ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 246 พวกนายมันก็แค่ลูกสมุนของฉัน

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 246 พวกนายมันก็แค่ลูกสมุนของฉัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 246

พวกนายมันก็แค่ลูกสมุนของฉัน

มู่หรงเสวี่ยหยุดและมองไปที่คนพวกนั้นอย่างเย็นชา

“ส่งแกนคริสตัลในมือเจ้ามา!” เธอกล่าว

อาการบนสีหน้าของมู่หรงเย็นชามากขึ้นกว่าเดิมและที่มุมปากของเธอก็ยกขึ้น “นี่เจ้าพยายามที่จะขโมยกันงั้นเหรอ?” เธอกำด้ามดาบไว้ในมือและแอบรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณอย่างเงียบๆ

“เหลียนน่า หุบปากนะ!” หลินหนาน หัวหน้าทีมรีบตะโกนไปที่เซี่ยเหลียนน่าทันที เขาไม่พอใจเธอมาตลอด เธอมักจะขัดคำสั่งตลอดและสร้างปัญหาอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามเพราะพ่อของเธอเป็นอาจารย์อยู่ที่สำนัก ดังนั้นถ้าปัญหามันไม่ใหญ่มาก เขาก็ต้องทนไว้ เด็กหนุ่มตรงหน้าดูแปลกมากๆ ถึงแม้เขาระดับการฝึกตนจะอยู่แค่ระดับสีเหลือง แต่เขาก็ยังจัดการเจ้าอสูรฟันยักษ์และรอดมาได้ต่อหน้าต่อตาพวกเขาเลย

ขนาดพวกเขาทั้งห้าคนรวมกัน แต่ก็ยังสู้ไม่ได้เลย เขาไม่อยากที่จะเอาชีวิตของคนทั้งทีมไปเสี่ยงเพราะเซี่ยเหลียนน่าคนเดียว ถ้ามองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็จะเห็นได้ว่าเขาดูเย็นชาอย่างมากและก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรง เขาดูไม่เหมือนคนที่ฝึกตนในสำนักเลย เขาน่าจะเกิดจากการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนมากกว่า

“ศิษย์พี่ เขาขโมยแกนคริสตัลของพวกเราไปนะ ทำไมถึงมาบอกให้ข้าหุบปากล่ะ? เราควรจะเอาของของเราคืนมาสิ!” เพราะก่อนหน้านี้เธอได้รับบาดเจ็บจึงตามมาทีหลัง เธอไม่เห็นเหตุการณ์ที่มู่หรงเสวี่ยใช้พลังแห่งจิตวิญญาณเพื่อที่จะสู้กับเจ้าอสูรฟันยักษ์ แต่เห็นแค่ภาพที่มู่หรงเสวี่ยดึงแกนคริสตัลออกมาเท่านั้น

แกนคริสตัลนี้สำคัญอย่างมากเพื่อที่จะทำให้ทีมของเธอติดหนึ่งในสาม แล้วเธอจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไงล่ะ? เพราะเธอชอบรางวัลที่เป็นอาวุธเวทมนตร์ ถึงแม้เธอจะบอกว่ารางวัลเป็นของคนทั้งทีมและต้องแบ่งกันอย่างเท่าเทียมก็ตามเถอะ แต่ถ้าเธอบอกว่าจะเอาอย่างอื่นมาชดเชยให้ คนอื่นก็คงไม่กล้าที่จะออกความคิดเห็นอะไรมากนักหรอก ยังไงซะพวกเขาก็กลัวพ่อของเธอ

“เหลียนน่า อย่าพูด…” หวู่เสี่ยวเหมยดึงแขนเสื้อ เซี่ยเหลียนน่าเบาๆพร้อมทั้งกระซิบ

หลินหนานก้าวมาข้างหน้า โค้งหัวและพูดอย่างเคารพ “ข้าต้องขอโทษด้วยที่สมาชิกในทีมของข้าพูดอะไรไร้สาระ หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา…”

“ศิษย์บ้าไปแล้วหรือไง เขาก็แค่ระดับสีเหลืองเองนะ ทำไมต้องพูดกับเขาอย่างเคารพขนาดนั้นด้วยล่ะ?!” เซี่ยเหลียนน่าไม่อยากจะเชื่อแล้วเธอก็สะบัดแขนที่หวูเสี่ยวเหมยกำลังดึงอยู่ออก

มู่หรงเสี่ยวดึงดาบเฟิงหมิงออกมา โลกแห่งความรุนแรงก็ต้องจัดการด้วยความรุนแรง

สีหน้าของหลินหนานเปลี่ยนไปพร้อมทั้งพูดออกมาอย่างเคารพ “ด้วยความเคารพ เราจะสั่งสอนนางเอง ข้าไม่ขอรบกวนเจ้าจะดีกว่า…” เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีว่าถ้ายังดูหมิ่นเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าต่อ เขาเกรงว่าพวกเขาคงจะไม่เหลือปากไว้กินอาหารแน่ๆ

“โอ้!” มู่หรงเสวี่ยส่ายดาบที่อยู่ในมือ

หลินหนานรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้สมาชิกในทีมอีกสองคน จ้าวฉีและจู้หมิงให้เข้าไปหยุดเซี่ยเหลียนน่าไว้

สมาชิกในทีมคนอื่นๆไม่ได้โง่เหมือนกับเซี่ยเหลียนน่า

“ด้วยความเคารพ ข้าต้องขอโทษด้วยที่รบกวนเจ้า…” หลินหนานโค้งตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในเมื่อท่าทางของสมาชิกคนอื่นๆเป็นมิตร งั้นเธอก็ไม่มีอะไรที่ต้องสนใจอีกแล้ว เธอเก็บดาบและเดินจากไปพร้อม เสี่ยวไป๋ที่อยู่ในมือ

เซี่ยเหลียนน่ารีบดูดซับพลังแห่งจิตวิญญาณในทันที ไม่สนใจว่าเธอจะทำให้เพื่อนในทีมต้องบาดเจ้บหรือเปล่า เธอสะบัดแขนคนทั้งสองที่จับเธอไว้แล้วรีบพุ่งไปในทิศทางของมู่หรงเสวี่ยด้วยความเร็ว

จ้าวฉีและจู้หมิงที่แค่จับเธอไว้หลวมๆและเธอก็เป็นลูกสาวของอาจารย์พวกเขาด้วย จึงไม่กล้าที่จะใช้กำลังด้วย พวกเขาไม่คิดว่าเธอจะหลุดมาได้ง่ายๆแบบนี้

มู่หรงเสวี่ยรับรู้ได้ถึงพลังแห่งจิตวิญญาณที่พุ่งมาจากด้านหลัง ฝ่ามือของเธอรวบรวมพลังและหลังมือก็พัดไปที่อีกฝั่งทันที

“อ่า!”

เหมือนว่าวที่สายขาด เธอลอยกระเด็นไปทิศทางตรงข้ามห่างไปหลายสิบเมตรก่อนที่จะหยุดในทันที เพราะอาการบาดเจ็บเดิมของเธอที่ยังไม่หายดีรุนแรงขึ้นมาในทันที เธอกระอักออกมาเป็นเลือดและอวัยวะภายในก็ดูเหมือนจะอยู่ผิดที่ไปหมด ผู้ชายคนนั้นทำแบบนี้ได้ยังไง? เธอเกิดคำถามขึ้นมาในหัวใจ

“เหลียนน่า” หวู่เสี่ยวเหมยรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของ เซี่ยเหลียนน่าทันที เธอเป็นผู้ช่วยของทีมและพลังในการสู้ของเธอก็ไม่แข็งแกร่งเท่าไรแต่เธอก็สามารถเป็นบทบาทเสริมให้กับทีมได้ นอกจากนี้เธอยังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุคนเดียวของทีมด้วย ถึงแม้จะแค่ระดับล่างๆก็เถอะ

หวู่เสี่ยวเหมยรีบหยิบยารักษาออกมาและป้อนให้ เซี่ยเหลียนน่ากินทันที

“ฟู่!” เซี่ยเหลียนน่ากระอักเลือกออกมาอีกครั้ง คิดว่าหัวใจเธอน่าจะได้รับบาดเจ็บ หวู่เสี่ยวเหมยดูอาการบาดเจ็บของเซี่ยเหลียนน่า สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป เธอบาดเจ็บสาหัส รากของจิตวิญญาณเธอได้รับบาดเจ็บไปเสียแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็จะไม่มีวันพัฒนาการฝึกตนของเธอได้อีกเลย

เธอรีบหยิบยารักษาออกมาให้เซี่ยเหลียนน่าอีก

ในตอนนี้ เธอพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอรู้สึกว่าวิญญาณของเธอเจ็บไปหมด เธอรู้ได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นและสีหน้าของเธอก็ซีดเผือดมากกว่าเดิม

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เซี่ยเหลียนน่าอย่างเย็นชา เธอใช้พลังไปแค่ 50% เท่านั้นเอง นี่ถ้าเธอใช้ทั้ง 10 ระดับก็คิดว่าที่นอนอยู่ตรงนั้นก็คงจะเป็นซากศพแน่ๆ

หลินหนานคิ้วขมวด เขาไม่ทันที่จะได้ห้ามเซี่ยเหลียนน่าไว้ เขาเองก็เดินเข้าไปด้วย เมื่อเห็นอาการของเซี่ยเหลียนน่าในตอนนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปหลายครั้งในทันที

จ้าวฉีและอีกสองคนที่เหลือมองไปที่มู่หรงเสวี่ยด้วนสายตาซับซ้อนแล้วจึงเดินมาหาเซี่ยเหลียนน่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเซี่ยเหลียนน่า พวกเขาก็คงจะไม่รอดไปด้วยแน่ๆ พวกเขาคิดว่าตัวเลือกแรกของพ่อเธอก็คือฆ่าพวกเขาแน่ๆ

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชาและดึงดาบ เฟิงหมิงออกมาถือในมืออีกครั้ง

“ฉันคิดว่าเธอเพิ่งแสดงความเมตตาไปนะ ผุ้หญิงแบบนั้นน่าจะฆ่าซะให้ตาย…” เสี่ยวไป๋เองก็พูดออกมาอย่างเย็นชา แต่เพราะน้ำเสียงของเขาเล็กแหลม จึงฟังดูเหมือนเสียงของเด็กมากกว่า

ปกติแล้วเมืองเฟิงหยุนจะเป็นเมืองที่ให้เกียรติคนที่มีทักษะในการฝึนตน ถ้าเธอแสดงความเมตตา เธอก็จะต้องเสียใจถ้าคนพวกนี้กลับมาแก้แค้น

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เสี่ยวไป๋ ถึงแม้เธอจะได้ฟังเรื่องสถานการณ์ของเมืองเฟิงหยุนจากเสี่ยวไป๋มาแล้ว เธอต้องปรับตัวแต่เดาว่ามันก็คงต้องใช้เวลาหน่อย ตอนนี้เธอดีขึ้นกว่าตอนแรกๆมากแล้ว

ที่โลก ถ้าไม่มีใครเข้ามาทำร้ายเธอ เธอก็จะไม่ทำ แต่ถ้ามีใครยืนยันที่จะมีปัญหากับเธอ ก็อย่ามาหาว่าเธอโหดร้ายก็แล้วกัน

หลังจากที่ผ่านไปนาน อาการบาดเจ็บของเซี่ยเหลียนน่าก็ดีขึ้นมาก ตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยต้องคับข้องใจมากขนาดนี้มาก่อนเลย เพราะพ่อของเธอเป็นอาจารย์ของสำนักเฟิงฮัว เธอจึงคอยพึ่งใบบุญของพ่อเพื่อทำให้สิ่งที่เธอต้องการเสมอ แน่นอนว่าเธอไม่กล้าไปไหนไกลและก็ไม่มีใครกล้าที่จะทำร้ายเธอด้วย

“รีบไปจับเขามาเร็วสิ ข้าอยากให้เขาทรมานจนอยากจะตายไปเลย!” เซี่ยเหลียนน่ามองไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างดุดัน ไอ้ลูกหมานี่กล้ามาทำร้ายเธอ เธออยากให้เขาต้องเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกนี้

“หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว!! นี่เจ้ายังไม่คิดว่ามันแย่พอแล้วอีกเหรอ?” หลินหนานพูดออกมาอย่างเย็นชา

เมื่อกี้เขาอยู่ใกล้ที่สุดจึงไม่มีใครเห็นชัดไปมากกว่าเขา เท่าที่รู้เด็กหนุ่มคนนี้อยู่ในระดับสีฟ้า สีฟ้างั้นเหรอ?! ถ้าปล่อยเขาไป เขาจะต้องเป็นอัจฉริยะแน่ๆ นี่ยังไม่พูดถึงความสำเร็จสูงสุดของทีมเขาอีกซึ่งเป็นเพียงการฝึนตนในระดับต้นๆ

“พวกเรามีตั้งหลายคนแต่กลัวผู้ชายคนเดียวเนี่ยนะ?” ในตอนนี้เซี่ยเหลียนน่าไม่ฟังอะไรอีกแล้ว เธอถูกทำลายด้วยความโกรธแค้นที่น่าอับอายของตัวเอง

“ช่วยพานางกลับไปก่อน ข้าจะไปขอโทษท่านคนนั้นเอง…” ห่างตาของหลินหนานมองไปที่เด็กหนุ่มและเห็นว่าเขากำลังถือดาบไว้ในมือข้างหนึ่งและร่างกายเขาก็ดูเยือกเย็นไปหมด ส่วนอีกมือกำลังอุ้มลูกบอลสีขาวไว้ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจพวกเขาเลย

ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะกลับไปแก้แค้นหรือเปล่าแต่เป็นเรื่องที่ว่าเขาจะปล่อยให้พวกเขารอดไปได้หรือเปล่าต่างหาก

“พวกเจ้าอยากถูกเตะออกจากสำนักเฟิงฮัวกันหรือไง?!!” เซี่ยเหลียนน่ากุ้มหน้าอกตัวเองและข่มขู่ออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หลายคนมองหน้าเซี่ยเหลียนน่าพร้อมกันโดยไม่อยากที่จะเชื่อเลยว่าเธอจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา

“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากถูกไล่ออกจากสำนักเฟิงฮัว งั้นก็ควรที่จะไปจับเขามาเร็วๆ ไม่งั้นถ้าข้ากลับไปและพวกเจ้าทุกคนก็จะไม่ได้อยู่ที่สำนักเฟิงฮัวอีก…ไม่ใช่แค่นั้นนะ พวกเจ้าคงไม่อยากเข้าไปปะปนอยู่ในดินแดนพายุหรอกนะ พวกเจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าทำได้…” เซี่ยเหลียนน่าเห็นว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะเริ่มด้วยซ้ำจึงพูดหนักข้อขึ้นไปอีก

เหตุผลหลักที่เธอกล้วที่จะพูดกับพวกเขาแบบนี้ที่ถึงแม้ระดับความสำเร็จของพวกเขาจะอยู่ในระดับที่โอเค แต่พวกเขาต่างก็เป็นพวกรากหญ้า ไม่มีพื้นฐานครอบครัวอะไร เธอถึงกล้าที่จะดูถูกพวกเขาแบบนี้ ถ้าพวกเขามีพื้นฐานครอบครัวกันซะหน่อย เธอก็คงไม่กล้าที่จะพูดแบบนี้หรอก

สีหน้าของหลินหนานบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร แต่พวกเขาต่างก็เป็นสมาชิกของทีม ไม่คิดเลยว่า เซี่ยเหลียนน่าจะทำกับพวกเขาแบบนี้ พวกเขาจะต้องกลับไปเลียก้นเธออีกแล้ว มีหลายอย่างที่พวกเขารับไม่ได้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ชอบกับนิสัยของเธอแต่พวกเขาก็ยังถือว่าเธอเป็นสมาชิกคนสำคัญจึงได้เก็บเธอไว้

ตอนนี้ดูเหมือนว่าเซี่ยเหลียนน่าจะไม่เห็นพวกเขาเป็นเพื่อนซะแล้ว

“เหลียนน่า ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ? พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันเหรอ?” หวู่เสี่ยวเหมยกัดริมฝีปากและถามออกมา

เซเลาน่าแสยะ “เพื่อนงั้นเหรอ?! เจ้าคู่ควรหรือไง?!! เจ้ามันก็แค่หมาที่ข้าเลี้ยงไว้…ฉันบอกให้เจ้าไปซ้าย เจ้าก็ไม่กล้าที่จะไปขวาแล้ว ถ้าแบบนี้ไม่ใช่หมาแล้วอะไร?!!” พูดได้ว่ามู่หรงเสวี่ยเพิ่งทำให้เธอพ่ายแพ้ต่อความนับถือตัวเองอย่างรุนแรงเลย นอกจากนี้ความจริงที่ว่าชีพจรจิตวิญญาณของเธอได้รับบาดเจ็บก็ยิ่งทำให้เธอโมโหจนยากที่จะควบคุม ปกติเธอจะได้รับการดูแลอย่างดีแต่ตอนนี้ถูกทำให้ไม่พอใจก็ยิ่งทำให้เธอโมโหและพูดออกไปอย่างไม่ยั้งคิด

“เจ้า…” หวู่เสี่ยวเหมยชี้นิ้วไปที่เซี่ยเหลียนน่าด้วยความรู้สึกปวดใจพร้อมทั้งความผิดหวังในสายตา!

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 246 พวกนายมันก็แค่ลูกสมุนของฉัน

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 246 พวกนายมันก็แค่ลูกสมุนของฉัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 246

พวกนายมันก็แค่ลูกสมุนของฉัน

มู่หรงเสวี่ยหยุดและมองไปที่คนพวกนั้นอย่างเย็นชา

“ส่งแกนคริสตัลในมือเจ้ามา!” เธอกล่าว

อาการบนสีหน้าของมู่หรงเย็นชามากขึ้นกว่าเดิมและที่มุมปากของเธอก็ยกขึ้น “นี่เจ้าพยายามที่จะขโมยกันงั้นเหรอ?” เธอกำด้ามดาบไว้ในมือและแอบรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณอย่างเงียบๆ

“เหลียนน่า หุบปากนะ!” หลินหนาน หัวหน้าทีมรีบตะโกนไปที่เซี่ยเหลียนน่าทันที เขาไม่พอใจเธอมาตลอด เธอมักจะขัดคำสั่งตลอดและสร้างปัญหาอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามเพราะพ่อของเธอเป็นอาจารย์อยู่ที่สำนัก ดังนั้นถ้าปัญหามันไม่ใหญ่มาก เขาก็ต้องทนไว้ เด็กหนุ่มตรงหน้าดูแปลกมากๆ ถึงแม้เขาระดับการฝึกตนจะอยู่แค่ระดับสีเหลือง แต่เขาก็ยังจัดการเจ้าอสูรฟันยักษ์และรอดมาได้ต่อหน้าต่อตาพวกเขาเลย

ขนาดพวกเขาทั้งห้าคนรวมกัน แต่ก็ยังสู้ไม่ได้เลย เขาไม่อยากที่จะเอาชีวิตของคนทั้งทีมไปเสี่ยงเพราะเซี่ยเหลียนน่าคนเดียว ถ้ามองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็จะเห็นได้ว่าเขาดูเย็นชาอย่างมากและก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรง เขาดูไม่เหมือนคนที่ฝึกตนในสำนักเลย เขาน่าจะเกิดจากการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนมากกว่า

“ศิษย์พี่ เขาขโมยแกนคริสตัลของพวกเราไปนะ ทำไมถึงมาบอกให้ข้าหุบปากล่ะ? เราควรจะเอาของของเราคืนมาสิ!” เพราะก่อนหน้านี้เธอได้รับบาดเจ็บจึงตามมาทีหลัง เธอไม่เห็นเหตุการณ์ที่มู่หรงเสวี่ยใช้พลังแห่งจิตวิญญาณเพื่อที่จะสู้กับเจ้าอสูรฟันยักษ์ แต่เห็นแค่ภาพที่มู่หรงเสวี่ยดึงแกนคริสตัลออกมาเท่านั้น

แกนคริสตัลนี้สำคัญอย่างมากเพื่อที่จะทำให้ทีมของเธอติดหนึ่งในสาม แล้วเธอจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไงล่ะ? เพราะเธอชอบรางวัลที่เป็นอาวุธเวทมนตร์ ถึงแม้เธอจะบอกว่ารางวัลเป็นของคนทั้งทีมและต้องแบ่งกันอย่างเท่าเทียมก็ตามเถอะ แต่ถ้าเธอบอกว่าจะเอาอย่างอื่นมาชดเชยให้ คนอื่นก็คงไม่กล้าที่จะออกความคิดเห็นอะไรมากนักหรอก ยังไงซะพวกเขาก็กลัวพ่อของเธอ

“เหลียนน่า อย่าพูด…” หวู่เสี่ยวเหมยดึงแขนเสื้อ เซี่ยเหลียนน่าเบาๆพร้อมทั้งกระซิบ

หลินหนานก้าวมาข้างหน้า โค้งหัวและพูดอย่างเคารพ “ข้าต้องขอโทษด้วยที่สมาชิกในทีมของข้าพูดอะไรไร้สาระ หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา…”

“ศิษย์บ้าไปแล้วหรือไง เขาก็แค่ระดับสีเหลืองเองนะ ทำไมต้องพูดกับเขาอย่างเคารพขนาดนั้นด้วยล่ะ?!” เซี่ยเหลียนน่าไม่อยากจะเชื่อแล้วเธอก็สะบัดแขนที่หวูเสี่ยวเหมยกำลังดึงอยู่ออก

มู่หรงเสี่ยวดึงดาบเฟิงหมิงออกมา โลกแห่งความรุนแรงก็ต้องจัดการด้วยความรุนแรง

สีหน้าของหลินหนานเปลี่ยนไปพร้อมทั้งพูดออกมาอย่างเคารพ “ด้วยความเคารพ เราจะสั่งสอนนางเอง ข้าไม่ขอรบกวนเจ้าจะดีกว่า…” เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีว่าถ้ายังดูหมิ่นเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าต่อ เขาเกรงว่าพวกเขาคงจะไม่เหลือปากไว้กินอาหารแน่ๆ

“โอ้!” มู่หรงเสวี่ยส่ายดาบที่อยู่ในมือ

หลินหนานรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้สมาชิกในทีมอีกสองคน จ้าวฉีและจู้หมิงให้เข้าไปหยุดเซี่ยเหลียนน่าไว้

สมาชิกในทีมคนอื่นๆไม่ได้โง่เหมือนกับเซี่ยเหลียนน่า

“ด้วยความเคารพ ข้าต้องขอโทษด้วยที่รบกวนเจ้า…” หลินหนานโค้งตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในเมื่อท่าทางของสมาชิกคนอื่นๆเป็นมิตร งั้นเธอก็ไม่มีอะไรที่ต้องสนใจอีกแล้ว เธอเก็บดาบและเดินจากไปพร้อม เสี่ยวไป๋ที่อยู่ในมือ

เซี่ยเหลียนน่ารีบดูดซับพลังแห่งจิตวิญญาณในทันที ไม่สนใจว่าเธอจะทำให้เพื่อนในทีมต้องบาดเจ้บหรือเปล่า เธอสะบัดแขนคนทั้งสองที่จับเธอไว้แล้วรีบพุ่งไปในทิศทางของมู่หรงเสวี่ยด้วยความเร็ว

จ้าวฉีและจู้หมิงที่แค่จับเธอไว้หลวมๆและเธอก็เป็นลูกสาวของอาจารย์พวกเขาด้วย จึงไม่กล้าที่จะใช้กำลังด้วย พวกเขาไม่คิดว่าเธอจะหลุดมาได้ง่ายๆแบบนี้

มู่หรงเสวี่ยรับรู้ได้ถึงพลังแห่งจิตวิญญาณที่พุ่งมาจากด้านหลัง ฝ่ามือของเธอรวบรวมพลังและหลังมือก็พัดไปที่อีกฝั่งทันที

“อ่า!”

เหมือนว่าวที่สายขาด เธอลอยกระเด็นไปทิศทางตรงข้ามห่างไปหลายสิบเมตรก่อนที่จะหยุดในทันที เพราะอาการบาดเจ็บเดิมของเธอที่ยังไม่หายดีรุนแรงขึ้นมาในทันที เธอกระอักออกมาเป็นเลือดและอวัยวะภายในก็ดูเหมือนจะอยู่ผิดที่ไปหมด ผู้ชายคนนั้นทำแบบนี้ได้ยังไง? เธอเกิดคำถามขึ้นมาในหัวใจ

“เหลียนน่า” หวู่เสี่ยวเหมยรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของ เซี่ยเหลียนน่าทันที เธอเป็นผู้ช่วยของทีมและพลังในการสู้ของเธอก็ไม่แข็งแกร่งเท่าไรแต่เธอก็สามารถเป็นบทบาทเสริมให้กับทีมได้ นอกจากนี้เธอยังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุคนเดียวของทีมด้วย ถึงแม้จะแค่ระดับล่างๆก็เถอะ

หวู่เสี่ยวเหมยรีบหยิบยารักษาออกมาและป้อนให้ เซี่ยเหลียนน่ากินทันที

“ฟู่!” เซี่ยเหลียนน่ากระอักเลือกออกมาอีกครั้ง คิดว่าหัวใจเธอน่าจะได้รับบาดเจ็บ หวู่เสี่ยวเหมยดูอาการบาดเจ็บของเซี่ยเหลียนน่า สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป เธอบาดเจ็บสาหัส รากของจิตวิญญาณเธอได้รับบาดเจ็บไปเสียแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็จะไม่มีวันพัฒนาการฝึกตนของเธอได้อีกเลย

เธอรีบหยิบยารักษาออกมาให้เซี่ยเหลียนน่าอีก

ในตอนนี้ เธอพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอรู้สึกว่าวิญญาณของเธอเจ็บไปหมด เธอรู้ได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นและสีหน้าของเธอก็ซีดเผือดมากกว่าเดิม

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เซี่ยเหลียนน่าอย่างเย็นชา เธอใช้พลังไปแค่ 50% เท่านั้นเอง นี่ถ้าเธอใช้ทั้ง 10 ระดับก็คิดว่าที่นอนอยู่ตรงนั้นก็คงจะเป็นซากศพแน่ๆ

หลินหนานคิ้วขมวด เขาไม่ทันที่จะได้ห้ามเซี่ยเหลียนน่าไว้ เขาเองก็เดินเข้าไปด้วย เมื่อเห็นอาการของเซี่ยเหลียนน่าในตอนนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปหลายครั้งในทันที

จ้าวฉีและอีกสองคนที่เหลือมองไปที่มู่หรงเสวี่ยด้วนสายตาซับซ้อนแล้วจึงเดินมาหาเซี่ยเหลียนน่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเซี่ยเหลียนน่า พวกเขาก็คงจะไม่รอดไปด้วยแน่ๆ พวกเขาคิดว่าตัวเลือกแรกของพ่อเธอก็คือฆ่าพวกเขาแน่ๆ

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชาและดึงดาบ เฟิงหมิงออกมาถือในมืออีกครั้ง

“ฉันคิดว่าเธอเพิ่งแสดงความเมตตาไปนะ ผุ้หญิงแบบนั้นน่าจะฆ่าซะให้ตาย…” เสี่ยวไป๋เองก็พูดออกมาอย่างเย็นชา แต่เพราะน้ำเสียงของเขาเล็กแหลม จึงฟังดูเหมือนเสียงของเด็กมากกว่า

ปกติแล้วเมืองเฟิงหยุนจะเป็นเมืองที่ให้เกียรติคนที่มีทักษะในการฝึนตน ถ้าเธอแสดงความเมตตา เธอก็จะต้องเสียใจถ้าคนพวกนี้กลับมาแก้แค้น

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เสี่ยวไป๋ ถึงแม้เธอจะได้ฟังเรื่องสถานการณ์ของเมืองเฟิงหยุนจากเสี่ยวไป๋มาแล้ว เธอต้องปรับตัวแต่เดาว่ามันก็คงต้องใช้เวลาหน่อย ตอนนี้เธอดีขึ้นกว่าตอนแรกๆมากแล้ว

ที่โลก ถ้าไม่มีใครเข้ามาทำร้ายเธอ เธอก็จะไม่ทำ แต่ถ้ามีใครยืนยันที่จะมีปัญหากับเธอ ก็อย่ามาหาว่าเธอโหดร้ายก็แล้วกัน

หลังจากที่ผ่านไปนาน อาการบาดเจ็บของเซี่ยเหลียนน่าก็ดีขึ้นมาก ตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยต้องคับข้องใจมากขนาดนี้มาก่อนเลย เพราะพ่อของเธอเป็นอาจารย์ของสำนักเฟิงฮัว เธอจึงคอยพึ่งใบบุญของพ่อเพื่อทำให้สิ่งที่เธอต้องการเสมอ แน่นอนว่าเธอไม่กล้าไปไหนไกลและก็ไม่มีใครกล้าที่จะทำร้ายเธอด้วย

“รีบไปจับเขามาเร็วสิ ข้าอยากให้เขาทรมานจนอยากจะตายไปเลย!” เซี่ยเหลียนน่ามองไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างดุดัน ไอ้ลูกหมานี่กล้ามาทำร้ายเธอ เธออยากให้เขาต้องเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกนี้

“หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว!! นี่เจ้ายังไม่คิดว่ามันแย่พอแล้วอีกเหรอ?” หลินหนานพูดออกมาอย่างเย็นชา

เมื่อกี้เขาอยู่ใกล้ที่สุดจึงไม่มีใครเห็นชัดไปมากกว่าเขา เท่าที่รู้เด็กหนุ่มคนนี้อยู่ในระดับสีฟ้า สีฟ้างั้นเหรอ?! ถ้าปล่อยเขาไป เขาจะต้องเป็นอัจฉริยะแน่ๆ นี่ยังไม่พูดถึงความสำเร็จสูงสุดของทีมเขาอีกซึ่งเป็นเพียงการฝึนตนในระดับต้นๆ

“พวกเรามีตั้งหลายคนแต่กลัวผู้ชายคนเดียวเนี่ยนะ?” ในตอนนี้เซี่ยเหลียนน่าไม่ฟังอะไรอีกแล้ว เธอถูกทำลายด้วยความโกรธแค้นที่น่าอับอายของตัวเอง

“ช่วยพานางกลับไปก่อน ข้าจะไปขอโทษท่านคนนั้นเอง…” ห่างตาของหลินหนานมองไปที่เด็กหนุ่มและเห็นว่าเขากำลังถือดาบไว้ในมือข้างหนึ่งและร่างกายเขาก็ดูเยือกเย็นไปหมด ส่วนอีกมือกำลังอุ้มลูกบอลสีขาวไว้ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจพวกเขาเลย

ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะกลับไปแก้แค้นหรือเปล่าแต่เป็นเรื่องที่ว่าเขาจะปล่อยให้พวกเขารอดไปได้หรือเปล่าต่างหาก

“พวกเจ้าอยากถูกเตะออกจากสำนักเฟิงฮัวกันหรือไง?!!” เซี่ยเหลียนน่ากุ้มหน้าอกตัวเองและข่มขู่ออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หลายคนมองหน้าเซี่ยเหลียนน่าพร้อมกันโดยไม่อยากที่จะเชื่อเลยว่าเธอจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา

“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากถูกไล่ออกจากสำนักเฟิงฮัว งั้นก็ควรที่จะไปจับเขามาเร็วๆ ไม่งั้นถ้าข้ากลับไปและพวกเจ้าทุกคนก็จะไม่ได้อยู่ที่สำนักเฟิงฮัวอีก…ไม่ใช่แค่นั้นนะ พวกเจ้าคงไม่อยากเข้าไปปะปนอยู่ในดินแดนพายุหรอกนะ พวกเจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าทำได้…” เซี่ยเหลียนน่าเห็นว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะเริ่มด้วยซ้ำจึงพูดหนักข้อขึ้นไปอีก

เหตุผลหลักที่เธอกล้วที่จะพูดกับพวกเขาแบบนี้ที่ถึงแม้ระดับความสำเร็จของพวกเขาจะอยู่ในระดับที่โอเค แต่พวกเขาต่างก็เป็นพวกรากหญ้า ไม่มีพื้นฐานครอบครัวอะไร เธอถึงกล้าที่จะดูถูกพวกเขาแบบนี้ ถ้าพวกเขามีพื้นฐานครอบครัวกันซะหน่อย เธอก็คงไม่กล้าที่จะพูดแบบนี้หรอก

สีหน้าของหลินหนานบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร แต่พวกเขาต่างก็เป็นสมาชิกของทีม ไม่คิดเลยว่า เซี่ยเหลียนน่าจะทำกับพวกเขาแบบนี้ พวกเขาจะต้องกลับไปเลียก้นเธออีกแล้ว มีหลายอย่างที่พวกเขารับไม่ได้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ชอบกับนิสัยของเธอแต่พวกเขาก็ยังถือว่าเธอเป็นสมาชิกคนสำคัญจึงได้เก็บเธอไว้

ตอนนี้ดูเหมือนว่าเซี่ยเหลียนน่าจะไม่เห็นพวกเขาเป็นเพื่อนซะแล้ว

“เหลียนน่า ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ? พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันเหรอ?” หวู่เสี่ยวเหมยกัดริมฝีปากและถามออกมา

เซเลาน่าแสยะ “เพื่อนงั้นเหรอ?! เจ้าคู่ควรหรือไง?!! เจ้ามันก็แค่หมาที่ข้าเลี้ยงไว้…ฉันบอกให้เจ้าไปซ้าย เจ้าก็ไม่กล้าที่จะไปขวาแล้ว ถ้าแบบนี้ไม่ใช่หมาแล้วอะไร?!!” พูดได้ว่ามู่หรงเสวี่ยเพิ่งทำให้เธอพ่ายแพ้ต่อความนับถือตัวเองอย่างรุนแรงเลย นอกจากนี้ความจริงที่ว่าชีพจรจิตวิญญาณของเธอได้รับบาดเจ็บก็ยิ่งทำให้เธอโมโหจนยากที่จะควบคุม ปกติเธอจะได้รับการดูแลอย่างดีแต่ตอนนี้ถูกทำให้ไม่พอใจก็ยิ่งทำให้เธอโมโหและพูดออกไปอย่างไม่ยั้งคิด

“เจ้า…” หวู่เสี่ยวเหมยชี้นิ้วไปที่เซี่ยเหลียนน่าด้วยความรู้สึกปวดใจพร้อมทั้งความผิดหวังในสายตา!

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+