ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 26 ความรู้สึกของเพื่อนๆ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 26 ความรู้สึกของเพื่อนๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 26 ความรู้สึกของเพื่อนๆ

“ไม่ต้องคิดหรอก เลือกโม่จื่อเหวินไปเลยพี่โม่ พี่แนะนำคนนี้นี่ ฉันเชื่อสายตาพี่ ส่วนเรื่องน้องชายเขาฉันจะดูแลอย่างดี” มู่หรงเสวี่ยคิดว่าในเมื่อโม่จื่อเหวินยอมที่จะทิ้งอนาคตเพื่อน้องชาย งั้นเขาคงไม่ใช่คนที่แย่แน่ๆ

“งั้นพี่จะขอให้เขามาเจอกับเธอพรุ่งนี้ดีไหม?” โม่หลิวเฟิงถาม

“อื้ม บอกให้เขามาเจอฉันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนนะ ให้เขาโทรหาฉันแล้วกัน” จบไปแล้วหนึ่งเรื่อง มู่หรงเสวี่ยก็เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว เธอหันไปหาหยางเฟิงแล้วถามไปว่า

“รุ่นพี่หยาง วันนี้นายบอกว่ามีเรื่องที่จะคุยกับฉัน มีเรื่องอะไรเหรอ?”

หยางเฟิงเห็นท่าทางสงสัยของมู่หรงเสวี่ยและคิดว่านี่น่ารักมากเลย มันคงจะดีกว่าถ้าเขาไม่ต้องสนใจโม่หลิวเฟิง เดิมทีเขาอยากที่จะบอกเธอว่าเขาชอบเธอแต่ตอนนี้บรรยากาศมันไม่ค่อยเหมาะเท่าไรเลย หลังจากคิดอยู่สักพัก เขาก็ถามเรื่องรูปที่โรงเรียน

“เสี่ยวเสวี่ย รูปที่โรงเรียนมันอะไรกันเหรอ? เธออยากให้ฉันช่วยไหม?”

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกว่าหยางเฟิงเป็นผู้ชายอีกหนึ่งคนที่อยู่ในข่าวลือด้วย จึงพูดออกไปอย่างเขินๆว่า

“ขอโทษทีนะหยางเฟิง ที่ทำให้นายเดือดร้อนไปด้วย”

“คิดว่ามันเพราะอะไร? ฉันสงสัยว่ามีบางคนในโรงเรียนที่กำลังเล็งเป้ามาที่เธอนะ ให้ฉันเช็กให้ไหม?”

โม่หลิวเฟิงฟังเรื่องและถามออกมาอย่างสงสัย “มีเรื่องอะไรเหรอ? มีเรื่องอะไรทำให้เธอไม่สบายใจเหรอ?”
มู่หรงเสวี่ยคิดว่ามันเยี่ยมจริงๆที่ได้กลับมาเกิดใหม่ เธอไม่ได้สูญเสียครอบครัว เธอมีเพื่อนๆที่เป็นห่วงเธอ เธออบอุ่นในหัวใจอย่างมาก

“ไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย” เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม สิ่งที่เธอไม่รู้คือรอยยิ้มอบอุ่นราวดอกบ๊วยที่บานในหน้าหนาวทำให้สองหนุ่มถึงกับประหลาดใจ

“เรื่องเล็กน้อยอะไรกัน? ทั้งโรงเรียนต่างก็ตกตะลึง ทุกคนต่างก็ได้เห็นรูปลับที่เธอถูกแอบถ่ายมานะ พูดตรงๆเลยนะเธอทำให้ทั้งโรงเรียนไม่พอใจ ฉันได้ยินมาว่ามีพวกนักเรียนรวมกลุ่มกันลงชื่อเพื่อให้ไล่เธอออกด้วย ถึงแม้ตระกูลมู่หรงจะมีอำนาจในเมืองนี้ แต่เสียงของคนอื่นก็ไม่เบาเลยนะ เราควรจะต้องจัดการกับเรื่องนี้ก่อนที่มันจะกระจายไปกว้างกว่านี้”

เมื่อโม่หลิวเฟิงได้ยินเรื่องที่น้องสาวบอกและประทับใจกับรอยยิ้มนั้น เขาจึงคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับมู่หรงเสวี่ยไม่ใช่เรื่องเล็กๆและน่าเป็นห่วงอย่างมาก

“เสี่ยวเสวี่ย ถ้าเธอเรียกฉันว่าพี่โม่ งั้นเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับพี่ด้วย พี่จะเช็กว่านี่เป็นฝีมือใคร พี่ยังพอมีเส้นสายอยู่บ้าง ตอนนี้เธอยังมีรูปอยู่ไหม? พี่ขอรูปหนึ่งสิ”

มู่หรงเสวี่ยลังเลอยู่สักพัก เธออยากที่จะจัดการปัญหานี้เองเพราะเธอรู้ว่าเสี่ยวเข่อลี่จะเคลื่อนไหวในอีกไม่กี่วัน เธออยากที่จะวางกับดักให้หล่อนตกหลุมพรางของตัวเอง อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นสายตาที่ห่วงใยและความตั้งใจที่จะช่วยเธออย่างไม่มีเงื่อนไขของหยางเฟิงและพี่โม่ รวมทั้งอาการเป็นห่วงของโม่อ้ายลี่เมื่อกลางวันซึ่งถ้าเธอปฏิเสธความช่วยเหลือและ “ความต้องการ” ของพวกเขา พวกเขาก็คงจะเสียใจ

“ในบ้านบังเอิญมีรูปด้วยเหมือนกันเพราะเมื่อวานมีคนส่งมาให้พ่อแม่ฉันด้วย เดี๋ยวฉันเอามาให้” แล้วเธอก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องเพื่อที่จะหยิบรูป

โม่หลิวเฟิงมองมู่หรงเสวี่ยที่เดินเข้าไปในห้องแล้วหันกลับมาที่หยางเฟิงว่า “ไอ้หนุ่ม นายชอบเสี่ยวเสวี่ยสินะ!”

ตั้งแต่ที่ได้เห็นเขาเมื่อตอนบ่าย ก็บอกได้เลยว่าเขาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร แต่เมื่ออยู่ด้วยกันสักพักก็เห็นได้เลยว่าเขาสัมผัสความรู้สึกของคนอื่นได้อย่างรวดเร็วมากๆ

หยางเฟิงไม่แปลกใจที่ถูกมองทะลุจึงตอบออกไปตรงๆ “ใช่ นายก็ด้วยนี่!” น้ำเสียงก็ชัดเจนไม่แพ้กัน

ในตอนนี้โม่หลิวเฟิงมองเขาต่างออกไปนิดหน่อย เขาคิดว่าตัวเองเก็บอาการได้ดีแล้วเชียว

“นายไม่ต้องแปลกใจหรอก นายสามารถเก็บซ่อนสายตาได้แต่มันยากที่จะเก็บซ่อนหัวใจที่เต้นรัว! แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ”

โม่หลิวเฟิงยื่นมือออกไป “งั้นมาสู้กับแบบแฟร์ๆ!”
สองมือจับกัน “ด้วยฝีมือของตัวเอง!”
ในเวลานี้ มู่หรงเสวี่ยเดินกลับมา “พวกคุณสองคนกำลังทำอะไรกัน? เป็นมิตรกันใช่ไหม”
“จะไม่ใช่ได้ยังไงล่ะ!” สองเสียงพูดพร้อมกัน!

“แหม เป็นผู้ใหญ่กันมากๆ” รอยยิ้มบนใบหน้าของ มู่หรงเสวี่ยดูจะแปลกๆ

อยู่ดีๆโม่หลิวเฟิงก็รู้สึกเขินๆจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “เอารูปมาให้พี่ที” พร้อมทั้งรับรูปมาไว้ในมือ เขาจ้องรูปจูบ แล้วทำใจให้สงบอีกครั้ง ตอนที่เขาเห็นว่าเด็กสาวที่เขาชอบถูกจูบ ถึงแม้มันจะเป็นที่หน้าผากก็เถอะ มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเสียอาการได้แล้ว เขาจึงรีบถามออกไปทันที “ผู้ชายคนนี้เป็นใคร?” พร้อมเสียงกัดฟันเบาๆ

หยางเฟิงก็กังวลด้วยเหมือนกัน กลัวว่าจะได้ยิน มู่หรงเสวี่ยบอกว่าเธอชอบชายคนนี้หรืออะไรกันเนี่ย?!

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เป็นเพราะเพื่อนบ้านงี่เง่าที่ทำให้เธอต้องมาเจอกับข่าวลือพวกนี้ “เขาเป็นเพื่อนบ้านฉัน!” น้ำเสียงไม่ค่อยดีเท่าไร

“ทำไมเพื่อนบ้านต้องมาจูบเธอที่หน้าผากด้วยล่ะ?” หยางเฟิงถาม

“มีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่รู้ว่าเขากล้าดีแค่ไหน แล้วเขาก็บอกว่ามันเป็นจูบกู๊ดไนท์ ฉันบังเอิญได้ไปทำแผลให้เขา นอกจากที่จะเป็นเพื่อนบ้านกันแล้วฉันก็คุ้นเคยกับเรื่องนี้นิดหน่อยด้วย ซึ่งคิดว่านี่คงเป็นธรรมเนียมของคนต่างชาติ เรื่องที่มันแย่ที่สุดก็คือโดนถ่ายรูปนี่แหละ” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกจริงๆว่าชูอี้เสิ่นไม่สุภาพเลยที่เข้ามาจูบกู๊ดไนท์เธอแบบนั้นแต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

โม่หลิวเฟิงและหยางเฟิงต่างก็มองหน้ากันและเข้าใจตรงกันว่าเพื่อนบ้านคนนี้เป็นคู่แข่ง พวกเขาไม่ได้คิดช้าเหมือน มู่หรงเสวี่ย ข่าวดีอย่างเดียวคือน้ำเสียงของมู่หรงเสวี่ยที่บ่งบอกว่าเธอไม่ชอบเพื่อนบ้าน

โม่หลิวเฟิงดูอีกสองรูปที่เหลือ รูปหนึ่งคือกู่หมิงคนที่เพิ่งกินข้าวกับพวกเขาเมื่อกี้ เขารู้เรื่องนั้นแล้วซึ่งน่าจะเป็นเพราะเรื่องงานของตระกูลมู่หรง เขาไม่ได้คิดว่าเป็นหุ้นส่วนของมู่หรงเสวี่ย เขาจึงประหลาดใจที่ได้รู้ว่าบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปอันที่จริงแล้วเป็นของมู่หรงเสวี่ย

รูปสุดท้ายคือรูปหยางเฟิง อยู่ดีๆโม่หลิวเฟิงก็รู้สึกแย่มากๆ หยางเฟิงและมู่หรงเสวี่ยอยู่โรงเรียนเดียวกัน พวกเขามีโอกาสที่จะได้ใกล้กันมากมาย ดูเหมือนว่าเขาจะต้องคุยกับน้องสาวให้มากกว่านี้เพื่อที่เธอจะได้พามู่หรงเสวี่ยมาเที่ยวที่บ้านบ่อยๆ

“ทิ้งรูปพวกนี้ไว้ที่พี่ เดี๋ยวอีกสองวันก็รู้เรื่อง สบายใจได้เลย” โม่หลิวเฟิงเก็บรูปอย่างระวัง

หยางเฟิงไม่ได้แย้งอะไรเขา ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการช่วยมู่หรงเสวี่ยแก้ปัญหาก่อน เขาเองก็จะสืบเองด้วยเหมือนกัน ถ้าเขาไม่ทำอะไรเลยเขาก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

มู่หรงเสวี่ยพูดตอบไปอย่างจริงใจ “ขอบคุณนะคะ ดีจริงๆที่ได้รู้จักพี่” มู่หรงไม่ใช่คนที่อ่อนไหวมากนักแต่ครั้งนี้มันอดไม่ได้ที่จะแอบตาแดงเบาๆ

โม่หลิวเฟิงลูบที่หัวของมู่หรงเสวี่ย “เด็กโง่ ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอก!” เธอเป็นเด็กธรรมดาๆจริงๆ เขารู้สึกอ่อนไหวและรักเธอมากขึ้นๆไปอีก

หยางเฟิงจ้องไปที่มือนั้นอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร

หลังจากนั้นพวกเขาก็คุยกันอีกหลายเรื่อง ถึงขนาดนัดกันเพื่อที่จะออกไปเที่ยวด้วยกันช่วงวันหยุดนี้ด้วย พวกเขาพูดคุยกันจนถึงขนาดนัดวันและเวลาแล้วสุดท้ายมันก็ดึกมากแล้วจนทุกคนต้องรีบกล่าวลากันและคู่สามีภรรยาก็บอกว่ายินดีต้อนรับให้พวกเขามาได้เสมอ หนึ่งในพวกเขาถึงขนาดว่าได้รับผลไม้ที่ มู่หรงเสวี่ยนำกลับมาจากมิติลับไปด้วยอีกสองถุง

เช้าวันต่อมาข่าวลือเกี่ยวกับมู่หรงเสวี่ยในโรงเรียนยิ่งร้อนแรงขึ้นไปอีกและถึงขนาดมีเด็กสาวบางคนเดินตรงเข้ามาหามู่หรงเสวี่ยเพื่อที่จะต่อว่าเธอด้วย แน่นอนพวกนั้นไม่ได้ทำอะไรเธอ อย่างน้อยก็ซึ่งๆหน้าเพราะพวกเขาไม่กล้าพอ ตระกูลมู่หรงไม่ใช่อะไรที่จะเข้าไปยุ่งด้วยง่ายๆ

มู่หรงเสวี่ยเพียงแค่มองเหล่เหมือนปกติไปตลอดทางและไม่สนใจอะไรเลย

หลังเลิกเรียน พี่โม่ก็เชิญเธอไปที่ร้านอาหารส่วนตัวเพื่อที่จะแนะนำโม่จื่อเหวินให้เธอรู้จัก หลังจากไปถึงสถานที่นัด เธอก็เปิดประตูเข้าไปและเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีสองคน

โม่หลิวเฟิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆชายหนุ่มหล่อเหลาในชุดลำลองสีขาวสบายๆ ซึ่งสามารถมองเห็นกล้ามเนื้อภายใต้เสื้อเชิ้ตได้อย่างชัดเจน และร่างกายเขาก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยเสื้อผ้าเรียบหรู นี่ใช่โม่จื่อเหวินหรือเปล่า?! สิ่งที่เห็นนี่เหนือความคาดหมายของเธอมากจริงๆ สิ่งที่เธอคิดคือใบหน้าตี๋แบบคนจีน, ผิวเข้มและผมสั้นเกรียนเหมือนกับทหารทั่วไป

มู่หรงเสวี่ยกระพริบตา ปีศาจคนนี้เป็นใครกันเนี่ย!?

“เสี่ยวเสวี่ยมาแล้ว ขอพี่แนะนำหน่อยนะ นี่โม่จื่อ” โม่หลิวเฟิงขัดสายตาที่จ้องของมู่หรงเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม พูดตรงๆคือ มู่หรงเสวี่ยเพียงแค่จ้องไปที่ดวงตาของโม่จื่อเหวินซึ่งทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหึง ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เขาจะแนะนำโม่จื่อเหวินให้ มู่หรงเสวี่ยได้รู้จัก เขาก็รู้สึกลังเลกับเรื่องรูปร่างหน้าตาของ โม่จื่อเหวิน

แต่หลังจากที่ได้ฟังเรื่องที่น้องสาวเล่าว่ามู่หรงเสวี่ยเคยถูกดักรอที่หน้าบ้าน ในใจเขาก็รู้สึกไม่สบายใจและคิดว่าต้องหาทางที่จะปกป้องเธอให้ดีกว่านี้

“สวัสดีค่ะ ฉันมู่หรงเสวี่ย” ในไม่ช้ามู่หรงเสวี่ยก็ได้สติจากความหล่อของโม่จื่อเหวินและยืนมือออกไปเพื่อแสดงมารยาท

“สวัสดีครับ ผมโม่จื่อเหวิน” มือที่แข็งแกร่งของโม่จื่อเหวินจับเข้าที่มือขาวนวลบอบบางของมู่หรงเสวี่ยเช่นกัน และท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ตอนแรกเลยเขาได้ยินว่าตัวเองจะต้องมาคุ้มกันลูกสาวของตระกูลมู่หรง เขาคิดว่าเธอจะเป็นคุณหนูไร้มารยาท อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คิดว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาจะต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มที่สุภาพแบบนี้ แถมเธอยังไม่ได้มีท่าทางเหมือนพวกเด็กสาวบ้าคลั่งพวกนั้นด้วย

“มานั่งลงกินอะไรกันก่อนแล้วค่อยคุยกันเถอะ” โม่หลิวเฟิงพูดออกมาแล้วเรียกพนักงานเสิร์ฟเข้ามาสั่งอาหาร
“อยากกินอะไรไหมเสี่ยวเสวี่ย?” โม่หลิวเฟิงถาม มู่หรงเสวี่ยก่อน
“ฉันกินอะไรก็ได้ ไม่เรื่องมากหรอกค่ะ”

โม่หลิวเฟิงหันกลับมามองที่โม่จื่อเหวินที่พูดแบบนั้นเช่นกัน
“ถ้าอย่างงั้นพี่สั่งเองแล้วกัน”
ระหว่างที่โม่หลิวเฟิงกำลังสั่งอาหาร โม่จื่อเหวินก็ถาม มู่หรงเสวี่ยว่า “คุณหนูครับ มีใครบอกเรื่องของผมแล้วหรือยัง?”

“ค่ะ คุณสบายใจได้ ฉันจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้น้องชายคุณอย่างดี” มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าเขาเป็นห่วงเรื่องอะไร

สีหน้าของโม่จื่อเหวินค่อนข้างหนักใจ “บางทีผมอาจจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน ผมหวังว่าตัวเองจะได้อยู่กับน้องชายด้วย ผมรู้ว่าผมต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของคุณหนู แต่น้องชายผมไม่ค่อยแข็งแรง ถ้าผมต้องให้เขาไปอยู่ที่อื่นผมก็คงจะไม่สบายใจ”

มู่หรงเสวี่ยลังเลอยู่สักพัก เดิมทีเธอตั้งใจจะหาที่อยู่อื่นให้น้องชายของโม่จื่อเหวินแล้วจะจ้างนางพยาบาลดีๆเพื่อมาคอยดูแลเขาเพราะบอดี้การ์ดจะต้องคอยตามเธอไปทุกที่ นอกจากห้องนอนใหญ่แล้ว ในอะพาร์ตเมนต์ของเธอก็ยังมีห้องอื่นอีกห้าห้อง แต่มันก็ไม่ดีเท่าไรที่จะให้พวกเขามาอยู่ด้วยกับเธอ เธอไม่รู้ว่าใกล้ๆเธอจะมีห้องว่างขายหรือเปล่า ถ้าไม่มีพวกเขาก็คงจะต้องเข้ามาอยู่กับเธอ

“ไม่มีปัญหา ฉันจะจัดให้พวกคุณได้อยู่ด้วยกัน หลังทานอาหารเสร็จช่วยพาฉันไปพบน้องชายคุณทีนะคะ”
หลังจากที่ได้คุยกับมู่หรงเสวี่ย โม่จื่อเหวินคิดว่าเธอจะปฏิเสธแต่เธอกลับตอบรับอย่างง่ายดาย “ได้ครับ”
โม่หลิวเฟิงที่เพิ่งสั่งอาหารเสร็จ เห็นว่าพวกเขากำลังคุยกันอย่างสนุกจึงถามออกไป “เป็นยังไงบ้าง? ตกลงกันได้แล้วใช่ไหม?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 26 ความรู้สึกของเพื่อนๆ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 26 ความรู้สึกของเพื่อนๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 26 ความรู้สึกของเพื่อนๆ

“ไม่ต้องคิดหรอก เลือกโม่จื่อเหวินไปเลยพี่โม่ พี่แนะนำคนนี้นี่ ฉันเชื่อสายตาพี่ ส่วนเรื่องน้องชายเขาฉันจะดูแลอย่างดี” มู่หรงเสวี่ยคิดว่าในเมื่อโม่จื่อเหวินยอมที่จะทิ้งอนาคตเพื่อน้องชาย งั้นเขาคงไม่ใช่คนที่แย่แน่ๆ

“งั้นพี่จะขอให้เขามาเจอกับเธอพรุ่งนี้ดีไหม?” โม่หลิวเฟิงถาม

“อื้ม บอกให้เขามาเจอฉันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนนะ ให้เขาโทรหาฉันแล้วกัน” จบไปแล้วหนึ่งเรื่อง มู่หรงเสวี่ยก็เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว เธอหันไปหาหยางเฟิงแล้วถามไปว่า

“รุ่นพี่หยาง วันนี้นายบอกว่ามีเรื่องที่จะคุยกับฉัน มีเรื่องอะไรเหรอ?”

หยางเฟิงเห็นท่าทางสงสัยของมู่หรงเสวี่ยและคิดว่านี่น่ารักมากเลย มันคงจะดีกว่าถ้าเขาไม่ต้องสนใจโม่หลิวเฟิง เดิมทีเขาอยากที่จะบอกเธอว่าเขาชอบเธอแต่ตอนนี้บรรยากาศมันไม่ค่อยเหมาะเท่าไรเลย หลังจากคิดอยู่สักพัก เขาก็ถามเรื่องรูปที่โรงเรียน

“เสี่ยวเสวี่ย รูปที่โรงเรียนมันอะไรกันเหรอ? เธออยากให้ฉันช่วยไหม?”

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกว่าหยางเฟิงเป็นผู้ชายอีกหนึ่งคนที่อยู่ในข่าวลือด้วย จึงพูดออกไปอย่างเขินๆว่า

“ขอโทษทีนะหยางเฟิง ที่ทำให้นายเดือดร้อนไปด้วย”

“คิดว่ามันเพราะอะไร? ฉันสงสัยว่ามีบางคนในโรงเรียนที่กำลังเล็งเป้ามาที่เธอนะ ให้ฉันเช็กให้ไหม?”

โม่หลิวเฟิงฟังเรื่องและถามออกมาอย่างสงสัย “มีเรื่องอะไรเหรอ? มีเรื่องอะไรทำให้เธอไม่สบายใจเหรอ?”
มู่หรงเสวี่ยคิดว่ามันเยี่ยมจริงๆที่ได้กลับมาเกิดใหม่ เธอไม่ได้สูญเสียครอบครัว เธอมีเพื่อนๆที่เป็นห่วงเธอ เธออบอุ่นในหัวใจอย่างมาก

“ไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย” เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม สิ่งที่เธอไม่รู้คือรอยยิ้มอบอุ่นราวดอกบ๊วยที่บานในหน้าหนาวทำให้สองหนุ่มถึงกับประหลาดใจ

“เรื่องเล็กน้อยอะไรกัน? ทั้งโรงเรียนต่างก็ตกตะลึง ทุกคนต่างก็ได้เห็นรูปลับที่เธอถูกแอบถ่ายมานะ พูดตรงๆเลยนะเธอทำให้ทั้งโรงเรียนไม่พอใจ ฉันได้ยินมาว่ามีพวกนักเรียนรวมกลุ่มกันลงชื่อเพื่อให้ไล่เธอออกด้วย ถึงแม้ตระกูลมู่หรงจะมีอำนาจในเมืองนี้ แต่เสียงของคนอื่นก็ไม่เบาเลยนะ เราควรจะต้องจัดการกับเรื่องนี้ก่อนที่มันจะกระจายไปกว้างกว่านี้”

เมื่อโม่หลิวเฟิงได้ยินเรื่องที่น้องสาวบอกและประทับใจกับรอยยิ้มนั้น เขาจึงคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับมู่หรงเสวี่ยไม่ใช่เรื่องเล็กๆและน่าเป็นห่วงอย่างมาก

“เสี่ยวเสวี่ย ถ้าเธอเรียกฉันว่าพี่โม่ งั้นเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับพี่ด้วย พี่จะเช็กว่านี่เป็นฝีมือใคร พี่ยังพอมีเส้นสายอยู่บ้าง ตอนนี้เธอยังมีรูปอยู่ไหม? พี่ขอรูปหนึ่งสิ”

มู่หรงเสวี่ยลังเลอยู่สักพัก เธออยากที่จะจัดการปัญหานี้เองเพราะเธอรู้ว่าเสี่ยวเข่อลี่จะเคลื่อนไหวในอีกไม่กี่วัน เธออยากที่จะวางกับดักให้หล่อนตกหลุมพรางของตัวเอง อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นสายตาที่ห่วงใยและความตั้งใจที่จะช่วยเธออย่างไม่มีเงื่อนไขของหยางเฟิงและพี่โม่ รวมทั้งอาการเป็นห่วงของโม่อ้ายลี่เมื่อกลางวันซึ่งถ้าเธอปฏิเสธความช่วยเหลือและ “ความต้องการ” ของพวกเขา พวกเขาก็คงจะเสียใจ

“ในบ้านบังเอิญมีรูปด้วยเหมือนกันเพราะเมื่อวานมีคนส่งมาให้พ่อแม่ฉันด้วย เดี๋ยวฉันเอามาให้” แล้วเธอก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องเพื่อที่จะหยิบรูป

โม่หลิวเฟิงมองมู่หรงเสวี่ยที่เดินเข้าไปในห้องแล้วหันกลับมาที่หยางเฟิงว่า “ไอ้หนุ่ม นายชอบเสี่ยวเสวี่ยสินะ!”

ตั้งแต่ที่ได้เห็นเขาเมื่อตอนบ่าย ก็บอกได้เลยว่าเขาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร แต่เมื่ออยู่ด้วยกันสักพักก็เห็นได้เลยว่าเขาสัมผัสความรู้สึกของคนอื่นได้อย่างรวดเร็วมากๆ

หยางเฟิงไม่แปลกใจที่ถูกมองทะลุจึงตอบออกไปตรงๆ “ใช่ นายก็ด้วยนี่!” น้ำเสียงก็ชัดเจนไม่แพ้กัน

ในตอนนี้โม่หลิวเฟิงมองเขาต่างออกไปนิดหน่อย เขาคิดว่าตัวเองเก็บอาการได้ดีแล้วเชียว

“นายไม่ต้องแปลกใจหรอก นายสามารถเก็บซ่อนสายตาได้แต่มันยากที่จะเก็บซ่อนหัวใจที่เต้นรัว! แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ”

โม่หลิวเฟิงยื่นมือออกไป “งั้นมาสู้กับแบบแฟร์ๆ!”
สองมือจับกัน “ด้วยฝีมือของตัวเอง!”
ในเวลานี้ มู่หรงเสวี่ยเดินกลับมา “พวกคุณสองคนกำลังทำอะไรกัน? เป็นมิตรกันใช่ไหม”
“จะไม่ใช่ได้ยังไงล่ะ!” สองเสียงพูดพร้อมกัน!

“แหม เป็นผู้ใหญ่กันมากๆ” รอยยิ้มบนใบหน้าของ มู่หรงเสวี่ยดูจะแปลกๆ

อยู่ดีๆโม่หลิวเฟิงก็รู้สึกเขินๆจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “เอารูปมาให้พี่ที” พร้อมทั้งรับรูปมาไว้ในมือ เขาจ้องรูปจูบ แล้วทำใจให้สงบอีกครั้ง ตอนที่เขาเห็นว่าเด็กสาวที่เขาชอบถูกจูบ ถึงแม้มันจะเป็นที่หน้าผากก็เถอะ มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเสียอาการได้แล้ว เขาจึงรีบถามออกไปทันที “ผู้ชายคนนี้เป็นใคร?” พร้อมเสียงกัดฟันเบาๆ

หยางเฟิงก็กังวลด้วยเหมือนกัน กลัวว่าจะได้ยิน มู่หรงเสวี่ยบอกว่าเธอชอบชายคนนี้หรืออะไรกันเนี่ย?!

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เป็นเพราะเพื่อนบ้านงี่เง่าที่ทำให้เธอต้องมาเจอกับข่าวลือพวกนี้ “เขาเป็นเพื่อนบ้านฉัน!” น้ำเสียงไม่ค่อยดีเท่าไร

“ทำไมเพื่อนบ้านต้องมาจูบเธอที่หน้าผากด้วยล่ะ?” หยางเฟิงถาม

“มีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่รู้ว่าเขากล้าดีแค่ไหน แล้วเขาก็บอกว่ามันเป็นจูบกู๊ดไนท์ ฉันบังเอิญได้ไปทำแผลให้เขา นอกจากที่จะเป็นเพื่อนบ้านกันแล้วฉันก็คุ้นเคยกับเรื่องนี้นิดหน่อยด้วย ซึ่งคิดว่านี่คงเป็นธรรมเนียมของคนต่างชาติ เรื่องที่มันแย่ที่สุดก็คือโดนถ่ายรูปนี่แหละ” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกจริงๆว่าชูอี้เสิ่นไม่สุภาพเลยที่เข้ามาจูบกู๊ดไนท์เธอแบบนั้นแต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

โม่หลิวเฟิงและหยางเฟิงต่างก็มองหน้ากันและเข้าใจตรงกันว่าเพื่อนบ้านคนนี้เป็นคู่แข่ง พวกเขาไม่ได้คิดช้าเหมือน มู่หรงเสวี่ย ข่าวดีอย่างเดียวคือน้ำเสียงของมู่หรงเสวี่ยที่บ่งบอกว่าเธอไม่ชอบเพื่อนบ้าน

โม่หลิวเฟิงดูอีกสองรูปที่เหลือ รูปหนึ่งคือกู่หมิงคนที่เพิ่งกินข้าวกับพวกเขาเมื่อกี้ เขารู้เรื่องนั้นแล้วซึ่งน่าจะเป็นเพราะเรื่องงานของตระกูลมู่หรง เขาไม่ได้คิดว่าเป็นหุ้นส่วนของมู่หรงเสวี่ย เขาจึงประหลาดใจที่ได้รู้ว่าบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปอันที่จริงแล้วเป็นของมู่หรงเสวี่ย

รูปสุดท้ายคือรูปหยางเฟิง อยู่ดีๆโม่หลิวเฟิงก็รู้สึกแย่มากๆ หยางเฟิงและมู่หรงเสวี่ยอยู่โรงเรียนเดียวกัน พวกเขามีโอกาสที่จะได้ใกล้กันมากมาย ดูเหมือนว่าเขาจะต้องคุยกับน้องสาวให้มากกว่านี้เพื่อที่เธอจะได้พามู่หรงเสวี่ยมาเที่ยวที่บ้านบ่อยๆ

“ทิ้งรูปพวกนี้ไว้ที่พี่ เดี๋ยวอีกสองวันก็รู้เรื่อง สบายใจได้เลย” โม่หลิวเฟิงเก็บรูปอย่างระวัง

หยางเฟิงไม่ได้แย้งอะไรเขา ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการช่วยมู่หรงเสวี่ยแก้ปัญหาก่อน เขาเองก็จะสืบเองด้วยเหมือนกัน ถ้าเขาไม่ทำอะไรเลยเขาก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

มู่หรงเสวี่ยพูดตอบไปอย่างจริงใจ “ขอบคุณนะคะ ดีจริงๆที่ได้รู้จักพี่” มู่หรงไม่ใช่คนที่อ่อนไหวมากนักแต่ครั้งนี้มันอดไม่ได้ที่จะแอบตาแดงเบาๆ

โม่หลิวเฟิงลูบที่หัวของมู่หรงเสวี่ย “เด็กโง่ ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอก!” เธอเป็นเด็กธรรมดาๆจริงๆ เขารู้สึกอ่อนไหวและรักเธอมากขึ้นๆไปอีก

หยางเฟิงจ้องไปที่มือนั้นอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร

หลังจากนั้นพวกเขาก็คุยกันอีกหลายเรื่อง ถึงขนาดนัดกันเพื่อที่จะออกไปเที่ยวด้วยกันช่วงวันหยุดนี้ด้วย พวกเขาพูดคุยกันจนถึงขนาดนัดวันและเวลาแล้วสุดท้ายมันก็ดึกมากแล้วจนทุกคนต้องรีบกล่าวลากันและคู่สามีภรรยาก็บอกว่ายินดีต้อนรับให้พวกเขามาได้เสมอ หนึ่งในพวกเขาถึงขนาดว่าได้รับผลไม้ที่ มู่หรงเสวี่ยนำกลับมาจากมิติลับไปด้วยอีกสองถุง

เช้าวันต่อมาข่าวลือเกี่ยวกับมู่หรงเสวี่ยในโรงเรียนยิ่งร้อนแรงขึ้นไปอีกและถึงขนาดมีเด็กสาวบางคนเดินตรงเข้ามาหามู่หรงเสวี่ยเพื่อที่จะต่อว่าเธอด้วย แน่นอนพวกนั้นไม่ได้ทำอะไรเธอ อย่างน้อยก็ซึ่งๆหน้าเพราะพวกเขาไม่กล้าพอ ตระกูลมู่หรงไม่ใช่อะไรที่จะเข้าไปยุ่งด้วยง่ายๆ

มู่หรงเสวี่ยเพียงแค่มองเหล่เหมือนปกติไปตลอดทางและไม่สนใจอะไรเลย

หลังเลิกเรียน พี่โม่ก็เชิญเธอไปที่ร้านอาหารส่วนตัวเพื่อที่จะแนะนำโม่จื่อเหวินให้เธอรู้จัก หลังจากไปถึงสถานที่นัด เธอก็เปิดประตูเข้าไปและเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีสองคน

โม่หลิวเฟิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆชายหนุ่มหล่อเหลาในชุดลำลองสีขาวสบายๆ ซึ่งสามารถมองเห็นกล้ามเนื้อภายใต้เสื้อเชิ้ตได้อย่างชัดเจน และร่างกายเขาก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยเสื้อผ้าเรียบหรู นี่ใช่โม่จื่อเหวินหรือเปล่า?! สิ่งที่เห็นนี่เหนือความคาดหมายของเธอมากจริงๆ สิ่งที่เธอคิดคือใบหน้าตี๋แบบคนจีน, ผิวเข้มและผมสั้นเกรียนเหมือนกับทหารทั่วไป

มู่หรงเสวี่ยกระพริบตา ปีศาจคนนี้เป็นใครกันเนี่ย!?

“เสี่ยวเสวี่ยมาแล้ว ขอพี่แนะนำหน่อยนะ นี่โม่จื่อ” โม่หลิวเฟิงขัดสายตาที่จ้องของมู่หรงเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม พูดตรงๆคือ มู่หรงเสวี่ยเพียงแค่จ้องไปที่ดวงตาของโม่จื่อเหวินซึ่งทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหึง ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เขาจะแนะนำโม่จื่อเหวินให้ มู่หรงเสวี่ยได้รู้จัก เขาก็รู้สึกลังเลกับเรื่องรูปร่างหน้าตาของ โม่จื่อเหวิน

แต่หลังจากที่ได้ฟังเรื่องที่น้องสาวเล่าว่ามู่หรงเสวี่ยเคยถูกดักรอที่หน้าบ้าน ในใจเขาก็รู้สึกไม่สบายใจและคิดว่าต้องหาทางที่จะปกป้องเธอให้ดีกว่านี้

“สวัสดีค่ะ ฉันมู่หรงเสวี่ย” ในไม่ช้ามู่หรงเสวี่ยก็ได้สติจากความหล่อของโม่จื่อเหวินและยืนมือออกไปเพื่อแสดงมารยาท

“สวัสดีครับ ผมโม่จื่อเหวิน” มือที่แข็งแกร่งของโม่จื่อเหวินจับเข้าที่มือขาวนวลบอบบางของมู่หรงเสวี่ยเช่นกัน และท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ตอนแรกเลยเขาได้ยินว่าตัวเองจะต้องมาคุ้มกันลูกสาวของตระกูลมู่หรง เขาคิดว่าเธอจะเป็นคุณหนูไร้มารยาท อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คิดว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาจะต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มที่สุภาพแบบนี้ แถมเธอยังไม่ได้มีท่าทางเหมือนพวกเด็กสาวบ้าคลั่งพวกนั้นด้วย

“มานั่งลงกินอะไรกันก่อนแล้วค่อยคุยกันเถอะ” โม่หลิวเฟิงพูดออกมาแล้วเรียกพนักงานเสิร์ฟเข้ามาสั่งอาหาร
“อยากกินอะไรไหมเสี่ยวเสวี่ย?” โม่หลิวเฟิงถาม มู่หรงเสวี่ยก่อน
“ฉันกินอะไรก็ได้ ไม่เรื่องมากหรอกค่ะ”

โม่หลิวเฟิงหันกลับมามองที่โม่จื่อเหวินที่พูดแบบนั้นเช่นกัน
“ถ้าอย่างงั้นพี่สั่งเองแล้วกัน”
ระหว่างที่โม่หลิวเฟิงกำลังสั่งอาหาร โม่จื่อเหวินก็ถาม มู่หรงเสวี่ยว่า “คุณหนูครับ มีใครบอกเรื่องของผมแล้วหรือยัง?”

“ค่ะ คุณสบายใจได้ ฉันจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้น้องชายคุณอย่างดี” มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าเขาเป็นห่วงเรื่องอะไร

สีหน้าของโม่จื่อเหวินค่อนข้างหนักใจ “บางทีผมอาจจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน ผมหวังว่าตัวเองจะได้อยู่กับน้องชายด้วย ผมรู้ว่าผมต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของคุณหนู แต่น้องชายผมไม่ค่อยแข็งแรง ถ้าผมต้องให้เขาไปอยู่ที่อื่นผมก็คงจะไม่สบายใจ”

มู่หรงเสวี่ยลังเลอยู่สักพัก เดิมทีเธอตั้งใจจะหาที่อยู่อื่นให้น้องชายของโม่จื่อเหวินแล้วจะจ้างนางพยาบาลดีๆเพื่อมาคอยดูแลเขาเพราะบอดี้การ์ดจะต้องคอยตามเธอไปทุกที่ นอกจากห้องนอนใหญ่แล้ว ในอะพาร์ตเมนต์ของเธอก็ยังมีห้องอื่นอีกห้าห้อง แต่มันก็ไม่ดีเท่าไรที่จะให้พวกเขามาอยู่ด้วยกับเธอ เธอไม่รู้ว่าใกล้ๆเธอจะมีห้องว่างขายหรือเปล่า ถ้าไม่มีพวกเขาก็คงจะต้องเข้ามาอยู่กับเธอ

“ไม่มีปัญหา ฉันจะจัดให้พวกคุณได้อยู่ด้วยกัน หลังทานอาหารเสร็จช่วยพาฉันไปพบน้องชายคุณทีนะคะ”
หลังจากที่ได้คุยกับมู่หรงเสวี่ย โม่จื่อเหวินคิดว่าเธอจะปฏิเสธแต่เธอกลับตอบรับอย่างง่ายดาย “ได้ครับ”
โม่หลิวเฟิงที่เพิ่งสั่งอาหารเสร็จ เห็นว่าพวกเขากำลังคุยกันอย่างสนุกจึงถามออกไป “เป็นยังไงบ้าง? ตกลงกันได้แล้วใช่ไหม?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+