ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 197 ช่วยพูดซ้ำเรื่องที่เพิ่งพูดอีกทีสิ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 197 ช่วยพูดซ้ำเรื่องที่เพิ่งพูดอีกทีสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 197
ช่วยพูดซ้ำเรื่องที่เพิ่งพูดอีกทีสิ

“อย่าฝันไปหน่อยเลย เธอคิดว่าจะมีใครออกมาแล้วพาเธอเข้าไปได้งั้นเหรอ?” หลงเหมยจิ่งพูดอย่างเหน็บแนม

“สาวสวย ถ้าขอฉันนะบางทีฉันอาจจะพาเธอเข้าไปได้นะ!” ลูกพี่ลูกน้องของหลงเหมยจิ่งพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มพร้อมเอื่อมมือออกไปแตะใบหน้าสวยๆของมู่หรงเสวี่ย

หลิวฮัวลี่ยื่นมือออกมาจับที่มือเขา “นายจะทำอะไร?! อย่ายื่นมือออกมาแบบนี้” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่หลิวฮัวลี่และสุดท้ายการพาเขามาด้วยไม่สูญเปล่าจริงๆ

ท่าทางเจ็บปวดบนสีหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย มืออีกข้างของเขากำหมัดแน่นและอยากที่จะชกไปหน้าที่ของ หลิวฮัวลี่ “ปล่อยมือ! รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ถ้ายังไม่ปล่อยมือจากฉัน นายได้ตายแน่!”
โชคดีที่การ์ดของตระกูลโม่ห้ามพวกเขาไว้ได้ทัน หลังจากที่แยกพวกเขาแล้ว เขาก็ก้มหัวเล็กน้อยและพูดออกมา “ขอโทษนะครับแขกผู้มีเกียรติทั้งสอง ตระกูลโม่ไม่อนุญาตให้มีเรื่องชกต่อยกันนะครับ”

ลูกพี่ลูกน้องที่กำลังโกรธเกรี้ยวเองก็อยากที่จะวิ่งเข้าไปชกหลิวฮัวลี่แต่หลังจากที่ได้ยินคำว่าตระกูลโม่จากการ์ด ถึงแม้เขาจะไม่มีสมองแต่ก็กล้าที่จะท้าทายอำนาจของตระกูลโม่หรอก เขาจ้องไปที่หลิวฮัวลี่อย่างโกรธแค้น “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เด็กตัวเหม็น เด็กใหม่ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนายกล้าที่จะมาสู้กับฉัน!!! เดี๋ยวจะต้องได้เจอกันแน่ๆ!”

หลิวฮัวลี่ยืนอยู่ตรงหน้ามู่หรงเสวี่ยและไม่พูดอะไร มันเปล่าประโยชน์ที่จะพูดกับคนอันธพาลไร้เหตุผลแบบนี้

แล้วจู่ๆลูกพี่ลูกน้องก็เปลี่ยนท่าทางทันที “ตราบใดที่สาวสวยคนนี้ยอมไปกับฉันสักสองสามคืนนะ ฉันก็จะยกโทษให้กับความหยาบคายของนายเมื่อกี้…” เขามองหัวจรดเท้าไปที่เรือนร่างที่สวยงามของมู่หรงเสวี่ย ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆไม่อยากจะคิดเลยว่าเรือนร่างภายใต้นั่นจะมีเสน่ห์มากขนาดไหน
“มู่หรงเสวี่ย ลูกพี่ลูกน้องฉันไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไรนะ เขาเป็นลูกชายของตระกูลหลิวแห่งเมืองหลวงเลยนะรู้ไหม? อยู่กับเขาเธอก็จะหาเงินได้ด้วย งั้นถ้าเธอเข้าไปกับลูกพี่ลูกน้องฉัน งั้นฉันก็จะเข้าไปกับหลิวฮัวลี่เอง…” หลงเหมยจิ่งไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายเท่านี้มาก่อนเลย ความโกรธที่ว่าเธอเวลาอยู่ที่มหาลัยเธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองดีเท่ามู่หรงเสวี่ยเลยแต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันหายไปแล้ว ในโลกนี้เธอจะทั้งสวยและมีความสามารถไปพร้อมๆกันได้ยังไง? ตอนนี้เธอจะต้องอับอายเพราะลูกพี่ลูกน้องของเธอ

หลงเหมยจิ่งที่เดิมทีมีรอยยิ้มภาคภูมิใจอยู่บนใบหน้า แต่กลับเปลี่ยนเป็นเผยรอยยิ้มอย่างเขินอายขึ้นมาทันทีที่เห็น โม่หลิวเฟิงที่กำลังเดินออกมา เธอถึงขนาดก้มหัวลงเพื่อตรวจดูชุดของตัวเองแล้วก็วางท่าอย่างดีที่สุด ในระหว่างนั้นเธอก็ดึงแขนเสื้อของลูกพี่ลูกน้องไปด้วย เพื่อบอกเป็นนัยๆบอกให้เขาสนใจคนที่กำลังเดินออกมา

มู่หรงเสวี่ยที่ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบแวบประกายความสนุกขึ้นมา เธอยังเด็กมากจริงๆแต่ท่าทางที่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนไปของเธอทำให้เธอสนใจ
“คุณชายใหญ่” คนเฝ้าประตูโค้งหัวลงเพื่อทำความเคารพโม่หลิวเฟิงที่เดินออกมานอกประตูด้วยความเคารพ

หลงเหมยจิ่งตั้งใจเดินมาที่มู่หรงเสวี่ยและบังร่างของ มู่หรงเสวี่ยเอาไว้ บนใบหน้าเธอมีรอยยิ้มที่แสนหวาน “คุณชายโม่ ฉัน…”

โม่หลิวเฟิงขมวดคิ้วและมองไปที่หลงเหมยจิ่งที่ทำตัวเหมือนพวกผู้หญิงบ้าบอพวกนั้น โดยไม่หยุดเขาเดินตรงเข้าไปหามู่หรงเสวี่ยและเผยรอยยิ้มสดใสออกมา

“เสี่ยวเสวี่ย ในที่สุดเธอก็มาจนได้นะ คุณปู่กำลังรอเธออยู่นานแล้วนะ…”

มู่หรงเสวี่ยเองก็เผยรอยยิ้มออกมาเช่นกัน “ฮ่าฮ่า ฉันก็ไม่เจอคุณปู่โม่มานานแล้วเหมือนกัน ฉันคิดถึงท่านจัง…”

ภาพทั้งสองคนที่ดูสนิทสนมกันทำให้สีหน้าของ หลงเหมยจิ่งและลูกพี่ลูกน้องซีดเผือดในทันที แต่ก็ยังรู้สึกไม่อยากที่จะเชื่อสายตาตัวเองอยู่ดี
ลูกพี่ลูกน้องเธอนึกถึงเรื่องที่เพิ่งจะพูดออกไปเมื่อกี้แล้วเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกในหัวใจเล็กน้อย มันจบแล้ว เขาถึงขนาดเคยทำร้ายผู้หญิงส่วนใหญ่มาแล้วด้วย

“งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ แล้วคนนี้?” โม่หลิวเฟิงเห็น มู่หรงจับไปที่แขนของเด็กหนุ่มจึงถามออกมา

“นี่เพื่อนฉันเอง ฉันไม่มีแฟนก็เลย…พี่โม่คงไม่รังเกียจใช่ไหมที่ฉันพาเพื่อนมาด้วย” มู่หรงพูดออกมาอย่างซุกซน

ความไม่พอใจในสายตาถูกสายลมพัดผ่านไป “เพื่อนงั้นเหรอ?” หลังจากที่เขามองหัวจรดเท้าของหลิวฮัวลี่แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาก็พอจะเดาได้

“คุณชายโม่ เป็นเกียรติมากที่ได้เจอคุณเป็นครั้งแรก ผมหลิวฮัวลี่!” หลิวฮัวลี่ยื่นมือขวาของเขาออกไป

โม่หลิวเฟิงเองก็ยื่นมือออกไปเช่นกัน ทั้งสองจับมือกันแบบสบายๆ “สวัสดีนะ ฉันโม่หลิวเฟิง!” เมื่อเขาปล่อยมือ เขาก็พูดออกมาว่า “เข้าไปข้างในก่อนเถอะแล้วค่อยคุยกัน”
“เดี๋ยวค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยเดินไปที่หลงเหมยจิ่งและพูดออกมา “เธอช่วยพูดเรื่องที่พูดเมื่อกี้ซ้ำอีกทีได้ไหม?”

หลงเหมยจิ่งกำมือตัวเองแน่นพร้อมทั้งกัดฟันกรอด เธอไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เธอไม่มีความกล้าที่จะมีเรื่องกับตระกูลโม่หรอก หลังจากที่ได้ฟังบทสนทนาของพวกเขาแล้วเธอก็ไม่เข้าใจเลยว่าเธอพลาดตรงไหน คนที่ถูกคุณโม่เชิญมาเองจะต้องเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยมากแน่ๆ

“ฉันขอโทษนะ เมื่อกี้เป็นความผิดของฉันเอง ไม่ต้องสนใจเรื่องที่พูดเมื่อกี้หรอกนะ” ลูกพี่ลูกน้องของเธอก้มหัวลงและโค้งอยู่สักพัก เขาอยากที่จะเอาหน้าแทรกแผ่นดินจริงๆ ถึงแม้เขาจะกิน, ดื่มและเล่นการพนันอยู่ตลอดทั้งวัน แต่เขาก็รู้ดีว่าใครที่ไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง ตระกูลโม่สามารถจัดการตระกูลหลิวได้ในพริบตา

มู่หรงเสวี่ยแสยะ ไม่อยากที่จะสนใจสองคนนี้ “ไปกันเถอะพี่โม่!”

โม่หลิวเฟิงเองก็มองไปที่ทั้งสองคนอย่างเย็นชา ทำให้หลงเหมยจิ่งและพี่ชายของเธอที่เดิมก็หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งซีดเผือดมากขึ้นไปอีกทันที

มู่หรงเสวี่ยและคนที่เหลือเดินยิ้มเข้าไปข้างในปล่อยให้อีกสองคนที่เหลือยืนนิ่งราวกับเป็นน้ำแข็งอยู่ที่หน้าประตู

“เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าสองคนนั้นไม่มีชาติตระกูลน่ะ?” เมื่อโม่หลิวเฟิงและคนที่เหลือเดินห่างออกไปไกลแล้ว ลูกพี่ลูกน้องเธอก็พูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว

หลงเหมยจิ่งก็โกรธมากพออยู่แล้ว ศักดิ์ศรีของเธอเพิ่งจะหายไป เธอถูกตีหน้าให้แตกเป็นเสี่ยงๆอีกแล้ว ทำไมมู่หรงเสวี่ยถึงได้ข้ามหัวเธอไปตลอดน่ะ แล้วเธอก็ยังสนิทกับตระกูลโม่อีกด้วย… “ใครจะรู้ว่าเธอจะใช้อะไรเพื่อที่จะไต่ขึ้นไปสนิทกับตระกูลโม่แบบนี้?” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง

ไม่ว่ายังไงก็ยังต้องเข้าไปในงานปาร์ตี้ นี่เป็นโอกาสที่เธอจะได้เปิดตัวเพราะเธอกับลูกพี่ลูกน้องต้องพยายามอย่างหนักกว่าที่จะได้จดหมายเชิญนี่มา
ถึงแม้เธอจะปีนขึ้นไปหาตระกูลโม่ไม่ได้ แต่ก็ยังมีตระกูลอื่นอีก ถ้าพวกเธอได้ขึ้นไปอยู่ในชนชั้นอันดับสองแค่นี้ก็ถือว่าคุ้มมากแล้ว เธอไม่กล้าที่จะนึกถึงตระกูลระดับสูงสุดอย่างตระกูลโม่หรอก

แค่นี้ก็โชคดีมากแล้วที่เมื่อกี้เธอไม่ถูกเตะออกมาจากงาน หลงเหมยจิ่งไม่คิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะปล่อยพวกเธอไปง่ายๆแบบนี้ เธอคิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะต้องหาโอกาสแก้แค้นพวกเธอแน่ๆ

ถึงอย่างงั้นเธอก็จะไม่มีวันคิดว่ามู่หรงเสวี่ยดีไปกว่าเธอแน่ๆ ต้องเป็นคุณชายโม่แน่ๆที่เธอใช้ตัวเข้าแลกเพื่อที่จะไต่เต้าขึ้นไป ในเมื่อมู่หรงเสวี่ยทำได้ เธอก็ไม่เชื่อว่ามู่หรงเสวี่ยจะดีไปกว่าเธอ ในตอนนี้จิตใจของหลงเหมยจิ่งบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว

“พี่โม่ อ้ายลี่อยู่ไหนคะ? ทำไมฉันถึงไม่เห็นเธอเลย?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“เธอยังเตรียมตัวอยู่เลย คืนนี้คุณปู่บอกว่าท่านจะเปิดเผยตัวตนของเธอหลังจากที่ปกป้องเธอมานาน ดังนั้นมันถึงเวลาที่เธอจะต้องโตขึ้นแล้ว…” โม่หลิวเฟิงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ตั้งแต่ตอนนั้นมันก็ผ่านมานานมากแล้วและคุณปู่เองก็บอกว่าท่านแก่มากแล้วด้วย”

“พี่โม่ ไม่ต้องห่วงนะ อ้ายลี่เข็มแข็งอย่างมาก” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มเมื่อนึกถึงเด็กสาวที่เข้มแข็งคนนั้น อันที่จริงเธอเห็นมาอย่างชัดเจนมากกว่าใครๆ เธอคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นภาระของคนอื่นหลังจากที่เธอโตขึ้นจึงรีบเปลี่ยนแปลงตัวเองทันที

“ขอบคุณนะมู่หรง!” เขารู้สึกขอบคุณมู่หรงเสวี่ยอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะเธอช่วยรักษาคุณปู่หรือเริ่มธุรกิจกับอ้ายลี่ก็ตาม เขารู้สึกขอบคุณเธออย่างมาก

“ฉันชินแล้วแหละ ไม่ต้องทางการกับฉันมากหรอก” มู่หรงเสวี่ยเผยรอยยิ้มกว้าง

“ไปกันเถอะ ไปหาคุณปู่กันก่อน” โม่หลิวเฟิงพูด
มู่หรงพยักหน้า เธอเองก็คิดแบบนั้นไว้เหมือนกัน เธอมองไปที่หลิวฮัวลี่ที่อีกฝั่งและถามด้วยสายตา

“ฉันจะไปลงทะเบียนของขวัญทางนั้นก่อนแล้วกัน เธอไปเถอะ” หลิวฮัวลี่ไม่อยากที่จะไปเจอเขา

คำตอบของหลิวฮัวลี่ทำให้ดวงตาของโม่หลิวเฟิงแวบประกายพอใจ ถึงแม้การพาเขาไปด้วยมันจะเป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย แต่มันก็คงจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไร

มู่หรงเสวี่ยเองก็คิดถึงจุดนี้ด้วยเหมือนกัน เธอต้องรับผิดชอบก็แค่เพียงการพาเขาเข้ามาที่นี่ส่วนเรื่องที่ต่อไปเขาจะทำยังไงมันเป็นเรื่องความสามารถของหลิวฮัวลี่เองทั้งหมด

“รุ่นพี่เชิญตามสบายนะคะและถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลยนะ!” ถึงแม้จะไม่มีใครกล้าที่จะสร้างปัญหาในงานปาร์ตี้นี้ แต่ถ้าเผื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มู่หรงเสวี่ยก็ยังไม่ลืมว่าเธอเป็นคนที่พาเขาเข้ามาในงานดังนั้นเธอก็ต้องให้ความสนใจเขาหน่อย

“ได้เลย!” หลิวฮัวลี่ยิ้มและหันเดินไปทางอื่นที่เป็นจุดลงทะเบียนของขวัญของแขกคนอื่นๆ

มู่หรงเสวี่ยยังถือกล่องของขวัญอยู่ เธอต้องเป็นคนที่ยื่นของขวัญให้คุณปู่โม่เอง ยังไงซะมันก็ไม่ใช่ของขวัญธรรมดา

ทันทีที่โม่หลิวเฟิงและมู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปในงานเลี้ยง พวกเธอก็ดึงดูดความสนใจของคนได้มากมาย

แสงไฟในฮอลล์กำลังส่องแสงและการประดับคริสตัลหลายชุดนั้นงดงามและน่าตื่นตาอย่างมาก ชายและหญิงในเสื้อผ้าที่สวยงามต่างก็ยืนกันอยู่ในท่วงท่าสง่างามในห้องโถง กำลังกระซิบ, ทำปากและยิ้ม ผู้คนทุกหนทุกแห่งมีความสง่างามที่ดึงดูดสายตาของผู้คนได้มากมาย

ยังไงซะนี่ก็เป็นงานเลี้ยงระดับเฟิร์สคลาสของเมืองหลวงที่ผู้คนต่างก็ยิ้มแย้มและให้ความรู้สึกสบายใจ

ทันใดนั้นดวงตาของมู่หรงเสวี่ยก็เบิกกว้าง ภายในงานเธอเห็นคนที่คุ้นเคยมากมาย งานเลี้ยงนี้เชิญคนดังทั่วทั้งเมืองหลวงมาหมด เธอเห็นชางกวนโม่, ชางกวนหลิน, ไป๋เสวี่ยหลี่, ชูอี้เสิ่น, ครอบครัวของจางหลินหลี่ รวมทั้งฉินเมิ่งหยาและ ชูหลิงหลิงที่เคยมีเรื่องกันมาก่อนหน้านี้ด้วย รวมทั้งคนที่เธอเกลียดที่สุดในชีวิตฟางฉีฮัวก็มาด้วย

โม่หลิวเฟิงดูเหมือนจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของมู่หรงเสวี่ย เขาถามออกมาด้วยเสียงเบา “มู่หรงเสวี่ย มีอะไรหรือเปล่า?”

มู่หรงส่ายหัวและเผยรอยยิ้มผ่อนคลาย “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เจอคนรู้จักหลายคนเลย…”

โม่หลิวเฟิงมองตามสายตาของมู่หรงเสวี่ยไปและเห็นชางกวนโม่และคนอื่นๆ ดวงตาของเขาก็แวบประกายแล้วจึงพูดออกมา “คุณปู่อยู่ทางนี้ ไปกันเถอะ!”

“คุณปู่โม่!” มู่หรงจับแขนโม่หลิวเฟิงและเดินเข้าไปหาคุณปู่ของเขา

“หนูมู่หรง เข้ามาหาปู่โม่หน่อยสิ!” โม่ฉางเฟิงเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงเสวี่ยพร้อมทั้งเดินกอดแขนหลานชายของเขาเข้ามาอีกด้วย
มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มและพูดออกมาอย่างยิ้มแย้ม “สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณปู่โม่ หนูขอให้คุณปู่มีความสุขมากๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ร่ำรวย อายุยืนหมื่นๆปีไปเลยนะคะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า โอเค โอเค!” โม่ฉางเฟิงหัวเราะ “มาเถอะหนูมู่หรง เดี๋ยวปู่แนะนำให้รู้จักนะ สองคนนี้เป็นเพื่อนรักของปู่เอง นี่คือนายใหญ่ของตระกูลชูและนี่คือนายใหญ่ของตระกูลฉิน!”

มู่หรงเสวี่ยเพิ่งจะเคยเจอคนแก่สองคนที่มีกำลังแข็งแรงเหมือนกับคุณปู่โม่ แต่เธอก็ไม่รู้จักตัวตนของพวกเขา แต่เธอก็ยังเอ่ยปากทักทายพวกเขาออกไปอย่างสุภาพ “คุณชูและคุณฉิน เป็นเกียรติของฉันมากที่ได้เจอพวกคุณเป็นครั้งแรก” มู่หรงโค้งทักทายตามธรรมเนียมของผู้ที่เด็กกว่า

“ตาแก่โม่ ไปรู้จักเด็กสาวสวยแบบนี้ได้ยังไงกัน? น่ารักมากจริงๆ!” คุณปู่ฉินพูดออกมาอย่างสบายๆ ท่าทางของมู่หรงทำให้เขาพอใจอย่างมาก

ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะไม่ใช่สมาชิกของตระกูลในเมืองหลวง แต่เธอก็เป็นลูกสาวของตระกูลที่ร่ำรวยของจังหวัด A มารยาทของเธอก็ไม่น่าที่จะเลวร้าย

เธอสนใจเรื่องชื่อของพวกเขาเป็นพิเศษ สำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่คุ้นเคย มันก็คงเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพเท่าไรถ้าเธอจะเรียกพวกเขาออกมาตรงๆว่าคุณปู่ชูและคุณปู่ฉิน

“แม่หนู คงไม่ได้ลืมปู่ชูใช่ไหม?” ชูกล่าว
มู่หรงยิ้มอย่างโอบอ้อม “หนูจะลืมได้ยังไงคะ? คุณปู่ของหนูก็พูดถึงคุณอยู่บ่อยๆ”

“ตาแก่ชู อย่าพยายามมาแย่งความสนใจแม่หนูของฉันนะ ไปให้พ้นเลย!” โม่ฉางเฟิงกล่าว

“เสี่ยวเสวี่ยไปเป็นแม่หนูของนายได้ยังไง?” ชูพูดออกมาอย่างไม่พอใจ

ปู่ฉินมองเพื่อนทั้งสองที่สู้กับเพื่อแย่งชิงเด็กสาว สายตาของเขาแวปประกายแปลกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ มู่หรงเสวี่ย

เด็กสาวเพียงแค่ยืนอยู่เงียบๆข้างๆเขา พร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก สีหน้าของเธอดูตื่นๆเล็กน้อยแตกต่างจากลมหายใจที่นิ่งสงบ แต่ก็เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เธอ เธอช่างเป็นเด็กสาวที่สมบูรณ์แบบจริงๆแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลไหนกัน?!

หลังจากนั้นไม่นาน ตาแก่โม่และตาแก่ชูที่กำลังเถียงกันอยู่ก็ถูกโม่หลิวเฟิงพูดขัดจังหวะขึ้นมา

ในตอนนี้มู่หรงก็ยื่นกล่องหยกที่อยู่ในมือให้กับคุณปู่โม่ “คุณปู่โม่ค่ะ นี่สำหรับคุณปู่ค่ะ หนูหวังว่าคุณปู่จะชอบนะคะ!”

คุณปู่โม่รับกล่องของขวัญไปและไม่ยอมวางลง เขาถือมันไว้ในมือ คนรับใช้ที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็มองเขาอย่างประหลาดใจแล้วก็รีบเดินหลบไป

คุณปู่ชูเองก็สังเกตเห็น จึงเปิดปากพูดออกมา “หนูมู่หรงให้อะไรมา ตาแก่โม่รีบเปิดให้พวกเราดูหน่อยสิ!” เมื่อเห็นว่าตาแก่โม่ถือกล่องไว้ในมือแน่น เขาก็รู้สึกสงสัยขึ้นมานิดหน่อย ถึงแม้จะชอบหนูมู่หรงมากขนาดไหนแต่ก็ไม่เห็นจะจำเป็นต้องกอดกล่องของขวัญไว้ในมือแบบนี้เลย

คุณปู่ฉินเองก็สนใจอยู่เหมือนกันจึงมองไปที่กล่องหยกที่อยู่ในมือของคุณปู่โม่ มันถูกมาในกล่องหยก ของที่อยู่ข้างในคงไม่ธรรมดาแต่เด็กสาวแบบนั้นจะมีของขวัญที่ล้ำค่ามากมายได้ยังไงกัน?!

แต่เมื่อเขามองไปที่หยกมรกตที่อยู่รอบคอมู่หรงเสวี่ย เขาก็เก็บความคิดที่เป็นไปไม่ได้กลับไป…แต่เขาจะจำลูกหลานของตระกูลแห่งเมืองหลวงที่เหมือนกับมู่หรงเสวี่ยไม่ได้ได้ยังไงกันล่ะ?

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 197 ช่วยพูดซ้ำเรื่องที่เพิ่งพูดอีกทีสิ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 197 ช่วยพูดซ้ำเรื่องที่เพิ่งพูดอีกทีสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 197
ช่วยพูดซ้ำเรื่องที่เพิ่งพูดอีกทีสิ

“อย่าฝันไปหน่อยเลย เธอคิดว่าจะมีใครออกมาแล้วพาเธอเข้าไปได้งั้นเหรอ?” หลงเหมยจิ่งพูดอย่างเหน็บแนม

“สาวสวย ถ้าขอฉันนะบางทีฉันอาจจะพาเธอเข้าไปได้นะ!” ลูกพี่ลูกน้องของหลงเหมยจิ่งพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มพร้อมเอื่อมมือออกไปแตะใบหน้าสวยๆของมู่หรงเสวี่ย

หลิวฮัวลี่ยื่นมือออกมาจับที่มือเขา “นายจะทำอะไร?! อย่ายื่นมือออกมาแบบนี้” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่หลิวฮัวลี่และสุดท้ายการพาเขามาด้วยไม่สูญเปล่าจริงๆ

ท่าทางเจ็บปวดบนสีหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย มืออีกข้างของเขากำหมัดแน่นและอยากที่จะชกไปหน้าที่ของ หลิวฮัวลี่ “ปล่อยมือ! รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ถ้ายังไม่ปล่อยมือจากฉัน นายได้ตายแน่!”
โชคดีที่การ์ดของตระกูลโม่ห้ามพวกเขาไว้ได้ทัน หลังจากที่แยกพวกเขาแล้ว เขาก็ก้มหัวเล็กน้อยและพูดออกมา “ขอโทษนะครับแขกผู้มีเกียรติทั้งสอง ตระกูลโม่ไม่อนุญาตให้มีเรื่องชกต่อยกันนะครับ”

ลูกพี่ลูกน้องที่กำลังโกรธเกรี้ยวเองก็อยากที่จะวิ่งเข้าไปชกหลิวฮัวลี่แต่หลังจากที่ได้ยินคำว่าตระกูลโม่จากการ์ด ถึงแม้เขาจะไม่มีสมองแต่ก็กล้าที่จะท้าทายอำนาจของตระกูลโม่หรอก เขาจ้องไปที่หลิวฮัวลี่อย่างโกรธแค้น “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เด็กตัวเหม็น เด็กใหม่ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนายกล้าที่จะมาสู้กับฉัน!!! เดี๋ยวจะต้องได้เจอกันแน่ๆ!”

หลิวฮัวลี่ยืนอยู่ตรงหน้ามู่หรงเสวี่ยและไม่พูดอะไร มันเปล่าประโยชน์ที่จะพูดกับคนอันธพาลไร้เหตุผลแบบนี้

แล้วจู่ๆลูกพี่ลูกน้องก็เปลี่ยนท่าทางทันที “ตราบใดที่สาวสวยคนนี้ยอมไปกับฉันสักสองสามคืนนะ ฉันก็จะยกโทษให้กับความหยาบคายของนายเมื่อกี้…” เขามองหัวจรดเท้าไปที่เรือนร่างที่สวยงามของมู่หรงเสวี่ย ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆไม่อยากจะคิดเลยว่าเรือนร่างภายใต้นั่นจะมีเสน่ห์มากขนาดไหน
“มู่หรงเสวี่ย ลูกพี่ลูกน้องฉันไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไรนะ เขาเป็นลูกชายของตระกูลหลิวแห่งเมืองหลวงเลยนะรู้ไหม? อยู่กับเขาเธอก็จะหาเงินได้ด้วย งั้นถ้าเธอเข้าไปกับลูกพี่ลูกน้องฉัน งั้นฉันก็จะเข้าไปกับหลิวฮัวลี่เอง…” หลงเหมยจิ่งไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายเท่านี้มาก่อนเลย ความโกรธที่ว่าเธอเวลาอยู่ที่มหาลัยเธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองดีเท่ามู่หรงเสวี่ยเลยแต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันหายไปแล้ว ในโลกนี้เธอจะทั้งสวยและมีความสามารถไปพร้อมๆกันได้ยังไง? ตอนนี้เธอจะต้องอับอายเพราะลูกพี่ลูกน้องของเธอ

หลงเหมยจิ่งที่เดิมทีมีรอยยิ้มภาคภูมิใจอยู่บนใบหน้า แต่กลับเปลี่ยนเป็นเผยรอยยิ้มอย่างเขินอายขึ้นมาทันทีที่เห็น โม่หลิวเฟิงที่กำลังเดินออกมา เธอถึงขนาดก้มหัวลงเพื่อตรวจดูชุดของตัวเองแล้วก็วางท่าอย่างดีที่สุด ในระหว่างนั้นเธอก็ดึงแขนเสื้อของลูกพี่ลูกน้องไปด้วย เพื่อบอกเป็นนัยๆบอกให้เขาสนใจคนที่กำลังเดินออกมา

มู่หรงเสวี่ยที่ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบแวบประกายความสนุกขึ้นมา เธอยังเด็กมากจริงๆแต่ท่าทางที่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนไปของเธอทำให้เธอสนใจ
“คุณชายใหญ่” คนเฝ้าประตูโค้งหัวลงเพื่อทำความเคารพโม่หลิวเฟิงที่เดินออกมานอกประตูด้วยความเคารพ

หลงเหมยจิ่งตั้งใจเดินมาที่มู่หรงเสวี่ยและบังร่างของ มู่หรงเสวี่ยเอาไว้ บนใบหน้าเธอมีรอยยิ้มที่แสนหวาน “คุณชายโม่ ฉัน…”

โม่หลิวเฟิงขมวดคิ้วและมองไปที่หลงเหมยจิ่งที่ทำตัวเหมือนพวกผู้หญิงบ้าบอพวกนั้น โดยไม่หยุดเขาเดินตรงเข้าไปหามู่หรงเสวี่ยและเผยรอยยิ้มสดใสออกมา

“เสี่ยวเสวี่ย ในที่สุดเธอก็มาจนได้นะ คุณปู่กำลังรอเธออยู่นานแล้วนะ…”

มู่หรงเสวี่ยเองก็เผยรอยยิ้มออกมาเช่นกัน “ฮ่าฮ่า ฉันก็ไม่เจอคุณปู่โม่มานานแล้วเหมือนกัน ฉันคิดถึงท่านจัง…”

ภาพทั้งสองคนที่ดูสนิทสนมกันทำให้สีหน้าของ หลงเหมยจิ่งและลูกพี่ลูกน้องซีดเผือดในทันที แต่ก็ยังรู้สึกไม่อยากที่จะเชื่อสายตาตัวเองอยู่ดี
ลูกพี่ลูกน้องเธอนึกถึงเรื่องที่เพิ่งจะพูดออกไปเมื่อกี้แล้วเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกในหัวใจเล็กน้อย มันจบแล้ว เขาถึงขนาดเคยทำร้ายผู้หญิงส่วนใหญ่มาแล้วด้วย

“งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ แล้วคนนี้?” โม่หลิวเฟิงเห็น มู่หรงจับไปที่แขนของเด็กหนุ่มจึงถามออกมา

“นี่เพื่อนฉันเอง ฉันไม่มีแฟนก็เลย…พี่โม่คงไม่รังเกียจใช่ไหมที่ฉันพาเพื่อนมาด้วย” มู่หรงพูดออกมาอย่างซุกซน

ความไม่พอใจในสายตาถูกสายลมพัดผ่านไป “เพื่อนงั้นเหรอ?” หลังจากที่เขามองหัวจรดเท้าของหลิวฮัวลี่แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาก็พอจะเดาได้

“คุณชายโม่ เป็นเกียรติมากที่ได้เจอคุณเป็นครั้งแรก ผมหลิวฮัวลี่!” หลิวฮัวลี่ยื่นมือขวาของเขาออกไป

โม่หลิวเฟิงเองก็ยื่นมือออกไปเช่นกัน ทั้งสองจับมือกันแบบสบายๆ “สวัสดีนะ ฉันโม่หลิวเฟิง!” เมื่อเขาปล่อยมือ เขาก็พูดออกมาว่า “เข้าไปข้างในก่อนเถอะแล้วค่อยคุยกัน”
“เดี๋ยวค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยเดินไปที่หลงเหมยจิ่งและพูดออกมา “เธอช่วยพูดเรื่องที่พูดเมื่อกี้ซ้ำอีกทีได้ไหม?”

หลงเหมยจิ่งกำมือตัวเองแน่นพร้อมทั้งกัดฟันกรอด เธอไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เธอไม่มีความกล้าที่จะมีเรื่องกับตระกูลโม่หรอก หลังจากที่ได้ฟังบทสนทนาของพวกเขาแล้วเธอก็ไม่เข้าใจเลยว่าเธอพลาดตรงไหน คนที่ถูกคุณโม่เชิญมาเองจะต้องเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยมากแน่ๆ

“ฉันขอโทษนะ เมื่อกี้เป็นความผิดของฉันเอง ไม่ต้องสนใจเรื่องที่พูดเมื่อกี้หรอกนะ” ลูกพี่ลูกน้องของเธอก้มหัวลงและโค้งอยู่สักพัก เขาอยากที่จะเอาหน้าแทรกแผ่นดินจริงๆ ถึงแม้เขาจะกิน, ดื่มและเล่นการพนันอยู่ตลอดทั้งวัน แต่เขาก็รู้ดีว่าใครที่ไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง ตระกูลโม่สามารถจัดการตระกูลหลิวได้ในพริบตา

มู่หรงเสวี่ยแสยะ ไม่อยากที่จะสนใจสองคนนี้ “ไปกันเถอะพี่โม่!”

โม่หลิวเฟิงเองก็มองไปที่ทั้งสองคนอย่างเย็นชา ทำให้หลงเหมยจิ่งและพี่ชายของเธอที่เดิมก็หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งซีดเผือดมากขึ้นไปอีกทันที

มู่หรงเสวี่ยและคนที่เหลือเดินยิ้มเข้าไปข้างในปล่อยให้อีกสองคนที่เหลือยืนนิ่งราวกับเป็นน้ำแข็งอยู่ที่หน้าประตู

“เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าสองคนนั้นไม่มีชาติตระกูลน่ะ?” เมื่อโม่หลิวเฟิงและคนที่เหลือเดินห่างออกไปไกลแล้ว ลูกพี่ลูกน้องเธอก็พูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว

หลงเหมยจิ่งก็โกรธมากพออยู่แล้ว ศักดิ์ศรีของเธอเพิ่งจะหายไป เธอถูกตีหน้าให้แตกเป็นเสี่ยงๆอีกแล้ว ทำไมมู่หรงเสวี่ยถึงได้ข้ามหัวเธอไปตลอดน่ะ แล้วเธอก็ยังสนิทกับตระกูลโม่อีกด้วย… “ใครจะรู้ว่าเธอจะใช้อะไรเพื่อที่จะไต่ขึ้นไปสนิทกับตระกูลโม่แบบนี้?” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง

ไม่ว่ายังไงก็ยังต้องเข้าไปในงานปาร์ตี้ นี่เป็นโอกาสที่เธอจะได้เปิดตัวเพราะเธอกับลูกพี่ลูกน้องต้องพยายามอย่างหนักกว่าที่จะได้จดหมายเชิญนี่มา
ถึงแม้เธอจะปีนขึ้นไปหาตระกูลโม่ไม่ได้ แต่ก็ยังมีตระกูลอื่นอีก ถ้าพวกเธอได้ขึ้นไปอยู่ในชนชั้นอันดับสองแค่นี้ก็ถือว่าคุ้มมากแล้ว เธอไม่กล้าที่จะนึกถึงตระกูลระดับสูงสุดอย่างตระกูลโม่หรอก

แค่นี้ก็โชคดีมากแล้วที่เมื่อกี้เธอไม่ถูกเตะออกมาจากงาน หลงเหมยจิ่งไม่คิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะปล่อยพวกเธอไปง่ายๆแบบนี้ เธอคิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะต้องหาโอกาสแก้แค้นพวกเธอแน่ๆ

ถึงอย่างงั้นเธอก็จะไม่มีวันคิดว่ามู่หรงเสวี่ยดีไปกว่าเธอแน่ๆ ต้องเป็นคุณชายโม่แน่ๆที่เธอใช้ตัวเข้าแลกเพื่อที่จะไต่เต้าขึ้นไป ในเมื่อมู่หรงเสวี่ยทำได้ เธอก็ไม่เชื่อว่ามู่หรงเสวี่ยจะดีไปกว่าเธอ ในตอนนี้จิตใจของหลงเหมยจิ่งบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว

“พี่โม่ อ้ายลี่อยู่ไหนคะ? ทำไมฉันถึงไม่เห็นเธอเลย?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“เธอยังเตรียมตัวอยู่เลย คืนนี้คุณปู่บอกว่าท่านจะเปิดเผยตัวตนของเธอหลังจากที่ปกป้องเธอมานาน ดังนั้นมันถึงเวลาที่เธอจะต้องโตขึ้นแล้ว…” โม่หลิวเฟิงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ตั้งแต่ตอนนั้นมันก็ผ่านมานานมากแล้วและคุณปู่เองก็บอกว่าท่านแก่มากแล้วด้วย”

“พี่โม่ ไม่ต้องห่วงนะ อ้ายลี่เข็มแข็งอย่างมาก” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มเมื่อนึกถึงเด็กสาวที่เข้มแข็งคนนั้น อันที่จริงเธอเห็นมาอย่างชัดเจนมากกว่าใครๆ เธอคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นภาระของคนอื่นหลังจากที่เธอโตขึ้นจึงรีบเปลี่ยนแปลงตัวเองทันที

“ขอบคุณนะมู่หรง!” เขารู้สึกขอบคุณมู่หรงเสวี่ยอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะเธอช่วยรักษาคุณปู่หรือเริ่มธุรกิจกับอ้ายลี่ก็ตาม เขารู้สึกขอบคุณเธออย่างมาก

“ฉันชินแล้วแหละ ไม่ต้องทางการกับฉันมากหรอก” มู่หรงเสวี่ยเผยรอยยิ้มกว้าง

“ไปกันเถอะ ไปหาคุณปู่กันก่อน” โม่หลิวเฟิงพูด
มู่หรงพยักหน้า เธอเองก็คิดแบบนั้นไว้เหมือนกัน เธอมองไปที่หลิวฮัวลี่ที่อีกฝั่งและถามด้วยสายตา

“ฉันจะไปลงทะเบียนของขวัญทางนั้นก่อนแล้วกัน เธอไปเถอะ” หลิวฮัวลี่ไม่อยากที่จะไปเจอเขา

คำตอบของหลิวฮัวลี่ทำให้ดวงตาของโม่หลิวเฟิงแวบประกายพอใจ ถึงแม้การพาเขาไปด้วยมันจะเป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย แต่มันก็คงจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไร

มู่หรงเสวี่ยเองก็คิดถึงจุดนี้ด้วยเหมือนกัน เธอต้องรับผิดชอบก็แค่เพียงการพาเขาเข้ามาที่นี่ส่วนเรื่องที่ต่อไปเขาจะทำยังไงมันเป็นเรื่องความสามารถของหลิวฮัวลี่เองทั้งหมด

“รุ่นพี่เชิญตามสบายนะคะและถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลยนะ!” ถึงแม้จะไม่มีใครกล้าที่จะสร้างปัญหาในงานปาร์ตี้นี้ แต่ถ้าเผื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มู่หรงเสวี่ยก็ยังไม่ลืมว่าเธอเป็นคนที่พาเขาเข้ามาในงานดังนั้นเธอก็ต้องให้ความสนใจเขาหน่อย

“ได้เลย!” หลิวฮัวลี่ยิ้มและหันเดินไปทางอื่นที่เป็นจุดลงทะเบียนของขวัญของแขกคนอื่นๆ

มู่หรงเสวี่ยยังถือกล่องของขวัญอยู่ เธอต้องเป็นคนที่ยื่นของขวัญให้คุณปู่โม่เอง ยังไงซะมันก็ไม่ใช่ของขวัญธรรมดา

ทันทีที่โม่หลิวเฟิงและมู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปในงานเลี้ยง พวกเธอก็ดึงดูดความสนใจของคนได้มากมาย

แสงไฟในฮอลล์กำลังส่องแสงและการประดับคริสตัลหลายชุดนั้นงดงามและน่าตื่นตาอย่างมาก ชายและหญิงในเสื้อผ้าที่สวยงามต่างก็ยืนกันอยู่ในท่วงท่าสง่างามในห้องโถง กำลังกระซิบ, ทำปากและยิ้ม ผู้คนทุกหนทุกแห่งมีความสง่างามที่ดึงดูดสายตาของผู้คนได้มากมาย

ยังไงซะนี่ก็เป็นงานเลี้ยงระดับเฟิร์สคลาสของเมืองหลวงที่ผู้คนต่างก็ยิ้มแย้มและให้ความรู้สึกสบายใจ

ทันใดนั้นดวงตาของมู่หรงเสวี่ยก็เบิกกว้าง ภายในงานเธอเห็นคนที่คุ้นเคยมากมาย งานเลี้ยงนี้เชิญคนดังทั่วทั้งเมืองหลวงมาหมด เธอเห็นชางกวนโม่, ชางกวนหลิน, ไป๋เสวี่ยหลี่, ชูอี้เสิ่น, ครอบครัวของจางหลินหลี่ รวมทั้งฉินเมิ่งหยาและ ชูหลิงหลิงที่เคยมีเรื่องกันมาก่อนหน้านี้ด้วย รวมทั้งคนที่เธอเกลียดที่สุดในชีวิตฟางฉีฮัวก็มาด้วย

โม่หลิวเฟิงดูเหมือนจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของมู่หรงเสวี่ย เขาถามออกมาด้วยเสียงเบา “มู่หรงเสวี่ย มีอะไรหรือเปล่า?”

มู่หรงส่ายหัวและเผยรอยยิ้มผ่อนคลาย “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เจอคนรู้จักหลายคนเลย…”

โม่หลิวเฟิงมองตามสายตาของมู่หรงเสวี่ยไปและเห็นชางกวนโม่และคนอื่นๆ ดวงตาของเขาก็แวบประกายแล้วจึงพูดออกมา “คุณปู่อยู่ทางนี้ ไปกันเถอะ!”

“คุณปู่โม่!” มู่หรงจับแขนโม่หลิวเฟิงและเดินเข้าไปหาคุณปู่ของเขา

“หนูมู่หรง เข้ามาหาปู่โม่หน่อยสิ!” โม่ฉางเฟิงเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงเสวี่ยพร้อมทั้งเดินกอดแขนหลานชายของเขาเข้ามาอีกด้วย
มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มและพูดออกมาอย่างยิ้มแย้ม “สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณปู่โม่ หนูขอให้คุณปู่มีความสุขมากๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ร่ำรวย อายุยืนหมื่นๆปีไปเลยนะคะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า โอเค โอเค!” โม่ฉางเฟิงหัวเราะ “มาเถอะหนูมู่หรง เดี๋ยวปู่แนะนำให้รู้จักนะ สองคนนี้เป็นเพื่อนรักของปู่เอง นี่คือนายใหญ่ของตระกูลชูและนี่คือนายใหญ่ของตระกูลฉิน!”

มู่หรงเสวี่ยเพิ่งจะเคยเจอคนแก่สองคนที่มีกำลังแข็งแรงเหมือนกับคุณปู่โม่ แต่เธอก็ไม่รู้จักตัวตนของพวกเขา แต่เธอก็ยังเอ่ยปากทักทายพวกเขาออกไปอย่างสุภาพ “คุณชูและคุณฉิน เป็นเกียรติของฉันมากที่ได้เจอพวกคุณเป็นครั้งแรก” มู่หรงโค้งทักทายตามธรรมเนียมของผู้ที่เด็กกว่า

“ตาแก่โม่ ไปรู้จักเด็กสาวสวยแบบนี้ได้ยังไงกัน? น่ารักมากจริงๆ!” คุณปู่ฉินพูดออกมาอย่างสบายๆ ท่าทางของมู่หรงทำให้เขาพอใจอย่างมาก

ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะไม่ใช่สมาชิกของตระกูลในเมืองหลวง แต่เธอก็เป็นลูกสาวของตระกูลที่ร่ำรวยของจังหวัด A มารยาทของเธอก็ไม่น่าที่จะเลวร้าย

เธอสนใจเรื่องชื่อของพวกเขาเป็นพิเศษ สำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่คุ้นเคย มันก็คงเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพเท่าไรถ้าเธอจะเรียกพวกเขาออกมาตรงๆว่าคุณปู่ชูและคุณปู่ฉิน

“แม่หนู คงไม่ได้ลืมปู่ชูใช่ไหม?” ชูกล่าว
มู่หรงยิ้มอย่างโอบอ้อม “หนูจะลืมได้ยังไงคะ? คุณปู่ของหนูก็พูดถึงคุณอยู่บ่อยๆ”

“ตาแก่ชู อย่าพยายามมาแย่งความสนใจแม่หนูของฉันนะ ไปให้พ้นเลย!” โม่ฉางเฟิงกล่าว

“เสี่ยวเสวี่ยไปเป็นแม่หนูของนายได้ยังไง?” ชูพูดออกมาอย่างไม่พอใจ

ปู่ฉินมองเพื่อนทั้งสองที่สู้กับเพื่อแย่งชิงเด็กสาว สายตาของเขาแวปประกายแปลกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ มู่หรงเสวี่ย

เด็กสาวเพียงแค่ยืนอยู่เงียบๆข้างๆเขา พร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก สีหน้าของเธอดูตื่นๆเล็กน้อยแตกต่างจากลมหายใจที่นิ่งสงบ แต่ก็เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เธอ เธอช่างเป็นเด็กสาวที่สมบูรณ์แบบจริงๆแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลไหนกัน?!

หลังจากนั้นไม่นาน ตาแก่โม่และตาแก่ชูที่กำลังเถียงกันอยู่ก็ถูกโม่หลิวเฟิงพูดขัดจังหวะขึ้นมา

ในตอนนี้มู่หรงก็ยื่นกล่องหยกที่อยู่ในมือให้กับคุณปู่โม่ “คุณปู่โม่ค่ะ นี่สำหรับคุณปู่ค่ะ หนูหวังว่าคุณปู่จะชอบนะคะ!”

คุณปู่โม่รับกล่องของขวัญไปและไม่ยอมวางลง เขาถือมันไว้ในมือ คนรับใช้ที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็มองเขาอย่างประหลาดใจแล้วก็รีบเดินหลบไป

คุณปู่ชูเองก็สังเกตเห็น จึงเปิดปากพูดออกมา “หนูมู่หรงให้อะไรมา ตาแก่โม่รีบเปิดให้พวกเราดูหน่อยสิ!” เมื่อเห็นว่าตาแก่โม่ถือกล่องไว้ในมือแน่น เขาก็รู้สึกสงสัยขึ้นมานิดหน่อย ถึงแม้จะชอบหนูมู่หรงมากขนาดไหนแต่ก็ไม่เห็นจะจำเป็นต้องกอดกล่องของขวัญไว้ในมือแบบนี้เลย

คุณปู่ฉินเองก็สนใจอยู่เหมือนกันจึงมองไปที่กล่องหยกที่อยู่ในมือของคุณปู่โม่ มันถูกมาในกล่องหยก ของที่อยู่ข้างในคงไม่ธรรมดาแต่เด็กสาวแบบนั้นจะมีของขวัญที่ล้ำค่ามากมายได้ยังไงกัน?!

แต่เมื่อเขามองไปที่หยกมรกตที่อยู่รอบคอมู่หรงเสวี่ย เขาก็เก็บความคิดที่เป็นไปไม่ได้กลับไป…แต่เขาจะจำลูกหลานของตระกูลแห่งเมืองหลวงที่เหมือนกับมู่หรงเสวี่ยไม่ได้ได้ยังไงกันล่ะ?

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+