ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 269 อาจารย์ไม่หล่อหรือไง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 269 อาจารย์ไม่หล่อหรือไง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 269

อาจารย์ไม่หล่อหรือไง

“ก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ที่ไหนมางั้นเหรอ?” คำถามแรกของหลานซุนคือการถามว่ามู่หรงเสวี่ยมาจากไหน ถ้าเธอกลับมาเกิดใหม่ เขาก็คงไม่มีทางรู้หรอก

“ข้าอยู่ที่บ้านตลอดเวลาเลย…” ดวงตากลมโตกะพริบถี่ๆ

จริงเหรอ จริงๆงั้นเหรอ

“ข้าพูดความจริง จริงๆนะ!”

สุดท้ายหลานซุนก็เริ่มที่จะเข้าใจภาวะอารมณ์ของเธอแล้ว เขารู้สึกโกรธคนที่ไม่สนใจชีวิตของตัวเอง เขายิ้มอย่างโกรธๆ “เจ้าอยากที่จะตามหาพ่อแม่งั้นเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยนั่งตัวตรงขึ้นมาทันที “ข้ามาจากโลก ผู้คนที่นั้นสามารถที่จะบินไปบนท้องฟ้าได้โดยไม่ต้องมีการฝึกและพวกเขาก็สามารถที่จะท่องไปได้เป็นพันๆไมล์ทุกวัน…”

“หยุดก่อนนะ! โลกอยู่ที่ไหนเหรอ?” หลานซุนขัดขึ้นมาในระหว่างที่เธอกำลังพูด

“โลกอยู่ในมิตินี้หรือเปล่า?”

“มิตินี้อยู่ที่ไหนเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแต่ก็ไม่รู้ว่าท้องฟ้าที่นี่กับท้องฟ้าที่โลกจะเป็นมิติเดียวกันหรือเปล่า เธอชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า “มันก็แค่อยู่ข้างนอกท้องฟ้า…”

หลานซุนลุกขึ้นและพูดขึ้นมาทันที “ไร้สาระ เจ้าจะบอกว่าเจ้าลงมาจากโลกที่แบ่งแย่งงั้นเหรอ?” สำหรับเธอมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้ามาจากโลกที่แบ่งแยก

มู่หรงหยักไหล่ตัวเอง “ข้าก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเหมือนกัน?! ยังไงซะข้าก็ไม่ได้มาจากห้วงเวลาและมิตินี้…”

“นี่เจ้ามาจากมิติอื่นงั้นเหรอ?” สีหน้าของหลานซุนเปลี่ยนไปภายใต้หน้ากากตัวเอง

“ข้าเคยอยู่ในมิติอื่นๆมากมาย ไม่ใช่แค่มิติเดียว อย่าพูดเรื่องนี้เลย ท่านจะช่วยข้าตามหาพ่อแม่เมื่อไรล่ะ? ข้าเป็นห่วงพวกท่าน…”

“เดี๋ยวข้าจะแจ้งข่าวเรื่องของเจ้าออกไป ไม่ต้องห่วงนะ! แต่เจ้าบอกว่าเจ้ามาจากมิติอื่นใช่ไหม?! งั้นทำไมเจ้าถึงยังมาตามหาพ่อแม่ของเจ้าที่นี่อยู่อีกล่ะ?”

“มันก็ยากที่จะพูดนะ พูดง่ายๆคือพ่อแม่ข้าก็เหมือนกับข้าที่บังเอิญตกลงมาที่นี่ นี่คือพ่อแม่ของข้า ดูสิท่านอาจารย์…” มู่หรงเสวี่ยหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา โชคดีที่โทรศัพท์ใช่พลังงานแสงอาทิตย์ ถึงแม้จะไม่มีสัญญาณแต่อย่างน้อยเธอก็ยังได้ดูรูป

“อย่าถามเลย นี่เป็นผลิตภัณฑ์จากมิติของเรา ท่านรู้ไปก็เปล่าประโยชน์ มันเอามาใช้ที่นี่ไม่ได้…” เมื่อเห็นความสงสัยของหลานซุน เธอจึงอธิบายออกมา

หลานซุนพยักหน้า เขาหยิบลูกบอลคริสตัลออกมาในทันที แล้วเขาก็พลิกฝ่ามือและวาดหน้าพ่อแม่มู่หรงเสวี่ยลงไปในลูกบอลคริสตัล เมื่อมู่หรงเสวี่ยเห็นอาจารย์ของเธอกำลังร่ายเวทมนตร์ลงไปที่มัน แล้วลูกบอลคริสตัลก็เปล่งประกายแส่งกระจายไปทั่วทุกทิศทางทันที

หลังจากเวลาผ่านไปนาน หลานซุนก็เก็บลูกบอลคริสตัลไปแล้วจึงพูดออกมา “โอเค เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็คงจะมีข่าวอะไรบ้าง…”

มู่หรงเสวี่ยตะลึง นี่มันเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงมากเลยจริงๆและสะดวกกว่าเครือข่ายการสื่อสารซะอีก นี่มันเป็นไปได้เหรอที่จะแจ้ง “ข่าว” ออกไป?!

เธอรีบเข้าไปใกล้ใบหน้าของหลานซุนทันทีแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน “ท่านอาจารย์ที่รัก นั่นมัน…”

เธอเองก็อยากได้?! บอกเลยว่านี่มันเป็นอุปกรณ์ที่สะดวกมากๆ

หลานซุนเหล่มาที่เธอ “มันเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่พิเศษมากๆน่ะ!”

“มันก็เหมือนการทำงานของโทรศัพท์มือถือนั่นแหละ!!!! คือ…อาจารย์ ท่านยังไม่ได้ให้ของรับขวัญข้าเลยใช่ไหม?!!” สายตาของเธอมองลงไปที่ร่างกายของหลานซุน เขาเก็บเจ้าลูกบอลคริสตัลลูกใหญ่ขนาดนั้นไว้ที่ไหนนะ? เธอไม่เห็นแหวนเก็บของหรือกระเป๋าเก็บของที่ไหนเลย

“อยู่นี่ไง!” หลานซุนหยิบกิ๊บติดผมที่หรูหราออกมาจากแขนตัวเอง

มู่หรงเสวี่ยรับมันมาและมองดูอย่างละเอียด มันเป็นกิ๊บที่สวยมากแต่เธอก็รีบพูดออกมาทันที “ข้าไม่ได้อยากได้ไอ้นี่ ข้าอยากได้ลูกบอลคริสตัลเมื่อกี้…”

หลานซุนมองไปที่สายตางี่เง่าของมู่หรงเสวี่ย “เจ้าไม่อยากได้เครื่องมือเซียนงั้นเหรอ?! แต่กลับอยากได้ลูกบอลคริสตัลราคาถูกแทน” ไม่เพียงแค่อารมณ์ของเขาเท่านั้นที่เปลี่ยนไปแต่สีหน้าและท่าทางก็ดูขี้เล่นขึ้นมากเลย

“นี่เป็นเครื่องมือเซียนงั้นเหรอ?!!” มู่หรงมองไปที่กิ๊บติดผมที่อยู่ในมือด้วยสายตาเหลือเชื่อ

“ไม่ต้องเลย เอาคืนมาให้ข้า!” หลานซุนยื่นมือออกไปและอยากที่จะเอามันคืนมา

มู่หรงเสวี่ยรีบเก็บมันเข้าไปในมิติลับทันที “ให้แล้วจะเอาคืนได้ยังไงกัน!”

“อาจารย์ ทำไมท่านต้องสวมหน้ากากปิดหน้าไว้ด้วยล่ะ?! หน้าตาน่าเกลียดเหรอ? ไม่กล้าที่จะให้ใครเห็นงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถามด้วยความสงสัย

น่าเกลียดงั้นเหรอ? หลานซุนรู้สึกเสียใจจริงๆที่รับศิษย์คนนี้มา เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้ทำพลาดไป “ยังไงนะเหรอ? เจ้าสงสัยงั้นเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า

“อยากเห็นไหมล่ะ?”

พยักหน้าอีกครั้ง

“แต่มีเพียงแค่เพื่อนของข้าเท่านั้นที่ได้เห็นใบหน้าของข้า เจ้าแน่ใจเหรอว่าอยากที่จะเห็นน่ะ? ถึงแม้เจ้าจะเป็นผู้ชาย แต่ความรักก็เป็นส่วนหนึ่งของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในเมื่อเจ้าอยากที่จะเห็นข้าขนาดนั้น งั้นข้าก็จะทำตามคำขอของเจ้า” เมื่อพูดจบ หลานซุนก็เตรียมที่จะถอดหน้ากากออก

มู่หรงเสวี่ยรีบวิ่งเข้าไปกดหน้ากากที่หน้าของหลานซุนไว้ทันที “ข้าไม่อยากที่จะเห็นอีกแล้ว ช่วยปิดมันไว้และอย่าทำหลุดต่อหน้าข้าด้วย…” มันคงจะแย่มากที่หลังจากได้เห็นหน้าเขาแล้วเธอก็ต้องเป็นเพื่อนกับเขา

“ไม่อยากเห็นจริงๆเหรอ?” หลานซุนเองก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆมาจากร่างกายของเธอเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย

มู่หรงเสวี่ยส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง “อย่าเปิดนะ ไม่งั้นข้าฆ่าท่านแน่…”

“โชคดีจริงๆเลย ข้ายังคิดอยู่เลยว่าถ้าว่าถ้าเจ้าน่าเกลียดขนาดนั้น แล้วต่อไปจะทำยังไงดี…” หลานซุนตบไปที่อกอย่างมีความสุข

มู่หรงเสวี่ยพูด “อาจารย์ นี่ท่านแก่หรือว่าสายตาฝ้าฟางหรือเปล่า? ลูกศิษย์ของท่านออกมาทรงเสน่ห์และหล่อเหลา ข้าสวยขนาดนี้จนไม่มีใครเอาไปเทียบกับความน่าเกลียดได้เลย…”

“ไม่เลย ข้าแค่คิดว่าเจ้าน่าเกลียดมาก…” หลานซุนพูดอย่างจริงจัง

“ไปเลย! ไม่เล่นกับท่านแล้ว!” ท่านอาจารย์นี่โง่จริงๆ อีกอย่างความมั่นใจของมู่หรงเสวี่ยเริ่มที่จะรู้สึกเจ็บปวด

หลานซุนยังอยู่ที่เดิม หลังจากเวลาผ่านไปนาน ริมฝีปากบางก็เปล่งเสียงหัวเราะพอใจราวกับดอกไม้แรกแย้มออกมา ป่าไผ่แกว่งไปมาทันทีราวกับว่ารู้สึกได้ถึงความสุขของท่านอาจารย์และกำลังเต็นรำไปกับสายลม

หลินหนานและคนอื่นๆเห็นสีหน้าของมู่เทียนที่วิ่งออกมา สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันที สิ่งแรกที่พวกเขาคิดก็คือมู่เทียนถูกรังแก

มู่หรงเสวี่ยวิ่งด้วยความเร็วอย่างมากและคนอื่นๆต่างก็รีบวิ่งตามเขามา จนเมื่อวิ่งมาถึงถนน มู่หรงเสวี่ยก็หยุดลง

เมื่อหลินหนานและคนอื่นๆตามมาทัน สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือมู่หรงที่กำลังจ้องสาวๆที่ถนนด้วยสายตาสายฟ้าราว 100,000 โวลต์

“มู่เทียน เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” หลินหนานมองไปที่ มู่เทียนและถามเสียงหอบ

มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “ข้าไม่เป็นไร!”

“แล้วทำไมเมื่อกี้เจ้าถึงวิ่งออกมาล่ะ?!! ปรมาจารย์หลานซุน กับเจ้า…” จ้าวฉีถามอย่างระวัง

แน่นอน เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของมู่หรงก็เปลี่ยนไป เธอมองไปที่ทุกคนด้วยสีหน้าจริงจัง

คนอื่นๆเองต่างก็มองมู่เทียนด้วยความกังวลเช่นกัน ถ้าเขาผิดจริงๆ พวกเขาก็คงช่วยเธอทวงความยุติธรรมแน่ๆแม้ว่าจะต้องตายก็ตาม

“พวกเจ้าคิดว่าข้าหล่อหรือเปล่า?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“ฮ่ะ!”

“มีอะไรงั้นเหรอ?” นี่ไม่หล่อจนถึงขนาดที่อาจารย์ต้องพูดออกมาเลยงั้นเหรอ?” พวกเขาเห็นได้เลยว่ามู่หรงเสวี่ยสนใจเรื่องนี้อย่างมาก

หลินหนานและคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นและถามออกมา “มู่เทียน ทำไมอยู่ดีๆเจ้าถึงถามอะไรแบบนี้ออกมา?”

มู่หรงเบ้ปากและพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “อาจารย์ ท่าน…ท่านบอกว่าข้าน่าเกลียด…หื้อ…”

สีหน้าของหลินหนานสะดุ้ง มองไปที่ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองพวกเขาคุยกัน หลินหนานรีบพาตัวมู่เทียนกลับไปที่โรงเตี๊ยมทันที

หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน มู่เทียนก็หยุดร้องไห้ด้วยความไม่พอใจ

“เพราะงั้นเจ้าถึงวิ่งร้องไห้ออกมาจากหลานซุนงั้นเหรอ?” หลินหนานถามด้วยสีหน้าเคร่งครึม

มู่หรงเสวี่ยเช็ดน้ำมูกตัวเองแล้วพยักหน้า “เจ้าคิดว่า ท่านอาจารย์พูดเกินไปหรือเปล่า?”

พวกเขาต่างก็กังวลกลัวว่ามู่เทียนจะโง่เกินไปจนถูกรังแกซะอีก

พวกเขารีบลุกขึ้นทันที แม้แต่หวู่เสี่ยวเหมยเองที่มักจะอ่อนโยนเสมอก็ยังเลิกที่จะปลอบใจมู่เทียนแล้ว หลังจากที่เปิดประตูแล้วพวกเขาก็อยากที่จะเดินออกไป

“เฮ้ พวกเจ้าจะไปไหนกันเหรอ? ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ”

“นี่ ฟังข้านะ…”

“ปัง!”

เสียงประตูปิดกระแทกดัง

มือที่กำลังเช็ดน้ำมูกอยู่ของมู่หรงหยุดนิ่ง นี่เธอทำอะไรผิดงั้นเหรอ?!!!

น่ารำคาญจริงๆ เธอโยนผ้าเช็ดหน้าในมือและล้มตัวลงไปนอนพักที่เตียง อย่างที่คิดไว้เลย เธอมันก็แค่กะเทย จะเอามาพูดล้อเล่นก็ไม่ได้

เมื่อกลับไปที่ห้อง ทุกคนก็พยายามอย่างดีที่สุด พวกเขาดื่มน้ำกันเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามที่จะเก็บกดความวุ่นวายใจไว้ พวกเขาอดไม่ได้ที่รู้สึกอยากจะอัดใครสักคน

ที่อีกฝั่ง สองพี่น้องที่กลับไปที่ตระกูลเฟิงก็ถูกเหล่าผู้ใหญ่ของตระกูลถามคำถามมากมาย รวมทั้งพ่อแม่ของพวกเขาด้วยที่กำลังถามว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าแห่งความตายและพวกเขาหนีออกมาได้ยังไง

อันที่จริงก่อนที่จะกลับมา เฟิงจือหลิงและน้องสาวก็คิดคำตอบไว้บ้างแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่พูดถึงเรื่องของมู่เทียน ทุกคนต่างก็รู้ว่ามิติลับของมู่เทียนต่อต้านกับท้องฟ้า ถ้าพวกเขาพูดเรื่องนี้ออกไป ผลที่จะตามมาคงยากที่จะนึกจริงๆ อีกอย่างพวกเขาก็ไม่อยากให้คนคนนั้นเป็นอันตรายอะไรเลยสักนิด ถึงแม้น้องสาวของเขา เฟิงจือหลินจะไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นพิเศษ แต่เฟิงจือหลิงก็รู้จักเธออย่างดีและน้องสาวของเขาก็คงจะชอบ มู่เทียนอย่างมากด้วย

เฟิงจือหลิงเพียงแค่บอกครอบครัวเรื่องผู้ชายที่ต่อต้านท้องฟ้าที่มาจากป่าแห่งความตายและในหลุมดำก็ไม่มีสมบัติอะไรทั้งนั้นเพียงเท่านั้น แล้วเขาก็บอกเพียงแค่ว่าพวกเขาปลอมตัวออกมาและแยกย้ายกับคนอื่นๆ ส่วนเรื่องตำนานระดับสีม่วง เขาก็พูดเพียงแค่ว่าท่านผู้เฒ่าถูกชายที่ต่อต้านสวรรค์โจมตี แต่พวกท่านก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรพวกเขามากเกินไป

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 269 อาจารย์ไม่หล่อหรือไง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 269 อาจารย์ไม่หล่อหรือไง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 269

อาจารย์ไม่หล่อหรือไง

“ก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ที่ไหนมางั้นเหรอ?” คำถามแรกของหลานซุนคือการถามว่ามู่หรงเสวี่ยมาจากไหน ถ้าเธอกลับมาเกิดใหม่ เขาก็คงไม่มีทางรู้หรอก

“ข้าอยู่ที่บ้านตลอดเวลาเลย…” ดวงตากลมโตกะพริบถี่ๆ

จริงเหรอ จริงๆงั้นเหรอ

“ข้าพูดความจริง จริงๆนะ!”

สุดท้ายหลานซุนก็เริ่มที่จะเข้าใจภาวะอารมณ์ของเธอแล้ว เขารู้สึกโกรธคนที่ไม่สนใจชีวิตของตัวเอง เขายิ้มอย่างโกรธๆ “เจ้าอยากที่จะตามหาพ่อแม่งั้นเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยนั่งตัวตรงขึ้นมาทันที “ข้ามาจากโลก ผู้คนที่นั้นสามารถที่จะบินไปบนท้องฟ้าได้โดยไม่ต้องมีการฝึกและพวกเขาก็สามารถที่จะท่องไปได้เป็นพันๆไมล์ทุกวัน…”

“หยุดก่อนนะ! โลกอยู่ที่ไหนเหรอ?” หลานซุนขัดขึ้นมาในระหว่างที่เธอกำลังพูด

“โลกอยู่ในมิตินี้หรือเปล่า?”

“มิตินี้อยู่ที่ไหนเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแต่ก็ไม่รู้ว่าท้องฟ้าที่นี่กับท้องฟ้าที่โลกจะเป็นมิติเดียวกันหรือเปล่า เธอชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า “มันก็แค่อยู่ข้างนอกท้องฟ้า…”

หลานซุนลุกขึ้นและพูดขึ้นมาทันที “ไร้สาระ เจ้าจะบอกว่าเจ้าลงมาจากโลกที่แบ่งแย่งงั้นเหรอ?” สำหรับเธอมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้ามาจากโลกที่แบ่งแยก

มู่หรงหยักไหล่ตัวเอง “ข้าก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเหมือนกัน?! ยังไงซะข้าก็ไม่ได้มาจากห้วงเวลาและมิตินี้…”

“นี่เจ้ามาจากมิติอื่นงั้นเหรอ?” สีหน้าของหลานซุนเปลี่ยนไปภายใต้หน้ากากตัวเอง

“ข้าเคยอยู่ในมิติอื่นๆมากมาย ไม่ใช่แค่มิติเดียว อย่าพูดเรื่องนี้เลย ท่านจะช่วยข้าตามหาพ่อแม่เมื่อไรล่ะ? ข้าเป็นห่วงพวกท่าน…”

“เดี๋ยวข้าจะแจ้งข่าวเรื่องของเจ้าออกไป ไม่ต้องห่วงนะ! แต่เจ้าบอกว่าเจ้ามาจากมิติอื่นใช่ไหม?! งั้นทำไมเจ้าถึงยังมาตามหาพ่อแม่ของเจ้าที่นี่อยู่อีกล่ะ?”

“มันก็ยากที่จะพูดนะ พูดง่ายๆคือพ่อแม่ข้าก็เหมือนกับข้าที่บังเอิญตกลงมาที่นี่ นี่คือพ่อแม่ของข้า ดูสิท่านอาจารย์…” มู่หรงเสวี่ยหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา โชคดีที่โทรศัพท์ใช่พลังงานแสงอาทิตย์ ถึงแม้จะไม่มีสัญญาณแต่อย่างน้อยเธอก็ยังได้ดูรูป

“อย่าถามเลย นี่เป็นผลิตภัณฑ์จากมิติของเรา ท่านรู้ไปก็เปล่าประโยชน์ มันเอามาใช้ที่นี่ไม่ได้…” เมื่อเห็นความสงสัยของหลานซุน เธอจึงอธิบายออกมา

หลานซุนพยักหน้า เขาหยิบลูกบอลคริสตัลออกมาในทันที แล้วเขาก็พลิกฝ่ามือและวาดหน้าพ่อแม่มู่หรงเสวี่ยลงไปในลูกบอลคริสตัล เมื่อมู่หรงเสวี่ยเห็นอาจารย์ของเธอกำลังร่ายเวทมนตร์ลงไปที่มัน แล้วลูกบอลคริสตัลก็เปล่งประกายแส่งกระจายไปทั่วทุกทิศทางทันที

หลังจากเวลาผ่านไปนาน หลานซุนก็เก็บลูกบอลคริสตัลไปแล้วจึงพูดออกมา “โอเค เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็คงจะมีข่าวอะไรบ้าง…”

มู่หรงเสวี่ยตะลึง นี่มันเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงมากเลยจริงๆและสะดวกกว่าเครือข่ายการสื่อสารซะอีก นี่มันเป็นไปได้เหรอที่จะแจ้ง “ข่าว” ออกไป?!

เธอรีบเข้าไปใกล้ใบหน้าของหลานซุนทันทีแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน “ท่านอาจารย์ที่รัก นั่นมัน…”

เธอเองก็อยากได้?! บอกเลยว่านี่มันเป็นอุปกรณ์ที่สะดวกมากๆ

หลานซุนเหล่มาที่เธอ “มันเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่พิเศษมากๆน่ะ!”

“มันก็เหมือนการทำงานของโทรศัพท์มือถือนั่นแหละ!!!! คือ…อาจารย์ ท่านยังไม่ได้ให้ของรับขวัญข้าเลยใช่ไหม?!!” สายตาของเธอมองลงไปที่ร่างกายของหลานซุน เขาเก็บเจ้าลูกบอลคริสตัลลูกใหญ่ขนาดนั้นไว้ที่ไหนนะ? เธอไม่เห็นแหวนเก็บของหรือกระเป๋าเก็บของที่ไหนเลย

“อยู่นี่ไง!” หลานซุนหยิบกิ๊บติดผมที่หรูหราออกมาจากแขนตัวเอง

มู่หรงเสวี่ยรับมันมาและมองดูอย่างละเอียด มันเป็นกิ๊บที่สวยมากแต่เธอก็รีบพูดออกมาทันที “ข้าไม่ได้อยากได้ไอ้นี่ ข้าอยากได้ลูกบอลคริสตัลเมื่อกี้…”

หลานซุนมองไปที่สายตางี่เง่าของมู่หรงเสวี่ย “เจ้าไม่อยากได้เครื่องมือเซียนงั้นเหรอ?! แต่กลับอยากได้ลูกบอลคริสตัลราคาถูกแทน” ไม่เพียงแค่อารมณ์ของเขาเท่านั้นที่เปลี่ยนไปแต่สีหน้าและท่าทางก็ดูขี้เล่นขึ้นมากเลย

“นี่เป็นเครื่องมือเซียนงั้นเหรอ?!!” มู่หรงมองไปที่กิ๊บติดผมที่อยู่ในมือด้วยสายตาเหลือเชื่อ

“ไม่ต้องเลย เอาคืนมาให้ข้า!” หลานซุนยื่นมือออกไปและอยากที่จะเอามันคืนมา

มู่หรงเสวี่ยรีบเก็บมันเข้าไปในมิติลับทันที “ให้แล้วจะเอาคืนได้ยังไงกัน!”

“อาจารย์ ทำไมท่านต้องสวมหน้ากากปิดหน้าไว้ด้วยล่ะ?! หน้าตาน่าเกลียดเหรอ? ไม่กล้าที่จะให้ใครเห็นงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถามด้วยความสงสัย

น่าเกลียดงั้นเหรอ? หลานซุนรู้สึกเสียใจจริงๆที่รับศิษย์คนนี้มา เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้ทำพลาดไป “ยังไงนะเหรอ? เจ้าสงสัยงั้นเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า

“อยากเห็นไหมล่ะ?”

พยักหน้าอีกครั้ง

“แต่มีเพียงแค่เพื่อนของข้าเท่านั้นที่ได้เห็นใบหน้าของข้า เจ้าแน่ใจเหรอว่าอยากที่จะเห็นน่ะ? ถึงแม้เจ้าจะเป็นผู้ชาย แต่ความรักก็เป็นส่วนหนึ่งของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในเมื่อเจ้าอยากที่จะเห็นข้าขนาดนั้น งั้นข้าก็จะทำตามคำขอของเจ้า” เมื่อพูดจบ หลานซุนก็เตรียมที่จะถอดหน้ากากออก

มู่หรงเสวี่ยรีบวิ่งเข้าไปกดหน้ากากที่หน้าของหลานซุนไว้ทันที “ข้าไม่อยากที่จะเห็นอีกแล้ว ช่วยปิดมันไว้และอย่าทำหลุดต่อหน้าข้าด้วย…” มันคงจะแย่มากที่หลังจากได้เห็นหน้าเขาแล้วเธอก็ต้องเป็นเพื่อนกับเขา

“ไม่อยากเห็นจริงๆเหรอ?” หลานซุนเองก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆมาจากร่างกายของเธอเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย

มู่หรงเสวี่ยส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง “อย่าเปิดนะ ไม่งั้นข้าฆ่าท่านแน่…”

“โชคดีจริงๆเลย ข้ายังคิดอยู่เลยว่าถ้าว่าถ้าเจ้าน่าเกลียดขนาดนั้น แล้วต่อไปจะทำยังไงดี…” หลานซุนตบไปที่อกอย่างมีความสุข

มู่หรงเสวี่ยพูด “อาจารย์ นี่ท่านแก่หรือว่าสายตาฝ้าฟางหรือเปล่า? ลูกศิษย์ของท่านออกมาทรงเสน่ห์และหล่อเหลา ข้าสวยขนาดนี้จนไม่มีใครเอาไปเทียบกับความน่าเกลียดได้เลย…”

“ไม่เลย ข้าแค่คิดว่าเจ้าน่าเกลียดมาก…” หลานซุนพูดอย่างจริงจัง

“ไปเลย! ไม่เล่นกับท่านแล้ว!” ท่านอาจารย์นี่โง่จริงๆ อีกอย่างความมั่นใจของมู่หรงเสวี่ยเริ่มที่จะรู้สึกเจ็บปวด

หลานซุนยังอยู่ที่เดิม หลังจากเวลาผ่านไปนาน ริมฝีปากบางก็เปล่งเสียงหัวเราะพอใจราวกับดอกไม้แรกแย้มออกมา ป่าไผ่แกว่งไปมาทันทีราวกับว่ารู้สึกได้ถึงความสุขของท่านอาจารย์และกำลังเต็นรำไปกับสายลม

หลินหนานและคนอื่นๆเห็นสีหน้าของมู่เทียนที่วิ่งออกมา สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันที สิ่งแรกที่พวกเขาคิดก็คือมู่เทียนถูกรังแก

มู่หรงเสวี่ยวิ่งด้วยความเร็วอย่างมากและคนอื่นๆต่างก็รีบวิ่งตามเขามา จนเมื่อวิ่งมาถึงถนน มู่หรงเสวี่ยก็หยุดลง

เมื่อหลินหนานและคนอื่นๆตามมาทัน สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือมู่หรงที่กำลังจ้องสาวๆที่ถนนด้วยสายตาสายฟ้าราว 100,000 โวลต์

“มู่เทียน เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” หลินหนานมองไปที่ มู่เทียนและถามเสียงหอบ

มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “ข้าไม่เป็นไร!”

“แล้วทำไมเมื่อกี้เจ้าถึงวิ่งออกมาล่ะ?!! ปรมาจารย์หลานซุน กับเจ้า…” จ้าวฉีถามอย่างระวัง

แน่นอน เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของมู่หรงก็เปลี่ยนไป เธอมองไปที่ทุกคนด้วยสีหน้าจริงจัง

คนอื่นๆเองต่างก็มองมู่เทียนด้วยความกังวลเช่นกัน ถ้าเขาผิดจริงๆ พวกเขาก็คงช่วยเธอทวงความยุติธรรมแน่ๆแม้ว่าจะต้องตายก็ตาม

“พวกเจ้าคิดว่าข้าหล่อหรือเปล่า?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“ฮ่ะ!”

“มีอะไรงั้นเหรอ?” นี่ไม่หล่อจนถึงขนาดที่อาจารย์ต้องพูดออกมาเลยงั้นเหรอ?” พวกเขาเห็นได้เลยว่ามู่หรงเสวี่ยสนใจเรื่องนี้อย่างมาก

หลินหนานและคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นและถามออกมา “มู่เทียน ทำไมอยู่ดีๆเจ้าถึงถามอะไรแบบนี้ออกมา?”

มู่หรงเบ้ปากและพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “อาจารย์ ท่าน…ท่านบอกว่าข้าน่าเกลียด…หื้อ…”

สีหน้าของหลินหนานสะดุ้ง มองไปที่ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองพวกเขาคุยกัน หลินหนานรีบพาตัวมู่เทียนกลับไปที่โรงเตี๊ยมทันที

หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน มู่เทียนก็หยุดร้องไห้ด้วยความไม่พอใจ

“เพราะงั้นเจ้าถึงวิ่งร้องไห้ออกมาจากหลานซุนงั้นเหรอ?” หลินหนานถามด้วยสีหน้าเคร่งครึม

มู่หรงเสวี่ยเช็ดน้ำมูกตัวเองแล้วพยักหน้า “เจ้าคิดว่า ท่านอาจารย์พูดเกินไปหรือเปล่า?”

พวกเขาต่างก็กังวลกลัวว่ามู่เทียนจะโง่เกินไปจนถูกรังแกซะอีก

พวกเขารีบลุกขึ้นทันที แม้แต่หวู่เสี่ยวเหมยเองที่มักจะอ่อนโยนเสมอก็ยังเลิกที่จะปลอบใจมู่เทียนแล้ว หลังจากที่เปิดประตูแล้วพวกเขาก็อยากที่จะเดินออกไป

“เฮ้ พวกเจ้าจะไปไหนกันเหรอ? ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ”

“นี่ ฟังข้านะ…”

“ปัง!”

เสียงประตูปิดกระแทกดัง

มือที่กำลังเช็ดน้ำมูกอยู่ของมู่หรงหยุดนิ่ง นี่เธอทำอะไรผิดงั้นเหรอ?!!!

น่ารำคาญจริงๆ เธอโยนผ้าเช็ดหน้าในมือและล้มตัวลงไปนอนพักที่เตียง อย่างที่คิดไว้เลย เธอมันก็แค่กะเทย จะเอามาพูดล้อเล่นก็ไม่ได้

เมื่อกลับไปที่ห้อง ทุกคนก็พยายามอย่างดีที่สุด พวกเขาดื่มน้ำกันเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามที่จะเก็บกดความวุ่นวายใจไว้ พวกเขาอดไม่ได้ที่รู้สึกอยากจะอัดใครสักคน

ที่อีกฝั่ง สองพี่น้องที่กลับไปที่ตระกูลเฟิงก็ถูกเหล่าผู้ใหญ่ของตระกูลถามคำถามมากมาย รวมทั้งพ่อแม่ของพวกเขาด้วยที่กำลังถามว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าแห่งความตายและพวกเขาหนีออกมาได้ยังไง

อันที่จริงก่อนที่จะกลับมา เฟิงจือหลิงและน้องสาวก็คิดคำตอบไว้บ้างแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่พูดถึงเรื่องของมู่เทียน ทุกคนต่างก็รู้ว่ามิติลับของมู่เทียนต่อต้านกับท้องฟ้า ถ้าพวกเขาพูดเรื่องนี้ออกไป ผลที่จะตามมาคงยากที่จะนึกจริงๆ อีกอย่างพวกเขาก็ไม่อยากให้คนคนนั้นเป็นอันตรายอะไรเลยสักนิด ถึงแม้น้องสาวของเขา เฟิงจือหลินจะไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นพิเศษ แต่เฟิงจือหลิงก็รู้จักเธออย่างดีและน้องสาวของเขาก็คงจะชอบ มู่เทียนอย่างมากด้วย

เฟิงจือหลิงเพียงแค่บอกครอบครัวเรื่องผู้ชายที่ต่อต้านท้องฟ้าที่มาจากป่าแห่งความตายและในหลุมดำก็ไม่มีสมบัติอะไรทั้งนั้นเพียงเท่านั้น แล้วเขาก็บอกเพียงแค่ว่าพวกเขาปลอมตัวออกมาและแยกย้ายกับคนอื่นๆ ส่วนเรื่องตำนานระดับสีม่วง เขาก็พูดเพียงแค่ว่าท่านผู้เฒ่าถูกชายที่ต่อต้านสวรรค์โจมตี แต่พวกท่านก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรพวกเขามากเกินไป

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+