ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 245 ศิษย์สำนักเฟิงฮัว

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 245 ศิษย์สำนักเฟิงฮัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 245

ศิษย์สำนักเฟิงฮัว

มู่หรงเสวี่ยกระโดดทันทีและกระโดดขึ้นไปอยู่บนหลังของเจ้าอสูรฟันยักษ์ เธอยกดาบและกำลังที่จะตัดไปที่คอของมัน

เจ้าอสูรฟันยักษ์เห็นมู่หรงเสวี่ยที่ยืนอยู่บนหลังของมัน มันยกเท้าหน้าขึ้นทันทีและเริ่มวิ่งอย่างดุเดือดพร้อมทั้งเขย่าอย่างรุนแรงจากซ้ายไปขวาพยายามเหวี่ยงมู่หรงเสวี่ยออกจากหลังของมัน

ร่างกายของมู่หรงเสวี่ยสั่นอย่างรุนแรง เพื่อที่จะทรงตัวให้ได้ เธอต้องแบ่งอีกมือเพื่อจับไปที่เกล็ดของเจ้าอสูรฟันยักษ์ซึ่งหนาและแข็งอย่างมาก มู่หรงเสวี่ยวิ่งโดยไม่สนใจมันพร้อมทั้งยกดาบขึ้นและฟันลงไป

โอ้ เธอฟันมันไม่เข้าเลยสักนิดเพราะมู่หรงเสวี่ยไม่ได้ใช้พลังทางจิตวิญญาณแต่ใช้เพียงแค่พลังบริสุทธิ์ แต่ไม่คิดเลยว่าที่เกล็ดของมันจะไม่มีแม้รอยขีดข่วนและที่ผิวของมันก็ยังเปล่งประกายเหมือนเดิม

เพราะเจ้าอสูรฟันยักษ์ยังสร้างฝุ่นกองโตในระหว่างที่วิ่งไปด้วย มู่หรงเสวี่ยจึงกระโดดลงมาง่ายๆ

“โอ๊ย” หลังจากที่ร้องออกมา เจ้าอสูรฟันยักษ์ก็วิ่งไล่มู่หรง

มู่หรงเสวี่ยใช้พลังบริสุทธิ์ต่อสู้กับมันกว่าร้อยรอบ เธอเริ่มที่จะรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยและเริ่มรวบรวมพลังทางจิตวิญญาณของตัวเองเพื่อจัดการเรื่องนี้

“พลังฟืนิกซ์!”

ด้วยพลังทางจิตวิญญาณขนาดใหญ่ นกฟีนิกซ์สีแดงเพลิงบินโฉบลงไปที่เจ้าอสูรฟันยักษ์ด้วยท่าทางที่น่าภาคภูมิใจ เจ้าอสูรฟันยักษ์ที่เคยรู้สึกพอใจจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นหวาดกลัวขึ้นมาทันทีและแวบเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายร้ายแรง

หลังจากที่ถูกโจมตีจนกระเด็นห่างไปสิบเมตร เจ้าอสูรฟันยักษ์ก็ล้มลงไปกองกับพื้น

เมื่อมู่หรงเสวี่ยคิดว่าจะจากไปแบบนี้ เสี่ยวไป๋ที่มองการต่อสู้อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบก็พูดแนะนำขึ้นมา “เอาแกนคริสตัลของมันมา! ถึงแม้เธอจะไม่ได้แต่ก็เอาไปแลกเป็นเงินได้ เธอไม่มีเงินเลยใช่ไหมล่ะ?”

หลังจากช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ได้ทำความรู้จักกัน เสี่ยวไป๋ก็เข้าใจว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นคนที่มาจากโลกภายนอกซึ่งแตกต่างจากมิติที่มันอยู่ตอนนี้มาก ดังนั้นจึงยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอยังไม่เข้าใจอยู่

“ได้!” ก้าวที่เดินอยู่ของมู่หรงหยุดลงและนึกถึงความจริงเรื่องที่ว่าเธอไม่มีเงินเลยขึ้นมาได้

เธอเดินไปยังจุดที่เจ้าอสูรฟันยักษ์นอนกองอยู่ที่ห่างไม่ไกล แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าอสูรฟันยักษ์จะจู่ๆก็กระโดดเด้งขึ้นมาและบินห่างออกไปไกลด้วยความเร็วที่เร็วอย่างมาก

“บ้าจริง หน้าไม่อายจริงๆ! นี่ถึงขนาดต้องทำเป็นแกล้งตายเลยงั้นเหรอ” มู่หรงเสวี่ยไม่อยากที่จะเชื่อ เธอจะปล่อยให้เจ้าอสูรฟันยักษ์หนีไปได้อย่างสบายอารมณ์แบบนี้ไม่ได้ แน่นอน เธอจะปล่อยมันไปไม่ได้ นี่เป็นรางวัลสำหรับการฝึกอย่างหนักของเธอ ดังนั้นเธอจึงใช้พลังจิตเพื่อเร่งตามมันไปอย่างรวดเร็ว

ที่ห่างออกไปไกลคือกลุ่มของชายหญิงที่สวมชุดเหมือนกันและต่างก็กำลังมาที่ฝั่งนี้ด้วย พวกเขาต่างก็เป็นศิษย์ของสำนักเฟิงฮัว ครั้งนี้พวกเขาออกมาทำภารกิจของสำนัก ในแต่ละกลุ่มจะมีกันห้าคน พวกเขาจำเป็นต้องฆ่าอสูรแห่งจิตวิญญาณระดับ 5 ขึ้นไปและเอาแก่นคริสตัลของมันกลับไปที่สำนักเพื่อเป็นการเสร็จภารกิจ แน่นอนว่ายิ่งฆ่าได้มากเท่าไร ก็จะได้เป็นทีมที่อันดับสูงที่สุด และทีมหนึ่งในสามทุกคนก็จะได้รางวัลตอบแทนด้วย

“ศิษย์พี่ ข้าโชคดีจริงๆที่เจอเจ้าอสูรฟันยักษ์ระดับห้าที่บาดเจ็บสาหัส ถ้าเรารวมตัวนี้ เราก็จะได้แกนคริสตัล 6 อันแล้วนะ พวกตัวก่อนหน้านี้มีแต่ระดับ 4 ทั้งนั้นเลย แต่ถ้าเรารวมตัวนี้ที่อยู่ระดับ 5 เราก็จะต้องเป็นหนึ่งในสามแน่ๆเลย…” เสียงของหญิงสาวสวยดังขึ้นมา

“ดูสถานการณ์ก่อน บางทีมันอาจจะเป็นเหยี่อของคนอื่นก็ได้!” ชายที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่เห็นได้ชัดว่าใจเย็นอย่างมาก “ไม่เห็นมีใครเลยนิ เห็นไหมว่ามันกำลังจะหนีไปแล้ว…” สาวสวยพึมพำอย่างไม่พอใจแล้วก็ออกวิ่งไปหารางวัลของเธอ ในตอนนี้ไม่สำคัญหรอกว่ามันจะเป็นของใคร ตราบใดที่พวกเธอจัดการมันได้ มันก็จะต้องเป็นของพวกเธอ

“เจ้าอสูร อย่าหนีนะ!” สาวสวยร้องตะโกนออกไปเสียงเข้มแล้วจึงส่ายมือซึ่งเป็นพลังแห่งจิตวิญญาณจากท้องฟ้าและรีบตรงเข้าไปหาเจ้าอสูรฟันยักษ์ที่วิ่งหนีห่างออกไปไกล

เด็กสาวสวยที่ชื่อ เซี่ยเหลียนน่าเป็นหนึ่งในห้าดอกไม้งามของสำนักเฟิงฮัว เพราะรูปลักษณ์ที่อ่อนหวานและอายุยังน้อยของเธอแต่เธอก็อยู่อันดับต้นๆของระดับสีเขียวเลยทีเดียว ดังนั้นเธอจึงเป็นคนดังของสำนักเฟิงฮัวด้วยเพราะโดยทั่วไปแล้วนักเรียนหญิงจะฝีมือแย่กว่านักเรียนชาย ดังนั้นเมื่อมีเด็กสาวที่เก่งกาจขนาดนี้ แต่ทุกคนก็ยังอดที่จะห่วงไม่ได้

ถึงแม้เจ้าอสูรฟันยักษ์จะบาดเจ็บอยู่ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะเอาชนะมันได้ด้วยความสามารถของตัวเอง อย่างไรก็ตามเธอเองก็รู้ดีว่าพวกรุ่นพี่ของเธอไม่ปล่อยให้เธอต้องสู้ตามลำพังหรอก ตราบใดที่เธอลงมือ สมาชิกคนอื่นๆของทีมก็จะต้องทำแบบเดียวกันแน่ๆ

เจ้าอสูรฟันยักษ์เกรี้ยวกราด ตอนนี้เด็กสาวแกล้งทำเป็นใจใหญ่ เธอรู้ว่ามันจะต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เธอถึงขนาดกล้าที่จะท้าทายมันออกไป เธอคิดจริงๆว่ามันจัดการได้ง่ายๆ ถ้าสัตว์อสูรไม่กลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะตามมาทัน มันก็คงจะฆ่าเด็กน้อยพวกนี้ไปแต่แรกแล้ว

“กรร” เจ้าอสูรฟันยักษ์ยกกรงเล็บขึ้นมาด้วยพลังที่มหาศาลราวกับลูกกระสุนที่ถูกยิงออกมา

“เจ้าอสูร หยุดนะ!” สมาชิกทีมคนอื่นๆเห็นสถานการณ์และพยายามอย่างที่สุดที่จะใช้พลังแห่งจิตวิญญาณจากจุดที่ยืนอยู่

อย่างไรก็ตามเจ้าอสูรฟันยักษ์เร็วกว่ามาก กรงเล็บขนาดใหญ่ฟันฉับเข้าไปทันที น่าเสียดายที่มันบาดเจ็บอยู่ดังนั้นเธอจึงไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไร แต่ก็ถือว่าเจ็บไม่น้อย เธอถึงกับกระอักออกมาเป็นเลือดในทันที

เธอไม่คิดว่าอสูรระดับ 5 จะร้ายกาจขนาดนี้เพราะหลังจากที่ฆ่าอสูรแห่งจิตวิญญาณระดับ 4 มาหลายตัวก่อนหน้านี้ เธอก็เลยคิดว่าอสูรระดับ 5 ก็คงจะไม่ต่างกัน ไม่คิดเลยว่ามันจะเหนือชั้นกว่ามากขนาดนี้

สมาชิกของทีม หวู่เสี่ยวเหมยรีบวิ่งเข้ามาช่วยเธอพร้อมทั้งถามออกไปว่า “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า เหลียนน่า?”

เธอรีบหยิบยารักษาออกมาและกลืนมันเข้าไป อาการเจ็บหน้าอกทุเลาลงไปเยอะ เธอตอบออกมาพร้อมสีหน้าที่ซีดเผือด “ข้าไม่เป็นไร!” เธอค่อยๆลุกขึ้นโดยมีหวู่เสี่ยวเหมยคอยพยุง

สมาชิกอีกสามคนต่างก็กำลังสู้อยู่กับเจ้าอสูรฟันยักษ์ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังที่จะแพ้ เซี่ยเหลียนน่ารีบพูดกับ หวู่เสี่ยวเหมยทันที “ไปช่วยเร็ว…”

ถ้าครั้งนี้พวกเขาพลาด เธอก็คงจะทนรับผลของการออกไปจากทีมโดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมทั้งขัดคำสั่งไม่ได้แน่ๆ ถ้าเธอกลับไปที่สำนัก เธอคงจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่ๆ

“งั้นก็ระวังตัวเองด้วยล่ะ!” หวู่เสี่ยวเหมยพยักหน้าและปล่อยมือจากเซี่ยเหลียนน่า เขาเองก็เห็นสถานการณ์การต่อสู้เหมือนกัน มันดูแย่มากๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษใคร ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดการเจ้าอสูรแห่งจิตวิญญาณตัวนี้ก่อน

เมื่อหวู่เสี่ยวเหมยเข้ามาร่วมด้วย สถานการณ์การต่อสู้ก็ดูเหมือนจะดีขึ้นมาหน่อยแต่มันก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น พวกเธอยังตามหลังอยู่ดี ถ้าสู้กันไปนานกว่านี้มันจะต้องกลายเป็นความพ่ายแพ้ของเซี่ยเหลียนน่าแน่ๆ

ทันทีที่เจ้าอสูรฟันยักษ์กำลังจะจัดการพวกแมลงที่น่ารำคาญพวกนี้ เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังมาจากที่ไกลๆจนทำให้เจ้าอสูรตัวสั่น

“โอ้ เจ้าอสูรน้อย ฉันมาแล้วนะ!” ท่าทางของเจ้าอสูรฟันยักษ์ตะลึงไปชั่วขณะ มันหนีช้าไปนิดเดียวจริงๆ

เจ้าอสูรฟันยักษ์ไม่สนใจพวกแมลง แต่มันรีบหันหลังกลับและออกวิ่งหนีไปทันที พระเจ้า เจ้าเด็กหนุ่มประหลาดคนนั้นตามมันมาจริงๆด้วย

“บ้าเอ๊ย ฉันเกลียดที่ต้องไล่ตามจริงๆเลย หยุดเดี๋ยวนี้นะ…” มู่หรงพูดไม่ออกแล้ววิ่งตามต่อไป

คนที่เหลือต่างก็ตะลึง เด็กหนุ่มอายุประมาณ 16 เท่านั้นแต่กลับแข็งแกร่งพอๆกับพวกเขาเลย ระดับของเขาก็แค่ระดับสีเหลืองเท่านั้น แต่กลับทำให้เจ้าอสูรฟันยักษ์ที่จัดการพวกเขาจนไม่เหลือชิ้นดีกลัวจนต้องถึงกับวิ่งหนีได้ ใครก็ได้บอกพวกเขาทีว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?!

หลายคนต่างก็มองหน้ากันเองและรีบวิ่งตามอีกฝ่ายไปทันที

หลังจากที่กินยาเข้าไปแล้ว อาการบาดเจ็บของเหลียนน่าก็ดีขึ้นมาแล้วและดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเธอแล้ว

เมื่อพวกเขาวิ่งมาถึง ก็พบว่าเจ้าอสูรฟันยักษ์ถูก มู่หรงเสวี่ยจับไว้ได้แล้วและตามร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผล มีเลือดปริมาณมากไหลออกมาจากบาดแผลหลายแผลซึ่งดูน่าตกใจและน่ากลัวอยู่นิดหน่อย

“เก่งจริงๆเลยนะ! รู้วิธีแกล้งทำเป็นตายซะด้วย…” มู่หรงเสวี่ยใช้ด้ามมีดเคาะอย่างแรงไปที่หัวของมัน

“โอ๊ย…” เจ้าอสูรฟันยักษ์ร้องออกมาอย่างกะปวกกะเปียก ราวกับว่าจะร้องขอความเมตตา

“นายคิดว่าฉันควรจะทำยังไงกับนายดี? หลังจากเส้นทางที่ยาวนานนี่ ฉันฆ่านายด้วยดาบไม่ได้ งั้นฉันก็คงต้องทรมานนายไปเรื่อยๆดีไหม?!!”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของมู่หรงเสวี่ย ห้าคนที่ตามมาต่างก็ต้องตัวสั่นอย่างรุนแรง

ทั้งห้าคนและหนึ่งอสูร ต่างก็บังเอิญแวบความคิดเดียวกันในหัวใจ: ปีศาจ นี่มันปีศาจชัดๆ!!!

ในตอนนี้เสี่ยวไป๋พร้อมด้วยขาสั่นๆของมันก็ตามมาด้วย ถึงแม้มันจะยังฟื้นฟูตัวเองไม่ได้ แต่มันก็ยังมีความสามารถอยู่ เทียบเท่ากับอสูรแห่งจิตวิญญาณระดับ 6 เลยทีเดียว

“อย่ามัวแต่เสียเวลาเลย จัดการมันซะทีสิ!” เสี่ยวไป๋พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน มันมองไปที่มู่หรงอย่างไร้คำพูดเพื่อเป็นการแหย่เจ้าอสูรแห่งจิตวิญญาณไปด้วย

เมื่อมู่หรงเสวี่ยเห็นเสี่ยวไป๋เดินมา เธอก็ไม่อยากที่จะเสียเวลาอีกแล้ว เธอพร้อมที่จะจัดการเจ้าอสูรแห่งจิตวิญญาณนี่แล้ว เธอเริ่มรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณและมีดที่ยกขึ้นก็ระเบิดออกมาด้วยแสงอันแรงกล้า เสียงของนกฟีนิกซ์ล้มลงและเจ้าอสูรแห่งจิตวิญญาณก็สิ้นชีพก่อนที่จะทันได้ขัดขืนซะอีก

“แก่นคริสตัลอยู่ที่หัวของมัน รีบเอาออกมาสิ…” เสี่ยวไป๋สั่ง

มู่หรงเสวี่ยใช้ดาบตัดเป็นรูเล็กๆที่ด้านบนศีรษะของเจ้าอสูรฟันยักษ์ ไม่นานเธอก็เห็นเพชรที่เปล่งประกายดังคริสตัลอยู่ที่แกนกลาง เธอแกะมันออกด้วยมีดแล้วดึงแกนคริสตัลออกมา

เธอยังใช้เทคนิคการทำความสะอาดเพื่อทำความสะอาดดาบเฟิงหมงของตัวเองและแกนคริสตัลด้วย

การทำความสะอาดเป็นเวทระดับต่ำสุดซึ่งคนที่อยู่ระดับสีแดงก็สามารถใช้ได้ มันไม่ได้ยากอะไร อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มู่หรงเสวี่ยไม่ได้เรียนเวทอย่างเป็นระบบดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจ

เมื่อมีเสี่ยวไป๋อยู่ใกล้ๆ มู่หรงเสวี่ยก็ได้เข้าใจอะไรมากมายที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเข้าใจ

หลังจากที่เก็บดาบเฟิงหมิงและแกนคริสตัลไปแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็อุ้มเสี่วไป๋ขึ้นมาจากพื้น หันหลังและเดินจากไปโดยไม่สนใจคนั้งห้าที่กำลังยืนอยู่อีกด้าน

“เดี๋ยวก่อน!” เซี่ยเหลียนน่าร้องเรียก

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 245 ศิษย์สำนักเฟิงฮัว

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 245 ศิษย์สำนักเฟิงฮัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 245

ศิษย์สำนักเฟิงฮัว

มู่หรงเสวี่ยกระโดดทันทีและกระโดดขึ้นไปอยู่บนหลังของเจ้าอสูรฟันยักษ์ เธอยกดาบและกำลังที่จะตัดไปที่คอของมัน

เจ้าอสูรฟันยักษ์เห็นมู่หรงเสวี่ยที่ยืนอยู่บนหลังของมัน มันยกเท้าหน้าขึ้นทันทีและเริ่มวิ่งอย่างดุเดือดพร้อมทั้งเขย่าอย่างรุนแรงจากซ้ายไปขวาพยายามเหวี่ยงมู่หรงเสวี่ยออกจากหลังของมัน

ร่างกายของมู่หรงเสวี่ยสั่นอย่างรุนแรง เพื่อที่จะทรงตัวให้ได้ เธอต้องแบ่งอีกมือเพื่อจับไปที่เกล็ดของเจ้าอสูรฟันยักษ์ซึ่งหนาและแข็งอย่างมาก มู่หรงเสวี่ยวิ่งโดยไม่สนใจมันพร้อมทั้งยกดาบขึ้นและฟันลงไป

โอ้ เธอฟันมันไม่เข้าเลยสักนิดเพราะมู่หรงเสวี่ยไม่ได้ใช้พลังทางจิตวิญญาณแต่ใช้เพียงแค่พลังบริสุทธิ์ แต่ไม่คิดเลยว่าที่เกล็ดของมันจะไม่มีแม้รอยขีดข่วนและที่ผิวของมันก็ยังเปล่งประกายเหมือนเดิม

เพราะเจ้าอสูรฟันยักษ์ยังสร้างฝุ่นกองโตในระหว่างที่วิ่งไปด้วย มู่หรงเสวี่ยจึงกระโดดลงมาง่ายๆ

“โอ๊ย” หลังจากที่ร้องออกมา เจ้าอสูรฟันยักษ์ก็วิ่งไล่มู่หรง

มู่หรงเสวี่ยใช้พลังบริสุทธิ์ต่อสู้กับมันกว่าร้อยรอบ เธอเริ่มที่จะรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยและเริ่มรวบรวมพลังทางจิตวิญญาณของตัวเองเพื่อจัดการเรื่องนี้

“พลังฟืนิกซ์!”

ด้วยพลังทางจิตวิญญาณขนาดใหญ่ นกฟีนิกซ์สีแดงเพลิงบินโฉบลงไปที่เจ้าอสูรฟันยักษ์ด้วยท่าทางที่น่าภาคภูมิใจ เจ้าอสูรฟันยักษ์ที่เคยรู้สึกพอใจจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นหวาดกลัวขึ้นมาทันทีและแวบเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายร้ายแรง

หลังจากที่ถูกโจมตีจนกระเด็นห่างไปสิบเมตร เจ้าอสูรฟันยักษ์ก็ล้มลงไปกองกับพื้น

เมื่อมู่หรงเสวี่ยคิดว่าจะจากไปแบบนี้ เสี่ยวไป๋ที่มองการต่อสู้อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบก็พูดแนะนำขึ้นมา “เอาแกนคริสตัลของมันมา! ถึงแม้เธอจะไม่ได้แต่ก็เอาไปแลกเป็นเงินได้ เธอไม่มีเงินเลยใช่ไหมล่ะ?”

หลังจากช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ได้ทำความรู้จักกัน เสี่ยวไป๋ก็เข้าใจว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นคนที่มาจากโลกภายนอกซึ่งแตกต่างจากมิติที่มันอยู่ตอนนี้มาก ดังนั้นจึงยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอยังไม่เข้าใจอยู่

“ได้!” ก้าวที่เดินอยู่ของมู่หรงหยุดลงและนึกถึงความจริงเรื่องที่ว่าเธอไม่มีเงินเลยขึ้นมาได้

เธอเดินไปยังจุดที่เจ้าอสูรฟันยักษ์นอนกองอยู่ที่ห่างไม่ไกล แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าอสูรฟันยักษ์จะจู่ๆก็กระโดดเด้งขึ้นมาและบินห่างออกไปไกลด้วยความเร็วที่เร็วอย่างมาก

“บ้าจริง หน้าไม่อายจริงๆ! นี่ถึงขนาดต้องทำเป็นแกล้งตายเลยงั้นเหรอ” มู่หรงเสวี่ยไม่อยากที่จะเชื่อ เธอจะปล่อยให้เจ้าอสูรฟันยักษ์หนีไปได้อย่างสบายอารมณ์แบบนี้ไม่ได้ แน่นอน เธอจะปล่อยมันไปไม่ได้ นี่เป็นรางวัลสำหรับการฝึกอย่างหนักของเธอ ดังนั้นเธอจึงใช้พลังจิตเพื่อเร่งตามมันไปอย่างรวดเร็ว

ที่ห่างออกไปไกลคือกลุ่มของชายหญิงที่สวมชุดเหมือนกันและต่างก็กำลังมาที่ฝั่งนี้ด้วย พวกเขาต่างก็เป็นศิษย์ของสำนักเฟิงฮัว ครั้งนี้พวกเขาออกมาทำภารกิจของสำนัก ในแต่ละกลุ่มจะมีกันห้าคน พวกเขาจำเป็นต้องฆ่าอสูรแห่งจิตวิญญาณระดับ 5 ขึ้นไปและเอาแก่นคริสตัลของมันกลับไปที่สำนักเพื่อเป็นการเสร็จภารกิจ แน่นอนว่ายิ่งฆ่าได้มากเท่าไร ก็จะได้เป็นทีมที่อันดับสูงที่สุด และทีมหนึ่งในสามทุกคนก็จะได้รางวัลตอบแทนด้วย

“ศิษย์พี่ ข้าโชคดีจริงๆที่เจอเจ้าอสูรฟันยักษ์ระดับห้าที่บาดเจ็บสาหัส ถ้าเรารวมตัวนี้ เราก็จะได้แกนคริสตัล 6 อันแล้วนะ พวกตัวก่อนหน้านี้มีแต่ระดับ 4 ทั้งนั้นเลย แต่ถ้าเรารวมตัวนี้ที่อยู่ระดับ 5 เราก็จะต้องเป็นหนึ่งในสามแน่ๆเลย…” เสียงของหญิงสาวสวยดังขึ้นมา

“ดูสถานการณ์ก่อน บางทีมันอาจจะเป็นเหยี่อของคนอื่นก็ได้!” ชายที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่เห็นได้ชัดว่าใจเย็นอย่างมาก “ไม่เห็นมีใครเลยนิ เห็นไหมว่ามันกำลังจะหนีไปแล้ว…” สาวสวยพึมพำอย่างไม่พอใจแล้วก็ออกวิ่งไปหารางวัลของเธอ ในตอนนี้ไม่สำคัญหรอกว่ามันจะเป็นของใคร ตราบใดที่พวกเธอจัดการมันได้ มันก็จะต้องเป็นของพวกเธอ

“เจ้าอสูร อย่าหนีนะ!” สาวสวยร้องตะโกนออกไปเสียงเข้มแล้วจึงส่ายมือซึ่งเป็นพลังแห่งจิตวิญญาณจากท้องฟ้าและรีบตรงเข้าไปหาเจ้าอสูรฟันยักษ์ที่วิ่งหนีห่างออกไปไกล

เด็กสาวสวยที่ชื่อ เซี่ยเหลียนน่าเป็นหนึ่งในห้าดอกไม้งามของสำนักเฟิงฮัว เพราะรูปลักษณ์ที่อ่อนหวานและอายุยังน้อยของเธอแต่เธอก็อยู่อันดับต้นๆของระดับสีเขียวเลยทีเดียว ดังนั้นเธอจึงเป็นคนดังของสำนักเฟิงฮัวด้วยเพราะโดยทั่วไปแล้วนักเรียนหญิงจะฝีมือแย่กว่านักเรียนชาย ดังนั้นเมื่อมีเด็กสาวที่เก่งกาจขนาดนี้ แต่ทุกคนก็ยังอดที่จะห่วงไม่ได้

ถึงแม้เจ้าอสูรฟันยักษ์จะบาดเจ็บอยู่ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะเอาชนะมันได้ด้วยความสามารถของตัวเอง อย่างไรก็ตามเธอเองก็รู้ดีว่าพวกรุ่นพี่ของเธอไม่ปล่อยให้เธอต้องสู้ตามลำพังหรอก ตราบใดที่เธอลงมือ สมาชิกคนอื่นๆของทีมก็จะต้องทำแบบเดียวกันแน่ๆ

เจ้าอสูรฟันยักษ์เกรี้ยวกราด ตอนนี้เด็กสาวแกล้งทำเป็นใจใหญ่ เธอรู้ว่ามันจะต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เธอถึงขนาดกล้าที่จะท้าทายมันออกไป เธอคิดจริงๆว่ามันจัดการได้ง่ายๆ ถ้าสัตว์อสูรไม่กลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะตามมาทัน มันก็คงจะฆ่าเด็กน้อยพวกนี้ไปแต่แรกแล้ว

“กรร” เจ้าอสูรฟันยักษ์ยกกรงเล็บขึ้นมาด้วยพลังที่มหาศาลราวกับลูกกระสุนที่ถูกยิงออกมา

“เจ้าอสูร หยุดนะ!” สมาชิกทีมคนอื่นๆเห็นสถานการณ์และพยายามอย่างที่สุดที่จะใช้พลังแห่งจิตวิญญาณจากจุดที่ยืนอยู่

อย่างไรก็ตามเจ้าอสูรฟันยักษ์เร็วกว่ามาก กรงเล็บขนาดใหญ่ฟันฉับเข้าไปทันที น่าเสียดายที่มันบาดเจ็บอยู่ดังนั้นเธอจึงไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไร แต่ก็ถือว่าเจ็บไม่น้อย เธอถึงกับกระอักออกมาเป็นเลือดในทันที

เธอไม่คิดว่าอสูรระดับ 5 จะร้ายกาจขนาดนี้เพราะหลังจากที่ฆ่าอสูรแห่งจิตวิญญาณระดับ 4 มาหลายตัวก่อนหน้านี้ เธอก็เลยคิดว่าอสูรระดับ 5 ก็คงจะไม่ต่างกัน ไม่คิดเลยว่ามันจะเหนือชั้นกว่ามากขนาดนี้

สมาชิกของทีม หวู่เสี่ยวเหมยรีบวิ่งเข้ามาช่วยเธอพร้อมทั้งถามออกไปว่า “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า เหลียนน่า?”

เธอรีบหยิบยารักษาออกมาและกลืนมันเข้าไป อาการเจ็บหน้าอกทุเลาลงไปเยอะ เธอตอบออกมาพร้อมสีหน้าที่ซีดเผือด “ข้าไม่เป็นไร!” เธอค่อยๆลุกขึ้นโดยมีหวู่เสี่ยวเหมยคอยพยุง

สมาชิกอีกสามคนต่างก็กำลังสู้อยู่กับเจ้าอสูรฟันยักษ์ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังที่จะแพ้ เซี่ยเหลียนน่ารีบพูดกับ หวู่เสี่ยวเหมยทันที “ไปช่วยเร็ว…”

ถ้าครั้งนี้พวกเขาพลาด เธอก็คงจะทนรับผลของการออกไปจากทีมโดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมทั้งขัดคำสั่งไม่ได้แน่ๆ ถ้าเธอกลับไปที่สำนัก เธอคงจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่ๆ

“งั้นก็ระวังตัวเองด้วยล่ะ!” หวู่เสี่ยวเหมยพยักหน้าและปล่อยมือจากเซี่ยเหลียนน่า เขาเองก็เห็นสถานการณ์การต่อสู้เหมือนกัน มันดูแย่มากๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษใคร ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดการเจ้าอสูรแห่งจิตวิญญาณตัวนี้ก่อน

เมื่อหวู่เสี่ยวเหมยเข้ามาร่วมด้วย สถานการณ์การต่อสู้ก็ดูเหมือนจะดีขึ้นมาหน่อยแต่มันก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น พวกเธอยังตามหลังอยู่ดี ถ้าสู้กันไปนานกว่านี้มันจะต้องกลายเป็นความพ่ายแพ้ของเซี่ยเหลียนน่าแน่ๆ

ทันทีที่เจ้าอสูรฟันยักษ์กำลังจะจัดการพวกแมลงที่น่ารำคาญพวกนี้ เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังมาจากที่ไกลๆจนทำให้เจ้าอสูรตัวสั่น

“โอ้ เจ้าอสูรน้อย ฉันมาแล้วนะ!” ท่าทางของเจ้าอสูรฟันยักษ์ตะลึงไปชั่วขณะ มันหนีช้าไปนิดเดียวจริงๆ

เจ้าอสูรฟันยักษ์ไม่สนใจพวกแมลง แต่มันรีบหันหลังกลับและออกวิ่งหนีไปทันที พระเจ้า เจ้าเด็กหนุ่มประหลาดคนนั้นตามมันมาจริงๆด้วย

“บ้าเอ๊ย ฉันเกลียดที่ต้องไล่ตามจริงๆเลย หยุดเดี๋ยวนี้นะ…” มู่หรงพูดไม่ออกแล้ววิ่งตามต่อไป

คนที่เหลือต่างก็ตะลึง เด็กหนุ่มอายุประมาณ 16 เท่านั้นแต่กลับแข็งแกร่งพอๆกับพวกเขาเลย ระดับของเขาก็แค่ระดับสีเหลืองเท่านั้น แต่กลับทำให้เจ้าอสูรฟันยักษ์ที่จัดการพวกเขาจนไม่เหลือชิ้นดีกลัวจนต้องถึงกับวิ่งหนีได้ ใครก็ได้บอกพวกเขาทีว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?!

หลายคนต่างก็มองหน้ากันเองและรีบวิ่งตามอีกฝ่ายไปทันที

หลังจากที่กินยาเข้าไปแล้ว อาการบาดเจ็บของเหลียนน่าก็ดีขึ้นมาแล้วและดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเธอแล้ว

เมื่อพวกเขาวิ่งมาถึง ก็พบว่าเจ้าอสูรฟันยักษ์ถูก มู่หรงเสวี่ยจับไว้ได้แล้วและตามร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผล มีเลือดปริมาณมากไหลออกมาจากบาดแผลหลายแผลซึ่งดูน่าตกใจและน่ากลัวอยู่นิดหน่อย

“เก่งจริงๆเลยนะ! รู้วิธีแกล้งทำเป็นตายซะด้วย…” มู่หรงเสวี่ยใช้ด้ามมีดเคาะอย่างแรงไปที่หัวของมัน

“โอ๊ย…” เจ้าอสูรฟันยักษ์ร้องออกมาอย่างกะปวกกะเปียก ราวกับว่าจะร้องขอความเมตตา

“นายคิดว่าฉันควรจะทำยังไงกับนายดี? หลังจากเส้นทางที่ยาวนานนี่ ฉันฆ่านายด้วยดาบไม่ได้ งั้นฉันก็คงต้องทรมานนายไปเรื่อยๆดีไหม?!!”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของมู่หรงเสวี่ย ห้าคนที่ตามมาต่างก็ต้องตัวสั่นอย่างรุนแรง

ทั้งห้าคนและหนึ่งอสูร ต่างก็บังเอิญแวบความคิดเดียวกันในหัวใจ: ปีศาจ นี่มันปีศาจชัดๆ!!!

ในตอนนี้เสี่ยวไป๋พร้อมด้วยขาสั่นๆของมันก็ตามมาด้วย ถึงแม้มันจะยังฟื้นฟูตัวเองไม่ได้ แต่มันก็ยังมีความสามารถอยู่ เทียบเท่ากับอสูรแห่งจิตวิญญาณระดับ 6 เลยทีเดียว

“อย่ามัวแต่เสียเวลาเลย จัดการมันซะทีสิ!” เสี่ยวไป๋พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน มันมองไปที่มู่หรงอย่างไร้คำพูดเพื่อเป็นการแหย่เจ้าอสูรแห่งจิตวิญญาณไปด้วย

เมื่อมู่หรงเสวี่ยเห็นเสี่ยวไป๋เดินมา เธอก็ไม่อยากที่จะเสียเวลาอีกแล้ว เธอพร้อมที่จะจัดการเจ้าอสูรแห่งจิตวิญญาณนี่แล้ว เธอเริ่มรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณและมีดที่ยกขึ้นก็ระเบิดออกมาด้วยแสงอันแรงกล้า เสียงของนกฟีนิกซ์ล้มลงและเจ้าอสูรแห่งจิตวิญญาณก็สิ้นชีพก่อนที่จะทันได้ขัดขืนซะอีก

“แก่นคริสตัลอยู่ที่หัวของมัน รีบเอาออกมาสิ…” เสี่ยวไป๋สั่ง

มู่หรงเสวี่ยใช้ดาบตัดเป็นรูเล็กๆที่ด้านบนศีรษะของเจ้าอสูรฟันยักษ์ ไม่นานเธอก็เห็นเพชรที่เปล่งประกายดังคริสตัลอยู่ที่แกนกลาง เธอแกะมันออกด้วยมีดแล้วดึงแกนคริสตัลออกมา

เธอยังใช้เทคนิคการทำความสะอาดเพื่อทำความสะอาดดาบเฟิงหมงของตัวเองและแกนคริสตัลด้วย

การทำความสะอาดเป็นเวทระดับต่ำสุดซึ่งคนที่อยู่ระดับสีแดงก็สามารถใช้ได้ มันไม่ได้ยากอะไร อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มู่หรงเสวี่ยไม่ได้เรียนเวทอย่างเป็นระบบดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจ

เมื่อมีเสี่ยวไป๋อยู่ใกล้ๆ มู่หรงเสวี่ยก็ได้เข้าใจอะไรมากมายที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเข้าใจ

หลังจากที่เก็บดาบเฟิงหมิงและแกนคริสตัลไปแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็อุ้มเสี่วไป๋ขึ้นมาจากพื้น หันหลังและเดินจากไปโดยไม่สนใจคนั้งห้าที่กำลังยืนอยู่อีกด้าน

“เดี๋ยวก่อน!” เซี่ยเหลียนน่าร้องเรียก

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+