ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 231 เรื่องอะไร

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 231 เรื่องอะไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 231

เรื่องอะไร

“อันที่จริง หนูเรื่องวิธีการรักษามาแล้วแต่ความสามารถของหนูยังไม่ถึงระดับ หนูจึงยังช่วยไม่ได้แต่หนูจะพัฒนาอย่างเร็วที่สุด…” มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะพูดความจริงเมื่อได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของคุณปู่โม่

“เขียนออกมาได้ไหม? ปู่จะให้คนที่สถาบันวิจัยทางการแพทย์แห่งชาติลองดูหน่อย มันคงจะเร็วกว่าถ้าช่วยกันทำ!” คุณปู่โม่พูด

“ไม่ใช่ว่าหนูไม่อยากที่จะเขียนออกมานะคะคุณปู่โม่ ถึงแม้หนูจะอยากเขียนออกมาแต่มันก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะต้องใช้คนที่ฝึกตนจนถึงระดับเหลืองถึงจะสามารถทำได้…”

“…”

หลังจากนั้นคุณปู่โม่ก็ยังมีคำถามอีกมากมายเกี่ยวกับเรื่องการฝึกแต่ตั้งแต่ที่มู่หรงเสวี่ยพูดเรื่องนี้ออกมา หลายๆอย่างตอนนี้ก็เริ่มที่จะมัวมากขึ้น ดังนั้นคุณปู่โม่จึงไม่ได้คำตอบอย่างที่ท่านต้องการแต่ในที่สุด ท่านก็เข้าใจพลังของคนที่มีความสามารถมากมายในโลก อย่างไงซะมู่หรงเสวี่ยก็คือตัวอย่างที่มีชีวิต

หลังจากที่คนทั้งสามเดินออกมาจากห้องหนังสือ โม่หลิวเฟิงก็พูดกับมู่หรงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ย ฉันขอคุยด้วยตามลำพังหน่อยได้ไหม?”

มู่หรงเสวี่ยนิ่งไปเพราะเมื่อกี้พวกเขาทั้งสามก็คุยกันไปเยอะแล้ว ยังมีเรื่องอะไรเหลือที่จะต้องคุยกันอีกงั้นเหรอ?! แต่ยังไงซะก็ยังมีเรื่องที่สงสัยอยู่อีกบ้าง เธอจึงพยักหน้าไป

เดิมทีเธออยากที่จะไปคุยกับอ้ายลี่ตามลำพัง วันนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าทำไมเธอถึงร้องไห้เสียใจขนาดนั้น เธอถูกรังแกหรือเปล่า?! เพราะว่าทุกคนอยู่ด้วยตลอดเวลาเธอจึงยังไม่มีโอกาสที่จะถามในเรื่องที่เธอกังวลอยู่

หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่โม่หลิวเฟิงพูด คุณปู่โม่ก็อดไม่ได้ที่จะแวบประกายรอยยิ้มในสายตา เขารู้สึกพอใจเด็กสาว มู่หรงเสวี่ยอย่างมาก

มู่หรงเสวี่ยและโม่หลิวเฟิงเดินตรงไปที่สวนด้านนอก

โม่หลิวเฟิงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไปในทันที “พี่โม่จะทำอะไร?! รีบลุกขึ้นเร็ว…ผู้ชายมีเกียรติมาก แล้วพี่โม่จะมาทำแบบนี้ได้ยังไง…”

“เสี่ยวเสวี่ย ฉันมีเรื่องที่จะขอเธอ…”

“ได้ๆ มีเรื่องอะไรเหรอคะ…” มู่หรงเสวี่ยตกใจเพราะพี่โม่ มือของเธอลุกลี้ลุกลนไปหมด

“ฟังฉันก่อน…” พี่โม่พูดออกมาอย่างหนักแน่น

“พี่ลุกขึ้นมาก่อนแล้วค่อย…” เธอจะยืนมองพี่โม่คุกเข่าอยู่แบบนี้ได้ยังไง

“ไม่ได้ ให้ฉันพูดก่อน…”

“งั้นฉันก็จะคุกเข่าด้วยเหมือนกัน…” มู่หรงเสวี่ยทนยืนต่อไม่ได้ทั้งๆที่พี่โม่ยังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเธอ

ทั้งสองสองคนที่แอบมองอยู่ไกลๆต่างก็เริ่มที่จะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“สองคนนั้นกำลังทำบ้าอะไรกันเนี่ย?! เขาคุกเข่าด้วย…” โม่อ้ายลี่พูด

“ใจหายหมดเลย…” คุณปู่โม่ตบไปที่หน้าอกพร้อมทั้งหันหัวไปมองโม่อ้ายลี่ “หลานมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ยแม่ตัวแสบ…”

“หนูเห็นปู่แอบมองอยู่ คิดว่าตัวเองจะทำอะไรงั้นเหรอคะ?” โม่อ้ายลี่พูด

“นี่! หลานเพิ่งทำเรื่องไม่ดีมานะแม่ตัวแสบ ออกไปข้างนอกเลย…” คุณปู่โม่โบกมือไล่เด็กสาวที่น่ารำคาญอย่างโม่อ้ายลี่ให้ออกไป

โม่อ้ายลี่ทำปากจุจุ “หนูไม่ไป ถ้าคุณปู่ไล่หนูไป หนูจะร้องออกมาเลย!”

“อย่านะ! เงียบเลยนะ อย่าส่งเสียแล้วก็รออยู่นี่เงียบๆ…” หลังจากนั้นท่านก็หันไปมองคนทั้งสองที่อยู่ห่างออกไป

โม่หลิวเฟิงมองไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างจนปัญญา เขาขอร้องเธอบางอย่างแต่เธอกลับคุกเข่าลง สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นและช่วยพยุงมู่หรงเสวี่ย

“เสี่ยวเสวี่ย ช่วยสอนการต่อสู้ให้ฉันทีได้ไหม?! ฉันยอมแลกด้วยทุกอย่างเลยไม่ว่าจะแพงแค่ไหน…” โม่หลิวเฟิงไม่อาจที่จะลืมภาพเหตุการณ์ที่โหดร้ายนั้นได้ ไอ้พวกสารเลวพวกนั้นไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องจัดการคนพวกนั้นด้วยตัวเอง

มู่หรงเสวี่ยไม่คิดว่าพี่โม่จะพูดถึงเรื่องปัญหานี้ เธอรู้สึกอับอายเล็กน้อยเพราะระดับของเธอยังไม่ถึง จึงไม่รู้ว่าจะสอนเขาได้ยังไง หรือเธอจะพาเขาเข้าไปในมิติลับดีล่ะ?! มิติลับเป็นเครื่องรับรองสุดท้ายของเธอ นอกจากครอบครัวของเธอแล้ว เธอก็ไม่อยากให้คนอื่นเข้าไปข้างในอีก ฮวงฟูอี้เป็นคนแรกที่เธอแบ่งปันเรื่องนี้ด้วย เมื่อเธอนึกถึงฮวงฟูอี้ มู่หรงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเศร้า

โม่หลิวเฟิงเข้าใจผิดในทันที เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและพูดออกมา “ฉันเรียกร้องมากเกินไป เรื่องพวกนี้ไม่ควรที่จะเอาออกมาโยนให้คนอื่น…” แต่เขายังหาวิธีที่จะสู้กับปีศาจพวกนั้นไม่ได้ พวกนั้นฆ่าไม่ตายด้วยซ้ำ มันไม่ใช่ปีศาจ เขายังคงรู้สึกตกใจเล็กน้อยและไม่อยากที่จะเชื่อ

“ไม่ใช่ค่ะพี่โม่ พี่เข้าใจผิดแล้ว…” มู่หรงเสวี่ยกลับมาได้สติ

“เธอช่วยสอนฉันได้ไหม?” โม่หลิวเฟิงถามอย่างมีความหวัง

มู่หรงเสวี่ยกำลังอยู่ในทางแยก “พี่โม่ ฉัน…ฉันยังด้อยประสบการณ์มากๆ ฉันกลัวว่าจะสอนพี่ได้ไม่ดี…พี่ก็รู้ว่าฉันยังไม่รู้อะไรอีกตั้งหลายเรื่อง ฉันรู้เพียงแค่เล็กน้อยแล้วถ้าสอนพี่ผิดล่ะ…”

“ไม่สำคัญหรอก ตราบใดที่เธอยอมที่จะสอน ไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไงฉันก็ยินดีที่จะรับไว้…” โม่หลิวเฟิงพูดอย่างตื่นเต้น

“พี่โม่ ฉันขอถามได้ไหมว่าทำไมพี่ถึงอยากที่จะเรียน?” ตอนนี้ยิ่งคนรู้มากเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น เธอคาดการณ์ไม่ได้ว่าโลกจะเป็นยังไง

มนุษย์ควรที่จะมีพลังมากมายขนาดนั้นจริงๆเหรอ?! ตั้งแต่ที่ได้เรียนรู้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป ถ้าคนในโลกนี้ได้เรียนวิชานี้ งั้นผลมันจะเป็นยังไง?! เธอนึกไม่ออกว่ามันจะสงบสุขขึ้นหรือรุนแรงขึ้นแต่สิ่งที่เธอรู้ก็คือมีคนที่ใช้วิชาเฉพาะเหล่านี้เพื่อทำร้ายผู้บริสุทธิ์

เธอมองไปที่โม่หลิวเฟิง ถ้าพี่โม่อยากที่จะปกป้องโลกที่สงบสุขนี้

“เพื่อที่จะเอามาฆ่าไอ้ตัวประหลาดในองค์กรลับอันดำมืดนั่น!” โม่หลิวเฟิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ นี่คือสิ่งที่เขาควรทำในฐานะนายพลของประเทศ

“งั้นฉันก็จะสอนพี่เอง!” มู่หรงเสวี่ยตัดสินใจที่จะพาพี่โม่เข้าไปในมิติลับ ยังไงซะเธอก็เป็นจ้าวของมิติลับและไม่มีใครจะฆ่าเธอได้

“เยี่ยมเลย ขอบคุณมากนะมู่หรเสวี่ย!” โม่หลิวเฟิงอดไม่ได้ที่จะกอดมู่หรงเสวี่ยอย่างขอบคุณ

ตอนแรกมู่หรงเสวี่ยตัวแข็งไปชั่วขณะแต่เธอก็รับรู้ถึงความตื่นเต้นของพี่โม่ได้ เธอจึงไม่ได้ผลักเขาออกไป

คู่ปู่หลานที่กำลังมองอยู่ไกลๆต่างก็กระโดดโลดเต้นไปด้วยความตื่นเต้น

คุณปู่โม่ถึงขนาดบอกให้ยกไวน์มาด้วยซ้ำ

เมื่อมู่หรงเสวี่ยและโม่หลิวเฟิงเดินเคียงกันเข้ามาในห้องนั่งเล่น พวกเขาก็ต้องตกใจกับรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าของคุณปู่โม่และโม่อ้ายลี่… “หัวเราะอะไรกันเหรอครับ?” โม่หลิวเฟิงลูบไปที่แขนพร้อมทั้งถามออกมา

“เปล่าเลย!”

“เปล่าเลย!”

ทั้งสองตอบออกมาพร้อมกันแต่ก็หันมามองหน้ากันพร้อมรอยยิ้ม พร้อมทั้งปล่อยเสียงหัวเราะแปลกๆออกมาด้วย

“เสี่ยวเสวี่ย คืนนี้ไม่ต้องกลับนะ ค้างที่นี่กับฉันเถอะนะ!” อ้ายลี่พูด แต่ก็ยังส่งสายตาอิ่มเอมใจไปให้คุณปู่โม่อยู่ราวกับว่าเพิ่งทำเรื่องอะไรสำเร็จมาอย่างงั้นแหละ

คุณปู่โม่เองก็ยิ้มตอบกลับมาด้วย

มีเพียงโม่หลิวเฟิงเท่านั้นที่รู้สึกแปลกๆอยู่ในหัวใจ

“ได้สิ!” บังเอิญว่าเธอเองก็อยากที่จะถามโม่อ้ายลี่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยเหมือนกัน

คุณปู่โม่และพี่โม่อาจจะคิดว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แต่มู่หรงเสวี่ยรู้ดีว่ามันไม่เกี่ยวกัน มีไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำให้ โม่อ้ายลี่ร้องไห้เศร้าสร้อยได้ขนาดนั้น เด็กสาวคนนี้ปกติชอบที่กินกับกิน และไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายๆ ดังนั้นการที่เธอร้องไห้แบบนั้นจึงทำให้มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเป็นห่วงมากเป็นพิเศษ

หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ โม่หลิวเฟิงก็หยุดมู่หรงเสวี่ยไว้และถามออกมา “เสี่ยวเสวี่ย เราจะเริ่มกันเมื่อไรดี?”

งั้นพรุ่งนี้พี่ว่างหรือเปล่า?! พรุ่งนี้ไปที่วิลล่าของฉันนะคะ ที่นี่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร…” มู่หรงเสวี่ยคิดอยู่สักพักแล้วจึงตอบออกมา

“พรุ่งนี้ฉันว่างพอดี!” โม่หลิวเฟิงพูด อันที่จริงเพราะความรู้สึกที่ยังไม่ปกติของเขาในช่วงนี้ เขาจึงขอลาพักเพื่อที่จะแก้ไขก่อน เขาไม่อยากที่จะทำตัวกล้าหาญ มันไม่ใช่เรื่องตลกถ้าเขาถูกส่งออกไปปฏิบัติภารกิจ เรื่องผิดพลาดเล็กน้อยก็อาจจะกระทบกับชีวิตของเพื่อนๆในทีมได้ด้วย เหมือนกับครั้งนั้น ถ้าเขาไม่อยากที่จะตามเข้าไป บางทีเพื่อนพวกนั้นก็คงจะไม่ตาย

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะป้องกันไม่ได้เลย อย่างน้อยถ้ารู้สถานการณ์ล่วงหน้าและคาดเดาไว้ก่อน เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะได้จัดการตัวประหลาดพวกนั้น เพื่อที่เพื่อนของเขาจะได้ตายไม่เสียเปล่าและจะได้นอนตายตาหลับด้วย

เมื่อได้ยินบทสนทนานี้ อีกสองคนก็อดไม่ได้ที่จะคิดซุกซนและหัวเราะกันคิกคัก

ในตอนเย็นในห้องของโม่อ้ายลี่

“เสี่ยวเสวี่ย เธอทำเรื่องแบบนี้กับพี่ชายฉันตั้งแต่เมื่อไร?” โม่อ้ายลี่ถามออกมาอย่างตื่นเต้น

“ทำอะไรงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยมองอย่างสับสน

“อย่ามาแกล้ง ฉันเห็นหมดแล้ว!” โม่อ้ายลี่หัวเราะ

เธอถามออกไปอย่างงงๆ “อะไรนะ?”

“เธอกำลังเดตอยู่กับพี่ชายฉันไม่ใช่เหรอ?” โม่อ้ายลี่ถาม

มู่หรงเสวี่ยถาม “เปล่า ไปได้ยินมาจากใครเหรอ?” เรื่องเข้าใจผิดแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงเนี่ย!

“ก็พวกเธอเพิ่งจะกอดกันไม่ใช่เหรอ?” โม่อ้ายลี่ตอบสนองได้ดีกว่าเดิม

“พี่โม่ก็แค่ขอบคุณฉัน เราไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด…” หลังจากที่หยุดไป เธอก็จ้องไปที่โม่อ้ายลี่และพูดออกมา “นี่เธอแอบดูฉันงั้นเหรอ?”

“เปล่า ฉันแค่ดูเฉยๆ…” แล้วโม่อ้ายลี่ก็ดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้และถามออกมาเสียงเบา “งั้นเธอชอบใครงั้นเหรอ? เธอชอบอี้เสิ่นหรือเปล่า?” ถ้าสังเกตดีๆก็จะเห็นได้ว่าเธอกำมือแน่นและร่างกายของเธอก็เกร็งขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะกังวลอย่างมาก แต่มู่หรงเสวี่ยไม่ได้สังเกตจึงตอบออกไป “พี่ชูเป็นผู้ชายที่ดี…” น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 231 เรื่องอะไร

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 231 เรื่องอะไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 231

เรื่องอะไร

“อันที่จริง หนูเรื่องวิธีการรักษามาแล้วแต่ความสามารถของหนูยังไม่ถึงระดับ หนูจึงยังช่วยไม่ได้แต่หนูจะพัฒนาอย่างเร็วที่สุด…” มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะพูดความจริงเมื่อได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของคุณปู่โม่

“เขียนออกมาได้ไหม? ปู่จะให้คนที่สถาบันวิจัยทางการแพทย์แห่งชาติลองดูหน่อย มันคงจะเร็วกว่าถ้าช่วยกันทำ!” คุณปู่โม่พูด

“ไม่ใช่ว่าหนูไม่อยากที่จะเขียนออกมานะคะคุณปู่โม่ ถึงแม้หนูจะอยากเขียนออกมาแต่มันก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะต้องใช้คนที่ฝึกตนจนถึงระดับเหลืองถึงจะสามารถทำได้…”

“…”

หลังจากนั้นคุณปู่โม่ก็ยังมีคำถามอีกมากมายเกี่ยวกับเรื่องการฝึกแต่ตั้งแต่ที่มู่หรงเสวี่ยพูดเรื่องนี้ออกมา หลายๆอย่างตอนนี้ก็เริ่มที่จะมัวมากขึ้น ดังนั้นคุณปู่โม่จึงไม่ได้คำตอบอย่างที่ท่านต้องการแต่ในที่สุด ท่านก็เข้าใจพลังของคนที่มีความสามารถมากมายในโลก อย่างไงซะมู่หรงเสวี่ยก็คือตัวอย่างที่มีชีวิต

หลังจากที่คนทั้งสามเดินออกมาจากห้องหนังสือ โม่หลิวเฟิงก็พูดกับมู่หรงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ย ฉันขอคุยด้วยตามลำพังหน่อยได้ไหม?”

มู่หรงเสวี่ยนิ่งไปเพราะเมื่อกี้พวกเขาทั้งสามก็คุยกันไปเยอะแล้ว ยังมีเรื่องอะไรเหลือที่จะต้องคุยกันอีกงั้นเหรอ?! แต่ยังไงซะก็ยังมีเรื่องที่สงสัยอยู่อีกบ้าง เธอจึงพยักหน้าไป

เดิมทีเธออยากที่จะไปคุยกับอ้ายลี่ตามลำพัง วันนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าทำไมเธอถึงร้องไห้เสียใจขนาดนั้น เธอถูกรังแกหรือเปล่า?! เพราะว่าทุกคนอยู่ด้วยตลอดเวลาเธอจึงยังไม่มีโอกาสที่จะถามในเรื่องที่เธอกังวลอยู่

หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่โม่หลิวเฟิงพูด คุณปู่โม่ก็อดไม่ได้ที่จะแวบประกายรอยยิ้มในสายตา เขารู้สึกพอใจเด็กสาว มู่หรงเสวี่ยอย่างมาก

มู่หรงเสวี่ยและโม่หลิวเฟิงเดินตรงไปที่สวนด้านนอก

โม่หลิวเฟิงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไปในทันที “พี่โม่จะทำอะไร?! รีบลุกขึ้นเร็ว…ผู้ชายมีเกียรติมาก แล้วพี่โม่จะมาทำแบบนี้ได้ยังไง…”

“เสี่ยวเสวี่ย ฉันมีเรื่องที่จะขอเธอ…”

“ได้ๆ มีเรื่องอะไรเหรอคะ…” มู่หรงเสวี่ยตกใจเพราะพี่โม่ มือของเธอลุกลี้ลุกลนไปหมด

“ฟังฉันก่อน…” พี่โม่พูดออกมาอย่างหนักแน่น

“พี่ลุกขึ้นมาก่อนแล้วค่อย…” เธอจะยืนมองพี่โม่คุกเข่าอยู่แบบนี้ได้ยังไง

“ไม่ได้ ให้ฉันพูดก่อน…”

“งั้นฉันก็จะคุกเข่าด้วยเหมือนกัน…” มู่หรงเสวี่ยทนยืนต่อไม่ได้ทั้งๆที่พี่โม่ยังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเธอ

ทั้งสองสองคนที่แอบมองอยู่ไกลๆต่างก็เริ่มที่จะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“สองคนนั้นกำลังทำบ้าอะไรกันเนี่ย?! เขาคุกเข่าด้วย…” โม่อ้ายลี่พูด

“ใจหายหมดเลย…” คุณปู่โม่ตบไปที่หน้าอกพร้อมทั้งหันหัวไปมองโม่อ้ายลี่ “หลานมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ยแม่ตัวแสบ…”

“หนูเห็นปู่แอบมองอยู่ คิดว่าตัวเองจะทำอะไรงั้นเหรอคะ?” โม่อ้ายลี่พูด

“นี่! หลานเพิ่งทำเรื่องไม่ดีมานะแม่ตัวแสบ ออกไปข้างนอกเลย…” คุณปู่โม่โบกมือไล่เด็กสาวที่น่ารำคาญอย่างโม่อ้ายลี่ให้ออกไป

โม่อ้ายลี่ทำปากจุจุ “หนูไม่ไป ถ้าคุณปู่ไล่หนูไป หนูจะร้องออกมาเลย!”

“อย่านะ! เงียบเลยนะ อย่าส่งเสียแล้วก็รออยู่นี่เงียบๆ…” หลังจากนั้นท่านก็หันไปมองคนทั้งสองที่อยู่ห่างออกไป

โม่หลิวเฟิงมองไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างจนปัญญา เขาขอร้องเธอบางอย่างแต่เธอกลับคุกเข่าลง สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นและช่วยพยุงมู่หรงเสวี่ย

“เสี่ยวเสวี่ย ช่วยสอนการต่อสู้ให้ฉันทีได้ไหม?! ฉันยอมแลกด้วยทุกอย่างเลยไม่ว่าจะแพงแค่ไหน…” โม่หลิวเฟิงไม่อาจที่จะลืมภาพเหตุการณ์ที่โหดร้ายนั้นได้ ไอ้พวกสารเลวพวกนั้นไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องจัดการคนพวกนั้นด้วยตัวเอง

มู่หรงเสวี่ยไม่คิดว่าพี่โม่จะพูดถึงเรื่องปัญหานี้ เธอรู้สึกอับอายเล็กน้อยเพราะระดับของเธอยังไม่ถึง จึงไม่รู้ว่าจะสอนเขาได้ยังไง หรือเธอจะพาเขาเข้าไปในมิติลับดีล่ะ?! มิติลับเป็นเครื่องรับรองสุดท้ายของเธอ นอกจากครอบครัวของเธอแล้ว เธอก็ไม่อยากให้คนอื่นเข้าไปข้างในอีก ฮวงฟูอี้เป็นคนแรกที่เธอแบ่งปันเรื่องนี้ด้วย เมื่อเธอนึกถึงฮวงฟูอี้ มู่หรงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเศร้า

โม่หลิวเฟิงเข้าใจผิดในทันที เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและพูดออกมา “ฉันเรียกร้องมากเกินไป เรื่องพวกนี้ไม่ควรที่จะเอาออกมาโยนให้คนอื่น…” แต่เขายังหาวิธีที่จะสู้กับปีศาจพวกนั้นไม่ได้ พวกนั้นฆ่าไม่ตายด้วยซ้ำ มันไม่ใช่ปีศาจ เขายังคงรู้สึกตกใจเล็กน้อยและไม่อยากที่จะเชื่อ

“ไม่ใช่ค่ะพี่โม่ พี่เข้าใจผิดแล้ว…” มู่หรงเสวี่ยกลับมาได้สติ

“เธอช่วยสอนฉันได้ไหม?” โม่หลิวเฟิงถามอย่างมีความหวัง

มู่หรงเสวี่ยกำลังอยู่ในทางแยก “พี่โม่ ฉัน…ฉันยังด้อยประสบการณ์มากๆ ฉันกลัวว่าจะสอนพี่ได้ไม่ดี…พี่ก็รู้ว่าฉันยังไม่รู้อะไรอีกตั้งหลายเรื่อง ฉันรู้เพียงแค่เล็กน้อยแล้วถ้าสอนพี่ผิดล่ะ…”

“ไม่สำคัญหรอก ตราบใดที่เธอยอมที่จะสอน ไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไงฉันก็ยินดีที่จะรับไว้…” โม่หลิวเฟิงพูดอย่างตื่นเต้น

“พี่โม่ ฉันขอถามได้ไหมว่าทำไมพี่ถึงอยากที่จะเรียน?” ตอนนี้ยิ่งคนรู้มากเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น เธอคาดการณ์ไม่ได้ว่าโลกจะเป็นยังไง

มนุษย์ควรที่จะมีพลังมากมายขนาดนั้นจริงๆเหรอ?! ตั้งแต่ที่ได้เรียนรู้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป ถ้าคนในโลกนี้ได้เรียนวิชานี้ งั้นผลมันจะเป็นยังไง?! เธอนึกไม่ออกว่ามันจะสงบสุขขึ้นหรือรุนแรงขึ้นแต่สิ่งที่เธอรู้ก็คือมีคนที่ใช้วิชาเฉพาะเหล่านี้เพื่อทำร้ายผู้บริสุทธิ์

เธอมองไปที่โม่หลิวเฟิง ถ้าพี่โม่อยากที่จะปกป้องโลกที่สงบสุขนี้

“เพื่อที่จะเอามาฆ่าไอ้ตัวประหลาดในองค์กรลับอันดำมืดนั่น!” โม่หลิวเฟิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ นี่คือสิ่งที่เขาควรทำในฐานะนายพลของประเทศ

“งั้นฉันก็จะสอนพี่เอง!” มู่หรงเสวี่ยตัดสินใจที่จะพาพี่โม่เข้าไปในมิติลับ ยังไงซะเธอก็เป็นจ้าวของมิติลับและไม่มีใครจะฆ่าเธอได้

“เยี่ยมเลย ขอบคุณมากนะมู่หรเสวี่ย!” โม่หลิวเฟิงอดไม่ได้ที่จะกอดมู่หรงเสวี่ยอย่างขอบคุณ

ตอนแรกมู่หรงเสวี่ยตัวแข็งไปชั่วขณะแต่เธอก็รับรู้ถึงความตื่นเต้นของพี่โม่ได้ เธอจึงไม่ได้ผลักเขาออกไป

คู่ปู่หลานที่กำลังมองอยู่ไกลๆต่างก็กระโดดโลดเต้นไปด้วยความตื่นเต้น

คุณปู่โม่ถึงขนาดบอกให้ยกไวน์มาด้วยซ้ำ

เมื่อมู่หรงเสวี่ยและโม่หลิวเฟิงเดินเคียงกันเข้ามาในห้องนั่งเล่น พวกเขาก็ต้องตกใจกับรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าของคุณปู่โม่และโม่อ้ายลี่… “หัวเราะอะไรกันเหรอครับ?” โม่หลิวเฟิงลูบไปที่แขนพร้อมทั้งถามออกมา

“เปล่าเลย!”

“เปล่าเลย!”

ทั้งสองตอบออกมาพร้อมกันแต่ก็หันมามองหน้ากันพร้อมรอยยิ้ม พร้อมทั้งปล่อยเสียงหัวเราะแปลกๆออกมาด้วย

“เสี่ยวเสวี่ย คืนนี้ไม่ต้องกลับนะ ค้างที่นี่กับฉันเถอะนะ!” อ้ายลี่พูด แต่ก็ยังส่งสายตาอิ่มเอมใจไปให้คุณปู่โม่อยู่ราวกับว่าเพิ่งทำเรื่องอะไรสำเร็จมาอย่างงั้นแหละ

คุณปู่โม่เองก็ยิ้มตอบกลับมาด้วย

มีเพียงโม่หลิวเฟิงเท่านั้นที่รู้สึกแปลกๆอยู่ในหัวใจ

“ได้สิ!” บังเอิญว่าเธอเองก็อยากที่จะถามโม่อ้ายลี่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยเหมือนกัน

คุณปู่โม่และพี่โม่อาจจะคิดว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แต่มู่หรงเสวี่ยรู้ดีว่ามันไม่เกี่ยวกัน มีไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำให้ โม่อ้ายลี่ร้องไห้เศร้าสร้อยได้ขนาดนั้น เด็กสาวคนนี้ปกติชอบที่กินกับกิน และไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายๆ ดังนั้นการที่เธอร้องไห้แบบนั้นจึงทำให้มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเป็นห่วงมากเป็นพิเศษ

หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ โม่หลิวเฟิงก็หยุดมู่หรงเสวี่ยไว้และถามออกมา “เสี่ยวเสวี่ย เราจะเริ่มกันเมื่อไรดี?”

งั้นพรุ่งนี้พี่ว่างหรือเปล่า?! พรุ่งนี้ไปที่วิลล่าของฉันนะคะ ที่นี่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร…” มู่หรงเสวี่ยคิดอยู่สักพักแล้วจึงตอบออกมา

“พรุ่งนี้ฉันว่างพอดี!” โม่หลิวเฟิงพูด อันที่จริงเพราะความรู้สึกที่ยังไม่ปกติของเขาในช่วงนี้ เขาจึงขอลาพักเพื่อที่จะแก้ไขก่อน เขาไม่อยากที่จะทำตัวกล้าหาญ มันไม่ใช่เรื่องตลกถ้าเขาถูกส่งออกไปปฏิบัติภารกิจ เรื่องผิดพลาดเล็กน้อยก็อาจจะกระทบกับชีวิตของเพื่อนๆในทีมได้ด้วย เหมือนกับครั้งนั้น ถ้าเขาไม่อยากที่จะตามเข้าไป บางทีเพื่อนพวกนั้นก็คงจะไม่ตาย

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะป้องกันไม่ได้เลย อย่างน้อยถ้ารู้สถานการณ์ล่วงหน้าและคาดเดาไว้ก่อน เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะได้จัดการตัวประหลาดพวกนั้น เพื่อที่เพื่อนของเขาจะได้ตายไม่เสียเปล่าและจะได้นอนตายตาหลับด้วย

เมื่อได้ยินบทสนทนานี้ อีกสองคนก็อดไม่ได้ที่จะคิดซุกซนและหัวเราะกันคิกคัก

ในตอนเย็นในห้องของโม่อ้ายลี่

“เสี่ยวเสวี่ย เธอทำเรื่องแบบนี้กับพี่ชายฉันตั้งแต่เมื่อไร?” โม่อ้ายลี่ถามออกมาอย่างตื่นเต้น

“ทำอะไรงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยมองอย่างสับสน

“อย่ามาแกล้ง ฉันเห็นหมดแล้ว!” โม่อ้ายลี่หัวเราะ

เธอถามออกไปอย่างงงๆ “อะไรนะ?”

“เธอกำลังเดตอยู่กับพี่ชายฉันไม่ใช่เหรอ?” โม่อ้ายลี่ถาม

มู่หรงเสวี่ยถาม “เปล่า ไปได้ยินมาจากใครเหรอ?” เรื่องเข้าใจผิดแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงเนี่ย!

“ก็พวกเธอเพิ่งจะกอดกันไม่ใช่เหรอ?” โม่อ้ายลี่ตอบสนองได้ดีกว่าเดิม

“พี่โม่ก็แค่ขอบคุณฉัน เราไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด…” หลังจากที่หยุดไป เธอก็จ้องไปที่โม่อ้ายลี่และพูดออกมา “นี่เธอแอบดูฉันงั้นเหรอ?”

“เปล่า ฉันแค่ดูเฉยๆ…” แล้วโม่อ้ายลี่ก็ดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้และถามออกมาเสียงเบา “งั้นเธอชอบใครงั้นเหรอ? เธอชอบอี้เสิ่นหรือเปล่า?” ถ้าสังเกตดีๆก็จะเห็นได้ว่าเธอกำมือแน่นและร่างกายของเธอก็เกร็งขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะกังวลอย่างมาก แต่มู่หรงเสวี่ยไม่ได้สังเกตจึงตอบออกไป “พี่ชูเป็นผู้ชายที่ดี…” น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+