ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 154 การเดินทางกลับ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 154 การเดินทางกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 154
การเดินทางกลับ

เมื่อมองไปที่รอยยิ้มของมู่หรงเสวี่ย ฮวงเสี่ยวเฟิงจำได้ว่าหลายวันที่ผ่านมานี้เธอคอยช่วยเธอไว้ตลอด เธอเป็นคนสวย, นิสัยดี, เรียนเก่ง, มีเพื่อนมากมายและที่สำคัญที่สุดคือเธอยังรวยอีกด้วย มู่หรงเสวี่ยคือทุกอย่างที่เธอฝันไว้เลย เธอรู้สึกอิจฉาและถึงขนาดแสดงท่าทางอิจฉาออกมาเล็กน้อยด้วย แล้วเธอก็ดึงสติตัวเอง เสี่ยวเสวี่ยใจดีกับเธอมาก เธอยังรู้สึกถึงเรื่องนี้อยู่ในใจ

วันต่อมาพูดได้เลยว่าเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสและเมฆก็สวยงามมาก ทริปการฝึกทหารของอาทิตย์นี้จะจบวันนี้แล้ว

ในวันสุดท้าย มีนักศึกษาหลายคนที่ร้องไห้เพราะพวกเขาไม่อยากที่จะจากครูฝึกไป ยังไงซะพวกเขาก็ยังมีความรู้สึกอยู่ มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ร้องไห้แต่เธอก็ไม่ค่อยเต็มใจที่จะจากเท่าไรเหมือนกัน คนที่ไม่เต็มใจมากที่สุดคือน้องสี่ซึ่งแทบจะตัวติดกับครูฝึกโม่ตลอด จนสุดท้ายครูฝึกโม่ต้องบอกว่าเดี๋ยวเขาจะกลับไปที่เมืองหลวงด้วยก่อนที่จะชวนให้น้องสี่ที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความรักให้มาเจอเขาด้วย

หลังจากอาหารเช้า เหล่านักศึกษาปีหนึ่งก็ยกกระเป๋าไปใส่รถบัส รถบัสค่อยๆขับไปตามถนนและค่อยๆออกจากเขตพื้นที่ทหารไป

พอออกไปได้ครึ่งทาง ทุกคนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพราะในเขตพื้นที่ทหารจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ในตอนนี้ทุกคนตื่นเต้นมากที่ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาเช็กดู มู่หรงเสวี่ยเองก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเช่นกัน และเห็นว่ามีสายโทรเข้าเป็นสิบสายที่เธอไม่ได้รับและยังมีข้อความอีกมากมายด้วย

ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพี่ชู, พ่อแม่เธอ, โม่อ้ายหลี่และพี่กู่ คนแรกที่มู่หรงเสวี่ยโทรหาคือแม่ของเธอ

“ฮัลโหลคะแม่!”
“ทำไมถึงติดต่อไม่ได้เลย? การฝึกทหารเป็นไงบ้าง?” จางเข่อเหรินถาม

“ที่เขตการฝึกทหารไม่มีสัญญาณเลยค่ะ เลยโทรไม่ติดเลย การฝึกก็โอเคนะคะ วันนี้เรากำลังกลับมหาลัยแล้วค่ะ เดี๋ยวอีกสองวันก็วันหยุดแล้วหนูจะกลับบ้านนะคะ” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม

“เดี๋ยวพอลูกกลับมาแม่มีเรื่องจะถามหน่อย” จางเข่อเหรินมีน้ำเสียงไม่ค่อยดีเท่าไร

มู่หรงเสวี่ยถาม “มีอะไรเหรอคะ?”
“เขาพูดกันว่าลูกกำลังคบกับคุณชายชูแห่งเมืองหลวง มันจริงหรือเปล่า?” พ่อแม่เป็นคนสุดท้ายที่ได้รู้เรื่องนี้

เธอลืมบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้ไปเลยแต่เมื่อเธอเห็นกลุ่มคนที่อยู่ในรถแล้ว มันก็เป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย “เดี๋ยวกลับไปแล้วหนูเล่าให้ฟังนะคะ”

“พาแฟนของลูกกลับมาด้วยล่ะ!” แล้วเธอก็วาง สายตดังปึ้ง

แม่อารมณ์ไม่ดีแล้ว ช่างเถอะเดี๋ยวค่อยอธิบายอีกที
แล้วเธอก็โทรหาพี่กู่ บางทีอาจจะมีเรื่องอะไรที่บริษัท “พี่กู่ หลายวันที่ผ่านมานี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

“ในแผนการสุดท้าย ทางฝ่ายการเงินเพิ่งประมาณการจำนวนเงินออกมา เงินทุนทั้งหมด รวมถึงเงินจากช่องทางพิเศษอื่นๆด้วย ผมรอให้คุณสั่งการอยู่ พวกพนักงานก็พร้อมเกือบจะหมดแล้วและผู้จัดการสาขาก็ถูกเลือกแล้วด้วย”

“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวอีกสองวันฉันจะกลับไปแล้วเราค่อยคุยเรื่องที่เหลือกันนะคะ” มู่หรงเสวี่ยบอกว่าตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกที่จะคุยเรื่องธุรกิจกันและเธอไม่ได้อยากที่จะเปิดเผยตัวตนของตัวเองต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ด้วย

เมื่อเธอโทรหาโม่อ้ายหลี่ เธอก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เธอพร่ำบ่นเรื่องความหลากหลายของที่โรงเรียนใหม่และปัญหาเรื่องการฝึกทหาร นอกจากนี้เธอก็บอกว่าเธอมีแผนที่จะกลับไปที่จังหวัดอาทิตย์นี้ด้วยและถามว่าเธอจะกลับด้วยไหม สุดท้ายพวกเธอก็ตกลงว่าอีกสองวันจะกลับไปด้วยกัน

คนสุดท้ายที่เธอโทรหาคือพี่ชู “พี่ชู!”
“เสี่ยวเสวี่ย การฝึกทหารเสร็จแล้วเหรอ? ผิวคล้ำขึ้นบ้างหรือเปล่า? ฝึกหนักไหม? ได้กินอาหารดีๆบ้างหรือเปล่า?”

“พี่ชู ถามเยอะขนาดนี้แล้วฉันจะตอบยังไงหมดล่ะเนี่ย?! การฝึกทหารก็ดีมากๆเลยค่ะแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนักอะไร อันที่จริงมันมีประโยชน์มากเลย ฉันรู้สึกว่าตัวเองกล้ามใหญ่ขึ้นเยอะเลย…”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ดีแล้วที่กล้ามใหญ่ขึ้นแล้วจะได้แข็งแรงขึ้นด้วย!” อย่างน้อยเขาก็ได้ยินเสียงเธอ หลายวันที่ผ่านมากนี้เขาคิดถึงเธอแทบบ้า ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเธอไปฝึกทหารแต่เขาก็ยังเป็นห่วงเมื่อโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้

“ไม่ดีเลย ผู้หญิงกล้ามใหญ่ๆดูไม่สวยเท่าไรเลย อีกอย่างเมื่อกี้แม่เพิ่งโทรมาหาฉันและถามเรื่องเราสองคนด้วย อีกสองวันพี่ว่างไหมคะ?”

“ว่างเหรอ? มีเรื่องอะไรเหรอ?” แม้แต่พ่อแม่ของ เสี่ยวเสวี่ยก็รู้เรื่องนี้ ทันใดนั้นหัวใจเขาก็รู้สึกได้ถึงการเต้นที่ไม่เป็นจังหวะขึ้นมา
มู่หรงเสวี่ยลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะพูดออกไปว่า “คือ แม่ฉันบอกให้พาพี่กลับไปด้วย ถึงแม้ฉันคิดว่าฉันอธิบายเรื่องนี้เองได้แต่ฉันคิดว่าพ่อแม่ก็คงไม่เชื่อฉันงั้นฉันอยากจะถามพี่ว่าพอจะมีเวลาไหม กลับไปอธิบายกับที่บ้านเป็นเพื่อนฉันที”

อธิบายงั้นเหรอ?! เขาจะไม่ไปอธิบาย! เขาจะทำยังไงดี? แต่เขายินดีมากที่จะได้ไปเจอพ่อแม่ของเสี่ยวเสวี่ย นี่จะถือเป็นการได้ไปเจอพ่อแม่หรือเปล่า?! “โอเค งั้นฉันจะไปด้วยแล้วกัน ยังไงฉันก็ว่างอยู่แล้ว” เขาไม่สนใจกองเอกสารที่อยู่ตรงหน้าและสายตาของเลขาที่มองเขาอย่างสงสาร

งานก็สำคัญแต่การไปเจอพ่อแม่สะใภ้นั่นสำคัญกว่า จึงตัดสินใจเลือกได้ไม่ยาก!!!

“เดี๋ยวอีกสองวันฉันโทรมานัดอีกทีนะคะ ขอบคุณนะพี่ชู!”

“เด็กโง่ เธอจะมาขอบคุณฉันทำไมล่ะ…”
“…”
มู่หรงเสวี่ยวางสายแล้วแต่ก็ยังมีรอยยิ้มจางๆเผยอยู่บนใบหน้า

ถัดมาคือสายตาของฮวงเสี่ยวเฟิงที่แวบประกายคลุมเครือแล้วจึงเดินเข้าไปหามู่หรงเสวี่ยพร้อมกับถามว่า “เสี่ยวเสวี่ย โทรหาแฟนเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยเกือบที่จะตอบปฏิเสธ โชคดีที่นึกขึ้นได้ทันเวลา “โทรหาที่บริษัท…อ่อ ใช่จ้ะ แฟนฉันเอง”

เสี่ยวเสวี่ยนี่โชคดีจังเลยนะ ทั้งสวยแล้วก็มีแฟนดีขนาดนี้อีก…” ฮวงเสี่ยวเฟิงพูดอย่างอิจฉา

อันที่จริง มู่หรงเสวี่ยเป็นคนที่ระวังอย่างมาก ไม่นานเธอก็เข้าใจว่าปมด้อยของฮวงเสี่ยวเฟิงมาจากท่าทางที่ดูธรรมดาของเธอ ไม่ใช่เพราะเธอน่าเกลียด แต่หลักๆเป็นเพราะครอบครัวของ ฮวงเสี่ยวเฟิงค่อนข้างลำบาก เธอไม่มีเงินเหลือที่จะมาใช้ในการแต่งตัว แม้แต่ค่าเล่าเรียนทางมหาลัยก็เป็นคนจ่ายให้และยังมีเงินสมทบให้อีก ในความเป็นจริงที่ว่าคนเรามักจะมองกันที่เสื้อผ้าก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง มู่หรงเสวี่ยค่อยๆมองไปที่หน้าตาของเธอแล้วก็รู้สึกว่าถ้าเธอแต่งตัวซะหน่อยก็คงจะดูน่ารักขึ้นเยอะเลย “เสี่ยวเฟิงเองก็สวยมากเหมือนกันนะ!”

ฮวงเสี่ยวเฟิงก้มหัวและไม่อยากที่จะเห็นมู่หรงเสวี่ยที่เปล่งประกายอยู่ข้างๆเธอ เธอเองที่ยืนอยู่ข้างๆราวกับลูกเป็ด ขี้เหร่เลย “มู่หรงเสวี่ย อย่ามาล้อฉันเล่นเลย…”

“ฉันไม่ได้ล้อเธอเล่นนะ ฉันพูดจริงๆ งั้นเดี๋ยวฉันกลับไปแล้วจะลองร่ายมนตร์ให้ดูดีไหม?” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม แผนของเธอคือจะพาเธอไปเปลี่ยนลุคซะหน่อย เธอไม่ได้มีเจตนาอื่น เพียงแค่อยากให้ฮวงเสี่ยวเฟิงรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เธอยังจำได้เสมอว่าฮวงเสี่ยวเฟิงเป็นคนที่ช่วยเธอทำความสะอาด ในฐานะเพื่อนที่มีน้ำใจกับเธองั้นเธอจะต้องช่วยเธอด้วยเช่นกัน

ฮวงเสี่ยวเฟิงเพียงแค่ยิ้มให้เธอเล็กน้อย เธอไม่ค่อยสนใจเรื่องมนตร์อะไรของเหล่าคนรวยพวกนี้เท่าไร เธอเพียงแค่คิดว่าจะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นในทุกๆวันเท่านั้น สถานการณ์ทางบ้านไม่ค่อยดีเท่าไร เธอเองก็ถึงขนาดที่ต้องทำงานหลายงานนอกเหนือจากในเวลาเรียนแล้ว และเงินที่ได้มาทั้งหมดก็ส่งไปช่วยเหลือพ่อที่ป่วยนอนติดตียงอยู่ที่บ้าน และยังมีแม่ของเธอเองที่หารายได้มาได้เพียงเล็กน้อยเพื่อเอามาใช้จ่ายภายในบ้าน ส่วนน้องชายของเธอก็เพิ่งจะขึ้นชั้นมัธยมต้น

มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ว่าฮวงเสี่ยวเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่?! เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้พูดอะไรอีก เธอก็นั่งลงข้างๆ เหล่มองและนั่งพัก

ฮวงเสี่ยวเฟิงไม่เคยบอกมู่หรงเสวี่ยเรื่องครอบครัวที่ยากลำบากของเธอ ในใจลึกๆเธอเพียงแค่ไม่อยากที่จะดูต่ำต้อยต่อหน้ามู่หรงเสวี่ย นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสายตาน่าสมเพชที่เธออาจจะมองมาที่เธอด้วย เธอทำงานด้วยความสามารถของตัวเอง เธอไม่ได้รู้สึกอับอายแต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมักจะรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่ามู่หรงเสวี่ย

เมื่อมาถึงที่มหาลัย นักศึกษาทั้งหมดต่างก็เริ่มพูดคุยและหัวเราะกันระหว่างที่ลงมาจากรถบัส มู่หรงเสวี่ยเองก็เดินเข้าไปหาฮวงเสี่ยวเฟิง “เสี่ยวเฟิง เธออยากไปเที่ยวบ้านฉันหน่อยไหม ยังไงซะมันก็เป็นวันหยุดด้วย” โม่อ้ายหลี่เองก็ได้หยุดสองวันด้วย เธอบอกว่าจะรอเธอแล้วค่อยกลับบ้านด้วยกัน งั้นช่วงสองวันนี้เธอก็จะอยู่ที่วิลล่าด้วย
ฮวงเสี่ยวเฟิงตกใจ “ไปบ้านเธองั้นเหรอ? ที่ไหนเหรอ?” เธอไปที่จังหวัด A ไม่ได้ เธอต้องไปทำงาน

“อยู่ไม่ห่างจากมหาลัยนี่แหละ ว่าไง? อยากแวะไปไหม? ฉันอยากที่จะร่ายมนตร์วิเศษให้เธอดูด้วย…” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม

ฮวงเสี่ยวเฟิงลังเลอยู่สักพัก อันที่จริงเธอไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้เลย เธอเพียงแค่อยากที่จะเห็นชีวิตของมู่หรงเสวี่ยว่าเป็นยังไง ถึงแม้ว่าตลอดชีวิตของเธอจะไม่ได้เป็นซินเดอเรลล่าก็ตามที เธอก็ยังอยากที่จะรู้ว่าชีวิตแบบมู่หรงเสวี่ยมันเป็นยังไง อย่างน้อยเธอก็จะได้เอาชีวิตแบบนี้ไปฝันบ้างเวลาที่อยู่คนเดียว

เมื่อเห็นว่าเธอตกลง มู่หรงเสวี่ยก็ยิ้มอย่างมีความสุขและหันกลับไปชวนเพื่อนทั้งห้าให้มาช่วยด้วย

“ไม่ได้หรอก หลายวันที่ผ่านมานี่ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมากเลย…” พี่ใหญ่พูด พูดตามตรงพวกเขาไม่ชอบที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่รู้จักเท่าไร ส่วนคนที่ไม่สนิทคนนั้นแน่นอนว่าต้องเป็น ฮวงเสี่ยวเฟิงอยู่แล้ว
“งั้นครั้งหน้าต้องมานะ” มู่หรงเสวี่ยพูด
แต่ละคนโบกมือลากันเอง มู่หรงเสวี่ยลากฮวงเสี่ยวเฟิงกลับมาที่วิลล่าด้วย อันที่จริงพี่ชูบอกว่าจะมารับเธอแต่เธอบอกไปว่าจะกลับกับเพื่อน ก็เลยปฏิเสธไป อีกอย่างวิลล่าของเธอก็อยู่ไม่ห่าง เลยไม่ต้องใช้เวลาเดินมากเท่าไร

ฮวงเสี่ยวเฟิงมองไปที่วิลล่าขนาดใหญ่พร้อมด้วยบอดี้การ์ดอีก 10 คนที่อยู่ตรงหน้า ทุกอย่างแสดงให้เห็นว่ามู่หรงเสวี่ยกับเธอมาจากคนละโลกกันจริงๆ เธอคิดว่าเสี่ยวเสวี่ยมาจากจังหวัด A ถึงครอบครัวเธอจะดีมากๆแต่ก็คงจะแค่ดีกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเธอไม่คิดว่าจริงๆแล้วมู่หรงเสวี่ยจะอยู่ในวิลล่าใหญ่เป็นปราสาทขนาดนี้

“เข้ามาสิ เฟิงเฟิง!” มู่หรงเสวี่ยพูดกับฮวงเสี่ยวเฟิงที่ยังยืนอยู่ข้างนอก

หน้าของฮวงเสี่ยวเฟิงรู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้เธอรู้สึกโง่มากๆ เธอรู้สึกขายหน้าจนอยากจะตาย เธอเดินเข้าไปบนพื้นสีขาว รู้สึกกลัวว่ารอยเท้าเธอจะทำให้พื้นเลอะ เธอถึงขนาดอยากที่จะคุกเข่าลงแล้วเช็ดพื้นที่สวยงามพวกนี้ให้ขึ้นเงาขึ้นมาทันทีเลย

“นั่งได้เลย ทำตัวตามสบายนะ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวฉะนั้นไม่ต้องเกรงใจนะ!” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม เธอเห็นท่าทางเขินๆของฮวงเสี่ยวเฟิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 154 การเดินทางกลับ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 154 การเดินทางกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 154
การเดินทางกลับ

เมื่อมองไปที่รอยยิ้มของมู่หรงเสวี่ย ฮวงเสี่ยวเฟิงจำได้ว่าหลายวันที่ผ่านมานี้เธอคอยช่วยเธอไว้ตลอด เธอเป็นคนสวย, นิสัยดี, เรียนเก่ง, มีเพื่อนมากมายและที่สำคัญที่สุดคือเธอยังรวยอีกด้วย มู่หรงเสวี่ยคือทุกอย่างที่เธอฝันไว้เลย เธอรู้สึกอิจฉาและถึงขนาดแสดงท่าทางอิจฉาออกมาเล็กน้อยด้วย แล้วเธอก็ดึงสติตัวเอง เสี่ยวเสวี่ยใจดีกับเธอมาก เธอยังรู้สึกถึงเรื่องนี้อยู่ในใจ

วันต่อมาพูดได้เลยว่าเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสและเมฆก็สวยงามมาก ทริปการฝึกทหารของอาทิตย์นี้จะจบวันนี้แล้ว

ในวันสุดท้าย มีนักศึกษาหลายคนที่ร้องไห้เพราะพวกเขาไม่อยากที่จะจากครูฝึกไป ยังไงซะพวกเขาก็ยังมีความรู้สึกอยู่ มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ร้องไห้แต่เธอก็ไม่ค่อยเต็มใจที่จะจากเท่าไรเหมือนกัน คนที่ไม่เต็มใจมากที่สุดคือน้องสี่ซึ่งแทบจะตัวติดกับครูฝึกโม่ตลอด จนสุดท้ายครูฝึกโม่ต้องบอกว่าเดี๋ยวเขาจะกลับไปที่เมืองหลวงด้วยก่อนที่จะชวนให้น้องสี่ที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความรักให้มาเจอเขาด้วย

หลังจากอาหารเช้า เหล่านักศึกษาปีหนึ่งก็ยกกระเป๋าไปใส่รถบัส รถบัสค่อยๆขับไปตามถนนและค่อยๆออกจากเขตพื้นที่ทหารไป

พอออกไปได้ครึ่งทาง ทุกคนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพราะในเขตพื้นที่ทหารจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ในตอนนี้ทุกคนตื่นเต้นมากที่ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาเช็กดู มู่หรงเสวี่ยเองก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเช่นกัน และเห็นว่ามีสายโทรเข้าเป็นสิบสายที่เธอไม่ได้รับและยังมีข้อความอีกมากมายด้วย

ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพี่ชู, พ่อแม่เธอ, โม่อ้ายหลี่และพี่กู่ คนแรกที่มู่หรงเสวี่ยโทรหาคือแม่ของเธอ

“ฮัลโหลคะแม่!”
“ทำไมถึงติดต่อไม่ได้เลย? การฝึกทหารเป็นไงบ้าง?” จางเข่อเหรินถาม

“ที่เขตการฝึกทหารไม่มีสัญญาณเลยค่ะ เลยโทรไม่ติดเลย การฝึกก็โอเคนะคะ วันนี้เรากำลังกลับมหาลัยแล้วค่ะ เดี๋ยวอีกสองวันก็วันหยุดแล้วหนูจะกลับบ้านนะคะ” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม

“เดี๋ยวพอลูกกลับมาแม่มีเรื่องจะถามหน่อย” จางเข่อเหรินมีน้ำเสียงไม่ค่อยดีเท่าไร

มู่หรงเสวี่ยถาม “มีอะไรเหรอคะ?”
“เขาพูดกันว่าลูกกำลังคบกับคุณชายชูแห่งเมืองหลวง มันจริงหรือเปล่า?” พ่อแม่เป็นคนสุดท้ายที่ได้รู้เรื่องนี้

เธอลืมบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้ไปเลยแต่เมื่อเธอเห็นกลุ่มคนที่อยู่ในรถแล้ว มันก็เป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย “เดี๋ยวกลับไปแล้วหนูเล่าให้ฟังนะคะ”

“พาแฟนของลูกกลับมาด้วยล่ะ!” แล้วเธอก็วาง สายตดังปึ้ง

แม่อารมณ์ไม่ดีแล้ว ช่างเถอะเดี๋ยวค่อยอธิบายอีกที
แล้วเธอก็โทรหาพี่กู่ บางทีอาจจะมีเรื่องอะไรที่บริษัท “พี่กู่ หลายวันที่ผ่านมานี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

“ในแผนการสุดท้าย ทางฝ่ายการเงินเพิ่งประมาณการจำนวนเงินออกมา เงินทุนทั้งหมด รวมถึงเงินจากช่องทางพิเศษอื่นๆด้วย ผมรอให้คุณสั่งการอยู่ พวกพนักงานก็พร้อมเกือบจะหมดแล้วและผู้จัดการสาขาก็ถูกเลือกแล้วด้วย”

“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวอีกสองวันฉันจะกลับไปแล้วเราค่อยคุยเรื่องที่เหลือกันนะคะ” มู่หรงเสวี่ยบอกว่าตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกที่จะคุยเรื่องธุรกิจกันและเธอไม่ได้อยากที่จะเปิดเผยตัวตนของตัวเองต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ด้วย

เมื่อเธอโทรหาโม่อ้ายหลี่ เธอก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เธอพร่ำบ่นเรื่องความหลากหลายของที่โรงเรียนใหม่และปัญหาเรื่องการฝึกทหาร นอกจากนี้เธอก็บอกว่าเธอมีแผนที่จะกลับไปที่จังหวัดอาทิตย์นี้ด้วยและถามว่าเธอจะกลับด้วยไหม สุดท้ายพวกเธอก็ตกลงว่าอีกสองวันจะกลับไปด้วยกัน

คนสุดท้ายที่เธอโทรหาคือพี่ชู “พี่ชู!”
“เสี่ยวเสวี่ย การฝึกทหารเสร็จแล้วเหรอ? ผิวคล้ำขึ้นบ้างหรือเปล่า? ฝึกหนักไหม? ได้กินอาหารดีๆบ้างหรือเปล่า?”

“พี่ชู ถามเยอะขนาดนี้แล้วฉันจะตอบยังไงหมดล่ะเนี่ย?! การฝึกทหารก็ดีมากๆเลยค่ะแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนักอะไร อันที่จริงมันมีประโยชน์มากเลย ฉันรู้สึกว่าตัวเองกล้ามใหญ่ขึ้นเยอะเลย…”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ดีแล้วที่กล้ามใหญ่ขึ้นแล้วจะได้แข็งแรงขึ้นด้วย!” อย่างน้อยเขาก็ได้ยินเสียงเธอ หลายวันที่ผ่านมากนี้เขาคิดถึงเธอแทบบ้า ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเธอไปฝึกทหารแต่เขาก็ยังเป็นห่วงเมื่อโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้

“ไม่ดีเลย ผู้หญิงกล้ามใหญ่ๆดูไม่สวยเท่าไรเลย อีกอย่างเมื่อกี้แม่เพิ่งโทรมาหาฉันและถามเรื่องเราสองคนด้วย อีกสองวันพี่ว่างไหมคะ?”

“ว่างเหรอ? มีเรื่องอะไรเหรอ?” แม้แต่พ่อแม่ของ เสี่ยวเสวี่ยก็รู้เรื่องนี้ ทันใดนั้นหัวใจเขาก็รู้สึกได้ถึงการเต้นที่ไม่เป็นจังหวะขึ้นมา
มู่หรงเสวี่ยลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะพูดออกไปว่า “คือ แม่ฉันบอกให้พาพี่กลับไปด้วย ถึงแม้ฉันคิดว่าฉันอธิบายเรื่องนี้เองได้แต่ฉันคิดว่าพ่อแม่ก็คงไม่เชื่อฉันงั้นฉันอยากจะถามพี่ว่าพอจะมีเวลาไหม กลับไปอธิบายกับที่บ้านเป็นเพื่อนฉันที”

อธิบายงั้นเหรอ?! เขาจะไม่ไปอธิบาย! เขาจะทำยังไงดี? แต่เขายินดีมากที่จะได้ไปเจอพ่อแม่ของเสี่ยวเสวี่ย นี่จะถือเป็นการได้ไปเจอพ่อแม่หรือเปล่า?! “โอเค งั้นฉันจะไปด้วยแล้วกัน ยังไงฉันก็ว่างอยู่แล้ว” เขาไม่สนใจกองเอกสารที่อยู่ตรงหน้าและสายตาของเลขาที่มองเขาอย่างสงสาร

งานก็สำคัญแต่การไปเจอพ่อแม่สะใภ้นั่นสำคัญกว่า จึงตัดสินใจเลือกได้ไม่ยาก!!!

“เดี๋ยวอีกสองวันฉันโทรมานัดอีกทีนะคะ ขอบคุณนะพี่ชู!”

“เด็กโง่ เธอจะมาขอบคุณฉันทำไมล่ะ…”
“…”
มู่หรงเสวี่ยวางสายแล้วแต่ก็ยังมีรอยยิ้มจางๆเผยอยู่บนใบหน้า

ถัดมาคือสายตาของฮวงเสี่ยวเฟิงที่แวบประกายคลุมเครือแล้วจึงเดินเข้าไปหามู่หรงเสวี่ยพร้อมกับถามว่า “เสี่ยวเสวี่ย โทรหาแฟนเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยเกือบที่จะตอบปฏิเสธ โชคดีที่นึกขึ้นได้ทันเวลา “โทรหาที่บริษัท…อ่อ ใช่จ้ะ แฟนฉันเอง”

เสี่ยวเสวี่ยนี่โชคดีจังเลยนะ ทั้งสวยแล้วก็มีแฟนดีขนาดนี้อีก…” ฮวงเสี่ยวเฟิงพูดอย่างอิจฉา

อันที่จริง มู่หรงเสวี่ยเป็นคนที่ระวังอย่างมาก ไม่นานเธอก็เข้าใจว่าปมด้อยของฮวงเสี่ยวเฟิงมาจากท่าทางที่ดูธรรมดาของเธอ ไม่ใช่เพราะเธอน่าเกลียด แต่หลักๆเป็นเพราะครอบครัวของ ฮวงเสี่ยวเฟิงค่อนข้างลำบาก เธอไม่มีเงินเหลือที่จะมาใช้ในการแต่งตัว แม้แต่ค่าเล่าเรียนทางมหาลัยก็เป็นคนจ่ายให้และยังมีเงินสมทบให้อีก ในความเป็นจริงที่ว่าคนเรามักจะมองกันที่เสื้อผ้าก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง มู่หรงเสวี่ยค่อยๆมองไปที่หน้าตาของเธอแล้วก็รู้สึกว่าถ้าเธอแต่งตัวซะหน่อยก็คงจะดูน่ารักขึ้นเยอะเลย “เสี่ยวเฟิงเองก็สวยมากเหมือนกันนะ!”

ฮวงเสี่ยวเฟิงก้มหัวและไม่อยากที่จะเห็นมู่หรงเสวี่ยที่เปล่งประกายอยู่ข้างๆเธอ เธอเองที่ยืนอยู่ข้างๆราวกับลูกเป็ด ขี้เหร่เลย “มู่หรงเสวี่ย อย่ามาล้อฉันเล่นเลย…”

“ฉันไม่ได้ล้อเธอเล่นนะ ฉันพูดจริงๆ งั้นเดี๋ยวฉันกลับไปแล้วจะลองร่ายมนตร์ให้ดูดีไหม?” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม แผนของเธอคือจะพาเธอไปเปลี่ยนลุคซะหน่อย เธอไม่ได้มีเจตนาอื่น เพียงแค่อยากให้ฮวงเสี่ยวเฟิงรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เธอยังจำได้เสมอว่าฮวงเสี่ยวเฟิงเป็นคนที่ช่วยเธอทำความสะอาด ในฐานะเพื่อนที่มีน้ำใจกับเธองั้นเธอจะต้องช่วยเธอด้วยเช่นกัน

ฮวงเสี่ยวเฟิงเพียงแค่ยิ้มให้เธอเล็กน้อย เธอไม่ค่อยสนใจเรื่องมนตร์อะไรของเหล่าคนรวยพวกนี้เท่าไร เธอเพียงแค่คิดว่าจะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นในทุกๆวันเท่านั้น สถานการณ์ทางบ้านไม่ค่อยดีเท่าไร เธอเองก็ถึงขนาดที่ต้องทำงานหลายงานนอกเหนือจากในเวลาเรียนแล้ว และเงินที่ได้มาทั้งหมดก็ส่งไปช่วยเหลือพ่อที่ป่วยนอนติดตียงอยู่ที่บ้าน และยังมีแม่ของเธอเองที่หารายได้มาได้เพียงเล็กน้อยเพื่อเอามาใช้จ่ายภายในบ้าน ส่วนน้องชายของเธอก็เพิ่งจะขึ้นชั้นมัธยมต้น

มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ว่าฮวงเสี่ยวเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่?! เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้พูดอะไรอีก เธอก็นั่งลงข้างๆ เหล่มองและนั่งพัก

ฮวงเสี่ยวเฟิงไม่เคยบอกมู่หรงเสวี่ยเรื่องครอบครัวที่ยากลำบากของเธอ ในใจลึกๆเธอเพียงแค่ไม่อยากที่จะดูต่ำต้อยต่อหน้ามู่หรงเสวี่ย นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสายตาน่าสมเพชที่เธออาจจะมองมาที่เธอด้วย เธอทำงานด้วยความสามารถของตัวเอง เธอไม่ได้รู้สึกอับอายแต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมักจะรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่ามู่หรงเสวี่ย

เมื่อมาถึงที่มหาลัย นักศึกษาทั้งหมดต่างก็เริ่มพูดคุยและหัวเราะกันระหว่างที่ลงมาจากรถบัส มู่หรงเสวี่ยเองก็เดินเข้าไปหาฮวงเสี่ยวเฟิง “เสี่ยวเฟิง เธออยากไปเที่ยวบ้านฉันหน่อยไหม ยังไงซะมันก็เป็นวันหยุดด้วย” โม่อ้ายหลี่เองก็ได้หยุดสองวันด้วย เธอบอกว่าจะรอเธอแล้วค่อยกลับบ้านด้วยกัน งั้นช่วงสองวันนี้เธอก็จะอยู่ที่วิลล่าด้วย
ฮวงเสี่ยวเฟิงตกใจ “ไปบ้านเธองั้นเหรอ? ที่ไหนเหรอ?” เธอไปที่จังหวัด A ไม่ได้ เธอต้องไปทำงาน

“อยู่ไม่ห่างจากมหาลัยนี่แหละ ว่าไง? อยากแวะไปไหม? ฉันอยากที่จะร่ายมนตร์วิเศษให้เธอดูด้วย…” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม

ฮวงเสี่ยวเฟิงลังเลอยู่สักพัก อันที่จริงเธอไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้เลย เธอเพียงแค่อยากที่จะเห็นชีวิตของมู่หรงเสวี่ยว่าเป็นยังไง ถึงแม้ว่าตลอดชีวิตของเธอจะไม่ได้เป็นซินเดอเรลล่าก็ตามที เธอก็ยังอยากที่จะรู้ว่าชีวิตแบบมู่หรงเสวี่ยมันเป็นยังไง อย่างน้อยเธอก็จะได้เอาชีวิตแบบนี้ไปฝันบ้างเวลาที่อยู่คนเดียว

เมื่อเห็นว่าเธอตกลง มู่หรงเสวี่ยก็ยิ้มอย่างมีความสุขและหันกลับไปชวนเพื่อนทั้งห้าให้มาช่วยด้วย

“ไม่ได้หรอก หลายวันที่ผ่านมานี่ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมากเลย…” พี่ใหญ่พูด พูดตามตรงพวกเขาไม่ชอบที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่รู้จักเท่าไร ส่วนคนที่ไม่สนิทคนนั้นแน่นอนว่าต้องเป็น ฮวงเสี่ยวเฟิงอยู่แล้ว
“งั้นครั้งหน้าต้องมานะ” มู่หรงเสวี่ยพูด
แต่ละคนโบกมือลากันเอง มู่หรงเสวี่ยลากฮวงเสี่ยวเฟิงกลับมาที่วิลล่าด้วย อันที่จริงพี่ชูบอกว่าจะมารับเธอแต่เธอบอกไปว่าจะกลับกับเพื่อน ก็เลยปฏิเสธไป อีกอย่างวิลล่าของเธอก็อยู่ไม่ห่าง เลยไม่ต้องใช้เวลาเดินมากเท่าไร

ฮวงเสี่ยวเฟิงมองไปที่วิลล่าขนาดใหญ่พร้อมด้วยบอดี้การ์ดอีก 10 คนที่อยู่ตรงหน้า ทุกอย่างแสดงให้เห็นว่ามู่หรงเสวี่ยกับเธอมาจากคนละโลกกันจริงๆ เธอคิดว่าเสี่ยวเสวี่ยมาจากจังหวัด A ถึงครอบครัวเธอจะดีมากๆแต่ก็คงจะแค่ดีกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเธอไม่คิดว่าจริงๆแล้วมู่หรงเสวี่ยจะอยู่ในวิลล่าใหญ่เป็นปราสาทขนาดนี้

“เข้ามาสิ เฟิงเฟิง!” มู่หรงเสวี่ยพูดกับฮวงเสี่ยวเฟิงที่ยังยืนอยู่ข้างนอก

หน้าของฮวงเสี่ยวเฟิงรู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้เธอรู้สึกโง่มากๆ เธอรู้สึกขายหน้าจนอยากจะตาย เธอเดินเข้าไปบนพื้นสีขาว รู้สึกกลัวว่ารอยเท้าเธอจะทำให้พื้นเลอะ เธอถึงขนาดอยากที่จะคุกเข่าลงแล้วเช็ดพื้นที่สวยงามพวกนี้ให้ขึ้นเงาขึ้นมาทันทีเลย

“นั่งได้เลย ทำตัวตามสบายนะ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวฉะนั้นไม่ต้องเกรงใจนะ!” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม เธอเห็นท่าทางเขินๆของฮวงเสี่ยวเฟิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+