ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 272 จุดจบ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 272 จุดจบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 272

จุดจบ

ที่ริมหน้าผา มู่หรงเสวี่ยเห็นรองประธานหยุดลง เธอปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณออกไปเพราะอยากที่จะได้ยินว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องอะไร

“ที่นี่คือที่ที่พวกเจ้าจะต้องปฏิบัติภารกิจ!” รองประธานพูดออกมาอย่างสบายๆ

หลินหนานมองลงไปข้างล่าง หน้าผาลึกจนมองไม่เห็นข้างล่าง ที่ก้นหน้าผามืดไปหมดและเขามองไม่เห็นอะไรเลย เขารับรู้ได้ถึงความเย็นที่ใบหน้าตัวเอง ดวงตาของหลินหนานแวบประกายเย็นชา นี่เป็นการปล่อยให้พวกเขามาตายชัดๆเลย

“อาจารย์ใหญ่ครับ ภารกิจอะไรที่เราจะต้องทำที่ข้างล่างนั่น?” เขายื่นมือออกไปและดึงหวู่เสี่ยวเหมยพร้อมทั้งคนอื่นๆให้มายืนข้างๆเขาและพวกเขาต่างก็มายืนเคียงข้างกัน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!! เป็นภารกิจที่พวกเจ้าจะต้องยอมสละชีวิตตัวเองไง” รองประธานหยินพูดพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าเดิมที่ดูแลปกๆอยู่แล้วแต่ตอนนี้กลับปกปิดความน่าเกลียดไว้ไม่มิด

หลินหนานและคนอื่นๆรีบกำอาวุธไว้ในมือทันทีแล้วจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเราคงจะรับภารกิจแบบนั้นไม่ได้…” ในหัวใจของพวกเขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกหลอก ในพื้นที่ห่างไกลแบบนี้ไม่มีใครอยู่เลย ถึงแม้พวกเขาจะต้องตายที่นี่ก็เดาได้ว่าคงจะไม่มีใครรู้เรื่องแน่ๆ

เพราะชื่อเสียงที่ดีมากๆของสำนักหลงหยู่จึงไม่ได้สงสัยอะไรเลย อีกอย่างคนคนนี้ก็ยังเป็นถึงรองประธานด้วย พวกเขาจึงคิดว่าได้รับมอบหมายภารกิจพิเศษที่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกตนแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าที่ข้างล่างหน้าผาจะมีอะไรแต่เขาก็รู้ว่ามันจะต้องอันตรายมากแน่ๆ ตอนนี้พวกเขาตื่นตัวเป็นพิเศษ แต่รองประธานกลับไม่สนใจอะไรเลย เขายังคงเดินเข้ามาใกล้หน้าผาขึ้นเรื่อยๆ นี่มันเรื่องอะไรถึงต้องให้พวกเขามาสละชีวิตตัวเองเนี่ย?! แต่มันจะต้องเป็นเรื่องอะไรที่ร้ายแรงมากแน่ๆ ความเยือกเย็นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นยะเยือกได้จริงๆ

“คิดว่าพวกเจ้าจะได้รอดชีวิตออกไปจากที่นี่หรือไง?!” รองประธานพูด

“ท่านต้องการอะไร?” หลินหนานที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคนอื่นๆและเริ่มที่จะรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณด้วย จ้าวฉีและคนอื่นๆเองก็เอาอาวุธออกมาแล้วเช่นกัน

รองประธานแสยะและพูดออกมา “อย่าเปลืองพลังตัวเองเลย พวกเจ้าอยากจะสู้กับคนที่อยู่ระดับสูงสุดของระดับสีม่วงแบบข้างั้นเหรอ?! ยอมลงไปข้างล่างอย่างเชื่อฟังน่าจะดีกว่านะ…” เขาไม่สนใจพลังแห่งจิตวิญญาณของพวกเขาเลย พวกเขาในสายตาของเขาก็แค่พวกโง่ที่พยายามจะดิ้นรนเพื่อหนีจากความตาย

“ถ้าท่านจะทำแบบนั้น ท่านไม่กลัวว่าจะต้องถูกคนทั้งโลกสืบสวนหรือยังไง?!” หลินหนานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ฮ่าฮ่า! พวกเจ้านี่ไร้เดียงสากันจริงๆ ใครจะไปรู้เรื่องที่พวกเจ้าตายกันล่ะ อีกไม่นานโลกก็จะเป็นของข้า โลกที่สงบมันจะไปดีอะไรล่ะ?! โลกที่มีแต่การเข่นฆ่าและล้มตายต่างหากละถึงจะเป็นความสุข!!!” สีหน้าของรองประธานบิดเบี้ยวพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างบ้าคลั่ง เขามันบ้าไปแล้วชัดๆ!

ในหัวใจของหลินหนานและคนอื่นๆต่างก็นึกถึงมู่เทียน คนคนนั้น พวกเขาจะได้เจออีกหรือเปล่านะ?!!!

เมื่อวานมู่เทียนบอกว่ารองประธานท่าทางแปลกมากๆ ทำไมพวกเขาถึงไม่คิดอะไรให้มากกว่านี้นะ? ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้กลัวความตาย แต่พวกเขาก็เพียงแค่อยากที่จะติดตามเขาต่อไปอีกเรื่อยๆ

ในตอนนี้มู่หรงเสวี่ยที่ซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ สีหน้าเริ่มที่จะเปลี่ยน เธอกำลังมองหาโอกาส ด้วยความแข็งแกร่งของเธอในตอนนี้ เธอยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรองประธาน เธอทำได้เพียงแค่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ทันทีที่รองประธานดูผ่อนคลายและยืมหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มู่หรงเสวี่ยก็รวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดและรีบพุ่งไปในตำแหน่งของรองประธานทันที “ฟินิกซ์ออกมา”

มู่หรงเสวี่ยรีบใช้พลังที่แข็งแกร่งของตัวเองทันที เป็นจังหวะของเธอที่จะต้องเอาชนะในช่วงที่เขาไม่ทันตั้งตัว

รองประธานรวบรวมสติทันทีและหันมาเห็นพลังแห่งจิตวิญญาณที่ร้ายกาจกำลังพุ่งตรงมาหาเขา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ในวินาทีสุดท้ายมู่หรงเสวี่ยเห็นท่าทางหวาดกลัวของเขา

เมื่อเห็นว่ารองประธานถูกโจมตีได้ มู่หรงเสวี่ยก็มีความสุขอย่างมาก ตราบใดที่เขาถูกโจมตี เขาก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงแม้เขาจะยังไม่ตายก็ตามเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้ ชัยชนะของเขาก็เริ่มที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นแล้ว

“มู่เทียน!”

“เจ้ามาได้ยังไง…”

หลินหนานแทบจะพูดไม่ออก หัวใจและร่างกายเขารู้สึกท่วมท้นไปหมดซึ่งทำให้ดวงตาของเขาแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ทั้งหมดนี้ไม่มีคำพูดใดจะบรรยายออกมาได้เลย

นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมารู้สึกอะไรแบบนี้ มู่หรงเสวี่ยยังไม่สบายใจ ยังไงซะรองประธานก็อยู่ในระดับสูงสุดของระดับสีม่วงซึ่งแข็งแกร่งกว่าในระดับขั้นต้นของระดับสีม่วงอย่างเธออยู่นิดหน่อย สายตาของเธอยังจ้องตรงไปจุดที่พลังแห่งจิตวิญญาณเพิ่งจะปะทะเมื่อกี้

เมื่อควันที่เกิดจากการปะทะค่อยๆจางหายไป ก็น่าแปลกใจมากที่ได้เห็นร่างของรองประธานที่กำลังนอนกองอยู่ที่พื้นด้วยท่าทางทรุดโทรมอย่างมากและพวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที

อย่างไรก็ตามเพียงเสี้ยววินาทีต่อมา ร่างที่นอนอยู่ที่พื้นก็ค่อยๆลุกขึ้นมา หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆได้เห็นรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของเขาชัดๆ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะพะอืดพะอมขึ้นมา น่าขยะแขยงจริงๆ…

ครึ่งหนึ่งของหน้ารองประธานถูกระเบิดจนดำมืด ส่วนอีกครึ่งหน้าก็มีหนอนสีขาวที่กำลังชอนไชออกมาจากหน้าของเขาซึ่งทำให้มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆรู้สึกหนาวยะเยือก

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” รองประธานหัวเราะแปลกๆออกมา

หลินหนานและคนอื่นๆไม่กล้าที่จะรู้สึกผ่อนคลาย และรีบเข้ามาขวางด้านหน้ามู่เทียนไว้ทันที

“มู่เทียน เจ้ารีบไปเดี๋ยวนี้เลย!” หลินหนานพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ

เขามีลางสังหรณ์ที่แรงมากว่ารองประธานที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาจะยิ่งร้ายกาจยิ่งกว่าเดิมอีก ดวงตาของเขาไร้ซึ่งแสงและรอบๆตัวก็เต็มไปด้วยชั้นของควันสีดำอีกครั้ง เขารู้สึกว่ารองประธานที่อยู่เบื้องหน้าเขาไม่ใช่คนด้วยซ้ำ

จ้าวฉีและคนอื่นๆไม่ได้คัดค้านคำพูดของหลินหนาน พวกเขาต่างก็ยืนคุ้มกันมู่เทียนไว้เบื้องหลังและตั้งใจที่จะใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อที่จะถ่วงเวลาให้มู่เทียนได้หนี

มู่หรงเสวี่ยผลักคนอื่นๆไปอยู่ด้านข้างและเริ่มรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณอีกครั้ง หลังการโจมตีเมื่อกี้ พลังแห่งจิตวิญญาณของเธอเริ่มที่จะเหือดแห้งแต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าครั้งแรกที่เธอเป็นลมมาก ถึงจะเป็นอย่างงั้นแต่เธอก็จะทิ้งเพื่อนแล้วหนีไปไม่ได้หรอก

“มู่เทียน! อย่าหัวรั้นสิ ไปเถอะ พวกเราขอร้องล่ะ” น้ำเสียงของหลินหนานพูดอย่างอ้อนวอน!

“ฮ่าฮ่า! เจ้าทำให้ข้าโมโห อย่าคิดที่จะหนีไปได้เลย…” รองประธานเริ่มที่จะส่งหมอกหนาสีดำออกมา หมอกสีดำก่อตัวเป็นกลุ่มและเริ่มที่จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆพร้อมทั้งล้อมรอบอยู่รอบตัวเขาไปด้วยพร้อมๆกัน

“อย่าพูดไร้สาระ! ข้ายอมตายพร้อมกับเพื่อนๆดีกว่าใช้ชีวิตอยู่อย่างว่างเปล่า” มู่เทียนไม่ได้พูดเสียงดังแต่กลับเป็นน้ำเสียงที่เย็นชาดังออกมาแทนแต่กลับทำให้หัวใจของหลินหนานและคนอื่นๆสั่นไหวได้เลยพร้อมด้วยเลือดที่พลุ่งพล่านที่ปะทุขึ้นมา!

“ดี! งั้นก็ไปด้วยกันเลย” พวกเขาไม่ได้โน้มน้าวให้มู่เทียนหนีไปแล้วแต่กลับมายืนเคียงข้างกันแทน!

“ฟินิกซ์เพลิง!” มู่หรงเสวี่ยรีบร้องออกมา

“เสือขาวทยานขึ้นท้องฟ้า!”

“…”

ทุกคนต่างก็รวมตัวเข้าด้วยกันและใช้ทักษะต่างๆเพื่อโจมตีอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไรก็ตามการโจมตีทั้งหมดดูเหมือนจะพลาดเป้าและไม่เกิดผลอะไรขึ้นเลย

“ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า!”

“ไปลงนรกซะเถอะ! เจ้าพวกไร้ประโยชน์”

หมอกหนาสีดำล้อมรอบมู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆไว้ หมอกสีดำส่งกลิ่นเหม็นน่ารังเกียจและล้อมรอบทุกอย่างไว้คนหมด

มู่หรงรู้สึกใจคอไม่ดีจึงร้องตะโกนออกไป “หลินหนาน จ้าวฉี!”

“พวกเราอยู่นี่!”

มู่หรงเสวี่ยเดินตามเสียงและมองไปรอบๆ

“มู่เทียน!”

“จับมือข้าไว้!” มู่หรงเสวี่ยร้องออกไป

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ลงไปในหน้าผาแล้วเป็นอาหารให้เจ้านายของข้าซะเถอะ!”

หมอกสีดำพร้อมด้วยแรกผลักขนาดใหญ่ผลักให้ มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆตกลงไปที่หน้าผา

มู่หรงเสวี่ยที่พลังแห่งจิตวิญญาณเริ่มที่จะอ่อนแรงมากแล้วจึงทำอะไรไม่ได้เลย เขาล่าถอยไปอย่างควบคุมไม่ได้ อีกมือก็ทำได้เพียงจับหลินหนานและคนอื่นๆไว้แน่น “จับข้าไว้ อย่าปล่อยนะ!” มู่หรงเสวี่ยสั่ง

“ได้!” หลินหนานตอบ

เพราะเป็นเพื่อนกันมานานจึงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

มู่เทียนมีมิติลับ พวกเขายังมีเครื่องมือชิ้นสุดท้ายอยู่ วินาทีที่พวกเขาตกลงไปที่หน้าผาก็แวบเข้าไปในมิติลับ!

อย่างไรก็ตาม หมอกดำดูเหมือนจะมีพิษ พวกเขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มที่จะแข็งขึ้นมาเล็กน้อย มู่หรงเสวี่ยเองก็เหมือนกัน ร่างกายของพวกเขาดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากหมอกดำและตกลงมาเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

“ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า!”

ที่ด้านบนของหน้าผา พวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะแปลกๆอย่างบ้าคลั่งของรองประธาน

“อย่าหลับนะ ลืมตาไว้! จับมือข้าไว้แน่นๆ” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกว่าร่างกายของเธอเริ่มที่จะแข็งและสติก็เริ่มที่จะเลือนรางขึ้นเรื่อยๆ

มือของหลินหนานที่จับอยู่เริ่มที่จะหลวมขึ้นเล็กน้อย

มู่หรงเกิดความคิด พวกเธอตกลงไปในมิติลับทันที เดินทีเธออยากที่จะรอจนกระทั่งตกลงไปถึงพื้นก่อนเพื่อที่อย่างน้อยจะได้เห็นว่าข้างล่างสุดมีอะไรอยู่ ถ้าเธอเข้าไปในมิติลับในระหว่างที่กำลังตก พวกเธอก็จะต้องลงไปในจังหวะที่กำลังตกเหมือนอย่างตอนนี้

อย่างไรก็ตาม หลินหนานจับต่อไม่ไหวแล้ว เพื่อเห็นแก่ความปลอดภัย มู่หรงเสวี่ยจึงต้องเข้ามาก่อน

เมื่อมองขึ้นไปที่รองประธานที่หน้าผา เสียงหัวเราะก็หยุดลงทันที “อะไรเนี่ย?!!”

เขารีบขยี้ดวงตาตัวเองทันที “แปลกจัง!”

อย่างไรก็ตามรองประธานไม่ได้คิดอะไรมาก ผิวหนังที่ใบหน้าของเขางอกกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง เขาหยิบผ้าคลุมสีขาวออกมาและกลายเป็นรองประธานของสำนักที่เป็นมิตรคนเดิม

มู่หรงเสวี่ยเข้าไปในมิติลับโดยเกือบที่จะสลบหมดสติไปแล้ว

หลินหนานและคนอื่นๆเองต่างก็ตกลงมาที่พื้นเช่นกัน เจ้าลูกบอลสีขาวกระโดดลุกขึ้นตื่นทันที

มันเห็นผิวของมู่หรงและคนอื่นๆที่เริ่มจะกลายเป็นสีดำ เสี่ยวไป๋ไม่มีกะจิตกะใจจะตรวจหลินหนานและคนอื่นๆ ไม่มีใครเทียบได้กับมู่หรง

มันรีบจี้หลายครั้งไปที่มู่หรงเสวี่ยแต่ความเร็วในการกระจายตัวของจุดสีดำก็ไม่ได้ลดลงเลย มันรีบวิ่งเข้าไปในหอคอยเก้าชั้น หยิบยาถอนพิษออกมาและกรอกเข้าไปในปากของ มู่หรงเสวี่ยทันที

“อย่าหลับนะ! ฟื้นสิ” เสียงของเสี่ยวไป๋เริ่มที่จะสั่น!

ยาถอนพิษไม่ได้ผล เสี่ยวไป๋มองร่างทั้งร่างของ มู่หรงเสวี่ยที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำและกลุ่มควันสีดำที่เปล่งแสงแปลกๆออกมา

จบแล้ว!

เสี่ยวไป๋นั่งลงที่พื้นด้วยท่าทางหมดหวัง!!!

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 272 จุดจบ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 272 จุดจบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 272

จุดจบ

ที่ริมหน้าผา มู่หรงเสวี่ยเห็นรองประธานหยุดลง เธอปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณออกไปเพราะอยากที่จะได้ยินว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องอะไร

“ที่นี่คือที่ที่พวกเจ้าจะต้องปฏิบัติภารกิจ!” รองประธานพูดออกมาอย่างสบายๆ

หลินหนานมองลงไปข้างล่าง หน้าผาลึกจนมองไม่เห็นข้างล่าง ที่ก้นหน้าผามืดไปหมดและเขามองไม่เห็นอะไรเลย เขารับรู้ได้ถึงความเย็นที่ใบหน้าตัวเอง ดวงตาของหลินหนานแวบประกายเย็นชา นี่เป็นการปล่อยให้พวกเขามาตายชัดๆเลย

“อาจารย์ใหญ่ครับ ภารกิจอะไรที่เราจะต้องทำที่ข้างล่างนั่น?” เขายื่นมือออกไปและดึงหวู่เสี่ยวเหมยพร้อมทั้งคนอื่นๆให้มายืนข้างๆเขาและพวกเขาต่างก็มายืนเคียงข้างกัน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!! เป็นภารกิจที่พวกเจ้าจะต้องยอมสละชีวิตตัวเองไง” รองประธานหยินพูดพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าเดิมที่ดูแลปกๆอยู่แล้วแต่ตอนนี้กลับปกปิดความน่าเกลียดไว้ไม่มิด

หลินหนานและคนอื่นๆรีบกำอาวุธไว้ในมือทันทีแล้วจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเราคงจะรับภารกิจแบบนั้นไม่ได้…” ในหัวใจของพวกเขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกหลอก ในพื้นที่ห่างไกลแบบนี้ไม่มีใครอยู่เลย ถึงแม้พวกเขาจะต้องตายที่นี่ก็เดาได้ว่าคงจะไม่มีใครรู้เรื่องแน่ๆ

เพราะชื่อเสียงที่ดีมากๆของสำนักหลงหยู่จึงไม่ได้สงสัยอะไรเลย อีกอย่างคนคนนี้ก็ยังเป็นถึงรองประธานด้วย พวกเขาจึงคิดว่าได้รับมอบหมายภารกิจพิเศษที่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกตนแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าที่ข้างล่างหน้าผาจะมีอะไรแต่เขาก็รู้ว่ามันจะต้องอันตรายมากแน่ๆ ตอนนี้พวกเขาตื่นตัวเป็นพิเศษ แต่รองประธานกลับไม่สนใจอะไรเลย เขายังคงเดินเข้ามาใกล้หน้าผาขึ้นเรื่อยๆ นี่มันเรื่องอะไรถึงต้องให้พวกเขามาสละชีวิตตัวเองเนี่ย?! แต่มันจะต้องเป็นเรื่องอะไรที่ร้ายแรงมากแน่ๆ ความเยือกเย็นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นยะเยือกได้จริงๆ

“คิดว่าพวกเจ้าจะได้รอดชีวิตออกไปจากที่นี่หรือไง?!” รองประธานพูด

“ท่านต้องการอะไร?” หลินหนานที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคนอื่นๆและเริ่มที่จะรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณด้วย จ้าวฉีและคนอื่นๆเองก็เอาอาวุธออกมาแล้วเช่นกัน

รองประธานแสยะและพูดออกมา “อย่าเปลืองพลังตัวเองเลย พวกเจ้าอยากจะสู้กับคนที่อยู่ระดับสูงสุดของระดับสีม่วงแบบข้างั้นเหรอ?! ยอมลงไปข้างล่างอย่างเชื่อฟังน่าจะดีกว่านะ…” เขาไม่สนใจพลังแห่งจิตวิญญาณของพวกเขาเลย พวกเขาในสายตาของเขาก็แค่พวกโง่ที่พยายามจะดิ้นรนเพื่อหนีจากความตาย

“ถ้าท่านจะทำแบบนั้น ท่านไม่กลัวว่าจะต้องถูกคนทั้งโลกสืบสวนหรือยังไง?!” หลินหนานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ฮ่าฮ่า! พวกเจ้านี่ไร้เดียงสากันจริงๆ ใครจะไปรู้เรื่องที่พวกเจ้าตายกันล่ะ อีกไม่นานโลกก็จะเป็นของข้า โลกที่สงบมันจะไปดีอะไรล่ะ?! โลกที่มีแต่การเข่นฆ่าและล้มตายต่างหากละถึงจะเป็นความสุข!!!” สีหน้าของรองประธานบิดเบี้ยวพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างบ้าคลั่ง เขามันบ้าไปแล้วชัดๆ!

ในหัวใจของหลินหนานและคนอื่นๆต่างก็นึกถึงมู่เทียน คนคนนั้น พวกเขาจะได้เจออีกหรือเปล่านะ?!!!

เมื่อวานมู่เทียนบอกว่ารองประธานท่าทางแปลกมากๆ ทำไมพวกเขาถึงไม่คิดอะไรให้มากกว่านี้นะ? ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้กลัวความตาย แต่พวกเขาก็เพียงแค่อยากที่จะติดตามเขาต่อไปอีกเรื่อยๆ

ในตอนนี้มู่หรงเสวี่ยที่ซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ สีหน้าเริ่มที่จะเปลี่ยน เธอกำลังมองหาโอกาส ด้วยความแข็งแกร่งของเธอในตอนนี้ เธอยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรองประธาน เธอทำได้เพียงแค่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ทันทีที่รองประธานดูผ่อนคลายและยืมหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มู่หรงเสวี่ยก็รวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดและรีบพุ่งไปในตำแหน่งของรองประธานทันที “ฟินิกซ์ออกมา”

มู่หรงเสวี่ยรีบใช้พลังที่แข็งแกร่งของตัวเองทันที เป็นจังหวะของเธอที่จะต้องเอาชนะในช่วงที่เขาไม่ทันตั้งตัว

รองประธานรวบรวมสติทันทีและหันมาเห็นพลังแห่งจิตวิญญาณที่ร้ายกาจกำลังพุ่งตรงมาหาเขา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ในวินาทีสุดท้ายมู่หรงเสวี่ยเห็นท่าทางหวาดกลัวของเขา

เมื่อเห็นว่ารองประธานถูกโจมตีได้ มู่หรงเสวี่ยก็มีความสุขอย่างมาก ตราบใดที่เขาถูกโจมตี เขาก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงแม้เขาจะยังไม่ตายก็ตามเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้ ชัยชนะของเขาก็เริ่มที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นแล้ว

“มู่เทียน!”

“เจ้ามาได้ยังไง…”

หลินหนานแทบจะพูดไม่ออก หัวใจและร่างกายเขารู้สึกท่วมท้นไปหมดซึ่งทำให้ดวงตาของเขาแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ทั้งหมดนี้ไม่มีคำพูดใดจะบรรยายออกมาได้เลย

นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมารู้สึกอะไรแบบนี้ มู่หรงเสวี่ยยังไม่สบายใจ ยังไงซะรองประธานก็อยู่ในระดับสูงสุดของระดับสีม่วงซึ่งแข็งแกร่งกว่าในระดับขั้นต้นของระดับสีม่วงอย่างเธออยู่นิดหน่อย สายตาของเธอยังจ้องตรงไปจุดที่พลังแห่งจิตวิญญาณเพิ่งจะปะทะเมื่อกี้

เมื่อควันที่เกิดจากการปะทะค่อยๆจางหายไป ก็น่าแปลกใจมากที่ได้เห็นร่างของรองประธานที่กำลังนอนกองอยู่ที่พื้นด้วยท่าทางทรุดโทรมอย่างมากและพวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที

อย่างไรก็ตามเพียงเสี้ยววินาทีต่อมา ร่างที่นอนอยู่ที่พื้นก็ค่อยๆลุกขึ้นมา หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆได้เห็นรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของเขาชัดๆ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะพะอืดพะอมขึ้นมา น่าขยะแขยงจริงๆ…

ครึ่งหนึ่งของหน้ารองประธานถูกระเบิดจนดำมืด ส่วนอีกครึ่งหน้าก็มีหนอนสีขาวที่กำลังชอนไชออกมาจากหน้าของเขาซึ่งทำให้มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆรู้สึกหนาวยะเยือก

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” รองประธานหัวเราะแปลกๆออกมา

หลินหนานและคนอื่นๆไม่กล้าที่จะรู้สึกผ่อนคลาย และรีบเข้ามาขวางด้านหน้ามู่เทียนไว้ทันที

“มู่เทียน เจ้ารีบไปเดี๋ยวนี้เลย!” หลินหนานพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ

เขามีลางสังหรณ์ที่แรงมากว่ารองประธานที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาจะยิ่งร้ายกาจยิ่งกว่าเดิมอีก ดวงตาของเขาไร้ซึ่งแสงและรอบๆตัวก็เต็มไปด้วยชั้นของควันสีดำอีกครั้ง เขารู้สึกว่ารองประธานที่อยู่เบื้องหน้าเขาไม่ใช่คนด้วยซ้ำ

จ้าวฉีและคนอื่นๆไม่ได้คัดค้านคำพูดของหลินหนาน พวกเขาต่างก็ยืนคุ้มกันมู่เทียนไว้เบื้องหลังและตั้งใจที่จะใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อที่จะถ่วงเวลาให้มู่เทียนได้หนี

มู่หรงเสวี่ยผลักคนอื่นๆไปอยู่ด้านข้างและเริ่มรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณอีกครั้ง หลังการโจมตีเมื่อกี้ พลังแห่งจิตวิญญาณของเธอเริ่มที่จะเหือดแห้งแต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าครั้งแรกที่เธอเป็นลมมาก ถึงจะเป็นอย่างงั้นแต่เธอก็จะทิ้งเพื่อนแล้วหนีไปไม่ได้หรอก

“มู่เทียน! อย่าหัวรั้นสิ ไปเถอะ พวกเราขอร้องล่ะ” น้ำเสียงของหลินหนานพูดอย่างอ้อนวอน!

“ฮ่าฮ่า! เจ้าทำให้ข้าโมโห อย่าคิดที่จะหนีไปได้เลย…” รองประธานเริ่มที่จะส่งหมอกหนาสีดำออกมา หมอกสีดำก่อตัวเป็นกลุ่มและเริ่มที่จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆพร้อมทั้งล้อมรอบอยู่รอบตัวเขาไปด้วยพร้อมๆกัน

“อย่าพูดไร้สาระ! ข้ายอมตายพร้อมกับเพื่อนๆดีกว่าใช้ชีวิตอยู่อย่างว่างเปล่า” มู่เทียนไม่ได้พูดเสียงดังแต่กลับเป็นน้ำเสียงที่เย็นชาดังออกมาแทนแต่กลับทำให้หัวใจของหลินหนานและคนอื่นๆสั่นไหวได้เลยพร้อมด้วยเลือดที่พลุ่งพล่านที่ปะทุขึ้นมา!

“ดี! งั้นก็ไปด้วยกันเลย” พวกเขาไม่ได้โน้มน้าวให้มู่เทียนหนีไปแล้วแต่กลับมายืนเคียงข้างกันแทน!

“ฟินิกซ์เพลิง!” มู่หรงเสวี่ยรีบร้องออกมา

“เสือขาวทยานขึ้นท้องฟ้า!”

“…”

ทุกคนต่างก็รวมตัวเข้าด้วยกันและใช้ทักษะต่างๆเพื่อโจมตีอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไรก็ตามการโจมตีทั้งหมดดูเหมือนจะพลาดเป้าและไม่เกิดผลอะไรขึ้นเลย

“ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า!”

“ไปลงนรกซะเถอะ! เจ้าพวกไร้ประโยชน์”

หมอกหนาสีดำล้อมรอบมู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆไว้ หมอกสีดำส่งกลิ่นเหม็นน่ารังเกียจและล้อมรอบทุกอย่างไว้คนหมด

มู่หรงรู้สึกใจคอไม่ดีจึงร้องตะโกนออกไป “หลินหนาน จ้าวฉี!”

“พวกเราอยู่นี่!”

มู่หรงเสวี่ยเดินตามเสียงและมองไปรอบๆ

“มู่เทียน!”

“จับมือข้าไว้!” มู่หรงเสวี่ยร้องออกไป

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ลงไปในหน้าผาแล้วเป็นอาหารให้เจ้านายของข้าซะเถอะ!”

หมอกสีดำพร้อมด้วยแรกผลักขนาดใหญ่ผลักให้ มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆตกลงไปที่หน้าผา

มู่หรงเสวี่ยที่พลังแห่งจิตวิญญาณเริ่มที่จะอ่อนแรงมากแล้วจึงทำอะไรไม่ได้เลย เขาล่าถอยไปอย่างควบคุมไม่ได้ อีกมือก็ทำได้เพียงจับหลินหนานและคนอื่นๆไว้แน่น “จับข้าไว้ อย่าปล่อยนะ!” มู่หรงเสวี่ยสั่ง

“ได้!” หลินหนานตอบ

เพราะเป็นเพื่อนกันมานานจึงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

มู่เทียนมีมิติลับ พวกเขายังมีเครื่องมือชิ้นสุดท้ายอยู่ วินาทีที่พวกเขาตกลงไปที่หน้าผาก็แวบเข้าไปในมิติลับ!

อย่างไรก็ตาม หมอกดำดูเหมือนจะมีพิษ พวกเขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มที่จะแข็งขึ้นมาเล็กน้อย มู่หรงเสวี่ยเองก็เหมือนกัน ร่างกายของพวกเขาดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากหมอกดำและตกลงมาเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

“ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า!”

ที่ด้านบนของหน้าผา พวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะแปลกๆอย่างบ้าคลั่งของรองประธาน

“อย่าหลับนะ ลืมตาไว้! จับมือข้าไว้แน่นๆ” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกว่าร่างกายของเธอเริ่มที่จะแข็งและสติก็เริ่มที่จะเลือนรางขึ้นเรื่อยๆ

มือของหลินหนานที่จับอยู่เริ่มที่จะหลวมขึ้นเล็กน้อย

มู่หรงเกิดความคิด พวกเธอตกลงไปในมิติลับทันที เดินทีเธออยากที่จะรอจนกระทั่งตกลงไปถึงพื้นก่อนเพื่อที่อย่างน้อยจะได้เห็นว่าข้างล่างสุดมีอะไรอยู่ ถ้าเธอเข้าไปในมิติลับในระหว่างที่กำลังตก พวกเธอก็จะต้องลงไปในจังหวะที่กำลังตกเหมือนอย่างตอนนี้

อย่างไรก็ตาม หลินหนานจับต่อไม่ไหวแล้ว เพื่อเห็นแก่ความปลอดภัย มู่หรงเสวี่ยจึงต้องเข้ามาก่อน

เมื่อมองขึ้นไปที่รองประธานที่หน้าผา เสียงหัวเราะก็หยุดลงทันที “อะไรเนี่ย?!!”

เขารีบขยี้ดวงตาตัวเองทันที “แปลกจัง!”

อย่างไรก็ตามรองประธานไม่ได้คิดอะไรมาก ผิวหนังที่ใบหน้าของเขางอกกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง เขาหยิบผ้าคลุมสีขาวออกมาและกลายเป็นรองประธานของสำนักที่เป็นมิตรคนเดิม

มู่หรงเสวี่ยเข้าไปในมิติลับโดยเกือบที่จะสลบหมดสติไปแล้ว

หลินหนานและคนอื่นๆเองต่างก็ตกลงมาที่พื้นเช่นกัน เจ้าลูกบอลสีขาวกระโดดลุกขึ้นตื่นทันที

มันเห็นผิวของมู่หรงและคนอื่นๆที่เริ่มจะกลายเป็นสีดำ เสี่ยวไป๋ไม่มีกะจิตกะใจจะตรวจหลินหนานและคนอื่นๆ ไม่มีใครเทียบได้กับมู่หรง

มันรีบจี้หลายครั้งไปที่มู่หรงเสวี่ยแต่ความเร็วในการกระจายตัวของจุดสีดำก็ไม่ได้ลดลงเลย มันรีบวิ่งเข้าไปในหอคอยเก้าชั้น หยิบยาถอนพิษออกมาและกรอกเข้าไปในปากของ มู่หรงเสวี่ยทันที

“อย่าหลับนะ! ฟื้นสิ” เสียงของเสี่ยวไป๋เริ่มที่จะสั่น!

ยาถอนพิษไม่ได้ผล เสี่ยวไป๋มองร่างทั้งร่างของ มู่หรงเสวี่ยที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำและกลุ่มควันสีดำที่เปล่งแสงแปลกๆออกมา

จบแล้ว!

เสี่ยวไป๋นั่งลงที่พื้นด้วยท่าทางหมดหวัง!!!

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+