ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 318 ถ้าเจ้าชอบ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 318 ถ้าเจ้าชอบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 318
ถ้าเจ้าชอบ

มู่หรงที่กำลังหลับ จู่ๆก็ได้ยินเสียงที่ด้านนอก

“ฝ่าบาท”

“ชูว์ นางอยู่ที่ไหน?”

“แม่นางมู่กำลังหลับอยู่ห้องด้านในค่ะ”

“พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ” หวังฉิงสั่งเสียงเบา

“เจ้าค่ะ”

มู่หรงเสวี่ยค่อยๆรู้สึกได้ว่าหวังฉิงเดินตรงมาที่ข้างเตียงและกำลังจ้องมาที่เธอ

ทนต่อไปไม่ได้แล้ว จู่ๆมู่หรงก็ลืมตาขึ้น “เจ้าไม่รู้หรือไงว่าผู้ชายเขาไม่เข้ามาให้ห้องผู้หญิงแบบนี้หรอก?”

หวังฉิงฟังพร้อมรอยยิ้ม สายตาเจ้าชู้แวบประกายรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าเจ้ากำลังหลับอยู่?”

มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้นนั่ง โชคดีที่เธอเข้านอนด้วยชุดปกติและไม่ได้เปลี่ยนเป็นชุดนอน ในยุคโบราณ ไม่มีความเป็นส่วนตัวและประตูนี่ก็ไม่ปลอดภัยด้วย

“เจ้าต้องการอะไร? นี่เจ้าจะเข้ามาฆ่าข้างั้นเหรอ?” มู่หรงพูดอย่างเย็นชา

“ตราบใดที่เจ้าอยากที่จะหนี มันก็เป็นไปไม่ได้หรอกที่เจ้าจะหนีไปตลอดชีวิต”

ดวงตาของมู่หรงจ้องไปที่เขาอย่างโกรธเกรี้ยว สีหน้าซีดเผือด ลมหายใจเริ่มที่จะหนักหน่วง “เจ้าแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้?! ถึงแม้ข้าจะเกลียดเจ้างั้นเหรอ?”
“การแต่งงานกับข้ามันไม่ดีตรงไหนเหรอ? ข้าไม่ดีพอสำหรับเจ้าหรือไง?” หวังฉิงพูดพร้อมถอนหายใจ

“การที่ขังข้าไว้แบบนี้เหรอที่เจ้าเรียกว่าดี!” ดวงตาที่ดำมืดของมู่หรงจ้องตรงพร้อมด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่พูดออกมาอย่างประชดประชัน

“ไม่ว่าเจ้าจะต้องการอะไร ข้าจะมอบให้ทุกอย่างตราบใดที่เจ้ายอมที่จะอยู่” น้ำเสียงอบอุ่นและดึงดูดของหวังฉิงพูดออกมาอย่างอ่อนโยน

มู่หรงเสวี่ยเหลือบมองไปที่สาวใช้หลายคนที่อยู่ในห้องและนึกถึงเหล่าทหารที่อยู่ชั้นสามและด้านนอกชั้นสามอีก เธอจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ให้คนที่อยู่ข้างนอกทั้งหมดออกไปซะและข้าก็ไม่ต้องการคนมาดูแลด้วย”

“ไม่มีทาง ข้ารับปากเจ้าได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องนี้” หวังฉิงปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

เขารู้ว่ามู่หรงเสวี่ยไม่ชอบเขาเลยสักนิดและเธอก็ไม่สนเรื่องคนพวกนี้ด้วย เมื่อไม่มีเฟิงจือหลิงแล้ว เขาก็ไม่มั่นใจแล้วว่าจะยังเก็บเธอไว้ได้ ดังนั้นถึงแม้เธอจะเกลียดเขา เขาก็ปล่อยให้เธอหนีไปไม่ได้

คิ้วของมู่หรงเสวี่ยพันกันยุ่งและน้ำเสียงที่พูดออกมาก็มีร่องรอยของความอดกลั้น “ข้าอยากจะออกไปเดินข้างนอกหน่อย” อย่างน้อยก็หาโอกาสเพื่อที่จะได้ออกไปข้างนอก

หวังฉิงขมวดคิ้ว ถึงแม้เขาจะรู้จุดประสงค์ของมู่เทียน แต่เธอก็พูดออกมาอย่างเคร่งเครียดจนเขาไม่อยากที่จะทำให้เธอผิดหวัง หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักเขาก็ตอบออกมา “โอเค พรุ่งนี้แล้วกันนะ วันนี้ค่อนข้างที่จะดึกแล้ว”

“นี่ก็เกือบจะ 6 โมงเย็นแล้ว” เธอพยักหน้า

ถึงแม้หวังฉิงจะมีเรื่องหลายอย่างที่ต้องจัดการ แต่เขาก็ยังหาเวลาเพื่อที่จะออกไปข้างนอกกับเธอพรุ่งนี้
“ลุกไปกินข้าวกันเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้ว” หวังฉิงมองไปที่ผมเผ้าที่ดูยุ่งเหยิงของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปและจัดผมให้เธอ

มู่หรงหันหัวหลบเล็กน้อย “ข้าทำเองได้” เธอลุกขึ้นทันทีและเดินไปที่กระจกแต่งตัวที่อยู่ข้างๆ

ในตอนนี้ หนึ่งในสาวใช้ที่อยู่ในห้องก็รีบก้าวมาข้างหน้าทันที “แม่นางมู่ ให้ข้าทำให้เถอะนะเจ้าคะ”

มู่หรงเอียงหัว เห็นสาวใช้ที่อยู่ข้างๆมองด้วยสีหน้ากังวล และสายตาที่คาดหวังซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน

“งั้นก็ทำง่ายๆพอนะ” มู่หรงพูดเสียงเบา

“เจ้าค่ะ” สาวใช้ที่อยู่ข้างๆเธอเผยรอยยิ้มเล็กน้อย

มันง่ายมากที่จะรู้สึกพอใจ ในหัวใจของสาวใช้ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เจ้านายพอใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้ามู่หรงเสวี่ยปฏิเสธ เธอก็กลัวว่าสาวใช้จะเสียใจ
มุ่หรงเสวี่ยเองก็ยอมที่จะเข้าใจ

และหวังฉิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอพร้อมทั้งมองอย่างเงียบๆมาที่เธอ

มู่หรงเสวี่ยมองตัวเองที่อยู่ในกระจกทองแดง เธอมีใบหน้า, ดวงตาและคิ้วที่สวยสมส่วนมาก ผมสีดำที่มีน้ำหนักราวกับสายน้ำตก ดูคุ้นเคยแต่ก็แปลกอยู่นิดหน่อย

มือของสาวใช้คล่องแคล่วอย่างมากพร้อมทั้งม้วนผมให้เธอได้อย่างง่ายดายพร้อมยังติดกิ๊บไข่มุกเพิ่มเข้าไปอีก ยิ่งทำให้ใบหน้าที่สง่างามของมู่หรงยิ่งดูสวยเกินจริงมากขึ้นไปอีก

มู่หรงยิ้ม “ดีมากเลย ฝีมือดีมากเลยนะ”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ เป็นเกียรติของข้าด้วยเจ้าค่ะ” สาวใช้ย่อตัวลงเล็กน้อยพร้อมพูดออกมาอย่างมีความสุข

“ต้องตกรางวัล!” หวังฉิงดีใจมากที่เห็นว่ามู่หรงเสวี่ยพอใจและอยากที่จะตกรางวัลสาวใช้ทันทีจึงเปิดปากพูดออกมา
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะฝ่าบาท แม่นางมู่”

“ไปกันเถอะ” หวังฉิงยื่นมือออกมาและจับไปที่มู่หรงเสวี่ย

มู่หรงตอบออกมาอย่างไม่ไว้หน้า “อย่าแตะตัวข้า”

สีหน้าของหวังฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ

แต่ในหัวใจของเหล่าสาวใช้กลับรู้สึกอกสั่นไปตามๆกัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางได้เห็นว่ามีใครกล้าที่จะขัดคำสั่งองค์ราชา พวกนางต่างก็ก้มหัวและหวังอยากให้ตัวเองตาบอดซะจะได้ไม่เห็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจแบบนี้

เมื่อมู่หรงเสวี่ยและหวังฉิงมาถึงห้องโถง ฝางเสี่ยวโหรวและคนอื่นๆต่างก็นั่งรอกันที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว

“ฝ่าบาท” ฝางเสี่ยวโหรวลุกขึ้นนำเพื่อทำความเคารพตามพิธีก่อนเป็นคนแรก

“ไม่ต้องมากพิธีหรอก ลุกขึ้นเถอะ” หวังฉิงพูดเสียงเรียบ แล้วเขาก็หันหัวกลับมาพูดกับมู่หรงเสวี่ยอย่างอ่อนโยน “มาสิ มานั่งตรงนี้”

ในความคิดของฝางเสี่ยวโหรว มู่หรงก็แค่ดอกไม้ริมทางที่ทำตัวราวกับเป็นดอกไม้งาม ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่นางไม่ใช่ดอกไม้งาม

นางสนมคนอื่นๆลุกขึ้นและต่างก็มองหน้ากันเองอยู่หลายครั้ง สำหรับพวกนางมู่หรงเสวี่ยคือศัตรูที่มาจากข้างนอก

“ฝ่าบาท ดูเหมือนว่าน้องเล็กจะยังไม่รู้เรื่องมารยาทเลยนะคะ เราควรจะหาแม่นมมาให้นางหน่อยหรือเปล่าเจ้าคะ?”

“ไม่ต้อง ใครเป็นคนสั่ง”

“ไม่เหรอเจ้าคะ?! พระราชวังไม่ใช่สถานที่ทั่วไป ถ้าไม่รู้เรื่องมารยาท คนอื่นจะหัวเราะเอาได้นะเจ้าคะ”

“อีกอย่างก็เป็นเรื่องดีที่ควรจะศึกษาไว้ เดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าน้องเล็กมาจากตระกูลไม่มีหัวนอนปลายเท้า”
“…”

มู่หรงเลิกคิ้ว มุมปากเผยรอยยิ้ม สายตามองไปที่ผู้หญิงที่นั่งถัดๆไปที่กำลัง “กัน” เธอออกไป

สีหน้าของหวังฉิงเครียดขึ้นและมองมาที่มู่หรงเสวี่ย “เจ้าคิดว่าไง?” อันที่จริงถ้าเธอจะต้องมาเป็นพระสนมจักรพรรดิ เธอก็จำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องมารยาทไว้บ้าง ไม่งั้นคงเป็นปัญหาแน่ถ้าต้องเข้าไปในวังเพื่อพบกับท่านพ่อ

มู่หรงหันหัวมา “เจ้าว่าไงล่ะ?” สายตาเย็นชาของเธอแวบประกายเย็นชาและมีท่าทีราวกับประชดประชัน

หัวใจของหวังฉิงนึกถึงเรื่องที่เขาบังคับเธอตอนที่อยู่ในเรือน งั้นก็ยังมีเวลาอีกมากไม่จำเป็นที่จะต้องรีบเร่งอะไร

“งั้น กินข้าวกันเถอะ แล้วไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก” หวังฉิงพูดอย่างเย็นชา
เหล่านางสนมต่างก็เงียบกันทันทีและตอบกลับมาว่า “เพค่ะฝ่าบาท” แล้วต่างก็มองมาที่สายตาของมู่หรงเสวี่ยอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร

ฝางเสี่ยวโหรวไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบเพราะเธอได้รู้เรื่องความสำคัญของมู่เทียนในหัวใจขององค์ราชาแล้ว แล้วเธอจะยอมให้ตัวเองพูดอะไรที่ฝ่าบาทไม่พอใจได้ยังไง

“น้องเล็ก หูฉลามนี่อร่อยมากเลยนะ กินเยอะๆนะ” ฝางเสี่ยวโหรววางตะเกียบลงที่ถ้วยของมู่หรงเสวี่ย

“ขอบคุณ” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

แน่นอนว่าหวังฉิงมองมาที่ฝางเสี่ยวโหรวด้วยสายตาพอใจ

ฝางเสี่ยวโหรวทำท่าทางเอียงอายราวกับว่าเขินอยู่เล็กๆ ในสายตาของผู้ชายก็เพียงแค่ต้องทำตัวอ่อนโยนเท่านั้น

เดิมทีหวังฉิงก็ประทับในเธอมากกว่าผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังไม่เจอมู่หรงเสวี่ย เขามักจะนึกถึงฝางเสี่ยวโหรวในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งเสมอ ไม่ใช่เพราะเขาชอบเธอแต่เพราะเธอรู้ว่าเมื่อไรที่ต้องลุกและเมื่อไรที่ต้องถอย เธอมักจะทำอะไรที่สอดคล้องกับความต้องการเขาเสมอ

ในทางตรงกันข้าม มู่หรงเสวี่ยคือผู้หญิงที่ทำให้เขาปวดหัวแต่เขาก็อดไม่ได้ ผู้หญิงที่ทำให้เขาอยากจะตายกลับเป็นคนที่เขารัก

“กินเยอะๆนะ” หวังฉิงเอาแต่ตักอาหารให้มู่หรงเสวี่ย

“ไม่ต้อง ข้าทำเองได้” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

เมื่อเธอเห็นว่าองค์ราชาปฏิบัติกับมู่หรงเสวี่ยด้วยท่าทางทีอ่อนโยนแบบนี้ ฝางเสี่ยวโหรวที่สาปแช่งนางนับครั้งไม่ถ้วนก็อดไม่ได้ที่จะมองนางด้วยสายตาอิจฉา

ถึงแม้เธอรู้อย่างชัดเจนว่าฝ่าบาทไม่ได้เป็นของผู้หญิงคนไหนก็ตาม ในสายตาของฝ่าบาท ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด ไม่มีใครพิเศษ แต่เธอไม่เคยรู้สึกอิจฉาใครเท่ากับที่อิจฉานางอยู่ตอนนี้เลย
แน่นอนว่ามู่หรงเสวี่ยรู้ว่าฝางเสี่ยวโหรวกำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้มีเจตนาที่จะแข่งอะไรกับนางเพื่อที่จะแย่งผู้ชายและจะไม่อยู่ที่นี่นานด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่อยากเสียเวลาที่จะอธิบายอะไรกับนาง สักวันนางก็จะเข้าใจเองว่าเธอไม่ใช่คู่แข่งอะไรของนาง

หลังจากที่กินอาหารเสร็จ หวังฉิงก็เดินมาส่งมู่หรงเสวี่ยที่เรือนหิมะ จนกระทั่งเขาเดินเข้าประตูไปตามเธอมาด้วย

มู่หรงตกใจ “นี่มันก็ดึกแล้ว ทำไมเจ้ายังไม่กลับอีก” เธอมองเขาด้วยสายตาตั้งรับเล็กน้อย

หวังฉิงยิ้มอย่างขมขื่น ท่าทางของเธอนี่มันอะไรกัน คิดว่าเขาเป็นพวกชอบบังคับใจใครหรือไง?!

“เจ้าเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปข้างนอก” หวังฉิงบีบจมูกมู่หรงและพูดอย่างอ่อนโยน

มู่หรงปัดมือเขาออกและตอบเสียงเรียบ “ได้”
“ดูแลแม่นางมู่ให้ดีล่ะ” หวังฉิงพูดอย่างเย็นชากับสาวใช้ที่ยืนอยู่ในห้อง

หลังจากที่หวังฉิงไปแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกโล่งอก

“พวกเจ้าก็ลุกขึ้นได้แล้ว” มู่หรงออกคำสั่งเสียงเรียบ

แล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้อง เธอไม่สามารถต้านทานความกระตือรือร้นของมู่หรงได้เลย

วันต่อมา มู่หรงเสวี่ยตื่นแต่เช้าพร้อมรับการดูแลจากเหล่าสาวใช้ ทันทีที่เดินออกมาจากห้องด้านใน เธอก็เห็น หวังฉิงรออยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว เขาสวมเสื้อคลุมสีฟ้าสดใส ริมฝีปากเผยรอยยิ้มราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ พร้อมด้วยดวงตาสีดำเงาคู่นั่นที่เปล่งประกายชัดเจน

“ไปกันเถอะ ข้างนอกอาหารเช้าอร่อยมากเลยนะ มีร้านหนึ่งที่ทำอาหารเช้าได้อร่อยมากเลย” หวังฉิงพูดอย่างอ่อนโยน
สีหน้าของมู่หรงสะดุดแล้วก็ดูเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่างแล้วริมฝีปากบางก็ยกขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนแต่ก็ยังดูเซ็กซี่ด้วย “ไปสิ ข้าไม่ได้ผ่อนคลายมานานมากแล้ว”

หวังฉิงรู้สึกพอใจอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เทียนพูดกับเขาอย่างอ่อนโยนขนาดนี้ ชั่วขณะหนึ่งสมองส่วนเหตุผลของเขาก็เหมือนกับจะจมอยู่กับหัวใจที่เปี่ยมสุข

“งั้นเวลาที่ข้าว่างเราออกไปข้างนอกกันไหม?” ดวงตาของหวังฉิงยิ่งยิ้มมากขึ้นกว่าเดิมอีก ตราบใดที่เธอมีความสุข อย่าว่าแต่ครั้งเดียวเลย ต่อให้เขาต้องไปกับเธออีกเป็น 100 ครั้งเขาก็ยอม

“เจ้ายุ่งจะตาย ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ว่างหรอก” ใบหน้าที่สวยงามของมู่หรงทำสีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย

หวังฉิงอดไม่ได้ที่จะจับมือเธอ “รู้ไหม ตราบใดที่เจ้าต้องการ ข้าก็จะพาเจ้าออกไปเดินเที่ยวทุกวันเลย”

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกตกใจกับสายตาที่แสดงถึงความรักอย่างสุดซึ้งของเขา

มือที่กำลังจับรู้สึกอึดอัดอย่างมาก เธอพยายามข่มใจไม่สลัดมือเขาออกพร้อมทั้งส่งยิ้มจางๆอย่างไม่เต็มใจเท่าไร “ไปกันเถอะ” แล้วก็ค่อยๆดึงมือออกและแกล้งทำเป็นเอามือมาจับผม

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 318 ถ้าเจ้าชอบ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 318 ถ้าเจ้าชอบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 318
ถ้าเจ้าชอบ

มู่หรงที่กำลังหลับ จู่ๆก็ได้ยินเสียงที่ด้านนอก

“ฝ่าบาท”

“ชูว์ นางอยู่ที่ไหน?”

“แม่นางมู่กำลังหลับอยู่ห้องด้านในค่ะ”

“พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ” หวังฉิงสั่งเสียงเบา

“เจ้าค่ะ”

มู่หรงเสวี่ยค่อยๆรู้สึกได้ว่าหวังฉิงเดินตรงมาที่ข้างเตียงและกำลังจ้องมาที่เธอ

ทนต่อไปไม่ได้แล้ว จู่ๆมู่หรงก็ลืมตาขึ้น “เจ้าไม่รู้หรือไงว่าผู้ชายเขาไม่เข้ามาให้ห้องผู้หญิงแบบนี้หรอก?”

หวังฉิงฟังพร้อมรอยยิ้ม สายตาเจ้าชู้แวบประกายรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าเจ้ากำลังหลับอยู่?”

มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้นนั่ง โชคดีที่เธอเข้านอนด้วยชุดปกติและไม่ได้เปลี่ยนเป็นชุดนอน ในยุคโบราณ ไม่มีความเป็นส่วนตัวและประตูนี่ก็ไม่ปลอดภัยด้วย

“เจ้าต้องการอะไร? นี่เจ้าจะเข้ามาฆ่าข้างั้นเหรอ?” มู่หรงพูดอย่างเย็นชา

“ตราบใดที่เจ้าอยากที่จะหนี มันก็เป็นไปไม่ได้หรอกที่เจ้าจะหนีไปตลอดชีวิต”

ดวงตาของมู่หรงจ้องไปที่เขาอย่างโกรธเกรี้ยว สีหน้าซีดเผือด ลมหายใจเริ่มที่จะหนักหน่วง “เจ้าแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้?! ถึงแม้ข้าจะเกลียดเจ้างั้นเหรอ?”
“การแต่งงานกับข้ามันไม่ดีตรงไหนเหรอ? ข้าไม่ดีพอสำหรับเจ้าหรือไง?” หวังฉิงพูดพร้อมถอนหายใจ

“การที่ขังข้าไว้แบบนี้เหรอที่เจ้าเรียกว่าดี!” ดวงตาที่ดำมืดของมู่หรงจ้องตรงพร้อมด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่พูดออกมาอย่างประชดประชัน

“ไม่ว่าเจ้าจะต้องการอะไร ข้าจะมอบให้ทุกอย่างตราบใดที่เจ้ายอมที่จะอยู่” น้ำเสียงอบอุ่นและดึงดูดของหวังฉิงพูดออกมาอย่างอ่อนโยน

มู่หรงเสวี่ยเหลือบมองไปที่สาวใช้หลายคนที่อยู่ในห้องและนึกถึงเหล่าทหารที่อยู่ชั้นสามและด้านนอกชั้นสามอีก เธอจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ให้คนที่อยู่ข้างนอกทั้งหมดออกไปซะและข้าก็ไม่ต้องการคนมาดูแลด้วย”

“ไม่มีทาง ข้ารับปากเจ้าได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องนี้” หวังฉิงปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

เขารู้ว่ามู่หรงเสวี่ยไม่ชอบเขาเลยสักนิดและเธอก็ไม่สนเรื่องคนพวกนี้ด้วย เมื่อไม่มีเฟิงจือหลิงแล้ว เขาก็ไม่มั่นใจแล้วว่าจะยังเก็บเธอไว้ได้ ดังนั้นถึงแม้เธอจะเกลียดเขา เขาก็ปล่อยให้เธอหนีไปไม่ได้

คิ้วของมู่หรงเสวี่ยพันกันยุ่งและน้ำเสียงที่พูดออกมาก็มีร่องรอยของความอดกลั้น “ข้าอยากจะออกไปเดินข้างนอกหน่อย” อย่างน้อยก็หาโอกาสเพื่อที่จะได้ออกไปข้างนอก

หวังฉิงขมวดคิ้ว ถึงแม้เขาจะรู้จุดประสงค์ของมู่เทียน แต่เธอก็พูดออกมาอย่างเคร่งเครียดจนเขาไม่อยากที่จะทำให้เธอผิดหวัง หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักเขาก็ตอบออกมา “โอเค พรุ่งนี้แล้วกันนะ วันนี้ค่อนข้างที่จะดึกแล้ว”

“นี่ก็เกือบจะ 6 โมงเย็นแล้ว” เธอพยักหน้า

ถึงแม้หวังฉิงจะมีเรื่องหลายอย่างที่ต้องจัดการ แต่เขาก็ยังหาเวลาเพื่อที่จะออกไปข้างนอกกับเธอพรุ่งนี้
“ลุกไปกินข้าวกันเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้ว” หวังฉิงมองไปที่ผมเผ้าที่ดูยุ่งเหยิงของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปและจัดผมให้เธอ

มู่หรงหันหัวหลบเล็กน้อย “ข้าทำเองได้” เธอลุกขึ้นทันทีและเดินไปที่กระจกแต่งตัวที่อยู่ข้างๆ

ในตอนนี้ หนึ่งในสาวใช้ที่อยู่ในห้องก็รีบก้าวมาข้างหน้าทันที “แม่นางมู่ ให้ข้าทำให้เถอะนะเจ้าคะ”

มู่หรงเอียงหัว เห็นสาวใช้ที่อยู่ข้างๆมองด้วยสีหน้ากังวล และสายตาที่คาดหวังซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน

“งั้นก็ทำง่ายๆพอนะ” มู่หรงพูดเสียงเบา

“เจ้าค่ะ” สาวใช้ที่อยู่ข้างๆเธอเผยรอยยิ้มเล็กน้อย

มันง่ายมากที่จะรู้สึกพอใจ ในหัวใจของสาวใช้ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เจ้านายพอใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้ามู่หรงเสวี่ยปฏิเสธ เธอก็กลัวว่าสาวใช้จะเสียใจ
มุ่หรงเสวี่ยเองก็ยอมที่จะเข้าใจ

และหวังฉิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอพร้อมทั้งมองอย่างเงียบๆมาที่เธอ

มู่หรงเสวี่ยมองตัวเองที่อยู่ในกระจกทองแดง เธอมีใบหน้า, ดวงตาและคิ้วที่สวยสมส่วนมาก ผมสีดำที่มีน้ำหนักราวกับสายน้ำตก ดูคุ้นเคยแต่ก็แปลกอยู่นิดหน่อย

มือของสาวใช้คล่องแคล่วอย่างมากพร้อมทั้งม้วนผมให้เธอได้อย่างง่ายดายพร้อมยังติดกิ๊บไข่มุกเพิ่มเข้าไปอีก ยิ่งทำให้ใบหน้าที่สง่างามของมู่หรงยิ่งดูสวยเกินจริงมากขึ้นไปอีก

มู่หรงยิ้ม “ดีมากเลย ฝีมือดีมากเลยนะ”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ เป็นเกียรติของข้าด้วยเจ้าค่ะ” สาวใช้ย่อตัวลงเล็กน้อยพร้อมพูดออกมาอย่างมีความสุข

“ต้องตกรางวัล!” หวังฉิงดีใจมากที่เห็นว่ามู่หรงเสวี่ยพอใจและอยากที่จะตกรางวัลสาวใช้ทันทีจึงเปิดปากพูดออกมา
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะฝ่าบาท แม่นางมู่”

“ไปกันเถอะ” หวังฉิงยื่นมือออกมาและจับไปที่มู่หรงเสวี่ย

มู่หรงตอบออกมาอย่างไม่ไว้หน้า “อย่าแตะตัวข้า”

สีหน้าของหวังฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ

แต่ในหัวใจของเหล่าสาวใช้กลับรู้สึกอกสั่นไปตามๆกัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางได้เห็นว่ามีใครกล้าที่จะขัดคำสั่งองค์ราชา พวกนางต่างก็ก้มหัวและหวังอยากให้ตัวเองตาบอดซะจะได้ไม่เห็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจแบบนี้

เมื่อมู่หรงเสวี่ยและหวังฉิงมาถึงห้องโถง ฝางเสี่ยวโหรวและคนอื่นๆต่างก็นั่งรอกันที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว

“ฝ่าบาท” ฝางเสี่ยวโหรวลุกขึ้นนำเพื่อทำความเคารพตามพิธีก่อนเป็นคนแรก

“ไม่ต้องมากพิธีหรอก ลุกขึ้นเถอะ” หวังฉิงพูดเสียงเรียบ แล้วเขาก็หันหัวกลับมาพูดกับมู่หรงเสวี่ยอย่างอ่อนโยน “มาสิ มานั่งตรงนี้”

ในความคิดของฝางเสี่ยวโหรว มู่หรงก็แค่ดอกไม้ริมทางที่ทำตัวราวกับเป็นดอกไม้งาม ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่นางไม่ใช่ดอกไม้งาม

นางสนมคนอื่นๆลุกขึ้นและต่างก็มองหน้ากันเองอยู่หลายครั้ง สำหรับพวกนางมู่หรงเสวี่ยคือศัตรูที่มาจากข้างนอก

“ฝ่าบาท ดูเหมือนว่าน้องเล็กจะยังไม่รู้เรื่องมารยาทเลยนะคะ เราควรจะหาแม่นมมาให้นางหน่อยหรือเปล่าเจ้าคะ?”

“ไม่ต้อง ใครเป็นคนสั่ง”

“ไม่เหรอเจ้าคะ?! พระราชวังไม่ใช่สถานที่ทั่วไป ถ้าไม่รู้เรื่องมารยาท คนอื่นจะหัวเราะเอาได้นะเจ้าคะ”

“อีกอย่างก็เป็นเรื่องดีที่ควรจะศึกษาไว้ เดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าน้องเล็กมาจากตระกูลไม่มีหัวนอนปลายเท้า”
“…”

มู่หรงเลิกคิ้ว มุมปากเผยรอยยิ้ม สายตามองไปที่ผู้หญิงที่นั่งถัดๆไปที่กำลัง “กัน” เธอออกไป

สีหน้าของหวังฉิงเครียดขึ้นและมองมาที่มู่หรงเสวี่ย “เจ้าคิดว่าไง?” อันที่จริงถ้าเธอจะต้องมาเป็นพระสนมจักรพรรดิ เธอก็จำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องมารยาทไว้บ้าง ไม่งั้นคงเป็นปัญหาแน่ถ้าต้องเข้าไปในวังเพื่อพบกับท่านพ่อ

มู่หรงหันหัวมา “เจ้าว่าไงล่ะ?” สายตาเย็นชาของเธอแวบประกายเย็นชาและมีท่าทีราวกับประชดประชัน

หัวใจของหวังฉิงนึกถึงเรื่องที่เขาบังคับเธอตอนที่อยู่ในเรือน งั้นก็ยังมีเวลาอีกมากไม่จำเป็นที่จะต้องรีบเร่งอะไร

“งั้น กินข้าวกันเถอะ แล้วไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก” หวังฉิงพูดอย่างเย็นชา
เหล่านางสนมต่างก็เงียบกันทันทีและตอบกลับมาว่า “เพค่ะฝ่าบาท” แล้วต่างก็มองมาที่สายตาของมู่หรงเสวี่ยอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร

ฝางเสี่ยวโหรวไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบเพราะเธอได้รู้เรื่องความสำคัญของมู่เทียนในหัวใจขององค์ราชาแล้ว แล้วเธอจะยอมให้ตัวเองพูดอะไรที่ฝ่าบาทไม่พอใจได้ยังไง

“น้องเล็ก หูฉลามนี่อร่อยมากเลยนะ กินเยอะๆนะ” ฝางเสี่ยวโหรววางตะเกียบลงที่ถ้วยของมู่หรงเสวี่ย

“ขอบคุณ” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

แน่นอนว่าหวังฉิงมองมาที่ฝางเสี่ยวโหรวด้วยสายตาพอใจ

ฝางเสี่ยวโหรวทำท่าทางเอียงอายราวกับว่าเขินอยู่เล็กๆ ในสายตาของผู้ชายก็เพียงแค่ต้องทำตัวอ่อนโยนเท่านั้น

เดิมทีหวังฉิงก็ประทับในเธอมากกว่าผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังไม่เจอมู่หรงเสวี่ย เขามักจะนึกถึงฝางเสี่ยวโหรวในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งเสมอ ไม่ใช่เพราะเขาชอบเธอแต่เพราะเธอรู้ว่าเมื่อไรที่ต้องลุกและเมื่อไรที่ต้องถอย เธอมักจะทำอะไรที่สอดคล้องกับความต้องการเขาเสมอ

ในทางตรงกันข้าม มู่หรงเสวี่ยคือผู้หญิงที่ทำให้เขาปวดหัวแต่เขาก็อดไม่ได้ ผู้หญิงที่ทำให้เขาอยากจะตายกลับเป็นคนที่เขารัก

“กินเยอะๆนะ” หวังฉิงเอาแต่ตักอาหารให้มู่หรงเสวี่ย

“ไม่ต้อง ข้าทำเองได้” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

เมื่อเธอเห็นว่าองค์ราชาปฏิบัติกับมู่หรงเสวี่ยด้วยท่าทางทีอ่อนโยนแบบนี้ ฝางเสี่ยวโหรวที่สาปแช่งนางนับครั้งไม่ถ้วนก็อดไม่ได้ที่จะมองนางด้วยสายตาอิจฉา

ถึงแม้เธอรู้อย่างชัดเจนว่าฝ่าบาทไม่ได้เป็นของผู้หญิงคนไหนก็ตาม ในสายตาของฝ่าบาท ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด ไม่มีใครพิเศษ แต่เธอไม่เคยรู้สึกอิจฉาใครเท่ากับที่อิจฉานางอยู่ตอนนี้เลย
แน่นอนว่ามู่หรงเสวี่ยรู้ว่าฝางเสี่ยวโหรวกำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้มีเจตนาที่จะแข่งอะไรกับนางเพื่อที่จะแย่งผู้ชายและจะไม่อยู่ที่นี่นานด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่อยากเสียเวลาที่จะอธิบายอะไรกับนาง สักวันนางก็จะเข้าใจเองว่าเธอไม่ใช่คู่แข่งอะไรของนาง

หลังจากที่กินอาหารเสร็จ หวังฉิงก็เดินมาส่งมู่หรงเสวี่ยที่เรือนหิมะ จนกระทั่งเขาเดินเข้าประตูไปตามเธอมาด้วย

มู่หรงตกใจ “นี่มันก็ดึกแล้ว ทำไมเจ้ายังไม่กลับอีก” เธอมองเขาด้วยสายตาตั้งรับเล็กน้อย

หวังฉิงยิ้มอย่างขมขื่น ท่าทางของเธอนี่มันอะไรกัน คิดว่าเขาเป็นพวกชอบบังคับใจใครหรือไง?!

“เจ้าเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปข้างนอก” หวังฉิงบีบจมูกมู่หรงและพูดอย่างอ่อนโยน

มู่หรงปัดมือเขาออกและตอบเสียงเรียบ “ได้”
“ดูแลแม่นางมู่ให้ดีล่ะ” หวังฉิงพูดอย่างเย็นชากับสาวใช้ที่ยืนอยู่ในห้อง

หลังจากที่หวังฉิงไปแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกโล่งอก

“พวกเจ้าก็ลุกขึ้นได้แล้ว” มู่หรงออกคำสั่งเสียงเรียบ

แล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้อง เธอไม่สามารถต้านทานความกระตือรือร้นของมู่หรงได้เลย

วันต่อมา มู่หรงเสวี่ยตื่นแต่เช้าพร้อมรับการดูแลจากเหล่าสาวใช้ ทันทีที่เดินออกมาจากห้องด้านใน เธอก็เห็น หวังฉิงรออยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว เขาสวมเสื้อคลุมสีฟ้าสดใส ริมฝีปากเผยรอยยิ้มราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ พร้อมด้วยดวงตาสีดำเงาคู่นั่นที่เปล่งประกายชัดเจน

“ไปกันเถอะ ข้างนอกอาหารเช้าอร่อยมากเลยนะ มีร้านหนึ่งที่ทำอาหารเช้าได้อร่อยมากเลย” หวังฉิงพูดอย่างอ่อนโยน
สีหน้าของมู่หรงสะดุดแล้วก็ดูเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่างแล้วริมฝีปากบางก็ยกขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนแต่ก็ยังดูเซ็กซี่ด้วย “ไปสิ ข้าไม่ได้ผ่อนคลายมานานมากแล้ว”

หวังฉิงรู้สึกพอใจอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เทียนพูดกับเขาอย่างอ่อนโยนขนาดนี้ ชั่วขณะหนึ่งสมองส่วนเหตุผลของเขาก็เหมือนกับจะจมอยู่กับหัวใจที่เปี่ยมสุข

“งั้นเวลาที่ข้าว่างเราออกไปข้างนอกกันไหม?” ดวงตาของหวังฉิงยิ่งยิ้มมากขึ้นกว่าเดิมอีก ตราบใดที่เธอมีความสุข อย่าว่าแต่ครั้งเดียวเลย ต่อให้เขาต้องไปกับเธออีกเป็น 100 ครั้งเขาก็ยอม

“เจ้ายุ่งจะตาย ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ว่างหรอก” ใบหน้าที่สวยงามของมู่หรงทำสีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย

หวังฉิงอดไม่ได้ที่จะจับมือเธอ “รู้ไหม ตราบใดที่เจ้าต้องการ ข้าก็จะพาเจ้าออกไปเดินเที่ยวทุกวันเลย”

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกตกใจกับสายตาที่แสดงถึงความรักอย่างสุดซึ้งของเขา

มือที่กำลังจับรู้สึกอึดอัดอย่างมาก เธอพยายามข่มใจไม่สลัดมือเขาออกพร้อมทั้งส่งยิ้มจางๆอย่างไม่เต็มใจเท่าไร “ไปกันเถอะ” แล้วก็ค่อยๆดึงมือออกและแกล้งทำเป็นเอามือมาจับผม

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+