ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 141 ความรู้สึกของพี่ชู

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 141 ความรู้สึกของพี่ชู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 141
ความรู้สึกของพี่ชู

“แต่นี่จะไม่กระทบกับงานของพี่ชูเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
ชูอี้เสิ่นหัวเราะ “ไม่หรอก งานน่ะทำที่ไหนก็ได้ อีกอย่างนะเสี่ยวเสวี่ย ฉันดีใจนะที่เธอโทรหาฉัน…” นี่พิสูจน์ให้เห็นว่า เสี่ยวเสวี่ยมีเขาอยู่ในหัวใจด้วยใช่ไหม?!

“พี่ชู ฉันขอเตือนไว้ก่อนนะ ฉันคิดว่าในอนาคตฉันคงจะสร้างปัญหาให้พี่อีกมาเลยล่ะ ฮ่าฮ่า…” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มมีความสุข

ชูอี้เสิ่นเพียงแค่แตะเธอที่หัวอย่างอ่อนโยน เธออาจจะไม่มีวันเข้าใจว่าปัญหาที่เธอพูดคือความสุขของเขา ถ้ามันจะเป็นโอกาสให้เขาได้ติดต่อกับเธอ เขาก็ยินดีที่จะมีปัญหา

ชูอี้เสิ่นโทรเรียกลูกน้องตัวเองอยู่สักพัก
หลงอี้ไม่สนใจว่าพวกเขาจะทำอะไร ในความคิดของเขาแม้จะเรียกคนมาอีกเป็นสิบ พวกเขาก็ไม่สนใจหรอก ถ้าคนพวกนั้นไม่เปิดเผยตัวตนของพวกเขา พวกเขาก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก

ในตอนเย็น ชูอี้เสิ่นเก็บของตัวเองเพื่อเอามาค้างที่นี่ ก็มีพวกเสื้อผ้าและคอมพิวเตอร์สำหรับทำงาน เขาพักในห้องที่อยู่ข้างๆห้องของมู่หรงเสวี่ย ตอนที่เขาเห็นฮวงฟูอี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสีหน้าเปลี่ยน เขาคิดว่าน้องชายของเสี่ยวเสวี่ยจะเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ แต่ไม่คิดว่าจะอายุพอๆกับเขาแบบนี้

เขาดึงมู่หรงเสวี่ยมาด้านข้างและพูดกระซิบด้วยความไม่พอใจ “เสี่ยวเสวี่ย นี่เธอโง่หรือไง? เธอไปนอนกับเขาได้ยังไง?”

มู่หรงเสวี่ยตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นพี่ชูโกรธขนาดนี้ อันที่จริงเธอคิดว่ามันก็ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามเธอก็ปฏิเสธสายตาที่หวาดกลัวของฮวงฟูอี้ไม่ได้ อีกอย่างเขาเองก็เป็นเหมือนน้องชายเธอและเขาก็ไม่ได้คิดอะไรแบบผู้ใหญ่ด้วย “พี่ชู เขาเป็นแค่เด็กอายุห้าขวบเองนะ…”
“แต่เขาไม่ใช่เด็กห้าขวบนะ ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้เนี่ย?! ถ้าเธอดูแลเขาดีแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนอนห้องเดียวกับเขาก็ได้ใช่ไหมล่ะ?”

มู่หรงเสวี่ยก้มหัวลง “อันที่จริงในตอนแรก ฉันเองก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะเท่าไรที่จะให้เขามานอนด้วยแต่เขาคงจะกลัว ฉันก็เลยปฏิเสธสายตาที่หวาดกลัวของเขาไม่ได้…อีกอย่าง ในช่วงนี้เขาก็ทำตัวน่ารักเหมือนเป็นน้องชายฉันจริงๆเลยด้วย…” เธอนึกถึงท่าทางน่ารักของเขาที่อยู่ข้างหลังเธอและอยากที่จะหัวเราะ

“เธอ…” ชูอี้เสิ่นโกรธเธออย่างมากที่เธอไม่รู้สึกอะไรถึงอันตรายเลยสักนิด คนที่อยู่ข้างนอกเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดา เขาได้ส่งบางคนไปสืบแล้วแต่ก็ไม่เจอเบาะแสอะไรเลย ซึ่งน่าจะบอกได้ว่าน้องชายของมู่หรงเสวี่ยคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

มู่หรงเสวี่ยเขย่าแขนเขาและพูดออกมาว่า “พี่ชู อย่าโกรธเลยนะ เขาไม่มีอะไรจริงๆนะคะ เขาก็แค่เหมือนพ่อแม่ เหมือนคนสำคัญในครอบครัวของฉันแค่นั้นเอง งั้น…”

“แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริงของเธอ แล้วเธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเดี๋ยวเขาก็ฟื้นความทรงจำแล้ว?! แล้วตอนนั้นเขาจะทำยังไง…” ทำไมเขาต้องโกรธเธอมากขนาดนั้นด้วย? เขาเพียงแค่เป็นห่วงเธอและค่อนข้างหึงนิดหน่อย

“ถึงตอนนั้น ถ้าเขายอมที่จะมองฉันเป็นพี่สาว ฉันก็คงจะมีความสุขอย่างมาก…แต่ถ้าไม่ ฉันก็คงไม่บังคับเขา…” ชูอี้เสิ่นพยายามห้ามใจไม่ให้กอดเธอ จึงตบไปที่หลังของเธอและพูดออกมาอย่างอ่อนโยน

“เด็กโง่เอ๊ย เธอนี่มันแปลกจริงๆ เธอทำมากพอแล้วนะ…” ทำไมเธอถึงผลักไสเขามากมายขนาดนี้และยอมรับเขาเป็นสมาชิกครอบครัวบ้างล่ะ? ผู้ชายคนนั้นโชคดีมากจริงๆที่ได้เธอมาเป็นคนดูแล…แล้วเขาก็มองเธอด้วยสายตาอึกอัก

“พี่ชู พี่เองก็เป็นคนที่สำคัญมากสำหรับฉันเหมือนกันนะ เหมือนพี่ชายของฉัน พี่คอยดูแลฉันเสมอ…” มู่หรงเสวี่ยซบไปที่แขนอบอุ่นของเขาและพูดเสียงเบา

ในมุมที่มองไม่เห็น ชูอี้เสิ่นแสดงสีหน้าขมขื่นเล็กน้อยและฝืนยิ้ม “ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันจะปกป้องเธอเอง…”

สิ่งที่เขาอยากจะเป็นไม่ใช่พี่ชายของเธอ แต่เขารู้ว่า มู่หรงเสวี่ยไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับเขา เขาก็รู้เรื่องของเสี่ยวเสวี่ยและชางกวนโม่ ในตอนนี้เขาจึงไม่อยากที่จะทำให้เธอต้องกังวลอีก

มู่หรงเสวี่ยค่อยๆปล่อยมือจากแขนของชูอี้เสิ่นและถามออกมา “พูดถึงเรื่องนี้ พี่ชูมีแฟนหรือยัง? แล้วจะแนะนำให้ฉันรู้จักเมื่อไรเนี่ย? ดูเหมือนฉันจะรู้เรื่องของพี่ชูไม่มากเท่าไรเลย ฉันอยากที่จะรู้เรื่องพี่ชูให้มากกว่านี้…” เพื่อนควรที่จะเข้าใจกัน บางครั้งท่าทางของพี่ชูก็ดูเปล่าเปลี่ยวแต่เธอยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“ฉันไม่มีแฟน มัวแต่ยุ่งเรื่องทำงานอยู่เลยไม่มีเวลาที่จะหาแฟน…” หัวใจของฉันมีเจ้าของแล้ว แล้วฉันจะมีหัวใจไปหาผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง? นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีแฟนเลย เขาไม่อยากที่จะมองผู้หญิงคนอื่นด้วยซ้ำ

“ไม่รู้เลยนะว่าสาวผู้โชคดีคนไหนจะได้กลายเป็นภรรยาพี่ชูเนี่ย เธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุดในโลกแน่ๆ…” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม น่าเสียดายที่ผู้ชายที่เธอเคยคบไปไม่ถึงสุดทาง

“ถ้าฉันไม่มีแฟนแล้วเธอก็อยากที่จะมีแฟน งั้นเรามาคบกันไหม” ชูอี้เสิ่นพูด กึ่งจริงจังกึ่งตลก

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้คิดจริงจังและพูดพร้อมรอยยิ้ม “ได้เลย! เพียงแค่ว่าฉันคิดว่าพี่ชูดีกับผู้หญิงมากจนไม่รู้ว่าจะไปหาได้ที่ไหน แล้วจะไม่มีสาวๆได้ยังไง…”

“ใครบอกเธอ รอบตัวฉันไม่มีผู้หญิงเลย ถ้าฉันมีแฟน ฉันจะปฏิบัติกับเธออย่างซื่อสัตย์ เทิดทูนเธอและไม่ปล่อยให้เธอต้องเป็นแบบแม่ฉัน…” เมื่อเขาพูดเรื่องนี้ สายตาเขาจ้องตรงไปที่ มู่หรงเสวี่ย

น่าเสียดายที่มู่หรงเสวี่ยไม่เห็นว่าพี่ชูเป็นผู้ชายที่ดีมากแค่ไหน เธอเชื่อว่าใครก็ตามที่ได้แต่งงานกับพี่ชูจะต้องมีความสุขแน่ๆ ไม่เหมือนกับเธอ เธอคือคนที่สูญเสียความสุขของตัวเองไปแล้ว ป่านนี้ชางกวนโม่น่าจะลืมเธอไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขาเหมือนกับบาดแผลในหัวใจของเธอ เป็นความเจ็บปวดที่มักจะผุดขึ้นมาในความคิดเธอเป็นครั้งคราว

หลังจากนั้น ชูอี้เสิ่นก็ยังมีเรื่องที่จะต้องจัดการ ดังนั้นเขาจึงกลับเข้าไปในห้องหนังสือในห้องตัวเองเพื่อจัดการเรื่องงาน ในระหว่างที่มู่หรงเสวี่ยเองก็อยู่ในห้องกำลังอ่านหนังสือเรียนและเคสพิเศษที่ศาสตราจารย์ไป๋ให้เธอมา มีบางเคสที่ยังไม่เจอวิธีรักษาดังนั้นเธอจึงนั่งอ่านและเฝ้าฮวงฟูอี้ไปด้วย

และหลงอี้ที่นั่งเฝ้ามาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว หลังจากนั้นเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจึงออกไปจากวิลล่าและเหลือไว้เพียงชายสองคนที่เฝ้าอยู่

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน มู่หรงเสวี่ยรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวบนเตียง เธอรีบวางหนังสือเรียนลงทันที เดินตรงเข้าไป “เสี่ยวอี้ ฟื้นแล้วเหรอ? รู้สึกเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” เธอถามอย่างเป็นกังวล เธอถึงขนาดเอามือวางที่หน้าผากของเขาแล้วเปลี่ยนมาจับชีพจรของเขาด้วย

มู่หรงเสวี่ยที่ยังไม่ได้ยินคำตอบ มองตรงไปที่ฮวงฟูอี้และพบว่าสายตาของเขาเย็นชาและริมฝีปากบางของเขาก็เผยอเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร?! ทันใดนั้นมู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกว่าเขาแปลกไปเล็กน้อยราวกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคน

เธอจึงดึงมือตัวเองกลับ สีหน้าดูซับซ้อนและค่อยๆเปิดปากอย่างระวัง “นายฟื้นความทรงจำแล้วใช่ไหม?” วินาทีนี้มันเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร นี่เธอจะต้องเสียน้องชายจริงๆแล้วงั้นเหรอ

อย่างไรก็ตามฮวงฟูอี้เผยรอยยิ้มเหมือนก่อนหน้านี้ “พี่สาว พี่พูดถึงความทรงจำอะไรเหรอ?ทำไมผมไม่เห็นเข้าใจเลย…” เสียงที่พูดออกมาเป็นน้ำเสียงปกติราวกับว่าความเย็นชาเมื่อกี้เป็นเรื่องที่เธอคิดไปเอง

ทำไมเขายังไม่ฟื้นความทรงจำอีก?! แปลกจัง แต่หัวใจก็ยังรู้สึกสับสนอยู่หน่อยๆ อีกด้านหนึ่งเธอก็มีความสุขที่เขายังเป็นน้องชายของเธออยู่แต่อีกด้านก็เป็นห่วงที่เขายังไม่ฟื้นความทรงจำ
“เสี่ยวอี้ นายจำเรื่องที่ผ่านมาได้บ้างไหม?” เธอถามอีกครั้ง

“มีอะไรเหรอครับ?! พี่สาว ผมเจ็บมากเลย…” ฮวงฟูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอามือเคาะไปที่หัวและร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

มู่หรงเสวี่ยรีบจับมือเขาและพูดอย่างอ่อนโยน “ถ้ายังจำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปคิดถึงมัน นายยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่บ่าย ฉันจะลงไปต้มโจ๊กมาให้แล้วกัน นายนอนพักอยู่นี่ก่อนนะ…” หลังจากที่ห่มผ้าให้เขาเสร็จ เธอก็เดินลงไปข้างล่างและเข้าไปในครัว

หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยเดินออกไป ประกายแสงในสายตาของเขาก็ไม่ชัดเจน มันก็เป็นเพียงการแสดงท่าทางใสซื่อของเด็กน้อยเพื่อให้มู่หรงเสวี่ยเห็นเท่านั้น

มู่หรงเสวี่ยใช้ประโยชน์ช่วงที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆดึงกลีบดอกบัวพันปีออกมาและใส่พวกมันลงในโจ๊ก แน่นอนว่าเธอใช้น้ำแห่งจิตวิญญาณในการต้มโจ๊กด้วย ดอกบัวพันปีจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บที่หัวได้เป็นอย่างดี เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมักจะรู้ว่าแปลกๆ เพราะป่านนี้ฮวงฟูอี้น่าจะฟื้นความทรงจำได้แล้ว เธอรักษาเขาด้วยเข็มทองคำและลิ่มเลือดที่หัวเขาก็สลายไปหมดแล้วด้วย ทำไมเขาถึงยังไม่ฟื้นความทรงจำอีก

ถึงแม้เขาจะยังเป็นน้องชายที่น่ารักของเธอ แต่เธอก็อยากให้เขาแข็งแรงมากกว่าตอนนี้

เมื่อมู่หรงเสวี่ยต้มโจ๊กเสร็จ ฮวงฟูอี้ก็เอนตัวนอนลงบนเตียง เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่?! บนสีหน้าที่สงบนิ่งไม่แสดงอามรณ์ใดๆ ใบหน้ายังเป็นใบหน้าเดิมแต่มู่หรงกลับรู้สึกแตกต่างออกไปเล็กน้อย ราวกับว่าบางอย่างในร่างกายเขาเปลี่ยนไป ทำไมล่ะ?

“เสี่ยวอี้ หิวหรือยัง กินโจ๊กก่อนนะ” มู่หรงเสวี่ยวางถาดโจ๊กลงบนโต๊ะ แล้วจึงยกถ้วยโจ๊กและส่งให้ฮวงฟูอี้

“พี่สาว มือผมไม่มีแรงเลย…” มือของฮวงฟูอี้สั่นเล็กน้อยตอนที่เขาเอื้อมมารับถ้วยโจ๊ก
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกว่าอีกนิดเขาจะทำถ้วยโจ๊กหกแล้ว เธอจึงไม่กล้าที่จะปล่อยมือ ถ้วยโจ๊กยังร้อนอยู่ด้วยคงไม่สนุกเท่าไรถ้าทำหกรดร่างกาย

“งั้นเดี๋ยวพี่สาวป้อนเอง”บางทีวันนี้ที่ออกไปเที่ยวข้างนอกเขาเลยเหนื่อยเกินไป อีกอย่างเมื่อตอนบ่ายฮวงฟูอี้ก็เป็นลมไปด้วยแล้วก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย เขาเลยไม่ค่อยจะมีแรง

“พี่สาวนี่ใจดีจริงๆเลย…”
มู่หรงเสวี่ยยิ้มและค่อยๆเป่าโจ๊กให้เย็นก่อนที่จะป้อนเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 141 ความรู้สึกของพี่ชู

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 141 ความรู้สึกของพี่ชู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 141
ความรู้สึกของพี่ชู

“แต่นี่จะไม่กระทบกับงานของพี่ชูเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
ชูอี้เสิ่นหัวเราะ “ไม่หรอก งานน่ะทำที่ไหนก็ได้ อีกอย่างนะเสี่ยวเสวี่ย ฉันดีใจนะที่เธอโทรหาฉัน…” นี่พิสูจน์ให้เห็นว่า เสี่ยวเสวี่ยมีเขาอยู่ในหัวใจด้วยใช่ไหม?!

“พี่ชู ฉันขอเตือนไว้ก่อนนะ ฉันคิดว่าในอนาคตฉันคงจะสร้างปัญหาให้พี่อีกมาเลยล่ะ ฮ่าฮ่า…” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มมีความสุข

ชูอี้เสิ่นเพียงแค่แตะเธอที่หัวอย่างอ่อนโยน เธออาจจะไม่มีวันเข้าใจว่าปัญหาที่เธอพูดคือความสุขของเขา ถ้ามันจะเป็นโอกาสให้เขาได้ติดต่อกับเธอ เขาก็ยินดีที่จะมีปัญหา

ชูอี้เสิ่นโทรเรียกลูกน้องตัวเองอยู่สักพัก
หลงอี้ไม่สนใจว่าพวกเขาจะทำอะไร ในความคิดของเขาแม้จะเรียกคนมาอีกเป็นสิบ พวกเขาก็ไม่สนใจหรอก ถ้าคนพวกนั้นไม่เปิดเผยตัวตนของพวกเขา พวกเขาก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก

ในตอนเย็น ชูอี้เสิ่นเก็บของตัวเองเพื่อเอามาค้างที่นี่ ก็มีพวกเสื้อผ้าและคอมพิวเตอร์สำหรับทำงาน เขาพักในห้องที่อยู่ข้างๆห้องของมู่หรงเสวี่ย ตอนที่เขาเห็นฮวงฟูอี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสีหน้าเปลี่ยน เขาคิดว่าน้องชายของเสี่ยวเสวี่ยจะเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ แต่ไม่คิดว่าจะอายุพอๆกับเขาแบบนี้

เขาดึงมู่หรงเสวี่ยมาด้านข้างและพูดกระซิบด้วยความไม่พอใจ “เสี่ยวเสวี่ย นี่เธอโง่หรือไง? เธอไปนอนกับเขาได้ยังไง?”

มู่หรงเสวี่ยตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นพี่ชูโกรธขนาดนี้ อันที่จริงเธอคิดว่ามันก็ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามเธอก็ปฏิเสธสายตาที่หวาดกลัวของฮวงฟูอี้ไม่ได้ อีกอย่างเขาเองก็เป็นเหมือนน้องชายเธอและเขาก็ไม่ได้คิดอะไรแบบผู้ใหญ่ด้วย “พี่ชู เขาเป็นแค่เด็กอายุห้าขวบเองนะ…”
“แต่เขาไม่ใช่เด็กห้าขวบนะ ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้เนี่ย?! ถ้าเธอดูแลเขาดีแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนอนห้องเดียวกับเขาก็ได้ใช่ไหมล่ะ?”

มู่หรงเสวี่ยก้มหัวลง “อันที่จริงในตอนแรก ฉันเองก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะเท่าไรที่จะให้เขามานอนด้วยแต่เขาคงจะกลัว ฉันก็เลยปฏิเสธสายตาที่หวาดกลัวของเขาไม่ได้…อีกอย่าง ในช่วงนี้เขาก็ทำตัวน่ารักเหมือนเป็นน้องชายฉันจริงๆเลยด้วย…” เธอนึกถึงท่าทางน่ารักของเขาที่อยู่ข้างหลังเธอและอยากที่จะหัวเราะ

“เธอ…” ชูอี้เสิ่นโกรธเธออย่างมากที่เธอไม่รู้สึกอะไรถึงอันตรายเลยสักนิด คนที่อยู่ข้างนอกเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดา เขาได้ส่งบางคนไปสืบแล้วแต่ก็ไม่เจอเบาะแสอะไรเลย ซึ่งน่าจะบอกได้ว่าน้องชายของมู่หรงเสวี่ยคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

มู่หรงเสวี่ยเขย่าแขนเขาและพูดออกมาว่า “พี่ชู อย่าโกรธเลยนะ เขาไม่มีอะไรจริงๆนะคะ เขาก็แค่เหมือนพ่อแม่ เหมือนคนสำคัญในครอบครัวของฉันแค่นั้นเอง งั้น…”

“แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริงของเธอ แล้วเธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเดี๋ยวเขาก็ฟื้นความทรงจำแล้ว?! แล้วตอนนั้นเขาจะทำยังไง…” ทำไมเขาต้องโกรธเธอมากขนาดนั้นด้วย? เขาเพียงแค่เป็นห่วงเธอและค่อนข้างหึงนิดหน่อย

“ถึงตอนนั้น ถ้าเขายอมที่จะมองฉันเป็นพี่สาว ฉันก็คงจะมีความสุขอย่างมาก…แต่ถ้าไม่ ฉันก็คงไม่บังคับเขา…” ชูอี้เสิ่นพยายามห้ามใจไม่ให้กอดเธอ จึงตบไปที่หลังของเธอและพูดออกมาอย่างอ่อนโยน

“เด็กโง่เอ๊ย เธอนี่มันแปลกจริงๆ เธอทำมากพอแล้วนะ…” ทำไมเธอถึงผลักไสเขามากมายขนาดนี้และยอมรับเขาเป็นสมาชิกครอบครัวบ้างล่ะ? ผู้ชายคนนั้นโชคดีมากจริงๆที่ได้เธอมาเป็นคนดูแล…แล้วเขาก็มองเธอด้วยสายตาอึกอัก

“พี่ชู พี่เองก็เป็นคนที่สำคัญมากสำหรับฉันเหมือนกันนะ เหมือนพี่ชายของฉัน พี่คอยดูแลฉันเสมอ…” มู่หรงเสวี่ยซบไปที่แขนอบอุ่นของเขาและพูดเสียงเบา

ในมุมที่มองไม่เห็น ชูอี้เสิ่นแสดงสีหน้าขมขื่นเล็กน้อยและฝืนยิ้ม “ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันจะปกป้องเธอเอง…”

สิ่งที่เขาอยากจะเป็นไม่ใช่พี่ชายของเธอ แต่เขารู้ว่า มู่หรงเสวี่ยไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับเขา เขาก็รู้เรื่องของเสี่ยวเสวี่ยและชางกวนโม่ ในตอนนี้เขาจึงไม่อยากที่จะทำให้เธอต้องกังวลอีก

มู่หรงเสวี่ยค่อยๆปล่อยมือจากแขนของชูอี้เสิ่นและถามออกมา “พูดถึงเรื่องนี้ พี่ชูมีแฟนหรือยัง? แล้วจะแนะนำให้ฉันรู้จักเมื่อไรเนี่ย? ดูเหมือนฉันจะรู้เรื่องของพี่ชูไม่มากเท่าไรเลย ฉันอยากที่จะรู้เรื่องพี่ชูให้มากกว่านี้…” เพื่อนควรที่จะเข้าใจกัน บางครั้งท่าทางของพี่ชูก็ดูเปล่าเปลี่ยวแต่เธอยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“ฉันไม่มีแฟน มัวแต่ยุ่งเรื่องทำงานอยู่เลยไม่มีเวลาที่จะหาแฟน…” หัวใจของฉันมีเจ้าของแล้ว แล้วฉันจะมีหัวใจไปหาผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง? นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีแฟนเลย เขาไม่อยากที่จะมองผู้หญิงคนอื่นด้วยซ้ำ

“ไม่รู้เลยนะว่าสาวผู้โชคดีคนไหนจะได้กลายเป็นภรรยาพี่ชูเนี่ย เธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุดในโลกแน่ๆ…” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม น่าเสียดายที่ผู้ชายที่เธอเคยคบไปไม่ถึงสุดทาง

“ถ้าฉันไม่มีแฟนแล้วเธอก็อยากที่จะมีแฟน งั้นเรามาคบกันไหม” ชูอี้เสิ่นพูด กึ่งจริงจังกึ่งตลก

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้คิดจริงจังและพูดพร้อมรอยยิ้ม “ได้เลย! เพียงแค่ว่าฉันคิดว่าพี่ชูดีกับผู้หญิงมากจนไม่รู้ว่าจะไปหาได้ที่ไหน แล้วจะไม่มีสาวๆได้ยังไง…”

“ใครบอกเธอ รอบตัวฉันไม่มีผู้หญิงเลย ถ้าฉันมีแฟน ฉันจะปฏิบัติกับเธออย่างซื่อสัตย์ เทิดทูนเธอและไม่ปล่อยให้เธอต้องเป็นแบบแม่ฉัน…” เมื่อเขาพูดเรื่องนี้ สายตาเขาจ้องตรงไปที่ มู่หรงเสวี่ย

น่าเสียดายที่มู่หรงเสวี่ยไม่เห็นว่าพี่ชูเป็นผู้ชายที่ดีมากแค่ไหน เธอเชื่อว่าใครก็ตามที่ได้แต่งงานกับพี่ชูจะต้องมีความสุขแน่ๆ ไม่เหมือนกับเธอ เธอคือคนที่สูญเสียความสุขของตัวเองไปแล้ว ป่านนี้ชางกวนโม่น่าจะลืมเธอไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขาเหมือนกับบาดแผลในหัวใจของเธอ เป็นความเจ็บปวดที่มักจะผุดขึ้นมาในความคิดเธอเป็นครั้งคราว

หลังจากนั้น ชูอี้เสิ่นก็ยังมีเรื่องที่จะต้องจัดการ ดังนั้นเขาจึงกลับเข้าไปในห้องหนังสือในห้องตัวเองเพื่อจัดการเรื่องงาน ในระหว่างที่มู่หรงเสวี่ยเองก็อยู่ในห้องกำลังอ่านหนังสือเรียนและเคสพิเศษที่ศาสตราจารย์ไป๋ให้เธอมา มีบางเคสที่ยังไม่เจอวิธีรักษาดังนั้นเธอจึงนั่งอ่านและเฝ้าฮวงฟูอี้ไปด้วย

และหลงอี้ที่นั่งเฝ้ามาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว หลังจากนั้นเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจึงออกไปจากวิลล่าและเหลือไว้เพียงชายสองคนที่เฝ้าอยู่

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน มู่หรงเสวี่ยรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวบนเตียง เธอรีบวางหนังสือเรียนลงทันที เดินตรงเข้าไป “เสี่ยวอี้ ฟื้นแล้วเหรอ? รู้สึกเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” เธอถามอย่างเป็นกังวล เธอถึงขนาดเอามือวางที่หน้าผากของเขาแล้วเปลี่ยนมาจับชีพจรของเขาด้วย

มู่หรงเสวี่ยที่ยังไม่ได้ยินคำตอบ มองตรงไปที่ฮวงฟูอี้และพบว่าสายตาของเขาเย็นชาและริมฝีปากบางของเขาก็เผยอเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร?! ทันใดนั้นมู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกว่าเขาแปลกไปเล็กน้อยราวกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคน

เธอจึงดึงมือตัวเองกลับ สีหน้าดูซับซ้อนและค่อยๆเปิดปากอย่างระวัง “นายฟื้นความทรงจำแล้วใช่ไหม?” วินาทีนี้มันเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร นี่เธอจะต้องเสียน้องชายจริงๆแล้วงั้นเหรอ

อย่างไรก็ตามฮวงฟูอี้เผยรอยยิ้มเหมือนก่อนหน้านี้ “พี่สาว พี่พูดถึงความทรงจำอะไรเหรอ?ทำไมผมไม่เห็นเข้าใจเลย…” เสียงที่พูดออกมาเป็นน้ำเสียงปกติราวกับว่าความเย็นชาเมื่อกี้เป็นเรื่องที่เธอคิดไปเอง

ทำไมเขายังไม่ฟื้นความทรงจำอีก?! แปลกจัง แต่หัวใจก็ยังรู้สึกสับสนอยู่หน่อยๆ อีกด้านหนึ่งเธอก็มีความสุขที่เขายังเป็นน้องชายของเธออยู่แต่อีกด้านก็เป็นห่วงที่เขายังไม่ฟื้นความทรงจำ
“เสี่ยวอี้ นายจำเรื่องที่ผ่านมาได้บ้างไหม?” เธอถามอีกครั้ง

“มีอะไรเหรอครับ?! พี่สาว ผมเจ็บมากเลย…” ฮวงฟูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอามือเคาะไปที่หัวและร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

มู่หรงเสวี่ยรีบจับมือเขาและพูดอย่างอ่อนโยน “ถ้ายังจำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปคิดถึงมัน นายยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่บ่าย ฉันจะลงไปต้มโจ๊กมาให้แล้วกัน นายนอนพักอยู่นี่ก่อนนะ…” หลังจากที่ห่มผ้าให้เขาเสร็จ เธอก็เดินลงไปข้างล่างและเข้าไปในครัว

หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยเดินออกไป ประกายแสงในสายตาของเขาก็ไม่ชัดเจน มันก็เป็นเพียงการแสดงท่าทางใสซื่อของเด็กน้อยเพื่อให้มู่หรงเสวี่ยเห็นเท่านั้น

มู่หรงเสวี่ยใช้ประโยชน์ช่วงที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆดึงกลีบดอกบัวพันปีออกมาและใส่พวกมันลงในโจ๊ก แน่นอนว่าเธอใช้น้ำแห่งจิตวิญญาณในการต้มโจ๊กด้วย ดอกบัวพันปีจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บที่หัวได้เป็นอย่างดี เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมักจะรู้ว่าแปลกๆ เพราะป่านนี้ฮวงฟูอี้น่าจะฟื้นความทรงจำได้แล้ว เธอรักษาเขาด้วยเข็มทองคำและลิ่มเลือดที่หัวเขาก็สลายไปหมดแล้วด้วย ทำไมเขาถึงยังไม่ฟื้นความทรงจำอีก

ถึงแม้เขาจะยังเป็นน้องชายที่น่ารักของเธอ แต่เธอก็อยากให้เขาแข็งแรงมากกว่าตอนนี้

เมื่อมู่หรงเสวี่ยต้มโจ๊กเสร็จ ฮวงฟูอี้ก็เอนตัวนอนลงบนเตียง เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่?! บนสีหน้าที่สงบนิ่งไม่แสดงอามรณ์ใดๆ ใบหน้ายังเป็นใบหน้าเดิมแต่มู่หรงกลับรู้สึกแตกต่างออกไปเล็กน้อย ราวกับว่าบางอย่างในร่างกายเขาเปลี่ยนไป ทำไมล่ะ?

“เสี่ยวอี้ หิวหรือยัง กินโจ๊กก่อนนะ” มู่หรงเสวี่ยวางถาดโจ๊กลงบนโต๊ะ แล้วจึงยกถ้วยโจ๊กและส่งให้ฮวงฟูอี้

“พี่สาว มือผมไม่มีแรงเลย…” มือของฮวงฟูอี้สั่นเล็กน้อยตอนที่เขาเอื้อมมารับถ้วยโจ๊ก
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกว่าอีกนิดเขาจะทำถ้วยโจ๊กหกแล้ว เธอจึงไม่กล้าที่จะปล่อยมือ ถ้วยโจ๊กยังร้อนอยู่ด้วยคงไม่สนุกเท่าไรถ้าทำหกรดร่างกาย

“งั้นเดี๋ยวพี่สาวป้อนเอง”บางทีวันนี้ที่ออกไปเที่ยวข้างนอกเขาเลยเหนื่อยเกินไป อีกอย่างเมื่อตอนบ่ายฮวงฟูอี้ก็เป็นลมไปด้วยแล้วก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย เขาเลยไม่ค่อยจะมีแรง

“พี่สาวนี่ใจดีจริงๆเลย…”
มู่หรงเสวี่ยยิ้มและค่อยๆเป่าโจ๊กให้เย็นก่อนที่จะป้อนเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+