ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 258 พระเจ้า! ไอ้เด็กนั่นอยู่ระดับสีม่วงงั้นเหรอ!

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 258 พระเจ้า! ไอ้เด็กนั่นอยู่ระดับสีม่วงงั้นเหรอ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 258 พระเจ้า! ไอ้เด็กนั่นอยู่ระดับสีม่วงงั้นเหรอ!

“ข้าคือมู่เทียนไง!” นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?!

“ใครถามชื่อเจ้ากัน?” คุยกับไอ้หมอนี่ที่ไรน่าหงุดหงิดทุกทีเลย ตั้งแต่ที่เฟิงจือหลิงได้เจอกับมู่เทียนแล้วก็ไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เลย

“แล้วเจ้าถามข้าเรื่องอะไรล่ะ?” ดวงตากลมโตกะพริบถี่

“เจ้ามาจากตระกูลไหนกัน? ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนเลยล่ะ?” เฟิงจือหลิงถาม

“ตระกูลไหนงั้นเหรอ?! ตระกูลมู่” มู่หรงพยักหน้า และพูดยืนยันออกไปว่าถึงแม้มันควรจะเป็นตระกูลมู่หรง แต่นามสกุลของเธอคือมู่งั้นถ้าเธอโกหกออกไปแบบนั้นมันก็น่าจะจบ

“ตระกูลมู่งั้นเหรอ?! ไม่เคยได้ยินเลย…” หรือว่าเป็นตระกูลเล็กๆ เฟิงจือหลิงนึกเรื่องนี้อยู่ในใจแต่ก็ยังไม่เจอข้อมูลอะไรเกี่ยวกับมู่เทียนเลย “ตระกูลมู่อยู่ที่ไหนกัน?” เขาถาม

“ตระกูลมู่งั้นเหรอ?! อยู่ที่อีกฝั่ง…”

“อีกฝั่งที่ไหน?! อีกฝั่งของทะเลงั้นเหรอ?

มู่หรงเสวี่ยส่ายหัว “เปล่า อีกฝั่งของท้องฟ้า…”

“ตุบ!” มะเหงกลูกที่สามเคาะมาที่หน้าผาก!

“จริงจังหน่อยได้ไหม! ข้าบอกให้พูดเรื่องจริงไง”

มู่หรงเสวี่ยทำปากเบ้ แตะไปที่หน้าผากและพูดออกมาอย่างเหลวไหล “ไม่รักข้าหรือไงถึงได้มาตีกันแบบนี้น่ะ…”

ขอร้องเถอะ ใครรักเจ้ากัน!!! อย่ามากไปหน่อยเลย ฝันไปเถอะ

ชายหนุ่มถูกตีหัวจนสมองกลับไปหมดหรือไง

เมื่อเห็นว่าทุกคนดูเหมือนจะหมดความอดทนแล้ว สุดท้ายมู่หรงเสวี่ยก็เริ่มทำตัวปกติ “โอเค ข้าจริงจังนะ…”

เรื่องนี้เริ่มที่จะจริงจังเลยอยากที่จะเล่นกันพวกเขาหน่อยไม่ได้หรือไงกันนะ?!!!

พวกเขาเริ่มที่จะหมดความอดทน เพียงแต่ยังไม่ได้เตะมู่เทียนให้กระเด็นไปเท่านั้นเอง

“ข้าพูดจริงๆ ข้าไม่ได้มาจากมิตินี้! ถ้าไม่เชื่อข้าก็ลองถามเสี่ยวไป๋ดูสิ…” มู่หรงเสวี่ยชี้ไปที่บางคนที่ยังหลับอยู่ไกลๆ!

พวกเขามีสีหน้าที่เคร่งเครียด เจ้าลูกบอลนั่นดูไม่น่าเชื่อถือมากกว่ามู่เทียนซะอีก

“เจ้าพูดจริงเหรอ?!!” หลินหนานถามอีกครั้ง

มู่หรงยกมือขึ้นและพยักหน้าอย่างหนักแน่น “จริงๆนะ ฟังดูไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะ?”

พวกเขาต่างก็เงียบ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมมู่เทียนถึงได้ไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเรื่องพื้นๆ, การเป็นอยู่ของทวีปเฟิงหยุ่นและยังเรื่องอื่นๆอีก เขาถึงได้ชอบอยู่แค่กับเสี่ยวไป๋

“…”

หลังจากนั้น หลินหนานและคนอื่นๆก็มีคำถามมากมาย หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยตอบคำถามพวกเขาแล้ว ในหัวใจของพวกเขาก็เริ่มที่จะเข้าใจอะไรกันมากขึ้น ผู้คนในเมืองของมู่หรงเสวี่ยดูเป็นคนที่รักสงบและคนที่ไม่ได้ฝึกตนก็ยังสามารถที่จะได้ขึ้นสวรรค์ เป็นโลกที่มีกฎหมาย ผู้คนที่เที่ยวทำร้ายคนอื่นจะต้องถูกต่อต้าน

“ในโลกนั้นเจ้ารวยหรือเปล่า?” เฟิงจือหลิงถามอย่างสงสัย ไม่มีทางที่คนอย่างมู่เทียนจะเอาสมบัติล้ำค่าของมาชิ้นแล้วชิ้นเล่าได้แบบนี้

“เงินงั้นเหรอ?! ก็โอเคนะ ไม่ได้รวยอะไรมาก ยังมีตระกูลอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่อยู่เหนือกว่าข้า บริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปก็ยังไม่ถูกพัฒนาเท่าไร ข้าไม่ได้รวยอะไรมาก และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้วด้วย?!!”

จู่ๆมู่หรงเสวี่ยก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดรูปที่อยู่ในโทรศัพท์ “เคยเห็นสองคนนี้ไหม?!!”

หลินหนานและคนอื่นๆต่างก็มาดูที่อุปกรณ์แปลกๆและรู้เลยว่านี่เป็นของที่มาจากโลกของมู่เทียน ถึงแม้พวกเขาจะสงสัยแต่ก็รีบรับมาดูทันที

แต่พวกเขาต่างก็ส่ายหน้าจนใบหน้าของมู่หรงเสวี่ยดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“นี่คือคนที่สำคัญกับเจ้างั้นเหรอ?!” หลินหนานถาม

“พ่อแม่ของข้าเอง ข้ามาที่นี่ก็เพื่อตามหาพวกท่าน”

“ไม่ต้องห่วงนะ เจ้าจะต้องหาพวกท่านเจอแน่ๆ!”

“พวกเราก็จะช่วยเจ้าตามหาด้วยเหมือนกันนะ!”

“หลังจากที่ออกไปแล้ว ข้าก็จะแจ้งไปที่ตระกูลเฟิงของเราด้วย ตระกูลเราค่อนข้างที่จะทรงอำนาจ ถ้าเราไปถึงดินแดนพายุ เราก็น่าที่จะตามหาพวกท่านได้ในไม่ช้า…” เฟิงจือหลิงเองก็พูดออกมาด้วย ตอนนี้เขาไม่ได้มองมู่เทียนเป็นเพียงแค่คู่ต่อสู้แล้ว

“อืม ขอบคุณมากนะ”

มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้นและรีบหยิบหญ้าแห่งการฟื้นฟูเมื่อกี้ออกมาทันที “รีบไปกันเถอะ จะมัวรออะไรกันอยู่ล่ะ…”

มู่หรงเสวี่ยหน้าบึ้ง “พวกเจ้าอยากจะทำยังไงล่ะ?! ไอ้นี่ก็ไม่ได้ ไอ้นั่นก็ไม่เอา ปัญหาเยอะกันจริงๆเลย…”

“เจ้าสิตัวปัญหา!” พวกเขาต่างก็พูดออกมาพร้อมกัน

หูของมู่หรงเสวี่ยอื้อไปหมดเพราะเสียงดัง

สุดท้าย พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะออกไปแบบนี้ เฟิงจือหลิงเป็นนายน้อยแห่งตระกูลสายลม มีคนมากมายที่รู้เรื่องรู้ พวกเขาจึงมีแผนที่จะตัวตนของเขาเพื่อกดดัน ถ้าไม่สำเร็จ พวกเขาก็จะแค่สู้จนถนนอาบไปด้วยเลือด

ชัดเจนเลย ทันทีที่พวกเขาออกไปจากพื้นที่บรรยากาศเป็นพิษ พวกเขาก็ได้รับการจับจ้องมาจากทุกทิศทุกทางและไม่นานพวกเขาก็ถูกล้อมรอบ

“พวกเจ้าต้องการอะไร?” หลินหนานและเฟิงจือหลิงก้าวออกมาและถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“พวกเจ้าออกมาแล้ว ได้เจอสมบัติบ้างหรือเปล่า?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งถามออกมาซึ่งน่าจะอยู่ในระดับต้นๆเท่านั้น

“พวกเราไม่ได้เข้าไปเลยด้วยซ้ำ แค่ดูอยู่รอบนอกเท่านั้น…” หลินหนานพูดอย่างใจเย็น

ชายหนุ่มที่มีไฝสีดำที่หน้าลุกขึ้นมาพร้อมทั้งพูดว่า “ดูอยู่รอบนอกงั้นเหรอ คิดว่าจะหลอกกันได้เหรอ พวกเราอยู่ที่นี่มาหลายวันแต่กลับไปเห็นพวกเจ้าเลย พวกเจ้าคงจะต้องเข้าไปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว ก็น่าที่จะได้สมบัติมาด้วย…”

คำพูดของชายคนนั้นทำให้คนอื่นๆต่างก็แตกตื่นกันทันที ทุกคนพร้อมที่จะโจมตี

สายตาของเฟิงจือหลินเย็นชา “ระดับการฝึกตนของพวกเราอยู่ในระดับสีส้ม เราไม่กล้าที่จะเข้าไปหรอกแต่พวกเราได้เห็นหลุมดำจากไกลๆ นั่นเป็นสมบัติเหรอ? ข้าไม่รู้เลยแต่ในนั้นมีอสูรแห่งจิตวิญญาณระดับสูงๆอยู่มากมาย มีแค่ทางเดียวคือความตาย พวกเจ้าอยากที่จะมีเรื่องกับตระกูลเฟิงของเรางั้นเหรอ?!! ถ้าพวกเจ้าอยากที่จะตาย ข้าก็จะจัดให้เอง” ร่างกายของเธอเปล่งรังสีอาฆาตออกมา ดาบในมือเธอก็ถูกดึงออกมาพร้อมและเปล่งประกายความเย็นยะเยือกออกมา

“ตระกูลเฟิงงั้นเหรอ?!”

“เฟิงจือหลิงงั้นเหรอ?! ใช่เขาจริงๆด้วย มิน่าทำไมเขาถึงดูคุ้นๆ”

“ได้ยินมาว่าเขาอยู่ในระดับสูงสุดของระดับสีฟ้าตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆแล้วด้วยนะ…”

“ระดับสีฟ้าเหรอ ที่นี่เราไม่มีใครอยู่ระดับสีฟ้าเลยนะ งั้นก็ยากที่จะรับมือ…”

“ถ้าพวกเจ้ายังอยากที่จะสู้ ไม่กลัวที่ตาย ตระกูลเฟิงของพวกเราก็จะบดขยี้พวกเจ้าด้วยนิ้วเดียวเอง อย่าลืมนะว่าตระกูลเฟิงของเรามีคนที่ดูแลอยู่ในระดับกลางของระดับสีม่วงอยู่ด้วย…”

“ว่ายังไงล่ะ? ไม่มีสมบัติหรอก”

“พวกเขาดูเหมือนไม่ได้เอาสมบัติออกมาเลยนะ ไม่คุ้มหรอกนะที่จะสู้กับตระกูลเฟิงแบบนี้…”

“…”

ผู้คนรอบๆต่างก็ซุบซิบ หลินหนานตั้งการ์ดอย่างระวังเพื่อป้องกันการจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว

“ช่วยหลีกทางออกไปด้วย” เฟิงจือหลิงพูดออกมาอย่างเย็นชาและเริ่มที่จะเดินไปข้างหน้า

ถึงแม้เขาจะเป็นนักสู้ไอ้หมาบ้า ได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มาเป็นพันๆคนแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว ถ้าเขาต้องสู้จริงๆ ถึงแม้เขาจะไม่ตายแต่ก็คงจะต้องเจ็บหนักแน่ๆ

พวกเขาเดินอย่างระวังและอาวุธก็พร้อมอยู่ในมือของแต่ละคน นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

จู่ๆใครบางคนในฝูงชนก็ขยับ

“ถ้ายังไม่อยากตายก็อยู่เฉยๆเลย ตระกูลเฟิงไม่ใช่อะไรที่จะเข้าไปยุ่งด้วยง่ายๆ…” เสียงกระซิบดังขึ้นมาจากฝูงชน

หลินหนานและคนอื่นๆมองไปที่จุดนั้น ไม่คิดเลยว่าจะเจอเข้ากับร่างที่คุ้นเคย คนคนนั้นคือเซี่ยเต๋างั้นเหรอ?!!!

เขาเห็นอาจารย์เซี่ยจ้องมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาดุดัน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาต

หลินหนานพูดอย่างระวัง “ขอบคุณมาก ระวังตัวด้วย!”

ท่าทางของทุกคนเริ่มที่จะจริงจังขึ้นมา ประกายเย็นชาแวบขึ้นมาในสายตาของมู่หรงเสวี่ย ตอนนี้อาจารย์เซี่ยคิดว่าจะใช้ผู้ชนเพื่อที่จะจัดการกับพวกเขา เป็นคนที่อันตรายจริงๆ มีเพียงพี่น้องเฟิงจือหลิงเท่านั้นที่ไม่เข้าใจสถานการณ์นี้จึงถามออกไปเสียงเบา “ใครคือเซี่ยเต๋างั้นเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้น หันไปทางอาจารย์เซี่ยแล้วจึงพูดออกมา “นั่นไงเขา คนที่ไล่ตามพวกเราอาจจะมีเลศนัยแอบแฝง ต่อไปก็ระวังด้วยนะ เราต้องระวังไว้ก่อน เราไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ…”

เฟิงจือหลิงรีบพยักหน้าอย่างเย็นชาทันที

แน่นอนอยู่แล้ว!!!

“สมบัติอยู่ที่พวกเขา! ไปกันเถอะทุกคน” อาจารย์เซี่ยตะโกนออกมาและโยนพลังแห่งจิตวิญญาณออกมาก่อน

เมื่อมีคนหนึ่งเริ่ม เหตุการณ์ก็เริ่มที่จะเกินความควบคุม ทุกคนอยากที่จะลงไปสู้ด้วย เมื่อมีคนมากมาย ก็จะไม่มีใครบอกได้ว่าใครเป็นคนฆ่า ทุกคนต่างก็มีความคิดนี้

อีกอย่างถ้าสมบัติอยู่ที่พวกเขาจริงๆ มันก็คงจะน่าเสียดาย

หลินหนานและคนอื่นๆต่างก็รีบรวมกลุ่มทันที มู่หรงเสวี่ยที่อยู่ตรงกลางโยนเสี่ยวไป๋เข้าไปในมิติลับในระหว่างที่คนอื่นๆกำลังมองไปข้างใน เธอดึงดาบใหญ่ออกมา ปลอดปล่อยพลังแห่งการฝึกตนที่ถูกเก็บกดเอาไว้แล้วจึงลอยขึ้นไปในอากาศ

“อัญเชิญฟินิกซ์!”

มู่หรงเบาเสียงลง นกฟินิกซ์สีแดงเพลิงพุ่งออกมาตามเสียง พุ่งล้อมรอบไปที่ฝูงชนที่พุ่งเข้ามา ทิศทางที่เล็งคือตำแหน่งของอาจารย์เซี่ยที่กำลังยืนอยู่

“โอ้ พระเจ้า!”

“เด็กหนุ่มคนนั้น แม้จริงแล้วอยู่ในระดับสีม่วง!”

“เร็ว เร็วเข้า เร็ว!”

อย่างไรก็ตาม มันก็สายเกินไปแล้ว ฝูงชนกลุ่มแรกที่พุ่งเข้ามาเป็นกลุ่มแรกที่โดนจังหวะการเคลื่อนไหวแรกของมู่หรงเสวี่ยพุ่งเข้าใส่ แรงกระทบขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนกลุ่มคนนับสิบ

ถึงแม้อาจารย์เซี่ยจะกระโดดหลบได้ทันแต่สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในระดับสีม่วง

ไม่เพียงแค่คนรอบๆเท่านั้นที่ตกตะลึงแต่พี่น้องเฟิงจือหลิงเองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน

ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าเขาแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ โอเค นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ

ประกายเย็นชาแวบขึ้นมาในสายตาของเซี่ย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในระดับฝึกตนไหน แต่พวกเขาก็กลายเป็นศัตรูกันแล้ว ถ้าคนมากมายพวกนี้ไม่สามารถที่จะจัดการพวกเขาได้ในวันนี้ งั้นก็ไม่มีโอกาสอื่นแล้ว

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 258 พระเจ้า! ไอ้เด็กนั่นอยู่ระดับสีม่วงงั้นเหรอ!

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 258 พระเจ้า! ไอ้เด็กนั่นอยู่ระดับสีม่วงงั้นเหรอ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 258 พระเจ้า! ไอ้เด็กนั่นอยู่ระดับสีม่วงงั้นเหรอ!

“ข้าคือมู่เทียนไง!” นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?!

“ใครถามชื่อเจ้ากัน?” คุยกับไอ้หมอนี่ที่ไรน่าหงุดหงิดทุกทีเลย ตั้งแต่ที่เฟิงจือหลิงได้เจอกับมู่เทียนแล้วก็ไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เลย

“แล้วเจ้าถามข้าเรื่องอะไรล่ะ?” ดวงตากลมโตกะพริบถี่

“เจ้ามาจากตระกูลไหนกัน? ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนเลยล่ะ?” เฟิงจือหลิงถาม

“ตระกูลไหนงั้นเหรอ?! ตระกูลมู่” มู่หรงพยักหน้า และพูดยืนยันออกไปว่าถึงแม้มันควรจะเป็นตระกูลมู่หรง แต่นามสกุลของเธอคือมู่งั้นถ้าเธอโกหกออกไปแบบนั้นมันก็น่าจะจบ

“ตระกูลมู่งั้นเหรอ?! ไม่เคยได้ยินเลย…” หรือว่าเป็นตระกูลเล็กๆ เฟิงจือหลิงนึกเรื่องนี้อยู่ในใจแต่ก็ยังไม่เจอข้อมูลอะไรเกี่ยวกับมู่เทียนเลย “ตระกูลมู่อยู่ที่ไหนกัน?” เขาถาม

“ตระกูลมู่งั้นเหรอ?! อยู่ที่อีกฝั่ง…”

“อีกฝั่งที่ไหน?! อีกฝั่งของทะเลงั้นเหรอ?

มู่หรงเสวี่ยส่ายหัว “เปล่า อีกฝั่งของท้องฟ้า…”

“ตุบ!” มะเหงกลูกที่สามเคาะมาที่หน้าผาก!

“จริงจังหน่อยได้ไหม! ข้าบอกให้พูดเรื่องจริงไง”

มู่หรงเสวี่ยทำปากเบ้ แตะไปที่หน้าผากและพูดออกมาอย่างเหลวไหล “ไม่รักข้าหรือไงถึงได้มาตีกันแบบนี้น่ะ…”

ขอร้องเถอะ ใครรักเจ้ากัน!!! อย่ามากไปหน่อยเลย ฝันไปเถอะ

ชายหนุ่มถูกตีหัวจนสมองกลับไปหมดหรือไง

เมื่อเห็นว่าทุกคนดูเหมือนจะหมดความอดทนแล้ว สุดท้ายมู่หรงเสวี่ยก็เริ่มทำตัวปกติ “โอเค ข้าจริงจังนะ…”

เรื่องนี้เริ่มที่จะจริงจังเลยอยากที่จะเล่นกันพวกเขาหน่อยไม่ได้หรือไงกันนะ?!!!

พวกเขาเริ่มที่จะหมดความอดทน เพียงแต่ยังไม่ได้เตะมู่เทียนให้กระเด็นไปเท่านั้นเอง

“ข้าพูดจริงๆ ข้าไม่ได้มาจากมิตินี้! ถ้าไม่เชื่อข้าก็ลองถามเสี่ยวไป๋ดูสิ…” มู่หรงเสวี่ยชี้ไปที่บางคนที่ยังหลับอยู่ไกลๆ!

พวกเขามีสีหน้าที่เคร่งเครียด เจ้าลูกบอลนั่นดูไม่น่าเชื่อถือมากกว่ามู่เทียนซะอีก

“เจ้าพูดจริงเหรอ?!!” หลินหนานถามอีกครั้ง

มู่หรงยกมือขึ้นและพยักหน้าอย่างหนักแน่น “จริงๆนะ ฟังดูไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะ?”

พวกเขาต่างก็เงียบ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมมู่เทียนถึงได้ไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเรื่องพื้นๆ, การเป็นอยู่ของทวีปเฟิงหยุ่นและยังเรื่องอื่นๆอีก เขาถึงได้ชอบอยู่แค่กับเสี่ยวไป๋

“…”

หลังจากนั้น หลินหนานและคนอื่นๆก็มีคำถามมากมาย หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยตอบคำถามพวกเขาแล้ว ในหัวใจของพวกเขาก็เริ่มที่จะเข้าใจอะไรกันมากขึ้น ผู้คนในเมืองของมู่หรงเสวี่ยดูเป็นคนที่รักสงบและคนที่ไม่ได้ฝึกตนก็ยังสามารถที่จะได้ขึ้นสวรรค์ เป็นโลกที่มีกฎหมาย ผู้คนที่เที่ยวทำร้ายคนอื่นจะต้องถูกต่อต้าน

“ในโลกนั้นเจ้ารวยหรือเปล่า?” เฟิงจือหลิงถามอย่างสงสัย ไม่มีทางที่คนอย่างมู่เทียนจะเอาสมบัติล้ำค่าของมาชิ้นแล้วชิ้นเล่าได้แบบนี้

“เงินงั้นเหรอ?! ก็โอเคนะ ไม่ได้รวยอะไรมาก ยังมีตระกูลอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่อยู่เหนือกว่าข้า บริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปก็ยังไม่ถูกพัฒนาเท่าไร ข้าไม่ได้รวยอะไรมาก และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้วด้วย?!!”

จู่ๆมู่หรงเสวี่ยก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดรูปที่อยู่ในโทรศัพท์ “เคยเห็นสองคนนี้ไหม?!!”

หลินหนานและคนอื่นๆต่างก็มาดูที่อุปกรณ์แปลกๆและรู้เลยว่านี่เป็นของที่มาจากโลกของมู่เทียน ถึงแม้พวกเขาจะสงสัยแต่ก็รีบรับมาดูทันที

แต่พวกเขาต่างก็ส่ายหน้าจนใบหน้าของมู่หรงเสวี่ยดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“นี่คือคนที่สำคัญกับเจ้างั้นเหรอ?!” หลินหนานถาม

“พ่อแม่ของข้าเอง ข้ามาที่นี่ก็เพื่อตามหาพวกท่าน”

“ไม่ต้องห่วงนะ เจ้าจะต้องหาพวกท่านเจอแน่ๆ!”

“พวกเราก็จะช่วยเจ้าตามหาด้วยเหมือนกันนะ!”

“หลังจากที่ออกไปแล้ว ข้าก็จะแจ้งไปที่ตระกูลเฟิงของเราด้วย ตระกูลเราค่อนข้างที่จะทรงอำนาจ ถ้าเราไปถึงดินแดนพายุ เราก็น่าที่จะตามหาพวกท่านได้ในไม่ช้า…” เฟิงจือหลิงเองก็พูดออกมาด้วย ตอนนี้เขาไม่ได้มองมู่เทียนเป็นเพียงแค่คู่ต่อสู้แล้ว

“อืม ขอบคุณมากนะ”

มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้นและรีบหยิบหญ้าแห่งการฟื้นฟูเมื่อกี้ออกมาทันที “รีบไปกันเถอะ จะมัวรออะไรกันอยู่ล่ะ…”

มู่หรงเสวี่ยหน้าบึ้ง “พวกเจ้าอยากจะทำยังไงล่ะ?! ไอ้นี่ก็ไม่ได้ ไอ้นั่นก็ไม่เอา ปัญหาเยอะกันจริงๆเลย…”

“เจ้าสิตัวปัญหา!” พวกเขาต่างก็พูดออกมาพร้อมกัน

หูของมู่หรงเสวี่ยอื้อไปหมดเพราะเสียงดัง

สุดท้าย พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะออกไปแบบนี้ เฟิงจือหลิงเป็นนายน้อยแห่งตระกูลสายลม มีคนมากมายที่รู้เรื่องรู้ พวกเขาจึงมีแผนที่จะตัวตนของเขาเพื่อกดดัน ถ้าไม่สำเร็จ พวกเขาก็จะแค่สู้จนถนนอาบไปด้วยเลือด

ชัดเจนเลย ทันทีที่พวกเขาออกไปจากพื้นที่บรรยากาศเป็นพิษ พวกเขาก็ได้รับการจับจ้องมาจากทุกทิศทุกทางและไม่นานพวกเขาก็ถูกล้อมรอบ

“พวกเจ้าต้องการอะไร?” หลินหนานและเฟิงจือหลิงก้าวออกมาและถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“พวกเจ้าออกมาแล้ว ได้เจอสมบัติบ้างหรือเปล่า?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งถามออกมาซึ่งน่าจะอยู่ในระดับต้นๆเท่านั้น

“พวกเราไม่ได้เข้าไปเลยด้วยซ้ำ แค่ดูอยู่รอบนอกเท่านั้น…” หลินหนานพูดอย่างใจเย็น

ชายหนุ่มที่มีไฝสีดำที่หน้าลุกขึ้นมาพร้อมทั้งพูดว่า “ดูอยู่รอบนอกงั้นเหรอ คิดว่าจะหลอกกันได้เหรอ พวกเราอยู่ที่นี่มาหลายวันแต่กลับไปเห็นพวกเจ้าเลย พวกเจ้าคงจะต้องเข้าไปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว ก็น่าที่จะได้สมบัติมาด้วย…”

คำพูดของชายคนนั้นทำให้คนอื่นๆต่างก็แตกตื่นกันทันที ทุกคนพร้อมที่จะโจมตี

สายตาของเฟิงจือหลินเย็นชา “ระดับการฝึกตนของพวกเราอยู่ในระดับสีส้ม เราไม่กล้าที่จะเข้าไปหรอกแต่พวกเราได้เห็นหลุมดำจากไกลๆ นั่นเป็นสมบัติเหรอ? ข้าไม่รู้เลยแต่ในนั้นมีอสูรแห่งจิตวิญญาณระดับสูงๆอยู่มากมาย มีแค่ทางเดียวคือความตาย พวกเจ้าอยากที่จะมีเรื่องกับตระกูลเฟิงของเรางั้นเหรอ?!! ถ้าพวกเจ้าอยากที่จะตาย ข้าก็จะจัดให้เอง” ร่างกายของเธอเปล่งรังสีอาฆาตออกมา ดาบในมือเธอก็ถูกดึงออกมาพร้อมและเปล่งประกายความเย็นยะเยือกออกมา

“ตระกูลเฟิงงั้นเหรอ?!”

“เฟิงจือหลิงงั้นเหรอ?! ใช่เขาจริงๆด้วย มิน่าทำไมเขาถึงดูคุ้นๆ”

“ได้ยินมาว่าเขาอยู่ในระดับสูงสุดของระดับสีฟ้าตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆแล้วด้วยนะ…”

“ระดับสีฟ้าเหรอ ที่นี่เราไม่มีใครอยู่ระดับสีฟ้าเลยนะ งั้นก็ยากที่จะรับมือ…”

“ถ้าพวกเจ้ายังอยากที่จะสู้ ไม่กลัวที่ตาย ตระกูลเฟิงของพวกเราก็จะบดขยี้พวกเจ้าด้วยนิ้วเดียวเอง อย่าลืมนะว่าตระกูลเฟิงของเรามีคนที่ดูแลอยู่ในระดับกลางของระดับสีม่วงอยู่ด้วย…”

“ว่ายังไงล่ะ? ไม่มีสมบัติหรอก”

“พวกเขาดูเหมือนไม่ได้เอาสมบัติออกมาเลยนะ ไม่คุ้มหรอกนะที่จะสู้กับตระกูลเฟิงแบบนี้…”

“…”

ผู้คนรอบๆต่างก็ซุบซิบ หลินหนานตั้งการ์ดอย่างระวังเพื่อป้องกันการจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว

“ช่วยหลีกทางออกไปด้วย” เฟิงจือหลิงพูดออกมาอย่างเย็นชาและเริ่มที่จะเดินไปข้างหน้า

ถึงแม้เขาจะเป็นนักสู้ไอ้หมาบ้า ได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มาเป็นพันๆคนแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว ถ้าเขาต้องสู้จริงๆ ถึงแม้เขาจะไม่ตายแต่ก็คงจะต้องเจ็บหนักแน่ๆ

พวกเขาเดินอย่างระวังและอาวุธก็พร้อมอยู่ในมือของแต่ละคน นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

จู่ๆใครบางคนในฝูงชนก็ขยับ

“ถ้ายังไม่อยากตายก็อยู่เฉยๆเลย ตระกูลเฟิงไม่ใช่อะไรที่จะเข้าไปยุ่งด้วยง่ายๆ…” เสียงกระซิบดังขึ้นมาจากฝูงชน

หลินหนานและคนอื่นๆมองไปที่จุดนั้น ไม่คิดเลยว่าจะเจอเข้ากับร่างที่คุ้นเคย คนคนนั้นคือเซี่ยเต๋างั้นเหรอ?!!!

เขาเห็นอาจารย์เซี่ยจ้องมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาดุดัน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาต

หลินหนานพูดอย่างระวัง “ขอบคุณมาก ระวังตัวด้วย!”

ท่าทางของทุกคนเริ่มที่จะจริงจังขึ้นมา ประกายเย็นชาแวบขึ้นมาในสายตาของมู่หรงเสวี่ย ตอนนี้อาจารย์เซี่ยคิดว่าจะใช้ผู้ชนเพื่อที่จะจัดการกับพวกเขา เป็นคนที่อันตรายจริงๆ มีเพียงพี่น้องเฟิงจือหลิงเท่านั้นที่ไม่เข้าใจสถานการณ์นี้จึงถามออกไปเสียงเบา “ใครคือเซี่ยเต๋างั้นเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้น หันไปทางอาจารย์เซี่ยแล้วจึงพูดออกมา “นั่นไงเขา คนที่ไล่ตามพวกเราอาจจะมีเลศนัยแอบแฝง ต่อไปก็ระวังด้วยนะ เราต้องระวังไว้ก่อน เราไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ…”

เฟิงจือหลิงรีบพยักหน้าอย่างเย็นชาทันที

แน่นอนอยู่แล้ว!!!

“สมบัติอยู่ที่พวกเขา! ไปกันเถอะทุกคน” อาจารย์เซี่ยตะโกนออกมาและโยนพลังแห่งจิตวิญญาณออกมาก่อน

เมื่อมีคนหนึ่งเริ่ม เหตุการณ์ก็เริ่มที่จะเกินความควบคุม ทุกคนอยากที่จะลงไปสู้ด้วย เมื่อมีคนมากมาย ก็จะไม่มีใครบอกได้ว่าใครเป็นคนฆ่า ทุกคนต่างก็มีความคิดนี้

อีกอย่างถ้าสมบัติอยู่ที่พวกเขาจริงๆ มันก็คงจะน่าเสียดาย

หลินหนานและคนอื่นๆต่างก็รีบรวมกลุ่มทันที มู่หรงเสวี่ยที่อยู่ตรงกลางโยนเสี่ยวไป๋เข้าไปในมิติลับในระหว่างที่คนอื่นๆกำลังมองไปข้างใน เธอดึงดาบใหญ่ออกมา ปลอดปล่อยพลังแห่งการฝึกตนที่ถูกเก็บกดเอาไว้แล้วจึงลอยขึ้นไปในอากาศ

“อัญเชิญฟินิกซ์!”

มู่หรงเบาเสียงลง นกฟินิกซ์สีแดงเพลิงพุ่งออกมาตามเสียง พุ่งล้อมรอบไปที่ฝูงชนที่พุ่งเข้ามา ทิศทางที่เล็งคือตำแหน่งของอาจารย์เซี่ยที่กำลังยืนอยู่

“โอ้ พระเจ้า!”

“เด็กหนุ่มคนนั้น แม้จริงแล้วอยู่ในระดับสีม่วง!”

“เร็ว เร็วเข้า เร็ว!”

อย่างไรก็ตาม มันก็สายเกินไปแล้ว ฝูงชนกลุ่มแรกที่พุ่งเข้ามาเป็นกลุ่มแรกที่โดนจังหวะการเคลื่อนไหวแรกของมู่หรงเสวี่ยพุ่งเข้าใส่ แรงกระทบขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนกลุ่มคนนับสิบ

ถึงแม้อาจารย์เซี่ยจะกระโดดหลบได้ทันแต่สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในระดับสีม่วง

ไม่เพียงแค่คนรอบๆเท่านั้นที่ตกตะลึงแต่พี่น้องเฟิงจือหลิงเองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน

ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าเขาแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ โอเค นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ

ประกายเย็นชาแวบขึ้นมาในสายตาของเซี่ย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในระดับฝึกตนไหน แต่พวกเขาก็กลายเป็นศัตรูกันแล้ว ถ้าคนมากมายพวกนี้ไม่สามารถที่จะจัดการพวกเขาได้ในวันนี้ งั้นก็ไม่มีโอกาสอื่นแล้ว

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+