ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 20 ช่วยชีวิต

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 20 ช่วยชีวิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 20 ช่วยชีวิต

หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ในมิติเป็นเวลานาน มู่หรงเสวี่ยก็กลับมาที่โรงเรียนอีกครั้ง ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในภวังค์ เธอมักจะปรับตัวในตอนที่อยู่โรงเรียนไม่ค่อยได้ และเธอจำเป็นต้องศึกษาวิชาแพทย์

ตอนแรก มู่หรงเสวี่ยศึกษาวิชาแพทย์เพราะต้องการปกป้องตัวเอง แต่ตอนนี้กลับเธอตกหลุมรักมันเข้าแล้วจริงๆ
นอกจากนี้ มันยังทำให้เธอเข้มแข็งขึ้นและสามารถปกป้องครอบครัวได้

มู่หรงเสวี่ยไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ด้วยความเกลียดชัง เธอต้องการทำในสิ่งที่มีความหมาย และการศึกษาวิชาแพทย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏชื่อ ‘กู่หมิง’ มู่หรงเสวี่ยกดปุ่มรับสายในทันที จากนั้น เสียงของกู่หมิงก็ดังขึ้น

“คุณหนูครับ ขั้นตอนเบื้องต้นของบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปเสร็จแล้วครับ ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่อยู่ในอาคารเดี่ยวในย่าน B ใจกลางเมือง ส่วนร้านค้าของเป่าหยู ผมซื้อสองร้านที่อยู่ติดกันในถนนโบราณระหว่างนั้น ผมไปดูร้านมาแล้วครับ ตอนนี้ร้านกำลังปิดปรับปรุงอยู่ ผมคิดว่าน่าจะใช้เวลาในการเปิดร้านได้อีกประมาณสองอาทิตย์ ผมได้คัดเลือกพนักงานมาพอสมควรครับ แต่ผมต้องถามคุณหนูก่อนว่า คุณหนูจะนำหยกมรกตมาวางขายหน้าร้านเมื่อไหร่ครับ? หรือคุณหนูจะให้ผมเป็นคนจัดการเรื่องนี้ดีครับ?”

มู่หรงเสวี่ยใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอยังเหลือหยกอยู่แค่ชิ้นเดียวเท่านั้น เห็นที เธอควรจะไปสวนหินพนันอีกรอบซะแล้วสิ

“คุณกู่หมิงคะ ถ้าพรุ่งนี้คุณว่าง เราไปที่สวนหินพนันกันดีไหมคะ ฉันจะไปซื้อหินหยกสักหน่อย”

กู่หมิงประหลาดใจเล็กน้อย นี่ คุณหนูกำลังจะบอกว่าหยกทั้งหมดที่อยู่ในร้าน มาจากการพนันใช่ไหมครับ?

แต่ในเมื่อ มันเป็นความต้องการของอีกฝ่าย เขาก็จะไม่ตั้งคำถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของสุภาพสตรี

“ครับ พรุ่งนี้ผมว่าง” เขาไม่เข้าใจว่าทำไม เขาถึงได้ไว้วางใจในผู้หญิงคนนี้

กู่หมิงไม่เข้าใจความรู้สึกคลุมเครือที่เกิดขึ้นเลยสักนิด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะบอกอะไรเขาหรือสั่งให้เขาทำอะไร เขาก็จะเชื่อและทำตามในทันที เขาจะใช้ความพยายามทั้งหมดและไม่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องผิดหวังในตัวเขาเด็ดขาด!

หลังจากได้คำตอบจากกู่หมิง มู่หรงเสวี่ยวางสายและเดินไปที่ห้องเรียนแบบคนอารมณ์ดี โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่า ตอนนี้มีดวงตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธอจากต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังเธอ

เมื่อมาถึงห้องเรียน มู่หรงเสวี่ยก็ได้ฟังเสียงบ่นของโม่อ้ายลี่ว่า ทำไมเธอต้องสอบย่อยอาทิตย์หน้าด้วย อะไรทำนองนั้นไม่หยุดเลย…

หา? อะไรนะ!? สอบย่อยเหรอ! ลืมไปเลย!! กรี๊ดดดดดด!!!!!

มู่หรงเสวี่ยที่หมกมุ่นอยู่กับการศึกษาวิชาแพทย์ ลืมเรื่องสอบย่อยที่กำลังจะมาถึงซะสนิท

ทันใดนั้น เหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมาที่ร่างของเธอ จากนั้นก็เปลี่ยนให้เธอกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปในทันที

โม่อ้ายลี่ที่นึกสนุกลองเอานิ้วจิ้มๆที่ตัวมู่หรงเสวี่ย จู่ๆเสียงดังเปรี๊ยะในความคิดก็ดังขึ้น อ๊ะ! ก้อนน้ำแข็งแตกแล้ว!

“เอาน่า ก็แค่สอบย่อย ฉันยังไม่เคยสอบผ่านเลย ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย!” โม่อ้ายลี่ตอบแบบไม่สนใจอะไร

เดี๋ยวนะ โม่อ้ายลี่ นี่ เธอภูมิใจกับคำว่าสอบตกขนาดนั้นเหรอ?! เธอไปเอาความมั่นใจมาจากที่ไหนเนี่ย!!! การมองโลกแบบนี้ดูจะไร้ความรับผิดชอบไปหน่อยแล้ว!!!

ตอนนี้ ในหัวของมู่หรงเสวี่ยมีแต่เส้นสีดำขดอยู่เต็มไปหมด โอ๊ยยย! ปวดหัวจัง!!

ฉันจะต้องสอบให้ได้คะแนนเยอะๆให้ได้เลย คอยดู!

ในชีวิตที่แล้ว เสี่ยวเข่อลี่มักจะลากเธอไปเที่ยวตอนที่เธออยากทบทวนหนังสือตลอด แถมคืนก่อนสอบ ยังเอานมอุ่นๆมาให้เธอดื่มอีก ทำให้เธอหลับเป็นตาย จนพลาดการสอบสองครั้งของวันถัดไป

เมื่อผลการสอบออกมา เธอจึงได้อันดับท้ายๆของชั้นไปโดยปริยาย ใครจะไปรู้ว่าหลังจากนั้น คะแนนของเธอถูกป่าวประกาศไปทั่วโรงเรียน แถมยังมีคนตั้งฉายาให้เธอว่า คุณหนูกลวงโบ๋ อีก!

ส่วนเสี่ยวเข่อลี่ เธอสอบได้ที่หนึ่งของชั้น เพราะพวกเธอตัวติดกันตลอดเวลา หลายคนจึงเปรียบเทียบเธอกับอีกฝ่าย และบอกว่า เสี่ยวเข่อลี่เหมือนบุตรสาวคนโตของตระกูลมู่หรงมากกว่ามู่หรงเสวี่ยเสียอีก! น่าเจ็บใจจริงๆ!

ฉันอยากรู้จริงๆว่าเรื่องทั้งหมด เธอเป็นคนวางแผนใช่ไหม เสี่ยวเข่อลี่ เธอช่างเป็นคนที่มีชั้นเชิงจริงๆ ฉันขอชื่นชมเธอจากใจเลย

แต่ในเมื่อมู่หรงเสวี่ยได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แล้วอย่างนี้ จะให้เธอยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นซ้ำสองได้ยังไงล่ะ?

โชคดีที่ตอนนี้ เธอยังไม่ลืมเรื่องนี้ แล้วก็โชคดีมากที่เธอมีมิติลับอยู่ ที่นั่นมีเวลามากพอให้เธอได้ทบทวนบทเรียนที่กำลังจะสอบในเร็ววัน

มู่หรงเสวี่ยพอจะจำการสอบครั้งก่อนได้รางๆ สำหรับนักกินอย่างโม่อ้ายลี่ที่ไม่สนว่าคะแนนจะออกมาดีหรือไม่ดีก็ตามแต่
แต่เมื่อถึงเวลาอันสมควร เธอจะแบ่งบันทึกของตัวเองและน้ำแห่งจิตวิญญาณให้เธอดื่ม เพราะมันสามารถพัฒนาความทรงจำของเธอได้

“เธออย่าพูดจาเหลวไหลสิ รีบๆอ่านหนังสือได้แล้ว ถ้าวันนั้นมีคนสอบตก ฉันจะไม่พาไปกินอาหารอร่อยๆนะ”

นักกินบางคนเริ่มร้องโหยหวนเมื่อได้ยินว่าตัวเองจะอดกินของอร่อย! ชีวิตฉันขาดอาหารไม่ได้นะ! แง้!

มู่หรงเสวี่ยที่ขี้เกียจจะใส่ใจอีกฝ่าย ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไป

ในตอนเย็น หลังที่โรงเรียนเลิก มู่หรงเสวี่ยที่กลับ อะพาร์ตเมนต์ก็อาบน้ำอาบท่าในทันที

หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้วเธอเดินไปที่ระเบียงเพื่อดูแสงไฟหลากสีที่ส่องสว่างในตอนกลางคืน สายลมที่กระทบเส้นผมยาวๆ ทำให้เธอรู้สึกสงบมาก

ทันใดนั้น บนท้องฟ้า ก็มีร่างหนึ่งบินมาทางเธอด้วยความเร็ว ตอนแรกมองห่างๆ เธอคิดว่ามันคือนกตัวหนึ่ง แต่เมื่อมันเริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆ กลับเห็นว่านั่นคือมนุษย์!

มู่หรงเสวี่ย เธอตาฝาดรึเปล่า? โลกนี้มีเรื่องลี้ลับอยู่จริงๆเหรอ เธอถึงได้เห็นใครก็ไม่รู้บินมาหาเธอแบบนี้เนี่ย
ในไม่ช้า คนคนนั้นก็พุ่งมาทางเธอจริงๆ มู่หรงเสวี่ยตกใจ ที่คนคนนั้นได้ทิ้งน้ำหนักและร่วงลงสู่พื้น กลิ่นคาวเลือดโชยมาทางเธอ

นอกจากนี้ยังมีเครื่องกลอยู่ด้านหลังเขาที่คล้ายกับปีกนก ประมาณว่ามันน่าเป็นเทคโนโลยีชั้นสูง ไม่แปลกที่มันจะบินบนท้องฟ้าได้

ว่าแต่ ทำไมหมอนี่ถึงได้เจ็บตัวได้ละเนี่ย?

กลิ่นคาวเลือดที่ส่งกลิ่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดูท่าเขาจะเจ็บเอาการ แต่ปัญหาของเรื่องคือคนคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาน่ะสิ

ความคิดของมู่หรงเสวี่ยกำลังตีกัน ประเด็นคือเธอจะช่วยหรือไม่ช่วยเขาดีล่ะ ถ้าเธอเป็นคนดียื่นมือไปช่วย แล้วคนที่เธอช่วย เขาเป็นคนไม่ดี เธอจะทำยังไงล่ะ?

อ๋า สับสนไปหมดแล้ว ความคิดในหัวตีกันไม่หยุดเลยเนี่ย!
ช่วยก็ได้! ผู้ศึกษาวิชาแพทย์อย่างเธอจะทนเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตาได้ยังไงเล่า!?

มู่หรงเสวี่ยจัดการลากชายคนนั้นออกมาจากระเบียง แล้วตรงไปยังโซฟาในห้องนั่งเล่น

เฮ้อ! ให้มันได้อย่างนี้สิ…
ในตอนที่เธอปล่อยมือจากเขา ทำให้ร่างของอีกฝ่ายกระแทกกับพื้น
ตุ้บ!
มู่หรงเสวี่ยค่อยๆเปิดผ้าคลุมที่ปิดใบหน้าของผู้ชายคนนั้นด้วยมือเปล่า เขาดูเหมือนนักเลงที่หน้าตาดี ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะอายุประมาณ 25 เห็นจะได้

ถึงใบหน้าของอีกฝ่ายจะซีดไปหน่อย แต่เขาก็ไม่สามารถเก็บซ่อนใบหน้าที่ซื่อตรงได้เลย

แอ่งเลือดขนาดใหญ่อยู่บริเวณอก ดูเหมือนว่าบาดแผลจะอยู่ด้านหน้า มู่หรงเสวี่ยปลดเสื้อคลุมของชายคนนั้นอย่างระมัดระวัง

บาดแผลที่น่ากลัวและไม่น่ามองได้ปรากฏตรงหน้าเธอ รอยแผลมีความยาวประมาณ 15 ซม. ชั้นผิวหนังด้านนอกได้เปิดออก
น่าแปลกที่บาดแผลตรงนั้นเป็นสีดำเกรียม และสังเกตไม่ได้ว่ามันเกิดจากอะไร

มู่หรงเสวี่ยหยิบขวดยารักษาบาดแผลออกมาจากมิติ อันดับแรกเธอต้องเตรียมน้ำสะอาดหนึ่งถังก่อน

มู่หรงเสวี่ยเทน้ำแห่งจิตวิญญาณลงในถังน้ำ และช่วยทำความสะอาดบาดแผลของชายคนนั้นอย่างเบามือและระมัดระวังที่สุด

หลังจากนั้น
มู่หรงเสวี่ยก็นำยารักษาบาดแผลมาพรมตรงแผล และใช้ผ้าก๊อซพันรอบแผลของชายคนนั้น

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย มู่หรงเสวี่ยที่เหงื่อออกตามร่างกายได้เข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายอีกครั้ง

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว มู่หรงเสวี่ยเดินไปที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง

เธอสังเกตเห็นว่าริมฝีปากบางของชายคนนั้นเปิดออกเล็กน้อย และท่าทางเหมือนคนกำลังพูดโดยที่ไม่มีเสียง

นอกจากนี้ เขายังมีเหงื่อท่วมหน้าผาก และหน้าแดงเล็กน้อย นี่เป็นอาการของคนที่มีไข้สูง มู่หรงเสวี่ยลองใช้ฝ่ามือวัดอุณหภูมิที่หน้าผาก

ตัวร้อนจี๋เลย!!!
โอ๊ย! ไม่ได้การแล้ว เธอจัดการพันแผลของเขา ต้องเร่งมือหน่อยแล้ว คนคนนี้ตัวร้อนชะมัด! ให้ตายสิ!
มู่หรงเสวี่ยรีบวิ่งไปหยิบถังน้ำ ที่มีน้ำแห่งจิตวิญญาณ เธอใช้ผ้าขนหนูจุ่มน้ำ บิดให้หมาดแล้ววางไว้บนหน้าผากของเขา

เวลาผ่านไปสักพัก แต่มู่หรงเสวี่ยเห็นว่าอุณหภูมิยังไม่ลดลงเลยสักนิด เธอทำใจกัดฟัน เทน้ำแห่งจิตวิญญาณลงในถ้วยสะอาดและใช้ช้อนป้อนเขา

บางที อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายหิวน้ำ เขาถึงได้รีบกลืนน้ำที่มู่หรงเสวี่ยเป็นคนป้อนลงคออย่างรวดเร็ว แต่มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ช่วยรักษาชีวิตเขา เธอแค่ป้อนน้ำแห่งจิตวิญญาณให้เขาเท่านั้น

เนื่องจากว่ายาทั่วไปก็ไม่ดีไปกว่าน้ำแห่งจิตวิญญาณของเธอเลย แต่ปัญหาอยู่ที่น้ำแห่งจิตวิญญาณช่วยพัฒนาการทำงานของร่างกายมนุษย์ได้ ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้ เธอคงซวยแหงๆ

เมื่อป้อนน้ำแห่งจิตวิญญาณให้เขาดื่ม ในที่สุดพิษไข้ก็เริ่มจางหายไป เมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้นเริ่มสงบลง ชายคนนั้นค่อยๆถ่มของเหลวสีดำอ่อนๆออกมา เพราะน้ำแห่งจิตวิญญาณสามารถล้างพิษได้

แล้วยังไงล่ะ? ถ้าเขาตื่นมาเห็น แล้วฉันจะอธิบายให้เขาฟังว่ายังไงดีละเนี่ย?
มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ถังน้ำและผ้าขนหนูที่วางอยู่ข้างกายเขา จากนั้นก็เริ่มช่วยเขาทำความสะอาดร่างกายอีกครั้ง
เนื่องจากว่าเธอเพิ่งเคยช่วยคนอื่นแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต แถมคนคนนั้นยังเป็นคนแปลกหน้าด้วย!!!
มู่หรงเสวี่ยหัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น
มู่หรงเสวี่ย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ให้คนแปลกหน้าด้วย กรี๊ดดดดดด!
แต่ขอบอกเลยว่า ผู้ชายคนนี้หุ่นดีมาก ไม่มีชั้นไขมันอยู่บริเวณเอวแกร่งเลย กล้ามเนื้อหน้าอกที่สมบูรณ์แบบและกล้ามหน้าท้องซิกแพคบนผิวสีเนื้อดูเซ็กซี่ ที่ใครเห็นแล้วก็อยากจะลิ้มลองกันทั้งนั้น แถมบาดแผลบนหน้าอกที่ถูกผ้าพันไว้ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับผู้ชายคนนี้ ขนาดมู่หรงเสวี่ยเองก็ยังหน้าแดงเลย…

หลังจากเช็ดร่างกายท่อนบนของอีกฝ่าย มู่หรงเสวี่ยก็มองไปที่กางเกงของผู้ชายตรงหน้า นี่มันน่าอายชะมัด! แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ตัดสินใจปลดกางเกงผู้ชายคนนั้น
ในตอนที่ชูอี้เสิ่นได้สติและลืมตาขึ้นมา เขาเห็นว่าบริเวณเอวของตัวเอง มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังดึงเข็มขัดของเขาอยู่!
ผู้หญิงหน้าไม่อายกล้าดียังไงมาสัมผัสตัวเขาในตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บอยู่ ดวงตารูปเหยี่ยวคู่สวยเต็มไปด้วยความเยือกเย็นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ชูอี้เสิ่นถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ผู้หญิงหน้าไม่อาย นี่เธอกำลังทำอะไร?”

“ก็เห็นอยู่ว่า ฉันกำลังช่วย… ” มู่หรงเสวี่ยที่เพิ่งรู้สึกตัว เห็นชายที่เมื่อกี้ยังนอนได้สติตื่นแล้ว
“คุณตื่นแล้วเหรอคะ?” มู่หรงเสวี่ยเห็นผู้ชายตรงหน้าได้สติแล้วจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข

มู่หรงเสวี่ยเห็นชายคนนั้นมองตาตัวเองด้วยสายตาดูถูก จากนั้นก็มองไปที่การเคลื่อนไหวของตัวเอง จึงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าใจเธอผิดไป จากใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก จู่ๆก็ขึ้นสีแดงแปร๊ด

“ค..คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะเมื่อกี้ คุณมีไข้สูง ฉันแค่ทำความสะอาดร่างกายของคุณเท่านั้น ฉันไม่ได้จะจู่โจมคุณ…”

ชูอี้เสิ่นที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ได้แต่จ้องมองหญิงสาวตรงหน้า
เด็กคนนี้มีดวงตารูปเหยี่ยวสีดำขลับคู่หนึ่งที่สุกสกาวเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า สีหน้าของเธอแต่งแต้มไปด้วยสีแดง มือที่ถือผ้าขนหนูสะเปะสะปะด้วยความประหม่า ทำให้เขารู้สึกว่ามันทั้งน่ารักทั้งงดงามจริงๆ

ชูอี้เสิ่นสลัดความคิดนั้นทิ้งไป และละสายตาไปจากใบหน้าของอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็พบว่าข้างกายเขามีถังน้ำอยู่หนึ่งถัง แถมยังมีผ้าขนหนูเปื้อนเลือดอยู่อีก

ในตอนนี้ จากบาดแผลที่ทำให้เขารู้สึกหนาว ถูกผ้าพันไว้ ทำให้ร่างกายเขารู้สึกอุ่นขึ้นเล็กน้อย และรู้สึกสบายตัวมากขึ้น
ตอนนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าเขาเข้าใจอีกฝ่ายผิดไป เธอเป็นคนช่วยเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จริงๆ

เขารู้ดีว่า ถึงอีกฝ่ายเป็นหมอที่มีชื่อเสียง ก็ไม่มีทางรักษาเขาให้ฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้
ว่าแต่ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?!!
ชูอี้เสิ่นพยายามรวบรวมความคิด เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากกว่าเดิม “คุณเป็นคนพันผ้าพันแผลให้ผมใช่ไหมครับ?!! ขอบคุณ แล้วก็ขอโทษจริงๆนะครับ… ” เสียงนั้นค่อยๆเบาลง

“ก็มันช่วยไม่ได้นี่คะ ก็คุณเล่นตกลงมาที่ระเบียงบ้านฉันนี่ งั้นคืนนี้ คุณนอนพักที่นี่ก่อนแล้วกัน แผลของคุณค่อนข้างสาหัส ตอนนี้ คุณอย่าเพิ่งขยับตัวดีกว่านะคะ” มู่หรงเสวี่ยตอบ โดยไม่ไถ่ถามว่าทำไมเขาถึงได้รับบาดเจ็บจนมีสภาพแบบนี้

บางเรื่องถามไปแล้ว รังจะมีแต่ “ปัญหา” สู้เธอไม่ถามแล้วอยู่เงียบๆจะดีกว่า เธอก็ไม่ได้มีจิตใจอย่างคนเป็นหมอสักหน่อย
ตอนนี้ มู่หรงเสวี่ยไม่ได้อยากรู้เหตุผลของอีกฝ่าย เพราะเรื่องบางเรื่องสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการไม่ถามถึงมัน

ชูอี้เสิ่นมองดูเด็กผู้หญิงที่อายุแค่ 15 ปี ถึงอีกฝ่ายยังเด็กอยู่ แต่เธอก็จัดการกับผู้ชายที่บุกเข้ามาในบ้านของตัวเองด้วยความสงบ แถมยังช่วยรักษาบาดแผลให้เขาอีกต่างหาก ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงทั่วไปคงกรีดร้องแล้วเรียกตำรวจไปแล้ว
ในครั้งนี้ เขาติดหนี้บุญคุณเธอแล้วจริงๆ
“ผมทำให้คุณลำบากมามากพอแล้ว” ชูอี้เสิ่นรู้สึกโล่งใจเล็กเล็กน้อยที่ได้อาศัยห้องของคนแปลกหน้า เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน บางที อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นคนช่วยชีวิตเขา หรือไม่สายตาที่บริสุทธิ์จากเด็กคนนั้น

“ถ้างั้น คุณอยากให้ฉัน … ช่วย … ช่วย … ” คุณอยากให้ฉันช่วยคุณไหมคะ?

ในตอนนี้ ด้วยสายตาที่เคร่งขรึมของอีกฝ่าย มู่หรงเสวี่ยก็ไม่สามารถพูดประโยคนี้ออกมาได้

ชูอี้เสิ่นยังรู้สึกว่าร่างกายท่อนล่างของเขาเหนอะหนะและอึดอัด แต่เขากลับรู้สึกอายเกินกว่าจะขอให้ผู้หญิงช่วย

“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” ด้วยเหตุนี้ ชูอี้เสิ่นจึงพยายามลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง

แต่สุดท้าย เขาก็ต้องล้มลงในทันทีเพราะไม่สามารถทรงตัวได้ จากนั้นก็พยายามลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับทำเสียงฟึดฟัด
“อ๊ะ ตอนนี้คุณยังขยับไม่ได้นะคะ” มู่หรงเสวี่ยช่วยประคองคนที่กำลังจะล้มอีกครั้ง

เห็นชูอี้เสิ่นที่แสดงอาการเจ็บออกมาและหน้าซีด เหงื่อเย็นไหลซึมออกมามากขึ้น บาดแผลที่พันผ้าก๊อซสีขาวพันอยู่เริ่มมีเลือดซึมออกมา

ดูเหมือนว่าปากแผลของเขาเปิดอีกแล้ว

“อย่าขยับนะคะ แผลของคุณเปิดอีกแล้ว อยู่เฉยๆเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะดูแผลให้” มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้วพร้อมกับพูดบ่นคนตรงหน้า

ชูอี้เซินมองหญิงสาวที่คลายผ้าก๊อซให้เขาอย่างระมัดระวัง เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจมาก นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีคนปฏิบัติกับเขาด้วยความอ่อนโยน ดวงตาของเขาอดไม่ได้ที่จะขึ้นสีแดงก่ำ

มู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนน้ำสะอาดในถัง แน่นอนว่า ครั้งนี้ เธอก็ยังแอบเติมน้ำแห่งจิตวิญญาณลงไปในนั้นเหมือนเดิม
หลังจากนั้น มู่หรงเสวี่ยก็ใช้น้ำในถังเพื่อทำความสะอาดบริเวณรอบบาดแผลให้กับชายคนนั้น
แผลของอีกฝ่ายถูกเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำแห่งจิตวิญญาณ และทายารักษาบาดแผล ปิดท้ายด้วยการพันผ้าพันแผลอย่างระมัดระวัง

ชูอี้เสิ่นอึ้งไปเล็กน้อย ในตอนที่ล้างแผลเสร็จแล้ว มู่หรงเสวี่ยจำเป็นต้องพันผ้าก๊อซพันรอบอกของเขา เมื่อกี้เขาอยู่ในอาการโคม่าจึงไม่รู้สึกอะไร

แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของหยกคู่ที่อยู่ตรงหน้าอกของเขา และกลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำที่ยังหลงเหลืออยู่บนร่างกายของเด็กสาวจากการอาบน้ำ

ชูอี้เสิ่นไม่สามารถหักห้ามตัวเองไม่ให้ใช้จมูกสูดดมกลิ่นหอมเข้าไปได้เลย

จู่ๆใบหน้าของเขาก็ขึ้นสีและร้อนผ่าว โชคดีที่สีผิวของเขาสีเข้มเล็กน้อย อีกฝ่ายจึงสังเกตสีแดงได้ไม่ชัด ไม่อย่างนั้น เขาคงเอาหน้ามุดดินหนีไปแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 20 ช่วยชีวิต

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 20 ช่วยชีวิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 20 ช่วยชีวิต

หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ในมิติเป็นเวลานาน มู่หรงเสวี่ยก็กลับมาที่โรงเรียนอีกครั้ง ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในภวังค์ เธอมักจะปรับตัวในตอนที่อยู่โรงเรียนไม่ค่อยได้ และเธอจำเป็นต้องศึกษาวิชาแพทย์

ตอนแรก มู่หรงเสวี่ยศึกษาวิชาแพทย์เพราะต้องการปกป้องตัวเอง แต่ตอนนี้กลับเธอตกหลุมรักมันเข้าแล้วจริงๆ
นอกจากนี้ มันยังทำให้เธอเข้มแข็งขึ้นและสามารถปกป้องครอบครัวได้

มู่หรงเสวี่ยไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ด้วยความเกลียดชัง เธอต้องการทำในสิ่งที่มีความหมาย และการศึกษาวิชาแพทย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏชื่อ ‘กู่หมิง’ มู่หรงเสวี่ยกดปุ่มรับสายในทันที จากนั้น เสียงของกู่หมิงก็ดังขึ้น

“คุณหนูครับ ขั้นตอนเบื้องต้นของบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปเสร็จแล้วครับ ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่อยู่ในอาคารเดี่ยวในย่าน B ใจกลางเมือง ส่วนร้านค้าของเป่าหยู ผมซื้อสองร้านที่อยู่ติดกันในถนนโบราณระหว่างนั้น ผมไปดูร้านมาแล้วครับ ตอนนี้ร้านกำลังปิดปรับปรุงอยู่ ผมคิดว่าน่าจะใช้เวลาในการเปิดร้านได้อีกประมาณสองอาทิตย์ ผมได้คัดเลือกพนักงานมาพอสมควรครับ แต่ผมต้องถามคุณหนูก่อนว่า คุณหนูจะนำหยกมรกตมาวางขายหน้าร้านเมื่อไหร่ครับ? หรือคุณหนูจะให้ผมเป็นคนจัดการเรื่องนี้ดีครับ?”

มู่หรงเสวี่ยใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอยังเหลือหยกอยู่แค่ชิ้นเดียวเท่านั้น เห็นที เธอควรจะไปสวนหินพนันอีกรอบซะแล้วสิ

“คุณกู่หมิงคะ ถ้าพรุ่งนี้คุณว่าง เราไปที่สวนหินพนันกันดีไหมคะ ฉันจะไปซื้อหินหยกสักหน่อย”

กู่หมิงประหลาดใจเล็กน้อย นี่ คุณหนูกำลังจะบอกว่าหยกทั้งหมดที่อยู่ในร้าน มาจากการพนันใช่ไหมครับ?

แต่ในเมื่อ มันเป็นความต้องการของอีกฝ่าย เขาก็จะไม่ตั้งคำถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของสุภาพสตรี

“ครับ พรุ่งนี้ผมว่าง” เขาไม่เข้าใจว่าทำไม เขาถึงได้ไว้วางใจในผู้หญิงคนนี้

กู่หมิงไม่เข้าใจความรู้สึกคลุมเครือที่เกิดขึ้นเลยสักนิด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะบอกอะไรเขาหรือสั่งให้เขาทำอะไร เขาก็จะเชื่อและทำตามในทันที เขาจะใช้ความพยายามทั้งหมดและไม่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องผิดหวังในตัวเขาเด็ดขาด!

หลังจากได้คำตอบจากกู่หมิง มู่หรงเสวี่ยวางสายและเดินไปที่ห้องเรียนแบบคนอารมณ์ดี โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่า ตอนนี้มีดวงตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธอจากต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังเธอ

เมื่อมาถึงห้องเรียน มู่หรงเสวี่ยก็ได้ฟังเสียงบ่นของโม่อ้ายลี่ว่า ทำไมเธอต้องสอบย่อยอาทิตย์หน้าด้วย อะไรทำนองนั้นไม่หยุดเลย…

หา? อะไรนะ!? สอบย่อยเหรอ! ลืมไปเลย!! กรี๊ดดดดดด!!!!!

มู่หรงเสวี่ยที่หมกมุ่นอยู่กับการศึกษาวิชาแพทย์ ลืมเรื่องสอบย่อยที่กำลังจะมาถึงซะสนิท

ทันใดนั้น เหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมาที่ร่างของเธอ จากนั้นก็เปลี่ยนให้เธอกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปในทันที

โม่อ้ายลี่ที่นึกสนุกลองเอานิ้วจิ้มๆที่ตัวมู่หรงเสวี่ย จู่ๆเสียงดังเปรี๊ยะในความคิดก็ดังขึ้น อ๊ะ! ก้อนน้ำแข็งแตกแล้ว!

“เอาน่า ก็แค่สอบย่อย ฉันยังไม่เคยสอบผ่านเลย ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย!” โม่อ้ายลี่ตอบแบบไม่สนใจอะไร

เดี๋ยวนะ โม่อ้ายลี่ นี่ เธอภูมิใจกับคำว่าสอบตกขนาดนั้นเหรอ?! เธอไปเอาความมั่นใจมาจากที่ไหนเนี่ย!!! การมองโลกแบบนี้ดูจะไร้ความรับผิดชอบไปหน่อยแล้ว!!!

ตอนนี้ ในหัวของมู่หรงเสวี่ยมีแต่เส้นสีดำขดอยู่เต็มไปหมด โอ๊ยยย! ปวดหัวจัง!!

ฉันจะต้องสอบให้ได้คะแนนเยอะๆให้ได้เลย คอยดู!

ในชีวิตที่แล้ว เสี่ยวเข่อลี่มักจะลากเธอไปเที่ยวตอนที่เธออยากทบทวนหนังสือตลอด แถมคืนก่อนสอบ ยังเอานมอุ่นๆมาให้เธอดื่มอีก ทำให้เธอหลับเป็นตาย จนพลาดการสอบสองครั้งของวันถัดไป

เมื่อผลการสอบออกมา เธอจึงได้อันดับท้ายๆของชั้นไปโดยปริยาย ใครจะไปรู้ว่าหลังจากนั้น คะแนนของเธอถูกป่าวประกาศไปทั่วโรงเรียน แถมยังมีคนตั้งฉายาให้เธอว่า คุณหนูกลวงโบ๋ อีก!

ส่วนเสี่ยวเข่อลี่ เธอสอบได้ที่หนึ่งของชั้น เพราะพวกเธอตัวติดกันตลอดเวลา หลายคนจึงเปรียบเทียบเธอกับอีกฝ่าย และบอกว่า เสี่ยวเข่อลี่เหมือนบุตรสาวคนโตของตระกูลมู่หรงมากกว่ามู่หรงเสวี่ยเสียอีก! น่าเจ็บใจจริงๆ!

ฉันอยากรู้จริงๆว่าเรื่องทั้งหมด เธอเป็นคนวางแผนใช่ไหม เสี่ยวเข่อลี่ เธอช่างเป็นคนที่มีชั้นเชิงจริงๆ ฉันขอชื่นชมเธอจากใจเลย

แต่ในเมื่อมู่หรงเสวี่ยได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แล้วอย่างนี้ จะให้เธอยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นซ้ำสองได้ยังไงล่ะ?

โชคดีที่ตอนนี้ เธอยังไม่ลืมเรื่องนี้ แล้วก็โชคดีมากที่เธอมีมิติลับอยู่ ที่นั่นมีเวลามากพอให้เธอได้ทบทวนบทเรียนที่กำลังจะสอบในเร็ววัน

มู่หรงเสวี่ยพอจะจำการสอบครั้งก่อนได้รางๆ สำหรับนักกินอย่างโม่อ้ายลี่ที่ไม่สนว่าคะแนนจะออกมาดีหรือไม่ดีก็ตามแต่
แต่เมื่อถึงเวลาอันสมควร เธอจะแบ่งบันทึกของตัวเองและน้ำแห่งจิตวิญญาณให้เธอดื่ม เพราะมันสามารถพัฒนาความทรงจำของเธอได้

“เธออย่าพูดจาเหลวไหลสิ รีบๆอ่านหนังสือได้แล้ว ถ้าวันนั้นมีคนสอบตก ฉันจะไม่พาไปกินอาหารอร่อยๆนะ”

นักกินบางคนเริ่มร้องโหยหวนเมื่อได้ยินว่าตัวเองจะอดกินของอร่อย! ชีวิตฉันขาดอาหารไม่ได้นะ! แง้!

มู่หรงเสวี่ยที่ขี้เกียจจะใส่ใจอีกฝ่าย ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไป

ในตอนเย็น หลังที่โรงเรียนเลิก มู่หรงเสวี่ยที่กลับ อะพาร์ตเมนต์ก็อาบน้ำอาบท่าในทันที

หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้วเธอเดินไปที่ระเบียงเพื่อดูแสงไฟหลากสีที่ส่องสว่างในตอนกลางคืน สายลมที่กระทบเส้นผมยาวๆ ทำให้เธอรู้สึกสงบมาก

ทันใดนั้น บนท้องฟ้า ก็มีร่างหนึ่งบินมาทางเธอด้วยความเร็ว ตอนแรกมองห่างๆ เธอคิดว่ามันคือนกตัวหนึ่ง แต่เมื่อมันเริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆ กลับเห็นว่านั่นคือมนุษย์!

มู่หรงเสวี่ย เธอตาฝาดรึเปล่า? โลกนี้มีเรื่องลี้ลับอยู่จริงๆเหรอ เธอถึงได้เห็นใครก็ไม่รู้บินมาหาเธอแบบนี้เนี่ย
ในไม่ช้า คนคนนั้นก็พุ่งมาทางเธอจริงๆ มู่หรงเสวี่ยตกใจ ที่คนคนนั้นได้ทิ้งน้ำหนักและร่วงลงสู่พื้น กลิ่นคาวเลือดโชยมาทางเธอ

นอกจากนี้ยังมีเครื่องกลอยู่ด้านหลังเขาที่คล้ายกับปีกนก ประมาณว่ามันน่าเป็นเทคโนโลยีชั้นสูง ไม่แปลกที่มันจะบินบนท้องฟ้าได้

ว่าแต่ ทำไมหมอนี่ถึงได้เจ็บตัวได้ละเนี่ย?

กลิ่นคาวเลือดที่ส่งกลิ่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดูท่าเขาจะเจ็บเอาการ แต่ปัญหาของเรื่องคือคนคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาน่ะสิ

ความคิดของมู่หรงเสวี่ยกำลังตีกัน ประเด็นคือเธอจะช่วยหรือไม่ช่วยเขาดีล่ะ ถ้าเธอเป็นคนดียื่นมือไปช่วย แล้วคนที่เธอช่วย เขาเป็นคนไม่ดี เธอจะทำยังไงล่ะ?

อ๋า สับสนไปหมดแล้ว ความคิดในหัวตีกันไม่หยุดเลยเนี่ย!
ช่วยก็ได้! ผู้ศึกษาวิชาแพทย์อย่างเธอจะทนเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตาได้ยังไงเล่า!?

มู่หรงเสวี่ยจัดการลากชายคนนั้นออกมาจากระเบียง แล้วตรงไปยังโซฟาในห้องนั่งเล่น

เฮ้อ! ให้มันได้อย่างนี้สิ…
ในตอนที่เธอปล่อยมือจากเขา ทำให้ร่างของอีกฝ่ายกระแทกกับพื้น
ตุ้บ!
มู่หรงเสวี่ยค่อยๆเปิดผ้าคลุมที่ปิดใบหน้าของผู้ชายคนนั้นด้วยมือเปล่า เขาดูเหมือนนักเลงที่หน้าตาดี ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะอายุประมาณ 25 เห็นจะได้

ถึงใบหน้าของอีกฝ่ายจะซีดไปหน่อย แต่เขาก็ไม่สามารถเก็บซ่อนใบหน้าที่ซื่อตรงได้เลย

แอ่งเลือดขนาดใหญ่อยู่บริเวณอก ดูเหมือนว่าบาดแผลจะอยู่ด้านหน้า มู่หรงเสวี่ยปลดเสื้อคลุมของชายคนนั้นอย่างระมัดระวัง

บาดแผลที่น่ากลัวและไม่น่ามองได้ปรากฏตรงหน้าเธอ รอยแผลมีความยาวประมาณ 15 ซม. ชั้นผิวหนังด้านนอกได้เปิดออก
น่าแปลกที่บาดแผลตรงนั้นเป็นสีดำเกรียม และสังเกตไม่ได้ว่ามันเกิดจากอะไร

มู่หรงเสวี่ยหยิบขวดยารักษาบาดแผลออกมาจากมิติ อันดับแรกเธอต้องเตรียมน้ำสะอาดหนึ่งถังก่อน

มู่หรงเสวี่ยเทน้ำแห่งจิตวิญญาณลงในถังน้ำ และช่วยทำความสะอาดบาดแผลของชายคนนั้นอย่างเบามือและระมัดระวังที่สุด

หลังจากนั้น
มู่หรงเสวี่ยก็นำยารักษาบาดแผลมาพรมตรงแผล และใช้ผ้าก๊อซพันรอบแผลของชายคนนั้น

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย มู่หรงเสวี่ยที่เหงื่อออกตามร่างกายได้เข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายอีกครั้ง

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว มู่หรงเสวี่ยเดินไปที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง

เธอสังเกตเห็นว่าริมฝีปากบางของชายคนนั้นเปิดออกเล็กน้อย และท่าทางเหมือนคนกำลังพูดโดยที่ไม่มีเสียง

นอกจากนี้ เขายังมีเหงื่อท่วมหน้าผาก และหน้าแดงเล็กน้อย นี่เป็นอาการของคนที่มีไข้สูง มู่หรงเสวี่ยลองใช้ฝ่ามือวัดอุณหภูมิที่หน้าผาก

ตัวร้อนจี๋เลย!!!
โอ๊ย! ไม่ได้การแล้ว เธอจัดการพันแผลของเขา ต้องเร่งมือหน่อยแล้ว คนคนนี้ตัวร้อนชะมัด! ให้ตายสิ!
มู่หรงเสวี่ยรีบวิ่งไปหยิบถังน้ำ ที่มีน้ำแห่งจิตวิญญาณ เธอใช้ผ้าขนหนูจุ่มน้ำ บิดให้หมาดแล้ววางไว้บนหน้าผากของเขา

เวลาผ่านไปสักพัก แต่มู่หรงเสวี่ยเห็นว่าอุณหภูมิยังไม่ลดลงเลยสักนิด เธอทำใจกัดฟัน เทน้ำแห่งจิตวิญญาณลงในถ้วยสะอาดและใช้ช้อนป้อนเขา

บางที อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายหิวน้ำ เขาถึงได้รีบกลืนน้ำที่มู่หรงเสวี่ยเป็นคนป้อนลงคออย่างรวดเร็ว แต่มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ช่วยรักษาชีวิตเขา เธอแค่ป้อนน้ำแห่งจิตวิญญาณให้เขาเท่านั้น

เนื่องจากว่ายาทั่วไปก็ไม่ดีไปกว่าน้ำแห่งจิตวิญญาณของเธอเลย แต่ปัญหาอยู่ที่น้ำแห่งจิตวิญญาณช่วยพัฒนาการทำงานของร่างกายมนุษย์ได้ ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้ เธอคงซวยแหงๆ

เมื่อป้อนน้ำแห่งจิตวิญญาณให้เขาดื่ม ในที่สุดพิษไข้ก็เริ่มจางหายไป เมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้นเริ่มสงบลง ชายคนนั้นค่อยๆถ่มของเหลวสีดำอ่อนๆออกมา เพราะน้ำแห่งจิตวิญญาณสามารถล้างพิษได้

แล้วยังไงล่ะ? ถ้าเขาตื่นมาเห็น แล้วฉันจะอธิบายให้เขาฟังว่ายังไงดีละเนี่ย?
มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ถังน้ำและผ้าขนหนูที่วางอยู่ข้างกายเขา จากนั้นก็เริ่มช่วยเขาทำความสะอาดร่างกายอีกครั้ง
เนื่องจากว่าเธอเพิ่งเคยช่วยคนอื่นแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต แถมคนคนนั้นยังเป็นคนแปลกหน้าด้วย!!!
มู่หรงเสวี่ยหัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น
มู่หรงเสวี่ย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ให้คนแปลกหน้าด้วย กรี๊ดดดดดด!
แต่ขอบอกเลยว่า ผู้ชายคนนี้หุ่นดีมาก ไม่มีชั้นไขมันอยู่บริเวณเอวแกร่งเลย กล้ามเนื้อหน้าอกที่สมบูรณ์แบบและกล้ามหน้าท้องซิกแพคบนผิวสีเนื้อดูเซ็กซี่ ที่ใครเห็นแล้วก็อยากจะลิ้มลองกันทั้งนั้น แถมบาดแผลบนหน้าอกที่ถูกผ้าพันไว้ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับผู้ชายคนนี้ ขนาดมู่หรงเสวี่ยเองก็ยังหน้าแดงเลย…

หลังจากเช็ดร่างกายท่อนบนของอีกฝ่าย มู่หรงเสวี่ยก็มองไปที่กางเกงของผู้ชายตรงหน้า นี่มันน่าอายชะมัด! แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ตัดสินใจปลดกางเกงผู้ชายคนนั้น
ในตอนที่ชูอี้เสิ่นได้สติและลืมตาขึ้นมา เขาเห็นว่าบริเวณเอวของตัวเอง มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังดึงเข็มขัดของเขาอยู่!
ผู้หญิงหน้าไม่อายกล้าดียังไงมาสัมผัสตัวเขาในตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บอยู่ ดวงตารูปเหยี่ยวคู่สวยเต็มไปด้วยความเยือกเย็นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ชูอี้เสิ่นถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ผู้หญิงหน้าไม่อาย นี่เธอกำลังทำอะไร?”

“ก็เห็นอยู่ว่า ฉันกำลังช่วย… ” มู่หรงเสวี่ยที่เพิ่งรู้สึกตัว เห็นชายที่เมื่อกี้ยังนอนได้สติตื่นแล้ว
“คุณตื่นแล้วเหรอคะ?” มู่หรงเสวี่ยเห็นผู้ชายตรงหน้าได้สติแล้วจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข

มู่หรงเสวี่ยเห็นชายคนนั้นมองตาตัวเองด้วยสายตาดูถูก จากนั้นก็มองไปที่การเคลื่อนไหวของตัวเอง จึงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าใจเธอผิดไป จากใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก จู่ๆก็ขึ้นสีแดงแปร๊ด

“ค..คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะเมื่อกี้ คุณมีไข้สูง ฉันแค่ทำความสะอาดร่างกายของคุณเท่านั้น ฉันไม่ได้จะจู่โจมคุณ…”

ชูอี้เสิ่นที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ได้แต่จ้องมองหญิงสาวตรงหน้า
เด็กคนนี้มีดวงตารูปเหยี่ยวสีดำขลับคู่หนึ่งที่สุกสกาวเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า สีหน้าของเธอแต่งแต้มไปด้วยสีแดง มือที่ถือผ้าขนหนูสะเปะสะปะด้วยความประหม่า ทำให้เขารู้สึกว่ามันทั้งน่ารักทั้งงดงามจริงๆ

ชูอี้เสิ่นสลัดความคิดนั้นทิ้งไป และละสายตาไปจากใบหน้าของอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็พบว่าข้างกายเขามีถังน้ำอยู่หนึ่งถัง แถมยังมีผ้าขนหนูเปื้อนเลือดอยู่อีก

ในตอนนี้ จากบาดแผลที่ทำให้เขารู้สึกหนาว ถูกผ้าพันไว้ ทำให้ร่างกายเขารู้สึกอุ่นขึ้นเล็กน้อย และรู้สึกสบายตัวมากขึ้น
ตอนนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าเขาเข้าใจอีกฝ่ายผิดไป เธอเป็นคนช่วยเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จริงๆ

เขารู้ดีว่า ถึงอีกฝ่ายเป็นหมอที่มีชื่อเสียง ก็ไม่มีทางรักษาเขาให้ฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้
ว่าแต่ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?!!
ชูอี้เสิ่นพยายามรวบรวมความคิด เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากกว่าเดิม “คุณเป็นคนพันผ้าพันแผลให้ผมใช่ไหมครับ?!! ขอบคุณ แล้วก็ขอโทษจริงๆนะครับ… ” เสียงนั้นค่อยๆเบาลง

“ก็มันช่วยไม่ได้นี่คะ ก็คุณเล่นตกลงมาที่ระเบียงบ้านฉันนี่ งั้นคืนนี้ คุณนอนพักที่นี่ก่อนแล้วกัน แผลของคุณค่อนข้างสาหัส ตอนนี้ คุณอย่าเพิ่งขยับตัวดีกว่านะคะ” มู่หรงเสวี่ยตอบ โดยไม่ไถ่ถามว่าทำไมเขาถึงได้รับบาดเจ็บจนมีสภาพแบบนี้

บางเรื่องถามไปแล้ว รังจะมีแต่ “ปัญหา” สู้เธอไม่ถามแล้วอยู่เงียบๆจะดีกว่า เธอก็ไม่ได้มีจิตใจอย่างคนเป็นหมอสักหน่อย
ตอนนี้ มู่หรงเสวี่ยไม่ได้อยากรู้เหตุผลของอีกฝ่าย เพราะเรื่องบางเรื่องสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการไม่ถามถึงมัน

ชูอี้เสิ่นมองดูเด็กผู้หญิงที่อายุแค่ 15 ปี ถึงอีกฝ่ายยังเด็กอยู่ แต่เธอก็จัดการกับผู้ชายที่บุกเข้ามาในบ้านของตัวเองด้วยความสงบ แถมยังช่วยรักษาบาดแผลให้เขาอีกต่างหาก ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงทั่วไปคงกรีดร้องแล้วเรียกตำรวจไปแล้ว
ในครั้งนี้ เขาติดหนี้บุญคุณเธอแล้วจริงๆ
“ผมทำให้คุณลำบากมามากพอแล้ว” ชูอี้เสิ่นรู้สึกโล่งใจเล็กเล็กน้อยที่ได้อาศัยห้องของคนแปลกหน้า เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน บางที อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นคนช่วยชีวิตเขา หรือไม่สายตาที่บริสุทธิ์จากเด็กคนนั้น

“ถ้างั้น คุณอยากให้ฉัน … ช่วย … ช่วย … ” คุณอยากให้ฉันช่วยคุณไหมคะ?

ในตอนนี้ ด้วยสายตาที่เคร่งขรึมของอีกฝ่าย มู่หรงเสวี่ยก็ไม่สามารถพูดประโยคนี้ออกมาได้

ชูอี้เสิ่นยังรู้สึกว่าร่างกายท่อนล่างของเขาเหนอะหนะและอึดอัด แต่เขากลับรู้สึกอายเกินกว่าจะขอให้ผู้หญิงช่วย

“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” ด้วยเหตุนี้ ชูอี้เสิ่นจึงพยายามลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง

แต่สุดท้าย เขาก็ต้องล้มลงในทันทีเพราะไม่สามารถทรงตัวได้ จากนั้นก็พยายามลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับทำเสียงฟึดฟัด
“อ๊ะ ตอนนี้คุณยังขยับไม่ได้นะคะ” มู่หรงเสวี่ยช่วยประคองคนที่กำลังจะล้มอีกครั้ง

เห็นชูอี้เสิ่นที่แสดงอาการเจ็บออกมาและหน้าซีด เหงื่อเย็นไหลซึมออกมามากขึ้น บาดแผลที่พันผ้าก๊อซสีขาวพันอยู่เริ่มมีเลือดซึมออกมา

ดูเหมือนว่าปากแผลของเขาเปิดอีกแล้ว

“อย่าขยับนะคะ แผลของคุณเปิดอีกแล้ว อยู่เฉยๆเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะดูแผลให้” มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้วพร้อมกับพูดบ่นคนตรงหน้า

ชูอี้เซินมองหญิงสาวที่คลายผ้าก๊อซให้เขาอย่างระมัดระวัง เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจมาก นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีคนปฏิบัติกับเขาด้วยความอ่อนโยน ดวงตาของเขาอดไม่ได้ที่จะขึ้นสีแดงก่ำ

มู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนน้ำสะอาดในถัง แน่นอนว่า ครั้งนี้ เธอก็ยังแอบเติมน้ำแห่งจิตวิญญาณลงไปในนั้นเหมือนเดิม
หลังจากนั้น มู่หรงเสวี่ยก็ใช้น้ำในถังเพื่อทำความสะอาดบริเวณรอบบาดแผลให้กับชายคนนั้น
แผลของอีกฝ่ายถูกเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำแห่งจิตวิญญาณ และทายารักษาบาดแผล ปิดท้ายด้วยการพันผ้าพันแผลอย่างระมัดระวัง

ชูอี้เสิ่นอึ้งไปเล็กน้อย ในตอนที่ล้างแผลเสร็จแล้ว มู่หรงเสวี่ยจำเป็นต้องพันผ้าก๊อซพันรอบอกของเขา เมื่อกี้เขาอยู่ในอาการโคม่าจึงไม่รู้สึกอะไร

แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของหยกคู่ที่อยู่ตรงหน้าอกของเขา และกลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำที่ยังหลงเหลืออยู่บนร่างกายของเด็กสาวจากการอาบน้ำ

ชูอี้เสิ่นไม่สามารถหักห้ามตัวเองไม่ให้ใช้จมูกสูดดมกลิ่นหอมเข้าไปได้เลย

จู่ๆใบหน้าของเขาก็ขึ้นสีและร้อนผ่าว โชคดีที่สีผิวของเขาสีเข้มเล็กน้อย อีกฝ่ายจึงสังเกตสีแดงได้ไม่ชัด ไม่อย่างนั้น เขาคงเอาหน้ามุดดินหนีไปแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+