ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 240 การบาดเจ็บ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 240 การบาดเจ็บ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 240

การบาดเจ็บ

“เฉียนฉี เธอพาเสี่ยวเสวี่ยไปดูภายในของหลิวหยุนจงทีนะ บอกเธอเรื่องที่จะต้องรู้ ชางกวนหลินอยู่ก่อนส่วนคนอื่นๆลงไปได้แล้ว” น้ำเสียงเย็นชาของหลิวฮวงดังขึ้นมา

“เสี่ยวเสวี่ยเธอเข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันตามไปทีหลัง” ชางกวนหลินกระซิบ

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า จากนั้นก็ค่อยๆเดินออกมาตามแนวแล้วจึงออกทางประตูหลักของห้องโถงไป

เหลงเฉียนฉีและหลิวเจียซินออกมาพร้อมกัน

หลิวเจียซินบอกว่าเธอมีเรื่องที่จะต้องทำและแยกตัวออกไป เธอไม่สนใจที่จะอยู่กับเด็กสาว ในฐานะศิษย์พี่ เธอไม่ใช่คนที่จะเสียเวลามาอยู่กับผู้หญิงแบบนี้นี้ เธอคิดอยู่ในใจ มันคงจะดีกว่าที่จะปล่อยเธอไว้กับรุ่นพี่แล้วรอดูว่าเขาจะจัดการกับเธอยังไง

ตอนนี้มีเพียงสองคนที่กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูของห้องโถง

มู่หรงเสวี่ยเดินมาข้างหน้า “ศิษย์พี่ ครั้งที่แล้วพี่ใส่บางอย่างเข้าไปในร่างกายของฉัน ช่วยเอามันออกไปทีได้ไหมคะ?! ยังไงซะเราก็เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน…” ตราบใดที่เขาช่วยเอาออกให้เธอตอนนี้ เธอก็จะไม่สนใจท่าทางหยาบคายของเขาก่อนหน้านี้

รอยยิ้มเย็นชาเผยออกมาพร้อมเสียงเย็นชาที่เปล่งออกมา “เอาออกงั้นเหรอ?! ทำไมฉันถึงจำไม่ได้เลยล่ะว่าทำอะไรแบบนั้นด้วย?”

เขาจะไม่ยอมรับงั้นเหรอ?!! “พี่จะไม่ยอมรับใช่ไหม?! งั้นถ้าฉันบอกท่านอาจารย์พี่ก็คงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?” มู่หรงพูดขู่เล็กน้อย

สายตาแวบประกายเย็นชา “เธอคิดว่าท่านอาจารย์จะเชื่อคำพูดของลูกศิษย์ที่ฝึกมานานหรือจะเชื่อเรื่องที่เด็กใหม่ที่ยังไม่ได้ฝึกอะไรเลยสักนิดพูดดีล่ะ?!! ตลกดีนะ…” มือที่เรียวยาวของเขาจับคางมู่หรงไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง

มือของมู่หรงเสวี่ยยกขึ้นและปัดไปที่มือที่จับคางเธออย่างแรง! ไอ้ทุเรศ ก่อนที่เธอจะมาที่นี่ เธอได้ยินจากกวนหลินว่าเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าหรือสู้กันเอง ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่กลัวเขาแล้ว

เหลงเฉียนฉีดึงมือกลับมาและพูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นชากว่าเดิม “ฉันไม่ได้เจอเธอมาเดือนหนึ่งแต่ก็ถือว่าเธอกล้าขึ้นมากนะ ฉันคิดว่าเธอคงเบื่อชีวิตแล้ว…”

“อืม เราจะฆ่ากันเองไม่ได้ ศิษย์พี่ลืมเรื่องกฎของไปแล้วหรือไง?” เมื่อมู่หรงเสวี่ยพูดจบเธอก็เดินลงบันไดไป

เหลงเฉียนฉีรีบตามเธอไปและไปยืนอยู่ข้างๆเธอ “ดุเหมือนว่าเธอจะเชื่อฟังเรื่องกฎจริงๆนะ เพราะแบบนี้ถึงได้กล้าขึ้นมาล่ะสิ…”

แตกต่างจากเวลาที่อยู่โลกภายนอก ในนี้เหลงเฉียนฉีไม่ต้องปกปิดครึ่งใบหน้าที่แปลกประหลาดของเขาเลยสักนิด มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เขาและพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ฉันขอบอกเลยนะศิษย์พี่ พี่ควรที่จะคลุมหน้าด้านที่ดำดีกว่านะคะ มันคงไม่ดีแน่ถ้าทำให้พวกต้นไม้ ดอกไม้ที่นี่ตกใจกลัว…” น้ำเสียงประชดประชันพูดออกมาเพื่อทำให้เขาเจ็บ ในเมื่อเขาไม่อยากที่จะญาติดีกับเธอ งั้นเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดีกับเขาเหมือนกัน…

เหลงเฉียนฉีรีบยื่นหน้าเข้ามาหน้าเธอทันที ใบหน้าของพวกเขาห่างกันไม่ถึงนิ้ว ทันใดนั้นใบหน้าที่ยื่นเข้ามาก็ทำให้ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยเบิกกว้างขึ้นมาทันที หลังจากที่ตกใจ เธอก็ถอยหลังไปจนสะดุดเข้ากับบันได จู่ๆมู่หรงเสวี่ยก็เสียการทรงตัว เธอเซอยู่สักพักแล้วจึงล้มลงไปด้านข้าง

จริงๆแล้วเหลงเฉียนฉีก็สามารถที่จะช่วยเธอไม่ให้ล้มลงไปได้เพียงแค่เขายื่นมือออกไป อย่างไรก็ตามไอ้ผู้ชายทุเรศกลับกระโดดออกไปจากบันไดและทำให้มู่หรงตกบันไดลงไปอย่างแรง หน้าผากของเธอกระแทกและความเจ็บก็แล่นขึ้นมาทันที มู่หรงเสวี่ยยื่นมือไปแตะและเลือดก็เลอะเต็มฝ่ามือเธอไปหมด

สายตาของเหลงเฉียนฉีแวบประกายแล้วก็รีบจางหายไปอย่างรวดเร็ว มู่หรงเสวี่ยยืนขึ้นมาด้วยความโกรธพร้อมทั้งพูดออกมา “นาย…” สุดท้ายเธอก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไร ขอเท้าของเธอพลิกทำให้เธอเดินเซเล็กน้อย

เหลงเฉียนฉีจับเอาเธอไว้และอุ้มเธอขึ้นมา มู่หรงเสวี่ยลอยขึ้นมาในอากาศจนต้องจับแขนเสื้อเขาไว้ หลังจากที่เห็นท่าทางน่าอายของตัวเอง สุดท้ายเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “นายจะทำอะไร?! ไอ้ทุเรศ วางฉันลงเดี๋ยวนี้นะ…”

“หุบปาก ไม่งั้นฉันจะโยนเธอลงไปที่เหวอีกรอบเลย!” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นมา

มู่หรงเสวี่ยรีบเงียบเสียงทันทีเพราะกลัวเขาจะโยนเธอตกภูเขา เขามันไอ้ทุเรศจอมเย็นชา เธอรับรองไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะเมตตาเพราะเธอเป็นศิษย์น้องของเขาหรือเปล่า

เหลงเฉียนฉีอุ้มมู่หรงเสวี่ยราวกับไม่ต้องออกแรงอะไรเลย หลังจากที่ลงมาจากบันได เขาก็รีบลอยขึ้นไปในอากาศและใช้ทักษะการบินของตัวเองทันที เขารีบบินผ่านภูเขาหลิวหยุนจงด้วยท่าทางกึ่งยืนกึ่งบิน เหลงเฉียนฉีรู้สึกไม่ค่อยถนัดเท่าไรเมื่อต้งอุ้มมู่หรงเสวี่ยไปด้วย โดยเฉพาะตอนที่เขาอยู่บนอากาศ มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ว่าเป็นเพราะการบินขึ้นๆลงๆหรือเปล่าแต่เธอเกือบที่จะอ้วกออกมาแล้ว…

“ปล่อยฉันลง!” สุดท้าย มู่หรงเสวี่ยก็ทนไม่ได้จนต้องตะโกนออกมาและถ้าเธอไม่ได้ลง เธอก็คงจะอ้วกออกมาแน่ๆ

“เธอจะทำอะไร?” เหลงเฉียนฉีพูดอย่างอดกลั้น

มู่หรงเสวี่ยโมโห “ฉันจะอ้วกแล้ว ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้ นายตั้งใจใช่ไหมเนี่ย!” ท่าทางกึ่งยืนกึ่งลอยของเธออดที่จะจ้องไปที่เขาไม่ได้ เธอทำได้เพียงรอให้เขาลงถึงพื้น

เมื่อถึงยอดเขาหลิวหยุน เหลงเฉียนฉีก็หยุดแล้วจึงปล่อยมือ มู่หรงเสวี่ยล้มลงไปอีกครั้ง

เท้าที่บาดเจ็บต้องเจ็บขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง และสีหน้าของมู่หรงเสวี่ยก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด เธอกัดริมฝีปาก รู้สึกหนาวไปหมด

สีหน้าเย็นชาของเหลงเฉียนฉีแวบประกายเขินๆเล็กน้อยแล้วจึงพูดออกมา “เธอบอกให้ฉันปล่อยเธอลงไม่ใช่เหรอ?!!” นี่ไงคือสิ่งที่เธอขอ

มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เขาอย่างโกรธเกรี้ยวและไม่อยากที่จะพูดอะไรกับเขาอีก เท้าที่เจ็บของเธอแทบจะยืนไม่ได้ เธอไม่อยากที่จะเห็นเหลงเฉียนฉีอีก เธอกลัวว่าตัวเองจะต้องตาบอด

“เธอกำลังจะไปไหน?” เหลงเฉียนฉีถาม

มู่หรงเสวี่ยยังไม่หยุดฝีเท้า ไม่ฟังคำที่เขาพูดออกมา

เหลงเฉียนฉีรีบเดินมาข้างๆมู่หรงเสวี่ยแล้วจึงจับแขนเธอไว้ เพราะเขาไม่ได้ยั้งมือเลยตอนที่ดึง เท้าของมู่หรงเสวี่ยจึงสะดุดอีกรอบและเธอก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทันที “โอ๊ย!”

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ไอ้ผู้ชายทุเรศด้วยสายตาที่โกรธแค้น “นายต้องการอะไร?”

เหลงเฉียนฉีปล่อยแขนเธอแล้วอุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้งพร้อมทั้งเดินไปที่ถ้ำ หลังจากที่วางเธอลงบนม้านั่งหิน เขาก็พูดออกมาอย่างเย็นชา “ฉันจะเข้าไปเอายามาให้เธอ นั่นเฉยๆล่ะ…”

มู่หรงเสวี่ยเบ้ปาก ใครต้องการยาของเขากัน? ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอจะมาเจ็บหนักขนาดนี้ได้ยังไง? เขามันโรคจิต ไอ้ทุเรศ ไอ้หน้าผี เธอเอาแต่ก่นด่าอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้ลุกเดินหนีไปไหนเพราะเท้าของเธอเจ็บมากและเธอไม่อยากที่จะเดินไปไหนอีกแล้ว

หลังจากนั้นสักพัก เหลงเฉียนฉีก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องยาในมือ มู่หรงเสวี่ยยื่นมือออกไปทันที เธอไม่กล้าที่จะหวังว่าไอ้บ้านี่จะหายามาช่วยเธอจริงๆ ถ้าให้เขารักษา เท้าของเธอจะต้องหักแน่ๆ

เหลงเฉียนฉีถือกล่องยาไว้ในมือสักพักแล้วจึงวางกล่องยาลงในมือเธอ

มู่หรงเสวี่ยเปิดกล่องยาอย่างไม่เกรงใจ เมื่อเจอยาที่ใช่ก็หยิบขึ้นมาและเริ่มทายาด้วยตัวเอง

สายตาของเหลงเฉียนฉีแวบประกายอารมณ์ที่คาดเดาไม่ได้ เมื่อเขาเห็นเธอก็มีท่าทางเขินๆ เสื้อผ้าของมู่หรงเสวี่ยไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไร มีหลายจุดที่ขาดและเลอะเพราะการกลิ้งมากับพื้น ที่หน้าผากของเธอก็ยังมีแผลซึ่งเลือดยังไหลอยู่ด้วย เลือดไหลจากหน้าผากลงมาที่แก้มซึ่งดูน่ากลัวและน่าตกใจมาก ทำให้หน้าสวยๆเลอะเทอะไปหมด

มู่หรงเสวี่ยถอดรองเท้า ถุงเท้าและเผยให้เห็นข้อเท้าที่บวมของเธอซึ่งเต็มไปด้วยรอยเขียวซ้ำ เธอเปิดขวดยาอย่างระวังและทายาลงไปที่เท้า

สายตาของเหลงเฉียนฉีแวบประกายประหลาดใจเพราะเขายังไม่ได้บอกเธอเลยว่านั่นคือขวดยาอะไร ที่ขวดยาก็ไม่มีฉลากเขียนไว้ด้วย อย่างไรก็ตามมู่หรงเสวี่ยไม่แม้จะถามด้วยซ้ำ เธอเพียงแค่เปิดขวดยา ดมกลิ่นแล้วก็เจอขวดยาที่ถูกต้อง

เมื่อยาถูกทาลงไปที่แผลแล้ว ก็รู้สึกถึงความเย็นขึ้นมาทันที สุดท้ายแผลก็ไม่แย่เท่าไรแล้ว การแสดงออกทางสีหน้าของมู่หรงเสวี่ยอ่อนโยนขึ้น ยานี้เป็นยาที่ดีจริงๆ มันดีพอๆกับยาที่เธอพัฒนาขึ้นมาเองเลย บางทีนี่อาจจะดีกว่ายาที่เธอพัฒนาขึ้นมาซะอีก

บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะผลของยา มู่หรงเสวี่ยถึงรู้สึกเจ็บน้อยลง เธอค่อยสวมถุงเท้า รองเท้าและลองเดินดูสองสามก้าว ถึงแม้จะยังมีความเจ็บอยู่บ้างแต่อย่างน้อยเธอก็พอที่จะเดินได้ ตราบใดที่เธอพยายามที่จะถ่ายเทน้ำหนักไปที่เท้าอีกข้างที่ไม่เจ็บ

มู่หรงเสวี่ยเก็บขวดยาอย่างดีและยื่นกล่องคืนให้ เหลงเฉียนฉีอีกครั้ง “เอ้านี่!” หลังจากที่ส่งให้เขาเรียบร้อยเธอก็เดินออกมาจากถ้ำ ถ้ำนี้คือที่ที่ไอ้บ้านี่พักอยู่ เธอรู้สึกได้ถึงอันตรายถ้าเธอยังอยู่นานกว่านี้อีกหน่อย

เหลงเฉียนฉีมองกล่องยาที่อยู่ในมือและไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้เธอเดินออกไป

ที่ภูเขาหลิวหยุนจงมีถ้ำว่างเปล่าอยู่มากมาย มู่หรงเสวี่ยเจอถ้ำหนึ่งซึ่งไม่ใหญ่มากแล้วจึงเดินเข้าไปถ้ำหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากถ้ำของกวนหลิน ในถ้ำไม่มีอะไรเลยมีเพียงโครง อย่างไรก็ตามในมิติลับของมู่หรงเสวี่ยมีของอยู่มากมาย แต่เธอก็เอาออกมาไม่ได้เพราะไม่อยากที่จะอธิบายว่าของพวกนี้มาได้ยังไง ดังนั้นเธอจึงเพียงแค่นั่งลงที่ม้าหินที่อยู่ในสนาม

มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ว่าจะอธิบายกับท่านอาจารย์ยังไงดีเรื่องความจริงที่ว่าเธอจะอยู่ที่นี่อีกเพียงไม่นาน นอกจากเรื่องการฝึกของเธอแล้ว เธออยากที่จะรู้เรื่องห้วงเวลาและมิติลับเพิ่มขึ้นและยังเรื่องอื่นๆอีก เธอหวังที่จะได้เบาะแสเกี่ยวกับเรื่องทุกอย่างก่อนที่จะออกไป

เธอนั่งอยู่ไม่นานก่อนที่จะได้เห็นชางกวนหลินที่กำลังเดินเข้ามาดูเธอ

“เธอบาดเจ็บได้ยังไง?” ชางกวนหลินถามอย่างประหลาดใจ

มู่หรงเสวี่ยยิ้มเกรงๆ “อุบัติเหตุน่ะ”

สีหน้าของชางกวนหลินออกจะแปลกๆเล็กน้อยแล้วจึงหยิบยาออกมาจากกระเป๋ามิติลับเตรียมที่จะช่วยทำแผลที่หัวให้เธอ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 240 การบาดเจ็บ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 240 การบาดเจ็บ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 240

การบาดเจ็บ

“เฉียนฉี เธอพาเสี่ยวเสวี่ยไปดูภายในของหลิวหยุนจงทีนะ บอกเธอเรื่องที่จะต้องรู้ ชางกวนหลินอยู่ก่อนส่วนคนอื่นๆลงไปได้แล้ว” น้ำเสียงเย็นชาของหลิวฮวงดังขึ้นมา

“เสี่ยวเสวี่ยเธอเข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันตามไปทีหลัง” ชางกวนหลินกระซิบ

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า จากนั้นก็ค่อยๆเดินออกมาตามแนวแล้วจึงออกทางประตูหลักของห้องโถงไป

เหลงเฉียนฉีและหลิวเจียซินออกมาพร้อมกัน

หลิวเจียซินบอกว่าเธอมีเรื่องที่จะต้องทำและแยกตัวออกไป เธอไม่สนใจที่จะอยู่กับเด็กสาว ในฐานะศิษย์พี่ เธอไม่ใช่คนที่จะเสียเวลามาอยู่กับผู้หญิงแบบนี้นี้ เธอคิดอยู่ในใจ มันคงจะดีกว่าที่จะปล่อยเธอไว้กับรุ่นพี่แล้วรอดูว่าเขาจะจัดการกับเธอยังไง

ตอนนี้มีเพียงสองคนที่กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูของห้องโถง

มู่หรงเสวี่ยเดินมาข้างหน้า “ศิษย์พี่ ครั้งที่แล้วพี่ใส่บางอย่างเข้าไปในร่างกายของฉัน ช่วยเอามันออกไปทีได้ไหมคะ?! ยังไงซะเราก็เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน…” ตราบใดที่เขาช่วยเอาออกให้เธอตอนนี้ เธอก็จะไม่สนใจท่าทางหยาบคายของเขาก่อนหน้านี้

รอยยิ้มเย็นชาเผยออกมาพร้อมเสียงเย็นชาที่เปล่งออกมา “เอาออกงั้นเหรอ?! ทำไมฉันถึงจำไม่ได้เลยล่ะว่าทำอะไรแบบนั้นด้วย?”

เขาจะไม่ยอมรับงั้นเหรอ?!! “พี่จะไม่ยอมรับใช่ไหม?! งั้นถ้าฉันบอกท่านอาจารย์พี่ก็คงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?” มู่หรงพูดขู่เล็กน้อย

สายตาแวบประกายเย็นชา “เธอคิดว่าท่านอาจารย์จะเชื่อคำพูดของลูกศิษย์ที่ฝึกมานานหรือจะเชื่อเรื่องที่เด็กใหม่ที่ยังไม่ได้ฝึกอะไรเลยสักนิดพูดดีล่ะ?!! ตลกดีนะ…” มือที่เรียวยาวของเขาจับคางมู่หรงไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง

มือของมู่หรงเสวี่ยยกขึ้นและปัดไปที่มือที่จับคางเธออย่างแรง! ไอ้ทุเรศ ก่อนที่เธอจะมาที่นี่ เธอได้ยินจากกวนหลินว่าเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าหรือสู้กันเอง ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่กลัวเขาแล้ว

เหลงเฉียนฉีดึงมือกลับมาและพูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นชากว่าเดิม “ฉันไม่ได้เจอเธอมาเดือนหนึ่งแต่ก็ถือว่าเธอกล้าขึ้นมากนะ ฉันคิดว่าเธอคงเบื่อชีวิตแล้ว…”

“อืม เราจะฆ่ากันเองไม่ได้ ศิษย์พี่ลืมเรื่องกฎของไปแล้วหรือไง?” เมื่อมู่หรงเสวี่ยพูดจบเธอก็เดินลงบันไดไป

เหลงเฉียนฉีรีบตามเธอไปและไปยืนอยู่ข้างๆเธอ “ดุเหมือนว่าเธอจะเชื่อฟังเรื่องกฎจริงๆนะ เพราะแบบนี้ถึงได้กล้าขึ้นมาล่ะสิ…”

แตกต่างจากเวลาที่อยู่โลกภายนอก ในนี้เหลงเฉียนฉีไม่ต้องปกปิดครึ่งใบหน้าที่แปลกประหลาดของเขาเลยสักนิด มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เขาและพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ฉันขอบอกเลยนะศิษย์พี่ พี่ควรที่จะคลุมหน้าด้านที่ดำดีกว่านะคะ มันคงไม่ดีแน่ถ้าทำให้พวกต้นไม้ ดอกไม้ที่นี่ตกใจกลัว…” น้ำเสียงประชดประชันพูดออกมาเพื่อทำให้เขาเจ็บ ในเมื่อเขาไม่อยากที่จะญาติดีกับเธอ งั้นเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดีกับเขาเหมือนกัน…

เหลงเฉียนฉีรีบยื่นหน้าเข้ามาหน้าเธอทันที ใบหน้าของพวกเขาห่างกันไม่ถึงนิ้ว ทันใดนั้นใบหน้าที่ยื่นเข้ามาก็ทำให้ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยเบิกกว้างขึ้นมาทันที หลังจากที่ตกใจ เธอก็ถอยหลังไปจนสะดุดเข้ากับบันได จู่ๆมู่หรงเสวี่ยก็เสียการทรงตัว เธอเซอยู่สักพักแล้วจึงล้มลงไปด้านข้าง

จริงๆแล้วเหลงเฉียนฉีก็สามารถที่จะช่วยเธอไม่ให้ล้มลงไปได้เพียงแค่เขายื่นมือออกไป อย่างไรก็ตามไอ้ผู้ชายทุเรศกลับกระโดดออกไปจากบันไดและทำให้มู่หรงตกบันไดลงไปอย่างแรง หน้าผากของเธอกระแทกและความเจ็บก็แล่นขึ้นมาทันที มู่หรงเสวี่ยยื่นมือไปแตะและเลือดก็เลอะเต็มฝ่ามือเธอไปหมด

สายตาของเหลงเฉียนฉีแวบประกายแล้วก็รีบจางหายไปอย่างรวดเร็ว มู่หรงเสวี่ยยืนขึ้นมาด้วยความโกรธพร้อมทั้งพูดออกมา “นาย…” สุดท้ายเธอก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไร ขอเท้าของเธอพลิกทำให้เธอเดินเซเล็กน้อย

เหลงเฉียนฉีจับเอาเธอไว้และอุ้มเธอขึ้นมา มู่หรงเสวี่ยลอยขึ้นมาในอากาศจนต้องจับแขนเสื้อเขาไว้ หลังจากที่เห็นท่าทางน่าอายของตัวเอง สุดท้ายเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “นายจะทำอะไร?! ไอ้ทุเรศ วางฉันลงเดี๋ยวนี้นะ…”

“หุบปาก ไม่งั้นฉันจะโยนเธอลงไปที่เหวอีกรอบเลย!” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นมา

มู่หรงเสวี่ยรีบเงียบเสียงทันทีเพราะกลัวเขาจะโยนเธอตกภูเขา เขามันไอ้ทุเรศจอมเย็นชา เธอรับรองไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะเมตตาเพราะเธอเป็นศิษย์น้องของเขาหรือเปล่า

เหลงเฉียนฉีอุ้มมู่หรงเสวี่ยราวกับไม่ต้องออกแรงอะไรเลย หลังจากที่ลงมาจากบันได เขาก็รีบลอยขึ้นไปในอากาศและใช้ทักษะการบินของตัวเองทันที เขารีบบินผ่านภูเขาหลิวหยุนจงด้วยท่าทางกึ่งยืนกึ่งบิน เหลงเฉียนฉีรู้สึกไม่ค่อยถนัดเท่าไรเมื่อต้งอุ้มมู่หรงเสวี่ยไปด้วย โดยเฉพาะตอนที่เขาอยู่บนอากาศ มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ว่าเป็นเพราะการบินขึ้นๆลงๆหรือเปล่าแต่เธอเกือบที่จะอ้วกออกมาแล้ว…

“ปล่อยฉันลง!” สุดท้าย มู่หรงเสวี่ยก็ทนไม่ได้จนต้องตะโกนออกมาและถ้าเธอไม่ได้ลง เธอก็คงจะอ้วกออกมาแน่ๆ

“เธอจะทำอะไร?” เหลงเฉียนฉีพูดอย่างอดกลั้น

มู่หรงเสวี่ยโมโห “ฉันจะอ้วกแล้ว ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้ นายตั้งใจใช่ไหมเนี่ย!” ท่าทางกึ่งยืนกึ่งลอยของเธออดที่จะจ้องไปที่เขาไม่ได้ เธอทำได้เพียงรอให้เขาลงถึงพื้น

เมื่อถึงยอดเขาหลิวหยุน เหลงเฉียนฉีก็หยุดแล้วจึงปล่อยมือ มู่หรงเสวี่ยล้มลงไปอีกครั้ง

เท้าที่บาดเจ็บต้องเจ็บขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง และสีหน้าของมู่หรงเสวี่ยก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด เธอกัดริมฝีปาก รู้สึกหนาวไปหมด

สีหน้าเย็นชาของเหลงเฉียนฉีแวบประกายเขินๆเล็กน้อยแล้วจึงพูดออกมา “เธอบอกให้ฉันปล่อยเธอลงไม่ใช่เหรอ?!!” นี่ไงคือสิ่งที่เธอขอ

มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เขาอย่างโกรธเกรี้ยวและไม่อยากที่จะพูดอะไรกับเขาอีก เท้าที่เจ็บของเธอแทบจะยืนไม่ได้ เธอไม่อยากที่จะเห็นเหลงเฉียนฉีอีก เธอกลัวว่าตัวเองจะต้องตาบอด

“เธอกำลังจะไปไหน?” เหลงเฉียนฉีถาม

มู่หรงเสวี่ยยังไม่หยุดฝีเท้า ไม่ฟังคำที่เขาพูดออกมา

เหลงเฉียนฉีรีบเดินมาข้างๆมู่หรงเสวี่ยแล้วจึงจับแขนเธอไว้ เพราะเขาไม่ได้ยั้งมือเลยตอนที่ดึง เท้าของมู่หรงเสวี่ยจึงสะดุดอีกรอบและเธอก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทันที “โอ๊ย!”

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ไอ้ผู้ชายทุเรศด้วยสายตาที่โกรธแค้น “นายต้องการอะไร?”

เหลงเฉียนฉีปล่อยแขนเธอแล้วอุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้งพร้อมทั้งเดินไปที่ถ้ำ หลังจากที่วางเธอลงบนม้านั่งหิน เขาก็พูดออกมาอย่างเย็นชา “ฉันจะเข้าไปเอายามาให้เธอ นั่นเฉยๆล่ะ…”

มู่หรงเสวี่ยเบ้ปาก ใครต้องการยาของเขากัน? ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอจะมาเจ็บหนักขนาดนี้ได้ยังไง? เขามันโรคจิต ไอ้ทุเรศ ไอ้หน้าผี เธอเอาแต่ก่นด่าอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้ลุกเดินหนีไปไหนเพราะเท้าของเธอเจ็บมากและเธอไม่อยากที่จะเดินไปไหนอีกแล้ว

หลังจากนั้นสักพัก เหลงเฉียนฉีก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องยาในมือ มู่หรงเสวี่ยยื่นมือออกไปทันที เธอไม่กล้าที่จะหวังว่าไอ้บ้านี่จะหายามาช่วยเธอจริงๆ ถ้าให้เขารักษา เท้าของเธอจะต้องหักแน่ๆ

เหลงเฉียนฉีถือกล่องยาไว้ในมือสักพักแล้วจึงวางกล่องยาลงในมือเธอ

มู่หรงเสวี่ยเปิดกล่องยาอย่างไม่เกรงใจ เมื่อเจอยาที่ใช่ก็หยิบขึ้นมาและเริ่มทายาด้วยตัวเอง

สายตาของเหลงเฉียนฉีแวบประกายอารมณ์ที่คาดเดาไม่ได้ เมื่อเขาเห็นเธอก็มีท่าทางเขินๆ เสื้อผ้าของมู่หรงเสวี่ยไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไร มีหลายจุดที่ขาดและเลอะเพราะการกลิ้งมากับพื้น ที่หน้าผากของเธอก็ยังมีแผลซึ่งเลือดยังไหลอยู่ด้วย เลือดไหลจากหน้าผากลงมาที่แก้มซึ่งดูน่ากลัวและน่าตกใจมาก ทำให้หน้าสวยๆเลอะเทอะไปหมด

มู่หรงเสวี่ยถอดรองเท้า ถุงเท้าและเผยให้เห็นข้อเท้าที่บวมของเธอซึ่งเต็มไปด้วยรอยเขียวซ้ำ เธอเปิดขวดยาอย่างระวังและทายาลงไปที่เท้า

สายตาของเหลงเฉียนฉีแวบประกายประหลาดใจเพราะเขายังไม่ได้บอกเธอเลยว่านั่นคือขวดยาอะไร ที่ขวดยาก็ไม่มีฉลากเขียนไว้ด้วย อย่างไรก็ตามมู่หรงเสวี่ยไม่แม้จะถามด้วยซ้ำ เธอเพียงแค่เปิดขวดยา ดมกลิ่นแล้วก็เจอขวดยาที่ถูกต้อง

เมื่อยาถูกทาลงไปที่แผลแล้ว ก็รู้สึกถึงความเย็นขึ้นมาทันที สุดท้ายแผลก็ไม่แย่เท่าไรแล้ว การแสดงออกทางสีหน้าของมู่หรงเสวี่ยอ่อนโยนขึ้น ยานี้เป็นยาที่ดีจริงๆ มันดีพอๆกับยาที่เธอพัฒนาขึ้นมาเองเลย บางทีนี่อาจจะดีกว่ายาที่เธอพัฒนาขึ้นมาซะอีก

บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะผลของยา มู่หรงเสวี่ยถึงรู้สึกเจ็บน้อยลง เธอค่อยสวมถุงเท้า รองเท้าและลองเดินดูสองสามก้าว ถึงแม้จะยังมีความเจ็บอยู่บ้างแต่อย่างน้อยเธอก็พอที่จะเดินได้ ตราบใดที่เธอพยายามที่จะถ่ายเทน้ำหนักไปที่เท้าอีกข้างที่ไม่เจ็บ

มู่หรงเสวี่ยเก็บขวดยาอย่างดีและยื่นกล่องคืนให้ เหลงเฉียนฉีอีกครั้ง “เอ้านี่!” หลังจากที่ส่งให้เขาเรียบร้อยเธอก็เดินออกมาจากถ้ำ ถ้ำนี้คือที่ที่ไอ้บ้านี่พักอยู่ เธอรู้สึกได้ถึงอันตรายถ้าเธอยังอยู่นานกว่านี้อีกหน่อย

เหลงเฉียนฉีมองกล่องยาที่อยู่ในมือและไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้เธอเดินออกไป

ที่ภูเขาหลิวหยุนจงมีถ้ำว่างเปล่าอยู่มากมาย มู่หรงเสวี่ยเจอถ้ำหนึ่งซึ่งไม่ใหญ่มากแล้วจึงเดินเข้าไปถ้ำหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากถ้ำของกวนหลิน ในถ้ำไม่มีอะไรเลยมีเพียงโครง อย่างไรก็ตามในมิติลับของมู่หรงเสวี่ยมีของอยู่มากมาย แต่เธอก็เอาออกมาไม่ได้เพราะไม่อยากที่จะอธิบายว่าของพวกนี้มาได้ยังไง ดังนั้นเธอจึงเพียงแค่นั่งลงที่ม้าหินที่อยู่ในสนาม

มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ว่าจะอธิบายกับท่านอาจารย์ยังไงดีเรื่องความจริงที่ว่าเธอจะอยู่ที่นี่อีกเพียงไม่นาน นอกจากเรื่องการฝึกของเธอแล้ว เธออยากที่จะรู้เรื่องห้วงเวลาและมิติลับเพิ่มขึ้นและยังเรื่องอื่นๆอีก เธอหวังที่จะได้เบาะแสเกี่ยวกับเรื่องทุกอย่างก่อนที่จะออกไป

เธอนั่งอยู่ไม่นานก่อนที่จะได้เห็นชางกวนหลินที่กำลังเดินเข้ามาดูเธอ

“เธอบาดเจ็บได้ยังไง?” ชางกวนหลินถามอย่างประหลาดใจ

มู่หรงเสวี่ยยิ้มเกรงๆ “อุบัติเหตุน่ะ”

สีหน้าของชางกวนหลินออกจะแปลกๆเล็กน้อยแล้วจึงหยิบยาออกมาจากกระเป๋ามิติลับเตรียมที่จะช่วยทำแผลที่หัวให้เธอ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+