ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 193 ชายแปลกหน้า

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 193 ชายแปลกหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 193
ชายแปลกหน้า

เธอยั่วยวนรุ่นพี่งั้นเหรอ?! มันเกิดขึ้นเมื่อไรกัน?!! มู่หรงเสวี่ยโกรธมาก “อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเลวร้ายเหมือนกับเธอ…รุ่นพี่เห็นเธอจูบกับลูกค้าคนนั้นที่ตรงถนน..และในตอนเช้าเธอก็ควรที่จะเตรียมตัวรับผลที่มันจะเกิดขึ้น นี่เป็นทางที่เธอเลือกเองไม่ใช่เหรอ?! ตอนนี้เธอทนไม่ได้จนต้องโยนความผิดไปให้คนอื่น…ฮวงเสี่ยวเฟ่ย เธอเปลี่ยนไปแล้ว!” หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยพูดจบ เธอก็หันหลังและเดินออกไป

ดวงตาของฮวงเสี่ยวเฟ่ยเบิกกว้างและรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง หลังจากนั้นเธอก็ทรุดลงไปกับพื้นและร้องไห้โฮ

หลังจากนั้นสักพักโทรศัพท์ของเธอก็สว่างขึ้นมาซึ่งแสดงให้เห็นชื่อสามพยางค์ของหลงเหมยจิ่ง

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยโยนโทรศัพท์ออกจากมือ ถ้าเธอไม่คอยพร่ำพูดคำพวกนั้นกับเธอตลอดเวลา เธอจะทำแบบนี้ได้ยังไง

โทรศัพท์กระแทกลงกับพื้นแยกออกเป็นสองส่วนทันที เหมือนกับความเป็นเพื่อนของเธอกับมู่หรงเสวี่ย…ที่เพิ่งแตกหักไป

มู่หรงเสวี่ยขับรถสปอร์ตออกไปที่ถนน สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านผมของเธอ เธออดไม่ได้ที่จะเร่งเครื่องอีก

ทันใดนั้นก็มีรถสปอร์ตอีกคันขับพุ่งออกมา มู่หรงเสวี่ยตกใจและอยากที่จะหลบให้พ้น เสียงล้อรถเบรกดังสนั่น รถสองคันชนเข้าหากันเกิดเสียงดัง “ปัง” ไปทั่ว

มู่หรงเสวี่ยตัวสั่นและรู้สึกเวียนหัวแต่ไม่นานเธอก็เริ่มได้สติ

โชคดีที่หลบได้ทันจึงชนกันเพียงแค่ขอบๆ มู่หรงเสวี่ยรีบดึงสติกลับมาและออกจากรถเพื่อไปดูอีกฝ่าย
คนที่อยู่ในรถสลบไปตรงพวงมาลัย มู่หรงเสวี่ยรู้สึกลนลานมาก แย่แล้ว เกิดเรื่องซะแล้ว เธอทุบไปที่ประตูอย่างสิ้นหวัง “สวัสดี! ตื่นสิ”

อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ในรถไม่ตอบสนองเลยสักนิด มู่หรงเสวี่ยดึงประตูรถและพบว่ามันล็อกเปิดไม่ออก ในตอนนี้คนมากมายจากตรงข้างถนนเริ่มวิ่งเข้ามาและพูดว่า “มีอะไรให้ช่วยไหม?” ลุงคนหนึ่งถามออกมา

“ช่วยดึงคนที่อยู่ในรถออกมาทีนะคะ ประตูล็อกเปิดไม่ออกเลยค่ะ…” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างเป็นกังวล

คนอื่นๆต่างก็รู้ว่าสถานการณ์มันอันตรายแค่ไหนและน้ำมันก็กำลังไหลออกมาจากรถด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ สองคนรีบวิ่งไปที่ร้านข้างทางเพื่อยืมเครื่องมือและเอามาทุบตรงเข้าไปที่กระจกทันที ในตอนนี้การช่วยคนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

มู่หรงเสวี่ยเองก็กำลังโทรเรียกรถพยาบาล รถของเธอขับไม่ต่อไม่ได้แล้ว

หลังจากที่ดึงคนที่อยู่ในรถออกมา คนเกือบทั้งหมดก็จ้องหน้าเขาด้วยความตกใจเพราะชายที่อยู่ในรถมีใบหน้าที่แปลกอย่างมากและสีผิวของเขาก็เป็นสีเทาและสีดำจริงๆด้วย ขนาด มู่หรงเสวี่ยเองที่ใช้ชีวิตมาแล้วสองรุ่นก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจ นี่มันแปลกมากๆ

มู่หรงเสวี่ยยื่นมือไปจับชีพจรเขาและสีหน้าของเธอก็ต้องรู้สึกแปลกขึ้นมาทันที ชีพจรก็ยิ่งแปลกขึ้นไปอีก มันเกือบจะอ่อนจนแทบไม่รู้สึกเลย เธอยื่นมือไปอังที่ลมหายใจเขาอีกครั้ง โชคดีที่ถึงแม้ลมหายใจจะอ่อนแต่ก็ยังหายใจอยู่ เธอไม่กล้าที่จะหยิบเข็มทองคำออกมาจากมิติลับ ดังนั้นเธอจึงรอให้รถพยาบาลมา

หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าที่ตัวของผู้ชายคนนี้ไม่มีบาดแผลที่อันตรายถึงชีวิต เธอก็วางมือลงและพูดกับคนมากมายที่เข้ามาช่วย “ขอบคุณมากเลยนะคะ ขอบคุณมากๆเลย”

“ด้วยความยินดี ยังเด็กอยู่เลย หนูรู้จักชายคนนี้หรือเปล่า?” ชายคนหนึ่งถามออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวเล็กน้อย

มู่หรงเสวี่ยส่ายหัว “หนูไม่รู้จักค่ะ หนูแค่บังเอิญขับรถไปชนรถเขา…” เธอพูดด้วยความรู้สึกผิด นี่เป็นเพราะวันนี้เธอไม่ค่อยมีสติเท่าไร เธอมองเห็นถนนไม่ชัดเจนและขับรถเร็วด้วย

“แม่หนู ชายคนนี้แปลกอยู่หน่อยๆนะ…” ลุงวัยกลางคนอีกคนพูดเสียงเบา

มู่หรงเสวี่ยยิ้ม “บางทีอาจจะเป็นปัญหาเรื่องผิวหนังก็ได้ค่ะ…” อันที่จริง เธอรู้ว่ามันไม่ใช่ปัญหาเรื่องผิวหนัง แต่เธอยังไม่เคยเห็นชีพจรที่แปลกแบบนี้และมันก็ยากที่จะตัดสิน

หลังจากนั้นสักพักรถพยาบาลก็มาถึง มู่หรงเสวี่ยเองก็ตามขึ้นรถพยาบาลไปด้วย ตลอดทางเจ้าหน้าที่บนรถพยาบาลก็คอยตรวจเช็กอาการของชายคนนี้อยู่นิดหน่อย และสีหน้าของเขาก็แสดงออกอย่างแปลกใจ

ระหว่างทางชายคนนั้นค่อยๆลืมตาขึ้นและก็รีบลุกขึ้นจากเตียงบนรถพยาบาลมานั่งทันที หลังจากที่เห็นมู่หรงเสวี่ย ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือการเอามือไปแตะที่หน้าตัวเอง แล้วดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและพยายามที่เอามือขึ้นมาปิดบังหน้า
มู่หรงเสวี่ยยื่นเสื้อโค้ตที่อยู่ในมือเธอให้ เขามองเธอด้วยสายตาเย็นชาแล้วก็ดึงเสื้อไป แล้วรีบพูดออกมาโดยไม่มีแม้คำขอบคุณ “ฉันอยากจะลง…”

“คุณครับ คุณเพิ่งสลบไปจากอุบัติเหตุรถชนนะครับ คุณควรจะไปเช็กร่างกายที่โรงพยาบาลหน่อยนะ” หนึ่งในเจ้าหน้าที่พูดออกมา

“ไม่ ฉันต้องการที่จะลงจากรถ!” เขาเอาเสื้อโค้ตปิดบังใบหน้าไว้จนหมด

หลังจากที่เจ้าหน้าที่พูดโน้มน้าวอยู่หลายครั้ง แต่ชายคนนั้นก็ยังยืนยันและทำได้แค่เพียงปล่อยเขาลงจากรถเท่านั้น มู่หรงเสวี่ยเองก็ลงจากรถด้วย เธอไม่ได้พูดอะไร เธอเข้าใจเหตุผลที่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่อยากไปที่โรงพยาบาล หลังจากที่เธอจับชีพจรเขา ซึ่งเรื่องนี้อาจจะทำให้เกิดการตื่นตัวและอาจจะกลายเป็นเรื่องงานวิจัยได้

มู่หรงเสวี่ยเดินตามเขา พร้อมที่จะเดินไปตามถนนเพื่อรอรถแท็กซี่และพูดกับชายคนนั้นเรื่องการชดเชยความเสียหายเรื่องรถด้วย

“เธอต้องการอะไรจากฉัน?” ดวงตาของชายคนนั้นเย็นชาและตั้งรับ

มู่หรงเสวี่ยตกใจไปชั่วขณะ “ฉันจะรับผิดชอบเรื่องค่าซ่อมรถของคุณ เอานามบัตรของคุณให้ฉันทีนะคะ คุณต้องการเงินเท่าไร? ฉันจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง ฉันขอโทษที่ขับรถชนรถคุณ”

“ไม่จำเป็น!” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเดินต่อไป

ช่างเป็นคนที่เย็นชาจริงๆ แต่ก็ยังเป็นคนที่แปลกด้วย!
“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอไม่จำเป็น?! ทำไมเธอยังตามฉันมาอีก!! เธอต้องการอะไร!”สายตาของชายคนนั้นแสดงให้เห็นถึงความอาฆาตแล้วไม่นานก็จางหายไป

แต่มู่หรงเสวี่ยเห็นมันได้อย่างชัดเจนและพูดออกมา “พี่ชาย ฉันแค่อยากจะข้ามไปถนนฝั่งโน้นแล้วไปรอรถ ไม่ได้เดินตามคุณเลย…” เดี๋ยวนี้มีคนแปลกๆมากมายจริงๆแต่ในเมื่อเขาบอกว่าไม่ต้องการ เธอก็ไม่สนใจหรอก ยังไงซะเขาก็ไม่เป็นไร

ชายคนนั้นหยุดและมองมาที่มู่หรงเสวี่ยอย่างเย็นชา เมื่อเธอเดินไปอีกฝั่งของถนน เขาก็ถอนสายตากลับมา มู่หรงเสวี่ยรู้สึกหนาวๆที่ด้านหลังได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้ขนเธอลุกไปหมด ชายคนนี้แปลกจริงๆเลย ดูไม่ค่อยเหมือนคนเท่าไรเลย

หลังจากนั้นสักพัก มู่หรงเสวี่ยก็ไปยืนรอแท็กซี่ ก่อนที่เธอจะขึ้นรถไป เธอก็บังเอิญหันไปมองตรงจุดที่ชายคนนั้นยืนอยู่เมื่อกี้ เธอก็เห็นว่าชายคนนั้นได้หายไปแล้ว จนกระทั่งรถขับออกมานานแล้วแต่เธอก็ยังรู้สึกขนลุกไม่หายอยู่ดี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกกลัวชายคนนั้น

หลังจากที่กลับมาถึงวิลล่า มู่หรงเสวี่ยก็ล็อกประตูและแวบเข้าไปในมิติลับ เธอรู้สึกสงสัยเรื่องสถานการณ์ของชายคนที่เจอวันนี้มาก เธออยากที่จะรู้ว่าในมิติลับมาหนังสือแพทย์เล่มไหนที่พอจะอธิบายเรื่องนี้ได้บ้าง
เธออยู่ในมิติลับนานหลายเดือน แต่ก็ยังไม่เจอสถานการณ์อะไรที่คล้ายกันเลย มันเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ

สิ่งที่ไม่มีอยู่ในหนังสือ หรือนี่เป็นโรคชนิดใหม่หรือเปล่า?!!

เพียงแค่จับชีพจรครั้งเดียวทำให้เธอยังไม่เข้าใจอะไรมากนัก นอกจากนี้ในตอนนั้นก็มีคนอยู่ด้วยมากมายทำให้เธอได้ยินไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรด้วย

เมื่อไม่ได้ผลลัพธ์อะไร มู่หรงเสวี่ยก็ทำได้เพียงแวบออกมาจากมิติลับ ข้างนอกยังไม่สว่างเลยและห้องก็ยังมืด มู่หรงเสวี่ยลงไปนอนที่เตียงและหลับไป

หนึ่งอาทิตย์ค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ เธอไปเรียนตามปกติ แต่ไม่เคยเจอฮวงเสี่ยวเฟ่ยในชั้นเรียนเลย เธอไม่รู้ว่าเธอหายไปไหนแต่นี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว

หลิวฮัวลี่ยังคงมาถามเธอเรื่องว่าฮวงเสี่ยวเฟ่ยอยู่ที่ไหน เธอก็ตอบไปได้แค่เพียงว่าเธอไม่รู้ ตอนนี้เธอและ ฮวงเสี่ยวเฟ่ยแตกหักกันไปแล้ว สิ่งที่เป็นกังวลมู่หรงเสวี่ยที่สุดคือพี่ใหญ่และคนที่เหลือยังไม่กลับมาจากภารกิจที่บอกว่าจะไปแค่อาทิตย์เดียวเลย

เธอไม่มีอารมณ์ที่จะมาเรียนและเพราะเธอมีสิทธิพิเศษ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตลาหยุด มู่หรงเสวี่ยขับรถตรงไปที่ฐาน เธออยากที่จะดูว่าจะลองถามพี่ใหญ่เรื่องภารกิจได้หรือเปล่า ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร

วันนี้การ์ดที่ฐานเริ่มจะคุ้นเคยกับมู่หรงเสวี่ยมากแล้วแต่พวกเขาก็ยังต้องทำตามขั้นตอน เมื่อเธอเข้าไปที่ประตู เธอก็ยังต้องถูกสแกนทั่วทั้งร่างเพื่อกันคนที่จะพกอาวุธอันตรายเข้าไปข้างใน

มู่หรงเสวี่ยเดินตรงเข้าไปที่ห้องวิจัยทางการแพทย์ของดราก้อนพาวิลเลี่ยน ตอนนี้เธอคุ้นเคยแค่กับหลงอี้เท่านั้น เธอยังไม่ได้ติดต่อกับคนอื่นมากนัก

“แม่หนู มานี่สิ เข้ามาช่วยฉันดูนี่หน่อย ฉันทำผิดตรงไหน…” ดร.005 เป็นชายแก่อายุประมาณ 40 เมื่อเขาเห็นมู่หรงเสวี่ย เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะเป็นหมอมังกรระดับ C แต่ทุกคนในกลุ่มหมอมังกรกลับมองว่าเธอเป็นหมอระดับ A เธอได้เข้าไปช่วยเรื่องงานวิจัยของพวกเขาอย่างมาก เธอสามารถที่จะตอบคำถามได้อย่างถูกต้องหรือให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับพวกเขาได้เสมอ ตอนนี้ทุกคนรู้จัก มู่หรงเสวี่ยเป็นอย่างดี พวกเขาต่างก็เรียกมู่หรงเสวี่ยว่าแม่หนู ซึ่งใจดีอย่างมาก มู่หรงเสวี่ยเองก็ชอบคนพวกนี้แล้วก็บรรยากาศที่นี่ด้วย

พวกเขากำลังทำการวิจัยเรื่องไวรัสตัวล่าสุดของโลก เพื่อพยายามที่จะช่วยผู้คนให้ได้มากด้วยความเร็วที่สุด มู่หรงเสวี่ยรู้สึกประทับใจกับท่าทางที่จริงจังเพื่อแข่งกับเวลาและตระหนักถึงความรับผิดชอบของเขาที่มากขึ้นด้วย

“โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนชุดเสร็จจะรีบไปทันทีเลยค่ะ…” มู่หรงเสวี่ยตอบในระหว่างที่เธอกำลังเดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุด พวกเขาจะต้องสวมเสื้อผ้าปลอดเชื้อก่อนที่จะเข้าไปในห้องวิจัย เพื่อที่จะป้องกันการปนเปื้อนของผลการวิจัย เธอมีแผนที่จะรอสักพักแล้วค่อยถามพวกคนในหมอมังกรเรื่องวิธีที่จะรู้ภารกิจของศัตรู

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 193 ชายแปลกหน้า

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 193 ชายแปลกหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 193
ชายแปลกหน้า

เธอยั่วยวนรุ่นพี่งั้นเหรอ?! มันเกิดขึ้นเมื่อไรกัน?!! มู่หรงเสวี่ยโกรธมาก “อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเลวร้ายเหมือนกับเธอ…รุ่นพี่เห็นเธอจูบกับลูกค้าคนนั้นที่ตรงถนน..และในตอนเช้าเธอก็ควรที่จะเตรียมตัวรับผลที่มันจะเกิดขึ้น นี่เป็นทางที่เธอเลือกเองไม่ใช่เหรอ?! ตอนนี้เธอทนไม่ได้จนต้องโยนความผิดไปให้คนอื่น…ฮวงเสี่ยวเฟ่ย เธอเปลี่ยนไปแล้ว!” หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยพูดจบ เธอก็หันหลังและเดินออกไป

ดวงตาของฮวงเสี่ยวเฟ่ยเบิกกว้างและรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง หลังจากนั้นเธอก็ทรุดลงไปกับพื้นและร้องไห้โฮ

หลังจากนั้นสักพักโทรศัพท์ของเธอก็สว่างขึ้นมาซึ่งแสดงให้เห็นชื่อสามพยางค์ของหลงเหมยจิ่ง

ฮวงเสี่ยวเฟ่ยโยนโทรศัพท์ออกจากมือ ถ้าเธอไม่คอยพร่ำพูดคำพวกนั้นกับเธอตลอดเวลา เธอจะทำแบบนี้ได้ยังไง

โทรศัพท์กระแทกลงกับพื้นแยกออกเป็นสองส่วนทันที เหมือนกับความเป็นเพื่อนของเธอกับมู่หรงเสวี่ย…ที่เพิ่งแตกหักไป

มู่หรงเสวี่ยขับรถสปอร์ตออกไปที่ถนน สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านผมของเธอ เธออดไม่ได้ที่จะเร่งเครื่องอีก

ทันใดนั้นก็มีรถสปอร์ตอีกคันขับพุ่งออกมา มู่หรงเสวี่ยตกใจและอยากที่จะหลบให้พ้น เสียงล้อรถเบรกดังสนั่น รถสองคันชนเข้าหากันเกิดเสียงดัง “ปัง” ไปทั่ว

มู่หรงเสวี่ยตัวสั่นและรู้สึกเวียนหัวแต่ไม่นานเธอก็เริ่มได้สติ

โชคดีที่หลบได้ทันจึงชนกันเพียงแค่ขอบๆ มู่หรงเสวี่ยรีบดึงสติกลับมาและออกจากรถเพื่อไปดูอีกฝ่าย
คนที่อยู่ในรถสลบไปตรงพวงมาลัย มู่หรงเสวี่ยรู้สึกลนลานมาก แย่แล้ว เกิดเรื่องซะแล้ว เธอทุบไปที่ประตูอย่างสิ้นหวัง “สวัสดี! ตื่นสิ”

อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ในรถไม่ตอบสนองเลยสักนิด มู่หรงเสวี่ยดึงประตูรถและพบว่ามันล็อกเปิดไม่ออก ในตอนนี้คนมากมายจากตรงข้างถนนเริ่มวิ่งเข้ามาและพูดว่า “มีอะไรให้ช่วยไหม?” ลุงคนหนึ่งถามออกมา

“ช่วยดึงคนที่อยู่ในรถออกมาทีนะคะ ประตูล็อกเปิดไม่ออกเลยค่ะ…” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างเป็นกังวล

คนอื่นๆต่างก็รู้ว่าสถานการณ์มันอันตรายแค่ไหนและน้ำมันก็กำลังไหลออกมาจากรถด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ สองคนรีบวิ่งไปที่ร้านข้างทางเพื่อยืมเครื่องมือและเอามาทุบตรงเข้าไปที่กระจกทันที ในตอนนี้การช่วยคนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

มู่หรงเสวี่ยเองก็กำลังโทรเรียกรถพยาบาล รถของเธอขับไม่ต่อไม่ได้แล้ว

หลังจากที่ดึงคนที่อยู่ในรถออกมา คนเกือบทั้งหมดก็จ้องหน้าเขาด้วยความตกใจเพราะชายที่อยู่ในรถมีใบหน้าที่แปลกอย่างมากและสีผิวของเขาก็เป็นสีเทาและสีดำจริงๆด้วย ขนาด มู่หรงเสวี่ยเองที่ใช้ชีวิตมาแล้วสองรุ่นก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจ นี่มันแปลกมากๆ

มู่หรงเสวี่ยยื่นมือไปจับชีพจรเขาและสีหน้าของเธอก็ต้องรู้สึกแปลกขึ้นมาทันที ชีพจรก็ยิ่งแปลกขึ้นไปอีก มันเกือบจะอ่อนจนแทบไม่รู้สึกเลย เธอยื่นมือไปอังที่ลมหายใจเขาอีกครั้ง โชคดีที่ถึงแม้ลมหายใจจะอ่อนแต่ก็ยังหายใจอยู่ เธอไม่กล้าที่จะหยิบเข็มทองคำออกมาจากมิติลับ ดังนั้นเธอจึงรอให้รถพยาบาลมา

หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าที่ตัวของผู้ชายคนนี้ไม่มีบาดแผลที่อันตรายถึงชีวิต เธอก็วางมือลงและพูดกับคนมากมายที่เข้ามาช่วย “ขอบคุณมากเลยนะคะ ขอบคุณมากๆเลย”

“ด้วยความยินดี ยังเด็กอยู่เลย หนูรู้จักชายคนนี้หรือเปล่า?” ชายคนหนึ่งถามออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวเล็กน้อย

มู่หรงเสวี่ยส่ายหัว “หนูไม่รู้จักค่ะ หนูแค่บังเอิญขับรถไปชนรถเขา…” เธอพูดด้วยความรู้สึกผิด นี่เป็นเพราะวันนี้เธอไม่ค่อยมีสติเท่าไร เธอมองเห็นถนนไม่ชัดเจนและขับรถเร็วด้วย

“แม่หนู ชายคนนี้แปลกอยู่หน่อยๆนะ…” ลุงวัยกลางคนอีกคนพูดเสียงเบา

มู่หรงเสวี่ยยิ้ม “บางทีอาจจะเป็นปัญหาเรื่องผิวหนังก็ได้ค่ะ…” อันที่จริง เธอรู้ว่ามันไม่ใช่ปัญหาเรื่องผิวหนัง แต่เธอยังไม่เคยเห็นชีพจรที่แปลกแบบนี้และมันก็ยากที่จะตัดสิน

หลังจากนั้นสักพักรถพยาบาลก็มาถึง มู่หรงเสวี่ยเองก็ตามขึ้นรถพยาบาลไปด้วย ตลอดทางเจ้าหน้าที่บนรถพยาบาลก็คอยตรวจเช็กอาการของชายคนนี้อยู่นิดหน่อย และสีหน้าของเขาก็แสดงออกอย่างแปลกใจ

ระหว่างทางชายคนนั้นค่อยๆลืมตาขึ้นและก็รีบลุกขึ้นจากเตียงบนรถพยาบาลมานั่งทันที หลังจากที่เห็นมู่หรงเสวี่ย ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือการเอามือไปแตะที่หน้าตัวเอง แล้วดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและพยายามที่เอามือขึ้นมาปิดบังหน้า
มู่หรงเสวี่ยยื่นเสื้อโค้ตที่อยู่ในมือเธอให้ เขามองเธอด้วยสายตาเย็นชาแล้วก็ดึงเสื้อไป แล้วรีบพูดออกมาโดยไม่มีแม้คำขอบคุณ “ฉันอยากจะลง…”

“คุณครับ คุณเพิ่งสลบไปจากอุบัติเหตุรถชนนะครับ คุณควรจะไปเช็กร่างกายที่โรงพยาบาลหน่อยนะ” หนึ่งในเจ้าหน้าที่พูดออกมา

“ไม่ ฉันต้องการที่จะลงจากรถ!” เขาเอาเสื้อโค้ตปิดบังใบหน้าไว้จนหมด

หลังจากที่เจ้าหน้าที่พูดโน้มน้าวอยู่หลายครั้ง แต่ชายคนนั้นก็ยังยืนยันและทำได้แค่เพียงปล่อยเขาลงจากรถเท่านั้น มู่หรงเสวี่ยเองก็ลงจากรถด้วย เธอไม่ได้พูดอะไร เธอเข้าใจเหตุผลที่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่อยากไปที่โรงพยาบาล หลังจากที่เธอจับชีพจรเขา ซึ่งเรื่องนี้อาจจะทำให้เกิดการตื่นตัวและอาจจะกลายเป็นเรื่องงานวิจัยได้

มู่หรงเสวี่ยเดินตามเขา พร้อมที่จะเดินไปตามถนนเพื่อรอรถแท็กซี่และพูดกับชายคนนั้นเรื่องการชดเชยความเสียหายเรื่องรถด้วย

“เธอต้องการอะไรจากฉัน?” ดวงตาของชายคนนั้นเย็นชาและตั้งรับ

มู่หรงเสวี่ยตกใจไปชั่วขณะ “ฉันจะรับผิดชอบเรื่องค่าซ่อมรถของคุณ เอานามบัตรของคุณให้ฉันทีนะคะ คุณต้องการเงินเท่าไร? ฉันจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง ฉันขอโทษที่ขับรถชนรถคุณ”

“ไม่จำเป็น!” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเดินต่อไป

ช่างเป็นคนที่เย็นชาจริงๆ แต่ก็ยังเป็นคนที่แปลกด้วย!
“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอไม่จำเป็น?! ทำไมเธอยังตามฉันมาอีก!! เธอต้องการอะไร!”สายตาของชายคนนั้นแสดงให้เห็นถึงความอาฆาตแล้วไม่นานก็จางหายไป

แต่มู่หรงเสวี่ยเห็นมันได้อย่างชัดเจนและพูดออกมา “พี่ชาย ฉันแค่อยากจะข้ามไปถนนฝั่งโน้นแล้วไปรอรถ ไม่ได้เดินตามคุณเลย…” เดี๋ยวนี้มีคนแปลกๆมากมายจริงๆแต่ในเมื่อเขาบอกว่าไม่ต้องการ เธอก็ไม่สนใจหรอก ยังไงซะเขาก็ไม่เป็นไร

ชายคนนั้นหยุดและมองมาที่มู่หรงเสวี่ยอย่างเย็นชา เมื่อเธอเดินไปอีกฝั่งของถนน เขาก็ถอนสายตากลับมา มู่หรงเสวี่ยรู้สึกหนาวๆที่ด้านหลังได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้ขนเธอลุกไปหมด ชายคนนี้แปลกจริงๆเลย ดูไม่ค่อยเหมือนคนเท่าไรเลย

หลังจากนั้นสักพัก มู่หรงเสวี่ยก็ไปยืนรอแท็กซี่ ก่อนที่เธอจะขึ้นรถไป เธอก็บังเอิญหันไปมองตรงจุดที่ชายคนนั้นยืนอยู่เมื่อกี้ เธอก็เห็นว่าชายคนนั้นได้หายไปแล้ว จนกระทั่งรถขับออกมานานแล้วแต่เธอก็ยังรู้สึกขนลุกไม่หายอยู่ดี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกกลัวชายคนนั้น

หลังจากที่กลับมาถึงวิลล่า มู่หรงเสวี่ยก็ล็อกประตูและแวบเข้าไปในมิติลับ เธอรู้สึกสงสัยเรื่องสถานการณ์ของชายคนที่เจอวันนี้มาก เธออยากที่จะรู้ว่าในมิติลับมาหนังสือแพทย์เล่มไหนที่พอจะอธิบายเรื่องนี้ได้บ้าง
เธออยู่ในมิติลับนานหลายเดือน แต่ก็ยังไม่เจอสถานการณ์อะไรที่คล้ายกันเลย มันเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ

สิ่งที่ไม่มีอยู่ในหนังสือ หรือนี่เป็นโรคชนิดใหม่หรือเปล่า?!!

เพียงแค่จับชีพจรครั้งเดียวทำให้เธอยังไม่เข้าใจอะไรมากนัก นอกจากนี้ในตอนนั้นก็มีคนอยู่ด้วยมากมายทำให้เธอได้ยินไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรด้วย

เมื่อไม่ได้ผลลัพธ์อะไร มู่หรงเสวี่ยก็ทำได้เพียงแวบออกมาจากมิติลับ ข้างนอกยังไม่สว่างเลยและห้องก็ยังมืด มู่หรงเสวี่ยลงไปนอนที่เตียงและหลับไป

หนึ่งอาทิตย์ค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ เธอไปเรียนตามปกติ แต่ไม่เคยเจอฮวงเสี่ยวเฟ่ยในชั้นเรียนเลย เธอไม่รู้ว่าเธอหายไปไหนแต่นี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว

หลิวฮัวลี่ยังคงมาถามเธอเรื่องว่าฮวงเสี่ยวเฟ่ยอยู่ที่ไหน เธอก็ตอบไปได้แค่เพียงว่าเธอไม่รู้ ตอนนี้เธอและ ฮวงเสี่ยวเฟ่ยแตกหักกันไปแล้ว สิ่งที่เป็นกังวลมู่หรงเสวี่ยที่สุดคือพี่ใหญ่และคนที่เหลือยังไม่กลับมาจากภารกิจที่บอกว่าจะไปแค่อาทิตย์เดียวเลย

เธอไม่มีอารมณ์ที่จะมาเรียนและเพราะเธอมีสิทธิพิเศษ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตลาหยุด มู่หรงเสวี่ยขับรถตรงไปที่ฐาน เธออยากที่จะดูว่าจะลองถามพี่ใหญ่เรื่องภารกิจได้หรือเปล่า ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไร

วันนี้การ์ดที่ฐานเริ่มจะคุ้นเคยกับมู่หรงเสวี่ยมากแล้วแต่พวกเขาก็ยังต้องทำตามขั้นตอน เมื่อเธอเข้าไปที่ประตู เธอก็ยังต้องถูกสแกนทั่วทั้งร่างเพื่อกันคนที่จะพกอาวุธอันตรายเข้าไปข้างใน

มู่หรงเสวี่ยเดินตรงเข้าไปที่ห้องวิจัยทางการแพทย์ของดราก้อนพาวิลเลี่ยน ตอนนี้เธอคุ้นเคยแค่กับหลงอี้เท่านั้น เธอยังไม่ได้ติดต่อกับคนอื่นมากนัก

“แม่หนู มานี่สิ เข้ามาช่วยฉันดูนี่หน่อย ฉันทำผิดตรงไหน…” ดร.005 เป็นชายแก่อายุประมาณ 40 เมื่อเขาเห็นมู่หรงเสวี่ย เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะเป็นหมอมังกรระดับ C แต่ทุกคนในกลุ่มหมอมังกรกลับมองว่าเธอเป็นหมอระดับ A เธอได้เข้าไปช่วยเรื่องงานวิจัยของพวกเขาอย่างมาก เธอสามารถที่จะตอบคำถามได้อย่างถูกต้องหรือให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับพวกเขาได้เสมอ ตอนนี้ทุกคนรู้จัก มู่หรงเสวี่ยเป็นอย่างดี พวกเขาต่างก็เรียกมู่หรงเสวี่ยว่าแม่หนู ซึ่งใจดีอย่างมาก มู่หรงเสวี่ยเองก็ชอบคนพวกนี้แล้วก็บรรยากาศที่นี่ด้วย

พวกเขากำลังทำการวิจัยเรื่องไวรัสตัวล่าสุดของโลก เพื่อพยายามที่จะช่วยผู้คนให้ได้มากด้วยความเร็วที่สุด มู่หรงเสวี่ยรู้สึกประทับใจกับท่าทางที่จริงจังเพื่อแข่งกับเวลาและตระหนักถึงความรับผิดชอบของเขาที่มากขึ้นด้วย

“โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนชุดเสร็จจะรีบไปทันทีเลยค่ะ…” มู่หรงเสวี่ยตอบในระหว่างที่เธอกำลังเดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุด พวกเขาจะต้องสวมเสื้อผ้าปลอดเชื้อก่อนที่จะเข้าไปในห้องวิจัย เพื่อที่จะป้องกันการปนเปื้อนของผลการวิจัย เธอมีแผนที่จะรอสักพักแล้วค่อยถามพวกคนในหมอมังกรเรื่องวิธีที่จะรู้ภารกิจของศัตรู

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+