ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 234 ขอโทษ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 234 ขอโทษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 234

ขอโทษ

พนักงานเสิร์ฟโค้งตัวแสดงความเคารพ แล้วจึงเดินออกไปและปิดประตูก่อนที่ไปด้วย โม่อ้ายลี่ยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่มอึกใหญ่แล้วก็ต้องตกใจกับความร้อน

เธอมองไปที่นาฬิกา เธอมาถึงก่อนเวลาไปหนึ่งชั่วโมง…ก่อนที่จะถึงเวลาเธอก็ยังมีเวลาที่จะคิดว่าจะพูดยังไงดี

เมื่อเขาเห็นเธอเขาจะโกรธหรือเปล่า?

เขาจะชอบการแต่งตัวของเธอวันนี้หรือเปล่า?

เขาจะคิดว่าเธอสวยหรือเปล่า?

สิ่งที่โม่อ้ายลี่คิดอยู่ในใจคือความคิดเห็นของเขาที่มีต่อเธอ

ครึ่งชั่วโมงต่อมาประตูก็ถูกผลักเปิดออก และโม่อ้ายลี่ก็มองอย่างกังวลไปที่ประตู วันนี้ดูเหมือนเขาจะแต่งตัวอย่างตั้งใจซึ่งแตกต่างจากเสื้อผ้าทางการก่อนหน้านี้ วันนี้เขาสวมชุดสูทลำลองสีขาวและโดยรวมแล้วก็ดูหล่อมากๆ

เมื่อชูอี้เสิ่นเห็นโม่อ้ายลี่นั่งอยู่ในห้อง รอยยิ้มของเขาก็จางลงในทันที ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในห้องเขาก็หันหลังอยากที่จะเดินกลับออกไปทันที

โม่อ้ายลี่เห็นเขาหันหลังและอยากที่จะเดินออกไป สีหน้าของเธอซีดลงทันที เธอกำหมัดแน่นแล้วพูดออกไป “นี่เสี่ยวเสวี่ยเป็นคนขอให้นายมาที่นี่ นายแน่ใจเหรอว่าจะกลับ?” น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย

“แล้วมู่หรงเสวี่ยล่ะ?” เดิมทีชูอี้เสิ่นอยากที่จะกลับแต่เมื่อได้ยินคำพูดของโม่อ้ายลี่ เขาก้หันกลับมาอีกครั้งแล้วถามออกมาอย่างไร้ซึ่งความสุภาพ

โม่อ้ายลี่มองไปที่พนักงานเสิร์ฟและบอกให้เขาออกไป

พนักงานเสิร์ฟพยักหน้า เดินออกไปแล้วปิดประตู

“นั่งลงก่อนสิ” โม่อ้ายลี่เองก็ไม่สนใจท่าทางที่ไม่สุภาพของเขาแล้วพูดออกมา

ชูอี้เสิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อยและนั่งลงอย่างอดทน

“เสี่ยวเสวี่ยไม่มาหรอก ฉันขอให้เธอช่วยชวนนายออกมา…” โม่อ้ายลี่อธิบายเสียงต่ำ “นายผิดหวังมากที่ไม่เห็นมู่หรงเสวี่ยงั้นเหรอ?”

“แน่นอนสิว่าต้องผิดหวัง!” ชูอี้เสิ่นพูดออกมาอย่างหยาบคาย ไม่สนใจสีหน้าที่ซีดเผือดของโม่อ้ายลี่เลย “มีอะไร?! เธอขอให้ฉันออกมาทำไม?”

“ฉันโทรหานายแต่นายก็ไม่รับสาย ฉันอยากที่จะบอกอะไรนายบางอย่าง…” โม่อ้ายลี่กัดริมฝีปากและพูดออกมาเสียงเบา

ชูอี้เสิ่นนวดขมับที่รู้สึกปวด เขารู้ความรู้สึกของเธอดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะเลี่ยง เขาไม่คิดว่าเธอจะดื้อขนาดนี้

“งั้นก็พูดมา! ฉันจะฟัง” ชูอี้เสิ่นเบาเสียงที่พูดลง ไม่คิดว่าก่อนหน้านี้ที่เขาพยายามเลี่ยงแต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ นี่ควรจะพูดว่าเธอไร้เดียงสาหรือโง่ดีเนี่ย ก็รู้อยู่ชัดๆว่าคนที่เขารักคือ เสี่ยวเสวี่ย

“รู้หรือเปล่าว่าตอนที่ฉันเห็นนายครั้งแรก ฉันคิดจริงๆว่านายน่ารังเกียจและหยิ่งยโสอย่างมาก ฉันรู้สึกดูถูกผู้ชายอย่างนายจริงๆ…” โม่อ้ายลี่พูดถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่พวกเธอได้เจอกัน มือของชูอี้เสิ่นกระตุกไปเล็กน้อยตอนที่ยกถ้วยชำขึ้นมา นี่เขาแย่ขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?! “งั้นเหรอ?”

“ต่อมา ครั้งที่สองก็ตอนที่นายถูกมู่หรงทิ้ง ฉันคิดว่านายน่าสงสารมากก็เลยพานายไปกินมื้อใหญ่แล้วก็คิดว่านายคงไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้น…” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอก็หัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ครั้งนี้ชูอี้เสิ่นไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับนั่งฟังโม่อ้ายลี่บอกว่าเธอเกลียดเขามากแค่ไหนและเขาไม่อยากที่จะทำให้เธอเสียใจ น่าเสียดายที่ไม่มีใครกล้าที่จะเกลียดเด็กสาวที่พูดตรงได้ขนาดนี้ น่าเสียดายที่พวกเขาเจอกันผิดเวลาไปหน่อย หัวใจของเขากลายเป็นคนของคนอื่นไปแล้วและเขาก็อดไม่ได้ที่จะ… “ส่วนครั้งที่สามนายก็จูบฉัน…”

“ฟู่!ชูอี้เสิ่นที่เพิ่งดื่มชาเข้าไปก็พ่นออกมาทันที “เธอว่าไงนะ?! อย่ามาพูดจาไร้สาระนะ”

โม่อ้ายลี่จ้องไปที่เขาทันที “นายขโมยจูบแรกของฉันไปแต่นายก็ไม่ยอมรับ!!!!” สะอื้น “ฉันอยากที่จะบอกเสี่ยวเสวี่ย…” เธอร้องออกมา ถึงแม้เธอจะรู้ว่าครั้งที่แล้วเขาเมาและคิดว่าเธอเป็นเสี่ยวเสวี่ย นั่นเป็นจูบแรกของเธอซึ่งเธอหวงแหนมันมาก มันไม่ยุติธรรมเลยที่มีแต่เธอเท่านั้นที่จำได้

ชูอี้เสิ่นตกตะลึง เด็กสาวคนนี้จะร้องไห้ทำไม? เขาจะเตรียมใจกับเรื่องนี้ได้ยังไง? แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะพูดออกไป เขาไปขโมยจูบแรกของเธอตั้งแต่เมื่อไร?! เรื่องพวกนี้จะเอามาพูดพล่อยๆไม่ได้นะ

แต่เด็กสาวตรงหน้าเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้เขาฟัง เธอเพียงแค่ร้องไห้อีกครั้งจนแทบจะหายใจไม่ทัน ซึ่งดูน่าสงสารอย่างมาก

หลังจากเวลาผ่านไปนาน เขาก็หยิบกล่องกระดาษทิชชูที่โต๊ะและส่งให้เธอ “อย่าร้องเลย…” ดวงตาของเธอแดงก่ำจนทุกคนคงจะคิดว่าเขารังแกเธอ

โม่อ้ายลี่รับกล่องทิชชูมาและเช็ดน้ำตาตัวเอง ในตอนนี้ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอก็กลายเป็นเลอะเทอะ

“ฟู่!” หลังจากที่ชูอี้เสิ่นเห็น เชาก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา

มือที่กำลังเช็ดน้ำตาอยู่ของโม่อ้ายลี่หยุดชะงั้ก เธอถูกแกล้ง

เมื่อเห็นสีหน้าที่นิ่งของเธอ ชูอี้เสิ่นรู้เลยว่าเธอกำลังเข้าใจเขาผิดอยู่ จึงชี้ไปที่หน้าของเธอและพูดออกไป “อยากจะไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าก่อนไหม…”

โม่อ้ายลี่มองไปที่ดอกไม้และสีสันที่อยู่บนกระดาษทิชชู เธอปิดหน้าและวิ่งไปที่ห้องน้ำ

ที่หน้ากระจก ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีดำและสีแดง เธออยากให้เขาเห็นด้านที่สวยงามของเธอแต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เห็นด้านที่แย่ที่สุดของเธอ ถ้าเธอรู้แบบนี้ก็คงจะไม่แต่งหน้ามาตั้งแต่แรก

เธอเปิดน้ำด้วยความเสียใจและล้างเครื่องสำอางด้วยน้ำที่อยู่ในมือ ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่เธอจะล้างเครื่องสำอางที่หน้าจนหมด เมื่อโม่อ้ายลี่ออกมาแต่ก็ไม่เห็นร่างของชูอี้เสิ่นอยู่แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะนั่งลงย่องๆและร้องไห้ เพียงแค่เธอเข้าไปล้างหน้าเขาก็ไม่อยากที่จะรอแล้ว นี่ถ้าเป็นมู่หรงเสวี่ย เธอคิดว่าเขาก็คงจะรอจนกว่าเธอจะเสร็จ

ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไร เธอก็ยิ่งเศร้ามากขึ้นเท่านั้น เธอก็ยิ่งร้องไห้อย่างใจสลายมากขึ้นไปอีก เธอไม่อยากที่จะชอบเขาแต่เธอก็ควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ถึงแม้เธอจะรู้ว่าการมาเจอเขาก็มีแต่จะทำให้เธอเศร้า แต่เธอก็ยังอยากที่จะเจอเขา

เรื่องที่เธออยากจะพูดก็ถูกพูดออกไปหมดแล้ว ครั้งหน้าเขาก็คงจะไม่ออกมาแล้ว

เมื่อชูอี้เสิ่นเดินเข้ามา เขาก็เห็นโม่อ้ายลี่กำลังนั่งย่องๆอยู่ที่ประตูหน้าห้องน้ำพร้อมมือที่วางอยู่ที่เข่าและหัวฝังลงไปที่ขา จู่ๆเขาก็รู้สึกเจ็บในหัวใจขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าโม่อ้ายลี่ก็เหมือนกับตัวเขาเอง เขาไม่สามารถเข้าใจความเจ็บปวดที่เขาไม่สามารถช่วยได้ เพราะแบบนี้เขาถึงไม่อยากที่จะเจอเธออีก ข้อแรกคือเขาไม่อยากที่จะทำร้ายเธอ ส่วนอีกเรื่องคือเขากลัวว่าตัวเองจะรู้สึกสงสารเธอ แต่ความสงสารไม่ใช่ความรัก เขารู้เรื่องนี้ดี

เขากะพริบตาและลูบไปที่หัวของเธอ “อย่าร้องเลย…” โม่อ้ายลี่เงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจและหยดน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาจากตา พูดตามตรงนี่ไม่ใช่ภาพที่สวยเลยแต่ ชูอี้เสิ่นคิดว่าเธอโง่และน่ารักมาก

“ว้าว…ไอ้ทุเรศ…ฉันคิดว่านายกลับไปแล้ว…” ทันใดนั้นโม่อ้ายลี่ก็กระโดดเข้าใส่อ้อมแขนของเขา

ทันใดนั้นร่างของชูอี้เสิ่นก็นิ่ง เขาพยายามที่จะผลักเธอออกอย่างไม่รู้ตัวแต่เมื่อเห็นเธอร้องไห้จนแทบหายใจไม่ทัน สุดท้ายเขาก็วางมือลงและปล่อยให้เธอร้องไห้จนเลอะเทอะเขาไปหมด

จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงผ่านไป โม่อ้ายลี่ก็ค่อยๆหยุดร้องไห้ เธอมองไปที่รอยเปียกที่หน้าอกของชูอี้เสิ่นอย่างรู้สึกอับอาย

“ฉันขอโทษ…”

“ไม่เป็นไร ใจเย็นขึ้นหรือยัง?” ชูอี้เสิ่นถาม

“คือ ฉัน…ฉันชอบนาย!” โม่อ้ายลี่กัดปากตัวเองและพูดออกไปอย่างกล้าหาญ

ชูอี้เสิ่นถอนหายใจแล้วพูดออกมา “ฉันรักเสี่ยวเสวี่ยและในชีวิตนี้ฉันก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนด้วย…” เขาพูดอย่างจริงจัง

โม่อ้ายลี่ก้มหัวลง “เสี่ยวเสวี่ยมีแฟนแล้ว นายไม่รู้งั้นเหรอ?” เธอรู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นการทำร้ายเขาแต่เธอก็ยังจะพูดออกไป อันที่จริงทันทีที่เธอพูดออกไป เธอก็รู้สึกเสียใจ อย่างไรก็ตามชูอี้เสิ่นเผยรอยยิ้มขมขื่น “ฉันรู้แล้ว เสี่ยวเสวี่ยบอกฉันแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องย้ำเรื่องนี้กับฉันหรอก…”

อย่างไรก็ตาม โม่อ้ายลี่ถามออกมาอย่างตื่นเต้น “นายรู้งั้นเหรอ?! นายรู้แต่นายก็ยังรักเธอ นี่นายโง่หรือเปล่า?! ตลอดชีวิตนี้นายไม่สามารถที่จะได้อยู่กับเธอ…” หัวใจเธอเจ็บปวดแต่ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ

ชูอี้เสิ่นเงยหน้าขึ้นมาและถามเธอ “แล้วเธอล่ะ?”

โม่อ้ายลี่เองก็ถูกทิ้งแล้วสีหน้าของเธอก็ขมขื่นขึ้น ใช่ พวกเธอต่างก็โง่พอกัน

“เป็นฉันไม่ได้เหรอ?” โม่อ้ายลี่ถามอย่างไม่ลังเล

ชูอี้เสิ่นส่ายหัว “ฉันไม่หลอกตัวเอง มันไม่ยุติธรรมทั้งกับเธอแล้วก็ฉัน…เธอยังเด็ก และเธอจะได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าฉันหลายเท่า…”

“แต่คนพวกนั้นไม่ใช่นาย…” โม่อ้ายลี่ร้องไห้อีกครั้ง

ชูอี้เสิ่นมองไปที่เธอและพูดออกมาอย่างจริงจัง “ตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้เถอะ ฉันชอบเธอไม่ได้!”

สีหน้าของโม่อ้ายลี่เปลี่ยนเป็นซีดขาว นี่ตรงไปตรงมามากจนเธอไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปรบกวนเขาอีก…เขาไม่เหลือพื้นที่ให้เธอเลย

“ฉันขอโทษ…” ชูอี้เสิ่นหันหลังแล้วเดินออกไป เขาไม่ควรที่จะปลอบหัวใจที่เจ็บปวดของโม่อ้ายลี่ ไม่งั้นเขาก็มีแต่จะลากเธอลงนรกแทนที่จะได้ช่วยเธอ

โม่อ้ายลี่ยึดมั่นที่จะอยู่ในจุดที่เธออยู่ เธอรู้สึกเสียใจที่ครั้งนี้ได้มาเจอเขา

ถ้าเราไม่เจอกัน อย่างน้อยเธอก็ยังหลอกตัวเองได้

ถ้าเธอไม่เข้าใจ อย่างน้อยเธอก็ยังสร้างฝันของตัวเองได้

ตอนนี้ความรักของเธอได้เหลวแหลกลงไปก่อนที่จะได้เริ่มซะอีก เธอไม่มีโอกาสได้ประนีประนอมเลยด้วยซ้ำ ทำไมต้องเป็นเสี่ยวเสวี่ยด้วย? เธอไม่มีแม้แต่ทางออกที่น่าอิจฉาได้เลยด้วยซ้ำ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 234 ขอโทษ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 234 ขอโทษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 234

ขอโทษ

พนักงานเสิร์ฟโค้งตัวแสดงความเคารพ แล้วจึงเดินออกไปและปิดประตูก่อนที่ไปด้วย โม่อ้ายลี่ยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่มอึกใหญ่แล้วก็ต้องตกใจกับความร้อน

เธอมองไปที่นาฬิกา เธอมาถึงก่อนเวลาไปหนึ่งชั่วโมง…ก่อนที่จะถึงเวลาเธอก็ยังมีเวลาที่จะคิดว่าจะพูดยังไงดี

เมื่อเขาเห็นเธอเขาจะโกรธหรือเปล่า?

เขาจะชอบการแต่งตัวของเธอวันนี้หรือเปล่า?

เขาจะคิดว่าเธอสวยหรือเปล่า?

สิ่งที่โม่อ้ายลี่คิดอยู่ในใจคือความคิดเห็นของเขาที่มีต่อเธอ

ครึ่งชั่วโมงต่อมาประตูก็ถูกผลักเปิดออก และโม่อ้ายลี่ก็มองอย่างกังวลไปที่ประตู วันนี้ดูเหมือนเขาจะแต่งตัวอย่างตั้งใจซึ่งแตกต่างจากเสื้อผ้าทางการก่อนหน้านี้ วันนี้เขาสวมชุดสูทลำลองสีขาวและโดยรวมแล้วก็ดูหล่อมากๆ

เมื่อชูอี้เสิ่นเห็นโม่อ้ายลี่นั่งอยู่ในห้อง รอยยิ้มของเขาก็จางลงในทันที ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในห้องเขาก็หันหลังอยากที่จะเดินกลับออกไปทันที

โม่อ้ายลี่เห็นเขาหันหลังและอยากที่จะเดินออกไป สีหน้าของเธอซีดลงทันที เธอกำหมัดแน่นแล้วพูดออกไป “นี่เสี่ยวเสวี่ยเป็นคนขอให้นายมาที่นี่ นายแน่ใจเหรอว่าจะกลับ?” น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย

“แล้วมู่หรงเสวี่ยล่ะ?” เดิมทีชูอี้เสิ่นอยากที่จะกลับแต่เมื่อได้ยินคำพูดของโม่อ้ายลี่ เขาก้หันกลับมาอีกครั้งแล้วถามออกมาอย่างไร้ซึ่งความสุภาพ

โม่อ้ายลี่มองไปที่พนักงานเสิร์ฟและบอกให้เขาออกไป

พนักงานเสิร์ฟพยักหน้า เดินออกไปแล้วปิดประตู

“นั่งลงก่อนสิ” โม่อ้ายลี่เองก็ไม่สนใจท่าทางที่ไม่สุภาพของเขาแล้วพูดออกมา

ชูอี้เสิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อยและนั่งลงอย่างอดทน

“เสี่ยวเสวี่ยไม่มาหรอก ฉันขอให้เธอช่วยชวนนายออกมา…” โม่อ้ายลี่อธิบายเสียงต่ำ “นายผิดหวังมากที่ไม่เห็นมู่หรงเสวี่ยงั้นเหรอ?”

“แน่นอนสิว่าต้องผิดหวัง!” ชูอี้เสิ่นพูดออกมาอย่างหยาบคาย ไม่สนใจสีหน้าที่ซีดเผือดของโม่อ้ายลี่เลย “มีอะไร?! เธอขอให้ฉันออกมาทำไม?”

“ฉันโทรหานายแต่นายก็ไม่รับสาย ฉันอยากที่จะบอกอะไรนายบางอย่าง…” โม่อ้ายลี่กัดริมฝีปากและพูดออกมาเสียงเบา

ชูอี้เสิ่นนวดขมับที่รู้สึกปวด เขารู้ความรู้สึกของเธอดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะเลี่ยง เขาไม่คิดว่าเธอจะดื้อขนาดนี้

“งั้นก็พูดมา! ฉันจะฟัง” ชูอี้เสิ่นเบาเสียงที่พูดลง ไม่คิดว่าก่อนหน้านี้ที่เขาพยายามเลี่ยงแต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ นี่ควรจะพูดว่าเธอไร้เดียงสาหรือโง่ดีเนี่ย ก็รู้อยู่ชัดๆว่าคนที่เขารักคือ เสี่ยวเสวี่ย

“รู้หรือเปล่าว่าตอนที่ฉันเห็นนายครั้งแรก ฉันคิดจริงๆว่านายน่ารังเกียจและหยิ่งยโสอย่างมาก ฉันรู้สึกดูถูกผู้ชายอย่างนายจริงๆ…” โม่อ้ายลี่พูดถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่พวกเธอได้เจอกัน มือของชูอี้เสิ่นกระตุกไปเล็กน้อยตอนที่ยกถ้วยชำขึ้นมา นี่เขาแย่ขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?! “งั้นเหรอ?”

“ต่อมา ครั้งที่สองก็ตอนที่นายถูกมู่หรงทิ้ง ฉันคิดว่านายน่าสงสารมากก็เลยพานายไปกินมื้อใหญ่แล้วก็คิดว่านายคงไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้น…” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอก็หัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ครั้งนี้ชูอี้เสิ่นไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับนั่งฟังโม่อ้ายลี่บอกว่าเธอเกลียดเขามากแค่ไหนและเขาไม่อยากที่จะทำให้เธอเสียใจ น่าเสียดายที่ไม่มีใครกล้าที่จะเกลียดเด็กสาวที่พูดตรงได้ขนาดนี้ น่าเสียดายที่พวกเขาเจอกันผิดเวลาไปหน่อย หัวใจของเขากลายเป็นคนของคนอื่นไปแล้วและเขาก็อดไม่ได้ที่จะ… “ส่วนครั้งที่สามนายก็จูบฉัน…”

“ฟู่!ชูอี้เสิ่นที่เพิ่งดื่มชาเข้าไปก็พ่นออกมาทันที “เธอว่าไงนะ?! อย่ามาพูดจาไร้สาระนะ”

โม่อ้ายลี่จ้องไปที่เขาทันที “นายขโมยจูบแรกของฉันไปแต่นายก็ไม่ยอมรับ!!!!” สะอื้น “ฉันอยากที่จะบอกเสี่ยวเสวี่ย…” เธอร้องออกมา ถึงแม้เธอจะรู้ว่าครั้งที่แล้วเขาเมาและคิดว่าเธอเป็นเสี่ยวเสวี่ย นั่นเป็นจูบแรกของเธอซึ่งเธอหวงแหนมันมาก มันไม่ยุติธรรมเลยที่มีแต่เธอเท่านั้นที่จำได้

ชูอี้เสิ่นตกตะลึง เด็กสาวคนนี้จะร้องไห้ทำไม? เขาจะเตรียมใจกับเรื่องนี้ได้ยังไง? แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะพูดออกไป เขาไปขโมยจูบแรกของเธอตั้งแต่เมื่อไร?! เรื่องพวกนี้จะเอามาพูดพล่อยๆไม่ได้นะ

แต่เด็กสาวตรงหน้าเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้เขาฟัง เธอเพียงแค่ร้องไห้อีกครั้งจนแทบจะหายใจไม่ทัน ซึ่งดูน่าสงสารอย่างมาก

หลังจากเวลาผ่านไปนาน เขาก็หยิบกล่องกระดาษทิชชูที่โต๊ะและส่งให้เธอ “อย่าร้องเลย…” ดวงตาของเธอแดงก่ำจนทุกคนคงจะคิดว่าเขารังแกเธอ

โม่อ้ายลี่รับกล่องทิชชูมาและเช็ดน้ำตาตัวเอง ในตอนนี้ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอก็กลายเป็นเลอะเทอะ

“ฟู่!” หลังจากที่ชูอี้เสิ่นเห็น เชาก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา

มือที่กำลังเช็ดน้ำตาอยู่ของโม่อ้ายลี่หยุดชะงั้ก เธอถูกแกล้ง

เมื่อเห็นสีหน้าที่นิ่งของเธอ ชูอี้เสิ่นรู้เลยว่าเธอกำลังเข้าใจเขาผิดอยู่ จึงชี้ไปที่หน้าของเธอและพูดออกไป “อยากจะไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าก่อนไหม…”

โม่อ้ายลี่มองไปที่ดอกไม้และสีสันที่อยู่บนกระดาษทิชชู เธอปิดหน้าและวิ่งไปที่ห้องน้ำ

ที่หน้ากระจก ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีดำและสีแดง เธออยากให้เขาเห็นด้านที่สวยงามของเธอแต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เห็นด้านที่แย่ที่สุดของเธอ ถ้าเธอรู้แบบนี้ก็คงจะไม่แต่งหน้ามาตั้งแต่แรก

เธอเปิดน้ำด้วยความเสียใจและล้างเครื่องสำอางด้วยน้ำที่อยู่ในมือ ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่เธอจะล้างเครื่องสำอางที่หน้าจนหมด เมื่อโม่อ้ายลี่ออกมาแต่ก็ไม่เห็นร่างของชูอี้เสิ่นอยู่แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะนั่งลงย่องๆและร้องไห้ เพียงแค่เธอเข้าไปล้างหน้าเขาก็ไม่อยากที่จะรอแล้ว นี่ถ้าเป็นมู่หรงเสวี่ย เธอคิดว่าเขาก็คงจะรอจนกว่าเธอจะเสร็จ

ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไร เธอก็ยิ่งเศร้ามากขึ้นเท่านั้น เธอก็ยิ่งร้องไห้อย่างใจสลายมากขึ้นไปอีก เธอไม่อยากที่จะชอบเขาแต่เธอก็ควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ถึงแม้เธอจะรู้ว่าการมาเจอเขาก็มีแต่จะทำให้เธอเศร้า แต่เธอก็ยังอยากที่จะเจอเขา

เรื่องที่เธออยากจะพูดก็ถูกพูดออกไปหมดแล้ว ครั้งหน้าเขาก็คงจะไม่ออกมาแล้ว

เมื่อชูอี้เสิ่นเดินเข้ามา เขาก็เห็นโม่อ้ายลี่กำลังนั่งย่องๆอยู่ที่ประตูหน้าห้องน้ำพร้อมมือที่วางอยู่ที่เข่าและหัวฝังลงไปที่ขา จู่ๆเขาก็รู้สึกเจ็บในหัวใจขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าโม่อ้ายลี่ก็เหมือนกับตัวเขาเอง เขาไม่สามารถเข้าใจความเจ็บปวดที่เขาไม่สามารถช่วยได้ เพราะแบบนี้เขาถึงไม่อยากที่จะเจอเธออีก ข้อแรกคือเขาไม่อยากที่จะทำร้ายเธอ ส่วนอีกเรื่องคือเขากลัวว่าตัวเองจะรู้สึกสงสารเธอ แต่ความสงสารไม่ใช่ความรัก เขารู้เรื่องนี้ดี

เขากะพริบตาและลูบไปที่หัวของเธอ “อย่าร้องเลย…” โม่อ้ายลี่เงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจและหยดน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาจากตา พูดตามตรงนี่ไม่ใช่ภาพที่สวยเลยแต่ ชูอี้เสิ่นคิดว่าเธอโง่และน่ารักมาก

“ว้าว…ไอ้ทุเรศ…ฉันคิดว่านายกลับไปแล้ว…” ทันใดนั้นโม่อ้ายลี่ก็กระโดดเข้าใส่อ้อมแขนของเขา

ทันใดนั้นร่างของชูอี้เสิ่นก็นิ่ง เขาพยายามที่จะผลักเธอออกอย่างไม่รู้ตัวแต่เมื่อเห็นเธอร้องไห้จนแทบหายใจไม่ทัน สุดท้ายเขาก็วางมือลงและปล่อยให้เธอร้องไห้จนเลอะเทอะเขาไปหมด

จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงผ่านไป โม่อ้ายลี่ก็ค่อยๆหยุดร้องไห้ เธอมองไปที่รอยเปียกที่หน้าอกของชูอี้เสิ่นอย่างรู้สึกอับอาย

“ฉันขอโทษ…”

“ไม่เป็นไร ใจเย็นขึ้นหรือยัง?” ชูอี้เสิ่นถาม

“คือ ฉัน…ฉันชอบนาย!” โม่อ้ายลี่กัดปากตัวเองและพูดออกไปอย่างกล้าหาญ

ชูอี้เสิ่นถอนหายใจแล้วพูดออกมา “ฉันรักเสี่ยวเสวี่ยและในชีวิตนี้ฉันก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนด้วย…” เขาพูดอย่างจริงจัง

โม่อ้ายลี่ก้มหัวลง “เสี่ยวเสวี่ยมีแฟนแล้ว นายไม่รู้งั้นเหรอ?” เธอรู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นการทำร้ายเขาแต่เธอก็ยังจะพูดออกไป อันที่จริงทันทีที่เธอพูดออกไป เธอก็รู้สึกเสียใจ อย่างไรก็ตามชูอี้เสิ่นเผยรอยยิ้มขมขื่น “ฉันรู้แล้ว เสี่ยวเสวี่ยบอกฉันแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องย้ำเรื่องนี้กับฉันหรอก…”

อย่างไรก็ตาม โม่อ้ายลี่ถามออกมาอย่างตื่นเต้น “นายรู้งั้นเหรอ?! นายรู้แต่นายก็ยังรักเธอ นี่นายโง่หรือเปล่า?! ตลอดชีวิตนี้นายไม่สามารถที่จะได้อยู่กับเธอ…” หัวใจเธอเจ็บปวดแต่ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ

ชูอี้เสิ่นเงยหน้าขึ้นมาและถามเธอ “แล้วเธอล่ะ?”

โม่อ้ายลี่เองก็ถูกทิ้งแล้วสีหน้าของเธอก็ขมขื่นขึ้น ใช่ พวกเธอต่างก็โง่พอกัน

“เป็นฉันไม่ได้เหรอ?” โม่อ้ายลี่ถามอย่างไม่ลังเล

ชูอี้เสิ่นส่ายหัว “ฉันไม่หลอกตัวเอง มันไม่ยุติธรรมทั้งกับเธอแล้วก็ฉัน…เธอยังเด็ก และเธอจะได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าฉันหลายเท่า…”

“แต่คนพวกนั้นไม่ใช่นาย…” โม่อ้ายลี่ร้องไห้อีกครั้ง

ชูอี้เสิ่นมองไปที่เธอและพูดออกมาอย่างจริงจัง “ตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้เถอะ ฉันชอบเธอไม่ได้!”

สีหน้าของโม่อ้ายลี่เปลี่ยนเป็นซีดขาว นี่ตรงไปตรงมามากจนเธอไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปรบกวนเขาอีก…เขาไม่เหลือพื้นที่ให้เธอเลย

“ฉันขอโทษ…” ชูอี้เสิ่นหันหลังแล้วเดินออกไป เขาไม่ควรที่จะปลอบหัวใจที่เจ็บปวดของโม่อ้ายลี่ ไม่งั้นเขาก็มีแต่จะลากเธอลงนรกแทนที่จะได้ช่วยเธอ

โม่อ้ายลี่ยึดมั่นที่จะอยู่ในจุดที่เธออยู่ เธอรู้สึกเสียใจที่ครั้งนี้ได้มาเจอเขา

ถ้าเราไม่เจอกัน อย่างน้อยเธอก็ยังหลอกตัวเองได้

ถ้าเธอไม่เข้าใจ อย่างน้อยเธอก็ยังสร้างฝันของตัวเองได้

ตอนนี้ความรักของเธอได้เหลวแหลกลงไปก่อนที่จะได้เริ่มซะอีก เธอไม่มีโอกาสได้ประนีประนอมเลยด้วยซ้ำ ทำไมต้องเป็นเสี่ยวเสวี่ยด้วย? เธอไม่มีแม้แต่ทางออกที่น่าอิจฉาได้เลยด้วยซ้ำ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+