ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 178 สถานการณ์ที่เลวร้าย

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 178 สถานการณ์ที่เลวร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 178
สถานการณ์ที่เลวร้าย

จากที่อยู่ที่เจอ แก๊งทั้งห้ารีบตรงไปที่อะพาร์ตเมนต์ของ มู่หรงเสวี่ยทันที

4 ชั่วโมงคือเวลามากที่สุดก่อนที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยนจะส่งคนทั้งหมดออกมา เขาจะยอมให้ของดราก้อนพาวิลเลี่ยนทั้งหมดเข้ามา เพื่อที่จะตามหาเด็กสาวคนเดียวไม่ได้ มันจะส่งผลกระทบมากมายกับประเทศต่างๆและความประมาทครั้งเดียวอาจจะทำให้เกิดสงครามได้

หลงอี้จะปล่อยให้ดราก้อนมาสเตอร์ทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เขาจะต้องพูด เผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่จะถูกดราก้อนมาสเตอร์ลงโทษ “ดราก้อนมาสเตอร์ นี่มันก็สี่ชั่วโมงแล้ว และคำสั่งดราก้อนพาวิลเลี่ยนต้องถูกถอนได้แล้ว…” เขาคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมก้มหัว
สายตาที่เย็นชาทำให้เขาตัวสั่นและเหงื่อเย็นๆก็ค่อยๆผุดขึ้นมา ไม่มีใครเคยกล้าที่จะขัดคำสั่งของดราก้อนมาสเตอร์มาก่อนแต่ถึงแม้เขาจะต้องตาย เขาก็จะไม่ทนนั่งดูดราก้อนมาสเตอร์ทำให้ดราก้อนพาวิลเลี่ยนต้องตกอยู่ในความตื่นตระหนกเพราะผู้หญิงคนเดียวแน่

“สี่ชั่วโมง…” เสียงเย็นชาของฮวงฟูอี้ดังออกมา
น้ำเสียงที่ดังออกมาทำให้หลงอี้ละอายใจจนไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ ถ้ามีใครบอกเขาว่าดราก้อนพาวิลเลี่ยนส่งหลงอี้ออกไปแต่เมื่อสี่ชั่วโมงผ่านไปกลับไม่มีใครหาตัวเธอพบ เขาก็คงจะคิดว่าคนที่บอกบ้าแน่ๆ ตอนนี้เขาเองที่คิดว่าตัวเองบ้า

ฮวงฟูอี้ไม่ได้โกรธหลงอี้ เขากำลังเป็นห่วงเพียงแค่สิ่งเดียว นั่นคือความปลอดภัยของมู่หรงเสวี่ย เขาไม่เคยรู้เลยว่ามีเรื่องที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยนทำไม่ได้ด้วย ในตอนนี้เขารู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด

หลงอี้ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ตลอดเวลา ถ้าดราก้อนมาสเตอร์ยังไม่ถอนคำสั่งหลงอี้เขาก็นั่งคุกเข่าอยู่แบบนี้ไปตลอด
หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน หลงอี้ก็รู้สึกชาที่ขาขึ้นมาบ้างแล้ว แล้วเขาก็ได้ยินเสียงของฮวงฟูอี้ดังมาจากบนหัวเขา “ถอนคำสั่งดราก้อนพาวิลเลี่ยนและส่งทีมค้นหาต่อไป”

“ครับ” มังกรรีบลุกขึ้นมาโดยไม่สนใจอาการชาที่ขา เขาเดินออกไปบอกคำสั่ง

ฮวงฟูอี้เดินไปที่เตียง มองไปที่ดวงดาวที่เปล่งแสงแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะสงบใจที่กระสับกระส่ายได้ เสี่ยวเสวี่ยเธออยู่ที่ไหน?

ตั้งแต่ที่ดูแลดราก้อนพาวิลเลี่ยนมาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองขาดความสามารถ

ในที่สุดมู่หรงเสวี่ยก็พัฒนาผลิตภัณฑ์เสร็จ เธอมองออกไปด้านนอกมิติลับอย่างระวังเหมือนปกติ เธอกำลังจะก้าวออกมาจากมิติลับแต่ก็ต้องหยุดทันที ในมิติลับเธอสามารถมองเห็นสถานการณ์ด้านนอกได้ ถึงแม้ขอบเขตจะจำกัดแต่มันก็เพียงพอ

ตอนที่เธอเข้ามาในมิติลับ เธอล็อกประตูไว้นี่แต่ตอนนี้ประตูในห้องกลับเปิดกว้าง เธอมองไปที่กระเป๋าที่เธอวางไว้บนเตียงและโทรศัพท์ของเธอก็ถูกหยิบออกมา

ในตอนนี้เธอปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะมีโจรเข้ามา เพราะถ้าเป็นโจรก็คงจะเอากระเป๋าเธอไปแล้ว และห้องก็ไม่ได้ถูกรื้อค้นด้วย มีเพียงคำอธิบายเดียวนั่นคือมีคนตั้งใจเข้ามาหาเธอโดยเฉพาะ

จะเป็นใครกัน?!!
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่ตอนนี้เธอเจอปัญหาแล้ว เธอออกไปตอนนี้ไม่ได้ เธอมองสถานการณ์นอกห้องไม่เห็นและไม่รู้ว่ามีใครอยู่ข้างนอกหรือเปล่า ถ้าเธอออกไปแบบนี้ แล้วมีคนอยู่ เธอก็คงจะอธิบายเรื่องนี้ไม่ได้ซึ่งมีแต่จะยิ่งสร้างปัญหาอีกมากมาย

เธอทำได้เพียงนั่งรอและดูเหตุการณ์อยู่ในมิติลับ เธอกลัวว่าจะเป็นพวกคนต่างชาติที่มาจับตัวเธอเหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว ถ้าเขากล้าที่จะมาจับตัวเธอ เขาก็อาจจะรู้ว่าเธอเลิกกับชางกวนโม่แล้วและเขาก็ไม่ได้คอยดูแลเธออีกแล้ว อีกอย่างถ้าเป็นคนนั้นจริง เธอกลัวว่าการหนีก็คงจะไม่ได้ทำได้ง่ายๆด้วย บางทีเขาอาจจะส่งคนมาเฝ้าเธออยู่ตลอดเวลา นี่เป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุดที่เธอคิดออก

นอกจากนี้เธอก็กังวลเรื่องว่าครอบครัวของเธอจะถูกจับตามองหรือพ่อแม่เธอจะกระวนกระวายใจมากแค่ไหน ยิ่งเธอคิดมากขึ้นเท่าไร เธอก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อพวกเขามาถึงอะพาร์ตเมนต์ของมู่หรงเสวี่ย พวกเขาก็เห็นว่าประตูเปิดอยู่ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนในทันที พร้อมกันนั้นความคิดก็แวบเข้ามาในใจพวกเขาและพวกเขาถูกฝึกมาแล้ว

ทั้งห้ามีสีหน้าที่จริงจัง ค่อยๆเดินเข้าไปอย่างระวังแล้วเจอเข้ากับคนสองคนในห้องนั่งเล่นที่กำลังจ้องมาที่พวกเขาอย่างเยือกเย็น

“พวกนายเป็นใคร?” หลงอี้รีบหยิบอาวุธและถามออกมาทันที

พี่ใหญ่หยุดอีกสี่คนที่เหลือที่อาจจะดึงอาวุธออกมาในตอนนี้เพราะเขาเห็นสัญลักษณ์ที่อกของหลงอี้ ซึ่งเป็นเหรียญของผู้บัญชาการสูงสุดในดราก้อนพาวิลเลี่ยนรองจากดราก้อนมาสเตอร์ เหรียญนี้มีเพียงคนในดราก้อนพาวิลเลี่ยนเท่านั้นที่รู้จัก
เขาไม่คิดว่าจะเจอคนระดับสูงของดราก้อนพาวิลเลี่ยนที่นี่ พี่ใหญ่มองไปที่คนที่เหลือและแสดงความเคารพกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของดราก้อนพาวิลเลี่ยน แล้วเขาก็อ้าปากตอบออกไปว่า “เราคือทีมแรกของทีมพายุในดราก้อนพาวิลเลี่ยน ต้องขออภัยด้วยที่เข้ามารบกวน!”

“พวกนายมาจากกลุ่มพายุงั้นเหรอ?!! ฉันจำได้ว่าคำสั่งของดราก้อนพาวิลเลี่ยนถูกถอนไปแล้วนิ ทำไมถึงยังมาที่นี่อีก ต้องการจะขัดคำสั่งงั้นเหรอ?” หลงอี้เก็บอาวุธไปและพูดออกมาอย่างดุดัน ในดราก้อนพาวิลเลี่ยนการขัดคำสั่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับอนุญาต

สีหน้าของคนทั้งห้าซีดเผือดในทันที พวกเขารู้ดีว่าดราก้อนพาวิลเลี่ยนจะลงโทษพวกคนที่ขัดคำสั่งรุนแรงแค่ไหน ถ้ามันเป็นเรื่องจริงจัง พวกเขาก็คงจะถูกฆ่าตายไปแล้ว แต่ในตอนนี้สิ่งที่พวกเขาเป็นห่วงกว่าคือน้องหกถูกผู้บังคับบัญชาของดราก้อนพาวิลเลี่ยนส่งตัวออกไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นเขากลัวว่าคงไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ได้ง่ายๆแน่

พวกเขารีบคุกเข่าลงทันทีและไม่กล้าที่จะพูดอธิบาย ไม่มีข้ออ้างในดราก้อนพาวิลเลี่ยน ถูกคือถูก ผิดคือผิด ไม่มีเหตุผลให้อธิบาย

หลงอี้กำลังที่จะลงโทษพวกเขาแต่ฮวงฟูอี้ที่เพิ่งหันกลับมาจากหน้าต่างและเห็นพวกเขาที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ความทรงจำแวบเข้ามาในสายตาของเขา แล้วก็พูดออกมาเสียงเบาบอกให้พวกเขาลุกขึ้น

เขารู้จักคนพวกนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีกับเสี่ยวเสวี่ย เขาจำได้ถึงตอนที่ยังอยู่ที่เมืองหลวง ครั้งหนึ่ง เสี่ยวเสวี่ยเคยชวนพวกเขามาเล่นที่บ้าน ในเมื่อพวกเขาเป็นเพื่อนของเสี่ยวเสวี่ย งั้นพวกเขาก็อาจจะรู้ว่าเสี่ยวเสวี่ยจะไปไหน…แต่เขาไม่คิดว่าคนพวกนี้จะเป็นคนของดราก้อนพาวิลเลี่ยนด้วย

เมื่อพี่ใหญ่ได้ยินเสียง แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาแต่พวกเขาก็รู้สึกตกใจ ชายคนนี้เป็นใครกันถึงได้กล้าที่จะออกคำสั่งกับผู้บังคับบัญชา?! โอ้ พระเจ้า

ในตอนนี้ แก๊งทั้งห้าไม่เห็นหน้าของฮวงฟูอี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าฮวงฟูอี้คือน้องชายของมู่หรงเสวี่ย ตอนที่พวกเขาเดินเข้ามา พวกเขาได้เห็นเพียงด้านหลังของเขาเท่านั้นและตอนนี้พวกเขาก็ก้มหัวอยู่ แต่พวกเขาก็รู้สึกเพียงแค่ว่าเสียงฟังดูคุ้นๆ

หลงอี้แปลกใจ ไม่คิดว่าดราก้อนมาสเตอร์จะสนใจคนพวกนี้ด้วย เขาหยุดไปชั่วขณะแล้วจึงพูดออกมา “ลุกขึ้น”

น้องห้าค่อยๆลุกขึ้นและเธอก็กล้าที่จะมองไปในทิศทางของฮวงฟูอี้ เธออุทานออกมาแทบจะในทันที “นั่นนาย…”

พี่ใหญ่มองไปที่ฮวงฟูอี้อย่างกังวล เพราะกลัวว่าเขาจะออกคำสั่งให้ลงโทษน้องห้า ไม่จำเป็นต้องบอกเลยเพราะมีเพียงคนเดียวที่สามารถสั่งเขาได้

อารมณ์ของน้องห้ามักจะเป็นปัญหาตลอด เธอสะดุ้งเล็กน้อยจึงลืมตัวและอุทานออกมา เมื่อพี่ใหญ่เอามือปิดปากเธอ เธอก็มีอาการขึ้นมาทันที คนที่เหลือต่างก็กังวลมากด้วยเหมือนกัน พวกเขามองไปที่ผู้บังคับบัญชาการทั้งสองที่สามารถตัดสินความเป็นความตายของพวกเขาได้

ฮวงฟูอี้ยังไม่แสดงท่าทางใดๆ เพียงแค่ถามออกมา เสียงเบา “มู่หรงได้ติดต่อพวกนายบ้างหรือเปล่า?”

ในสายตาเขายังมีการสั่นไหวของความตึงเครียดอยู่ด้วย เวลาผ่านมานานแล้วจนเขาต้องคิดไปในทิศทางที่แย่ที่สุด ในตอนนี้เมื่อเขาได้เจอคนที่คุ้นเคยกับเสี่ยวเสวี่ย เขาก็อาจจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง

“ไม่เลย เราโทรหาเธอแล้วแต่ก็ไม่มีสัญญาณ เรามาที่นี่เพื่อมาหาเธอ” พี่ใหญ่ปกปิดความตกใจของตัวเองและพูดออกไป พวกเขาไม่คิดเลยว่าน้องชายของเสี่ยวเสวี่ยที่ดูเหมือนในตอนนั้นจะมีปัญหาเรื่องสมองจะเป็นผู้ครองอำนาจสูงสุดของดราก้อนพาวิลเลี่ยนจริงๆ เพราะพวกเขายังไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เจอดราก้อนมาสเตอร์ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ อีกอย่างเรื่องของดราก้อนมาสเตอร์ก้เป็นปริศนามาตลอดและมีเพียงผู้บังคับบัญชาเท่านั้นที่รู้เรื่อง

ฮวงฟูอี้อดไม่ได้ที่จะแวบประกายความผิดหวัง ทุกวินาทีที่ผ่านไปเขารู้สึกราวกับกำลังทรมานอยู่ในนรก “เสี่ยวเสวี่ยไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกนายมีเบาะแสอื่นบ้างไหม?” ถึงแม้เขาจะรู้ว่าไม่มีความหวัง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป ถึงแม้คำสั่งดราก้อนพาวิลเลี่ยนจะถูกถอนออกไปแล้วกองทัพของกลุ่มพายุจะหาเจอได้ยังไง

แก๊งห้าแวบประกายความรู้สึกผิดบนใบหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาไม่เจอเบาะแสอะไรเลย แถมคนๆก็ยังเป็นเพื่อนคนสำคัญของพวกเขาอีกด้วย เดิมทีพวกเขาเป็นห่วงว่าเสี่ยวเสวี่ยจะไปมีปัญหากับดราก้อนพาวิลเลี่ยน ตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นฮวงฟูอี้ พวกเขาก็โล่งอก ยังไงซะในตอนนั้นพวกเขาก็เรียกตัวเองว่าพี่น้องกัน งั้นพวกเขาคงไม่ใช่ศัตรูกันหรอก

“ไม่มีเบาะแสอะไรเลย เขาเจอเพียงแค่ว่าเสี่ยวเสวี่ยหายไปในอะพาร์ตเมนต์ของเธอเอง เราขอเข้าไปหาเบาะแสในห้องของมู่หรงเสวี่ยได้ไหม?” พี่ใหญ่ถาม บางทีในห้องของ เสี่ยวเสวี่ยพวกเขาอาจจะเจอเบาะแสอะไรบ้างแต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะตรงหน้าพวกเขามีสองผู้มีอำนาจอยู่ด้วย

หลงอี้เองก็ไม่กล้าที่จะตอบคำถามจึงมองไปที่ฮวงฟูอี้ ฮวงฟูอี้โบกมือและพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไปสิ!” เขานั่งมองห้องอยู่นานแล้วและไม่มีอะไรผิดปกติเลย ยกเว้นก็เพียงเรื่องเดียวคือถ้าเสี่ยวเสวี่ยหนีไปแล้วทำไมเธอถึงไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย หรือเธอถูกลักพาตัว เขาก็ไม่คิดงั้นเพราะไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือการขัดขืนในห้องเลย ทุกอย่างอยู่ในสภาพดี นี่เหมือนกับว่า มู่หรงเสวี่ยอยู่ดีๆก็หายไปเฉยๆ

หลังจากที่ได้รับคำสั่ง แก๊งทั้งห้าก็ทำความเคารพ แล้วพวกเขาก็หันกลับและเดินตรงเข้าไปในห้องหลัก พวกเขาเห็นว่าประตูในแต่ละห้องถูกเปิดออก น่าจะเป็นฝีมือของหัวหน้าหลงอี้ พวกเขายืนมองอยู่นานแต่ก็ยังเดินเข้าไปในห้องของมู่หรงเสวี่ย

ห้องอยู่ในสภาพเรียบร้อยมาก ไม่มีอะไรผิดปกติเลย เสี่ยวหวู่หยิบโทรศัพท์ของมู่หรงเสวี่ยขึ้นมา เปิดเครื่องและดูไปที่บันทึกการโทร เขาเจอว่าทุกคนที่โทรหาต่างก็เป็นคนรู้จักและไม่มีอะไรผิดปกติเลย “ในโทรศัพท์ไม่มีบทสนทนาอะไรผิดปกติเลย มันน่าแปลกมากเลยที่โทรศัพท์ถูกวางอยู่ในห้อง น้องหกไปไหนกัน? ขนาดโทรศัพท์ก็ไม่ยอมเอาไปด้วย…” น้องห้าพูดออกมาอย่างไม่เข้าใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 178 สถานการณ์ที่เลวร้าย

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 178 สถานการณ์ที่เลวร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 178
สถานการณ์ที่เลวร้าย

จากที่อยู่ที่เจอ แก๊งทั้งห้ารีบตรงไปที่อะพาร์ตเมนต์ของ มู่หรงเสวี่ยทันที

4 ชั่วโมงคือเวลามากที่สุดก่อนที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยนจะส่งคนทั้งหมดออกมา เขาจะยอมให้ของดราก้อนพาวิลเลี่ยนทั้งหมดเข้ามา เพื่อที่จะตามหาเด็กสาวคนเดียวไม่ได้ มันจะส่งผลกระทบมากมายกับประเทศต่างๆและความประมาทครั้งเดียวอาจจะทำให้เกิดสงครามได้

หลงอี้จะปล่อยให้ดราก้อนมาสเตอร์ทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เขาจะต้องพูด เผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่จะถูกดราก้อนมาสเตอร์ลงโทษ “ดราก้อนมาสเตอร์ นี่มันก็สี่ชั่วโมงแล้ว และคำสั่งดราก้อนพาวิลเลี่ยนต้องถูกถอนได้แล้ว…” เขาคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมก้มหัว
สายตาที่เย็นชาทำให้เขาตัวสั่นและเหงื่อเย็นๆก็ค่อยๆผุดขึ้นมา ไม่มีใครเคยกล้าที่จะขัดคำสั่งของดราก้อนมาสเตอร์มาก่อนแต่ถึงแม้เขาจะต้องตาย เขาก็จะไม่ทนนั่งดูดราก้อนมาสเตอร์ทำให้ดราก้อนพาวิลเลี่ยนต้องตกอยู่ในความตื่นตระหนกเพราะผู้หญิงคนเดียวแน่

“สี่ชั่วโมง…” เสียงเย็นชาของฮวงฟูอี้ดังออกมา
น้ำเสียงที่ดังออกมาทำให้หลงอี้ละอายใจจนไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ ถ้ามีใครบอกเขาว่าดราก้อนพาวิลเลี่ยนส่งหลงอี้ออกไปแต่เมื่อสี่ชั่วโมงผ่านไปกลับไม่มีใครหาตัวเธอพบ เขาก็คงจะคิดว่าคนที่บอกบ้าแน่ๆ ตอนนี้เขาเองที่คิดว่าตัวเองบ้า

ฮวงฟูอี้ไม่ได้โกรธหลงอี้ เขากำลังเป็นห่วงเพียงแค่สิ่งเดียว นั่นคือความปลอดภัยของมู่หรงเสวี่ย เขาไม่เคยรู้เลยว่ามีเรื่องที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยนทำไม่ได้ด้วย ในตอนนี้เขารู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด

หลงอี้ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ตลอดเวลา ถ้าดราก้อนมาสเตอร์ยังไม่ถอนคำสั่งหลงอี้เขาก็นั่งคุกเข่าอยู่แบบนี้ไปตลอด
หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน หลงอี้ก็รู้สึกชาที่ขาขึ้นมาบ้างแล้ว แล้วเขาก็ได้ยินเสียงของฮวงฟูอี้ดังมาจากบนหัวเขา “ถอนคำสั่งดราก้อนพาวิลเลี่ยนและส่งทีมค้นหาต่อไป”

“ครับ” มังกรรีบลุกขึ้นมาโดยไม่สนใจอาการชาที่ขา เขาเดินออกไปบอกคำสั่ง

ฮวงฟูอี้เดินไปที่เตียง มองไปที่ดวงดาวที่เปล่งแสงแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะสงบใจที่กระสับกระส่ายได้ เสี่ยวเสวี่ยเธออยู่ที่ไหน?

ตั้งแต่ที่ดูแลดราก้อนพาวิลเลี่ยนมาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองขาดความสามารถ

ในที่สุดมู่หรงเสวี่ยก็พัฒนาผลิตภัณฑ์เสร็จ เธอมองออกไปด้านนอกมิติลับอย่างระวังเหมือนปกติ เธอกำลังจะก้าวออกมาจากมิติลับแต่ก็ต้องหยุดทันที ในมิติลับเธอสามารถมองเห็นสถานการณ์ด้านนอกได้ ถึงแม้ขอบเขตจะจำกัดแต่มันก็เพียงพอ

ตอนที่เธอเข้ามาในมิติลับ เธอล็อกประตูไว้นี่แต่ตอนนี้ประตูในห้องกลับเปิดกว้าง เธอมองไปที่กระเป๋าที่เธอวางไว้บนเตียงและโทรศัพท์ของเธอก็ถูกหยิบออกมา

ในตอนนี้เธอปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะมีโจรเข้ามา เพราะถ้าเป็นโจรก็คงจะเอากระเป๋าเธอไปแล้ว และห้องก็ไม่ได้ถูกรื้อค้นด้วย มีเพียงคำอธิบายเดียวนั่นคือมีคนตั้งใจเข้ามาหาเธอโดยเฉพาะ

จะเป็นใครกัน?!!
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่ตอนนี้เธอเจอปัญหาแล้ว เธอออกไปตอนนี้ไม่ได้ เธอมองสถานการณ์นอกห้องไม่เห็นและไม่รู้ว่ามีใครอยู่ข้างนอกหรือเปล่า ถ้าเธอออกไปแบบนี้ แล้วมีคนอยู่ เธอก็คงจะอธิบายเรื่องนี้ไม่ได้ซึ่งมีแต่จะยิ่งสร้างปัญหาอีกมากมาย

เธอทำได้เพียงนั่งรอและดูเหตุการณ์อยู่ในมิติลับ เธอกลัวว่าจะเป็นพวกคนต่างชาติที่มาจับตัวเธอเหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว ถ้าเขากล้าที่จะมาจับตัวเธอ เขาก็อาจจะรู้ว่าเธอเลิกกับชางกวนโม่แล้วและเขาก็ไม่ได้คอยดูแลเธออีกแล้ว อีกอย่างถ้าเป็นคนนั้นจริง เธอกลัวว่าการหนีก็คงจะไม่ได้ทำได้ง่ายๆด้วย บางทีเขาอาจจะส่งคนมาเฝ้าเธออยู่ตลอดเวลา นี่เป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุดที่เธอคิดออก

นอกจากนี้เธอก็กังวลเรื่องว่าครอบครัวของเธอจะถูกจับตามองหรือพ่อแม่เธอจะกระวนกระวายใจมากแค่ไหน ยิ่งเธอคิดมากขึ้นเท่าไร เธอก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อพวกเขามาถึงอะพาร์ตเมนต์ของมู่หรงเสวี่ย พวกเขาก็เห็นว่าประตูเปิดอยู่ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนในทันที พร้อมกันนั้นความคิดก็แวบเข้ามาในใจพวกเขาและพวกเขาถูกฝึกมาแล้ว

ทั้งห้ามีสีหน้าที่จริงจัง ค่อยๆเดินเข้าไปอย่างระวังแล้วเจอเข้ากับคนสองคนในห้องนั่งเล่นที่กำลังจ้องมาที่พวกเขาอย่างเยือกเย็น

“พวกนายเป็นใคร?” หลงอี้รีบหยิบอาวุธและถามออกมาทันที

พี่ใหญ่หยุดอีกสี่คนที่เหลือที่อาจจะดึงอาวุธออกมาในตอนนี้เพราะเขาเห็นสัญลักษณ์ที่อกของหลงอี้ ซึ่งเป็นเหรียญของผู้บัญชาการสูงสุดในดราก้อนพาวิลเลี่ยนรองจากดราก้อนมาสเตอร์ เหรียญนี้มีเพียงคนในดราก้อนพาวิลเลี่ยนเท่านั้นที่รู้จัก
เขาไม่คิดว่าจะเจอคนระดับสูงของดราก้อนพาวิลเลี่ยนที่นี่ พี่ใหญ่มองไปที่คนที่เหลือและแสดงความเคารพกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของดราก้อนพาวิลเลี่ยน แล้วเขาก็อ้าปากตอบออกไปว่า “เราคือทีมแรกของทีมพายุในดราก้อนพาวิลเลี่ยน ต้องขออภัยด้วยที่เข้ามารบกวน!”

“พวกนายมาจากกลุ่มพายุงั้นเหรอ?!! ฉันจำได้ว่าคำสั่งของดราก้อนพาวิลเลี่ยนถูกถอนไปแล้วนิ ทำไมถึงยังมาที่นี่อีก ต้องการจะขัดคำสั่งงั้นเหรอ?” หลงอี้เก็บอาวุธไปและพูดออกมาอย่างดุดัน ในดราก้อนพาวิลเลี่ยนการขัดคำสั่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับอนุญาต

สีหน้าของคนทั้งห้าซีดเผือดในทันที พวกเขารู้ดีว่าดราก้อนพาวิลเลี่ยนจะลงโทษพวกคนที่ขัดคำสั่งรุนแรงแค่ไหน ถ้ามันเป็นเรื่องจริงจัง พวกเขาก็คงจะถูกฆ่าตายไปแล้ว แต่ในตอนนี้สิ่งที่พวกเขาเป็นห่วงกว่าคือน้องหกถูกผู้บังคับบัญชาของดราก้อนพาวิลเลี่ยนส่งตัวออกไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นเขากลัวว่าคงไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ได้ง่ายๆแน่

พวกเขารีบคุกเข่าลงทันทีและไม่กล้าที่จะพูดอธิบาย ไม่มีข้ออ้างในดราก้อนพาวิลเลี่ยน ถูกคือถูก ผิดคือผิด ไม่มีเหตุผลให้อธิบาย

หลงอี้กำลังที่จะลงโทษพวกเขาแต่ฮวงฟูอี้ที่เพิ่งหันกลับมาจากหน้าต่างและเห็นพวกเขาที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ความทรงจำแวบเข้ามาในสายตาของเขา แล้วก็พูดออกมาเสียงเบาบอกให้พวกเขาลุกขึ้น

เขารู้จักคนพวกนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีกับเสี่ยวเสวี่ย เขาจำได้ถึงตอนที่ยังอยู่ที่เมืองหลวง ครั้งหนึ่ง เสี่ยวเสวี่ยเคยชวนพวกเขามาเล่นที่บ้าน ในเมื่อพวกเขาเป็นเพื่อนของเสี่ยวเสวี่ย งั้นพวกเขาก็อาจจะรู้ว่าเสี่ยวเสวี่ยจะไปไหน…แต่เขาไม่คิดว่าคนพวกนี้จะเป็นคนของดราก้อนพาวิลเลี่ยนด้วย

เมื่อพี่ใหญ่ได้ยินเสียง แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาแต่พวกเขาก็รู้สึกตกใจ ชายคนนี้เป็นใครกันถึงได้กล้าที่จะออกคำสั่งกับผู้บังคับบัญชา?! โอ้ พระเจ้า

ในตอนนี้ แก๊งทั้งห้าไม่เห็นหน้าของฮวงฟูอี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าฮวงฟูอี้คือน้องชายของมู่หรงเสวี่ย ตอนที่พวกเขาเดินเข้ามา พวกเขาได้เห็นเพียงด้านหลังของเขาเท่านั้นและตอนนี้พวกเขาก็ก้มหัวอยู่ แต่พวกเขาก็รู้สึกเพียงแค่ว่าเสียงฟังดูคุ้นๆ

หลงอี้แปลกใจ ไม่คิดว่าดราก้อนมาสเตอร์จะสนใจคนพวกนี้ด้วย เขาหยุดไปชั่วขณะแล้วจึงพูดออกมา “ลุกขึ้น”

น้องห้าค่อยๆลุกขึ้นและเธอก็กล้าที่จะมองไปในทิศทางของฮวงฟูอี้ เธออุทานออกมาแทบจะในทันที “นั่นนาย…”

พี่ใหญ่มองไปที่ฮวงฟูอี้อย่างกังวล เพราะกลัวว่าเขาจะออกคำสั่งให้ลงโทษน้องห้า ไม่จำเป็นต้องบอกเลยเพราะมีเพียงคนเดียวที่สามารถสั่งเขาได้

อารมณ์ของน้องห้ามักจะเป็นปัญหาตลอด เธอสะดุ้งเล็กน้อยจึงลืมตัวและอุทานออกมา เมื่อพี่ใหญ่เอามือปิดปากเธอ เธอก็มีอาการขึ้นมาทันที คนที่เหลือต่างก็กังวลมากด้วยเหมือนกัน พวกเขามองไปที่ผู้บังคับบัญชาการทั้งสองที่สามารถตัดสินความเป็นความตายของพวกเขาได้

ฮวงฟูอี้ยังไม่แสดงท่าทางใดๆ เพียงแค่ถามออกมา เสียงเบา “มู่หรงได้ติดต่อพวกนายบ้างหรือเปล่า?”

ในสายตาเขายังมีการสั่นไหวของความตึงเครียดอยู่ด้วย เวลาผ่านมานานแล้วจนเขาต้องคิดไปในทิศทางที่แย่ที่สุด ในตอนนี้เมื่อเขาได้เจอคนที่คุ้นเคยกับเสี่ยวเสวี่ย เขาก็อาจจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง

“ไม่เลย เราโทรหาเธอแล้วแต่ก็ไม่มีสัญญาณ เรามาที่นี่เพื่อมาหาเธอ” พี่ใหญ่ปกปิดความตกใจของตัวเองและพูดออกไป พวกเขาไม่คิดเลยว่าน้องชายของเสี่ยวเสวี่ยที่ดูเหมือนในตอนนั้นจะมีปัญหาเรื่องสมองจะเป็นผู้ครองอำนาจสูงสุดของดราก้อนพาวิลเลี่ยนจริงๆ เพราะพวกเขายังไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เจอดราก้อนมาสเตอร์ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ อีกอย่างเรื่องของดราก้อนมาสเตอร์ก้เป็นปริศนามาตลอดและมีเพียงผู้บังคับบัญชาเท่านั้นที่รู้เรื่อง

ฮวงฟูอี้อดไม่ได้ที่จะแวบประกายความผิดหวัง ทุกวินาทีที่ผ่านไปเขารู้สึกราวกับกำลังทรมานอยู่ในนรก “เสี่ยวเสวี่ยไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกนายมีเบาะแสอื่นบ้างไหม?” ถึงแม้เขาจะรู้ว่าไม่มีความหวัง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป ถึงแม้คำสั่งดราก้อนพาวิลเลี่ยนจะถูกถอนออกไปแล้วกองทัพของกลุ่มพายุจะหาเจอได้ยังไง

แก๊งห้าแวบประกายความรู้สึกผิดบนใบหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาไม่เจอเบาะแสอะไรเลย แถมคนๆก็ยังเป็นเพื่อนคนสำคัญของพวกเขาอีกด้วย เดิมทีพวกเขาเป็นห่วงว่าเสี่ยวเสวี่ยจะไปมีปัญหากับดราก้อนพาวิลเลี่ยน ตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นฮวงฟูอี้ พวกเขาก็โล่งอก ยังไงซะในตอนนั้นพวกเขาก็เรียกตัวเองว่าพี่น้องกัน งั้นพวกเขาคงไม่ใช่ศัตรูกันหรอก

“ไม่มีเบาะแสอะไรเลย เขาเจอเพียงแค่ว่าเสี่ยวเสวี่ยหายไปในอะพาร์ตเมนต์ของเธอเอง เราขอเข้าไปหาเบาะแสในห้องของมู่หรงเสวี่ยได้ไหม?” พี่ใหญ่ถาม บางทีในห้องของ เสี่ยวเสวี่ยพวกเขาอาจจะเจอเบาะแสอะไรบ้างแต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะตรงหน้าพวกเขามีสองผู้มีอำนาจอยู่ด้วย

หลงอี้เองก็ไม่กล้าที่จะตอบคำถามจึงมองไปที่ฮวงฟูอี้ ฮวงฟูอี้โบกมือและพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไปสิ!” เขานั่งมองห้องอยู่นานแล้วและไม่มีอะไรผิดปกติเลย ยกเว้นก็เพียงเรื่องเดียวคือถ้าเสี่ยวเสวี่ยหนีไปแล้วทำไมเธอถึงไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย หรือเธอถูกลักพาตัว เขาก็ไม่คิดงั้นเพราะไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือการขัดขืนในห้องเลย ทุกอย่างอยู่ในสภาพดี นี่เหมือนกับว่า มู่หรงเสวี่ยอยู่ดีๆก็หายไปเฉยๆ

หลังจากที่ได้รับคำสั่ง แก๊งทั้งห้าก็ทำความเคารพ แล้วพวกเขาก็หันกลับและเดินตรงเข้าไปในห้องหลัก พวกเขาเห็นว่าประตูในแต่ละห้องถูกเปิดออก น่าจะเป็นฝีมือของหัวหน้าหลงอี้ พวกเขายืนมองอยู่นานแต่ก็ยังเดินเข้าไปในห้องของมู่หรงเสวี่ย

ห้องอยู่ในสภาพเรียบร้อยมาก ไม่มีอะไรผิดปกติเลย เสี่ยวหวู่หยิบโทรศัพท์ของมู่หรงเสวี่ยขึ้นมา เปิดเครื่องและดูไปที่บันทึกการโทร เขาเจอว่าทุกคนที่โทรหาต่างก็เป็นคนรู้จักและไม่มีอะไรผิดปกติเลย “ในโทรศัพท์ไม่มีบทสนทนาอะไรผิดปกติเลย มันน่าแปลกมากเลยที่โทรศัพท์ถูกวางอยู่ในห้อง น้องหกไปไหนกัน? ขนาดโทรศัพท์ก็ไม่ยอมเอาไปด้วย…” น้องห้าพูดออกมาอย่างไม่เข้าใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+