ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 10 สวนหินการพนัน (2)

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 10 สวนหินการพนัน (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 10 สวนหินการพนัน (2)

“เอ่อ.. ขอบคุณนะคะ” มู่หรงเสวี่ยที่ไม่ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่อยๆผละออกมาจากอ้อมแขนของชางกวนโม่ เธอไม่ได้ถามเหตุผลจากอีกฝ่ายว่าทำไมเขาถึงได้เข้ามาช่วยเธอ ทั้งๆที่คนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ

หลังจากที่คลายอ้อมแขน ชางกวนโม่ดูจะไม่ค่อยพอใจนัก เอวบางของมู่หรงเสวี่ยให้ความรู้สึก ‘อบอุ่น’ ราวกับหยก และทำให้เขารู้สึกถึงคำว่า ‘นุ่ม’ จนเกิดความรู้สึกประหลาดแผ่กระจายไปทั่วหัวใจ แค่สบตาเพียงครั้งเดียวก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยกับเธอ จนทำให้หัวใจเต้นรัวได้…

วันนี้ มู่หรงเสวี่ยแต่งตัวด้วยชุดเดรสลายปักสีฟ้าอ่อน ชุดนี้ช่วยเสริมให้ใบหน้าอันงดงามของเธอ ยิ่งดูเปล่งปลั่งและสดใสมากขึ้น ใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มของเธอใสสะอาดและบริสุทธิ์ราวกับคริสตัลผิวมันวาว จมูกโด่งเล็กน้อยยิ่งทำให้ดวงตาของเธอดูสดใสมาก

ทันใดนั้นหัวใจของชางกวนโม่ก็เต้นรัว จนเขาไม่สามารถควบคุมจังหวะหัวใจได้อีกต่อไป

“พี่ชายคะ เธอคือใครเหรอคะ?” ด้านข้างชางกวนโม่ หญิงสาวที่มากับเขารีบเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งสองคนโดยเร็ว พร้อมกับเอ่ยถามด้วยเสียงดังฟังชัด เหมือนกับว่าเธออยากแสดงให้ทุกคนได้เห็นความไม่พอใจที่อยู่ในประโยคคำถาม

“ฉินเมิ่งหยาเธอไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเรื่องของฉัน” ฉินเมิ่งหยาเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลฉินแห่งเมืองหลวง ตระกูลฉินเป็นหนึ่งในตระกูลที่โด่งดังแห่งเมืองหลวง แน่นอนว่าเทียบตระกูลราชวงศ์ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความเป็นเพื่อนกันระหว่างคุณปู่ฉินกับตระกูลชางกวนแล้ว ฉินเมิ่งหยาที่สนิทกับคุณปู่ของเธอ ทำให้เธอสามารถตามชายหนุ่มไปได้ทุกที่ ขอเพียงแค่ให้เธอได้อยู่ข้างกายเขาก็พอแล้ว ส่วนชางกวนโม่ เขามองเธอแบบพี่น้องเท่านั้น

ฉินเมิ่งหยาเห็นสายตาที่ดุดันของชางกวนโม่ ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอไม่ได้เสแสร้งหรือแกล้งทำ แต่เธอกลัวเขาจริงๆ

ขอบอกเลยนะว่าในโลกนี้ ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเขาเลยสักคน ไม่ใช่เพราะเขารวยหรอก แต่เป็นเพราะพลังที่สุดยอดของเขาต่างหาก

ฉินเมิ่งหยาจดจำสิ่งที่คุณปู่คอยบอกไว้เสมอว่า ‘อย่าทำให้ชางกวนโม่หงุดหงิดเป็นอันขาด’ เพราะถ้ามีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ตระกูลฉินจะไม่ช่วยเธอรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น

เธอรู้ดีว่าชางกวนโม่เก่งกาจมาก ด้วยเหตุนี้ ทำให้เธอได้แต่แอบชอบเขาอยู่ภายในใจ เฮ้อ.. มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบผู้ชายที่แข็งแกร่งบ้างล่ะ เธอเองก็ไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไป ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของคุณปู่ เธอก็คงไม่มีทางได้เข้าใกล้เขาขนาดนี้หรอก แล้วอย่างนี้จะให้เธอยอมให้ผู้หญิงคนอื่นมาแย่งเขาไปได้ยังไงล่ะ ฮึ่ย ยัยผู้หญิงคนนี้ นี่เธอรู้บ้างไหมว่าฉันต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนถึงจะได้อยู่ข้างกายเขาน่ะ??

เมื่อกี้เธอกำลังคุยกับเขาอยู่ แต่กลับเห็นว่า จู่ๆเขาก็เดินตรงไปหาเด็กสาวคนนี้แล้วสวมกอดเธอให้อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง หัวใจของเธอพลันรู้สึกได้ในทันทีว่าต่อไปจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะเธอไม่เคยเห็นใครได้แตะต้องตัวของ ชางกวนโม่มาก่อนเลย ขนาดฉันเองก็ยังไม่เคยเลย แล้วแม่นี่เป็นใครกันถึงมีสิทธิ์แตะต้องตัวเขาแบบนี้ เธอ-เป็น-ใคร-กัน-ย่ะ!?

“คะ?” “ฮะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“ชื่อ” ชางกวนโม่เอ่ยถาม

“ม…มู่หรงเสวี่ยค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยที่มีสติและรู้สึกสงบลงแล้วบอกชื่อของตัวเองกับเศรษฐีคนนี้ไป อ๊ะ เกือบจะนิ่งเป็นท่อนไม้ไปแล้วสิเรา! ไม่ไหวเลยเราเนี่ย!

“ฉัน ชางกวนโม่” ผู้ที่ไม่ได้ถูกถามชื่อกลับบอกชื่อของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้เช่นกัน อ๋า มู่หรงเสวี่ยล่ะไม่เข้าใจความคิดของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เลยจริงๆนะ

ฉินเมิ่งหยาที่ทำได้แค่ยืนนิ่งๆอยู่ข้างกายอีกฝ่ายใช้สายตาไม่พอใจจ้องมองมาที่มู่หรงเสวี่ย เหอะ! ถ้าเธอคิดจะสรรหาสารพัดเล่ห์กลมายั่วยวนพี่โม่ ฉันเองก็มีวิธีเป็นร้อยเป็นพันเพื่อกำจัดเธอเหมือนกันย่ะ!

ในเมืองนี้ เธอไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น สำหรับตระกูลฉินแล้ว เรื่องพวกนี้มันก็แค่เรื่องขี้เล็บเท่านั้นแหละ!

มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าสายตาที่ฉินเมิ่งหยากำลังมองมาดูไม่เป็นมิตร ดูเหมือนว่าความไม่ตั้งใจของชางกวนโม่จะทำให้เธอถูกเกลียดเข้าแล้ว…

“ฉินเมิ่งหยา ไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้ เธอเองก็รู้ดีว่า ถ้าฉันหงุดหงิดขึ้นมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น” แน่นอนว่าชางกวนโม่เองก็เห็นสายตาของฉินเมิ่งหยาเช่นกัน เขาจึงกล่าวเตือนเธออีกครั้ง

“พี่โม่ จะไม่ให้ฉันเข้ามายุ่งได้ยังไงละคะ? พี่รู้ไหมว่าเรารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว? พี่โม่อ่ะแหละที่ต้องระวังพวกคนแปลกๆ พี่ไม่รู้เหรอว่าคนพวกนี้ก็แค่สนใจแค่ตระกูลชางกวนของพี่เท่านั้น” ฉินเมิ่งหยาตั้งใจพูดมันออกมาพร้อมกับจ้องไปที่ มู่หรงเสวี่ย

อย่างไรก็ตาม เธอคิดว่าถ้ามู่หรงเสวี่ยไม่เข้ามายุ่งกับ ชางกวนโม่ เธอก็จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของชางกวนโม่อีก ยังไง พี่โม่ก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้นานนักหรอก ในอนาคตพวกเขาทั้งสองไม่มีทางได้ติดต่อกันอีกแน่นอน!

“คุณชางกวน ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว ฉันขอตัวไปดูหินหยกก่อนนะคะ” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างระวัง พระเจ้า! ฉันไม่อยากที่รบกวนเขาแล้ว ตอนนี้ขอตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวทุกอย่างก็จะคลี่คลายเองนั่นแหละ

โดยที่ไม่รอให้ชางกวนโม่ได้ตอบอะไรออกมา มู่หรงเสวี่ยรีบหยิบหยกแล้วเดินไปในทันที เนื่องจากหินหยกชิ้นนี้ ด้านในมีของดีอยู่ คนอย่างเธอไม่มีทางปล่อยให้มันหลุดมือไปได้ง่ายๆหรอกนะ

ฝ่ายชางกวนโม่ได้มองตามหลังมู่หรงเสวี่ยที่เดินจากไป จริงอยู่ที่เขาไม่ได้ตอบกลับอีกฝ่าย แต่สายตาของเขากลับหรี่ลงและจ้องมองเธอโดยที่ไม่ละสายตาไปไหนเลย

หลังจากนั้น มู่หรงเสวี่ยก็มองไปที่หินหยกมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่เธอกลับไม่เห็นว่าจะมีหยกชิ้นไหนที่เป็นของดีอยู่เลย มันทำให้เธอเริ่มหมดกำลังใจเล็กน้อย เธอจึงตัดสินใจไม่หยิบมันอีก

ต่อมามู่หรงเสวี่ยลองสุ่มหยิบเศษหินขึ้นมา 5 ชิ้น รวมถึงชิ้นที่หยิบมาในตอนแรก เธออยากผ่ามันและเปิดดูว่าข้างในนี้มีของอะไรซ่อนอยู่? เธอจึงหยิบขึ้นมาเพิ่มอีก 2-3 ชิ้นเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย

“บอสคะ ฉันเอาชิ้นนี้ค่ะ แล้วก็คิดเงินมาเลยนะคะ” มู่หรงเสวี่ยยกหน้าที่คำนวณราคาให้พนักงานที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ชำระเงิน

สนามหินหยกแห่งนี้เป็นของชายวัยกลางคนธรรมดาๆคนหนึ่ง ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็เรียกเขาว่า เหล่าหวัง เขาค่อนข้างรวย บางทีอาจเป็นเพราะเขาดูแลที่นี่มาตั้งนานแล้ว ผิวเขาจะค่อนข้างเข้มและใบหน้าได้รูป ทำให้เขาดูเป็นคนที่จริงใจกับคนอื่น

ในตอนที่เหล่าหวังเห็นว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นแค่เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง เขาจึงคิดไว้ว่าเธอน่าจะเป็นลูกเศรษฐีที่ออกมาเที่ยวเล่นเท่านั้น และในตอนที่เขาเห็นหินหยกที่เธอเป็นคนเลือก ลักษณะของหินหยกนั้นไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าที่ควร เพราะทุกชิ้นมีรอยแตกอยู่ แสดงว่าเธอจะต้องเป็นมือใหม่แน่นอน แต่เพราะหินหยกในร้านของเขามีราคาสูงทั้งหมด เขากลับคิดว่าอีกฝ่ายต้องไม่ใช่แค่เด็กสาวธรรมดา ถึงเขาจะเปิดธุรกิจนี้มานานแต่ก็ยังเชื่อในเรื่องของความซื่อสัตย์ แน่นอนว่าเขาไม่เอาเปรียบเด็กสาวคนนี้เด็ดขาด ใครมันจะไปทำเรื่องแบบนั้นกัน คงมีแค่คนโง่เท่านั้นแหละ

“กองหินหยกที่คุณหนูเลือกมาทั้งหมดราคา 2,000 หยวนต่อ 1 จิน และทั้งหมดนี้หนักประมาณ 380 จิน ก็เท่ากับว่ามันมีราคา 760,000 หยวน ไม่ทราบว่าคุณหนูสนใจจะจ่ายเป็นเงินสดหรือว่าโอนครับ?” เหล่าหวังเอ่ยถาม

“ถ้างั้น ขอเป็นโอนเงินก็แล้วกันค่ะ” มู่หรงเสวี่ยไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาแล้ว เธอโอนเงินสดจากบัญชีตัวเอง 760,000 เข้าบัญชีร้านในทันที เวลาผ่านไปไม่ถึงสองนาที เหล่าหวังก็หันมาบอกเธอว่าเขาได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว

“คุณหนูต้องการให้ทางร้านตัดหินออกมาด้วยเลยไหมครับ?”

“ค่ะ ตัดเลยค่ะ” มู่หรงเสวี่ยหยิบหินชิ้นแรกออกมา จากนั้นก็หยิบออกมาอีก 2-3 ชิ้น โดยที่มีราคาถูกกว่าชิ้นแรก ส่วนเหตุผลที่เธอทำแบบนั้น เป็นเพราะคนอื่นจะได้ไม่เกิดความสงสัยในตัวเธอ และเธอเองก็อยากรู้ด้วยว่ามันจะเหมือนกับที่เธอเห็นก่อนหน้านี้หรือเปล่า

มู่หรงเสวี่ยเดินไปหาอาจารย์ตัดหินและพบว่ามีคนมากมายกำลังยืนล้อมรอบตัวเขาอยู่ กลายเป็นว่าเขากำลังตัดหินอยู่ และเจ้าของหยกก้อนนั้นคือชายอ้วนวัยกลางคน เขาแต่งตัวเรียบร้อย เกรงว่าเขาน่าจะเป็นช่างชำนาญเรื่องหยก ยิ่งฝุ่นแป้งจากการตัดหินเพิ่มมากขึ้นเท่าไร บรรยากาศรอบตัวก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเท่านั้น คุณลุงเจ้าของร้านหยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่งขึ้นมาซับเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมาตามใบหน้า

บอกได้ว่าสิ่งที่อาจารย์ตัดหินกำลังทำอยู่สามารถทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเลย คงต้องบอกว่าลุงคนนี้โชคไม่ค่อยดีเท่าไรเลยจริงๆ

ทุกคนบอกว่าที่หินเหมือนจะมีรอย แต่พวกเขาก็เห็นว่าหินส่วนท้ายได้แตกไปแล้ว นอกจากมันจะไม่ใช่สีเขียวแล้ว มันยังไม่มีสีเขียวเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงนั้นมีแค่ชั้นผิวใสๆบางๆที่จุดเริ่มต้นของรอยบากเท่านั้น ทั้งๆที่จริงๆแล้วพื้นผิวจริงควรจะเป็นสีเขียวต่างหาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 10 สวนหินการพนัน (2)

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 10 สวนหินการพนัน (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 10 สวนหินการพนัน (2)

“เอ่อ.. ขอบคุณนะคะ” มู่หรงเสวี่ยที่ไม่ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่อยๆผละออกมาจากอ้อมแขนของชางกวนโม่ เธอไม่ได้ถามเหตุผลจากอีกฝ่ายว่าทำไมเขาถึงได้เข้ามาช่วยเธอ ทั้งๆที่คนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ

หลังจากที่คลายอ้อมแขน ชางกวนโม่ดูจะไม่ค่อยพอใจนัก เอวบางของมู่หรงเสวี่ยให้ความรู้สึก ‘อบอุ่น’ ราวกับหยก และทำให้เขารู้สึกถึงคำว่า ‘นุ่ม’ จนเกิดความรู้สึกประหลาดแผ่กระจายไปทั่วหัวใจ แค่สบตาเพียงครั้งเดียวก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยกับเธอ จนทำให้หัวใจเต้นรัวได้…

วันนี้ มู่หรงเสวี่ยแต่งตัวด้วยชุดเดรสลายปักสีฟ้าอ่อน ชุดนี้ช่วยเสริมให้ใบหน้าอันงดงามของเธอ ยิ่งดูเปล่งปลั่งและสดใสมากขึ้น ใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มของเธอใสสะอาดและบริสุทธิ์ราวกับคริสตัลผิวมันวาว จมูกโด่งเล็กน้อยยิ่งทำให้ดวงตาของเธอดูสดใสมาก

ทันใดนั้นหัวใจของชางกวนโม่ก็เต้นรัว จนเขาไม่สามารถควบคุมจังหวะหัวใจได้อีกต่อไป

“พี่ชายคะ เธอคือใครเหรอคะ?” ด้านข้างชางกวนโม่ หญิงสาวที่มากับเขารีบเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งสองคนโดยเร็ว พร้อมกับเอ่ยถามด้วยเสียงดังฟังชัด เหมือนกับว่าเธออยากแสดงให้ทุกคนได้เห็นความไม่พอใจที่อยู่ในประโยคคำถาม

“ฉินเมิ่งหยาเธอไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเรื่องของฉัน” ฉินเมิ่งหยาเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลฉินแห่งเมืองหลวง ตระกูลฉินเป็นหนึ่งในตระกูลที่โด่งดังแห่งเมืองหลวง แน่นอนว่าเทียบตระกูลราชวงศ์ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความเป็นเพื่อนกันระหว่างคุณปู่ฉินกับตระกูลชางกวนแล้ว ฉินเมิ่งหยาที่สนิทกับคุณปู่ของเธอ ทำให้เธอสามารถตามชายหนุ่มไปได้ทุกที่ ขอเพียงแค่ให้เธอได้อยู่ข้างกายเขาก็พอแล้ว ส่วนชางกวนโม่ เขามองเธอแบบพี่น้องเท่านั้น

ฉินเมิ่งหยาเห็นสายตาที่ดุดันของชางกวนโม่ ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอไม่ได้เสแสร้งหรือแกล้งทำ แต่เธอกลัวเขาจริงๆ

ขอบอกเลยนะว่าในโลกนี้ ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเขาเลยสักคน ไม่ใช่เพราะเขารวยหรอก แต่เป็นเพราะพลังที่สุดยอดของเขาต่างหาก

ฉินเมิ่งหยาจดจำสิ่งที่คุณปู่คอยบอกไว้เสมอว่า ‘อย่าทำให้ชางกวนโม่หงุดหงิดเป็นอันขาด’ เพราะถ้ามีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ตระกูลฉินจะไม่ช่วยเธอรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น

เธอรู้ดีว่าชางกวนโม่เก่งกาจมาก ด้วยเหตุนี้ ทำให้เธอได้แต่แอบชอบเขาอยู่ภายในใจ เฮ้อ.. มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบผู้ชายที่แข็งแกร่งบ้างล่ะ เธอเองก็ไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไป ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของคุณปู่ เธอก็คงไม่มีทางได้เข้าใกล้เขาขนาดนี้หรอก แล้วอย่างนี้จะให้เธอยอมให้ผู้หญิงคนอื่นมาแย่งเขาไปได้ยังไงล่ะ ฮึ่ย ยัยผู้หญิงคนนี้ นี่เธอรู้บ้างไหมว่าฉันต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนถึงจะได้อยู่ข้างกายเขาน่ะ??

เมื่อกี้เธอกำลังคุยกับเขาอยู่ แต่กลับเห็นว่า จู่ๆเขาก็เดินตรงไปหาเด็กสาวคนนี้แล้วสวมกอดเธอให้อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง หัวใจของเธอพลันรู้สึกได้ในทันทีว่าต่อไปจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะเธอไม่เคยเห็นใครได้แตะต้องตัวของ ชางกวนโม่มาก่อนเลย ขนาดฉันเองก็ยังไม่เคยเลย แล้วแม่นี่เป็นใครกันถึงมีสิทธิ์แตะต้องตัวเขาแบบนี้ เธอ-เป็น-ใคร-กัน-ย่ะ!?

“คะ?” “ฮะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“ชื่อ” ชางกวนโม่เอ่ยถาม

“ม…มู่หรงเสวี่ยค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยที่มีสติและรู้สึกสงบลงแล้วบอกชื่อของตัวเองกับเศรษฐีคนนี้ไป อ๊ะ เกือบจะนิ่งเป็นท่อนไม้ไปแล้วสิเรา! ไม่ไหวเลยเราเนี่ย!

“ฉัน ชางกวนโม่” ผู้ที่ไม่ได้ถูกถามชื่อกลับบอกชื่อของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้เช่นกัน อ๋า มู่หรงเสวี่ยล่ะไม่เข้าใจความคิดของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เลยจริงๆนะ

ฉินเมิ่งหยาที่ทำได้แค่ยืนนิ่งๆอยู่ข้างกายอีกฝ่ายใช้สายตาไม่พอใจจ้องมองมาที่มู่หรงเสวี่ย เหอะ! ถ้าเธอคิดจะสรรหาสารพัดเล่ห์กลมายั่วยวนพี่โม่ ฉันเองก็มีวิธีเป็นร้อยเป็นพันเพื่อกำจัดเธอเหมือนกันย่ะ!

ในเมืองนี้ เธอไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น สำหรับตระกูลฉินแล้ว เรื่องพวกนี้มันก็แค่เรื่องขี้เล็บเท่านั้นแหละ!

มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าสายตาที่ฉินเมิ่งหยากำลังมองมาดูไม่เป็นมิตร ดูเหมือนว่าความไม่ตั้งใจของชางกวนโม่จะทำให้เธอถูกเกลียดเข้าแล้ว…

“ฉินเมิ่งหยา ไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้ เธอเองก็รู้ดีว่า ถ้าฉันหงุดหงิดขึ้นมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น” แน่นอนว่าชางกวนโม่เองก็เห็นสายตาของฉินเมิ่งหยาเช่นกัน เขาจึงกล่าวเตือนเธออีกครั้ง

“พี่โม่ จะไม่ให้ฉันเข้ามายุ่งได้ยังไงละคะ? พี่รู้ไหมว่าเรารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว? พี่โม่อ่ะแหละที่ต้องระวังพวกคนแปลกๆ พี่ไม่รู้เหรอว่าคนพวกนี้ก็แค่สนใจแค่ตระกูลชางกวนของพี่เท่านั้น” ฉินเมิ่งหยาตั้งใจพูดมันออกมาพร้อมกับจ้องไปที่ มู่หรงเสวี่ย

อย่างไรก็ตาม เธอคิดว่าถ้ามู่หรงเสวี่ยไม่เข้ามายุ่งกับ ชางกวนโม่ เธอก็จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของชางกวนโม่อีก ยังไง พี่โม่ก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้นานนักหรอก ในอนาคตพวกเขาทั้งสองไม่มีทางได้ติดต่อกันอีกแน่นอน!

“คุณชางกวน ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว ฉันขอตัวไปดูหินหยกก่อนนะคะ” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างระวัง พระเจ้า! ฉันไม่อยากที่รบกวนเขาแล้ว ตอนนี้ขอตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวทุกอย่างก็จะคลี่คลายเองนั่นแหละ

โดยที่ไม่รอให้ชางกวนโม่ได้ตอบอะไรออกมา มู่หรงเสวี่ยรีบหยิบหยกแล้วเดินไปในทันที เนื่องจากหินหยกชิ้นนี้ ด้านในมีของดีอยู่ คนอย่างเธอไม่มีทางปล่อยให้มันหลุดมือไปได้ง่ายๆหรอกนะ

ฝ่ายชางกวนโม่ได้มองตามหลังมู่หรงเสวี่ยที่เดินจากไป จริงอยู่ที่เขาไม่ได้ตอบกลับอีกฝ่าย แต่สายตาของเขากลับหรี่ลงและจ้องมองเธอโดยที่ไม่ละสายตาไปไหนเลย

หลังจากนั้น มู่หรงเสวี่ยก็มองไปที่หินหยกมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่เธอกลับไม่เห็นว่าจะมีหยกชิ้นไหนที่เป็นของดีอยู่เลย มันทำให้เธอเริ่มหมดกำลังใจเล็กน้อย เธอจึงตัดสินใจไม่หยิบมันอีก

ต่อมามู่หรงเสวี่ยลองสุ่มหยิบเศษหินขึ้นมา 5 ชิ้น รวมถึงชิ้นที่หยิบมาในตอนแรก เธออยากผ่ามันและเปิดดูว่าข้างในนี้มีของอะไรซ่อนอยู่? เธอจึงหยิบขึ้นมาเพิ่มอีก 2-3 ชิ้นเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย

“บอสคะ ฉันเอาชิ้นนี้ค่ะ แล้วก็คิดเงินมาเลยนะคะ” มู่หรงเสวี่ยยกหน้าที่คำนวณราคาให้พนักงานที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ชำระเงิน

สนามหินหยกแห่งนี้เป็นของชายวัยกลางคนธรรมดาๆคนหนึ่ง ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็เรียกเขาว่า เหล่าหวัง เขาค่อนข้างรวย บางทีอาจเป็นเพราะเขาดูแลที่นี่มาตั้งนานแล้ว ผิวเขาจะค่อนข้างเข้มและใบหน้าได้รูป ทำให้เขาดูเป็นคนที่จริงใจกับคนอื่น

ในตอนที่เหล่าหวังเห็นว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นแค่เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง เขาจึงคิดไว้ว่าเธอน่าจะเป็นลูกเศรษฐีที่ออกมาเที่ยวเล่นเท่านั้น และในตอนที่เขาเห็นหินหยกที่เธอเป็นคนเลือก ลักษณะของหินหยกนั้นไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าที่ควร เพราะทุกชิ้นมีรอยแตกอยู่ แสดงว่าเธอจะต้องเป็นมือใหม่แน่นอน แต่เพราะหินหยกในร้านของเขามีราคาสูงทั้งหมด เขากลับคิดว่าอีกฝ่ายต้องไม่ใช่แค่เด็กสาวธรรมดา ถึงเขาจะเปิดธุรกิจนี้มานานแต่ก็ยังเชื่อในเรื่องของความซื่อสัตย์ แน่นอนว่าเขาไม่เอาเปรียบเด็กสาวคนนี้เด็ดขาด ใครมันจะไปทำเรื่องแบบนั้นกัน คงมีแค่คนโง่เท่านั้นแหละ

“กองหินหยกที่คุณหนูเลือกมาทั้งหมดราคา 2,000 หยวนต่อ 1 จิน และทั้งหมดนี้หนักประมาณ 380 จิน ก็เท่ากับว่ามันมีราคา 760,000 หยวน ไม่ทราบว่าคุณหนูสนใจจะจ่ายเป็นเงินสดหรือว่าโอนครับ?” เหล่าหวังเอ่ยถาม

“ถ้างั้น ขอเป็นโอนเงินก็แล้วกันค่ะ” มู่หรงเสวี่ยไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาแล้ว เธอโอนเงินสดจากบัญชีตัวเอง 760,000 เข้าบัญชีร้านในทันที เวลาผ่านไปไม่ถึงสองนาที เหล่าหวังก็หันมาบอกเธอว่าเขาได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว

“คุณหนูต้องการให้ทางร้านตัดหินออกมาด้วยเลยไหมครับ?”

“ค่ะ ตัดเลยค่ะ” มู่หรงเสวี่ยหยิบหินชิ้นแรกออกมา จากนั้นก็หยิบออกมาอีก 2-3 ชิ้น โดยที่มีราคาถูกกว่าชิ้นแรก ส่วนเหตุผลที่เธอทำแบบนั้น เป็นเพราะคนอื่นจะได้ไม่เกิดความสงสัยในตัวเธอ และเธอเองก็อยากรู้ด้วยว่ามันจะเหมือนกับที่เธอเห็นก่อนหน้านี้หรือเปล่า

มู่หรงเสวี่ยเดินไปหาอาจารย์ตัดหินและพบว่ามีคนมากมายกำลังยืนล้อมรอบตัวเขาอยู่ กลายเป็นว่าเขากำลังตัดหินอยู่ และเจ้าของหยกก้อนนั้นคือชายอ้วนวัยกลางคน เขาแต่งตัวเรียบร้อย เกรงว่าเขาน่าจะเป็นช่างชำนาญเรื่องหยก ยิ่งฝุ่นแป้งจากการตัดหินเพิ่มมากขึ้นเท่าไร บรรยากาศรอบตัวก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเท่านั้น คุณลุงเจ้าของร้านหยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่งขึ้นมาซับเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมาตามใบหน้า

บอกได้ว่าสิ่งที่อาจารย์ตัดหินกำลังทำอยู่สามารถทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเลย คงต้องบอกว่าลุงคนนี้โชคไม่ค่อยดีเท่าไรเลยจริงๆ

ทุกคนบอกว่าที่หินเหมือนจะมีรอย แต่พวกเขาก็เห็นว่าหินส่วนท้ายได้แตกไปแล้ว นอกจากมันจะไม่ใช่สีเขียวแล้ว มันยังไม่มีสีเขียวเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงนั้นมีแค่ชั้นผิวใสๆบางๆที่จุดเริ่มต้นของรอยบากเท่านั้น ทั้งๆที่จริงๆแล้วพื้นผิวจริงควรจะเป็นสีเขียวต่างหาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+