ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 225 ชายหนุ่มผู้ฝึกตน

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 225 ชายหนุ่มผู้ฝึกตน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 225

ชายหนุ่มผู้ฝึกตน

ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ แต่ฐานการเกษตรอยู่ในชนบทห่างไกล เธอจะพาเขาไปดูตอนนี้ได้ยังไงล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยกระซิบ

“เธอตายแน่ถ้าไม่ไป!” น้ำเสียงเย็นชากว่าเดิม

มู่หรงนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เธอพยายามปลูกผักในวิลล่า งั้นให้เขาดูที่นั่นแล้วกัน “ตกลง ไปกันเถอะ!” จากนั้นเธอก็ให้ที่อยู่ของวิลล่า

ชายหนุ่มที่กำลังจะเริ่มลงมือ ตกตะลึงกับคำตอบของมู่หรงเสวี่ย จากนั้นก็ขับรถออกไปอีกครั้ง

หลังจากมาถึงบ้านพักของมู่หรงเสวี่ย เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นทหารยามสิบคนที่พี่ชูส่งมาซึ่งยังเฝ้าที่ประตูอยู่ เธอคิดว่าพวกเขาจะกลับไปอยู่กับพี่ชูแล้วหลังจากหลายวันที่เธอไม่อยู่

เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของมู่หรงเสวี่ย ปกติแล้วพวกเขาก็จะเหมือนกับล่องหน พวกเขามีหน้าที่ดูแลวิลล่า ความปลอดภัยของ มู่หรงเสวี่ยในวิลล่าและรายงานทุกเรื่องของมู่หรงเสวี่ยให้ชูอี้เสิ้นทราบในทันที โดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่กล่าวทักทายมู่หรงเสวี่ย เหตุผลหลักก็เพราะชูอี้เสิ้นรู้ว่าเธอไม่ชอบดังนั้นเขาจึงสั่งมาเป็นพิเศษ

มู่หรงเสวี่ยเปิดประตูแล้วจึงกดเปิดไฟทั้งหมด ถึงแม้มันจะดูเหมือนเธอสบายๆแต่เธอก็กำลังพยายามเตรียมตัว ถ้าเขากล้าที่จะทำอะไร เธอก็จะแวบเข้าไปในมิติลับทันทีและการ์ดที่อยู่ข้างนอกก็ช่วยให้เธออุ่นใจขึ้นมาได้หน่อย

“แสงออร่าล่ะ?! มันอยู่ที่ไหน?” น้ำเสียงเย็นชาของชายหนุ่มดังขึ้นมา

มู่หรงเสวี่ยกลอกตาในจังหวะที่เขาไม่ทันได้มอง เธอเพิ่งจะข้ามเข้าประตูมาเอง เธอไม่ใช้พระเจ้านะที่จะทำทุกอย่างได้ในครั้งเดียว เธอยังรักษาท่าทางและพูดออกไปว่า “มันอยู่ที่ระเบียง…” เธอเองก็รีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น พระเจ้ารู้ดีว่าถ้าชายคนนี้ไม่พอใจเขาจะต้องบีบคอเธออีกแน่ๆ ตอนนี้คอเธอก็ยังเจ็บอยู่เลยด้วย

เมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน้าต่างฝรั่งเศส มู่หรงเสวี่ยก็เอื้อมมือออกไปและดึง พวกเขาจะเห็นว่าผักที่มีคุณค่าพวกนั้นกำลังส่องแสง ถึงแม้แสงออร่าจะไม่มาก แต่ก็ยังพอมีอยู่นิดหน่อย เพราะมู่หรงเสวี่ยรดพวกมันด้วยน้ำที่เจือจางน้ำแห่งจิตวิญญาณ พวกเขาเกือบจะรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้กับผักและแม้กระทั่งรูขุมขนของพวกเขาก็ขยายออกมาก

ชายคนนั้นไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจของเขาได้ หลังจากนั่งยองๆแล้วเขาก็ยื่นมือออกไปลูบใบผักเบา ๆ ร่างกายของเขาตกตะลึงไปทั้งตัว มันเป็นแสงออร่าจริงๆ

“เธอปลูกผักพวกนี้ได้ยังไง?” ชายหนุ่มถาม

“เปล่า…” มู่หรงเสวี่ยตอบอย่างลืมตัว

ชายคนนั้นยืนขึ้นและมองไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างเย็นชาราวกับจะมองทะลุผ่านคำโกหกของมู่หรงเสวี่ย “ผักพวกนี้มาจากไหน?”

“ฉันซื้อมาจากตลาดข้างนอก…” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเสียใจที่ไปยั่วยุปีศาจอีกแล้ว

ชายหนุ่มพูดประชดประชัน “ซื้อมาแต่ไม่กินกลับเอามาปลูกเนี่ยนะ?! เธอรู้ได้ยังไงว่าผักพวกนี้มีแสงออร่า?!! เธอเป็นคนที่ฝึกมาหรือไง?!” ชายหนุ่มถามออกมาทีละคำถาม

มุมปากของมู่หรงยกขึ้นเล็กน้อย “นี่คุณกำลังสอบถามสำมะโนครัวอยู่หรือไง?!!! ฉันสัญญาแค่ว่าจะบอกว่าผักอยู่ที่ไหนไม่ใช่เหรอ?! ฉันไม่ได้บอกว่าจะต้องตอบคำถามอื่นของคุณด้วย อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นประโยชน์หรือเปล่าด้วย ฉันถามคุณไปแล้วด้วยแล้วเมื่อไรคุณจะตอบฉันบ้างล่ะ?”

สายตาของชายหนุ่มเข้มขึ้นแล้วเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่เป็นไรถ้าเธอจะไม่ตอบ…”

จู่ๆรังสีอำมหิตก็แรงขึ้น มู่หรงเสวี่ยรู้สึกราวกับมีภูเขามากดร่างของเธอไว้ และเท้าของเธอก็แทบจะยืนไม่ตรง เธอกัดริมฝีปากและเธอจะยอมคุกเข่าลงไปได้ยังไง…เหงื่อค่อยๆผุดขึ้นมาอย่างช้าๆ หลังจากนั้นสักพักเธอก็รู้สึกราวกับเป็นปลาที่อยู่พ้นน้ำ เพราะฟันของเธอกัดไปที่ริมฝีปากอย่างแรง เลือดจึงไหลออกมาอย่างรวดเร็ว

ประกายพอใจแวบขึ้นมาในสายตาของชายหนุ่มแล้วเขาก็ดึงแรงกดดันกลับไป มู่หรงเสวี่ยรู้สึกร่างกายสูญเสียการควบคุมและขาของเธอก็อ่อนลงในทันที

“พูดมา” เมื่อเห็นท่าทางที่เจ็บปวดของมู่หรงเสวี่ยในตอนนี้แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีร่องรอยของความสงสารเลย มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะยืนพิงไปที่กำแพง ในตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจแห่งความตายเลย ตอนนี้เธอเข้าไปในมิติลับไม่ได้

ตอนนี้เธอรู้อย่างชัดเจนแล้วว่ามิติลับไม่ใช่ทุกอย่าง

“ฉันไม่รู้ว่าคุณหมายความว่าไงเรื่องผู้ฝึกตนงั้นเหรอ ฉันไม่ใช่ผู้ฝึกตน…เหตุผลที่ฉันรู้ว่ามันมีแสงออร่าก็เพราะฉันมองเห็น…” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้โกหก เธอมองเห็นจริงๆและเธอคิดว่าทุกคนก็เห็นเหมือนกับเธอ มีเพียงพระเจ้าที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องร้ายแค่ไหนที่ได้เห็นแสงออร่า

“เธอบอกว่าเธอมองเห็นงั้นเหรอ?!” แม้แต่ชายหนุ่มที่มีสีหน้าเย้นชาก็ยังแปลกใจอยู่เล็กน้อย

หลังจากที่ได้เห็นท่าทางของชายหนุ่ม มู่หรงเสวี่ยก็รู้เลยว่าเธอกำลังฆ่าตัวตายที่พูดเรื่องที่ไม่ควรออกไปแต่ในเมื่อเรื่องมันถูกเปิดเผยไปแล้วงั้นเธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับไป “ใช่!” หลังจากที่ตอบออกไป เธอก็มองชายหนุ่มอย่างระวัง

ชายหนุ่มก้มหัวและไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร แต่แสงในตาเขาก็แวบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาซึ่งทำให้มู่หรงเสวี่ยตัวสั่น เขาเงียบไปนาน ถ้าเขาลงมืออีกครั้งเธอก็คงจะไม่รอดแน่ๆ

“ผักพวกนี้…” ชายหนุ่มค่อยๆอ้าปากพูด

มู่หรงไม่รอให้เขาพูดจบแต่รีบชิงพูดไปทันที “ยกให้เลย คุณเอาไปให้หมดเลย…” เธอหวังให้ชายหนุ่มรีบเอาผักออกไปให้หมด

ชายหนุ่มมองไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างเย็นชา “ฉันบอกหรือไงว่าอยากได้ผักพวกนี้?” ถึงแม้ผักพวกนี้จะมีแสงออร่า แต่มันก็น้อยมากจนไม่มีผลอะไรกับเขา

ก็เห็นอยู่ชัดๆว่ามาเพราะผักพวกนี้ แล้วจู่ๆตอนนี้จะไม่เอา ในหัวใจมู่หรงเสวี่ยรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที

“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร?” ชายหนุ่มถามออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา

มู่หรงเสวี่ยรีบยืนตัวตรงทันที มองขึ้นไปที่ท้องฟ้าแต่ไม่มองไปที่เขาและแกล้งทำเป็นถามออกมา “ฉันพูดอะไร? ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย…”

มือของชายหนุ่มแวบแสงพุ่งตรงเข้ามาที่ร่างของ มู่หรงเสวี่ยแล้วจึงพูดว่า “ครั้งหน้าที่เธอเจอแสงออร่ามากกว่าในผักพวกนี้ บอกให้ฉันรู้ด้วย ฉันจะแวะมาหาเธอเป็นครั้งคราว…”

“คุณ…เมื่อกี้คุณทำอะไร?” ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยเบิกกว้าง ถึงแม้เธอจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร แต่ก็เห็นว่ามีบางอย่างพุ่งเข้ามาที่ร่างกายของเธอ มันน่ารังเกียจมาก

“มันก็แค่กันไม่ให้เธอหนี ไม่ต้องห่วงหรอก มันไม่เป็นอันตรายกับเธอ…” หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ เขาก็เดินอย่างมีความสุขไปที่ขอบหน้าต่างแล้วก็บินออกไป

เหลือไว้แต่พื้นที่ว่างเปล่า มู่หรงขยี้ตาตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่เธอเจอเข้ากับการเปลี่ยนแปลงอะไรเนี่ย? ผู้ฝึกตนงั้นเหรอ?!

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หรงเสวี่ยได้สัมผัสกับโลกที่แตกต่างจากของตัวเอง เธอนึกถึงยาที่ชายหนุ่มพูด มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปในห้องและล็อกประตู เพียงเสี่ยววินาทีเธอก้หายแวบไป

“คุณปู่ คุณย่า…” มู่หรงเสวี่ยยิ้มและเดินเข้าไปหาคนทั้งสองที่กำลังนั่งอยู่ในสนามมองดูดอกไม้และต้นไม้

“หลานรัก ในที่สุดก็เข้ามาแล้วนะ! ย่าคิดถึงแทบตาย…” คุณย่ารีบลุกขึ้นและเดินมาหามู่หรงเสวี่ยทันที

ถึงแม้ข้างนอกจะผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ในมิติลับก็ผ่านไปนานหลายปีแล้ว โชคดีที่มู่หรงเสวี่ยเตรียมอะไรหลายอย่างไว้ในมิติลับแล้ว ในนี้มีของจำเป็นในชีวิตประจำวันทุกอย่างแล้ว อีกอย่างของที่อยู่ในมิติลับก็จะคงสภาพอยู่เหมือนเดิมและไม่เสื่อมสภาพ

“คุณปู่ คุณย่า หนูขอโทษนะคะ ถ้าเบื่อหนูจะพาออกไปจากนี่ที่เลยค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมกับความรู้สึกผิด

คุณปู่รีบโบกมือทันที “ไม่ ปู่ไม่อยากออกไป ไม่รู้หรือไงว่าในนี้สบายแค่ไหน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปู่แก่แล้วหรือเปล่า แต่ที่นี่ปู่ได้ปลูกดอกไม้ทุกวันเลย”

“อีกอย่างซื้อนก, ปลา, เต่าแล้วก็อื่นๆมาด้วยสิ ย่าอยากจะเอามาเลี้ยงหน่อย…” คุณย่าเองก็พูดพร้อมรอยยิ้ม

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าและคิดว่าจะเอาพวกสัตว์เข้ามาที่นี่ด้วยจะได้มีชีวิตชีวาขึ้น ในนี้จะมีแค่ไก่อย่างเดียวไม่ได้ ยังไงซะไก่ก็มีไว้กิน

“โอเคค่ะ เดี่ยวออกไปแล้วหนูจะไปซื้อมาให้นะคะ”

มู่หรงเสวี่ยปล่อยมือคุณย่าและพูดออกมา “คุณย่า คุณปู่ค่ะ คุยกันไปก่อนนะคะ หนูจะเข้าไปหาหนังสือในห้องสมุดหน่อย…” เธอโบกมือให้คุณปู่คุณย่าและเดินเข้าไปข้างใน เธอแทบรอไม่ไหวที่จะได้อ่านหนังสือพวกนั้น ดูเหมือนว่าหนังสือพวกนั้นจะไม่ไร้ประโยชน์แล้ว เพราะแค่เพราะความรู้ของเธอยังไม่มากพอ เธอก็เลยไม่เข้าใจมัน

เธอเจอหนังสืออีกหลายเล่ม เลือกหยิบขึ้นมาหนึ่งเล่มแล้วเปิดอ่านอย่างตั้งใจ เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะชายหนุ่มที่เปิดรถรับเธอวันนี้หรือเปล่า ตอนนี้หลังจากที่ได้อ่านเธอก็เข้าใจหนังสือขึ้นมาได้บ้างแล้ว

เพียงแค่ว่าหากเธอต้องการที่จะปรับแต่งยา เธอก็ต้องไปให้ถึงระดับสีเหลืองก่อน

แต่เธอไม่รู้ว่าระดับสีเหลืองคืออะไร แต่เธอเดาว่ามันต้องเหมือนกับผู้ชายที่เธอเห็นในวันนี้ มีบางอย่างในร่างกายของเธอที่ได้รับการปลูกฝังและสิ่งเหล่านี้ได้รับการจำแนกตามระดับต่างๆ

ถึงแม้มันอาจจะไม่ถูกทั้งหมดแต่มู่หรงเสวี่ยก็เดาได้เกือบทั้งหมด

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 225 ชายหนุ่มผู้ฝึกตน

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 225 ชายหนุ่มผู้ฝึกตน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 225

ชายหนุ่มผู้ฝึกตน

ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ แต่ฐานการเกษตรอยู่ในชนบทห่างไกล เธอจะพาเขาไปดูตอนนี้ได้ยังไงล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยกระซิบ

“เธอตายแน่ถ้าไม่ไป!” น้ำเสียงเย็นชากว่าเดิม

มู่หรงนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เธอพยายามปลูกผักในวิลล่า งั้นให้เขาดูที่นั่นแล้วกัน “ตกลง ไปกันเถอะ!” จากนั้นเธอก็ให้ที่อยู่ของวิลล่า

ชายหนุ่มที่กำลังจะเริ่มลงมือ ตกตะลึงกับคำตอบของมู่หรงเสวี่ย จากนั้นก็ขับรถออกไปอีกครั้ง

หลังจากมาถึงบ้านพักของมู่หรงเสวี่ย เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นทหารยามสิบคนที่พี่ชูส่งมาซึ่งยังเฝ้าที่ประตูอยู่ เธอคิดว่าพวกเขาจะกลับไปอยู่กับพี่ชูแล้วหลังจากหลายวันที่เธอไม่อยู่

เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของมู่หรงเสวี่ย ปกติแล้วพวกเขาก็จะเหมือนกับล่องหน พวกเขามีหน้าที่ดูแลวิลล่า ความปลอดภัยของ มู่หรงเสวี่ยในวิลล่าและรายงานทุกเรื่องของมู่หรงเสวี่ยให้ชูอี้เสิ้นทราบในทันที โดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่กล่าวทักทายมู่หรงเสวี่ย เหตุผลหลักก็เพราะชูอี้เสิ้นรู้ว่าเธอไม่ชอบดังนั้นเขาจึงสั่งมาเป็นพิเศษ

มู่หรงเสวี่ยเปิดประตูแล้วจึงกดเปิดไฟทั้งหมด ถึงแม้มันจะดูเหมือนเธอสบายๆแต่เธอก็กำลังพยายามเตรียมตัว ถ้าเขากล้าที่จะทำอะไร เธอก็จะแวบเข้าไปในมิติลับทันทีและการ์ดที่อยู่ข้างนอกก็ช่วยให้เธออุ่นใจขึ้นมาได้หน่อย

“แสงออร่าล่ะ?! มันอยู่ที่ไหน?” น้ำเสียงเย็นชาของชายหนุ่มดังขึ้นมา

มู่หรงเสวี่ยกลอกตาในจังหวะที่เขาไม่ทันได้มอง เธอเพิ่งจะข้ามเข้าประตูมาเอง เธอไม่ใช้พระเจ้านะที่จะทำทุกอย่างได้ในครั้งเดียว เธอยังรักษาท่าทางและพูดออกไปว่า “มันอยู่ที่ระเบียง…” เธอเองก็รีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น พระเจ้ารู้ดีว่าถ้าชายคนนี้ไม่พอใจเขาจะต้องบีบคอเธออีกแน่ๆ ตอนนี้คอเธอก็ยังเจ็บอยู่เลยด้วย

เมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน้าต่างฝรั่งเศส มู่หรงเสวี่ยก็เอื้อมมือออกไปและดึง พวกเขาจะเห็นว่าผักที่มีคุณค่าพวกนั้นกำลังส่องแสง ถึงแม้แสงออร่าจะไม่มาก แต่ก็ยังพอมีอยู่นิดหน่อย เพราะมู่หรงเสวี่ยรดพวกมันด้วยน้ำที่เจือจางน้ำแห่งจิตวิญญาณ พวกเขาเกือบจะรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้กับผักและแม้กระทั่งรูขุมขนของพวกเขาก็ขยายออกมาก

ชายคนนั้นไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจของเขาได้ หลังจากนั่งยองๆแล้วเขาก็ยื่นมือออกไปลูบใบผักเบา ๆ ร่างกายของเขาตกตะลึงไปทั้งตัว มันเป็นแสงออร่าจริงๆ

“เธอปลูกผักพวกนี้ได้ยังไง?” ชายหนุ่มถาม

“เปล่า…” มู่หรงเสวี่ยตอบอย่างลืมตัว

ชายคนนั้นยืนขึ้นและมองไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างเย็นชาราวกับจะมองทะลุผ่านคำโกหกของมู่หรงเสวี่ย “ผักพวกนี้มาจากไหน?”

“ฉันซื้อมาจากตลาดข้างนอก…” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเสียใจที่ไปยั่วยุปีศาจอีกแล้ว

ชายหนุ่มพูดประชดประชัน “ซื้อมาแต่ไม่กินกลับเอามาปลูกเนี่ยนะ?! เธอรู้ได้ยังไงว่าผักพวกนี้มีแสงออร่า?!! เธอเป็นคนที่ฝึกมาหรือไง?!” ชายหนุ่มถามออกมาทีละคำถาม

มุมปากของมู่หรงยกขึ้นเล็กน้อย “นี่คุณกำลังสอบถามสำมะโนครัวอยู่หรือไง?!!! ฉันสัญญาแค่ว่าจะบอกว่าผักอยู่ที่ไหนไม่ใช่เหรอ?! ฉันไม่ได้บอกว่าจะต้องตอบคำถามอื่นของคุณด้วย อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นประโยชน์หรือเปล่าด้วย ฉันถามคุณไปแล้วด้วยแล้วเมื่อไรคุณจะตอบฉันบ้างล่ะ?”

สายตาของชายหนุ่มเข้มขึ้นแล้วเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่เป็นไรถ้าเธอจะไม่ตอบ…”

จู่ๆรังสีอำมหิตก็แรงขึ้น มู่หรงเสวี่ยรู้สึกราวกับมีภูเขามากดร่างของเธอไว้ และเท้าของเธอก็แทบจะยืนไม่ตรง เธอกัดริมฝีปากและเธอจะยอมคุกเข่าลงไปได้ยังไง…เหงื่อค่อยๆผุดขึ้นมาอย่างช้าๆ หลังจากนั้นสักพักเธอก็รู้สึกราวกับเป็นปลาที่อยู่พ้นน้ำ เพราะฟันของเธอกัดไปที่ริมฝีปากอย่างแรง เลือดจึงไหลออกมาอย่างรวดเร็ว

ประกายพอใจแวบขึ้นมาในสายตาของชายหนุ่มแล้วเขาก็ดึงแรงกดดันกลับไป มู่หรงเสวี่ยรู้สึกร่างกายสูญเสียการควบคุมและขาของเธอก็อ่อนลงในทันที

“พูดมา” เมื่อเห็นท่าทางที่เจ็บปวดของมู่หรงเสวี่ยในตอนนี้แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีร่องรอยของความสงสารเลย มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะยืนพิงไปที่กำแพง ในตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจแห่งความตายเลย ตอนนี้เธอเข้าไปในมิติลับไม่ได้

ตอนนี้เธอรู้อย่างชัดเจนแล้วว่ามิติลับไม่ใช่ทุกอย่าง

“ฉันไม่รู้ว่าคุณหมายความว่าไงเรื่องผู้ฝึกตนงั้นเหรอ ฉันไม่ใช่ผู้ฝึกตน…เหตุผลที่ฉันรู้ว่ามันมีแสงออร่าก็เพราะฉันมองเห็น…” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้โกหก เธอมองเห็นจริงๆและเธอคิดว่าทุกคนก็เห็นเหมือนกับเธอ มีเพียงพระเจ้าที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องร้ายแค่ไหนที่ได้เห็นแสงออร่า

“เธอบอกว่าเธอมองเห็นงั้นเหรอ?!” แม้แต่ชายหนุ่มที่มีสีหน้าเย้นชาก็ยังแปลกใจอยู่เล็กน้อย

หลังจากที่ได้เห็นท่าทางของชายหนุ่ม มู่หรงเสวี่ยก็รู้เลยว่าเธอกำลังฆ่าตัวตายที่พูดเรื่องที่ไม่ควรออกไปแต่ในเมื่อเรื่องมันถูกเปิดเผยไปแล้วงั้นเธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับไป “ใช่!” หลังจากที่ตอบออกไป เธอก็มองชายหนุ่มอย่างระวัง

ชายหนุ่มก้มหัวและไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร แต่แสงในตาเขาก็แวบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาซึ่งทำให้มู่หรงเสวี่ยตัวสั่น เขาเงียบไปนาน ถ้าเขาลงมืออีกครั้งเธอก็คงจะไม่รอดแน่ๆ

“ผักพวกนี้…” ชายหนุ่มค่อยๆอ้าปากพูด

มู่หรงไม่รอให้เขาพูดจบแต่รีบชิงพูดไปทันที “ยกให้เลย คุณเอาไปให้หมดเลย…” เธอหวังให้ชายหนุ่มรีบเอาผักออกไปให้หมด

ชายหนุ่มมองไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างเย็นชา “ฉันบอกหรือไงว่าอยากได้ผักพวกนี้?” ถึงแม้ผักพวกนี้จะมีแสงออร่า แต่มันก็น้อยมากจนไม่มีผลอะไรกับเขา

ก็เห็นอยู่ชัดๆว่ามาเพราะผักพวกนี้ แล้วจู่ๆตอนนี้จะไม่เอา ในหัวใจมู่หรงเสวี่ยรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที

“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร?” ชายหนุ่มถามออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา

มู่หรงเสวี่ยรีบยืนตัวตรงทันที มองขึ้นไปที่ท้องฟ้าแต่ไม่มองไปที่เขาและแกล้งทำเป็นถามออกมา “ฉันพูดอะไร? ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย…”

มือของชายหนุ่มแวบแสงพุ่งตรงเข้ามาที่ร่างของ มู่หรงเสวี่ยแล้วจึงพูดว่า “ครั้งหน้าที่เธอเจอแสงออร่ามากกว่าในผักพวกนี้ บอกให้ฉันรู้ด้วย ฉันจะแวะมาหาเธอเป็นครั้งคราว…”

“คุณ…เมื่อกี้คุณทำอะไร?” ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยเบิกกว้าง ถึงแม้เธอจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร แต่ก็เห็นว่ามีบางอย่างพุ่งเข้ามาที่ร่างกายของเธอ มันน่ารังเกียจมาก

“มันก็แค่กันไม่ให้เธอหนี ไม่ต้องห่วงหรอก มันไม่เป็นอันตรายกับเธอ…” หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ เขาก็เดินอย่างมีความสุขไปที่ขอบหน้าต่างแล้วก็บินออกไป

เหลือไว้แต่พื้นที่ว่างเปล่า มู่หรงขยี้ตาตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่เธอเจอเข้ากับการเปลี่ยนแปลงอะไรเนี่ย? ผู้ฝึกตนงั้นเหรอ?!

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หรงเสวี่ยได้สัมผัสกับโลกที่แตกต่างจากของตัวเอง เธอนึกถึงยาที่ชายหนุ่มพูด มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปในห้องและล็อกประตู เพียงเสี่ยววินาทีเธอก้หายแวบไป

“คุณปู่ คุณย่า…” มู่หรงเสวี่ยยิ้มและเดินเข้าไปหาคนทั้งสองที่กำลังนั่งอยู่ในสนามมองดูดอกไม้และต้นไม้

“หลานรัก ในที่สุดก็เข้ามาแล้วนะ! ย่าคิดถึงแทบตาย…” คุณย่ารีบลุกขึ้นและเดินมาหามู่หรงเสวี่ยทันที

ถึงแม้ข้างนอกจะผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ในมิติลับก็ผ่านไปนานหลายปีแล้ว โชคดีที่มู่หรงเสวี่ยเตรียมอะไรหลายอย่างไว้ในมิติลับแล้ว ในนี้มีของจำเป็นในชีวิตประจำวันทุกอย่างแล้ว อีกอย่างของที่อยู่ในมิติลับก็จะคงสภาพอยู่เหมือนเดิมและไม่เสื่อมสภาพ

“คุณปู่ คุณย่า หนูขอโทษนะคะ ถ้าเบื่อหนูจะพาออกไปจากนี่ที่เลยค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมกับความรู้สึกผิด

คุณปู่รีบโบกมือทันที “ไม่ ปู่ไม่อยากออกไป ไม่รู้หรือไงว่าในนี้สบายแค่ไหน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปู่แก่แล้วหรือเปล่า แต่ที่นี่ปู่ได้ปลูกดอกไม้ทุกวันเลย”

“อีกอย่างซื้อนก, ปลา, เต่าแล้วก็อื่นๆมาด้วยสิ ย่าอยากจะเอามาเลี้ยงหน่อย…” คุณย่าเองก็พูดพร้อมรอยยิ้ม

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าและคิดว่าจะเอาพวกสัตว์เข้ามาที่นี่ด้วยจะได้มีชีวิตชีวาขึ้น ในนี้จะมีแค่ไก่อย่างเดียวไม่ได้ ยังไงซะไก่ก็มีไว้กิน

“โอเคค่ะ เดี่ยวออกไปแล้วหนูจะไปซื้อมาให้นะคะ”

มู่หรงเสวี่ยปล่อยมือคุณย่าและพูดออกมา “คุณย่า คุณปู่ค่ะ คุยกันไปก่อนนะคะ หนูจะเข้าไปหาหนังสือในห้องสมุดหน่อย…” เธอโบกมือให้คุณปู่คุณย่าและเดินเข้าไปข้างใน เธอแทบรอไม่ไหวที่จะได้อ่านหนังสือพวกนั้น ดูเหมือนว่าหนังสือพวกนั้นจะไม่ไร้ประโยชน์แล้ว เพราะแค่เพราะความรู้ของเธอยังไม่มากพอ เธอก็เลยไม่เข้าใจมัน

เธอเจอหนังสืออีกหลายเล่ม เลือกหยิบขึ้นมาหนึ่งเล่มแล้วเปิดอ่านอย่างตั้งใจ เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะชายหนุ่มที่เปิดรถรับเธอวันนี้หรือเปล่า ตอนนี้หลังจากที่ได้อ่านเธอก็เข้าใจหนังสือขึ้นมาได้บ้างแล้ว

เพียงแค่ว่าหากเธอต้องการที่จะปรับแต่งยา เธอก็ต้องไปให้ถึงระดับสีเหลืองก่อน

แต่เธอไม่รู้ว่าระดับสีเหลืองคืออะไร แต่เธอเดาว่ามันต้องเหมือนกับผู้ชายที่เธอเห็นในวันนี้ มีบางอย่างในร่างกายของเธอที่ได้รับการปลูกฝังและสิ่งเหล่านี้ได้รับการจำแนกตามระดับต่างๆ

ถึงแม้มันอาจจะไม่ถูกทั้งหมดแต่มู่หรงเสวี่ยก็เดาได้เกือบทั้งหมด

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+