ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 172 เรื่องของแก๊งค์โม่

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 172 เรื่องของแก๊งค์โม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 172
เรื่องของแก๊งค์โม่

ตอนนี้เขาร่าเริงอย่างมากแถมยังค่อยๆเริ่มที่จะมีเพื่อนด้วย รวมกิจกรรมต่างๆมากมายและถึงขนาดทำงานพาร์ทไทม์ด้วยเพื่อที่จะได้เข้าใจเรื่องความรับผิดชอบและชีวิต ได้เผชิญหน้ากับคนไม่ดีด้วยท่าทางที่ดี เขาค่อยๆเติบโตอย่างช้าๆโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยจริงๆ

“จริงเหรอฮะ?! พี่สาว ผมเป็นคนที่วางใจได้แล้วจริงๆเหรอฮะ?” โม่จื่อหลินเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างตื่นเต้น

“จริงสิ! ต่อไปพี่สาวจะรอพึ่งพานายนะ ฮ่าฮ่า”
โม่จื่อหลินยืดตัวตรงและพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “งั้นต่อไปผมจะดูแลพี่สาวเอง…ว่าแต่พี่มู่หรงเสวี่ย ที่ผมถามพี่ไปเมื่อกี้ พี่ยังไม่ได้ตอบผมเลยนะฮะ?”

“…”
โม่จื่อเหวินที่กำลังขับรถอยู่ข้างหน้าพวกเขา ได้ยินบทสนทนาระหว่างเด็กทั้งสองที่นั่งอยู่ข้างหลังเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มที่มุมปาก นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าความสุขที่เรียบง่าย

หลังจากที่กินอาหารเสร็จ มู่หรงเสวี่ยและโม่จื่อเหวินก็ไปส่งโม่จื่อหลินกลับไปที่โรงเรียนเพราะตอนบ่ายเขายังมีเรียนต่ออีก

“ไปกันเถอะ ไปที่แก็งโม่กัน” หลังจากที่เห็นว่าเสี่ยวหลินเดินเข้าโรงเรียนไปแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็หันมาหาโม่จื่อเหวินและพูดออกมา

โม่จื่อเหวินเองก็หวังว่าเสี่ยวเสวี่ยจะลืมเรื่องนี้หลังจากที่ได้คุยกับเสี่ยวหลินแล้ว! เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยและหวังว่าเธอจะลืมแล้วก็ไม่ต้องไป ใครจะรู้ว่าเธอยังจำได้อยู่ จึงพูดออกไปอย่างช่วยไม่ได้

“โอเค ไปกันเถอะ!”
สิ่งที่มู่หรงเสวี่ยไม่ได้คิดไว้คือสำนักงานใหญ่ของแก็งโม่จะอยู่ใต้ไนต์คลับที่สุดจะไฮท์เทค ถึงแม้มันจะไม่ได้เข้มงวดหรือใช้เทคโนโลยีสุดล้ำเหมือนตึกสุดแปลกของฮวงฟูอี้แต่มันก็มีขนาดใหญ่มากๆจริงๆ

“พี่โม่!” ตลอดทางที่เดินเหล่าลูกน้องของโม่จื่อเหวินก็ก้มหัวทำท่าเคารพหลังจากที่ได้เห็นเขาทั้งสองคน มู่หรงเสวี่ยมองไปทุกอย่างรอบๆอย่างสงสัย ตอนที่เธอเดินเข้าไปจากข้างนอก เธอเห็นได้เลยว่าไม่มีอะไรผิดปกติเลย มีคนมากมายคอยคุมอยู่ตรงทางเดิน ทุกคนจะพกปืนหลายกระบอก สวมชุดดำทั้งชุดซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเป็นองค์กร

ไม่ใช่แค่มู่หรงเสวี่ยเท่านั้นที่มองพวกเขาแต่พวกเขาเองก็มองมาที่เธออย่างสงสัยเช่นกัน พี่โม่ไม่เคยพาผู้หญิงมาที่สำนักงานใหญ่ของแก็งโม่เลย แม้แต่ผู้หญิงมากมายที่อยู่ในองค์กรที่เริ่มเข้าหาเขาก่อนต่างก็ต้องถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะบอกว่าตัวเองประหลาดใจมากแค่ไหน

จนเดินเข้าไปส่วนในสุด หลังจากที่เปิดประตูเข้าไปก็เจอห้องนั่งเล่นทรงกลมขนาดใหญ่ ที่รอบๆกำแพงมีประตูมากมาย ตรงกลางห้องนั่งเล่นมีโซฟาขนาดใหญ่อยู่หลายตัวพร้อมโต๊ะกาแฟ ที่อีกด้านของห้องนั่งเล่นคือชั้นวางไวน์ขนาดใหญ่และที่ด้านหลังก็มีโต๊ะพลูตั้งอยู่ด้วย ในห้องนี้ให้บรรยากาศสบายๆอย่างมากและดูไม่มีอะไรพิเศษ

หลายคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาลุกขึ้นยืนทันทีหลังจากที่เห็นโม่จื่อเหวิน “พี่โม่ วันนี้พี่มาที่นี่ได้ยังไง?” หนึ่งในพวกเขาที่มีผมยาวและท่าทางดูเหมือนนักวิชาการถามออกมา

มู่หรงเสวี่ยได้ยินสำเนียงที่คุ้นเคย ท่าทางของลูกน้องพวกนี้ที่อยู่ข้างในกับพวกที่อยู่ข้างนอกช่างแตกต่างกัน เดาว่าพวกนี้คงเป็นคนสนิทของพี่จื่อเหวิน

โม่จื่อเหวินพยักหน้าให้ทุกคนแล้วจึงพูดออกมาเสียงเบา “พวกนายตามสบายเลย ฉันแค่เข้ามาดูเฉยๆ!” เพราะมู่หรงเสวี่ยบอกว่าไม่อยากที่จะเปิดเผยตัวตนของเธอ เขาจึงไม่ได้แนะนำ มู่หรงเสวี่ย

สาวสวยเซ็กซี่คนหนึ่งเดินเข้ามา “พี่โม่ น้องสาวคนนี้ใครกัน? ไม่แนะนำกันหน่อยเหรอ?” มือข้างหนึ่งของเธอจับไปที่ไหล่ของโม่จื่อเหวิน หน้าอกด้านข้างที่อ่อนนุ่มของเธอแนบไปที่แขนของโม่จื่อเหวินและมืออีกข้างพร้อมด้วยเล็บที่ทาสีแดงยื่นมาตรงหน้ามู่หรงเสวี่ย

โม่จื่อเหวินยื่นมือออกไปเพื่อหยุดมือเธอไว้ มองเธอด้วยสายตาเย็นชาแล้วจึงพูดออกมา “หวันตัน ไว้ครั้งหน้า เธอออกไปจากที่นี่ซะ!” ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้เคยชินกับท้องถิ่น เขาก็คงจะไล่เธอออกไปแล้ว

สาวสวยที่ถูกโม่จื่อเหวินผลักล้มลงไปที่พื้นทันที สีหน้าของเธอซีดเผือด สายตาของเธอแวบประกายอาฆาตพยาบาทเล็กน้อยและไม่ช้าก็หายไป ราวกับว่าเธอชินกับเรื่องนี้แล้ว เธอรีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วและปัดไปที่กระโปรงซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นจากที่พื้น เธอขยับอย่างสบายๆด้วยท่าทางมีเสน่ห์ พร้อมทั้งพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ

“พี่โม่ ฉันแค่ มันก็แค่เรื่องตลกน่า พี่กังวลไปได้ นี่แฟนตัวน้อยของพี่งั้นเหรอ?” น้ำเสียงฟังดูไม่แน่ใจเล็กน้อยและก็มีความตึงเครียดเล็กน้อยที่เห็นได้ไม่ยาก

เมื่อมองมาที่มู่หรงเสวี่ย สายตาของเธอเต็มไปด้วยการตรวจสอบและความเป็นปรปักษ์ ตั้งแต่วันแรกที่เธอได้เจอกับโม่จื่อเหวิน หัวใจของเธอก็ตกเป็นของเขาไปเรียบร้อยแล้ว ไม่สำคัญว่าเธอจะพยายามยั่วยวนเขามากแค่ไหน โม่จื่อเหวินก็ไม่มีท่าทีอ่อนไหวเลย จนผ่านไปนานเธอคิดว่ามันเป็นเพราะนิสัยของเขาเอง บางทีเขาอาจจะไม่ได้ชอบผู้หญิง เธอพยายามปลอบใจตัวเองแบบนี้มาตลอด

อย่างไรก็ตามเด็กสาวคนนี้เป็นใครกันถึงได้อยู่ดีๆก็มาอยู่ข้างพี่โม่แบบนี้และก็ไม่ได้สวยด้วยซ้ำ แต่กลับมาขโมยตำแหน่งของเธอไปแบบนี้

แน่นอนว่ามู่หรงเสวี่ยเองก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เกลียดเธอ แต่เธอไม่อยากที่จะสร้างปัญหาให้พี่จื่อเหวิน เธอเพียงแค่มองกลับไปด้วยสายตาเย็นชา สายตาของเธอสงบนิ่งราวกับว่าไม่ได้กำลังมองคนที่สำคัญอะไร

“อย่าถามเรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับเธอ!” โม่จื่อเหวินพูดอย่างเย็นชา
หญิงสาวเซ็กซี่กัดฟันแน่นแต่ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก เธอรู้อารมณ์ของโม่จื่อเหวินดี ตอนนี้เธอเห็นด้านลบในสายตาเขาได้อย่างชัดเจน เธอรู้ว่ามันหมายความว่าไง ถ้าเธอยังมุทะลุต่อไป พี่โม่คงจะไม่ปล่อยให้เธอรอดไปได้แน่ เธอเปลี่ยนไปยืนด้านข้างและจ้องมาที่มู่หรงเสวี่ยอย่างดุร้าย ถ้าสายตาของเธอสามารถฆ่าคนได้ก็เดาว่ามู่หรงเสวี่ยคงจะตายไปหลายรอบแล้ว

โม่จื่อเหวินหันหัวมาและพูดกับมู่หรงเสวี่ยอย่างอ่อนโยน “ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปดูเครื่องมือของเรา…”

ถ้าให้เดามู่หรงเสวี่ยก็คงเป็นแฟนของโม่จื่อเหวิน เธอตกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดของโม่ นี่โม่จื่อเหวินอยากจะพาเด็กสาวคนนี้ไปดูฐานเครื่องมือของพวกเรางั้นเหรอ?! เด็กสาวคนนี้เป็นใครกันนะ?”

ยังไงซะโม่จื่อเหวินก็มีชื่อเสียงที่ดีอย่างมากในความคิดของพวกเขา ถ้าไม่ใช่เพราะพี่โม่พวกเขาก็คงไม่มาอยู่ตรงนี้กัน โม่จื่อเหวินเป็นคนที่สำคัญพอๆกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของพวกเขาเลย

“งั้นไปกันเถอะ” มู่หรงเสวี่ยมองข้ามท่าทางตกใจของทุกคนและพูดออกมาเสียงเบา

ฐานของแก็งโม่ไม่มีอะไรพิเศษ มันก็เหมือนออฟฟิศและเครือข่ายการตรวจสอบ ในห้องมีอาวุธอยู่เล็กน้อย อาวุธส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ที่โกดังลับ แน่นอนมีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ที่ตั้งของโกดังและพวกมันก็จะถูกเคลื่อนย้ายเป็นประจำ

เมื่อเทียบกับฐานที่น่าตกใจของฮวงฟูอี้แล้วที่แก็งโม่ก็ดูจะไม่มีอะไรแปลกเลย มู่หรงเสวี่ยเดินทัวร์ฐานทั้งหมดกับ โม่จื่อเหวินอย่างสงบ เธอไม่แสดงท่าทางอะไรออกมาเลย แม้แต่โม่จื่อเหวินเองก็ยังตกใจกับความสงบของเธอ

โดยทั่วไปแล้วสาว ๆ น่าจะแปลกใจไม่มากก็น้อยเมื่อต้องสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ แต่มู่หรงเสวี่ยกลับสงบนิ่งอย่างที่สุด นี่ไม่เหมือนการมาเป็นครั้งแรกเลย

หลังจากที่ทั้งสองออกมาจากฐาน มู่หรงเสวี่ยก็ยังไม่พูดอะไรเลยแต่ในหัวใจของเธอ เธอประเมินความสามารถของโม่แก๊งอย่างคร่าวๆซึ่งอาจจะถูกอำนาจของฮวงฟูอี้ล้มได้ง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ รวมทั้งเรื่องการปกป้องของแก็งโม่ก็ยังแข็งแรงไม่พอ พวกเจ้าหน้าที่ธรรมดาเกินไปและอาวุธก็แรงไม่พอด้วย

สุดท้ายแล้วเธออ่อนแอเกินไป พูดง่ายๆเธอต้องเร่งความเร็วในการพัฒนา ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่แก็งโม่ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้ทั้งหมด

“พี่จื่อเหวิน ฉันจะเตรียมยาช่วยเพิ่มกำลังให้แก๊งโม่ เพื่อที่จะได้ช่วยลดการบาดเจ็บ…” มู่หรงเสวี่ยคิดอยู่นานและคิดว่าวิธีนี้น่าจะช่วยได้

โม่จื่อเหวินที่กำลังขับรถ หยุดไปชั่วขณะแล้วจึงถามออกมา

“ใช่ยาเพิ่มกำลังอย่างที่คุณเคยใช้มาก่อนหน้านี้หรือเปล่า?” เขาเพียงแค่เคยเห็นมู่หรงเสวี่ยใช้ไปครั้งเดียวและผลของมันก็ดีมากๆ แต่เขาคิดมาตลอดว่ามู่หรงเสวี่ยซื้อยาเพิ่มพลังนั้นมา ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนทำขึ้นมาเอง
“ใช่ อันนั่นแหละ แต่พี่โม่ต้องใช้อย่างระวังนะ ฉันจะเตรียมยาต้านพิษให้พี่หรือไม่งั้นฉันก็เอาสูตรให้พี่ พี่ให้คนที่ไว้ใจได้ลองดูได้เลยเพราะอีกสองวันฉันก็จะกลับไปเมืองหลวงแล้วและถ้าพี่ต้องการความช่วยเหลือที่ต้องเจอฉัน มันก็ไกลไปและไม่สะดวก…” มู่หรงเสวี่ยคิดและพูดออกมา

“แต่มันเป็นของที่มีค่ามาก…” โม่จื่อเหวินขมวดคิ้ว
มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “พี่จื่อเหวิน ฉันจะบอกให้นะว่าอะไรที่มีค่า พวกเราเหมือนครอบครัวกันมานาน พี่เหมือนพี่ชายของฉัน เสี่ยวหลินเหมือนน้องชายของฉัน พ่อแม่ของฉันก็น่าจะชอบพี่ด้วยเหมือนกัน…”

“โอเค! เสี่ยวเสวี่ยจะกลับไปที่บ้านมู่หรงหรือเปล่า?” ครอบครัว อ่า ช่างเป็นประโยคที่กินใจจริงๆ เขาดีใจและโชคดีมากที่ได้เจอเธอ

“ไม่ล่ะ คืนนี้กับพรุ่งนี้ฉันจะกลับไปพักที่อะพาร์ตเมนต์” มู่หรงเสวี่ยตอบเสียงเบา อันที่จริงเธอจำได้ว่าพี่ชูบอกว่าจะรอเธออยู่ เธอกังวลว่าพี่ชูมีเรื่องอะไรที่จะคุยกับเธอหรือเปล่า

หลังจากนั้นสักพัก โม่จื่อเหวินก็มาส่งมู่หรงเสวี่ยที่อะพาร์ตเมนต์ เขาไม่ได้ขึ้นไปเพราะยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่ กระสุนจำนวนหนึ่งจะถูกขนออกจากท่าเรือในคืนนี้ดังนั้นเขาจึงต้องไปจัดการ แต่เขาไม่ได้บอกเสี่ยวเสวี่ยเรื่องนี้ บอกเพียงแค่ว่าเป็นเรื่องเล็กๆที่เกี่ยวกับบริษัท

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้สงสัยเรื่องที่เขาบอก ดังนั้นเธอจึงกล่าวลาด้วยรอยยิ้ม อันที่จริงถ้าเธอรู้ เธอก็คงจะขอไปกับเขาด้วย เธออยากที่จะรู้ว่าในเวลาปกติแล้วพี่โม่ต้องเจอเรื่องอันตรายแค่ไหน โชคไม่ดีที่เธอไม่รู้

มุ่หรงเสวี่ยกลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูออกไปเคาะที่ห้องพี่ชู

ไม่ช้าประตูก็ถูกเปิดออก ชูอี้เสิ่นมองมู่หรงเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเสวี่ย เสร็จงานแล้วเหรอ? เข้ามาก่อนสิ”

มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปแล้วจึงพูดออกมา “ค่ะ เพิ่งจะเสร็จ พี่ได้พักบ้างหรือยัง?”

“ไม่ต้องห่วงนะ เมื่อบ่ายฉันหลับสบายเลยล่ะ อยากดื่มอะไรหน่อยไหม? ชาหรือกาแฟดี?” ชูอี้เสิ่นถาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 172 เรื่องของแก๊งค์โม่

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 172 เรื่องของแก๊งค์โม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 172
เรื่องของแก๊งค์โม่

ตอนนี้เขาร่าเริงอย่างมากแถมยังค่อยๆเริ่มที่จะมีเพื่อนด้วย รวมกิจกรรมต่างๆมากมายและถึงขนาดทำงานพาร์ทไทม์ด้วยเพื่อที่จะได้เข้าใจเรื่องความรับผิดชอบและชีวิต ได้เผชิญหน้ากับคนไม่ดีด้วยท่าทางที่ดี เขาค่อยๆเติบโตอย่างช้าๆโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยจริงๆ

“จริงเหรอฮะ?! พี่สาว ผมเป็นคนที่วางใจได้แล้วจริงๆเหรอฮะ?” โม่จื่อหลินเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างตื่นเต้น

“จริงสิ! ต่อไปพี่สาวจะรอพึ่งพานายนะ ฮ่าฮ่า”
โม่จื่อหลินยืดตัวตรงและพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “งั้นต่อไปผมจะดูแลพี่สาวเอง…ว่าแต่พี่มู่หรงเสวี่ย ที่ผมถามพี่ไปเมื่อกี้ พี่ยังไม่ได้ตอบผมเลยนะฮะ?”

“…”
โม่จื่อเหวินที่กำลังขับรถอยู่ข้างหน้าพวกเขา ได้ยินบทสนทนาระหว่างเด็กทั้งสองที่นั่งอยู่ข้างหลังเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มที่มุมปาก นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าความสุขที่เรียบง่าย

หลังจากที่กินอาหารเสร็จ มู่หรงเสวี่ยและโม่จื่อเหวินก็ไปส่งโม่จื่อหลินกลับไปที่โรงเรียนเพราะตอนบ่ายเขายังมีเรียนต่ออีก

“ไปกันเถอะ ไปที่แก็งโม่กัน” หลังจากที่เห็นว่าเสี่ยวหลินเดินเข้าโรงเรียนไปแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็หันมาหาโม่จื่อเหวินและพูดออกมา

โม่จื่อเหวินเองก็หวังว่าเสี่ยวเสวี่ยจะลืมเรื่องนี้หลังจากที่ได้คุยกับเสี่ยวหลินแล้ว! เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยและหวังว่าเธอจะลืมแล้วก็ไม่ต้องไป ใครจะรู้ว่าเธอยังจำได้อยู่ จึงพูดออกไปอย่างช่วยไม่ได้

“โอเค ไปกันเถอะ!”
สิ่งที่มู่หรงเสวี่ยไม่ได้คิดไว้คือสำนักงานใหญ่ของแก็งโม่จะอยู่ใต้ไนต์คลับที่สุดจะไฮท์เทค ถึงแม้มันจะไม่ได้เข้มงวดหรือใช้เทคโนโลยีสุดล้ำเหมือนตึกสุดแปลกของฮวงฟูอี้แต่มันก็มีขนาดใหญ่มากๆจริงๆ

“พี่โม่!” ตลอดทางที่เดินเหล่าลูกน้องของโม่จื่อเหวินก็ก้มหัวทำท่าเคารพหลังจากที่ได้เห็นเขาทั้งสองคน มู่หรงเสวี่ยมองไปทุกอย่างรอบๆอย่างสงสัย ตอนที่เธอเดินเข้าไปจากข้างนอก เธอเห็นได้เลยว่าไม่มีอะไรผิดปกติเลย มีคนมากมายคอยคุมอยู่ตรงทางเดิน ทุกคนจะพกปืนหลายกระบอก สวมชุดดำทั้งชุดซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเป็นองค์กร

ไม่ใช่แค่มู่หรงเสวี่ยเท่านั้นที่มองพวกเขาแต่พวกเขาเองก็มองมาที่เธออย่างสงสัยเช่นกัน พี่โม่ไม่เคยพาผู้หญิงมาที่สำนักงานใหญ่ของแก็งโม่เลย แม้แต่ผู้หญิงมากมายที่อยู่ในองค์กรที่เริ่มเข้าหาเขาก่อนต่างก็ต้องถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะบอกว่าตัวเองประหลาดใจมากแค่ไหน

จนเดินเข้าไปส่วนในสุด หลังจากที่เปิดประตูเข้าไปก็เจอห้องนั่งเล่นทรงกลมขนาดใหญ่ ที่รอบๆกำแพงมีประตูมากมาย ตรงกลางห้องนั่งเล่นมีโซฟาขนาดใหญ่อยู่หลายตัวพร้อมโต๊ะกาแฟ ที่อีกด้านของห้องนั่งเล่นคือชั้นวางไวน์ขนาดใหญ่และที่ด้านหลังก็มีโต๊ะพลูตั้งอยู่ด้วย ในห้องนี้ให้บรรยากาศสบายๆอย่างมากและดูไม่มีอะไรพิเศษ

หลายคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาลุกขึ้นยืนทันทีหลังจากที่เห็นโม่จื่อเหวิน “พี่โม่ วันนี้พี่มาที่นี่ได้ยังไง?” หนึ่งในพวกเขาที่มีผมยาวและท่าทางดูเหมือนนักวิชาการถามออกมา

มู่หรงเสวี่ยได้ยินสำเนียงที่คุ้นเคย ท่าทางของลูกน้องพวกนี้ที่อยู่ข้างในกับพวกที่อยู่ข้างนอกช่างแตกต่างกัน เดาว่าพวกนี้คงเป็นคนสนิทของพี่จื่อเหวิน

โม่จื่อเหวินพยักหน้าให้ทุกคนแล้วจึงพูดออกมาเสียงเบา “พวกนายตามสบายเลย ฉันแค่เข้ามาดูเฉยๆ!” เพราะมู่หรงเสวี่ยบอกว่าไม่อยากที่จะเปิดเผยตัวตนของเธอ เขาจึงไม่ได้แนะนำ มู่หรงเสวี่ย

สาวสวยเซ็กซี่คนหนึ่งเดินเข้ามา “พี่โม่ น้องสาวคนนี้ใครกัน? ไม่แนะนำกันหน่อยเหรอ?” มือข้างหนึ่งของเธอจับไปที่ไหล่ของโม่จื่อเหวิน หน้าอกด้านข้างที่อ่อนนุ่มของเธอแนบไปที่แขนของโม่จื่อเหวินและมืออีกข้างพร้อมด้วยเล็บที่ทาสีแดงยื่นมาตรงหน้ามู่หรงเสวี่ย

โม่จื่อเหวินยื่นมือออกไปเพื่อหยุดมือเธอไว้ มองเธอด้วยสายตาเย็นชาแล้วจึงพูดออกมา “หวันตัน ไว้ครั้งหน้า เธอออกไปจากที่นี่ซะ!” ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้เคยชินกับท้องถิ่น เขาก็คงจะไล่เธอออกไปแล้ว

สาวสวยที่ถูกโม่จื่อเหวินผลักล้มลงไปที่พื้นทันที สีหน้าของเธอซีดเผือด สายตาของเธอแวบประกายอาฆาตพยาบาทเล็กน้อยและไม่ช้าก็หายไป ราวกับว่าเธอชินกับเรื่องนี้แล้ว เธอรีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วและปัดไปที่กระโปรงซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นจากที่พื้น เธอขยับอย่างสบายๆด้วยท่าทางมีเสน่ห์ พร้อมทั้งพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ

“พี่โม่ ฉันแค่ มันก็แค่เรื่องตลกน่า พี่กังวลไปได้ นี่แฟนตัวน้อยของพี่งั้นเหรอ?” น้ำเสียงฟังดูไม่แน่ใจเล็กน้อยและก็มีความตึงเครียดเล็กน้อยที่เห็นได้ไม่ยาก

เมื่อมองมาที่มู่หรงเสวี่ย สายตาของเธอเต็มไปด้วยการตรวจสอบและความเป็นปรปักษ์ ตั้งแต่วันแรกที่เธอได้เจอกับโม่จื่อเหวิน หัวใจของเธอก็ตกเป็นของเขาไปเรียบร้อยแล้ว ไม่สำคัญว่าเธอจะพยายามยั่วยวนเขามากแค่ไหน โม่จื่อเหวินก็ไม่มีท่าทีอ่อนไหวเลย จนผ่านไปนานเธอคิดว่ามันเป็นเพราะนิสัยของเขาเอง บางทีเขาอาจจะไม่ได้ชอบผู้หญิง เธอพยายามปลอบใจตัวเองแบบนี้มาตลอด

อย่างไรก็ตามเด็กสาวคนนี้เป็นใครกันถึงได้อยู่ดีๆก็มาอยู่ข้างพี่โม่แบบนี้และก็ไม่ได้สวยด้วยซ้ำ แต่กลับมาขโมยตำแหน่งของเธอไปแบบนี้

แน่นอนว่ามู่หรงเสวี่ยเองก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เกลียดเธอ แต่เธอไม่อยากที่จะสร้างปัญหาให้พี่จื่อเหวิน เธอเพียงแค่มองกลับไปด้วยสายตาเย็นชา สายตาของเธอสงบนิ่งราวกับว่าไม่ได้กำลังมองคนที่สำคัญอะไร

“อย่าถามเรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับเธอ!” โม่จื่อเหวินพูดอย่างเย็นชา
หญิงสาวเซ็กซี่กัดฟันแน่นแต่ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก เธอรู้อารมณ์ของโม่จื่อเหวินดี ตอนนี้เธอเห็นด้านลบในสายตาเขาได้อย่างชัดเจน เธอรู้ว่ามันหมายความว่าไง ถ้าเธอยังมุทะลุต่อไป พี่โม่คงจะไม่ปล่อยให้เธอรอดไปได้แน่ เธอเปลี่ยนไปยืนด้านข้างและจ้องมาที่มู่หรงเสวี่ยอย่างดุร้าย ถ้าสายตาของเธอสามารถฆ่าคนได้ก็เดาว่ามู่หรงเสวี่ยคงจะตายไปหลายรอบแล้ว

โม่จื่อเหวินหันหัวมาและพูดกับมู่หรงเสวี่ยอย่างอ่อนโยน “ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปดูเครื่องมือของเรา…”

ถ้าให้เดามู่หรงเสวี่ยก็คงเป็นแฟนของโม่จื่อเหวิน เธอตกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดของโม่ นี่โม่จื่อเหวินอยากจะพาเด็กสาวคนนี้ไปดูฐานเครื่องมือของพวกเรางั้นเหรอ?! เด็กสาวคนนี้เป็นใครกันนะ?”

ยังไงซะโม่จื่อเหวินก็มีชื่อเสียงที่ดีอย่างมากในความคิดของพวกเขา ถ้าไม่ใช่เพราะพี่โม่พวกเขาก็คงไม่มาอยู่ตรงนี้กัน โม่จื่อเหวินเป็นคนที่สำคัญพอๆกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของพวกเขาเลย

“งั้นไปกันเถอะ” มู่หรงเสวี่ยมองข้ามท่าทางตกใจของทุกคนและพูดออกมาเสียงเบา

ฐานของแก็งโม่ไม่มีอะไรพิเศษ มันก็เหมือนออฟฟิศและเครือข่ายการตรวจสอบ ในห้องมีอาวุธอยู่เล็กน้อย อาวุธส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ที่โกดังลับ แน่นอนมีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ที่ตั้งของโกดังและพวกมันก็จะถูกเคลื่อนย้ายเป็นประจำ

เมื่อเทียบกับฐานที่น่าตกใจของฮวงฟูอี้แล้วที่แก็งโม่ก็ดูจะไม่มีอะไรแปลกเลย มู่หรงเสวี่ยเดินทัวร์ฐานทั้งหมดกับ โม่จื่อเหวินอย่างสงบ เธอไม่แสดงท่าทางอะไรออกมาเลย แม้แต่โม่จื่อเหวินเองก็ยังตกใจกับความสงบของเธอ

โดยทั่วไปแล้วสาว ๆ น่าจะแปลกใจไม่มากก็น้อยเมื่อต้องสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ แต่มู่หรงเสวี่ยกลับสงบนิ่งอย่างที่สุด นี่ไม่เหมือนการมาเป็นครั้งแรกเลย

หลังจากที่ทั้งสองออกมาจากฐาน มู่หรงเสวี่ยก็ยังไม่พูดอะไรเลยแต่ในหัวใจของเธอ เธอประเมินความสามารถของโม่แก๊งอย่างคร่าวๆซึ่งอาจจะถูกอำนาจของฮวงฟูอี้ล้มได้ง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ รวมทั้งเรื่องการปกป้องของแก็งโม่ก็ยังแข็งแรงไม่พอ พวกเจ้าหน้าที่ธรรมดาเกินไปและอาวุธก็แรงไม่พอด้วย

สุดท้ายแล้วเธออ่อนแอเกินไป พูดง่ายๆเธอต้องเร่งความเร็วในการพัฒนา ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่แก็งโม่ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้ทั้งหมด

“พี่จื่อเหวิน ฉันจะเตรียมยาช่วยเพิ่มกำลังให้แก๊งโม่ เพื่อที่จะได้ช่วยลดการบาดเจ็บ…” มู่หรงเสวี่ยคิดอยู่นานและคิดว่าวิธีนี้น่าจะช่วยได้

โม่จื่อเหวินที่กำลังขับรถ หยุดไปชั่วขณะแล้วจึงถามออกมา

“ใช่ยาเพิ่มกำลังอย่างที่คุณเคยใช้มาก่อนหน้านี้หรือเปล่า?” เขาเพียงแค่เคยเห็นมู่หรงเสวี่ยใช้ไปครั้งเดียวและผลของมันก็ดีมากๆ แต่เขาคิดมาตลอดว่ามู่หรงเสวี่ยซื้อยาเพิ่มพลังนั้นมา ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนทำขึ้นมาเอง
“ใช่ อันนั่นแหละ แต่พี่โม่ต้องใช้อย่างระวังนะ ฉันจะเตรียมยาต้านพิษให้พี่หรือไม่งั้นฉันก็เอาสูตรให้พี่ พี่ให้คนที่ไว้ใจได้ลองดูได้เลยเพราะอีกสองวันฉันก็จะกลับไปเมืองหลวงแล้วและถ้าพี่ต้องการความช่วยเหลือที่ต้องเจอฉัน มันก็ไกลไปและไม่สะดวก…” มู่หรงเสวี่ยคิดและพูดออกมา

“แต่มันเป็นของที่มีค่ามาก…” โม่จื่อเหวินขมวดคิ้ว
มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “พี่จื่อเหวิน ฉันจะบอกให้นะว่าอะไรที่มีค่า พวกเราเหมือนครอบครัวกันมานาน พี่เหมือนพี่ชายของฉัน เสี่ยวหลินเหมือนน้องชายของฉัน พ่อแม่ของฉันก็น่าจะชอบพี่ด้วยเหมือนกัน…”

“โอเค! เสี่ยวเสวี่ยจะกลับไปที่บ้านมู่หรงหรือเปล่า?” ครอบครัว อ่า ช่างเป็นประโยคที่กินใจจริงๆ เขาดีใจและโชคดีมากที่ได้เจอเธอ

“ไม่ล่ะ คืนนี้กับพรุ่งนี้ฉันจะกลับไปพักที่อะพาร์ตเมนต์” มู่หรงเสวี่ยตอบเสียงเบา อันที่จริงเธอจำได้ว่าพี่ชูบอกว่าจะรอเธออยู่ เธอกังวลว่าพี่ชูมีเรื่องอะไรที่จะคุยกับเธอหรือเปล่า

หลังจากนั้นสักพัก โม่จื่อเหวินก็มาส่งมู่หรงเสวี่ยที่อะพาร์ตเมนต์ เขาไม่ได้ขึ้นไปเพราะยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่ กระสุนจำนวนหนึ่งจะถูกขนออกจากท่าเรือในคืนนี้ดังนั้นเขาจึงต้องไปจัดการ แต่เขาไม่ได้บอกเสี่ยวเสวี่ยเรื่องนี้ บอกเพียงแค่ว่าเป็นเรื่องเล็กๆที่เกี่ยวกับบริษัท

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้สงสัยเรื่องที่เขาบอก ดังนั้นเธอจึงกล่าวลาด้วยรอยยิ้ม อันที่จริงถ้าเธอรู้ เธอก็คงจะขอไปกับเขาด้วย เธออยากที่จะรู้ว่าในเวลาปกติแล้วพี่โม่ต้องเจอเรื่องอันตรายแค่ไหน โชคไม่ดีที่เธอไม่รู้

มุ่หรงเสวี่ยกลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูออกไปเคาะที่ห้องพี่ชู

ไม่ช้าประตูก็ถูกเปิดออก ชูอี้เสิ่นมองมู่หรงเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเสวี่ย เสร็จงานแล้วเหรอ? เข้ามาก่อนสิ”

มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปแล้วจึงพูดออกมา “ค่ะ เพิ่งจะเสร็จ พี่ได้พักบ้างหรือยัง?”

“ไม่ต้องห่วงนะ เมื่อบ่ายฉันหลับสบายเลยล่ะ อยากดื่มอะไรหน่อยไหม? ชาหรือกาแฟดี?” ชูอี้เสิ่นถาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+