนขวาชี้ไปคนละทิศ บางคนมือและข้อศอกพับติดกับแขน และคนที่โหดร้ายที่สุด ลำตัวบิดตะแคงข้างในองศาที่น่ากลัว

ขนาดชายหัวล้าน ที่เคยฝึกทหารหลายปีและอยู่ขั้นที่ 2 กล้ามเนื้อปลาย ยังไม่สามารถทนได้

ไม่ต้องพูดถึง คนที่อยู่แค่ขั้นผิวหนัง ความเจ็บปวดรุนแรงจากกระดูกทั่วร่างกายบิดเบี้ยวผิดที่ ทำให้พวกเรากลิ้งไปมา ราวกับกุ้งเต้น แต่เมื่อพวกเขาขยับตัวมากเท่าไหร่ความเจ็บปวดจะยิ่งทบทวี พวกเขากรีดร้องสุดเสียง ดังลั้นยิ่งกว่าผู้หญิงคลอดลูก

สมกับที่เป็นสุดยอดวิชาทรมาน หัตถ์ถอดกระดูก หนึ่งการโจมตีทำให้คู่ต่อสู้จดจำจนวันตาย

จิวโมไป๋หันมาจ้อง ชายร่างผอมที่กำลังยืนขาสั่นพรั่บๆ

“อย่าเข้ามานะ! ฉันเป็นน้องชายของหัวหน้าแก๊งไม้สัก ถ้าแกกล้าทำอะไรฉันล่ะก็ แกไม่รอดแน่!”ชายร่างผ่อมหน้าซีดตัวสั่น เขากรีดร้องเสียงดังขณะที่ถอยไปจนถึงประตูบ้าน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด