ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 249 ความกล้า

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 249 ความกล้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 249

ความกล้า

เสี่ยวไป่กำลังหลับอยู่ที่อีกฝั่ง หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยช่วยเก็บกวาดเสร็จ เธอก็กลับมาเห็นเสี่ยวไป๋ที่กำลังหลับอยู่บนหญ้าและถึงขนาดน้ำลายไหลด้วย

มู่หรงเสวี่ยเตะไปที่เจ้าลูกบอลสีขาวและร่างกลมๆของมันก็กลิ้งเป็นวงกลมไปหลายรอบแต่ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา

มู่หรงเสวี่ยทำกับมันเหมือนเป็นลูกบอลและเสี่ยวไป๋ก็ลอยขึ้นสูงและตกลงไปในแม่น้ำทันที

หลังจากนั้นสักพักเสียงคำรามของเสี่ยวไป่ก็ดังขึ้นมาจากแม่น้ำ “บ้าเอ๊ย ไอ้ลูกหมาตัวไหนที่กล้ามาเตะท่านปู่อย่างข้าเนี่ย?”

หลังจากนั้นสักพัก เสี่ยวไป๋ก็รีบวิ่งมาอยู่ตรงหน้า มู่หรงเสวี่ยพร้อมด้วยพุงอ้วนๆที่ชนเข้ากับเท้าของมู่หรงเสวี่ย “เจ้าใช่ไหม?! ฝีมือเจ้าใช่ไหม?”

มู่หรงเสวี่ยชี้ขึ้นไปที่ท้องฟ้าและชี้กลับลงมาที่พื้นแล้วพูดออกมาอย่างใสซื่อ “ข้าไม่รู้เลยนะ…” ตอนนี้เธอควบคุมความแรงได้อย่างดีแล้วและไม่ทำให้เจ็บเลยสักนิด

เสี่ยวไป๋มองไปที่เธออย่างสงสัย “ไม่ใช่เจ้าจริงๆเหรอ?!” และมองไปยังคนรอบๆที่กำลังยุ่งว่าจะเป็นใครอีกที่กล้าทำแบบนี้

มู่หรงเสวี่ยอุ้มมันขึ้นมาแล้วจึงใช้พลังแห่งจิตวิญญาณเพื่อเป่าขนตามร่างกายของมันให้แห้ง “เจ้าวิ่งลงไปเองต่างหาก เดาว่าเจ้าน่จะละเมอเดินนะ” เธอพูดโกหกด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

เสี่ยวไป๋รู้สึกสบายจากพลังแห่งจิตวิญญาณอุ่นๆนี้มาก มันเหล่ตาเล็กน้อยและไม่ได้ทำท่าทางไร้สาระเหมือนเมื่อกี้แล้ว

มู่หรงเสวี่ยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย บางครั้งเสี่ยวไป๋ของเธอนี่ก็ไร้เดียงสาจริงๆ

ภาพที่รอยยิ้มที่มุมปากดั่งดวงจันทร์ที่เพิ่งขึ้นและสายตาก็เปล่งประกายราวกับหยก ภาพนี้สะท้อนอยู่ในสายตาของคนทั้งสี่ จู่ๆจังหวะหัวใจของพวกเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ท่าทางของคนคนหนึ่งจะสวยงามได้ขนาดนี้เลยเหรอแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความเป็นผู้หญิง แต่กลับเป็นความสวยแบบเทพนิยายมากกว่า

ไม่มีใครกล้าที่จะขัดภาพที่สวยงามเช่นนี้ จ้าวฉีและ จู้หมิงเดินกลับมาด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบ พวกเขาเริ่มย่างเนื้อของอสูรฟันยักษ์อย่างเงียบๆ จนกระทั่งพวกเขาได้กลิ่นของเนื้อย่าง

“มู่เทียน เนื้อย่างพร้อมแล้ว มากินกันเถอะ!” หลินหนานหยิบเนื้อย่างมาเยอะเลย มู่หรงรับมาและพูดพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณนะ!”

“ข้าก็อยากกินเหมือนกันนะ!” เสี่ยวไป๋แตะไปที่ท้องและพูดออกมา

มู่หรงเสวี่ยฉีกเนื้อออกครึ่งหนึ่งและกินเข้าไป อย่างไรก็ตามเธอถึงกับตัวแข็ง เธอได้กลิ่นของเนื้อ กินกันเข้าไปได้ยังไงเนี่ย?

มีคำหนึ่งแวบขึ้นมาในหัวของเธอทันที: น่ารังเกียจ!!!

เพราะมันมีเพียงรสชาติของเนื้อและใส่เพียงเกลือเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีเครื่องปรุงอื่นใดอีก เมื่อเธอกินเข้าไป เธอจึงได้กลิ่นที่แรงของเนื้อซึ่งทำให้กลืนเข้าไปยากมาก

“แหวะ แหวะ แหวะ แหวะ!” เสี่ยวไป๋รีบคายเนื้อออกมาในทันที

มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะเคาะไปที่หัวของมันแรงๆ ถึงมันจะไม่อร่อย แต่ก็ควรที่จะรักษาน้ำใจคนอื่นบ้าง พวกเขาอุตส่าห์ทำมาให้กิน

แต่เธอเองก็ถึงกับขมวดคิ้ว จ้องไปที่เนื้อที่อยู่ตรงหน้า แล้วแบบนี้เธอจะกินคำที่สองเข้าไปได้ยังไง

หลังจากที่พยายามอยู่นาน เธอก็ทำได้เพียงวางเนื้อที่อยู่ในมืออย่างไม่เต็มใจเท่าไรแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปหาหลินหนาน พวกเขายังย่างเนื้อกันอยู่ มีหลายคนที่กินหมดไปแล้วชิ้นหนึ่งและดุเหมือนว่าพวกเขาจะอร่อยกันมันมาก นี่เป็นเธอคนเดียวเหรอที่มีปัญหาเรื่องต่อมรับรสเนี่ย?!!

“พวกเจ้าปรุงเนื้อยังไงเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

หลินหนานมองไปที่เนื้อในมือของเธอที่กัดไปแค่คำเดียวและถามออกมาอย่างอายๆ “ไม่อร่อยงั้นเหรอ?!! ข้าคิดว่ามันอร่อยมากเลยนะ ร้านอาหารข้างนอกยังไม่อร่อยเท่านี้เลย…”

มู่หรงแสยะยิ้ม นี่พวกเจ้าคลุกดินคลุกฝุ่นมากจนต่อมรับรสพังกันไปหมดแล้วหรือไงเนี่ย?!!! เธอเดินไปที่กองไฟแล้วพูดกับจ้าวฉีที่กำลังย่างเนื้ออยู่ “ข้าขอลองบ้างได้ไหม?”

จ้าวฉีตกใจจนแทบโยนเนื้อเข้าไปในกองไฟ รอยยิ้มของ มู่หรงเสวี่ยช่างสวยจริงๆจนเข้าสติหลุดไปชั่วขณะ จนกระทั่ง หลินหนานกระแอมเขาจึงได้สติกลับมาอย่างอายๆ “ได้เลย…” ถึงแม้จะย่างจนดำเป็นถ่านแต่พวกเขาก็ยังชอบอยู่ดี

หลินหนานคิดว่ามู่เทียนก็คงจะแค่นึกสนุกและอยากที่จะลองดู ไม่มีทางที่มู่เทียนคนนี้จะทำอาหารได้แน่ๆ ยังไงซะพวกเขาก็ไม่คิดว่าคนอย่างเธอจะทำได้

มู่หรงเสวี่ยรับเนื้อย่างมาจากมือของจ้าวฉี แล้วก็โบกมือและกองเครื่องปรุงที่เธอเอาติดตัวมาจากโลกที่แล้วก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเธอ ทั้งหมดถูกบรรจุอยู่ในกระป๋อง โชคดีที่เธออยู่ในมิติลับมานาน เธอจึงเตรียมของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันมาด้วย

“เปิดฝาให้ข้าทีนะจ้าวฉี!” มู่หรงเสวี่ยเปิดฝาไม่ได้เพราะเธอกำลังถือเนื้ออยู่ในมือข้างหนึ่ง

จ้าวฉีมองไปที่ขวดและโหลพวกนี้ด้วยความสงสัยและเมื่อได้ยินเสียงที่ชัดเจนของมู่หรง เขาก็รีบตอบกลับมาทันที “โอเค!”

หลังจากที่จ้าวฉีเปิดฝาเรียบร้อย มู่หรงเสวี่ยและจ้าวฉีก็เริ่มตัดเนื้อด้วยมีด เพื่อที่จะเพิ่มรสชาติ เธอจึงเริ่มทาซอสบาร์บีคิวและอื่นๆลงไปที่เนื้อ

ไม่นานกลิ่นของเครื่องปรุงก็กระจายฟุ้งไปทั่ว

คนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะต้องกลืนน้ำลายตาม

เจ้าลูกบอลสีขาวรีบลอยมาอยู่ข้างๆมู่หรงเสวี่ยทันที “เอามาให้ข้า…” มันเคยกินฝีมือของมู่หรงเสวี่ยมาก่อนแล้ว ไม่ว่าจะลองกินกี่ครั้งมันก็ยังรู้สึกถึงความอร่อยที่หาที่ไหนไม่ได้เลย

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า!” สุดท้ายมู่หรงเสวี่ยก็ทาน้ำผึ้งแล้วเอาไปย่างเพิ่มอีกเล็กน้อย เนื้อของเจ้าอสูรฟันยักษ์กลายเป็นสีทองเปล่งประกายทันทีซึ่งดูน่ากินอย่างมาก ก่อนที่มู่หรงเสวี่ยจะทันได้หันเป็นชิ้นๆ เสี่ยวไป๋ก็กระโดดลงมาและกัดซะก่อนแล้ว

“มันร้อน ร้อน!” เสี่ยวไป๋รู้สึกร้อนจนกระโดดตัวลอย

“สมควรแล้วนิ! ใครใช้ให้เจ้าตะกละขนาดนี้ล่ะ…” แต่ มู่หรงเสวี่ยก็ยังหยิบน้ำแห่งจิตวิญญาณออกมาจากมิติลับและส่งให้เสี่ยวไป่อยู่ดี

หลังจากที่ดื่มน้ำแห่งจิตวิญญาณเข้าไปเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วมันก็หันกลับมาที่เนื้อ

มู่หรงเสวี่ยพูดไม่ออกจนต้องยื่นเนื้อที่ใหญ่กว่าตัวของเสี่ยวไป่ให้ไปแล้วจึงหยิบเนื้อชิ้นใหม่ขึ้นมาและเอาไปย่างอีกครั้ง

หลินหนานและคนอื่นๆมองเสี่ยวไป๋กินเนื้อด้วยความสนใจอย่างมาก และต่างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา เสี่ยวไป๋ดูเหมือนจะรู้สึกได้ จึงรีบเอามือบังเนื้อจากทุกคนทันที

ถึงแม้ทุกคนอยากที่จะกินบ้างแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูด

แน่นอนว่ามู่หรงเสวี่ยก็ย่างเนื้อเผื่อทุกคนด้วยแต่แล้วก็หยุด เธอรู้สึกเหมื่อยแขนไปหมด “คนอื่นถ้าอยากกินก็ย่างเอาเองนะ ใช้เครื่องปรุงที่อยู่ตรงนี้ได้ตามสบายเลยนะ…”

เธอหยิบเนื้อส่วนของตัวเองมาและนั่งลงกิน

หลินหนานเดินเข้ามาและยื่นกล่องให้เธอ “เอ้านี่ มู่เทียน!”

มู่หรงกัดเนื้อกินแล้วจึงถามออกมา “อะไรเหรอ?”

“นอกจากแกนคริสตัลของมันแล้ว เขาของอสูญฟันยักษ์ก็มีค่ามากเหมือนกันเพราะมันเป็นส่วนแหลมคมที่แข็งที่สุดในร่างกายของมันซึ่งสามารถเอาไปทำเป็นอาวุธชั้นดีได้แล้วก็ขายได้ราคาดีด้วย…” หลินหนานอธิบาย

หลังจากที่ได้ฟัง มู่หรงเสวี่ยไม่ได้รับมาแต่พูดออกไปเสียงเบา “เจ้าเอาไปเถอะ เราเป็นเพื่อนกัน อีกอย่างเราต้องหาค่าเรียนด้วย เก็บเอาไว้เถอะ ข้าไม่ได้อยากได้ของพวกนี้หรอก…”

มือที่กำลังถือกล่องอยู่ของหลินหนานเกร็งขึ้นและดวงตาเขาก็เริ่มที่จะเอ่อล้น มีหลายคนที่ “ปาก” บอกว่าเป็นเพื่อนเขาแต่มีเพียงไม่กี่คนที่คิดว่าเขาเป็นเพื่อนด้วย “หัวใจ” จริงๆ ในตอนนี้ เขาพร้อมที่จะมอบกายและหัวใจให้เด็กหนุ่มที่อยูตรงหน้าจริงๆ เขารู้สึกดีใจจริงๆที่ก่อนหน้านี้เขาเลือกที่จะมาเป็นอัศวินให้กับเขา

อีกสามคนที่เหลือต่างก็สังเกตเห็นท่าทางของหลินหนานในตอนนี้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้เอ่ยปากพูดขอบคุณ แต่ในหัวใจของพวกเขาก็ถูกสลักได้ด้วยชื่อของมู่เทียนเอาไว้แล้ว

“กล้าดียังไงถึงได้นั่งกินเนื้อย่างกันอย่างสบายใจแบบนี้? กล้ามากเลยนะไอ้หนู!” เสียงแก่ดังขึ้นมาไม่ไกลมากนัก

มูหรงเสวี่ยและคนอื่นๆที่กำลังนั่งกินเนื้อย่างรีบลุกขึ้นและอยู่ในท่าเตรียมพร้อมทันที

“ไปลงนรกซะเถอะ” เมื่อสิ้นเสียงคำราม พลังแห่งจิตวิญญาณที่ดุร้ายผสมกับเสียงโหยหวนของหมาป่าก็พุ่งตรงมาที่มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆ หลินหนานที่อยู่ใกล้กับมู่หรงเสวี่ย รีบเข้ามาอยู่ขวางอยู่ตรงหน้ามู่หรงเสวี่ยทันที เขาคิดที่จะใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อกันการโจมตีนี้

มู่หรงเสวี่ยตะลึงไปชั่วขณะ รีบรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดของร่างกายและดึงหลินหนานไปอยู่ข้างหลังพร้อมตะโกนออกมา “ปกป้องคนอื่นๆด้วย!”

“อัญเชิญฟินิกซ์!”

ร่างกายของมู่หรงเสวี่ยเปล่งประกายแสงจ้า นกฟินิกซ์บินโฉมลงมาจากท้องฟ้า ด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณที่เตรียมพร้อม มันบินพุ่งตรงไปที่อีกฝ่ายด้วยความเร็วที่น่ากลัว ต้นไม้มากมายที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็ทนแรงลมไม่ไหวจนต้องล้มเอน

การปะทะของพลังแห่งจิตวิญญาณทั้งสองแตกออกเป็นลูกบอลไฟขนาดใหญ่และจู่ๆ ลมแรงหลังจากการระเบิดก็แทบจะพัดหลินหนานกระเด็น

หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยตะโกนบอก หลินหนานก็รีบเข้าไปอุ้มเสี่ยวไป๋ที่ยังนั่งกินเนื้ออยู่ทันทีพร้อมทั้งดังหวูเสี่ยวเหมยที่อ่อนแอที่สุดให้มาหลบที่ด้านหลังเขา เขายังไม่ลืมที่จะเรียกคนที่เหลืออีกสองคน “รีบกลับมา…”

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่เพียงมู่หรงเสวี่ยคนเดียวที่รู้สึกประหลาดใจแต่อีกฝ่ายเองก็ประหลาดใจมากด้วยเหมือนกัน

ไม่นานกลุ่มควันก็ค่อยๆจางหายไปและร่างของชายแก่ก็ปรากฏขึ้นมา!! “ยังไม่ตายอีกเหรอ?!”

ชายแก่สวมเพียงเสื้อคลุมสีดำ เขาดูน่าจะอายุประมาณ 50 เขามีดวงตาหลี่เล็กซึ่งให้ความรู้สึกไม่น่าคบหาเท่าไร

“พวกเราไม่เคยมีเรื่องหรือเกลียดชังอะไรกัน ทำไมถึงได้มาโจมตีเราแบบนี้?!” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างเย็นชา!

“เจ้าทำร้ายลูกสาวของท่านเซี่ย แค่รอเวลาที่จะต้องตายเถอะ!” ชายแก่ถูกอาจารย์เซี่ยจ้างมา

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 249 ความกล้า

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 249 ความกล้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 249

ความกล้า

เสี่ยวไป่กำลังหลับอยู่ที่อีกฝั่ง หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยช่วยเก็บกวาดเสร็จ เธอก็กลับมาเห็นเสี่ยวไป๋ที่กำลังหลับอยู่บนหญ้าและถึงขนาดน้ำลายไหลด้วย

มู่หรงเสวี่ยเตะไปที่เจ้าลูกบอลสีขาวและร่างกลมๆของมันก็กลิ้งเป็นวงกลมไปหลายรอบแต่ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา

มู่หรงเสวี่ยทำกับมันเหมือนเป็นลูกบอลและเสี่ยวไป๋ก็ลอยขึ้นสูงและตกลงไปในแม่น้ำทันที

หลังจากนั้นสักพักเสียงคำรามของเสี่ยวไป่ก็ดังขึ้นมาจากแม่น้ำ “บ้าเอ๊ย ไอ้ลูกหมาตัวไหนที่กล้ามาเตะท่านปู่อย่างข้าเนี่ย?”

หลังจากนั้นสักพัก เสี่ยวไป๋ก็รีบวิ่งมาอยู่ตรงหน้า มู่หรงเสวี่ยพร้อมด้วยพุงอ้วนๆที่ชนเข้ากับเท้าของมู่หรงเสวี่ย “เจ้าใช่ไหม?! ฝีมือเจ้าใช่ไหม?”

มู่หรงเสวี่ยชี้ขึ้นไปที่ท้องฟ้าและชี้กลับลงมาที่พื้นแล้วพูดออกมาอย่างใสซื่อ “ข้าไม่รู้เลยนะ…” ตอนนี้เธอควบคุมความแรงได้อย่างดีแล้วและไม่ทำให้เจ็บเลยสักนิด

เสี่ยวไป๋มองไปที่เธออย่างสงสัย “ไม่ใช่เจ้าจริงๆเหรอ?!” และมองไปยังคนรอบๆที่กำลังยุ่งว่าจะเป็นใครอีกที่กล้าทำแบบนี้

มู่หรงเสวี่ยอุ้มมันขึ้นมาแล้วจึงใช้พลังแห่งจิตวิญญาณเพื่อเป่าขนตามร่างกายของมันให้แห้ง “เจ้าวิ่งลงไปเองต่างหาก เดาว่าเจ้าน่จะละเมอเดินนะ” เธอพูดโกหกด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

เสี่ยวไป๋รู้สึกสบายจากพลังแห่งจิตวิญญาณอุ่นๆนี้มาก มันเหล่ตาเล็กน้อยและไม่ได้ทำท่าทางไร้สาระเหมือนเมื่อกี้แล้ว

มู่หรงเสวี่ยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย บางครั้งเสี่ยวไป๋ของเธอนี่ก็ไร้เดียงสาจริงๆ

ภาพที่รอยยิ้มที่มุมปากดั่งดวงจันทร์ที่เพิ่งขึ้นและสายตาก็เปล่งประกายราวกับหยก ภาพนี้สะท้อนอยู่ในสายตาของคนทั้งสี่ จู่ๆจังหวะหัวใจของพวกเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ท่าทางของคนคนหนึ่งจะสวยงามได้ขนาดนี้เลยเหรอแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความเป็นผู้หญิง แต่กลับเป็นความสวยแบบเทพนิยายมากกว่า

ไม่มีใครกล้าที่จะขัดภาพที่สวยงามเช่นนี้ จ้าวฉีและ จู้หมิงเดินกลับมาด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบ พวกเขาเริ่มย่างเนื้อของอสูรฟันยักษ์อย่างเงียบๆ จนกระทั่งพวกเขาได้กลิ่นของเนื้อย่าง

“มู่เทียน เนื้อย่างพร้อมแล้ว มากินกันเถอะ!” หลินหนานหยิบเนื้อย่างมาเยอะเลย มู่หรงรับมาและพูดพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณนะ!”

“ข้าก็อยากกินเหมือนกันนะ!” เสี่ยวไป๋แตะไปที่ท้องและพูดออกมา

มู่หรงเสวี่ยฉีกเนื้อออกครึ่งหนึ่งและกินเข้าไป อย่างไรก็ตามเธอถึงกับตัวแข็ง เธอได้กลิ่นของเนื้อ กินกันเข้าไปได้ยังไงเนี่ย?

มีคำหนึ่งแวบขึ้นมาในหัวของเธอทันที: น่ารังเกียจ!!!

เพราะมันมีเพียงรสชาติของเนื้อและใส่เพียงเกลือเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีเครื่องปรุงอื่นใดอีก เมื่อเธอกินเข้าไป เธอจึงได้กลิ่นที่แรงของเนื้อซึ่งทำให้กลืนเข้าไปยากมาก

“แหวะ แหวะ แหวะ แหวะ!” เสี่ยวไป๋รีบคายเนื้อออกมาในทันที

มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะเคาะไปที่หัวของมันแรงๆ ถึงมันจะไม่อร่อย แต่ก็ควรที่จะรักษาน้ำใจคนอื่นบ้าง พวกเขาอุตส่าห์ทำมาให้กิน

แต่เธอเองก็ถึงกับขมวดคิ้ว จ้องไปที่เนื้อที่อยู่ตรงหน้า แล้วแบบนี้เธอจะกินคำที่สองเข้าไปได้ยังไง

หลังจากที่พยายามอยู่นาน เธอก็ทำได้เพียงวางเนื้อที่อยู่ในมืออย่างไม่เต็มใจเท่าไรแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปหาหลินหนาน พวกเขายังย่างเนื้อกันอยู่ มีหลายคนที่กินหมดไปแล้วชิ้นหนึ่งและดุเหมือนว่าพวกเขาจะอร่อยกันมันมาก นี่เป็นเธอคนเดียวเหรอที่มีปัญหาเรื่องต่อมรับรสเนี่ย?!!

“พวกเจ้าปรุงเนื้อยังไงเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

หลินหนานมองไปที่เนื้อในมือของเธอที่กัดไปแค่คำเดียวและถามออกมาอย่างอายๆ “ไม่อร่อยงั้นเหรอ?!! ข้าคิดว่ามันอร่อยมากเลยนะ ร้านอาหารข้างนอกยังไม่อร่อยเท่านี้เลย…”

มู่หรงแสยะยิ้ม นี่พวกเจ้าคลุกดินคลุกฝุ่นมากจนต่อมรับรสพังกันไปหมดแล้วหรือไงเนี่ย?!!! เธอเดินไปที่กองไฟแล้วพูดกับจ้าวฉีที่กำลังย่างเนื้ออยู่ “ข้าขอลองบ้างได้ไหม?”

จ้าวฉีตกใจจนแทบโยนเนื้อเข้าไปในกองไฟ รอยยิ้มของ มู่หรงเสวี่ยช่างสวยจริงๆจนเข้าสติหลุดไปชั่วขณะ จนกระทั่ง หลินหนานกระแอมเขาจึงได้สติกลับมาอย่างอายๆ “ได้เลย…” ถึงแม้จะย่างจนดำเป็นถ่านแต่พวกเขาก็ยังชอบอยู่ดี

หลินหนานคิดว่ามู่เทียนก็คงจะแค่นึกสนุกและอยากที่จะลองดู ไม่มีทางที่มู่เทียนคนนี้จะทำอาหารได้แน่ๆ ยังไงซะพวกเขาก็ไม่คิดว่าคนอย่างเธอจะทำได้

มู่หรงเสวี่ยรับเนื้อย่างมาจากมือของจ้าวฉี แล้วก็โบกมือและกองเครื่องปรุงที่เธอเอาติดตัวมาจากโลกที่แล้วก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเธอ ทั้งหมดถูกบรรจุอยู่ในกระป๋อง โชคดีที่เธออยู่ในมิติลับมานาน เธอจึงเตรียมของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันมาด้วย

“เปิดฝาให้ข้าทีนะจ้าวฉี!” มู่หรงเสวี่ยเปิดฝาไม่ได้เพราะเธอกำลังถือเนื้ออยู่ในมือข้างหนึ่ง

จ้าวฉีมองไปที่ขวดและโหลพวกนี้ด้วยความสงสัยและเมื่อได้ยินเสียงที่ชัดเจนของมู่หรง เขาก็รีบตอบกลับมาทันที “โอเค!”

หลังจากที่จ้าวฉีเปิดฝาเรียบร้อย มู่หรงเสวี่ยและจ้าวฉีก็เริ่มตัดเนื้อด้วยมีด เพื่อที่จะเพิ่มรสชาติ เธอจึงเริ่มทาซอสบาร์บีคิวและอื่นๆลงไปที่เนื้อ

ไม่นานกลิ่นของเครื่องปรุงก็กระจายฟุ้งไปทั่ว

คนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะต้องกลืนน้ำลายตาม

เจ้าลูกบอลสีขาวรีบลอยมาอยู่ข้างๆมู่หรงเสวี่ยทันที “เอามาให้ข้า…” มันเคยกินฝีมือของมู่หรงเสวี่ยมาก่อนแล้ว ไม่ว่าจะลองกินกี่ครั้งมันก็ยังรู้สึกถึงความอร่อยที่หาที่ไหนไม่ได้เลย

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า!” สุดท้ายมู่หรงเสวี่ยก็ทาน้ำผึ้งแล้วเอาไปย่างเพิ่มอีกเล็กน้อย เนื้อของเจ้าอสูรฟันยักษ์กลายเป็นสีทองเปล่งประกายทันทีซึ่งดูน่ากินอย่างมาก ก่อนที่มู่หรงเสวี่ยจะทันได้หันเป็นชิ้นๆ เสี่ยวไป๋ก็กระโดดลงมาและกัดซะก่อนแล้ว

“มันร้อน ร้อน!” เสี่ยวไป๋รู้สึกร้อนจนกระโดดตัวลอย

“สมควรแล้วนิ! ใครใช้ให้เจ้าตะกละขนาดนี้ล่ะ…” แต่ มู่หรงเสวี่ยก็ยังหยิบน้ำแห่งจิตวิญญาณออกมาจากมิติลับและส่งให้เสี่ยวไป่อยู่ดี

หลังจากที่ดื่มน้ำแห่งจิตวิญญาณเข้าไปเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วมันก็หันกลับมาที่เนื้อ

มู่หรงเสวี่ยพูดไม่ออกจนต้องยื่นเนื้อที่ใหญ่กว่าตัวของเสี่ยวไป่ให้ไปแล้วจึงหยิบเนื้อชิ้นใหม่ขึ้นมาและเอาไปย่างอีกครั้ง

หลินหนานและคนอื่นๆมองเสี่ยวไป๋กินเนื้อด้วยความสนใจอย่างมาก และต่างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา เสี่ยวไป๋ดูเหมือนจะรู้สึกได้ จึงรีบเอามือบังเนื้อจากทุกคนทันที

ถึงแม้ทุกคนอยากที่จะกินบ้างแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูด

แน่นอนว่ามู่หรงเสวี่ยก็ย่างเนื้อเผื่อทุกคนด้วยแต่แล้วก็หยุด เธอรู้สึกเหมื่อยแขนไปหมด “คนอื่นถ้าอยากกินก็ย่างเอาเองนะ ใช้เครื่องปรุงที่อยู่ตรงนี้ได้ตามสบายเลยนะ…”

เธอหยิบเนื้อส่วนของตัวเองมาและนั่งลงกิน

หลินหนานเดินเข้ามาและยื่นกล่องให้เธอ “เอ้านี่ มู่เทียน!”

มู่หรงกัดเนื้อกินแล้วจึงถามออกมา “อะไรเหรอ?”

“นอกจากแกนคริสตัลของมันแล้ว เขาของอสูญฟันยักษ์ก็มีค่ามากเหมือนกันเพราะมันเป็นส่วนแหลมคมที่แข็งที่สุดในร่างกายของมันซึ่งสามารถเอาไปทำเป็นอาวุธชั้นดีได้แล้วก็ขายได้ราคาดีด้วย…” หลินหนานอธิบาย

หลังจากที่ได้ฟัง มู่หรงเสวี่ยไม่ได้รับมาแต่พูดออกไปเสียงเบา “เจ้าเอาไปเถอะ เราเป็นเพื่อนกัน อีกอย่างเราต้องหาค่าเรียนด้วย เก็บเอาไว้เถอะ ข้าไม่ได้อยากได้ของพวกนี้หรอก…”

มือที่กำลังถือกล่องอยู่ของหลินหนานเกร็งขึ้นและดวงตาเขาก็เริ่มที่จะเอ่อล้น มีหลายคนที่ “ปาก” บอกว่าเป็นเพื่อนเขาแต่มีเพียงไม่กี่คนที่คิดว่าเขาเป็นเพื่อนด้วย “หัวใจ” จริงๆ ในตอนนี้ เขาพร้อมที่จะมอบกายและหัวใจให้เด็กหนุ่มที่อยูตรงหน้าจริงๆ เขารู้สึกดีใจจริงๆที่ก่อนหน้านี้เขาเลือกที่จะมาเป็นอัศวินให้กับเขา

อีกสามคนที่เหลือต่างก็สังเกตเห็นท่าทางของหลินหนานในตอนนี้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้เอ่ยปากพูดขอบคุณ แต่ในหัวใจของพวกเขาก็ถูกสลักได้ด้วยชื่อของมู่เทียนเอาไว้แล้ว

“กล้าดียังไงถึงได้นั่งกินเนื้อย่างกันอย่างสบายใจแบบนี้? กล้ามากเลยนะไอ้หนู!” เสียงแก่ดังขึ้นมาไม่ไกลมากนัก

มูหรงเสวี่ยและคนอื่นๆที่กำลังนั่งกินเนื้อย่างรีบลุกขึ้นและอยู่ในท่าเตรียมพร้อมทันที

“ไปลงนรกซะเถอะ” เมื่อสิ้นเสียงคำราม พลังแห่งจิตวิญญาณที่ดุร้ายผสมกับเสียงโหยหวนของหมาป่าก็พุ่งตรงมาที่มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆ หลินหนานที่อยู่ใกล้กับมู่หรงเสวี่ย รีบเข้ามาอยู่ขวางอยู่ตรงหน้ามู่หรงเสวี่ยทันที เขาคิดที่จะใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อกันการโจมตีนี้

มู่หรงเสวี่ยตะลึงไปชั่วขณะ รีบรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดของร่างกายและดึงหลินหนานไปอยู่ข้างหลังพร้อมตะโกนออกมา “ปกป้องคนอื่นๆด้วย!”

“อัญเชิญฟินิกซ์!”

ร่างกายของมู่หรงเสวี่ยเปล่งประกายแสงจ้า นกฟินิกซ์บินโฉมลงมาจากท้องฟ้า ด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณที่เตรียมพร้อม มันบินพุ่งตรงไปที่อีกฝ่ายด้วยความเร็วที่น่ากลัว ต้นไม้มากมายที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็ทนแรงลมไม่ไหวจนต้องล้มเอน

การปะทะของพลังแห่งจิตวิญญาณทั้งสองแตกออกเป็นลูกบอลไฟขนาดใหญ่และจู่ๆ ลมแรงหลังจากการระเบิดก็แทบจะพัดหลินหนานกระเด็น

หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยตะโกนบอก หลินหนานก็รีบเข้าไปอุ้มเสี่ยวไป๋ที่ยังนั่งกินเนื้ออยู่ทันทีพร้อมทั้งดังหวูเสี่ยวเหมยที่อ่อนแอที่สุดให้มาหลบที่ด้านหลังเขา เขายังไม่ลืมที่จะเรียกคนที่เหลืออีกสองคน “รีบกลับมา…”

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่เพียงมู่หรงเสวี่ยคนเดียวที่รู้สึกประหลาดใจแต่อีกฝ่ายเองก็ประหลาดใจมากด้วยเหมือนกัน

ไม่นานกลุ่มควันก็ค่อยๆจางหายไปและร่างของชายแก่ก็ปรากฏขึ้นมา!! “ยังไม่ตายอีกเหรอ?!”

ชายแก่สวมเพียงเสื้อคลุมสีดำ เขาดูน่าจะอายุประมาณ 50 เขามีดวงตาหลี่เล็กซึ่งให้ความรู้สึกไม่น่าคบหาเท่าไร

“พวกเราไม่เคยมีเรื่องหรือเกลียดชังอะไรกัน ทำไมถึงได้มาโจมตีเราแบบนี้?!” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างเย็นชา!

“เจ้าทำร้ายลูกสาวของท่านเซี่ย แค่รอเวลาที่จะต้องตายเถอะ!” ชายแก่ถูกอาจารย์เซี่ยจ้างมา

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+