ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 263 แย่ยิ่งกว่าเดิม

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 263 แย่ยิ่งกว่าเดิม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 263 แย่ยิ่งกว่าเดิม

สายตาของมู่หรงเสวี่ยเย็นชา เธอรับรู้ได้ถึงสายตาอาฆาตของอีกฝ่าย ชายคนนี้แปลกมากจริงๆ นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องเสื้อผ้าที่เขาสวม ลมหายใจเขายิ่งแปลกมากขึ้นไปอีก มู่หรงเสวี่ยรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีเลย

ชายตาเดียวที่ถูกเตะออกนอกประตูไปลุกขึ้นและรีบกลับเข้ามาในโรงแรม แล้วเขาก็มองมาที่มู่หรงเสวี่ยด้วยสายตาดุร้าย “นังผู้หญิงชั้นต่ำ กล้าดียังไงถึงได้มาเตะข้า!” เพราะเมื่อกี้มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณในระดับสีม่วง ชายตาเดียวจึงไม่รู้เรื่องระดับการฝึกตนของมู่หรงเสวี่ยแต่ชายที่อยู่ข้างเขารู้เรื่องนี้แล้ว

“ข้าอยากให้เจ้าตาย!!! ฆ่าพวกมันซะ…” ชายตาเดียวพูดกับชายที่อยู่ข้างเขา

เฟิงจือหลิงรีบเข้ามายืนบังมู่หรงเสวี่ยไว้และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คู่ต่อสู้ของเจ้าก็คือข้า…”

“อืม เจ้าไม่คู่ควรและผู้หญิงที่อยู่ข้างเจ้าดูจะเหมาะสมกว่า!” ชายชุดดำพูด จ้องไปที่ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยด้วยความสนใจที่เต็มเปี่ยม ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยและทรงพลังจริงๆ น่าสนใจ

“จัดการสิ จะมัวยืนงงอะไรอยู่ได้!” ร่างของชายตาเดียวเปล่งพลังแห่งจิตวิญญาณและสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอาฆาต การเตะของเธอเมื่อกี้ทำให้เขาขายหน้า เป็นเรื่องที่น่าอายที่ยอมให้ผู้หญิงที่อยู่แค่ในระดับสีเหลืองมาเตะเขากระเด็น

เจ้าของโรงเตี๊ยมกลัวมากจนต้องแอบอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาไม่กล้าที่จะเข้าไปห้ามเหล่าคนที่ทรงพลังแบบนี้หรอก นอกจากเขาจะถูกฆ่า แล้วก็อาจจะทำให้พนักงานที่อยู่ข้างนอกเป็นอันตรายไปด้วย เสี่ยวเอ้อรีบวิ่งออกมาที่ถนนเพื่อตามหาทีมดูแลกฎหมายทันที เจ้านายของเขาไม่มีความสามารถพอที่จะต่อกรกับคนพวกนี้หรอก

ชายในชุดดำมองมาที่ชายตาเดียวอย่างเย็นชาและสายตาเขาก็แวบประกายอาฆาตออกมา “เจ้าไม่คู่ควรที่จะมาสั่งข้า!”

“เจ้า…” สีหน้าของชายตาเดียวเปลี่ยนเป็นซีดเผือดแล้วก็นึกถึงระดับการฝึกตนของชายชุดดำขึ้นมาได้ สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก ถ้าชายชุดดำไม่ลงมือ เขาเองก็สู้เฟิงจือหลิงไม่ได้

บ้าเอ๊ย!!!

“เจ้าเยี่ยมมากจริงๆ อยากที่จะมาเป็นคู่ของข้าไหม?!” ชายชุดดำพูดกับมู่หรงเสวี่ย

สายตาของมู่หรงเสวี่ยสะดุด นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย? ไอ้หมอนี่หลงรักเธอหรือไง?!!

สีหน้าของเฟิงจือหลิงกลายเป็นเย็นชา “เป็นไปไม่ได้!”

ประกายสีเงินแวบขึ้นมาในดวงตาของชายชุดดำและรีบเปล่งพลังแห่งจิตวิญญาณในระดับสีม่วงออกไปทันที

ระดับสีม่วงและระดับสีฟ้ามีช่องว่างห่างกันมาก ความแตกต่างไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่นานทั่วทั้งร่างของเฟิงจือหลิงก็เต็มไปด้วยเหงื่อและสีหน้าเขาก็ดูจะบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือสายตาที่มุ่งมั่นของเขา มู่หรงเสวี่ยจับมือเฟิงจือหลิงและช่วยต้านทานแรงกดดันมหาศาลแทนเขาทันที

ชายชุดดำดูเหมือนจะไม่พอใจอย่างมากและถามออกมาด้วยเสียงเยือกเย็น “เจ้ากับเขาเป็นคู่รักกันงั้นเหรอ?!! เขาไม่คู่ควรกับเจ้าหรอก ผู้หญิงที่แข็งแกร่งแบบเจ้าควรจะเลือกผู้ชายที่แข็งแกร่งกว่า”

“นั่นมันเรื่องของข้า ไม่ใช่เรื่องอะไรของเจ้า!!!! แต่ถ้าเจ้าคิดว่ามันเป็นปัญหา ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะสู้กับเจ้าเหมือนกัน!” มู่หรงเสวี่ยรีบคลายมนต์อำพรางของแหวนแห่งการฝึกตนทันทีและระดับการฝึกตนในระดับสีม่วงก็เปิดเผยออกมา พร้อมทั้งแรงกดดันจากร่างกายของเธอที่พุ่งตรงไปที่ชายชุดดำและชายตาเดียวพร้อมๆกันด้วย

เพียงไม่นาน ชายตาเดียวก็อดไม่ได้ที่จะเข่าอ่อนและนั่งคุกเข่าลงไปกับพื้น ดวงตาของมู่หรงแวบประกายดูถูกที่เขาคุกเข่าลงกับพื้นโดยไม่อยากที่จะเชื่อว่านี่จะเป็นผู้ชาย

“พระเจ้า! ผู้หญิงคนนั้นอยู่ระดับสีม่วงเหรอเนี่ย”

“ทำไมล่ะ! ทำไมขาข้าถึงไม่รู้สึกอะไรเลย?! ไม่จริงแน่ๆ บ้าเอ๊ย เจ้าหักขาข้า…”

“พระเจ้า โลกนี้มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ นี่ข้าได้เห็นอะไรที่มันวิเศษมากจริงๆ…”

“ปัญหาคือผู้หญิงคนนี้ยังเด็กอยู่เลย อย่างมากก็แค่ 18 เอง…”

“ระดับสีม่วง ตอนอายุ 18 เนี่ยนะ! ข้าอยากจะตายจริงๆ ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว หลังจากที่ฝึกตนมา 30 ปี ข้าเพิ่งจะถึงแค่ระดับสีเขียวเอง…”

“…”

อารมณ์มากมายแวบเข้ามาในดวงตาของชายชุดดำและดูเหมือนเขาจะเปิดปากพูดด้วยความไม่พอใจอย่างมาก “เขาไม่คู่ควรกับเจ้าจริงๆ เจ้าไม่เห็นหรือไงขนาดในตอนนี้ เขายังต้องให้เจ้าช่วยปกป้องเลย…” ผู้หญิงที่ทั้งทรงอำนาจและสวยแบบนี้

สายตาของเฟิงจือหลิงเย็นชา มู่หรงเสวี่ยเองก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเฟิงจือหลิง เธอจับมือเขาแน่นขึ้นและส่งสัญญาณบอกเขาว่าไม่ต้องตื่นเต้น

“ข้าก็แค่ชอบแบบนี้! อย่ามัวพูดไร้สาระอยู่เลย เจ้าต้องการอะไร?” สิ่งที่เธอพูดออกไปหมายความว่าเธอก็แค่ชอบเพื่อนของตัวเอง อีกอย่างเฟิงจือหลิงก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอเป็นผู้หญิง เขาคิดว่านี่เป็นแค่การปลอมตัวดังนั้นเธอจึงไม่ต้องกังวลว่าเขาจะเข้าใจผิด

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ มู่หรงไม่ได้สังเกตุร่างกายตัวเอง

ชายชุดดำเงียบไป มองตรงมาที่มู่หรงเสวี่ย เขาดูจะเสียใจอย่างมาก เขาไม่ได้อยากที่จะสู้กับเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่โดดเด่นที่สุดตั้งแต่ที่เขาเคยเจอมาซึ่งเขาตามหามานานมากแล้ว

มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าอยากจะลงมือก็เร็วๆเข้า…”

ชายในชุดดำส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ถ้าเจ้ารู้สึกเสียใจ ข้าก็พร้อมที่จะต้อนรับเจ้าทุกเมื่อ!” หลังจากนั้นเขาก็เดินออกนอกประตูไป…ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวแต่เส้นทางแห่งการฝึกตนยังอีกยาวไกล แต่มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีมากถ้าได้ผู้หญิงที่ทรงอำนาจขนาดนั้นมาอยู่ข้างกายเขา อีกอย่างมู่หรงเสวี่ยก็เป็นสเป็กที่เขาชอบด้วย น่าเสียดายที่เธอตามืดบอดที่ไม่ยอมเลือกผู้ชายที่แข็งแกร่งแบบเขา

ชายตาเดียวที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นรีบลุกขึ้นและวิ่งตามออกไปทันที “รอข้าด้วย…”

มู่หรงเสวี่ยปล่อยมือเฟิงจือหลิงและดึงพลังกลับร่างกายตัวเอง โชคดีที่ชายคนนั้นไม่ได้ลงมือ ไม่งั้นเธอก็คงจะสู้ไม่ได้แน่ๆ เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังของชายคนนั้นแข็งแกร่งกว่าของเธอมาก แล้วยังมีลมหายใจแปลกๆนั่นอีกที่ทำให้เธอรู้สึกถึงอันตราย

“ใครกล้าสร้างปัญหาในเมือง?” ทีมรักษากฎหมายของเมืองรีบพูดขึ้นมาทันทีที่เข้าประตูมา

เจ้าของโรงเตี๊ยมรีบเดินออกมาทันทีเช่นกัน “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ขอบคุณที่มา แต่ว่าคนที่สร้างปัญหาเพิ่งจะออกไปครับ ทำไมพวกท่านไม่นั่งลงทานอาหารก่อนล่ะ? ทางเราจะเลี้ยงเอง…”

“ไปแล้วงั้นเหรอ?” กัปตันของทีมรักษากฎหมายเป็นเด็กหนุ่ม น่าจะอายุประมาณ 20 ปี

“ขอรับ ข้าต้องขอโทษด้วย พวกท่านเลยมาเสียเปล่าเลย…” เจ้าของโรงเตี๊ยมอธิบาย

“พวกเจ้าสองคนเป็นใครกัน หันกลับมา…” กัปตันเห็นมู่หรงและอีกคนกำลังเดินขึ้นบันได

แม้มู่หรงเสวี่ยจะรู้สึกโกรธอยู่นิดหน่อยและเธอก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือเปล่า

พวกเธอหันกลับมาและมองไปที่ทีมรักษากฎหมายอย่างเย็นชา “มีอะไรเหรอ?” กัปตันทีมรักษากฎหมายมองสายตาของมู่หรงเสวี่ยแต่เมื่อเขาสังเกตเห็นระดับการฝึกตนของเธอ สีหน้าของเขาก็สะดุดเล็กน้อย หลังจากที่สัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาของมู่หรงเสวี่ย เขาก็รีบพูดออกมาทันที “ไม่มีอะไรขอรับ ข้าต้องขอโทษด้วยที่รบกวนท่าน…” พวกเขาไม่มีใครอยู่ในระดับสีม่วง ถ้าเข้าไปยุ่งก็มีแต่จะสร้างหายนะเปล่าๆ

โชคดีที่กัปตันพูดแก้ได้ทัน ไม่งั้นมู่หรงเสวี่ยก็รับประกันไม่ได้ว่าเธอจะสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้

หลังจากที่กลับไปที่ห้อง เฟิงจือหลิงก็ไม่พูดอะไรเอาแต่ทำสีหน้าเย็นชา

เมื่อกี้เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเหมือนถูกหยามเกียรติของลูกผู้ชายเลย

มู่หรงเสวี่ยเดินเข้ามาในห้องและรู้สึกว่าเฟิงจื่อหลิงไม่ปกติ “เป็นอะไรเหรอ จือหลิง?”

“เจ้าพักเถอะ ข้าจะออกไปข้างนอกสักเดี๋ยว!” เฟิงจือหลิงพูด

มู่หรงเสวี่ยดึงเขาไว้ “เจ้าคิดมากเรื่องเมื่อกี้ใช่ไหม?” เธอรับรู้ได้ถึงจังหวะการหายใจของเฟิงจือหลิง ถ้าไม่รีบปรับให้เป็นปกติให้ทันเวลา ปีศาจก็อาจจะเข้าครอบงำได้ง่ายๆ

เฟิงจือหลิงเงียบเพราะเขาคิดมากเรื่องที่ชายคนนั้นพูดมากจริงๆ มู่หรงเสวี่ยหัวเราะ

สีหน้าของเฟิงจือหลิงเข้มขึ้น นี่เหรอที่เรียกว่าเพื่อน?! แล้วแบบนี้เขาจะมองหน้าติดได้ยังไง?! รอยยิ้มนี่มันอะไรกัน?! นี่มันน่าโมโหจริงๆเลย!!!

หลังจากที่หัวเราะอยู่นาน มู่หรงเสวี่ยก็เช็ดที่หางตาและพูดออกมาพร้อมคราบน้ำตาจากการหัวเราะ “เจ้าสนใจเรื่องที่เขาพูดด้วยงั้นเหรอ? เจ้าเด็กกว่าเขาตั้งเยอะ พอถึงเวลาที่เจ้าอายุเท่าเขา ระดับการฝึกตนของเจ้าก็ทิ้งห่างเขาไปไกลมากแล้ว…”

ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยเป็นประกายแล้วจึงพูดต่อ “หรือเจ้าคิดมากเรื่องที่เขาบอกว่าเจ้าหลบอยู่หลังผู้หญิง แต่ลืมไปแล้วหรือไง?! ข้าก็ผู้ชายเหมือนกัน” เธอดึงพลังของแหวนออกมาใช้ทันทีและอยู่ดีๆเธอก็กลายเป็นผู้ชาย

“ดูสิ เจ้าจะได้สบายใจขึ้น…” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม

ไม่เลยสักนิด แย่ยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก!

มู่หรงเสวี่ยลืมไปว่าแม้ว่าตอนนี้เธอจะกลายเป็นผู้ชายแล้ว แต่เธอก็ยังมีร่องรอยของเครื่องสำอางอยู่บนใบหน้าด้วยและรูปผีเสื้อที่หางตาของเธอก็ดูมีเสน่ห์บนใบหน้าของผู้ชายมากกว่าเดิมซะอีก

เฟิงจือหลิงซ่อนร่องรอยของความตระหนกไว้ไม่มิด จังหวะหัวใจที่เต้นรัวกลับยิ่งทำให้ตื่นตระหนกมากขึ้นกว่าเดิมอีก ท่าทางของเขาตอนนี้แต่ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายไม่ใช่หรือไง?!!!

เขาหันหลังและไม่กล้าที่จะมองหน้ามู่เทียนอีกแล้ว ยิ่งเขามองมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองป่วยมากขึ้นเท่านั้นและกลับไปมีท่าทางสงบกับมู่เทียนไม่ได้เลย

นี่เขายังกังวลเรื่องที่ผู้ชายคนนั้นพูดอยู่อีกงั้นเหรอ?!!! มู่หรงเสวี่ยคิดถึงเรื่องนี้ แล้วคว้ามือเฟิงจือหลิงเข้าไปในมิติลับ “เอ้า! เจ้าทำใจให้สงบอยู่ที่นี่แล้วกัน ที่นี่มีพื้นที่มากมาย เจ้าจะฝึกเท่าไรที่ต้องการก็ได้ ข้าจะไปหาคนอื่นๆ…”

เมื่อมู่หรงเสวี่ยพูดจบ เธอก็เดินไปหาหลินหนาน

“ฟู่!”

เฟิงจือหลิงพ่นลมออกมา “มู่เทียน แต่งตัวอะไรของเจ้าเนี่ย? เจ้าจะเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชายกันแน่ รีบไปเปลี่ยนชุดเร็วเข้า…”

มู่หรงเสวี่ยมองมาที่ชุดของตัวเอง เพราะเธอกลับมาเป็นผู้ชายแล้วดังนั้นชุดเดิมที่คลุมอยู่ที่หน้าอกจึงหลวมลงนิดหน่อย เธอหยักไหล่และเดินเข้าไปที่วิหารเก้าชั้น เป็นเรื่องแปลกที่มีเพียงเธอกับเสี่ยวไป๋เท่านั้นที่สามารถเข้ามาในวิหารนี่ได้ เดาว่าคงเป็นเพราะข้อจำกัดอะไรบางอย่าง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 263 แย่ยิ่งกว่าเดิม

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 263 แย่ยิ่งกว่าเดิม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 263 แย่ยิ่งกว่าเดิม

สายตาของมู่หรงเสวี่ยเย็นชา เธอรับรู้ได้ถึงสายตาอาฆาตของอีกฝ่าย ชายคนนี้แปลกมากจริงๆ นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องเสื้อผ้าที่เขาสวม ลมหายใจเขายิ่งแปลกมากขึ้นไปอีก มู่หรงเสวี่ยรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีเลย

ชายตาเดียวที่ถูกเตะออกนอกประตูไปลุกขึ้นและรีบกลับเข้ามาในโรงแรม แล้วเขาก็มองมาที่มู่หรงเสวี่ยด้วยสายตาดุร้าย “นังผู้หญิงชั้นต่ำ กล้าดียังไงถึงได้มาเตะข้า!” เพราะเมื่อกี้มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณในระดับสีม่วง ชายตาเดียวจึงไม่รู้เรื่องระดับการฝึกตนของมู่หรงเสวี่ยแต่ชายที่อยู่ข้างเขารู้เรื่องนี้แล้ว

“ข้าอยากให้เจ้าตาย!!! ฆ่าพวกมันซะ…” ชายตาเดียวพูดกับชายที่อยู่ข้างเขา

เฟิงจือหลิงรีบเข้ามายืนบังมู่หรงเสวี่ยไว้และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คู่ต่อสู้ของเจ้าก็คือข้า…”

“อืม เจ้าไม่คู่ควรและผู้หญิงที่อยู่ข้างเจ้าดูจะเหมาะสมกว่า!” ชายชุดดำพูด จ้องไปที่ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยด้วยความสนใจที่เต็มเปี่ยม ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยและทรงพลังจริงๆ น่าสนใจ

“จัดการสิ จะมัวยืนงงอะไรอยู่ได้!” ร่างของชายตาเดียวเปล่งพลังแห่งจิตวิญญาณและสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอาฆาต การเตะของเธอเมื่อกี้ทำให้เขาขายหน้า เป็นเรื่องที่น่าอายที่ยอมให้ผู้หญิงที่อยู่แค่ในระดับสีเหลืองมาเตะเขากระเด็น

เจ้าของโรงเตี๊ยมกลัวมากจนต้องแอบอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาไม่กล้าที่จะเข้าไปห้ามเหล่าคนที่ทรงพลังแบบนี้หรอก นอกจากเขาจะถูกฆ่า แล้วก็อาจจะทำให้พนักงานที่อยู่ข้างนอกเป็นอันตรายไปด้วย เสี่ยวเอ้อรีบวิ่งออกมาที่ถนนเพื่อตามหาทีมดูแลกฎหมายทันที เจ้านายของเขาไม่มีความสามารถพอที่จะต่อกรกับคนพวกนี้หรอก

ชายในชุดดำมองมาที่ชายตาเดียวอย่างเย็นชาและสายตาเขาก็แวบประกายอาฆาตออกมา “เจ้าไม่คู่ควรที่จะมาสั่งข้า!”

“เจ้า…” สีหน้าของชายตาเดียวเปลี่ยนเป็นซีดเผือดแล้วก็นึกถึงระดับการฝึกตนของชายชุดดำขึ้นมาได้ สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก ถ้าชายชุดดำไม่ลงมือ เขาเองก็สู้เฟิงจือหลิงไม่ได้

บ้าเอ๊ย!!!

“เจ้าเยี่ยมมากจริงๆ อยากที่จะมาเป็นคู่ของข้าไหม?!” ชายชุดดำพูดกับมู่หรงเสวี่ย

สายตาของมู่หรงเสวี่ยสะดุด นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย? ไอ้หมอนี่หลงรักเธอหรือไง?!!

สีหน้าของเฟิงจือหลิงกลายเป็นเย็นชา “เป็นไปไม่ได้!”

ประกายสีเงินแวบขึ้นมาในดวงตาของชายชุดดำและรีบเปล่งพลังแห่งจิตวิญญาณในระดับสีม่วงออกไปทันที

ระดับสีม่วงและระดับสีฟ้ามีช่องว่างห่างกันมาก ความแตกต่างไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่นานทั่วทั้งร่างของเฟิงจือหลิงก็เต็มไปด้วยเหงื่อและสีหน้าเขาก็ดูจะบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือสายตาที่มุ่งมั่นของเขา มู่หรงเสวี่ยจับมือเฟิงจือหลิงและช่วยต้านทานแรงกดดันมหาศาลแทนเขาทันที

ชายชุดดำดูเหมือนจะไม่พอใจอย่างมากและถามออกมาด้วยเสียงเยือกเย็น “เจ้ากับเขาเป็นคู่รักกันงั้นเหรอ?!! เขาไม่คู่ควรกับเจ้าหรอก ผู้หญิงที่แข็งแกร่งแบบเจ้าควรจะเลือกผู้ชายที่แข็งแกร่งกว่า”

“นั่นมันเรื่องของข้า ไม่ใช่เรื่องอะไรของเจ้า!!!! แต่ถ้าเจ้าคิดว่ามันเป็นปัญหา ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะสู้กับเจ้าเหมือนกัน!” มู่หรงเสวี่ยรีบคลายมนต์อำพรางของแหวนแห่งการฝึกตนทันทีและระดับการฝึกตนในระดับสีม่วงก็เปิดเผยออกมา พร้อมทั้งแรงกดดันจากร่างกายของเธอที่พุ่งตรงไปที่ชายชุดดำและชายตาเดียวพร้อมๆกันด้วย

เพียงไม่นาน ชายตาเดียวก็อดไม่ได้ที่จะเข่าอ่อนและนั่งคุกเข่าลงไปกับพื้น ดวงตาของมู่หรงแวบประกายดูถูกที่เขาคุกเข่าลงกับพื้นโดยไม่อยากที่จะเชื่อว่านี่จะเป็นผู้ชาย

“พระเจ้า! ผู้หญิงคนนั้นอยู่ระดับสีม่วงเหรอเนี่ย”

“ทำไมล่ะ! ทำไมขาข้าถึงไม่รู้สึกอะไรเลย?! ไม่จริงแน่ๆ บ้าเอ๊ย เจ้าหักขาข้า…”

“พระเจ้า โลกนี้มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ นี่ข้าได้เห็นอะไรที่มันวิเศษมากจริงๆ…”

“ปัญหาคือผู้หญิงคนนี้ยังเด็กอยู่เลย อย่างมากก็แค่ 18 เอง…”

“ระดับสีม่วง ตอนอายุ 18 เนี่ยนะ! ข้าอยากจะตายจริงๆ ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว หลังจากที่ฝึกตนมา 30 ปี ข้าเพิ่งจะถึงแค่ระดับสีเขียวเอง…”

“…”

อารมณ์มากมายแวบเข้ามาในดวงตาของชายชุดดำและดูเหมือนเขาจะเปิดปากพูดด้วยความไม่พอใจอย่างมาก “เขาไม่คู่ควรกับเจ้าจริงๆ เจ้าไม่เห็นหรือไงขนาดในตอนนี้ เขายังต้องให้เจ้าช่วยปกป้องเลย…” ผู้หญิงที่ทั้งทรงอำนาจและสวยแบบนี้

สายตาของเฟิงจือหลิงเย็นชา มู่หรงเสวี่ยเองก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเฟิงจือหลิง เธอจับมือเขาแน่นขึ้นและส่งสัญญาณบอกเขาว่าไม่ต้องตื่นเต้น

“ข้าก็แค่ชอบแบบนี้! อย่ามัวพูดไร้สาระอยู่เลย เจ้าต้องการอะไร?” สิ่งที่เธอพูดออกไปหมายความว่าเธอก็แค่ชอบเพื่อนของตัวเอง อีกอย่างเฟิงจือหลิงก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอเป็นผู้หญิง เขาคิดว่านี่เป็นแค่การปลอมตัวดังนั้นเธอจึงไม่ต้องกังวลว่าเขาจะเข้าใจผิด

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ มู่หรงไม่ได้สังเกตุร่างกายตัวเอง

ชายชุดดำเงียบไป มองตรงมาที่มู่หรงเสวี่ย เขาดูจะเสียใจอย่างมาก เขาไม่ได้อยากที่จะสู้กับเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่โดดเด่นที่สุดตั้งแต่ที่เขาเคยเจอมาซึ่งเขาตามหามานานมากแล้ว

มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าอยากจะลงมือก็เร็วๆเข้า…”

ชายในชุดดำส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ถ้าเจ้ารู้สึกเสียใจ ข้าก็พร้อมที่จะต้อนรับเจ้าทุกเมื่อ!” หลังจากนั้นเขาก็เดินออกนอกประตูไป…ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวแต่เส้นทางแห่งการฝึกตนยังอีกยาวไกล แต่มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีมากถ้าได้ผู้หญิงที่ทรงอำนาจขนาดนั้นมาอยู่ข้างกายเขา อีกอย่างมู่หรงเสวี่ยก็เป็นสเป็กที่เขาชอบด้วย น่าเสียดายที่เธอตามืดบอดที่ไม่ยอมเลือกผู้ชายที่แข็งแกร่งแบบเขา

ชายตาเดียวที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นรีบลุกขึ้นและวิ่งตามออกไปทันที “รอข้าด้วย…”

มู่หรงเสวี่ยปล่อยมือเฟิงจือหลิงและดึงพลังกลับร่างกายตัวเอง โชคดีที่ชายคนนั้นไม่ได้ลงมือ ไม่งั้นเธอก็คงจะสู้ไม่ได้แน่ๆ เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังของชายคนนั้นแข็งแกร่งกว่าของเธอมาก แล้วยังมีลมหายใจแปลกๆนั่นอีกที่ทำให้เธอรู้สึกถึงอันตราย

“ใครกล้าสร้างปัญหาในเมือง?” ทีมรักษากฎหมายของเมืองรีบพูดขึ้นมาทันทีที่เข้าประตูมา

เจ้าของโรงเตี๊ยมรีบเดินออกมาทันทีเช่นกัน “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ขอบคุณที่มา แต่ว่าคนที่สร้างปัญหาเพิ่งจะออกไปครับ ทำไมพวกท่านไม่นั่งลงทานอาหารก่อนล่ะ? ทางเราจะเลี้ยงเอง…”

“ไปแล้วงั้นเหรอ?” กัปตันของทีมรักษากฎหมายเป็นเด็กหนุ่ม น่าจะอายุประมาณ 20 ปี

“ขอรับ ข้าต้องขอโทษด้วย พวกท่านเลยมาเสียเปล่าเลย…” เจ้าของโรงเตี๊ยมอธิบาย

“พวกเจ้าสองคนเป็นใครกัน หันกลับมา…” กัปตันเห็นมู่หรงและอีกคนกำลังเดินขึ้นบันได

แม้มู่หรงเสวี่ยจะรู้สึกโกรธอยู่นิดหน่อยและเธอก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือเปล่า

พวกเธอหันกลับมาและมองไปที่ทีมรักษากฎหมายอย่างเย็นชา “มีอะไรเหรอ?” กัปตันทีมรักษากฎหมายมองสายตาของมู่หรงเสวี่ยแต่เมื่อเขาสังเกตเห็นระดับการฝึกตนของเธอ สีหน้าของเขาก็สะดุดเล็กน้อย หลังจากที่สัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาของมู่หรงเสวี่ย เขาก็รีบพูดออกมาทันที “ไม่มีอะไรขอรับ ข้าต้องขอโทษด้วยที่รบกวนท่าน…” พวกเขาไม่มีใครอยู่ในระดับสีม่วง ถ้าเข้าไปยุ่งก็มีแต่จะสร้างหายนะเปล่าๆ

โชคดีที่กัปตันพูดแก้ได้ทัน ไม่งั้นมู่หรงเสวี่ยก็รับประกันไม่ได้ว่าเธอจะสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้

หลังจากที่กลับไปที่ห้อง เฟิงจือหลิงก็ไม่พูดอะไรเอาแต่ทำสีหน้าเย็นชา

เมื่อกี้เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเหมือนถูกหยามเกียรติของลูกผู้ชายเลย

มู่หรงเสวี่ยเดินเข้ามาในห้องและรู้สึกว่าเฟิงจื่อหลิงไม่ปกติ “เป็นอะไรเหรอ จือหลิง?”

“เจ้าพักเถอะ ข้าจะออกไปข้างนอกสักเดี๋ยว!” เฟิงจือหลิงพูด

มู่หรงเสวี่ยดึงเขาไว้ “เจ้าคิดมากเรื่องเมื่อกี้ใช่ไหม?” เธอรับรู้ได้ถึงจังหวะการหายใจของเฟิงจือหลิง ถ้าไม่รีบปรับให้เป็นปกติให้ทันเวลา ปีศาจก็อาจจะเข้าครอบงำได้ง่ายๆ

เฟิงจือหลิงเงียบเพราะเขาคิดมากเรื่องที่ชายคนนั้นพูดมากจริงๆ มู่หรงเสวี่ยหัวเราะ

สีหน้าของเฟิงจือหลิงเข้มขึ้น นี่เหรอที่เรียกว่าเพื่อน?! แล้วแบบนี้เขาจะมองหน้าติดได้ยังไง?! รอยยิ้มนี่มันอะไรกัน?! นี่มันน่าโมโหจริงๆเลย!!!

หลังจากที่หัวเราะอยู่นาน มู่หรงเสวี่ยก็เช็ดที่หางตาและพูดออกมาพร้อมคราบน้ำตาจากการหัวเราะ “เจ้าสนใจเรื่องที่เขาพูดด้วยงั้นเหรอ? เจ้าเด็กกว่าเขาตั้งเยอะ พอถึงเวลาที่เจ้าอายุเท่าเขา ระดับการฝึกตนของเจ้าก็ทิ้งห่างเขาไปไกลมากแล้ว…”

ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยเป็นประกายแล้วจึงพูดต่อ “หรือเจ้าคิดมากเรื่องที่เขาบอกว่าเจ้าหลบอยู่หลังผู้หญิง แต่ลืมไปแล้วหรือไง?! ข้าก็ผู้ชายเหมือนกัน” เธอดึงพลังของแหวนออกมาใช้ทันทีและอยู่ดีๆเธอก็กลายเป็นผู้ชาย

“ดูสิ เจ้าจะได้สบายใจขึ้น…” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม

ไม่เลยสักนิด แย่ยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก!

มู่หรงเสวี่ยลืมไปว่าแม้ว่าตอนนี้เธอจะกลายเป็นผู้ชายแล้ว แต่เธอก็ยังมีร่องรอยของเครื่องสำอางอยู่บนใบหน้าด้วยและรูปผีเสื้อที่หางตาของเธอก็ดูมีเสน่ห์บนใบหน้าของผู้ชายมากกว่าเดิมซะอีก

เฟิงจือหลิงซ่อนร่องรอยของความตระหนกไว้ไม่มิด จังหวะหัวใจที่เต้นรัวกลับยิ่งทำให้ตื่นตระหนกมากขึ้นกว่าเดิมอีก ท่าทางของเขาตอนนี้แต่ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายไม่ใช่หรือไง?!!!

เขาหันหลังและไม่กล้าที่จะมองหน้ามู่เทียนอีกแล้ว ยิ่งเขามองมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองป่วยมากขึ้นเท่านั้นและกลับไปมีท่าทางสงบกับมู่เทียนไม่ได้เลย

นี่เขายังกังวลเรื่องที่ผู้ชายคนนั้นพูดอยู่อีกงั้นเหรอ?!!! มู่หรงเสวี่ยคิดถึงเรื่องนี้ แล้วคว้ามือเฟิงจือหลิงเข้าไปในมิติลับ “เอ้า! เจ้าทำใจให้สงบอยู่ที่นี่แล้วกัน ที่นี่มีพื้นที่มากมาย เจ้าจะฝึกเท่าไรที่ต้องการก็ได้ ข้าจะไปหาคนอื่นๆ…”

เมื่อมู่หรงเสวี่ยพูดจบ เธอก็เดินไปหาหลินหนาน

“ฟู่!”

เฟิงจือหลิงพ่นลมออกมา “มู่เทียน แต่งตัวอะไรของเจ้าเนี่ย? เจ้าจะเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชายกันแน่ รีบไปเปลี่ยนชุดเร็วเข้า…”

มู่หรงเสวี่ยมองมาที่ชุดของตัวเอง เพราะเธอกลับมาเป็นผู้ชายแล้วดังนั้นชุดเดิมที่คลุมอยู่ที่หน้าอกจึงหลวมลงนิดหน่อย เธอหยักไหล่และเดินเข้าไปที่วิหารเก้าชั้น เป็นเรื่องแปลกที่มีเพียงเธอกับเสี่ยวไป๋เท่านั้นที่สามารถเข้ามาในวิหารนี่ได้ เดาว่าคงเป็นเพราะข้อจำกัดอะไรบางอย่าง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+