ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 118 อาหารเย็นที่พลาดไป

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 118 อาหารเย็นที่พลาดไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 118
อาหารเย็นที่พลาดไป

“เขาไม่ได้รักฉัน…” ไป่เสวี่ยหลี่พูดอย่างสิ้นหวัง
“คุณหนูอาจจะไม่รู้ แต่ตอนนั้นที่คุณหนูยังโคม่าอยู่ คุณชายจะแวะมาดูคุณหนูทุกครั้งที่ท่านมีเวลาเลยนะคะ ท่านจะอยู่เฝ้าจนนาน พยายามหาหมอเก่งๆมารักษาคุณหนู ท่านต้องรักคุณหนูมากเลยนะคะ…” ป้าฟางเอาแต่พูดถึงวิธีที่ชางกวนโม่เคยปฏิบัติกับเธอก่อนหน้านี้ เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาทันที

ดวงตาของไป๋เสวี่ยหลี่เลิกขึ้น “จริงเหรอคะ?” ที่มุมปากเองก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยและเธอก็ได้รู้ว่าพี่โม่มีเธออยู่ในหัวใจ ถ้าไม่ใช่เพราะมู่หรงเสวี่ย แล้วพี่โม่จะไม่สนใจเธอได้ยังไง…งั้นความผิดทั้งหมดก็เป็นเพราะมู่หรงเสวี่ย

“จริงสิคะ”
มู่หรงเสวี่ยไม่รู้เลยว่าตัวเองร้องไห้ไปมากมาย หลังจากที่กลับมาเกิดใหม่เธอคิดไว้ว่าจะไม่มีวันมีความรักอีกแต่เธอก็ยังก้าวเข้าไปในหลุมนรกที่เรียกว่าความรักและก็พาตัวเองกลับขึ้นมาไม่ได้

ชูอี้เสิ่นมองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่ร้องไห้อย่างหนักจนเหนื่อยและหลับไป แม้จะหลับแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะสะอื้น เมื่อเห็นแบบนี้เขาก็ค่อยๆอุ้มเธอขึ้น พาเธอขึ้นไปที่ห้องนอนและวางลงบนเตียงแล้วค่อยห่มผ้าให้เธออย่างระวัง

เขายืนมองอยู่นานจนขาเริ่มที่จะชาจึงได้เดินออกมา อยู่ที่นี่เขาก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ เขาต้องไปเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนหน้านี้เขาเจอเบาะแสเรื่องของไป่เสวี่ยหลี่มาบ้างนิดหน่อย ดูเหมือนว่าจะมีร่องรอยแปลกๆเต็มไปหมดแต่เขาก็ยังไม่เจอหลักฐานที่แน่ชัด เธอไม่ควรที่จะเกิดขึ้นมาในโลกนี้และตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นศัตรูของเธอ เขากังวลว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะทำอะไรเสี่ยวเสวี่ย

ชูอี้เสิ่นเพิ่งเดินออกมาจากประตูและเจอเข้ากับชางกวนโม่ เขากระแทกประตูปิด เดินอย่างเย็นชาตรงไปหาเขาพร้อมยกหมัดขึ้นไปที่ตาของชางกวนโม่ ชางกวนโม่เองก็โมโหเช่นกัน ถึงแม่ว่าไอ้บ้านี่ยังไม่ได้ชกเขา แต่เขากล้าที่จะชกจึงกำหมดและเหวี่ยงเข้าใส่

พวกเขาไม่ได้ใช้ทักษะการต่อสู้กันเลยสักนิดแต่สู้กันด้วยกำลังล้วนๆ แลกหมัดกันไปมาจนกระทั่งไม่เหลือแรงที่จะยืนบนพื้นอีกแล้ว

ในตอนนี้หน้าของทั้งสองเขียวช้ำกันไปหมด อย่างที่คาดไว้เขาเป็นศัตรูรักจริงๆ

“ทำไมนายต้องมายุ่งกับเธอด้วย?” ชูอี้เสิ่นถามอย่างโมโหไปที่ชางกวนโม่ที่กำลังยืนหอบอยู่ไม่ห่างนัก

ดวงตาของชางกวนโม่แวบประกายความโมโห “เรื่องความรักของฉันกับเสี่ยวเสวี่ยไม่เกี่ยวอะไรกับคนนอกอย่างนาย ถามมาก็ดีแล้ว ฉันขอเตือนนายเลยนะ เสี่ยวเสวี่ยเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่านายคิดอะไรอยู่!”

ชูอี้เสิ่นพูดอย่างเยือกเย็นและประชดประชัน “ถ้าไม่ใช่เพราะนายทำหน้าที่ได้แย่มาก ฉันจะมาสงสัยนายทำไมล่ะ? ในเมื่อนายรู้แล้วว่าฉันคิดอะไรอยู่ งั้นนายก็ควรที่จะทำดีกับเสี่ยวเสวี่ยไม่งั้นฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!”

“ภรรยาฉัน ฉันต้องทำดีกับเธออยู่แล้ว นายไม่ต้องมาบอกหรอก!”

“ดีกับเธองั้นเหรอ? ถ้านายดีกับเธอขนาดนั้นแล้วทำไมเธอถึงต้องร้องไห้มากมายแบบนั้นด้วยล่ะ…ไป่เสวี่ยหลี่ ผู้หญิงคนนั้นสำคัญมากเลยหรอกถึงทำให้นายทำร้ายเสี่ยวเสวี่ยได้?! ถ้าเธอสำคัญมากขนาดนั้นทำไมนายไม่ปล่อยมู่หรงเสวี่ยไปซะล่ะ…”

“ฝันไปเถอะ มู่หรงเสวี่ยเป็นของฉัน ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปตลอดชีวิตฉัน ไป๋เสวี่ยหลี่เป็นแค่น้องสาวฉัน…” ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาคงทำให้เธอเจ็บปวดมากกว่าความตายไปแล้ว แต่นี่เป็นน้องสาวของเขาที่ต้องมาบาดเจ็บสาหัสเพราะช่วยชีวิตเขา เขาจะทำกับเธออย่างโหดร้ายได้ยังไง

“น้องสาวงั้นเหรอ?! ฉันเกรงว่าจะไม่ใช่นะ…” เขายอมแพ้ เขาไม่อยากที่จะพูดอะไรกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว

ชางกวนโม่อาจจะเป็นผู้ชายที่ดีเลิศแต่เขาไม่ใช่สามีที่ดีเลิศเลย เขาคิดว่าตัวเองจะให้ความสุขกับเสี่ยวเสวี่ยได้แค่เพราะจัดการปัญหาเรื่องไป๋เสวี่ยหลี่ “เสี่ยวเสวี่ยหลับอยู่ อย่ากดกริ่งไปกวนเธอล่ะ!” เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไป เขาต้องกลับไปเพื่อสร้างอำนาจของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแข่งกับชางกวนโม่แต่เขาก็จะไม่ยอมแพ้

ชางกวนโม่ดึงมือที่กำลังจะกดกริ่งกลับอย่างไม่พอใจ ไอ้หมอนั้นยังมีหน้ามีเตือนเขาอย่างกับว่าตัวเองเป็นแฟนของ เสี่ยวเสวี่ยงั้นแหละ ไอ้เลว! แต่ยังไงซะเขาก็ยังไม่กล้าที่จะปลุก มู่หรงเสวี่ย เห็นได้ชัดว่าเขาคือคนที่รักเสี่ยวเสวี่ยที่สุดแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีขวากหนามมากมายขนาดนี้…มีคนมากมายเข้ามาขวาง ทำไมเขาต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย

เขามองไปที่ห้องของมู่หรงเสวี่ยที่ชั้นบนอยู่นานแล้วก็หันหลังกลับ
หลังจากนั้นไป๋เสวี่ยหลี่ก็รีบออกจากโรงพยาบาลและกลับไปที่คฤหาสน์ เธอไม่ได้ไปรบกวนชางกวนโม่อยู่หลายวัน ชางกวนโม่เองก็ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะคิดว่าเธอได้ฟังเรื่องที่เขาพูดวันนั้นและในที่สุดก็เข้าใจแล้ว ถ้าไป๋เสวี่ยหลี่สามารถเข้าใจได้มันก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาทั้งสามคน

ในช่วงนี้ทันทีที่เขาทำงานเสร็จ เขาก็จะรีบไปหา มู่หรงเสวี่ย บางครั้งพวกเขาก็จะออกไปดูหนังบ้าง, ปีนเขาบ้าง, หรือถึงขนาดไปเล่นเครื่องร่อนด้วยและอื่นๆอีก หลังจากการทะเลาะกันครั้งที่แล้ว พวกเขาก็ได้รู้ว่าความทรงจำระหว่างพวกเขาสองคนนั้นน้อยมากๆ ดังนั้นพวกเขาจึงอยากที่จะเติมเต็มทุกอย่างที่พวกเขาเคยพลาดไปก่อนหน้านี้

เมื่อไม่มีไป๋เสวี่ยหลี่ พวกเขาต่างก็รู้สึกโล่งอกอย่างมาก ทุกๆวันพวกเขาต่างก็มีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มสดใสอยู่บนใบหน้า ถ้าพวกเขาจะมีความสุขแบบนี้ไปตลอดเวลา

ไม่รู้ว่าทำไมแต่อาทิตย์นี้ชูอี้เสิ่นก็ไม่มาหามู่หรงเสวี่ยด้วยเหมือนกัน บางทีอาจจะเป็นเพราะเขารู้ว่าชางกวนโม่อยู่ที่นี่ด้วยก็ได้ บางทีเขาอาจจะยุ่งอยู่กับเรื่องอื่นอยู่ เขากับมู่หรงเสวี่ยมีช่วงเวลาที่ดีด้วยกันอย่างมาก

ในระหว่างนี้มู่หรงเสวี่ยเองก็เปิดใจขึ้นอย่างมาก เธอไม่ได้นึกถึงข้อผิดพลาดระหว่างชางกวนโม่และไป๋เสวี่ยหลี่แล้ว ตราบใดที่ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่มายุ่งกับเธอ เธอก็พร้อมที่จะพยายามลืมความผิดพลาดของพวกเขา

มู่หรงเสวี่ยกำลังเตรียมอาหารค่ำอย่างมีความสุขเหมือนอย่างปกติ รอให้ชางกวนโม่กลับมา ถ้าเป็นเวลานี้ของวันก่อนๆเขาจะรีบทำงานให้เสร็จและกลับมากินข้าวพร้อมเธอตลอด ไม่ว่าเขาจะยุ่งมากแค่ไหน เขาบอกว่ามีเพียงที่บ้านเธอเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกสงบอย่างมากซึ่งทำให้หัวใจของเธออบอุ่นและทำให้เธอยินดีที่จะเตรียมอาหารอย่างระวังเสมอในช่วงเวลานี้ของทุกวัน เธอจะทำทุกอย่างที่เขาบอกว่าอร่อย…

วันนี้เธอเตรียมอาหารอย่างหรูหราแล้วก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมวันนี้เขาถึงกลับช้าขนาดนี้ ทันใดนั้นเธอก็ได้รับสายจากชางกวนโม่ซึ่งบอกว่าเขามีเรื่องที่ต้องจัดการงั้นวันนี้เขาจะไม่ได้แวะมา มู่หรงเสวี่ยได้ยินแค่สองประโยคเท่านั้น เขาบอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แล้วเขาก็วางสายไปทันที

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่โต๊ะตรงหน้าที่เต็มไปด้วยอาหาร ทันใดนั้นก็รู้สึกว่างเปล่า เพราะอาทิตย์นี้พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดและทันใดนั้นเธอก็หมดอารมณ์ที่จะกินอาหารที่เต็มโต๊ะตรงหน้าขึ้นมาเลย

ถ้าเพียงแค่โม่อ้ายหลี่อยู่ที่นี่ด้วย อาหารพวกนี้ก็คงจะมีความสุขอย่างมาก เธอคิดถึงเรื่องนี้และโทรหาพี่ชูชวนให้เขามากินข้าวด้วยกัน ไม่งั้นอาหารที่เธอพยายามทำมาอย่างหนักอยู่หลายชั่วโมงก็คงจะต้องสูญเปล่า อีกอย่างเธอก็ไม่มีเพื่อนที่เมืองหลวงมากด้วย เลยไม่รู้ว่าจะต้องโทรหาใครนอกจากพี่ชู พี่จางเองก็เป็นเพื่อนเธอด้วยแต่หลังจากเรื่องเข้าใจผิดกันเมื่อครั้งที่แล้ว พวกเขาก็ตกลงกันว่าจะไม่ติดต่อกันเอง

อันที่จริง ครั้งหนึ่งเธอเคยลองพูดถึงพี่จางกับชางกวนโม่แล้วแต่ก็พบว่าสีหน้าของชางกวนโม่เข้มขึ้นมาทันทีและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ ถึงแม้เขาไม่ได้อาละวาดเหมือนครั้งก่อนแต่เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็รู้แล้วว่าเธอต้องเสียเพื่อนไป

มู่หรงเสวี่ยไม่เข้าใจว่าทำไมชางกวนโม่ถึงต้องโกรธมากมายขนาดนั้น พูดตามตรงเธอคิดว่าพี่จางเป็นคนที่สุภาพอย่างมาก เวลาส่วนใหญ่เขาก็จะดูแลผู้คนอย่างดีมากๆ ยกเว้นก็แต่ความคลั่งไคล้ในเรื่องทักษะทางการแพทย์

ไม่นานหลังจากนั้นกริ่งที่หน้าประตูก็ดังขึ้น ชูอี้เสิ่นรับสายจากเธอและรีบมาอย่างเร็ว ตราบใดที่เธอคิดถึงเขา เขาจะรีบมาอยู่ข้างเธอโดยไม่ลังเลเลย

“พี่ชู วันนี้พี่โชคดีแล้วฉันทำอาหารไว้เยอะเลย” มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ชูอี้เสิ่นมองใบหน้ายิ้มของเธออย่างหลงใหล เขาไม่เจอเธอมาทั้งอาทิตย์ ดูเหมือนเธอจะสวยและอารมณ์ดีขึ้นมาก ไม่ต้องพูดเลยว่าเธอไปได้ดีกับชางกวนโม่อย่างมาก ในใจเขารู้สึกยุ่งเหยิงอย่างมาก ถ้าตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองมีความสุข งั้นไม่ว่าเขาจะทำมากแค่ไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลย
“เข้ามากินก่อนเถอะค่ะ มัวแต่ยืนอยู่ได้พี่ชู!” มู่หรงเสวี่ยมองเขาที่ท่าทางแปลกๆ ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูไม่ยอมขยับ

“โอเค เข้าไปกันเถอะ!” เขาได้สติขึ้นมาทันทีและตอบออกไปพร้อมรอยยิ้ม

เมื่อเขาเดินเข้าไปที่โต๊ะ เขาก็เห็นว่ามีอาหารมากมายขนาดไหน เขารู้ว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นคนทำอาหารทั้งหมดนี้ ปกติแล้วเสี่ยวเสวี่ยจะทำอาหารอย่างมากก็แค่ห้าอย่าง เขาไม่คิดเลยว่าวันนี้เธอจะทำอาหารมากขนาดนี้ “วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยตกใจ เธอไม่คิดว่าเขาจะถามแบบนี้แต่วันนี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไร มันเป็นวันเกิดของเธอ ในช่วงนี้มีอะไรเกิดขึ้นมากมายจนเธอลืม เธอจำวันเกิดตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แค่เมื่อเช้านี้เองที่เธอได้รับคำอวยพรวันเกิดจากพ่อแม่และโม่อ้ายหลี่ เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดอายุ 16 ปีของเธอ

โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเธอเพิ่งจะได้กลับมาเกิดใหม่เมื่อปีที่แล้วนี่เอง แต่เธอรู้สึกราวกับว่านี่ผ่านมาเป็นศตวรรษแล้ว
เดิมทีเธออยากที่จะฉลองกับชางกวนโม่แต่ไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ไม่ได้ ต้องพูดเลยว่าเธอรู้สึกผิดหวังจริงๆ

มีเพียงแค่วันนี้ที่เธออยากจะใช้เวลาร่วมกับเขาเท่านั้น
มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เพื่อนสนิทของเธอและพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ก็แค่วันเกิดฉันเอง ฉันเลยทำอาหารมากไปหน่อย! ฮ่าฮ่า”

“วันนี้เป็นวันเกิดเธองั้นเหรอ?” ชูอี้เสิ่นรู้สึกแปลกใจแล้วก็รู้สึกรำคาญขึ้นมานิดหน่อยที่ตัวเองไม่ได้นึกถึงเรื่องวันเกิดของ มู่หรงเสวี่ยเลย เขาพลาดโอกาสที่จะได้มอบของขวัญให้เธอไปเลย

“ใช่ เพราะงั้นเราถึงต้องมากินข้าวด้วยกันไงคะ!”
ชูอี้เสิ่นไม่สนใจว่าอาหารบนโต๊ะจะเยอะมากแค่ไหนและพยักหน้าออกไปอย่างจริงจัง “โอเค!”

เขาไม่ได้ถามว่าทำไมชางกวนโม่ถึงไม่มาอยู่กับเธอ เขาไม่อยากพูดถึงผู้ชายที่ทำให้เธอไม่สบายใจเวลาที่พวกเขามีปัญหากัน สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือกลัวว่าเสี่ยวเสวี่ยจะต้องเศร้า ก่อนที่เขาจะมาถึง เธอเตรียมอาหารไว้เต็มโต๊ะ นี่ก็ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้อยากที่จะกินข้าวกับเขา บางทีคนที่เสี่ยวเสวี่ยอยากจะกินด้วยมากที่สุดคือชางกวนโม่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 118 อาหารเย็นที่พลาดไป

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 118 อาหารเย็นที่พลาดไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 118
อาหารเย็นที่พลาดไป

“เขาไม่ได้รักฉัน…” ไป่เสวี่ยหลี่พูดอย่างสิ้นหวัง
“คุณหนูอาจจะไม่รู้ แต่ตอนนั้นที่คุณหนูยังโคม่าอยู่ คุณชายจะแวะมาดูคุณหนูทุกครั้งที่ท่านมีเวลาเลยนะคะ ท่านจะอยู่เฝ้าจนนาน พยายามหาหมอเก่งๆมารักษาคุณหนู ท่านต้องรักคุณหนูมากเลยนะคะ…” ป้าฟางเอาแต่พูดถึงวิธีที่ชางกวนโม่เคยปฏิบัติกับเธอก่อนหน้านี้ เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาทันที

ดวงตาของไป๋เสวี่ยหลี่เลิกขึ้น “จริงเหรอคะ?” ที่มุมปากเองก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยและเธอก็ได้รู้ว่าพี่โม่มีเธออยู่ในหัวใจ ถ้าไม่ใช่เพราะมู่หรงเสวี่ย แล้วพี่โม่จะไม่สนใจเธอได้ยังไง…งั้นความผิดทั้งหมดก็เป็นเพราะมู่หรงเสวี่ย

“จริงสิคะ”
มู่หรงเสวี่ยไม่รู้เลยว่าตัวเองร้องไห้ไปมากมาย หลังจากที่กลับมาเกิดใหม่เธอคิดไว้ว่าจะไม่มีวันมีความรักอีกแต่เธอก็ยังก้าวเข้าไปในหลุมนรกที่เรียกว่าความรักและก็พาตัวเองกลับขึ้นมาไม่ได้

ชูอี้เสิ่นมองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่ร้องไห้อย่างหนักจนเหนื่อยและหลับไป แม้จะหลับแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะสะอื้น เมื่อเห็นแบบนี้เขาก็ค่อยๆอุ้มเธอขึ้น พาเธอขึ้นไปที่ห้องนอนและวางลงบนเตียงแล้วค่อยห่มผ้าให้เธออย่างระวัง

เขายืนมองอยู่นานจนขาเริ่มที่จะชาจึงได้เดินออกมา อยู่ที่นี่เขาก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ เขาต้องไปเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนหน้านี้เขาเจอเบาะแสเรื่องของไป่เสวี่ยหลี่มาบ้างนิดหน่อย ดูเหมือนว่าจะมีร่องรอยแปลกๆเต็มไปหมดแต่เขาก็ยังไม่เจอหลักฐานที่แน่ชัด เธอไม่ควรที่จะเกิดขึ้นมาในโลกนี้และตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นศัตรูของเธอ เขากังวลว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะทำอะไรเสี่ยวเสวี่ย

ชูอี้เสิ่นเพิ่งเดินออกมาจากประตูและเจอเข้ากับชางกวนโม่ เขากระแทกประตูปิด เดินอย่างเย็นชาตรงไปหาเขาพร้อมยกหมัดขึ้นไปที่ตาของชางกวนโม่ ชางกวนโม่เองก็โมโหเช่นกัน ถึงแม่ว่าไอ้บ้านี่ยังไม่ได้ชกเขา แต่เขากล้าที่จะชกจึงกำหมดและเหวี่ยงเข้าใส่

พวกเขาไม่ได้ใช้ทักษะการต่อสู้กันเลยสักนิดแต่สู้กันด้วยกำลังล้วนๆ แลกหมัดกันไปมาจนกระทั่งไม่เหลือแรงที่จะยืนบนพื้นอีกแล้ว

ในตอนนี้หน้าของทั้งสองเขียวช้ำกันไปหมด อย่างที่คาดไว้เขาเป็นศัตรูรักจริงๆ

“ทำไมนายต้องมายุ่งกับเธอด้วย?” ชูอี้เสิ่นถามอย่างโมโหไปที่ชางกวนโม่ที่กำลังยืนหอบอยู่ไม่ห่างนัก

ดวงตาของชางกวนโม่แวบประกายความโมโห “เรื่องความรักของฉันกับเสี่ยวเสวี่ยไม่เกี่ยวอะไรกับคนนอกอย่างนาย ถามมาก็ดีแล้ว ฉันขอเตือนนายเลยนะ เสี่ยวเสวี่ยเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่านายคิดอะไรอยู่!”

ชูอี้เสิ่นพูดอย่างเยือกเย็นและประชดประชัน “ถ้าไม่ใช่เพราะนายทำหน้าที่ได้แย่มาก ฉันจะมาสงสัยนายทำไมล่ะ? ในเมื่อนายรู้แล้วว่าฉันคิดอะไรอยู่ งั้นนายก็ควรที่จะทำดีกับเสี่ยวเสวี่ยไม่งั้นฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!”

“ภรรยาฉัน ฉันต้องทำดีกับเธออยู่แล้ว นายไม่ต้องมาบอกหรอก!”

“ดีกับเธองั้นเหรอ? ถ้านายดีกับเธอขนาดนั้นแล้วทำไมเธอถึงต้องร้องไห้มากมายแบบนั้นด้วยล่ะ…ไป่เสวี่ยหลี่ ผู้หญิงคนนั้นสำคัญมากเลยหรอกถึงทำให้นายทำร้ายเสี่ยวเสวี่ยได้?! ถ้าเธอสำคัญมากขนาดนั้นทำไมนายไม่ปล่อยมู่หรงเสวี่ยไปซะล่ะ…”

“ฝันไปเถอะ มู่หรงเสวี่ยเป็นของฉัน ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปตลอดชีวิตฉัน ไป๋เสวี่ยหลี่เป็นแค่น้องสาวฉัน…” ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาคงทำให้เธอเจ็บปวดมากกว่าความตายไปแล้ว แต่นี่เป็นน้องสาวของเขาที่ต้องมาบาดเจ็บสาหัสเพราะช่วยชีวิตเขา เขาจะทำกับเธออย่างโหดร้ายได้ยังไง

“น้องสาวงั้นเหรอ?! ฉันเกรงว่าจะไม่ใช่นะ…” เขายอมแพ้ เขาไม่อยากที่จะพูดอะไรกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว

ชางกวนโม่อาจจะเป็นผู้ชายที่ดีเลิศแต่เขาไม่ใช่สามีที่ดีเลิศเลย เขาคิดว่าตัวเองจะให้ความสุขกับเสี่ยวเสวี่ยได้แค่เพราะจัดการปัญหาเรื่องไป๋เสวี่ยหลี่ “เสี่ยวเสวี่ยหลับอยู่ อย่ากดกริ่งไปกวนเธอล่ะ!” เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไป เขาต้องกลับไปเพื่อสร้างอำนาจของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแข่งกับชางกวนโม่แต่เขาก็จะไม่ยอมแพ้

ชางกวนโม่ดึงมือที่กำลังจะกดกริ่งกลับอย่างไม่พอใจ ไอ้หมอนั้นยังมีหน้ามีเตือนเขาอย่างกับว่าตัวเองเป็นแฟนของ เสี่ยวเสวี่ยงั้นแหละ ไอ้เลว! แต่ยังไงซะเขาก็ยังไม่กล้าที่จะปลุก มู่หรงเสวี่ย เห็นได้ชัดว่าเขาคือคนที่รักเสี่ยวเสวี่ยที่สุดแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีขวากหนามมากมายขนาดนี้…มีคนมากมายเข้ามาขวาง ทำไมเขาต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย

เขามองไปที่ห้องของมู่หรงเสวี่ยที่ชั้นบนอยู่นานแล้วก็หันหลังกลับ
หลังจากนั้นไป๋เสวี่ยหลี่ก็รีบออกจากโรงพยาบาลและกลับไปที่คฤหาสน์ เธอไม่ได้ไปรบกวนชางกวนโม่อยู่หลายวัน ชางกวนโม่เองก็ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะคิดว่าเธอได้ฟังเรื่องที่เขาพูดวันนั้นและในที่สุดก็เข้าใจแล้ว ถ้าไป๋เสวี่ยหลี่สามารถเข้าใจได้มันก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาทั้งสามคน

ในช่วงนี้ทันทีที่เขาทำงานเสร็จ เขาก็จะรีบไปหา มู่หรงเสวี่ย บางครั้งพวกเขาก็จะออกไปดูหนังบ้าง, ปีนเขาบ้าง, หรือถึงขนาดไปเล่นเครื่องร่อนด้วยและอื่นๆอีก หลังจากการทะเลาะกันครั้งที่แล้ว พวกเขาก็ได้รู้ว่าความทรงจำระหว่างพวกเขาสองคนนั้นน้อยมากๆ ดังนั้นพวกเขาจึงอยากที่จะเติมเต็มทุกอย่างที่พวกเขาเคยพลาดไปก่อนหน้านี้

เมื่อไม่มีไป๋เสวี่ยหลี่ พวกเขาต่างก็รู้สึกโล่งอกอย่างมาก ทุกๆวันพวกเขาต่างก็มีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มสดใสอยู่บนใบหน้า ถ้าพวกเขาจะมีความสุขแบบนี้ไปตลอดเวลา

ไม่รู้ว่าทำไมแต่อาทิตย์นี้ชูอี้เสิ่นก็ไม่มาหามู่หรงเสวี่ยด้วยเหมือนกัน บางทีอาจจะเป็นเพราะเขารู้ว่าชางกวนโม่อยู่ที่นี่ด้วยก็ได้ บางทีเขาอาจจะยุ่งอยู่กับเรื่องอื่นอยู่ เขากับมู่หรงเสวี่ยมีช่วงเวลาที่ดีด้วยกันอย่างมาก

ในระหว่างนี้มู่หรงเสวี่ยเองก็เปิดใจขึ้นอย่างมาก เธอไม่ได้นึกถึงข้อผิดพลาดระหว่างชางกวนโม่และไป๋เสวี่ยหลี่แล้ว ตราบใดที่ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่มายุ่งกับเธอ เธอก็พร้อมที่จะพยายามลืมความผิดพลาดของพวกเขา

มู่หรงเสวี่ยกำลังเตรียมอาหารค่ำอย่างมีความสุขเหมือนอย่างปกติ รอให้ชางกวนโม่กลับมา ถ้าเป็นเวลานี้ของวันก่อนๆเขาจะรีบทำงานให้เสร็จและกลับมากินข้าวพร้อมเธอตลอด ไม่ว่าเขาจะยุ่งมากแค่ไหน เขาบอกว่ามีเพียงที่บ้านเธอเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกสงบอย่างมากซึ่งทำให้หัวใจของเธออบอุ่นและทำให้เธอยินดีที่จะเตรียมอาหารอย่างระวังเสมอในช่วงเวลานี้ของทุกวัน เธอจะทำทุกอย่างที่เขาบอกว่าอร่อย…

วันนี้เธอเตรียมอาหารอย่างหรูหราแล้วก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมวันนี้เขาถึงกลับช้าขนาดนี้ ทันใดนั้นเธอก็ได้รับสายจากชางกวนโม่ซึ่งบอกว่าเขามีเรื่องที่ต้องจัดการงั้นวันนี้เขาจะไม่ได้แวะมา มู่หรงเสวี่ยได้ยินแค่สองประโยคเท่านั้น เขาบอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แล้วเขาก็วางสายไปทันที

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่โต๊ะตรงหน้าที่เต็มไปด้วยอาหาร ทันใดนั้นก็รู้สึกว่างเปล่า เพราะอาทิตย์นี้พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดและทันใดนั้นเธอก็หมดอารมณ์ที่จะกินอาหารที่เต็มโต๊ะตรงหน้าขึ้นมาเลย

ถ้าเพียงแค่โม่อ้ายหลี่อยู่ที่นี่ด้วย อาหารพวกนี้ก็คงจะมีความสุขอย่างมาก เธอคิดถึงเรื่องนี้และโทรหาพี่ชูชวนให้เขามากินข้าวด้วยกัน ไม่งั้นอาหารที่เธอพยายามทำมาอย่างหนักอยู่หลายชั่วโมงก็คงจะต้องสูญเปล่า อีกอย่างเธอก็ไม่มีเพื่อนที่เมืองหลวงมากด้วย เลยไม่รู้ว่าจะต้องโทรหาใครนอกจากพี่ชู พี่จางเองก็เป็นเพื่อนเธอด้วยแต่หลังจากเรื่องเข้าใจผิดกันเมื่อครั้งที่แล้ว พวกเขาก็ตกลงกันว่าจะไม่ติดต่อกันเอง

อันที่จริง ครั้งหนึ่งเธอเคยลองพูดถึงพี่จางกับชางกวนโม่แล้วแต่ก็พบว่าสีหน้าของชางกวนโม่เข้มขึ้นมาทันทีและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ ถึงแม้เขาไม่ได้อาละวาดเหมือนครั้งก่อนแต่เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็รู้แล้วว่าเธอต้องเสียเพื่อนไป

มู่หรงเสวี่ยไม่เข้าใจว่าทำไมชางกวนโม่ถึงต้องโกรธมากมายขนาดนั้น พูดตามตรงเธอคิดว่าพี่จางเป็นคนที่สุภาพอย่างมาก เวลาส่วนใหญ่เขาก็จะดูแลผู้คนอย่างดีมากๆ ยกเว้นก็แต่ความคลั่งไคล้ในเรื่องทักษะทางการแพทย์

ไม่นานหลังจากนั้นกริ่งที่หน้าประตูก็ดังขึ้น ชูอี้เสิ่นรับสายจากเธอและรีบมาอย่างเร็ว ตราบใดที่เธอคิดถึงเขา เขาจะรีบมาอยู่ข้างเธอโดยไม่ลังเลเลย

“พี่ชู วันนี้พี่โชคดีแล้วฉันทำอาหารไว้เยอะเลย” มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ชูอี้เสิ่นมองใบหน้ายิ้มของเธออย่างหลงใหล เขาไม่เจอเธอมาทั้งอาทิตย์ ดูเหมือนเธอจะสวยและอารมณ์ดีขึ้นมาก ไม่ต้องพูดเลยว่าเธอไปได้ดีกับชางกวนโม่อย่างมาก ในใจเขารู้สึกยุ่งเหยิงอย่างมาก ถ้าตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองมีความสุข งั้นไม่ว่าเขาจะทำมากแค่ไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลย
“เข้ามากินก่อนเถอะค่ะ มัวแต่ยืนอยู่ได้พี่ชู!” มู่หรงเสวี่ยมองเขาที่ท่าทางแปลกๆ ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูไม่ยอมขยับ

“โอเค เข้าไปกันเถอะ!” เขาได้สติขึ้นมาทันทีและตอบออกไปพร้อมรอยยิ้ม

เมื่อเขาเดินเข้าไปที่โต๊ะ เขาก็เห็นว่ามีอาหารมากมายขนาดไหน เขารู้ว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นคนทำอาหารทั้งหมดนี้ ปกติแล้วเสี่ยวเสวี่ยจะทำอาหารอย่างมากก็แค่ห้าอย่าง เขาไม่คิดเลยว่าวันนี้เธอจะทำอาหารมากขนาดนี้ “วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยตกใจ เธอไม่คิดว่าเขาจะถามแบบนี้แต่วันนี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไร มันเป็นวันเกิดของเธอ ในช่วงนี้มีอะไรเกิดขึ้นมากมายจนเธอลืม เธอจำวันเกิดตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แค่เมื่อเช้านี้เองที่เธอได้รับคำอวยพรวันเกิดจากพ่อแม่และโม่อ้ายหลี่ เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดอายุ 16 ปีของเธอ

โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเธอเพิ่งจะได้กลับมาเกิดใหม่เมื่อปีที่แล้วนี่เอง แต่เธอรู้สึกราวกับว่านี่ผ่านมาเป็นศตวรรษแล้ว
เดิมทีเธออยากที่จะฉลองกับชางกวนโม่แต่ไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ไม่ได้ ต้องพูดเลยว่าเธอรู้สึกผิดหวังจริงๆ

มีเพียงแค่วันนี้ที่เธออยากจะใช้เวลาร่วมกับเขาเท่านั้น
มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เพื่อนสนิทของเธอและพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ก็แค่วันเกิดฉันเอง ฉันเลยทำอาหารมากไปหน่อย! ฮ่าฮ่า”

“วันนี้เป็นวันเกิดเธองั้นเหรอ?” ชูอี้เสิ่นรู้สึกแปลกใจแล้วก็รู้สึกรำคาญขึ้นมานิดหน่อยที่ตัวเองไม่ได้นึกถึงเรื่องวันเกิดของ มู่หรงเสวี่ยเลย เขาพลาดโอกาสที่จะได้มอบของขวัญให้เธอไปเลย

“ใช่ เพราะงั้นเราถึงต้องมากินข้าวด้วยกันไงคะ!”
ชูอี้เสิ่นไม่สนใจว่าอาหารบนโต๊ะจะเยอะมากแค่ไหนและพยักหน้าออกไปอย่างจริงจัง “โอเค!”

เขาไม่ได้ถามว่าทำไมชางกวนโม่ถึงไม่มาอยู่กับเธอ เขาไม่อยากพูดถึงผู้ชายที่ทำให้เธอไม่สบายใจเวลาที่พวกเขามีปัญหากัน สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือกลัวว่าเสี่ยวเสวี่ยจะต้องเศร้า ก่อนที่เขาจะมาถึง เธอเตรียมอาหารไว้เต็มโต๊ะ นี่ก็ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้อยากที่จะกินข้าวกับเขา บางทีคนที่เสี่ยวเสวี่ยอยากจะกินด้วยมากที่สุดคือชางกวนโม่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+