ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 166 ฉันรู้สึกแย่

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 166 ฉันรู้สึกแย่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 166
ฉันรู้สึกแย่

มู่หรงเสวี่ยมองหน้าเขาอย่างสับสน สิ่งที่พูดออกไปไม่ได้คือความคิดสกปรกของเธอเอง เขาจะคิดกับเธอยังไงล่ะ?!! ไม่ ไม่ ไม่!!! ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับเธอนิ เธอส่ายหัวและพูดออกมา “ไม่มีอะไร…” แล้วเธอก็มองไปที่รอยแดงบนหน้าเขา เธอรู้สึกผิดกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป

เธอเอื้อมมือออกไปและแตะที่หน้า “มันเจ็บมากเลยใช่ไหม?! ฉันขอโทษนะ…รอเดี๋ยวนะ ฉันจะเอายามาทาให้…”

มู่หรงเสวี่ยเดินไปอีกฝั่งเพื่อหยิบกระเป๋า เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋า อันที่จริงมันเป็นการบังหน้าเพื่อให้เธอหยิบขวดขี้ผึ้งเล็กๆออกมาจากมิติลับ แล้วเธอก็เดินเข้าไปหาฮวงฟูอี้ ค่อยๆเปิดฝาออก ใช้นิ้วแตะไปที่ครีมและค่อยๆทาลงไปที่รอยแดงบนหน้าของเขา

สัมพันธ์เย็นๆที่หน้าเขามาพร้อมกับกลิ่นหอมของสมุนไพร เขาสูดกลิ่นครีมที่หน้ามันให้ความรู้สึกผ่อนคลายและแปลกใหม่ซึ่งเป็นกลิ่นที่ไม่เคยเจอมาก่อน

หลังจากนั้นสักพักมู่หรงเสวี่ยก็ทายาเสร็จและถามออกมาอย่างอ่อนโยน “รู้สึกดีขึ้นไหม? ที่หน้ายังเจ็บอยู่หรือเปล่า?” ขี้ผึ้งนี้มีฤทธิ์แก้ปวดและเคยใช้มาแล้วซึ่งให้ผลที่ดีมากๆ

“โอเคแล้ว ไม่เจ็บแล้ว” ที่หน้าเขารู้สึกเย็นๆและรู้สึกสบายขึ้นมาแล้ว

“อี้ ถึงแม้มันจะเป็นแบบนี้แต่นายก็ไม่ควรที่จะลากฉันมาแบบนี้ อย่างน้อยนายก็ควรที่จะบอกก่อนพ่อแม่ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ที่นี่นายไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลยแต่ฉันต้องโทรไปบอกที่บ้าน…” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและมองไปที่กล่องสัญญาณบนโทรศัพท์ซึ่งยังคงว่างเปล่าอยู่

ฮวงฟูอี้เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์แล้วพูดออกมาว่า “มีฉากกั้นสัญญาณเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นขโมยความลับ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันบอกพ่อแม่เธอแล้วและพวกท่านไม่มีปัญหาอะไร…”
“นายบอกพ่อแม่ฉันแล้วงั้นเหรอ? นายบอกไปว่าไง? มู่หรงเสวี่ยถาม

ฮวงฟูอี้กอดเธอแล้วจึงเดินไปที่เตียง “เรื่องนั้นฉันจัดการแล้ว เธอเลิกถามซะทีได้ไหม? นอนกับฉันสักพักนะ ฉันไม่ได้นอนมานานมากแล้ว…” เมื่อคืนเขาอยากที่จะคุยกับเธอแต่ก็ไม่รู้ว่าอยากที่จะคุยเรื่องอะไร อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าเธอหลับสบายอยู่ เขาก็เดินกลับไปที่ห้องโดยที่ไม่ได้นอนเลยตลอดคืน

“อ่า” จู่ๆมู่หรงก็อุทานออกมาอย่างหนักใจ เธออยากที่จะออกจากอ้อมแขนของเขา เขาไม่ใช่เด็กห้าขวบอีกแล้ว ผู้หญิงกับผู้ชายที่ไม่ใช่คู่รักมานอนด้วยกัน ไม่คิดเหรอว่ามันแปลกๆ โอเคไหม?!

ฮวงฟูอี้กอดเอวเธอแน่น “อย่าขยับ จริงๆนะ ขอฉันหลับสบายๆสักหน่อย…” กลิ่นน้ำหอมที่ร่างกายของเธอราวกับช่วยสะกดจิตซึ่งทำให้เขารู้สึกง่วง

เขาก้มไปดมกลิ่นที่คอของเธอแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ใครก็ยากที่จะปฏิเสธได้ เธอหยุดขัดขืนทันที ช่างมันเถอะ คิดซะว่าเขาเป็นน้องชายแล้วกัน

หลังจากนั้นสักพัก ลมหายใจที่อยู่ข้างๆเธอก็เริ่มสงบและสม่ำเสมอ ร่างกายที่แข็งทื่อของเธอเริ่มที่จะผ่อนคลายลง เธอค่อยๆหันไปด้านข้างและมองใบหน้าที่หลับใหลของเขา เธอรู้สึกสงบราวกับว่าไม่มีอันตราย ใบหน้าที่งดงามของเขาง่ายที่จะทำให้ผู้คนหลงใหล เขาเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

เธอค่อยๆดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา แล้วเธอก็พยายามที่จะดึงมือเขาออก ไม่คิดเลยว่าฮวงฟูอี้จะกอดเธอแน่นขึ้นไปอีกและถึงขนาดดึงร่างของเธอเข้ามาใกล้ขึ้นไปอีก จนขนาดว่า มู่หรงเสวี่ยได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นเลย

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นไปมองฮวงฟูอี้และพบว่าเขายังคงหลับตาอยู่ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ปลุกเขา เธอสุดหายใจและพยายามที่จะดึงมือเขาออกอีกครั้งแต่กลับทำให้ฮวงฟูอี้พูดพึมพำออกมา มือเขายังคงกอดรอบเอวเธอแน่ขึ้น

สุดท้ายมู่หรงเสวี่ยก็ทำได้เพียงยอมแพ้กับความคิดที่จะดึงมือเขาออก อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเธอ

อย่างไรก็ตามเขาบอกว่าเขานอนไม่หลับ เป็นเพราะเรื่องที่เขาเคยความจำเสื่อมหรือเปล่า…มู่หรงเสวี่ยรู้สึกปวดหัว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะไม่สนใจเขา ยังไงซะทั้งสองคนก็เคยอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาหนึ่งและถึงขนาดกินข้าวและนอนด้วยกันอย่างใกล้ชิดด้วยซ้ำ ในหัวใจของเธอยังคงเห็นเขาเป็นน้องชายอยู่ ถึงแม้เขาจะเย็นชามากกว่าเดิมแต่มันก็นานมาแล้ว

แต่เธอจะอยู่กับเขาตลอดเวลาไม่ได้ เป็นเพราะปัญหาเรื่องจิตใจหรือเปล่า? ถ้าใช่ งั้นพรุ่งนี้เธอน่าจะพาเขาไปหาจิตแพทย์ดีกว่า บางทีหมออาจจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ถึงแม้เธอจะเรียนแพทย์แผนจีนมาแต่ก็ไม่รู้เรื่องจิตใจ

เธอไม่รู้ว่าเขาบอกที่บ้านเธอว่ายังไง เมื่อเธอคิดถึงแม่ ในหัวเธอก็นึกถึงแต่เรื่องตลก ครั้งนี้เมื่อเธอกลับไป เดาว่าจะต้องโดยดุใหญ่แน่ๆ เธอแทบจะนึกภาพแม่ที่ดึงหูและบ่นเธอหูชาแน่ๆ แล้วทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บหูขึ้นมาทันที

และพี่ชู…เมื่อนึกถึงท่าทางแสนเศร้าของพี่ชูเมื่อคืน หัวใจเธอก็เจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง คนสุดท้ายที่เธออยากให้เจ็บปวดคือพี่ชู ถึงแม้เธอจะรู้ว่าพี่ชูจะดูแลเธออย่างดีไปตลอดชีวิตแน่ๆ ถ้าเธอยอมรับเขามันก็คงเห็นแก่ตัวเกินไป

เพราะเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้น มันไม่ยุติธรรมที่จะทำกับพี่ชูแบบนั้น เขาควรจะได้อยู่กับผู้หญิงที่รักเขาจริงๆ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ค่อยๆผล็อยหลับไปในที่สุด
ช่วงกลางคืนผ่านพ้นไป ท้องฟ้าค่อยๆสว่างขึ้น
มู่หรงเสวี่ยที่กำลังหลับรู้สึกว่ามีบางอย่างที่อยู่ใกล้กับร่างของเธอดูเหมือนจะขยับ เธอลืมตาขึ้นอย่างไม่ค่อยสะดวกเท่าไรแล้วก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหล่าของฮวงฟูอี้

“เสี่ยวเสวี่ย ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย…” ใบหน้าของฮวงฟูอี้แดงระเรื่อและคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน

ตัวเขาสั่นอยู่ตรงหน้าเธอ ร่างกายของฮวงฟูอี้อยู่ใกล้กับเธอ เขาถูตัวไปมาอย่างไม่สบายตัว ในตอนนี้เสื้อผ้าของเขาหลุดหลุ่ยและดูไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไร เผยให้เห็นผิวขาวนวล
มู่หรงเสวี่ยตกใจไปชั่วขณะแล้วก็ร้องออกมา “อ่า” เธอร้อง ถอยกลับอย่างรวดเร็วและเขาดึงเสื้อผ้าของเธอออกอย่างรวดเร็ว

ฮวงฟูอี้ขึ้นมานอนทับเธออีกครั้ง ครั้งนี้เขากอดเธอแน่น ไขว้ขาและใช้มืออุ้มเธอขึ้นมา เขาพลิกตัวทันทีและขึ้นมาทับ มู่หรงเสวี่ย ร่างกายที่ร้อนผ่าวของเขาถูไปที่มู่หรงเสวี่ย ดูเหมือนจะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้ความเจ็บปวดของเขาบรรเทาลงได้

มู่หรงใช้มือเพื่อพยุงร่างของเขาตัวเองเพื่อไม่ให้ร่างกายของเขาทับไปที่เธอ

“ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่านายจะเป็นคนแบบนี้ ฉันมองนายผิดไป!” สายตาโกรธเกรี้ยวพร้อมน้ำตาของมู่หรง

ฮวงฟูอี้ตัวแข็ง “เสี่ยวเสวี่ย…เธอร้องไห้ทำไม…” เขายังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ เขาไม่รู้เลยว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกแบบนี้ เขาอยากที่จะกอดเสี่ยวเสวี่ยไว้แน่นแต่ก็ไม่รู้ว่าจะคลายความเจ็บปวดนี้ยังไง
น้ำตาจากหางตาของเธอทำให้หัวใจของเขาสั่นอย่างรุนแรง เธอถามออกมาด้วยท่าทางสับสนพร้อมความไม่พอใจเล็กน้อย

“นาย…ตอนนี้นายกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ?! ฉันไม่คิดเลยว่านายจะ…” ทันทีที่เธอตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองถูกจัดการซะแล้ว นอกจากความตกใจแล้วเธอรู้สึกผิดหวังอย่างมากในตัวฮวงฟูอี้

“เสี่ยวเสวี่ยฉันไม่รู้เลย ฉันทรมานอย่างมากจริงๆ…” ฮวงฟูอี้พูดอย่างเจ็บปวด

มู่หรงเสวี่ยที่ยังร้องไห้อยู่ กะพริบตาอยู่สักพัก เมื่อเห็นอาการทรมานของฮวงฟูอี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอก็รู้สึกแปลกใจอยู่นิดหน่อย หลังจากที่เงียบไปสักพัก เธอก็ถามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “งั้นนายถอดเสื้อผ้าฉันออกทำไม…”

“มันร้อนมากเลย และมันดูจะสบายมากขึ้นหน่อยเวลาที่ผิวเธอสัมพันธ์กับผิวฉัน…” ยังมีความสับสนอยู่นิดหน่อย

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ร้องไห้อีกแล้วและเบิกตากว้าง ดูจากท่าทางของฮวงฟูอี้แล้วไม่น่าที่จะไร้เดียงสาเรื่องบนเตียง ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่นิดหน่อยแต่ก็ยังถามออกไป “นายรู้สึกไม่สบายตรงไหน?”

ฮวงฟูอี้จับมือเธอและกดไปที่ข้างล่างของเขา และเมื่อเธอไปแตะตรงนั้น มันทำให้เขารู้สึกเหมือนจะสบายและโล่งอกขึ้น

“ตรงนี้มันแข็ง เสี่ยวเสวี่ยมือเธอราวกับมีเวทมนตร์เลย ดูเหมือนว่าจะรู้สึกดีขึ้นมาก…” ฮวงฟูอี้เองก็พูดอย่างประหลาดใจ

ทันทีที่ได้แตะ มู่หรงเสวี่ยแทบจะดึงมือกลับในทันที อย่างไรก็ตามแรงของฮวงฟูอี้มีมากกว่าเธอมาก เธอแทบจะขยับไม่ได้เลย เธอพูดพร้อมใบหน้าที่แดงระเรื่อ

“รีบปล่อยฉันเลย…” ตอนนี้เธอรู้สึกมั่นใจอย่างมากว่าเขาไร้เดียงสาเรื่องเพศ ในโลกนี้มีคนแบบนี้อยู่ได้ยังไง? เธอไม่อยากที่จะคิดเรื่องนี้ ตอนนี้เธอเพียงแค่อยากจะทำอะไรบางอย่าง เธออยากที่จะหาวิธีจัดการเรื่องน่าอายที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้
“อย่าปล่อยนะ มือของเสี่ยวเสวี่ยทำให้สบายได้มากเลย…” ฮวงฟูอี้จับมือของมู่หรงเสวี่ยและขยับไปมา สีหน้าของเขาแสดงถึงความสบาย

“อี้ นายต้องปล่อยฉันก่อน นี่มันไม่ถูกต้อง…เร็วเข้า…” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างเขินๆ

ท่าทางกัดริมฝีปากของมู่หรงเสวี่ยทำให้เขารู้สึกถึงรสชาติอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ ริมฝีปากแห้งผาก, สีชมพูและดูนิ่มนวล ถ้าได้ลิ้มรสจะอร่อยมากไหมนะ?! ฮวงฟูอี้อดไม่ได้ที่จะลดหัวลงต่ำและจูบลงไปที่ริมฝีปากแดงของเธอ ความรู้สึกที่อ่อนนุ่มทำให้เขาไม่สามารถที่จะหยุดได้ ฮวงฟูอี้ปัดลิ้นที่อ่อนนุ่มของเธอในทันทีและรสชาติอ่อนหวานทำให้เขาขาดสติ

เธอขัดขืนด้วยความตกใจ กลิ่นแปลกๆในปากของเธอทำให้เธอตกใจ เธอกัดเขาอย่างแรงและกลิ่นแรงของเลือดก็กระจายไปทั่ว ในที่สุดฮวงฟูอี้ก็สติแตกและปล่อยมู่หรงเสวี่ย

เขาเช็ดเลือดที่มุมปากของตัวเอง สีแดงเข้มฉายแววชัดในสายตาของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 166 ฉันรู้สึกแย่

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 166 ฉันรู้สึกแย่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 166
ฉันรู้สึกแย่

มู่หรงเสวี่ยมองหน้าเขาอย่างสับสน สิ่งที่พูดออกไปไม่ได้คือความคิดสกปรกของเธอเอง เขาจะคิดกับเธอยังไงล่ะ?!! ไม่ ไม่ ไม่!!! ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับเธอนิ เธอส่ายหัวและพูดออกมา “ไม่มีอะไร…” แล้วเธอก็มองไปที่รอยแดงบนหน้าเขา เธอรู้สึกผิดกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป

เธอเอื้อมมือออกไปและแตะที่หน้า “มันเจ็บมากเลยใช่ไหม?! ฉันขอโทษนะ…รอเดี๋ยวนะ ฉันจะเอายามาทาให้…”

มู่หรงเสวี่ยเดินไปอีกฝั่งเพื่อหยิบกระเป๋า เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋า อันที่จริงมันเป็นการบังหน้าเพื่อให้เธอหยิบขวดขี้ผึ้งเล็กๆออกมาจากมิติลับ แล้วเธอก็เดินเข้าไปหาฮวงฟูอี้ ค่อยๆเปิดฝาออก ใช้นิ้วแตะไปที่ครีมและค่อยๆทาลงไปที่รอยแดงบนหน้าของเขา

สัมพันธ์เย็นๆที่หน้าเขามาพร้อมกับกลิ่นหอมของสมุนไพร เขาสูดกลิ่นครีมที่หน้ามันให้ความรู้สึกผ่อนคลายและแปลกใหม่ซึ่งเป็นกลิ่นที่ไม่เคยเจอมาก่อน

หลังจากนั้นสักพักมู่หรงเสวี่ยก็ทายาเสร็จและถามออกมาอย่างอ่อนโยน “รู้สึกดีขึ้นไหม? ที่หน้ายังเจ็บอยู่หรือเปล่า?” ขี้ผึ้งนี้มีฤทธิ์แก้ปวดและเคยใช้มาแล้วซึ่งให้ผลที่ดีมากๆ

“โอเคแล้ว ไม่เจ็บแล้ว” ที่หน้าเขารู้สึกเย็นๆและรู้สึกสบายขึ้นมาแล้ว

“อี้ ถึงแม้มันจะเป็นแบบนี้แต่นายก็ไม่ควรที่จะลากฉันมาแบบนี้ อย่างน้อยนายก็ควรที่จะบอกก่อนพ่อแม่ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ที่นี่นายไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลยแต่ฉันต้องโทรไปบอกที่บ้าน…” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและมองไปที่กล่องสัญญาณบนโทรศัพท์ซึ่งยังคงว่างเปล่าอยู่

ฮวงฟูอี้เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์แล้วพูดออกมาว่า “มีฉากกั้นสัญญาณเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นขโมยความลับ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันบอกพ่อแม่เธอแล้วและพวกท่านไม่มีปัญหาอะไร…”
“นายบอกพ่อแม่ฉันแล้วงั้นเหรอ? นายบอกไปว่าไง? มู่หรงเสวี่ยถาม

ฮวงฟูอี้กอดเธอแล้วจึงเดินไปที่เตียง “เรื่องนั้นฉันจัดการแล้ว เธอเลิกถามซะทีได้ไหม? นอนกับฉันสักพักนะ ฉันไม่ได้นอนมานานมากแล้ว…” เมื่อคืนเขาอยากที่จะคุยกับเธอแต่ก็ไม่รู้ว่าอยากที่จะคุยเรื่องอะไร อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าเธอหลับสบายอยู่ เขาก็เดินกลับไปที่ห้องโดยที่ไม่ได้นอนเลยตลอดคืน

“อ่า” จู่ๆมู่หรงก็อุทานออกมาอย่างหนักใจ เธออยากที่จะออกจากอ้อมแขนของเขา เขาไม่ใช่เด็กห้าขวบอีกแล้ว ผู้หญิงกับผู้ชายที่ไม่ใช่คู่รักมานอนด้วยกัน ไม่คิดเหรอว่ามันแปลกๆ โอเคไหม?!

ฮวงฟูอี้กอดเอวเธอแน่น “อย่าขยับ จริงๆนะ ขอฉันหลับสบายๆสักหน่อย…” กลิ่นน้ำหอมที่ร่างกายของเธอราวกับช่วยสะกดจิตซึ่งทำให้เขารู้สึกง่วง

เขาก้มไปดมกลิ่นที่คอของเธอแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ใครก็ยากที่จะปฏิเสธได้ เธอหยุดขัดขืนทันที ช่างมันเถอะ คิดซะว่าเขาเป็นน้องชายแล้วกัน

หลังจากนั้นสักพัก ลมหายใจที่อยู่ข้างๆเธอก็เริ่มสงบและสม่ำเสมอ ร่างกายที่แข็งทื่อของเธอเริ่มที่จะผ่อนคลายลง เธอค่อยๆหันไปด้านข้างและมองใบหน้าที่หลับใหลของเขา เธอรู้สึกสงบราวกับว่าไม่มีอันตราย ใบหน้าที่งดงามของเขาง่ายที่จะทำให้ผู้คนหลงใหล เขาเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

เธอค่อยๆดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา แล้วเธอก็พยายามที่จะดึงมือเขาออก ไม่คิดเลยว่าฮวงฟูอี้จะกอดเธอแน่นขึ้นไปอีกและถึงขนาดดึงร่างของเธอเข้ามาใกล้ขึ้นไปอีก จนขนาดว่า มู่หรงเสวี่ยได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นเลย

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นไปมองฮวงฟูอี้และพบว่าเขายังคงหลับตาอยู่ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ปลุกเขา เธอสุดหายใจและพยายามที่จะดึงมือเขาออกอีกครั้งแต่กลับทำให้ฮวงฟูอี้พูดพึมพำออกมา มือเขายังคงกอดรอบเอวเธอแน่ขึ้น

สุดท้ายมู่หรงเสวี่ยก็ทำได้เพียงยอมแพ้กับความคิดที่จะดึงมือเขาออก อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเธอ

อย่างไรก็ตามเขาบอกว่าเขานอนไม่หลับ เป็นเพราะเรื่องที่เขาเคยความจำเสื่อมหรือเปล่า…มู่หรงเสวี่ยรู้สึกปวดหัว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะไม่สนใจเขา ยังไงซะทั้งสองคนก็เคยอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาหนึ่งและถึงขนาดกินข้าวและนอนด้วยกันอย่างใกล้ชิดด้วยซ้ำ ในหัวใจของเธอยังคงเห็นเขาเป็นน้องชายอยู่ ถึงแม้เขาจะเย็นชามากกว่าเดิมแต่มันก็นานมาแล้ว

แต่เธอจะอยู่กับเขาตลอดเวลาไม่ได้ เป็นเพราะปัญหาเรื่องจิตใจหรือเปล่า? ถ้าใช่ งั้นพรุ่งนี้เธอน่าจะพาเขาไปหาจิตแพทย์ดีกว่า บางทีหมออาจจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ถึงแม้เธอจะเรียนแพทย์แผนจีนมาแต่ก็ไม่รู้เรื่องจิตใจ

เธอไม่รู้ว่าเขาบอกที่บ้านเธอว่ายังไง เมื่อเธอคิดถึงแม่ ในหัวเธอก็นึกถึงแต่เรื่องตลก ครั้งนี้เมื่อเธอกลับไป เดาว่าจะต้องโดยดุใหญ่แน่ๆ เธอแทบจะนึกภาพแม่ที่ดึงหูและบ่นเธอหูชาแน่ๆ แล้วทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บหูขึ้นมาทันที

และพี่ชู…เมื่อนึกถึงท่าทางแสนเศร้าของพี่ชูเมื่อคืน หัวใจเธอก็เจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง คนสุดท้ายที่เธออยากให้เจ็บปวดคือพี่ชู ถึงแม้เธอจะรู้ว่าพี่ชูจะดูแลเธออย่างดีไปตลอดชีวิตแน่ๆ ถ้าเธอยอมรับเขามันก็คงเห็นแก่ตัวเกินไป

เพราะเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้น มันไม่ยุติธรรมที่จะทำกับพี่ชูแบบนั้น เขาควรจะได้อยู่กับผู้หญิงที่รักเขาจริงๆ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ค่อยๆผล็อยหลับไปในที่สุด
ช่วงกลางคืนผ่านพ้นไป ท้องฟ้าค่อยๆสว่างขึ้น
มู่หรงเสวี่ยที่กำลังหลับรู้สึกว่ามีบางอย่างที่อยู่ใกล้กับร่างของเธอดูเหมือนจะขยับ เธอลืมตาขึ้นอย่างไม่ค่อยสะดวกเท่าไรแล้วก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหล่าของฮวงฟูอี้

“เสี่ยวเสวี่ย ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย…” ใบหน้าของฮวงฟูอี้แดงระเรื่อและคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน

ตัวเขาสั่นอยู่ตรงหน้าเธอ ร่างกายของฮวงฟูอี้อยู่ใกล้กับเธอ เขาถูตัวไปมาอย่างไม่สบายตัว ในตอนนี้เสื้อผ้าของเขาหลุดหลุ่ยและดูไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไร เผยให้เห็นผิวขาวนวล
มู่หรงเสวี่ยตกใจไปชั่วขณะแล้วก็ร้องออกมา “อ่า” เธอร้อง ถอยกลับอย่างรวดเร็วและเขาดึงเสื้อผ้าของเธอออกอย่างรวดเร็ว

ฮวงฟูอี้ขึ้นมานอนทับเธออีกครั้ง ครั้งนี้เขากอดเธอแน่น ไขว้ขาและใช้มืออุ้มเธอขึ้นมา เขาพลิกตัวทันทีและขึ้นมาทับ มู่หรงเสวี่ย ร่างกายที่ร้อนผ่าวของเขาถูไปที่มู่หรงเสวี่ย ดูเหมือนจะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้ความเจ็บปวดของเขาบรรเทาลงได้

มู่หรงใช้มือเพื่อพยุงร่างของเขาตัวเองเพื่อไม่ให้ร่างกายของเขาทับไปที่เธอ

“ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่านายจะเป็นคนแบบนี้ ฉันมองนายผิดไป!” สายตาโกรธเกรี้ยวพร้อมน้ำตาของมู่หรง

ฮวงฟูอี้ตัวแข็ง “เสี่ยวเสวี่ย…เธอร้องไห้ทำไม…” เขายังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ เขาไม่รู้เลยว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกแบบนี้ เขาอยากที่จะกอดเสี่ยวเสวี่ยไว้แน่นแต่ก็ไม่รู้ว่าจะคลายความเจ็บปวดนี้ยังไง
น้ำตาจากหางตาของเธอทำให้หัวใจของเขาสั่นอย่างรุนแรง เธอถามออกมาด้วยท่าทางสับสนพร้อมความไม่พอใจเล็กน้อย

“นาย…ตอนนี้นายกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ?! ฉันไม่คิดเลยว่านายจะ…” ทันทีที่เธอตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองถูกจัดการซะแล้ว นอกจากความตกใจแล้วเธอรู้สึกผิดหวังอย่างมากในตัวฮวงฟูอี้

“เสี่ยวเสวี่ยฉันไม่รู้เลย ฉันทรมานอย่างมากจริงๆ…” ฮวงฟูอี้พูดอย่างเจ็บปวด

มู่หรงเสวี่ยที่ยังร้องไห้อยู่ กะพริบตาอยู่สักพัก เมื่อเห็นอาการทรมานของฮวงฟูอี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอก็รู้สึกแปลกใจอยู่นิดหน่อย หลังจากที่เงียบไปสักพัก เธอก็ถามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “งั้นนายถอดเสื้อผ้าฉันออกทำไม…”

“มันร้อนมากเลย และมันดูจะสบายมากขึ้นหน่อยเวลาที่ผิวเธอสัมพันธ์กับผิวฉัน…” ยังมีความสับสนอยู่นิดหน่อย

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ร้องไห้อีกแล้วและเบิกตากว้าง ดูจากท่าทางของฮวงฟูอี้แล้วไม่น่าที่จะไร้เดียงสาเรื่องบนเตียง ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่นิดหน่อยแต่ก็ยังถามออกไป “นายรู้สึกไม่สบายตรงไหน?”

ฮวงฟูอี้จับมือเธอและกดไปที่ข้างล่างของเขา และเมื่อเธอไปแตะตรงนั้น มันทำให้เขารู้สึกเหมือนจะสบายและโล่งอกขึ้น

“ตรงนี้มันแข็ง เสี่ยวเสวี่ยมือเธอราวกับมีเวทมนตร์เลย ดูเหมือนว่าจะรู้สึกดีขึ้นมาก…” ฮวงฟูอี้เองก็พูดอย่างประหลาดใจ

ทันทีที่ได้แตะ มู่หรงเสวี่ยแทบจะดึงมือกลับในทันที อย่างไรก็ตามแรงของฮวงฟูอี้มีมากกว่าเธอมาก เธอแทบจะขยับไม่ได้เลย เธอพูดพร้อมใบหน้าที่แดงระเรื่อ

“รีบปล่อยฉันเลย…” ตอนนี้เธอรู้สึกมั่นใจอย่างมากว่าเขาไร้เดียงสาเรื่องเพศ ในโลกนี้มีคนแบบนี้อยู่ได้ยังไง? เธอไม่อยากที่จะคิดเรื่องนี้ ตอนนี้เธอเพียงแค่อยากจะทำอะไรบางอย่าง เธออยากที่จะหาวิธีจัดการเรื่องน่าอายที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้
“อย่าปล่อยนะ มือของเสี่ยวเสวี่ยทำให้สบายได้มากเลย…” ฮวงฟูอี้จับมือของมู่หรงเสวี่ยและขยับไปมา สีหน้าของเขาแสดงถึงความสบาย

“อี้ นายต้องปล่อยฉันก่อน นี่มันไม่ถูกต้อง…เร็วเข้า…” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างเขินๆ

ท่าทางกัดริมฝีปากของมู่หรงเสวี่ยทำให้เขารู้สึกถึงรสชาติอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ ริมฝีปากแห้งผาก, สีชมพูและดูนิ่มนวล ถ้าได้ลิ้มรสจะอร่อยมากไหมนะ?! ฮวงฟูอี้อดไม่ได้ที่จะลดหัวลงต่ำและจูบลงไปที่ริมฝีปากแดงของเธอ ความรู้สึกที่อ่อนนุ่มทำให้เขาไม่สามารถที่จะหยุดได้ ฮวงฟูอี้ปัดลิ้นที่อ่อนนุ่มของเธอในทันทีและรสชาติอ่อนหวานทำให้เขาขาดสติ

เธอขัดขืนด้วยความตกใจ กลิ่นแปลกๆในปากของเธอทำให้เธอตกใจ เธอกัดเขาอย่างแรงและกลิ่นแรงของเลือดก็กระจายไปทั่ว ในที่สุดฮวงฟูอี้ก็สติแตกและปล่อยมู่หรงเสวี่ย

เขาเช็ดเลือดที่มุมปากของตัวเอง สีแดงเข้มฉายแววชัดในสายตาของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+