ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 196 หยุดที่หน้าประตู

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 196 หยุดที่หน้าประตู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 196
หยุดที่หน้าประตู

ตอนที่มู่หรงเสวี่ยออกมาจากลิซซี พาวิลเลี่ยนมันก็เย็นมากแล้ว เธอมองไปที่เวลาและเห็นว่ามันก็ทุ่มหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้คิดอะไรนอกจากที่โม่อ้ายลี่โทรหาเธอและถามว่าเธอเป็นยังไงบ้าง

เธอถอนหายใจ บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอเป็นคนนอก ตอนที่เธอเลิกกับชางกวนโม่ เธอก็แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วเธอจะขอให้พี่ชูช่วยเรื่องนี้ได้ยังไง

ถ้าเป็นแบบนั้นคืนนี้เธอก็จะไปคนเดียวแล้วกัน มู่หรงเสวี่ยกลับไปที่วิลล่า เตรียมของขวัญและไปที่บ้านตระกูลโม่

ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยกำลังจะออกไป โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา เธอเปิดเครื่องและเห็นว่าเป็นหลิวฮัวลี่ หัวใจของเธอผ่อนคลายลงมาก ดูเหมือนว่ารุ่นพี่จะคิดถี่ถ้วนแล้ว
“ฮัลโหลรุ่นพี่!”
“ มู่หรง ตอนนี้ฉันสายหรือยัง?” หลิวฮัวลี่ถามอย่างเร่งรีบ
มู่หรงมองไปที่เวลา เพิ่งจะทุ่มครึ่งเอง “ไม่หรอกค่ะ ทันเวลาพอดีแต่รุ่นพี่พร้อมแล้วใช่ไหม?” เธอถามถึงเรื่องเสื้อผ้าและอื่นๆ

“เรียบร้อยแล้ว ขอโทษที่ทำให้เธอต้องรอนะ” หลิวฮัวลี่พูดอย่างขอโทษ

“ตอนนี้รุ่นพี่อยู่ที่ไหนแล้ว? ฉันจะแวะไปรับ” มู่หรงเสวี่ยถามในระหว่างที่เธอขึ้นรถ

“ฉันอยู่ที่ถนนฮัวเหอใกล้ๆมหาลัย!”
“โอเค อีก 10 นาทีถึง พี่รอเดี๋ยวนะ!” เมื่อมู่หรงเสวี่ยพูดจบก็วางสายไป

ไม่นานมู่หรงก็เห็นหลิวฮัวลี่ยืนอยู่ที่ประตูของห้างสรรพสินค้า มู่หรงเสวี่ยจอดรถและร้องเรียกไปที่หลิวฮัวลี่ “รุ่นพี่ ทางนี้!”

หลิวฮัวลี่เดินมาหามู่หรงเสวี่ย
“ฉันขับเอง!” หลิวฮัวลี่พูด “จะปล่อยให้ผู้หญิงขับรถได้ยังไง?”

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ปฏิเสธซึ่งนี่เป็นเรื่องพื้นฐานของการไปงานเลี้ยง เธอลงจากรถและเดินไปนั่งที่ฝั่งคนผู้โดยสาร แล้วเธอก็หันหัวไปมองที่หลิวฮัวลี่

คืนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะแตกต่างไปจากช่วงกลางวันอย่างมาก หลิวฮัวลี่มีสไตล์เป็นของตัวเอง เขาโกนหนวดเครา แต่งตัวในชุดสูทลำลองตามสไตล์เด็กหนุ่ม ถึงแม้คุณภาพของสูทจะไม่ใช่ระดับหรูหราอะไร แต่อย่างน้อยมันก็ดูเรียบร้อย นอกจากนี้ มู่หรงเสวี่ยก็เห็นว่าหลิวฮัวลี่เอากล่องของขวัญมากด้วย เขาเตรียมของขวัญด้วย เรื่องมารยาทเขาก็ยังคิดมาอย่างดีแล้ว

“ขอบคุณนะมู่หรง!” หลิวฮัวลี่พูดอย่างขอบคุณในระหว่างที่ขับรถ

มู่หรงเสวี่ยพูดในขณะที่มองออกไปที่ภาพเบื้องหน้านอกรถ “ไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอก ฉันเพียงแค่มอบโอกาสให้พี่ได้เข้าไป ต่อไปก็เป็นเรื่องของพี่เองแล้วนะ…”

ขอบคุณชีวิตที่แล้วของเธอ ที่โง่พอที่จะช่วยปูทางให้ ฟางฉีฮัวและสุดท้ายแม้แต่ตัวเธอเองก็กลายเป็นก้อนหินให้เขาเหยียบข้ามไปและเธอก็ต้องถูกทอดทิ้งโดยไม่มีใครเหลียวแล

ตอนนี้เมื่อนึกถึงฟางฉีฮัว หลังจากที่ได้กลับมาเกิดใหม่เธอก็ไม่เหลือความเจ็บปวดอะไรแล้วมีเพียงความเกลียดที่มีต่อเขาเพราะเขาและเสี่ยวเข่อลี่ทำร้ายพ่อแม่เธอในชีวิตที่แล้ว ในชีวิตนี้เธอจะไม่ปล่อยให้เขาและเสี่ยวเข่อลี่ลอยนวลไปได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้เธอยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำอะไรพวกเขาได้

เพียงแต่ว่าตอนนี้เสี่ยวเข่อลี่หายตัวไป
มู่หรงเสวี่ยและหลินฮัวลี่ไม่ได้คุยอะไรกันมาก บทเพลงที่อ่อนโยนในรถทำให้อารมณ์ของพวกเขาสงบไปได้มาก พวกเขาเพลิดเพลินไปกับสายลมเย็นด้านนอกหน้าต่างของรถที่กำลังวิ่งไป

หลังจากที่ผ่านไปครึ่งชั่วโมง สุดท้ายพวกเขาก็มาจอดที่หน้าบ้านของตระกูลโม่ หลังจากที่หลิวฮัวลี่เดินออกมาจากรถ เขาก็เดินมาฝั่งของมู่หรงเสวี่ย

มู่หรงยื่นมือออกไปและค่อยๆวางลงไปที่มือของเขาโดยไม่ได้มีนัยอะไรแอบแฝง เป็นเพียงมารยาทธรรมดา

ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวเข้าไป เธอก็เจอเข้ากับหลงเหมยจิ่งที่กำลังควงแขนผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน มู่หรงเสวี่ยเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยและเตรียมที่จะเดินเข้าไป เธอและหลงเหมยจิ่งไม่ได้สนิทกัน

“มู่หรงเสวี่ย ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?” หลงเหมยจิ่งทรมานกับความอิจฉาในหัวใจจึงถามออกมา!

ชุดของมู่หรงเสวี่ยคืนนี้สวยราวกับเทพธิดา ชุดสีเขียวเข้มที่เต็มไปด้วยดอกไม้และบิดเกลียวขึ้นมาถึงเอว เผยให้เห็นท่วงท่าที่มีเสน่ห์ กระโปรงที่ผิดปกติตั้งแต่ต้นขากระเพื่อมไปตามจังหวะซึ่งช่วยเน้นรูปร่างที่สวยงามของมู่หรงเสวี่ยไปอีก

ผมของเธอถูกรวบไว้ที่ด้านหลังหัว ถูกม้วนเข้าเป็นรุปของดอกโบตั๋นแล้วเสียบด้วยปิ่นที่ละเอียดอ่อนและสวยงาม ที่รอบคอขาวของเธอ มีสร้อยหยกมรกตน้ำงามที่สุดที่มีสีเดียวกับสีของชุดยิ่งช่วยเพิ่มราสีให้มู่หรงดูไม่ธรรมดาขึ้นไปอีกทั้งๆที่ก็ดูสวยมากอยู่แล้ว

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้สนใจท่าทางไม่เป็นมิตรของหลงเหมยจิ่ง เธอเพียงแค่ตอบออกไปเสียงเบา “แน่นอน ฉันก็มาร่วมงานที่นี่ไง…”

“น้องรู้จักสาวสวยคนนี้ด้วยงั้นเหรอ?! แนะนำให้รู้จักบ้างสิ” หลงเหมยจิ่งกำลังเกาะแขนลูกพี่ลูกน้องอยู่ หลังจากที่เขาเห็นมู่หรงเสวี่ย สายตาของเขาก็เปล่งประกาย

ยิ่งทำให้หลงเหมยจิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก คู่ควงของเธอหลงมู่หรงจนเสียสติไปแล้วจริงๆ ทำให้เธออายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเลย! นี่เธอไม่สวยเท่ามู่หรงเสวี่ยเลยงั้นเหรอ?!

เธอมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ข้างๆมู่หรงเสวี่ยและเห็นว่าเป็นหลิวฮัวลี่ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกมีความสุข เธอรู้ว่าพื้นฐานครอบครัวของหลิวฮัวลี่ไม่มีทางที่จะได้รับบัตรเชิญให้มางานตระกูลโม่แน่ๆ หรือว่าสองคนนี้มางานโดยไม่มีบัตรเชิญเพราะได้ยินเรื่องที่เธอพูดวันนี้ที่ออฟฟิศสหภาพนักศึกษาหรือเปล่า?!!

“ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าไปในงานปาร์ตี้ของตระกูลโม่ได้นะ ฉันแนะนำให้เธอรีบกลับไปซะดีกว่า ไม่งั้นถ้าขายหน้าก็อย่ามาโทษฉันนะ อย่ามาหาว่าฉันไม่เตือนเธอล่วงหน้านะ” เธอไม่สนใจคำถามของลูกพี่ลูกน้องตัวเอง แต่กลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะหยิ่งยะโสเล็กน้อย

มู่หรงเสวี่ยคิด นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!! อย่างไรก็ตามเธอเองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะมาเถียงกับเธอ มีแต่จะแสดงความเสียมารยาทในสถานการณ์แบบนี้ อีกอย่างคุณปู่โม่ก็เป็นผู้ใหญ่ที่สำคัญของเธอ “ขอบคุณนะที่มาเตือนฉัน ฉันจะจำไว้…” เธอตอบอย่างไม่สนใจ

หลงเหมยจิ่งคิดว่ามู่หรงกลัวในสิ่งที่เธอพูดจึงพูดออกไปอย่างภาคภูมิใจต่ออีก “ดีแล้วล่ะที่รู้ รีบกลับไปเร็วๆดีกว่านะ!!!! เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้าก็คงจะไม่ดีเท่าไร…”

“ฉันไม่รู้ว่าถ้ามีคนมาเห็นแล้วมันจะเป็นยังไง…” มู่หรงเสวี่ยหัวเราะออกมาอย่างสบายๆ

“เธอมีจดหมายเชิญหรือไง?” หลงเหมยจิ่งถาม
มู่หรงตอบออกไปตรงๆ “ไม่มี!” แต่เธอได้รับคำเชิญจากคุณโม่โดยตรงซึ่งเธอไม่ได้พูดออกไป

หลงเหมยจิ่งแสดงสีหน้าอย่างชัดเจนและพูดออกไป “ถ้าไม่มีบัตรเชิญงั้นก็อย่ามามัวเสนอหน้าอยู่หน้าบ้านตระกูลโม่สิ ถ้าเธอเข้าไปไม่ได้ก็อย่ามาทำลับๆล่อๆอยู่ข้างนอกนี่…” ในตอนนี้เธอรู้สึกภูมิใจอย่างมาก ไม่สำคัญว่ามู่หรงเสวี่ยจะสวยมากแค่ไหน แต่เธอก็เข้าไปไม่ได้ถ้าไม่มีบัตรเชิญจากตระกูลโม่แถมยังไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เข้าไปร่วมงานด้วย

เธอดูเหมือนจะเปลี่ยนท่าทางในทันที หัวของเธอยกสูงขึ้นและรู้สึกสูงส่งมากกว่าคนอื่นๆ

“ไม่ต้องห่วงหรอก! ไปกันเถอะรุ่นพี่” มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจในการสนทนานี้เลยจริงๆ หลิวฮัวลี่พยักหน้าแล้วพวกเขาก็เดินไปที่ประตูของตระกูลโม่ด้วยกัน หลงเหมยจิ่งจ้องไปที่ด้านหลังของ มู่หรงเสวี่ย นังบ้านั้นเมินใส่เธออีกแล้ว เธอกำหมดแน่นและเดินไปข้างหลังมู่หรงเสวี่ย เธออยากที่จะเห็นว่าสุดท้ายแล้ว มู่หรงเสวี่ยจะต้องเสียหน้ายังไง?!!

“น้องสาว เด็กสาวคนนั้นเป็นใครเหรอ? น่ารักมากเลยนะ!”

“ก็แค่คนที่มาจากบ้านนอก ถ้าไม่สวยแบบนี้นายยังจะอยากกินอยู่ไหมล่ะ?” หลงเหมยจิ่งพูดด้วยน้ำเสียงบึ้งตึงที่ถ้าไม่ใช่เพราะบัตรเชิญที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอช่วยหามาให้ เธอก็ไม่อยากที่จะมากับเขาหรอกแต่ตราบใดที่เธอได้เข้าไป เธอก็จะไม่เข้าไปคนเดียวแน่ๆ ลูกพี่ลูกน้องคนนี้น่ารังเกียจจะตายไป

“ดูแล้วไม่น่าจะเป็นยังงั้นนะ ที่คอของเธอคนนั้นสวมหยกมรกต มันไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะมีปัญญาซื้อมาใส่ได้หรอกนะ” เป็นเรื่องหายากมากที่เขาจะได้เห็นหยกมรกตซึ่งเป็นสีที่เกือบจะเหมือนกับหยกที่มู่หรงเสวี่ยเพิ่งเอาไปจากเขาเลย

ดวงตาของหลงเหมยจิ่งเบิกกว้างและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “เธอก็เป็นแค่ลูกสาวของพ่อค้าในจังหวัด Aเท่านั้นเองนิ? แล้วจะมีปัญญาไปมีหยกมรกตแบบนั้นได้ยังไงล่ะ? ฉันคิดว่าน่าจะเป็นของปลอมนะ พวกของเลียนแบบ!”

“จริงเหรอ?! เมื่อกี้ฉันเห็นไม่ชัดเท่าไร บางทีก็อาจจะเป็นของปลอม ในเมื่อเป็นพวกไม่มีชาติตระกูลอะไร งั้นคงไม่เป็นไรถ้าฉันจะเล่นด้วยสักหน่อย!” ลูกพี่ลูกน้องของหลงเหมยจิ่งเผยท่าทางลามกออกมา

หลงเหมยจิ่งมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเธออย่างดูถูก เขาเป็นคนที่ชอบดื่มกิน, เที่ยวผู้หญิงและเล่นการพนัน ถ้าเขาได้ตัว มู่หรงเสวี่ย เธอก็คงจะมีความสุขมากจึงตอบออกไป “โอเค เอาเลย! ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฉันคิดว่าก็คงไม่มีใครมาช่วยเธอหรอก” เธอพูดถึงท่าทางของมู่หรงเสวี่ยที่ไม่น่าจะสนใจลูกพี่ลูกน้องของเธอ ก่อนหน้านี้เธอก็เคยประกาศที่มหาลัยด้วยว่าเธอคบอยู่กับลูกชายตระกูลชู ตอนนี้เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหก

ถ้าเป็นแฟนกันจริงๆแล้วทำไมถึงมากับหลัวฮัวลี่ล่ะ? ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลูกชายตระกูลชูต้องแค่เรื่องแสดงแน่ๆ

ทั้งสองเผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย เดินไปข้างหน้า มู่หรงด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้

เมื่อมู่หรงเสวี่ยมาถึงที่หน้าประตู เธอก็หยุดตรงหน้าการ์ดอย่างสุภาพ การ์ดโค้งหัวและถามออกมาอย่างสุภาพ “ขอโทษนะครับคุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ผมขอดูบัตรเชิญด้วยครับ!”

หลิวฮัวลี่มองไปที่มู่หรงเสวี่ย ในความคิดของเขา มู่หรงเสวี่ยคงจะต้องมีบัตรเชิญแน่ๆ ไม่งั้นเธอจะมาที่นี่ทำไมกันล่ะ? อย่างไรก็ตามตอนที่เธอคุยกับหลงเหมยจิ่ง เสี่ยวเสวี่ยบอกว่าไม่มี แล้วพวกเขาจะเข้าไปได้ยังไง?

มู่หรงมองเข้าไปข้างในประตู โม่อ้ายลี่ไม่รู้หายตัวไปไหน เธอบอกว่าจะมารอที่หน้าประตูไม่ใช่เหรอ?!!

“ไม่ได้ยินที่พูดไปหรือไง?! ว่าให้กลับไปซะ อย่ามาทำให้ตัวเองต้องขายหน้าที่นี่” หลงเหมยจิ่งเองก็เดินมาที่ประตูและเห็นมู่หรงเสวี่ยกำลังถูกการ์ดขวางทางไว้ ไม่ต้องบอกเลยว่ามันดีแค่ไหน

แทนที่จะตอบคำถามของหลงเหมยจิ่ง มู่หรงเสวี่ยหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาโม่อ้ายลี่โดยตรง อย่างไรก็ตามเธอก็พบว่าเธอกำลังติดสายอยู่ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากวางสายไป แล้วเธอก็หาเบอร์พี่โม่และกดโทรออก

“ฮัลโหลมู่หรง!”
“พี่โม่ พี่ช่วยออกมาที่ประตูทีได้ไหมคะ? ตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าประตูค่ะ…” มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงเบา

“ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
หลังจากที่วางสายไป มู่หรงเสวี่ยก็ยืนรออยู่เงียบๆ หลิวฮัวลี่ไม่ได้พูดอะไร เขารู้สึกเชื่อมู่หรงเสวี่ยอย่างอธิบายไม่ได้!

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 196 หยุดที่หน้าประตู

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 196 หยุดที่หน้าประตู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 196
หยุดที่หน้าประตู

ตอนที่มู่หรงเสวี่ยออกมาจากลิซซี พาวิลเลี่ยนมันก็เย็นมากแล้ว เธอมองไปที่เวลาและเห็นว่ามันก็ทุ่มหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้คิดอะไรนอกจากที่โม่อ้ายลี่โทรหาเธอและถามว่าเธอเป็นยังไงบ้าง

เธอถอนหายใจ บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอเป็นคนนอก ตอนที่เธอเลิกกับชางกวนโม่ เธอก็แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วเธอจะขอให้พี่ชูช่วยเรื่องนี้ได้ยังไง

ถ้าเป็นแบบนั้นคืนนี้เธอก็จะไปคนเดียวแล้วกัน มู่หรงเสวี่ยกลับไปที่วิลล่า เตรียมของขวัญและไปที่บ้านตระกูลโม่

ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยกำลังจะออกไป โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา เธอเปิดเครื่องและเห็นว่าเป็นหลิวฮัวลี่ หัวใจของเธอผ่อนคลายลงมาก ดูเหมือนว่ารุ่นพี่จะคิดถี่ถ้วนแล้ว
“ฮัลโหลรุ่นพี่!”
“ มู่หรง ตอนนี้ฉันสายหรือยัง?” หลิวฮัวลี่ถามอย่างเร่งรีบ
มู่หรงมองไปที่เวลา เพิ่งจะทุ่มครึ่งเอง “ไม่หรอกค่ะ ทันเวลาพอดีแต่รุ่นพี่พร้อมแล้วใช่ไหม?” เธอถามถึงเรื่องเสื้อผ้าและอื่นๆ

“เรียบร้อยแล้ว ขอโทษที่ทำให้เธอต้องรอนะ” หลิวฮัวลี่พูดอย่างขอโทษ

“ตอนนี้รุ่นพี่อยู่ที่ไหนแล้ว? ฉันจะแวะไปรับ” มู่หรงเสวี่ยถามในระหว่างที่เธอขึ้นรถ

“ฉันอยู่ที่ถนนฮัวเหอใกล้ๆมหาลัย!”
“โอเค อีก 10 นาทีถึง พี่รอเดี๋ยวนะ!” เมื่อมู่หรงเสวี่ยพูดจบก็วางสายไป

ไม่นานมู่หรงก็เห็นหลิวฮัวลี่ยืนอยู่ที่ประตูของห้างสรรพสินค้า มู่หรงเสวี่ยจอดรถและร้องเรียกไปที่หลิวฮัวลี่ “รุ่นพี่ ทางนี้!”

หลิวฮัวลี่เดินมาหามู่หรงเสวี่ย
“ฉันขับเอง!” หลิวฮัวลี่พูด “จะปล่อยให้ผู้หญิงขับรถได้ยังไง?”

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ปฏิเสธซึ่งนี่เป็นเรื่องพื้นฐานของการไปงานเลี้ยง เธอลงจากรถและเดินไปนั่งที่ฝั่งคนผู้โดยสาร แล้วเธอก็หันหัวไปมองที่หลิวฮัวลี่

คืนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะแตกต่างไปจากช่วงกลางวันอย่างมาก หลิวฮัวลี่มีสไตล์เป็นของตัวเอง เขาโกนหนวดเครา แต่งตัวในชุดสูทลำลองตามสไตล์เด็กหนุ่ม ถึงแม้คุณภาพของสูทจะไม่ใช่ระดับหรูหราอะไร แต่อย่างน้อยมันก็ดูเรียบร้อย นอกจากนี้ มู่หรงเสวี่ยก็เห็นว่าหลิวฮัวลี่เอากล่องของขวัญมากด้วย เขาเตรียมของขวัญด้วย เรื่องมารยาทเขาก็ยังคิดมาอย่างดีแล้ว

“ขอบคุณนะมู่หรง!” หลิวฮัวลี่พูดอย่างขอบคุณในระหว่างที่ขับรถ

มู่หรงเสวี่ยพูดในขณะที่มองออกไปที่ภาพเบื้องหน้านอกรถ “ไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอก ฉันเพียงแค่มอบโอกาสให้พี่ได้เข้าไป ต่อไปก็เป็นเรื่องของพี่เองแล้วนะ…”

ขอบคุณชีวิตที่แล้วของเธอ ที่โง่พอที่จะช่วยปูทางให้ ฟางฉีฮัวและสุดท้ายแม้แต่ตัวเธอเองก็กลายเป็นก้อนหินให้เขาเหยียบข้ามไปและเธอก็ต้องถูกทอดทิ้งโดยไม่มีใครเหลียวแล

ตอนนี้เมื่อนึกถึงฟางฉีฮัว หลังจากที่ได้กลับมาเกิดใหม่เธอก็ไม่เหลือความเจ็บปวดอะไรแล้วมีเพียงความเกลียดที่มีต่อเขาเพราะเขาและเสี่ยวเข่อลี่ทำร้ายพ่อแม่เธอในชีวิตที่แล้ว ในชีวิตนี้เธอจะไม่ปล่อยให้เขาและเสี่ยวเข่อลี่ลอยนวลไปได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้เธอยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำอะไรพวกเขาได้

เพียงแต่ว่าตอนนี้เสี่ยวเข่อลี่หายตัวไป
มู่หรงเสวี่ยและหลินฮัวลี่ไม่ได้คุยอะไรกันมาก บทเพลงที่อ่อนโยนในรถทำให้อารมณ์ของพวกเขาสงบไปได้มาก พวกเขาเพลิดเพลินไปกับสายลมเย็นด้านนอกหน้าต่างของรถที่กำลังวิ่งไป

หลังจากที่ผ่านไปครึ่งชั่วโมง สุดท้ายพวกเขาก็มาจอดที่หน้าบ้านของตระกูลโม่ หลังจากที่หลิวฮัวลี่เดินออกมาจากรถ เขาก็เดินมาฝั่งของมู่หรงเสวี่ย

มู่หรงยื่นมือออกไปและค่อยๆวางลงไปที่มือของเขาโดยไม่ได้มีนัยอะไรแอบแฝง เป็นเพียงมารยาทธรรมดา

ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวเข้าไป เธอก็เจอเข้ากับหลงเหมยจิ่งที่กำลังควงแขนผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน มู่หรงเสวี่ยเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยและเตรียมที่จะเดินเข้าไป เธอและหลงเหมยจิ่งไม่ได้สนิทกัน

“มู่หรงเสวี่ย ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?” หลงเหมยจิ่งทรมานกับความอิจฉาในหัวใจจึงถามออกมา!

ชุดของมู่หรงเสวี่ยคืนนี้สวยราวกับเทพธิดา ชุดสีเขียวเข้มที่เต็มไปด้วยดอกไม้และบิดเกลียวขึ้นมาถึงเอว เผยให้เห็นท่วงท่าที่มีเสน่ห์ กระโปรงที่ผิดปกติตั้งแต่ต้นขากระเพื่อมไปตามจังหวะซึ่งช่วยเน้นรูปร่างที่สวยงามของมู่หรงเสวี่ยไปอีก

ผมของเธอถูกรวบไว้ที่ด้านหลังหัว ถูกม้วนเข้าเป็นรุปของดอกโบตั๋นแล้วเสียบด้วยปิ่นที่ละเอียดอ่อนและสวยงาม ที่รอบคอขาวของเธอ มีสร้อยหยกมรกตน้ำงามที่สุดที่มีสีเดียวกับสีของชุดยิ่งช่วยเพิ่มราสีให้มู่หรงดูไม่ธรรมดาขึ้นไปอีกทั้งๆที่ก็ดูสวยมากอยู่แล้ว

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้สนใจท่าทางไม่เป็นมิตรของหลงเหมยจิ่ง เธอเพียงแค่ตอบออกไปเสียงเบา “แน่นอน ฉันก็มาร่วมงานที่นี่ไง…”

“น้องรู้จักสาวสวยคนนี้ด้วยงั้นเหรอ?! แนะนำให้รู้จักบ้างสิ” หลงเหมยจิ่งกำลังเกาะแขนลูกพี่ลูกน้องอยู่ หลังจากที่เขาเห็นมู่หรงเสวี่ย สายตาของเขาก็เปล่งประกาย

ยิ่งทำให้หลงเหมยจิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก คู่ควงของเธอหลงมู่หรงจนเสียสติไปแล้วจริงๆ ทำให้เธออายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเลย! นี่เธอไม่สวยเท่ามู่หรงเสวี่ยเลยงั้นเหรอ?!

เธอมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ข้างๆมู่หรงเสวี่ยและเห็นว่าเป็นหลิวฮัวลี่ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกมีความสุข เธอรู้ว่าพื้นฐานครอบครัวของหลิวฮัวลี่ไม่มีทางที่จะได้รับบัตรเชิญให้มางานตระกูลโม่แน่ๆ หรือว่าสองคนนี้มางานโดยไม่มีบัตรเชิญเพราะได้ยินเรื่องที่เธอพูดวันนี้ที่ออฟฟิศสหภาพนักศึกษาหรือเปล่า?!!

“ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าไปในงานปาร์ตี้ของตระกูลโม่ได้นะ ฉันแนะนำให้เธอรีบกลับไปซะดีกว่า ไม่งั้นถ้าขายหน้าก็อย่ามาโทษฉันนะ อย่ามาหาว่าฉันไม่เตือนเธอล่วงหน้านะ” เธอไม่สนใจคำถามของลูกพี่ลูกน้องตัวเอง แต่กลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะหยิ่งยะโสเล็กน้อย

มู่หรงเสวี่ยคิด นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!! อย่างไรก็ตามเธอเองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะมาเถียงกับเธอ มีแต่จะแสดงความเสียมารยาทในสถานการณ์แบบนี้ อีกอย่างคุณปู่โม่ก็เป็นผู้ใหญ่ที่สำคัญของเธอ “ขอบคุณนะที่มาเตือนฉัน ฉันจะจำไว้…” เธอตอบอย่างไม่สนใจ

หลงเหมยจิ่งคิดว่ามู่หรงกลัวในสิ่งที่เธอพูดจึงพูดออกไปอย่างภาคภูมิใจต่ออีก “ดีแล้วล่ะที่รู้ รีบกลับไปเร็วๆดีกว่านะ!!!! เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้าก็คงจะไม่ดีเท่าไร…”

“ฉันไม่รู้ว่าถ้ามีคนมาเห็นแล้วมันจะเป็นยังไง…” มู่หรงเสวี่ยหัวเราะออกมาอย่างสบายๆ

“เธอมีจดหมายเชิญหรือไง?” หลงเหมยจิ่งถาม
มู่หรงตอบออกไปตรงๆ “ไม่มี!” แต่เธอได้รับคำเชิญจากคุณโม่โดยตรงซึ่งเธอไม่ได้พูดออกไป

หลงเหมยจิ่งแสดงสีหน้าอย่างชัดเจนและพูดออกไป “ถ้าไม่มีบัตรเชิญงั้นก็อย่ามามัวเสนอหน้าอยู่หน้าบ้านตระกูลโม่สิ ถ้าเธอเข้าไปไม่ได้ก็อย่ามาทำลับๆล่อๆอยู่ข้างนอกนี่…” ในตอนนี้เธอรู้สึกภูมิใจอย่างมาก ไม่สำคัญว่ามู่หรงเสวี่ยจะสวยมากแค่ไหน แต่เธอก็เข้าไปไม่ได้ถ้าไม่มีบัตรเชิญจากตระกูลโม่แถมยังไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เข้าไปร่วมงานด้วย

เธอดูเหมือนจะเปลี่ยนท่าทางในทันที หัวของเธอยกสูงขึ้นและรู้สึกสูงส่งมากกว่าคนอื่นๆ

“ไม่ต้องห่วงหรอก! ไปกันเถอะรุ่นพี่” มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจในการสนทนานี้เลยจริงๆ หลิวฮัวลี่พยักหน้าแล้วพวกเขาก็เดินไปที่ประตูของตระกูลโม่ด้วยกัน หลงเหมยจิ่งจ้องไปที่ด้านหลังของ มู่หรงเสวี่ย นังบ้านั้นเมินใส่เธออีกแล้ว เธอกำหมดแน่นและเดินไปข้างหลังมู่หรงเสวี่ย เธออยากที่จะเห็นว่าสุดท้ายแล้ว มู่หรงเสวี่ยจะต้องเสียหน้ายังไง?!!

“น้องสาว เด็กสาวคนนั้นเป็นใครเหรอ? น่ารักมากเลยนะ!”

“ก็แค่คนที่มาจากบ้านนอก ถ้าไม่สวยแบบนี้นายยังจะอยากกินอยู่ไหมล่ะ?” หลงเหมยจิ่งพูดด้วยน้ำเสียงบึ้งตึงที่ถ้าไม่ใช่เพราะบัตรเชิญที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอช่วยหามาให้ เธอก็ไม่อยากที่จะมากับเขาหรอกแต่ตราบใดที่เธอได้เข้าไป เธอก็จะไม่เข้าไปคนเดียวแน่ๆ ลูกพี่ลูกน้องคนนี้น่ารังเกียจจะตายไป

“ดูแล้วไม่น่าจะเป็นยังงั้นนะ ที่คอของเธอคนนั้นสวมหยกมรกต มันไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะมีปัญญาซื้อมาใส่ได้หรอกนะ” เป็นเรื่องหายากมากที่เขาจะได้เห็นหยกมรกตซึ่งเป็นสีที่เกือบจะเหมือนกับหยกที่มู่หรงเสวี่ยเพิ่งเอาไปจากเขาเลย

ดวงตาของหลงเหมยจิ่งเบิกกว้างและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “เธอก็เป็นแค่ลูกสาวของพ่อค้าในจังหวัด Aเท่านั้นเองนิ? แล้วจะมีปัญญาไปมีหยกมรกตแบบนั้นได้ยังไงล่ะ? ฉันคิดว่าน่าจะเป็นของปลอมนะ พวกของเลียนแบบ!”

“จริงเหรอ?! เมื่อกี้ฉันเห็นไม่ชัดเท่าไร บางทีก็อาจจะเป็นของปลอม ในเมื่อเป็นพวกไม่มีชาติตระกูลอะไร งั้นคงไม่เป็นไรถ้าฉันจะเล่นด้วยสักหน่อย!” ลูกพี่ลูกน้องของหลงเหมยจิ่งเผยท่าทางลามกออกมา

หลงเหมยจิ่งมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเธออย่างดูถูก เขาเป็นคนที่ชอบดื่มกิน, เที่ยวผู้หญิงและเล่นการพนัน ถ้าเขาได้ตัว มู่หรงเสวี่ย เธอก็คงจะมีความสุขมากจึงตอบออกไป “โอเค เอาเลย! ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฉันคิดว่าก็คงไม่มีใครมาช่วยเธอหรอก” เธอพูดถึงท่าทางของมู่หรงเสวี่ยที่ไม่น่าจะสนใจลูกพี่ลูกน้องของเธอ ก่อนหน้านี้เธอก็เคยประกาศที่มหาลัยด้วยว่าเธอคบอยู่กับลูกชายตระกูลชู ตอนนี้เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหก

ถ้าเป็นแฟนกันจริงๆแล้วทำไมถึงมากับหลัวฮัวลี่ล่ะ? ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลูกชายตระกูลชูต้องแค่เรื่องแสดงแน่ๆ

ทั้งสองเผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย เดินไปข้างหน้า มู่หรงด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้

เมื่อมู่หรงเสวี่ยมาถึงที่หน้าประตู เธอก็หยุดตรงหน้าการ์ดอย่างสุภาพ การ์ดโค้งหัวและถามออกมาอย่างสุภาพ “ขอโทษนะครับคุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ผมขอดูบัตรเชิญด้วยครับ!”

หลิวฮัวลี่มองไปที่มู่หรงเสวี่ย ในความคิดของเขา มู่หรงเสวี่ยคงจะต้องมีบัตรเชิญแน่ๆ ไม่งั้นเธอจะมาที่นี่ทำไมกันล่ะ? อย่างไรก็ตามตอนที่เธอคุยกับหลงเหมยจิ่ง เสี่ยวเสวี่ยบอกว่าไม่มี แล้วพวกเขาจะเข้าไปได้ยังไง?

มู่หรงมองเข้าไปข้างในประตู โม่อ้ายลี่ไม่รู้หายตัวไปไหน เธอบอกว่าจะมารอที่หน้าประตูไม่ใช่เหรอ?!!

“ไม่ได้ยินที่พูดไปหรือไง?! ว่าให้กลับไปซะ อย่ามาทำให้ตัวเองต้องขายหน้าที่นี่” หลงเหมยจิ่งเองก็เดินมาที่ประตูและเห็นมู่หรงเสวี่ยกำลังถูกการ์ดขวางทางไว้ ไม่ต้องบอกเลยว่ามันดีแค่ไหน

แทนที่จะตอบคำถามของหลงเหมยจิ่ง มู่หรงเสวี่ยหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาโม่อ้ายลี่โดยตรง อย่างไรก็ตามเธอก็พบว่าเธอกำลังติดสายอยู่ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากวางสายไป แล้วเธอก็หาเบอร์พี่โม่และกดโทรออก

“ฮัลโหลมู่หรง!”
“พี่โม่ พี่ช่วยออกมาที่ประตูทีได้ไหมคะ? ตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าประตูค่ะ…” มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงเบา

“ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
หลังจากที่วางสายไป มู่หรงเสวี่ยก็ยืนรออยู่เงียบๆ หลิวฮัวลี่ไม่ได้พูดอะไร เขารู้สึกเชื่อมู่หรงเสวี่ยอย่างอธิบายไม่ได้!

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+