ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 186 มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 186 มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 186
มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง

“เชิญนั่งกันตามสบายเลยนะไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวฉันไปเตรียมอาหารก่อน…” พวกเขาต่างก็เป็นเพื่อนกันหมดดังนั้น มู่หรงเสวี่ยจึงต้อนรับพวกเขาอย่างสบายๆ

“เสี่ยวเฟ่ย เธอเคยมาบ้านเสี่ยวเสวี่ยแล้วเหรอ?” หลิวฮัวลี่หันหัวมาถามฮวงเสี่ยวเฟ่ย เขาเห็นว่าเธอรู้ที่เก็บรองเท้าและเปลี่ยนอย่างเป็นธรรมชาติ มันดูสบายๆมาก ดูเหมือนไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่นี่

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยหยิบรองเท้าออกมาและกำลังสวมแต่ก็ต้องสะดุดนิ่ง หลังจากที่นิ่งไปเธอก็พูดออกมา “อ่อใช่ ก่อนหน้านี้ฉันเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง…”

“ใช่ ดูเหมือนพวกเธอจะสนิทกัน ตอนที่เราไปสเกตด้วยกันก่อนหน้านี้พวกเธอสองคนก็ไปด้วยกัน” หลิวฮัวลี่พูด
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยยิ้มเกร็งๆ “งั้นเหรอ?”
แก๊งทั้งห้าแทบจะไม่คุยกับคนอื่นเลย เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ดังนั้นฮวงเสี่ยวเฟ่ยและหลิวฮัวลี่จึงนั่งด้วยกันในขณะที่แก๊งทั้งห้าแยกมานั่งด้วยกันอีกที่

มู่หรงเสวี่ยเตรียมอาหารพร้อมยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้กับภาพที่เห็นแต่เธอเองก็รู้นิสัยของแก๊งทั้งห้าดี แน่นอนว่าเธอไม่บังคับพวกเขาอยู่แล้ว

หลังจากนั้นหลังจากที่ดื่มและกินอาหารกันเรียบร้อย
มู่หรงเสวี่ยก็เดินไปหาฮวงเสี่ยวเฟ่ยและพูดออกไป “เสี่ยวเฟ่ย ฉันขอคุยด้วยตามลำพังหน่อยได้ไหม?” แล้วเธอก็หันไปพูดกับหลิวฮัวลี่ “รุ่นพี่ ขอโทษนะ ฉันขอยืมตัวเสี่ยวเฟ่ยหน่อยนะ…”

หลิวฮัวลี่เขินนิดหน่อยแล้วตอบออกมา “คือ…เอิ่ม…” อันที่จริงนี่เป็นรักแรกของเขาแต่เขาก็จริงจังและมีแผนที่จะเชิดชู ฮวงเสี่ยวเฟ่ยไปตลอดชีวิตเขา อย่างไรก็ตามเวลาที่มีคนแซว เขาก็ยังรู้สึกเขินอยู่หน่อยๆ

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเดินตามมู่หรงเสวี่นขึ้นไปที่ห้องหนังสือชั้นบน

มู่หรงเสวี่ยล็อกประตูห้องหนังสือด้วยหลังมือแล้วหันมาเผชิญหน้ากับฮวงเสี่ยวเฟ่ย “เสี่ยวเฟ่ย มานั่งนี่สิ ฉันอยากจะคุยอะไรกับเธอหน่อย…”เธอเดินนำไปนั่งที่โซฟาในห้องหนังสือ

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเดินไปและพูดออกมาว่า “เสี่ยวเสวี่ย เธอจะถามถึงเรื่องที่เธอพยายามโทรมาเมื่อวานหรือเปล่า?! อันที่จริงฉันทำบางอย่างอยู่ก็เลยไม่สะดวกแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรและไม่มีอะไรที่จะต้องอธิบาย งั้นจะพูดอะไรเหรอ…” เธอเสยผมหนานุ่มและพูดพร้อมรอยยิ้ม

มู่หรงเงียบไปนานแล้วจึงพูดออกมา “เมื่อคืน ฉันเห็น…” หลังจากนั้นเธอก็จ้องตรงไปที่ฮวงเสี่ยวเฟ่ย

มือของฮวงเสี่ยวเฟ่ยที่กำลังเสยผมสะดุดนิ่ง “เห็น…เธอเห็นอะไรเหรอ?”

“ฉันเห็นเธอกับชายวัยกลางคนอยู่ด้วยกัน…” มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงเบา

สีหน้าของฮวงเสี่ยวเฟ่ยเปลี่ยนเป็นซีดเผือดและร่างกายของเธอก็เริ่มสั่น เธอมองไปที่มู่หรงเสวี่ยและพูดออกมาอย่างลนลาน “เสี่ยวเสวี่ย มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ ฉันอธิบายได้…”

“ใจเย็นก่อน ฉันไม่ได้จะถามอะไรเธอ ฉันแค่เป็นห่วงเธอ…” มู่หรงเห็นท่าทางของเธอในตอนนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะปลอบใจ

“เสี่ยวเสวี่ยอย่าบอกใครนะ ฉันขอร้องล่ะ…” ในใจของ ฮวงเสี่ยวเฟ่ยวุ่นวายไปหมดและเรื่องที่เธอกลัวมากที่สุดคือการถูกเปิดโปงในตอนนี้ซึ่งทำให้เธอสงบใจไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงเอาแต่อ้อนวอนมู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยจับมือเธอและพูดอย่างกังวล “ฉันไม่พูดหรอก ฉันแค่เป็นห่วงเธอ เธอกำลังลำบากหรือว่าถูกข่มขู่อะไรอยู่หรือเปล่า?”

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเอาแต่สะอื้น เธอคิดว่ามันคงจบแล้ว เธอนึกถึงสายตาของทุกคนที่มหาลัยว่าจะมองเธอยังไง และหน้าก็เธอก็ซีดขึ้นเรื่อยๆ “ผู้ชายคนนั้นก็แค่คนรู้จัก…” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยกัดปากและพูดออกมา มู่หรงเสวี่ยแค่บอกว่าเห็นพวกเธอเท่านั้นแต่ไม่ได้เห็นว่าพวกเธอทำอะไรกัน เธอคงทำอะไรไม่ได้

เธอขมวดคิ้วแต่เมื่อเธอเห็นท่าทางของฮวงเสี่ยวเฟ่ยในตอนนี้ เธอก็ไม่กล้าที่จะถามเซ้าซี้ “คนรู้จักแบบไหนกันเหรอ? ฉันเห็นเธอจูบเขาที่แก้มด้วยนะ…”

สีหน้าของฮวงเสี่ยวเฟ่ยซีดเข้าไปอีก “เขาเป็นลุงของฉัน…แค่จูบกันที่แก้ม ก็เหมือนที่พวกฝรั่งชอบทำกันไม่ใช่เหรอ?”

แต่นี่ไม่ใช่ที่เมืองนอกไง! มู่หรงเสวี่ยตัดสินใจที่จะเปิดใจและพูดออกไปจะดีกว่า ยังไงซะถ้าที่มหาลัยรู้เรื่องนี้เข้า เธอก็อาจจะถูกไล่ออกได้ “เสี่ยวเฟ่ย บอกความจริงฉันมา เขาไม่ใช่ลุงของเธอ ฉันเห็นว่าเขาจับก้นเธอ…”

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเบิกตากว้างและมองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่ต่อหน้าเธอก็ยังคงสวยอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกเหมือนถูกเยาะเย้ยขนาดนี้ เธอจับมือมู่หรงเสวี่ยและพูดออกไปด้วยเสียงดังลั่น “เธอรู้ดีอยู่แล้ว แล้วจะยังถามฉันอยู่อีกทำไม?! เธอสูงส่งมาจากไหนเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยตกใจและดูเหมือนจะสะดุ้งเล็กน้อย หลังจากนั้นสักพักเธอก็อธิบายออกมา “มันไม่ใช่แบบนั้น ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะ? ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอ เธอไม่รู้หรือไงว่าผลมันจะเป็นยังไงถ้าทางมหาลัยรู้เรื่องนี้เข้า?”

“แล้วทางมหาลัยจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไงล่ะ? ฉันระวังอย่างมากในทุกครั้ง…” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยพูด

“งั้นฉันจะรู้ได้ยังไงถ้าฉันไม่ได้เห็น…”
“ใช่ไง ถ้าทางมหาลัยรู้มันก็ต้องมาจากเธอ ในหัวใจเธอเกลียดฉันและรู้สึกว่าเด็กสาวแบบฉันมันเลวใช่ไหม?” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยพูดถึงตัวเอง กึ่งเยาะเย้ยและกึ่งประชดประชัน

มู่หรงเสวี่ยมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธอมันบ้าไปแล้วจริงๆ เธอกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ยังไง!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันเป็นแบบนี้ได้ยังไงงั้นเหรอ?! แน่นอนเธอไม่เข้าใจหรอก ไม่ใช่ทุกคนที่แค่เอื้อมมือออกไปแล้วก็ได้ทุกอย่างอย่างที่ฝันเหมือนกับเธอหรอกนะ” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยยิ้มพร้อมน้ำตา

“เธอเห็นผมที่สวยงามของฉันไหม เสื้อผ้าราคาแพง เล็บนี่ก็ถูกตัดแต่งอย่างประณีต เครื่องเพชรที่คอฉัน พวกนี้ต่างก็ต้องใช้เงิน แล้วถ้าไม่มีเงินฉันจะสวยได้ยังไง ก่อนหน้านี้ฉันสวยไหมล่ะ?!! เสื้อผ้าก็สกปรก ผมก็รุงรังและผิวก็หยาบกร้าน เวลาเดินในฝูงชนแทบไม่มีใครอยากที่จะมองฉันเลย…” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยรู้สึกว่าตัวเองถูกวัตถุครอบงำ

มู่หรงเสวี่ยไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเฟ่ยจะสนใจเรื่องพวกนี้มากขนาดนี้ “เสี่ยวเฟ่ย ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก แค่เขาคนเดียวก็พอแล้ว…”

“พองั้นเหรอ?! มันจะพอได้ยังไง?! ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเงินมันหาง่ายขนาดนี้ แล้วทำไมฉันต้องไปทนนั่งล้างจานอยู่อีกล่ะ?” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยในตอนนี้ไม่ได้มีอาการตื่นตระหนกเหมือนกับในตอนแรกแล้ว ความทะเยอทะยานของเธอถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ยังไงซะมู่หรงก็รู้ทุกอย่างแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอะไรอีก

มู่หรงเสวี่ยมีสีหน้าเย็นชา “เธอหมายความว่าต่อไปเธอก็จะยังทำแบบนี้อยู่ใช่ไหม?”

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยมองสายตาที่เย็นชาของมู่หรงเสวี่ย หัวใจเริ่มที่จะสั่นอย่างอธิบายไม่ได้แต่ก็ยังยืดหลังตรงและพูดออกมาอย่างดื้อรั้น “เธอคิดว่าฉันผิดมากงั้นเหรอ?! ฉันไม่ได้ไปขโมยเงินใครมานิ!” เธอก็แค่แลกร่างกายตัวเองเพื่อเงิน ทำไมจะทำไม่ได้

ในวันนั้นหลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลและกลับไปที่มหาลัย ไม่ช้าเธอก็แยกกับพวกรุ่นพี่ เธอสวยมากจนไม่อยากที่จะกลับไปง่ายเธอจึงนั่งแท็กซี่ไปย่านถนนที่หรูหราที่สุด เธอไม่ได้ทำอะไรเลยเพียงแค่เดินเงียบๆไปตามถนน ผู้คนต่างก็มองมาที่เธอกันตลอดทางและความชื่นชมในสายตาของพวกเขาก็ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจ เดิมทีเธอเพียงแค่อยากจะสนุกไปกับที่มหาลัยแต่จู่ๆก็มีผู้ชายเดินเข้ามา

“คุณครับ มาคนเดียวเหรอครับ?” ชายคนนั้นอายุประมาณสามสิบ แต่งตัวในชุดสูทหนัง พร้อมด้วยสร้อยทองเส้นหนาที่ร่างกาย

นี่เป็นครั้งแรกที่ฮวงเสี่ยวเฟ่ยได้รับการยกย่องจึงรู้สึกภูมิใจอยู่เล็กๆและยืดอยู่หน่อยๆ เหมือนกับนกยูงที่ภูมิใจในขนห่างของมันเพื่อปกปิดชีวิตที่สิ้นหวัง “มีอะไรเหรอคะ?”

ชายคนนั้นยื่นมือออกมาและกอดเข้าที่เอวของ ฮวงเสี่ยวเฟ่ย แล้วก็พูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มาคนเดียวจะสนุกอะไรล่ะ? ผมจะพาคุณไปที่สนุกๆดีกว่านะ”

ในตอนนั้นฮวงเสี่ยวเฟ่ยเองก็กลัวอยู่นิดหน่อย เธอพยายามที่จะหลบด้วยความตกใจจึงร้องออกไปว่า “คุณจะทำอะไร?! ปล่อยฉันนะ! ถ้าไม่ฉันจะร้องแล้วนะ”

ยังไงซะนี่ก็เป็นย่านที่พลุกพล่านและก็มีคนเดินเข้าออกมากมาย เสียงตะโกนที่ดังทำให้คนที่ผ่านไปผ่านมาเริ่มที่จะหันมายืนมอง หลังจากเสียงกร่นด่าเบาๆ ชายคนนั้นก็ปล่อยมือแล้วพูดออกมา “โอ้ ไร้เดียงสาอะไรขนาดนั้น?”
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยที่กำลังจะร้องไห้ก็พูดออกมาอย่างประหม่า “คุณ…คุณมันบ้า…ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นนะ”

ชายคนนั้นโยนบุหรี่ทิ้งและพูดออกมาว่า “มีที่อยู่หรือยังล่ะ?”

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยลนลานมากและรีบหันไปทางอื่นทันทีและอยากที่จะวิ่งหนี อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของชายคนนั้นเร็วกว่า เขารีบจับเธอไว้ทันที “เป็นอะไร? ฉันไม่ใช่คนเลวนะ…”

“จะปล่อยฉันหรือว่าจะให้ฉันร้อง” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยตะโกนถาม

ชายคนนั้นพูดพร้อมรอยยิ้ม “อยากได้เงินหรือเปล่า?!”
“อะไร อะไรนะ?” เมื่อได้ยินคำว่าเงิน ฮวงเสี่ยวเฟ่ยก็แกล้งทำเป็นใจเย็นและถามออกไป

ชายคนนั้นแตะไปที่หน้าของฮวงเสี่ยวเฟ่ยและพูดออกมาว่า “สวยขนาดนี้! น่าจะต่อราคาได้งามเลย!! รู้ไหมมีข้อเสนอมาให้นะ คืนเปิดซิงและถ้าเธอมีลูกค้าดีๆ เธอก็อาจจะได้หลายล้านเลยนะ…”

สีหน้าของฮวงเสี่ยวเฟ่ยซีดเผือด “ไปให้พ้นเลยนะ ฉันไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก!”

ชายคนนั้นไม่ได้โกรธ เขาหยิบนามบัตรออกมาและใส่ไว้ในมือของฮวงเสี่ยวเฟ่ย “ถ้าเธอต้องการ ก็มาหาฉันได้เลย” แล้วเขาก็จากไป

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ทันใดนั้นก็ทรุดลงไปร้องไห้ ดึงดูดสายตาของคนที่ผ่านไปผ่านมาให้หยุดมอง

ทำไมเธอต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยเพราะเธอไม่มีเงินงั้นเหรอ?!! เธอนึกได้ว่าถ้านี่เป็นมู่หรงเสวี่ยก็คงไม่มีใครกล้าพูดกับเธอแบบนี้หรอก…โลกมันช่างไม่ยุติธรรม

เธอกำนามบัตรในมือแน่นแต่ก็ไม่ได้โยนทิ้ง
สองวันต่อมาพ่อของเธอก็ป่วยหนักและเพราะการเงินของที่บ้านทำให้ทำได้เพียงนอนอยู่ที่บ้านเท่านั้นและมีเพียงกองเสื้อผ้าสุดหรูที่ถูกพับอย่างระวังเท่านั้นที่ทำให้เธอเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าอยู่ในหัวใจ

หลังจากนั้นเธอก็หยิบนามบัตรออกมาและกดโทรออก

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 186 มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 186 มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 186
มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง

“เชิญนั่งกันตามสบายเลยนะไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวฉันไปเตรียมอาหารก่อน…” พวกเขาต่างก็เป็นเพื่อนกันหมดดังนั้น มู่หรงเสวี่ยจึงต้อนรับพวกเขาอย่างสบายๆ

“เสี่ยวเฟ่ย เธอเคยมาบ้านเสี่ยวเสวี่ยแล้วเหรอ?” หลิวฮัวลี่หันหัวมาถามฮวงเสี่ยวเฟ่ย เขาเห็นว่าเธอรู้ที่เก็บรองเท้าและเปลี่ยนอย่างเป็นธรรมชาติ มันดูสบายๆมาก ดูเหมือนไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่นี่

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยหยิบรองเท้าออกมาและกำลังสวมแต่ก็ต้องสะดุดนิ่ง หลังจากที่นิ่งไปเธอก็พูดออกมา “อ่อใช่ ก่อนหน้านี้ฉันเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง…”

“ใช่ ดูเหมือนพวกเธอจะสนิทกัน ตอนที่เราไปสเกตด้วยกันก่อนหน้านี้พวกเธอสองคนก็ไปด้วยกัน” หลิวฮัวลี่พูด
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยยิ้มเกร็งๆ “งั้นเหรอ?”
แก๊งทั้งห้าแทบจะไม่คุยกับคนอื่นเลย เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ดังนั้นฮวงเสี่ยวเฟ่ยและหลิวฮัวลี่จึงนั่งด้วยกันในขณะที่แก๊งทั้งห้าแยกมานั่งด้วยกันอีกที่

มู่หรงเสวี่ยเตรียมอาหารพร้อมยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้กับภาพที่เห็นแต่เธอเองก็รู้นิสัยของแก๊งทั้งห้าดี แน่นอนว่าเธอไม่บังคับพวกเขาอยู่แล้ว

หลังจากนั้นหลังจากที่ดื่มและกินอาหารกันเรียบร้อย
มู่หรงเสวี่ยก็เดินไปหาฮวงเสี่ยวเฟ่ยและพูดออกไป “เสี่ยวเฟ่ย ฉันขอคุยด้วยตามลำพังหน่อยได้ไหม?” แล้วเธอก็หันไปพูดกับหลิวฮัวลี่ “รุ่นพี่ ขอโทษนะ ฉันขอยืมตัวเสี่ยวเฟ่ยหน่อยนะ…”

หลิวฮัวลี่เขินนิดหน่อยแล้วตอบออกมา “คือ…เอิ่ม…” อันที่จริงนี่เป็นรักแรกของเขาแต่เขาก็จริงจังและมีแผนที่จะเชิดชู ฮวงเสี่ยวเฟ่ยไปตลอดชีวิตเขา อย่างไรก็ตามเวลาที่มีคนแซว เขาก็ยังรู้สึกเขินอยู่หน่อยๆ

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเดินตามมู่หรงเสวี่นขึ้นไปที่ห้องหนังสือชั้นบน

มู่หรงเสวี่ยล็อกประตูห้องหนังสือด้วยหลังมือแล้วหันมาเผชิญหน้ากับฮวงเสี่ยวเฟ่ย “เสี่ยวเฟ่ย มานั่งนี่สิ ฉันอยากจะคุยอะไรกับเธอหน่อย…”เธอเดินนำไปนั่งที่โซฟาในห้องหนังสือ

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเดินไปและพูดออกมาว่า “เสี่ยวเสวี่ย เธอจะถามถึงเรื่องที่เธอพยายามโทรมาเมื่อวานหรือเปล่า?! อันที่จริงฉันทำบางอย่างอยู่ก็เลยไม่สะดวกแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรและไม่มีอะไรที่จะต้องอธิบาย งั้นจะพูดอะไรเหรอ…” เธอเสยผมหนานุ่มและพูดพร้อมรอยยิ้ม

มู่หรงเงียบไปนานแล้วจึงพูดออกมา “เมื่อคืน ฉันเห็น…” หลังจากนั้นเธอก็จ้องตรงไปที่ฮวงเสี่ยวเฟ่ย

มือของฮวงเสี่ยวเฟ่ยที่กำลังเสยผมสะดุดนิ่ง “เห็น…เธอเห็นอะไรเหรอ?”

“ฉันเห็นเธอกับชายวัยกลางคนอยู่ด้วยกัน…” มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงเบา

สีหน้าของฮวงเสี่ยวเฟ่ยเปลี่ยนเป็นซีดเผือดและร่างกายของเธอก็เริ่มสั่น เธอมองไปที่มู่หรงเสวี่ยและพูดออกมาอย่างลนลาน “เสี่ยวเสวี่ย มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ ฉันอธิบายได้…”

“ใจเย็นก่อน ฉันไม่ได้จะถามอะไรเธอ ฉันแค่เป็นห่วงเธอ…” มู่หรงเห็นท่าทางของเธอในตอนนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะปลอบใจ

“เสี่ยวเสวี่ยอย่าบอกใครนะ ฉันขอร้องล่ะ…” ในใจของ ฮวงเสี่ยวเฟ่ยวุ่นวายไปหมดและเรื่องที่เธอกลัวมากที่สุดคือการถูกเปิดโปงในตอนนี้ซึ่งทำให้เธอสงบใจไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงเอาแต่อ้อนวอนมู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยจับมือเธอและพูดอย่างกังวล “ฉันไม่พูดหรอก ฉันแค่เป็นห่วงเธอ เธอกำลังลำบากหรือว่าถูกข่มขู่อะไรอยู่หรือเปล่า?”

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเอาแต่สะอื้น เธอคิดว่ามันคงจบแล้ว เธอนึกถึงสายตาของทุกคนที่มหาลัยว่าจะมองเธอยังไง และหน้าก็เธอก็ซีดขึ้นเรื่อยๆ “ผู้ชายคนนั้นก็แค่คนรู้จัก…” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยกัดปากและพูดออกมา มู่หรงเสวี่ยแค่บอกว่าเห็นพวกเธอเท่านั้นแต่ไม่ได้เห็นว่าพวกเธอทำอะไรกัน เธอคงทำอะไรไม่ได้

เธอขมวดคิ้วแต่เมื่อเธอเห็นท่าทางของฮวงเสี่ยวเฟ่ยในตอนนี้ เธอก็ไม่กล้าที่จะถามเซ้าซี้ “คนรู้จักแบบไหนกันเหรอ? ฉันเห็นเธอจูบเขาที่แก้มด้วยนะ…”

สีหน้าของฮวงเสี่ยวเฟ่ยซีดเข้าไปอีก “เขาเป็นลุงของฉัน…แค่จูบกันที่แก้ม ก็เหมือนที่พวกฝรั่งชอบทำกันไม่ใช่เหรอ?”

แต่นี่ไม่ใช่ที่เมืองนอกไง! มู่หรงเสวี่ยตัดสินใจที่จะเปิดใจและพูดออกไปจะดีกว่า ยังไงซะถ้าที่มหาลัยรู้เรื่องนี้เข้า เธอก็อาจจะถูกไล่ออกได้ “เสี่ยวเฟ่ย บอกความจริงฉันมา เขาไม่ใช่ลุงของเธอ ฉันเห็นว่าเขาจับก้นเธอ…”

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเบิกตากว้างและมองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่ต่อหน้าเธอก็ยังคงสวยอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกเหมือนถูกเยาะเย้ยขนาดนี้ เธอจับมือมู่หรงเสวี่ยและพูดออกไปด้วยเสียงดังลั่น “เธอรู้ดีอยู่แล้ว แล้วจะยังถามฉันอยู่อีกทำไม?! เธอสูงส่งมาจากไหนเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยตกใจและดูเหมือนจะสะดุ้งเล็กน้อย หลังจากนั้นสักพักเธอก็อธิบายออกมา “มันไม่ใช่แบบนั้น ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะ? ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอ เธอไม่รู้หรือไงว่าผลมันจะเป็นยังไงถ้าทางมหาลัยรู้เรื่องนี้เข้า?”

“แล้วทางมหาลัยจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไงล่ะ? ฉันระวังอย่างมากในทุกครั้ง…” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยพูด

“งั้นฉันจะรู้ได้ยังไงถ้าฉันไม่ได้เห็น…”
“ใช่ไง ถ้าทางมหาลัยรู้มันก็ต้องมาจากเธอ ในหัวใจเธอเกลียดฉันและรู้สึกว่าเด็กสาวแบบฉันมันเลวใช่ไหม?” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยพูดถึงตัวเอง กึ่งเยาะเย้ยและกึ่งประชดประชัน

มู่หรงเสวี่ยมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธอมันบ้าไปแล้วจริงๆ เธอกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ยังไง!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันเป็นแบบนี้ได้ยังไงงั้นเหรอ?! แน่นอนเธอไม่เข้าใจหรอก ไม่ใช่ทุกคนที่แค่เอื้อมมือออกไปแล้วก็ได้ทุกอย่างอย่างที่ฝันเหมือนกับเธอหรอกนะ” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยยิ้มพร้อมน้ำตา

“เธอเห็นผมที่สวยงามของฉันไหม เสื้อผ้าราคาแพง เล็บนี่ก็ถูกตัดแต่งอย่างประณีต เครื่องเพชรที่คอฉัน พวกนี้ต่างก็ต้องใช้เงิน แล้วถ้าไม่มีเงินฉันจะสวยได้ยังไง ก่อนหน้านี้ฉันสวยไหมล่ะ?!! เสื้อผ้าก็สกปรก ผมก็รุงรังและผิวก็หยาบกร้าน เวลาเดินในฝูงชนแทบไม่มีใครอยากที่จะมองฉันเลย…” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยรู้สึกว่าตัวเองถูกวัตถุครอบงำ

มู่หรงเสวี่ยไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเฟ่ยจะสนใจเรื่องพวกนี้มากขนาดนี้ “เสี่ยวเฟ่ย ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก แค่เขาคนเดียวก็พอแล้ว…”

“พองั้นเหรอ?! มันจะพอได้ยังไง?! ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเงินมันหาง่ายขนาดนี้ แล้วทำไมฉันต้องไปทนนั่งล้างจานอยู่อีกล่ะ?” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยในตอนนี้ไม่ได้มีอาการตื่นตระหนกเหมือนกับในตอนแรกแล้ว ความทะเยอทะยานของเธอถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ยังไงซะมู่หรงก็รู้ทุกอย่างแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอะไรอีก

มู่หรงเสวี่ยมีสีหน้าเย็นชา “เธอหมายความว่าต่อไปเธอก็จะยังทำแบบนี้อยู่ใช่ไหม?”

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยมองสายตาที่เย็นชาของมู่หรงเสวี่ย หัวใจเริ่มที่จะสั่นอย่างอธิบายไม่ได้แต่ก็ยังยืดหลังตรงและพูดออกมาอย่างดื้อรั้น “เธอคิดว่าฉันผิดมากงั้นเหรอ?! ฉันไม่ได้ไปขโมยเงินใครมานิ!” เธอก็แค่แลกร่างกายตัวเองเพื่อเงิน ทำไมจะทำไม่ได้

ในวันนั้นหลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลและกลับไปที่มหาลัย ไม่ช้าเธอก็แยกกับพวกรุ่นพี่ เธอสวยมากจนไม่อยากที่จะกลับไปง่ายเธอจึงนั่งแท็กซี่ไปย่านถนนที่หรูหราที่สุด เธอไม่ได้ทำอะไรเลยเพียงแค่เดินเงียบๆไปตามถนน ผู้คนต่างก็มองมาที่เธอกันตลอดทางและความชื่นชมในสายตาของพวกเขาก็ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจ เดิมทีเธอเพียงแค่อยากจะสนุกไปกับที่มหาลัยแต่จู่ๆก็มีผู้ชายเดินเข้ามา

“คุณครับ มาคนเดียวเหรอครับ?” ชายคนนั้นอายุประมาณสามสิบ แต่งตัวในชุดสูทหนัง พร้อมด้วยสร้อยทองเส้นหนาที่ร่างกาย

นี่เป็นครั้งแรกที่ฮวงเสี่ยวเฟ่ยได้รับการยกย่องจึงรู้สึกภูมิใจอยู่เล็กๆและยืดอยู่หน่อยๆ เหมือนกับนกยูงที่ภูมิใจในขนห่างของมันเพื่อปกปิดชีวิตที่สิ้นหวัง “มีอะไรเหรอคะ?”

ชายคนนั้นยื่นมือออกมาและกอดเข้าที่เอวของ ฮวงเสี่ยวเฟ่ย แล้วก็พูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มาคนเดียวจะสนุกอะไรล่ะ? ผมจะพาคุณไปที่สนุกๆดีกว่านะ”

ในตอนนั้นฮวงเสี่ยวเฟ่ยเองก็กลัวอยู่นิดหน่อย เธอพยายามที่จะหลบด้วยความตกใจจึงร้องออกไปว่า “คุณจะทำอะไร?! ปล่อยฉันนะ! ถ้าไม่ฉันจะร้องแล้วนะ”

ยังไงซะนี่ก็เป็นย่านที่พลุกพล่านและก็มีคนเดินเข้าออกมากมาย เสียงตะโกนที่ดังทำให้คนที่ผ่านไปผ่านมาเริ่มที่จะหันมายืนมอง หลังจากเสียงกร่นด่าเบาๆ ชายคนนั้นก็ปล่อยมือแล้วพูดออกมา “โอ้ ไร้เดียงสาอะไรขนาดนั้น?”
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยที่กำลังจะร้องไห้ก็พูดออกมาอย่างประหม่า “คุณ…คุณมันบ้า…ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นนะ”

ชายคนนั้นโยนบุหรี่ทิ้งและพูดออกมาว่า “มีที่อยู่หรือยังล่ะ?”

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยลนลานมากและรีบหันไปทางอื่นทันทีและอยากที่จะวิ่งหนี อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของชายคนนั้นเร็วกว่า เขารีบจับเธอไว้ทันที “เป็นอะไร? ฉันไม่ใช่คนเลวนะ…”

“จะปล่อยฉันหรือว่าจะให้ฉันร้อง” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยตะโกนถาม

ชายคนนั้นพูดพร้อมรอยยิ้ม “อยากได้เงินหรือเปล่า?!”
“อะไร อะไรนะ?” เมื่อได้ยินคำว่าเงิน ฮวงเสี่ยวเฟ่ยก็แกล้งทำเป็นใจเย็นและถามออกไป

ชายคนนั้นแตะไปที่หน้าของฮวงเสี่ยวเฟ่ยและพูดออกมาว่า “สวยขนาดนี้! น่าจะต่อราคาได้งามเลย!! รู้ไหมมีข้อเสนอมาให้นะ คืนเปิดซิงและถ้าเธอมีลูกค้าดีๆ เธอก็อาจจะได้หลายล้านเลยนะ…”

สีหน้าของฮวงเสี่ยวเฟ่ยซีดเผือด “ไปให้พ้นเลยนะ ฉันไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก!”

ชายคนนั้นไม่ได้โกรธ เขาหยิบนามบัตรออกมาและใส่ไว้ในมือของฮวงเสี่ยวเฟ่ย “ถ้าเธอต้องการ ก็มาหาฉันได้เลย” แล้วเขาก็จากไป

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ทันใดนั้นก็ทรุดลงไปร้องไห้ ดึงดูดสายตาของคนที่ผ่านไปผ่านมาให้หยุดมอง

ทำไมเธอต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยเพราะเธอไม่มีเงินงั้นเหรอ?!! เธอนึกได้ว่าถ้านี่เป็นมู่หรงเสวี่ยก็คงไม่มีใครกล้าพูดกับเธอแบบนี้หรอก…โลกมันช่างไม่ยุติธรรม

เธอกำนามบัตรในมือแน่นแต่ก็ไม่ได้โยนทิ้ง
สองวันต่อมาพ่อของเธอก็ป่วยหนักและเพราะการเงินของที่บ้านทำให้ทำได้เพียงนอนอยู่ที่บ้านเท่านั้นและมีเพียงกองเสื้อผ้าสุดหรูที่ถูกพับอย่างระวังเท่านั้นที่ทำให้เธอเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าอยู่ในหัวใจ

หลังจากนั้นเธอก็หยิบนามบัตรออกมาและกดโทรออก

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+