ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 18 พี่ชายของโม่อ้ายลี่มีนามว่าโม่หลิวเฟิง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 18 พี่ชายของโม่อ้ายลี่มีนามว่าโม่หลิวเฟิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 18 พี่ชายของโม่อ้ายลี่มีนามว่าโม่หลิวเฟิง

วันต่อมา ในห้องเรียนของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง

จบคาบเรียน โม่อ้ายลี่รู้สึกตื่นเต้นมากที่จะบอก มู่หรงเสวี่ยว่า อีกไม่นานพี่ชายของเธอจะกลับมาแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไร้การตอบรับอยู่สักพัก เธอสังเกตเห็นว่ามู่หรงเสวี่ยกำลังทำหน้าสับสนงุนงง
โม่อ้ายลี่อดไม่ได้ที่จะหยิกแขนของอีกฝ่ายด้วยความมันเขี้ยว

“เสี่ยวเสวี่ย นี่ เสี่ยวเสวี่ย เธอเหม่ออะไรอยู่ละเนี่ย? เฮโหลๆ นี่ เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอไง?”
ด้วยความตกใจ มู่หรงเสวี่ยจึงร้องเสียงดังออกมา “โอ๊ย!!! เจ็บนะ!!! อ้ายลี่ เธอจะมาหยิกฉันทำไมเนี่ย?”

โม่อ้ายลี่ตอบพร้อมรอยยิ้มแห่งความสุขว่า “ก็เธอสมควรโดนนี่นา เธอกล้าดียังไงถึงไม่ฟังที่ราชินีอย่างฉันพูดล่ะ?

ในฐานะเพื่อนรัก มู่หรงเสวี่ยจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบเธอว่า “เพคะ องค์หญิง มีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้หรือเพคะ?”
“เมื่อกี้เธอคิดอะไรอยู่? ทำไมถึงได้ทำหน้าจริงจังขนาดนั้นล่ะ?” โม่อ้ายลี่ถามด้วยความสงสัย

มู่หรงเสวี่ยเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็ตอบอีกฝ่ายไปว่า “ฉันอยากจะหาคนเก่งๆสักคนมาเป็นบอดี้การ์ดน่ะ เขาจะได้คอยคุ้มครองและสอนทักษะป้องกันตัวให้ฉันได้ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปหาคนแบบนั้นได้จากที่ไหนน่ะสิ…”
“เอ๋ นี่เธอกำลังหาบอดี้การ์ดอยู่เหรอ?” โม่อ้ายลี่ถามด้วยความตกใจ

“ถูกต้อง เธอก็รู้ว่ามีคนมากมายที่คิดร้ายกับตระกูลมู่หรง ฉันจึงต้องเรียนรู้ศิลปะการป้องกันตัวเอาไว้ปกป้องตัวเองบ้างสิ”

โม่อ้ายลี่ใช้ความคิดเงียบๆ พร้อมกับกัดริมฝีปากของตัวเอง ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่จะต้องสารภาพเรื่องนั้นออกไปอย่างกล้าหาญเสียแล้ว “เสี่ยวเสวี่ย จริงๆแล้ว ฉันมีเรื่องจะสารภาพกับเธอ หลังเลิกเรียน ตอนที่คนน้อยกว่านี้ ฉันจะเล่าให้เธอฟังนะ”

ถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยตัวตนและต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่จำเป็นแล้ว มู่หรงเสวี่ยส่งยิ้มและไม่ได้ถามอะไรอีก เธอแค่พยักหน้าตกลง

เมื่อมองไปรอบข้างแล้วเห็นสายตาซุบซิบนินทาจากเพื่อนในห้อง ที่นี่คงไม่เหมาะที่จะคุยเรื่องแบบนี้เลยจริงๆ ถ้าตัวตนที่แท้จริงของโม่อ้ายลี่ถูกแพร่ออกไป บางทีอาจจะเกิดอันตรายกับเธอก็เป็นได้

หลังเลิกเรียน มู่หรงเสวี่ยและโม่อ้ายลี่ไปยังร้านกาแฟทันที ส่วนเสี่ยวเข่อลี่ ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ เธอไม่ได้พยายามมาหามู่หรงเสวี่ยเลย มันยิ่งทำให้มู่หรงเสวี่ยต้องตื่นตัวมากกว่าเดิม เกรงว่าเสี่ยวเข่อลี่จะต้องมีแผนอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน

“เสี่ยวเสวี่ย คือฉัน…ฉัน…” โม่อ้ายลี่ถือแก้วกาแฟไว้ในมือประกอบท่าทางเขินอาย จากนั้นก็หยุดพูด
“เธอเป็นหลานสาวของหัวหน้านายพลใช่ไหมล่ะ แล้วเธอจะบอกฉันเรื่องนี้เมื่อไร?” มู่หรงเสวี่ยกลอกตาไปมา

โม่อ้ายลี่เบิกตากว้าง “ถูก… อ๊ะ? เอ๊ะ!!! เธอรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ!!! นี่ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยนะ!?”

มู่หรงเสวี่ยทำสีหน้าล้อเลียน โดยรีบทำท่ายืดออกพร้อมกับเหล่ตาไปทางโม่อ้ายลี่

“แหม เธอก็แค่แมวน้อยไร้เดียงสาตัวหนึ่งจะมาหลบสายตาอันแหลมคมของฉันไปได้ยังไงล่ะ!”
“อ๋า ถ้าเธอรู้อยู่แล้ว ทำไมก่อนหน้านี้เธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ ทำฉันอึดอัดอยู่ตั้งนานแน่ะ ฉันก็กลัวว่าถ้าเธอรู้เรื่องนี้ แล้วเธอจะไม่สนใจฉันอีก” โม่อ้ายลี่ที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองถูกหลอกเข้าแล้ว แสดงท่าทางพิลึกออกมาทันที

โม่อ้ายลี่หันหน้าไปมา พร้อมกับมองไปยังสายตาประหลาดๆภายในร้านกาแฟที่กำลังจับจ้องมาที่เธอ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด

“นี่ พอได้แล้ว!” มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงดังฟังชัด

“ถ้างั้นเรามาคุยเรื่องสำคัญกันดีกว่า” เห็นว่าสายตาแปลกๆของคนรอบข้างหายไปแล้ว โม่อ้ายลี่จึงพูดขึ้น

เมื่อได้ยินประโยคนี้ จู่ๆมู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกสับสนขึ้นมาในใจ หลังจากที่โต้เถียงกันมาสักพัก เธอก็พูดเรื่องนี้ได้ซะที เธอมองดูเสื้อผ้าตัวเองซึ่งดูเหมือนจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แล้วก็มองไปรอบๆที่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นกัน มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะขยี้ตาตัวเองอีกรอบ

“ถ้าเธอบอกว่าอยากได้บอดี้การ์ด ฉันก็พอจะรู้จักคนที่สามารถช่วยเธอได้”

“แต่ถ้าเธออยากหาคนอื่น เธอก็ทำได้นะ ฉันยินดีช่วยเสมอ” โม่อ้ายลี่มองดูมู่หรงเสวี่ยด้วยสายตาไร้เดียงสา

“ฉันจะเป็นคนจัดการให้เอง แต่ว่าต้องบอกพี่ชายของฉันก่อนนะ พี่ชายฉันมีเส้นสายแล้วก็รู้จักคนมีอำนาจเยอะ เขาน่าจะแนะนำคนดีๆให้เธอได้ บังเอิญว่าเขาจะกลับมาวันนี้ซะด้วย เธอสนใจไปรับเขาที่สนามบินกับฉันไหม จะคุยกับพี่ชายฉันด้วยเลย เธอว่ายังไงล่ะ?”

มู่หรงเสวี่ยใช้ความคิดสักครู่ เธอคิดว่าตัวเองควรไปพบกับพี่ชายของโม่อ้ายลี่ก่อนน่าจะดีกว่า จึงพยักหน้ารับ “ได้เลย ว่าแต่ พี่ชายเธอจะลงเครื่องกี่โมงล่ะ? พวกเราจะไปกันตอนไหนดี?”

โม่อ้ายลี่หันไปมองเวลาที่นาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังร้าน “อ๊ะ เกือบจะได้เวลาพอดีเลย พวกเราไปรอเขาที่สนามบินกันเถอะ”

หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จแล้ว มู่หรงเสวี่ยกับโม่อ้ายลี่จึงเดินออกมาจากร้าน และเรียกรถแท็กซี่ไปยังสนามบิน เนื่องจากว่าวันนี้พวกเธอไม่ได้ขับรถส่วนตัวมา จึงต้องนั่งรถสาธารณะแทน

เมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน
มู่หรงเสวี่ยเห็นชายร่างสูงที่ดูสง่ายืนเด่นอยู่ท่ามกลางฝูงชนมาแต่ไกล ถึงอีกฝ่ายจะอยู่ห่างจากเธอมาก แต่เขากลับโดดเด่นและดึงดูดสายตาของคนทั่วไป เหมือนกับแสงสปอตไลต์ไม่มีผิด

“พี่ชายจ๋า หนูมารับแล้ว~” โม่อ้ายลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่หรงเสวี่ยมีท่าทางตื่นเต้นและรีบเดินไปหาผู้ชายคนนั้น

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เธอจึงเห็นผู้ชายที่มีส่วนสูงประมาณ 185 ซม. รูปร่างสูงโปร่ง จมูกตรงโด่งได้รูป ด้านใต้จมูกคือริมฝีปากหยักสวยได้รูป เมื่อมองไปที่เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่นั้น เธอก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าเสื้อผ้าพวกนี้ไม่ใช่เสื้อผ้าธรรมดา ชุดที่เขาสวมได้รับการออกแบบและตัดเย็บมาอย่างดีไม่เหมือนกับเสื้อผ้าทั่วไปที่พบเห็นได้ตามท้องตลาด เขาช่างเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์จริงๆ ขนาดมู่หรงเสวี่ยเห็นความหล่อของคนตรงหน้ายังใจสั่นเลย

“นี่ๆ พี่ชายจ๋า พี่ซื้อของขวัญมาฝากหนูรึเปล่า?” โม่อ้ายลี่ดึงแขนเสื้อชายคนนั้นพร้อมเอ่ยถามด้วยความใสซื่อ

ชายคนนั้นใช้นิ้วชี้จิ้มเบาๆที่หน้าผากของโม่อ้ายลี่แล้วตอบว่า “เธอนี่มันจริงๆเลย ทำไมถึงได้คิดถึงแต่ของขวัญนะ! เธอไม่คิดถึงพี่ชายสุดหล่อบ้างเลยเหรอ?”

“อ้อ ใช่ๆ พี่ชาย หนูยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกพี่ คนคนนี้คือเพื่อนสนิทของหนูเองชื่อ มู่หรงเสวี่ย แล้วก็ มู่หรงเสวี่ย คนคนนี้คือพี่ชายฉันชื่อ โม่หลิวเฟิงจ้า” โม่อ้ายลี่กลับมายืนข้างมู่หรงเสวี่ย และทำการแนะนำตัวให้ทั้งสองได้รู้จักกัน

เมื่อทราบชื่อของคนตรงหน้าแล้ว โม่หลิวเฟิงจึงหันไปมองใบหน้าแสนงดงามของเด็กสาวให้ชัดเจนขึ้น “คุณมู่หรง ในเมื่อคุณเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวผม คุณจะเรียกผมสั้นๆว่าโม่เกอหรือพี่โม่ก็ได้นะ”

มู่หรงเสวี่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม “พี่โม่ พี่อย่าเรียกฉันว่าคุณมู่หรงเลยค่ะ เรียกว่าเสี่ยวเสวี่ยก็พอแล้วค่ะ”

“ได้เลยครับ ถ้างั้น พวกเราไปขึ้นรถแล้วหาอะไรกินก่อนกลับบ้านกันเถอะ” โม่หลิวเฟิงที่ถือกระเป๋าอยู่ในมือ เดินนำทั้งสองคนไปยังรถสปอร์ตที่เพิ่งมาถึง โดยที่คนขับรถประจำตัวของโม่หลิวเฟิงเป็นคนขับมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 18 พี่ชายของโม่อ้ายลี่มีนามว่าโม่หลิวเฟิง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 18 พี่ชายของโม่อ้ายลี่มีนามว่าโม่หลิวเฟิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 18 พี่ชายของโม่อ้ายลี่มีนามว่าโม่หลิวเฟิง

วันต่อมา ในห้องเรียนของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง

จบคาบเรียน โม่อ้ายลี่รู้สึกตื่นเต้นมากที่จะบอก มู่หรงเสวี่ยว่า อีกไม่นานพี่ชายของเธอจะกลับมาแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไร้การตอบรับอยู่สักพัก เธอสังเกตเห็นว่ามู่หรงเสวี่ยกำลังทำหน้าสับสนงุนงง
โม่อ้ายลี่อดไม่ได้ที่จะหยิกแขนของอีกฝ่ายด้วยความมันเขี้ยว

“เสี่ยวเสวี่ย นี่ เสี่ยวเสวี่ย เธอเหม่ออะไรอยู่ละเนี่ย? เฮโหลๆ นี่ เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอไง?”
ด้วยความตกใจ มู่หรงเสวี่ยจึงร้องเสียงดังออกมา “โอ๊ย!!! เจ็บนะ!!! อ้ายลี่ เธอจะมาหยิกฉันทำไมเนี่ย?”

โม่อ้ายลี่ตอบพร้อมรอยยิ้มแห่งความสุขว่า “ก็เธอสมควรโดนนี่นา เธอกล้าดียังไงถึงไม่ฟังที่ราชินีอย่างฉันพูดล่ะ?

ในฐานะเพื่อนรัก มู่หรงเสวี่ยจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบเธอว่า “เพคะ องค์หญิง มีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้หรือเพคะ?”
“เมื่อกี้เธอคิดอะไรอยู่? ทำไมถึงได้ทำหน้าจริงจังขนาดนั้นล่ะ?” โม่อ้ายลี่ถามด้วยความสงสัย

มู่หรงเสวี่ยเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็ตอบอีกฝ่ายไปว่า “ฉันอยากจะหาคนเก่งๆสักคนมาเป็นบอดี้การ์ดน่ะ เขาจะได้คอยคุ้มครองและสอนทักษะป้องกันตัวให้ฉันได้ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปหาคนแบบนั้นได้จากที่ไหนน่ะสิ…”
“เอ๋ นี่เธอกำลังหาบอดี้การ์ดอยู่เหรอ?” โม่อ้ายลี่ถามด้วยความตกใจ

“ถูกต้อง เธอก็รู้ว่ามีคนมากมายที่คิดร้ายกับตระกูลมู่หรง ฉันจึงต้องเรียนรู้ศิลปะการป้องกันตัวเอาไว้ปกป้องตัวเองบ้างสิ”

โม่อ้ายลี่ใช้ความคิดเงียบๆ พร้อมกับกัดริมฝีปากของตัวเอง ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่จะต้องสารภาพเรื่องนั้นออกไปอย่างกล้าหาญเสียแล้ว “เสี่ยวเสวี่ย จริงๆแล้ว ฉันมีเรื่องจะสารภาพกับเธอ หลังเลิกเรียน ตอนที่คนน้อยกว่านี้ ฉันจะเล่าให้เธอฟังนะ”

ถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยตัวตนและต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่จำเป็นแล้ว มู่หรงเสวี่ยส่งยิ้มและไม่ได้ถามอะไรอีก เธอแค่พยักหน้าตกลง

เมื่อมองไปรอบข้างแล้วเห็นสายตาซุบซิบนินทาจากเพื่อนในห้อง ที่นี่คงไม่เหมาะที่จะคุยเรื่องแบบนี้เลยจริงๆ ถ้าตัวตนที่แท้จริงของโม่อ้ายลี่ถูกแพร่ออกไป บางทีอาจจะเกิดอันตรายกับเธอก็เป็นได้

หลังเลิกเรียน มู่หรงเสวี่ยและโม่อ้ายลี่ไปยังร้านกาแฟทันที ส่วนเสี่ยวเข่อลี่ ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ เธอไม่ได้พยายามมาหามู่หรงเสวี่ยเลย มันยิ่งทำให้มู่หรงเสวี่ยต้องตื่นตัวมากกว่าเดิม เกรงว่าเสี่ยวเข่อลี่จะต้องมีแผนอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน

“เสี่ยวเสวี่ย คือฉัน…ฉัน…” โม่อ้ายลี่ถือแก้วกาแฟไว้ในมือประกอบท่าทางเขินอาย จากนั้นก็หยุดพูด
“เธอเป็นหลานสาวของหัวหน้านายพลใช่ไหมล่ะ แล้วเธอจะบอกฉันเรื่องนี้เมื่อไร?” มู่หรงเสวี่ยกลอกตาไปมา

โม่อ้ายลี่เบิกตากว้าง “ถูก… อ๊ะ? เอ๊ะ!!! เธอรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ!!! นี่ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยนะ!?”

มู่หรงเสวี่ยทำสีหน้าล้อเลียน โดยรีบทำท่ายืดออกพร้อมกับเหล่ตาไปทางโม่อ้ายลี่

“แหม เธอก็แค่แมวน้อยไร้เดียงสาตัวหนึ่งจะมาหลบสายตาอันแหลมคมของฉันไปได้ยังไงล่ะ!”
“อ๋า ถ้าเธอรู้อยู่แล้ว ทำไมก่อนหน้านี้เธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ ทำฉันอึดอัดอยู่ตั้งนานแน่ะ ฉันก็กลัวว่าถ้าเธอรู้เรื่องนี้ แล้วเธอจะไม่สนใจฉันอีก” โม่อ้ายลี่ที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองถูกหลอกเข้าแล้ว แสดงท่าทางพิลึกออกมาทันที

โม่อ้ายลี่หันหน้าไปมา พร้อมกับมองไปยังสายตาประหลาดๆภายในร้านกาแฟที่กำลังจับจ้องมาที่เธอ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด

“นี่ พอได้แล้ว!” มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงดังฟังชัด

“ถ้างั้นเรามาคุยเรื่องสำคัญกันดีกว่า” เห็นว่าสายตาแปลกๆของคนรอบข้างหายไปแล้ว โม่อ้ายลี่จึงพูดขึ้น

เมื่อได้ยินประโยคนี้ จู่ๆมู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกสับสนขึ้นมาในใจ หลังจากที่โต้เถียงกันมาสักพัก เธอก็พูดเรื่องนี้ได้ซะที เธอมองดูเสื้อผ้าตัวเองซึ่งดูเหมือนจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แล้วก็มองไปรอบๆที่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นกัน มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะขยี้ตาตัวเองอีกรอบ

“ถ้าเธอบอกว่าอยากได้บอดี้การ์ด ฉันก็พอจะรู้จักคนที่สามารถช่วยเธอได้”

“แต่ถ้าเธออยากหาคนอื่น เธอก็ทำได้นะ ฉันยินดีช่วยเสมอ” โม่อ้ายลี่มองดูมู่หรงเสวี่ยด้วยสายตาไร้เดียงสา

“ฉันจะเป็นคนจัดการให้เอง แต่ว่าต้องบอกพี่ชายของฉันก่อนนะ พี่ชายฉันมีเส้นสายแล้วก็รู้จักคนมีอำนาจเยอะ เขาน่าจะแนะนำคนดีๆให้เธอได้ บังเอิญว่าเขาจะกลับมาวันนี้ซะด้วย เธอสนใจไปรับเขาที่สนามบินกับฉันไหม จะคุยกับพี่ชายฉันด้วยเลย เธอว่ายังไงล่ะ?”

มู่หรงเสวี่ยใช้ความคิดสักครู่ เธอคิดว่าตัวเองควรไปพบกับพี่ชายของโม่อ้ายลี่ก่อนน่าจะดีกว่า จึงพยักหน้ารับ “ได้เลย ว่าแต่ พี่ชายเธอจะลงเครื่องกี่โมงล่ะ? พวกเราจะไปกันตอนไหนดี?”

โม่อ้ายลี่หันไปมองเวลาที่นาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังร้าน “อ๊ะ เกือบจะได้เวลาพอดีเลย พวกเราไปรอเขาที่สนามบินกันเถอะ”

หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จแล้ว มู่หรงเสวี่ยกับโม่อ้ายลี่จึงเดินออกมาจากร้าน และเรียกรถแท็กซี่ไปยังสนามบิน เนื่องจากว่าวันนี้พวกเธอไม่ได้ขับรถส่วนตัวมา จึงต้องนั่งรถสาธารณะแทน

เมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน
มู่หรงเสวี่ยเห็นชายร่างสูงที่ดูสง่ายืนเด่นอยู่ท่ามกลางฝูงชนมาแต่ไกล ถึงอีกฝ่ายจะอยู่ห่างจากเธอมาก แต่เขากลับโดดเด่นและดึงดูดสายตาของคนทั่วไป เหมือนกับแสงสปอตไลต์ไม่มีผิด

“พี่ชายจ๋า หนูมารับแล้ว~” โม่อ้ายลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่หรงเสวี่ยมีท่าทางตื่นเต้นและรีบเดินไปหาผู้ชายคนนั้น

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เธอจึงเห็นผู้ชายที่มีส่วนสูงประมาณ 185 ซม. รูปร่างสูงโปร่ง จมูกตรงโด่งได้รูป ด้านใต้จมูกคือริมฝีปากหยักสวยได้รูป เมื่อมองไปที่เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่นั้น เธอก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าเสื้อผ้าพวกนี้ไม่ใช่เสื้อผ้าธรรมดา ชุดที่เขาสวมได้รับการออกแบบและตัดเย็บมาอย่างดีไม่เหมือนกับเสื้อผ้าทั่วไปที่พบเห็นได้ตามท้องตลาด เขาช่างเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์จริงๆ ขนาดมู่หรงเสวี่ยเห็นความหล่อของคนตรงหน้ายังใจสั่นเลย

“นี่ๆ พี่ชายจ๋า พี่ซื้อของขวัญมาฝากหนูรึเปล่า?” โม่อ้ายลี่ดึงแขนเสื้อชายคนนั้นพร้อมเอ่ยถามด้วยความใสซื่อ

ชายคนนั้นใช้นิ้วชี้จิ้มเบาๆที่หน้าผากของโม่อ้ายลี่แล้วตอบว่า “เธอนี่มันจริงๆเลย ทำไมถึงได้คิดถึงแต่ของขวัญนะ! เธอไม่คิดถึงพี่ชายสุดหล่อบ้างเลยเหรอ?”

“อ้อ ใช่ๆ พี่ชาย หนูยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกพี่ คนคนนี้คือเพื่อนสนิทของหนูเองชื่อ มู่หรงเสวี่ย แล้วก็ มู่หรงเสวี่ย คนคนนี้คือพี่ชายฉันชื่อ โม่หลิวเฟิงจ้า” โม่อ้ายลี่กลับมายืนข้างมู่หรงเสวี่ย และทำการแนะนำตัวให้ทั้งสองได้รู้จักกัน

เมื่อทราบชื่อของคนตรงหน้าแล้ว โม่หลิวเฟิงจึงหันไปมองใบหน้าแสนงดงามของเด็กสาวให้ชัดเจนขึ้น “คุณมู่หรง ในเมื่อคุณเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวผม คุณจะเรียกผมสั้นๆว่าโม่เกอหรือพี่โม่ก็ได้นะ”

มู่หรงเสวี่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม “พี่โม่ พี่อย่าเรียกฉันว่าคุณมู่หรงเลยค่ะ เรียกว่าเสี่ยวเสวี่ยก็พอแล้วค่ะ”

“ได้เลยครับ ถ้างั้น พวกเราไปขึ้นรถแล้วหาอะไรกินก่อนกลับบ้านกันเถอะ” โม่หลิวเฟิงที่ถือกระเป๋าอยู่ในมือ เดินนำทั้งสองคนไปยังรถสปอร์ตที่เพิ่งมาถึง โดยที่คนขับรถประจำตัวของโม่หลิวเฟิงเป็นคนขับมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+