ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 319 ความหลงใหล

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 319 ความหลงใหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 319
ความหลงใหล

“ไปกันเถอะ” หวังฉิงพูดพร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่มุมปาก

มู่หรงหันหัวมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน

ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเธอจะต้องมีแผนอะไรแน่ๆ แต่หวังฉิงก็ยังต้านทานความอ่อนหวานที่หาได้ยากของมู่เทียนไม่ได้อยู่ดี

ดวงตาที่ลึกล้ำราวสายน้ำกะพริบไปที่มู่เทียน กลัวว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงภาพลวงตา

เพราะพระราชวงศ์ฉิงอยู่ไม่ห่างจากศูนย์กลางของเมืองหลวง เพียงแค่เดินผ่านถนนที่พลุกพล่านของเมืองก็ถึงแล้ว ดังนั้นหวังฉิงจึงไม่ได้เตรียมรถม้าและสวมเพียงชุดธรรมดาเพื่อปลอมตัว และออกมากลับมู่เทียนเท่านั้น
แน่นอนว่าที่อยู่ข้างหลังพวกเขาคือทหารชุดดำที่มีทักษะการต่อสู้ชั้นยอด นอกจากนี้ก็เพื่อป้องกันเรื่องที่หวังฉิงเป็นห่วงด้วยคือมู่เทียนจะใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะหลบหนี

ตั้งแต่ที่มู่หรงเสวี่ยมาถึงดินแดนแห่งไฟเธอก็ยังไม่ได้เห็นบ้านเมืองของที่นี่เลย เธอมองไปรอบๆด้วยความสงสัย ส่วนใหญ่การแต่งกายของคนที่นี่ก็จะคล้ายๆกับที่เมืองหิมะ ไม่ต่างอะไรกันมาก เธอมองไปที่ชุดที่เธอกำลังสวมอยู่ซึ่งเห็นได้ชัดว่าต่างจากชุดของผู้คนตามท้องถนนที่เปิดเผยให้เห็นแขนและขาด้วย

“ทำไมชุดที่เตรียมให้ข้าถึงแตกต่างจากของพวกเขาล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างสงสัย

ดวงตาที่ดำขลับของหวังฉิงเปล่งประกายราวกับอัญมณี “ นั่นเป็นชุดของชาวบ้านทั่วไป เครื่องแต่งกายระหว่างขุนนางกับประชาชนทั่วไปจะไม่เหมือนกัน”

ในดินแดนแห่งไฟทั้งขุนนางและประชาชนต่างก็มีเครื่องแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แน่นอนว่าบางครั้งก็มีพวกลูกขุนนางแต่งตัวเป็นประชาชนทั่วไปบ้างเพื่อความสนุกแต่มีประชาชนเพียงไม่กี่คนที่จะมาแต่งตัวเลียนแบบพวกขุนนาง

เพราะเสื้อผ้าของพวกขุนนางไม่ได้ราคาถูกๆ ชุดพวกนี้จะทำจากผ้าไหม แค่ชุดธรรมดาหนึ่งชุดก็มากกว่าที่คนธรรมดาทั่วไปจะหาได้ทั้งปีแล้ว

อีกเหตุผลก็คือถ้าเรื่องนี้ถูกตรวจพบ คนที่ปลอมตัวเป็นขุนนางจะต้องถูกลงโทษ

ในอากาศที่ร้อนแบบนี้ เนื้อตัวเธอเปียกชุ่มไปหมดและรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเลยจริงๆ

“ข้าอยากที่จะเปลี่ยนเป็นชุดแบบพวกเขาด้วยเหมือนกัน” มู่หรงพูด

หวังฉิงตะลึงและตอบออกไปโดยไม่ต้องคิดเลย “ไม่มีทาง”

“ทำไมล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยไม่เข้าใจ มันก็แค่เสื้อผ้าเอง ไม่น่าจะมีอะไรให้หวังฉิงไม่พอใจได้นิ

ในตอนแรก หวังฉิงไม่อยากที่จะยอมรับว่าเขาไม่อยากให้คนอื่นได้เห็นผิวหนังของเธอ เสื้อผ้าของประชาชนทั่วไปเผยให้เห็นทั้งขาและแขน ถึงแม้มันจะไม่ได้บ่งบอกว่าเขาเป็นสมาชิกของดินแดนแห่งไฟแต่เขาก็แค่ไม่อยากให้เธอใส่

มู่หรงทำปากเบ้ คิ้วขมวด “มีร้านเสื้อผ้าอยู่ตรงนั้น ข้าอยากจะเปลี่ยนชุด” เธอชี้ไปที่ร้านเสื้อผ้าที่อยู่ไม่ห่างมากนัก

อันที่จริง นอกจากเรื่องชุดนี้ที่มันร้อนเกินไป การเปลี่ยนเป็นชุดที่เหมือนกับชาวบ้านก็ทำให้ไม่เป็นจุดสนใจด้วย

ชุดสีเขียวที่เธอกำลังสวมอยู่ตอนนี้มันเด่นเกินไป ต่อให้เธออยากจะหนีก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

หวังฉิงอยากที่จะปฏิเสธ เมื่อเห็นแบบนี้มู่หรงเสวี่ยจึงจับมือเขาและเดินไปที่ร้านเสื้อผ้า

หวังฉิงมองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันแน่น ในหัวใจเขาเกิดความรู้สึกแปลกๆ มันเป็นความหวานหอมและอ่อนโยนแห่งความสุข

นี่ก็แค่ครั้งแรกที่เธอได้ออกมา และเขาก็ไม่อยากที่จะขัดใจเธอด้วย อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกที่เธอจับมือเขา

ไม่คิดเลยว่าเธอต้องใช้วิธีนี้ ไม่ดีเท่าไรเลย แต่มันก็ได้ผล มู่หรงเสวี่ยไม่ได้รู้สึกผิด หวังฉิงเป็นคนที่อยากบังคับเธอเอง แต่พลาดแล้วล่ะ ความรักเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้

ฝ่ามือของหวังฉิงใหญ่มาก หยาบเล็กน้อยซึ่งเกิดจากการฝึกการต่อสู้มาอย่างยาวนาน

ผู้ชายแบบนี้มาชอบเธอได้ยังไงกัน ถ้าเป็นในชีวิตที่แล้ว ที่เธอยังไม่เข้าใจเรื่องความรัก

ถ้าเป็นชีวิตที่แล้ว ที่เธอไม่เคยถูกความรักหักหลัง

ถ้าเป็นชีวิตที่แล้ว มีฟางฉีฮัวมากมายมาปรากฏต่อหน้าเธอ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฝีเท้าที่กระโดดอย่างร่าเริงของมู่หรงก็เริ่มที่จะช้าลง

หวังฉิงสังเกตได้ในทันที “มีอะไรเหรอ? ชุดไม่สวยงั้นเหรอ?” เขาถามอย่างอ่อนโยน

มู่หรงหันกลับไปมองและหัวเราะออกมาพร้อมทั้งส่ายหัว “เปล่าหรอก ข้าแค่นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้”

“ยินดีต้อนรับท่านทั้งสอง เรามีเสื้อผ้ามากมายหลายแบบเลยนะขอรับ” เจ้าของร้านตาแหลมและรีบเข้ามาต้อนรับทันที

หวังฉิงส่ายมือ “ไม่จำเป็นต้องเดินตามหรอก” ผู้ติดตามพวกเขารีบเดินตรงเข้ามาทันทีและตอบแทนเจ้าของร้านด้วยเงินจำนวนมาก

เจ้าของร้ายรีบยิ้มรับขึ้นมาทันที “ได้เลยครับคุณลูกค้า เชิญเลือกตามสบายเลยนะขอรับ” หลังจากที่พูดจบ เขาก็รีบเดินไปอีกฝั่งและยืนรออย่างเงียบๆ

เขาอยู่ในธุรกิจนี้มานานและรู้ว่าแขกพิเศษพวกนี้ไม่ชอบที่จะถูกเดินตาม

นอกจากนี้จากเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่เพียงแค่มองแวบเดียวก็รู้ได้เลยว่าเป็นเสื้อผ้าชั้นดี เสื้อผ้าชุดผ้าไหมนี่มันราคาแพงมาก ในร้านเขาไม่มีปัญญาที่จะเอาเสื้อผ้าแบบนี้มาขายได้หรอก

มู่หรงสนใจที่จะดูเสื้อผ้าที่อยู่ในร้านนี้อย่างมาก หวังฉิงยืนอยู่ข้างๆเธอ เฝ้าดูรอยยิ้มของเธอซึ่งดูสวยมากกว่าภาพวิวที่ไหนในโลกนี้ทั้งนั้น

มู่หรงเสวี่ยเลือกเสื้อผ้าที่ใกล้เคียงกับของประชาชนทั่วไปมากที่สุด ชุดที่เลือกดูธรรมดาอย่างมาก ซึ่งดูเหมือนว่าคนทั่วท้องถนนก็จะสวมชุดแบบนี้กันทั้งนั้น

หวังฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าชอบชุดนี้งั้นเหรอ?”
ริมฝีปากของมู่หรงเผยรอยยิ้มพร้อมทั้งพยักหน้าอย่างหนัก “ใช่ ชุดนี้ ข้าอยากที่จะเปลี่ยน”

รสนิยมแบบไหนกันเนี่ย? ผู้หญิงมักจะชอบเสื้อผ้าที่สวยหรูไม่ใช่หรือไง?! แม้แต่เสื้อผ้าของประชาชนก็ยังมีหลายรูปแบบ หลายประเภทแต่มู่หรงเสวี่ยกลับเลือกชุดที่ดูธรรมดาที่สุด

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หวังฉิงก็อดไม่ได้ที่จะมองมู่หรงเสวี่ยอย่างสงสัย

มู่หรงเห็นเรื่องนี้ จึงเผยรอยยิ้มมีเสน่ห์ รอยยิ้มที่สวยงามแล้วจึงค่อยๆจับไปที่มือของหวังฉิง พร้อมทั้งเขย่าอย่างขี้เล่นอยู่สักพัก “ข้าอยากที่จะลองความรู้สึกของคนธรรมดาบ้าง ถ้าไม่สวยข้าจะเลือกชุดใหม่”

หวังฉิงที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าผู้หญิงที่เขารักและรู้สึกหลงใหลขึ้นมาทันทีจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น เขาพยักหน้าอย่างโง่เขลา
มู่หรงรีบเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ห้องลองเสื้อ อย่างไรก็ตามหวังฉิงยืนเฝ้าอยู่ที่ประตูด้านนอกอยู่นาน เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆหวังฉิงก็รู้สึกว่าเวลาที่ผ่านไปมันค่อนข้างจะแปลกๆ มู่เทียนเข้าไปนานเกินไปหรือเปล่า?

แล้วจู่ๆเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่ามู่เทียนสามารถที่จะหายตัวได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปหลายครั้ง แล้วสีหน้าเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที

อันที่จริง มู่หรงเสวี่ยเพิ่งจะเข้าไปสักพักเองและเพิ่งจะถอดเสื้อผ้าเสร็จ เธอไม่คิดเลยว่าเวลาเพียงไม่นานแค่นี้ หวังฉิงจะคิดอะไรไปได้มากมาย

จู่ๆหวังฉิงก็อดไม่ได้จึงเคาะไปที่ประตู “มู่เทียน”

มู่หรงเสวี่ยที่กำลังเปลี่ยนชุดเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เธอก็นิ่งไปชั่วขณะและก็เข้าใจได้ทันทีว่าหวังฉิงคงจะกลัวเรื่องที่เธอจะหนีไป
เธอไม่คิดเลยว่าหวังฉิงที่หวาดระแวงมากขนาดนี้จะลดความระวังลงอีกครั้ง

สีหน้าของหวังฉิงที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับในทันทีเหลือเพียงความเคร่งเครียดเท่านั้นพร้อมทั้งร้องเรียกเสียงเบาและตบไปที่ประตู “มู่เทียน มู่เทียน เปิดประตู”

เสียงนี้ไม่เพียงแค่มู่หรงเสวี่ยที่ได้ยินแต่คนทั้งร้านต่างก็ได้ยินด้วย

เจ้าของร้านรีบเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ถูกทหารรอบๆตัวหวังฉิงกั้นไว้ทันที

“นายท่าน นายหญิง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าขอรับ?” เจ้าของร้านถามพร้อมทั้งก้มตัวต่ำ ถ้าเขายังตะโกนอยู่แบบนี้ ประตูจะต้องพังแน่ๆ

มู่หรงพูดไม่ออก รีบสวมเสื้อผ้าทันทีแบบลวกๆพร้อมทั้งแง้มเปิดประตูเล็กน้อย “เจ้าจะทุบประตูทำไม ข้ายังแต่งตัวไม่เสร็จเลย”
ผ่านบานประตูที่แง้มออก หวังฉิงเห็นเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยของมู่เทียนและรีบปิดประตูทันที แล้วจึงหันไปจ้องเหล่าทหารที่อยู่รอบๆพร้อมทั้งพูดออกมา “ทุกคนหันไปให้หมด”

อันที่จริงพวกเขาไม่เห็นอะไรเลยแต่ต่างก็กลัวเสียงคำรามของฝ่าบาทจึงรีบหันหลังกลับไปกันทันที

สีหน้าของหวังฉิงแดงระเรื่อเล็กน้อย เขากังวลและคิดมากเกินไป เขานึกถึงผิวที่ขาวละเอียดที่เพิ่งจะได้เห็นเพียงแวบเดียว เขาก็รู้สึกคันๆขึ้นมาทันที เขาได้เห็นผู้หญิงสวยมาก็มากแต่กลับต้านทานเธอไม่ได้เลยจริงๆ

หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ปิดประตูอีกครั้ง

เสื้อผ้าโบราณนี้มันยุ่งยากจริงๆ มีเชือกมากมายให้ต้องผูกอีกด้วย อันที่จริงเมื่อกี้เธอแต่งตัวเกือบที่จะเสร็จแล้วแต่ยังมีกระดุมที่คอที่เผยให้เห็นกระดูกไหลปลาร้าเล็กน้อย แล้วเสื้อผ้าก็ยังค่อนข้างที่จะสวมใส่ยากแถมยังมีเชือกให้ผูกเต็มไปหมดอีก เมื่อเทียบกับชุดสมัยใหม่แล้วชุดพวกนี้ค่อนข้างที่จะอนุรักษนิยมจริงๆ
หลังจากนั้นหวังฉิงก็ไม่กล้าที่จะทุบประตูอีกแต่กลับยืนเงียบๆอยู่ด้านหน้าประตูพร้อมด้วยร่องรอยแดงระเรื่อบนใบหน้า

โชคดีที่ครั้งนี้เหล่าทหารหันหลังกลับไปแล้ว ไม่งั้นเขาคงจะเสียหน้าน่าดูเลย

พวกทหารไม่รู้ว่าเมื่อกี้ฝ่าบาทของพวกเขาหงุดหงิดเรื่องอะไร ทำไมต้องเคาะประตูอย่างกังวลขนาดนั้นแถมอยู่ดีๆยังสั่งให้พวกเขาหันหลังกลับไปอีกแต่พวกเขาก็ทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่ง พวกเขาจะสงสัยคำสั่งขององค์ชายไม่ได้

หลังจากนั้นสักพักมู่หรงเสวี่ยก็สวมเสื้อผ้าเสร็จ เธอเปิดประตูและเดินออกมา พร้อมทั้งหมุนตัวอยู่เบื้องหน้าหวังฉิง “สวยไหมล่ะ?” เธอถาม

ดวงตาของหวังฉิงเบิกกว้างตั้งแต่วินาทีที่เธอเปิดประตู เห็นอยู่ชัดๆว่ามันเป็นเสื้อผ้าธรรมดาๆ แต่เมื่อมันอยู่บนตัวของ มู่หรงเสวี่ยกลับกลายเป็นชุดแฟชั่นชั้นสูงไปได้

แขนและขาที่ถูกเปิดเผยขาวราวกับน้ำนม ในตอนนี้ มู่หรงเสวี่ยที่สง่างาม เปล่งประกายลำแสงและมองตามมาข้างหน้าอย่างสดใส ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์และขนาดผู้หญิงด้วยกันได้เห็นก็ยังต้องหลงใหลเลย

ภาพที่เห็นทำให้หัวใจของหวังฉิงเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างกับม้าศึกที่ควบคุมไม่ได้

มู่หรงโบกมือเบื้องหน้าหวังฉิง “ฮัลโหล ได้ยินที่ข้าพูดหรือเปล่า?”

ทันใดนั้นหวังฉิงก็ได้สติและพูดออกมา “มู่เทียน เจ้าสวยมาก”

ปากของมู่หรงเสวี่ยอ้ากว้างเล็กน้อย คำสามคำนี้ของหวังฉิงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความรัก ถ้าไม่ใช่เพราะจิตใจที่ด้านชาของเธอ เธอก็คงจะคล้อยตามไปด้วยแล้ว

“ถ้ามันสวยแล้ว งั้นข้าจะออกไปแบบนี้เลยแล้วกัน” มู่หรงทำปากทรงเสน่ห์ เผยให้เห็นรอยยิ้มแสนสวย
ดวงตาของหวังฉิงไม่อาจขยับสายตาออกจากร่างของ มู่หรงเสวี่ยได้เลย เห็นอยู่ชัดๆว่านี่เป็นเสื้อผ้าของประชาชนธรรมดาๆแต่พอเธอสวมแล้วกลับออกมาดูราวกับเป็นชุดของขุนนางชั้นสูง

ถึงแม้มู่หรงจะผิวหนังด้านชาแต่เมื่อมามองกันแบบนี้ตลอดเวลา เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหน้าเจือนๆอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 319 ความหลงใหล

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 319 ความหลงใหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 319
ความหลงใหล

“ไปกันเถอะ” หวังฉิงพูดพร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่มุมปาก

มู่หรงหันหัวมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน

ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเธอจะต้องมีแผนอะไรแน่ๆ แต่หวังฉิงก็ยังต้านทานความอ่อนหวานที่หาได้ยากของมู่เทียนไม่ได้อยู่ดี

ดวงตาที่ลึกล้ำราวสายน้ำกะพริบไปที่มู่เทียน กลัวว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงภาพลวงตา

เพราะพระราชวงศ์ฉิงอยู่ไม่ห่างจากศูนย์กลางของเมืองหลวง เพียงแค่เดินผ่านถนนที่พลุกพล่านของเมืองก็ถึงแล้ว ดังนั้นหวังฉิงจึงไม่ได้เตรียมรถม้าและสวมเพียงชุดธรรมดาเพื่อปลอมตัว และออกมากลับมู่เทียนเท่านั้น
แน่นอนว่าที่อยู่ข้างหลังพวกเขาคือทหารชุดดำที่มีทักษะการต่อสู้ชั้นยอด นอกจากนี้ก็เพื่อป้องกันเรื่องที่หวังฉิงเป็นห่วงด้วยคือมู่เทียนจะใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะหลบหนี

ตั้งแต่ที่มู่หรงเสวี่ยมาถึงดินแดนแห่งไฟเธอก็ยังไม่ได้เห็นบ้านเมืองของที่นี่เลย เธอมองไปรอบๆด้วยความสงสัย ส่วนใหญ่การแต่งกายของคนที่นี่ก็จะคล้ายๆกับที่เมืองหิมะ ไม่ต่างอะไรกันมาก เธอมองไปที่ชุดที่เธอกำลังสวมอยู่ซึ่งเห็นได้ชัดว่าต่างจากชุดของผู้คนตามท้องถนนที่เปิดเผยให้เห็นแขนและขาด้วย

“ทำไมชุดที่เตรียมให้ข้าถึงแตกต่างจากของพวกเขาล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างสงสัย

ดวงตาที่ดำขลับของหวังฉิงเปล่งประกายราวกับอัญมณี “ นั่นเป็นชุดของชาวบ้านทั่วไป เครื่องแต่งกายระหว่างขุนนางกับประชาชนทั่วไปจะไม่เหมือนกัน”

ในดินแดนแห่งไฟทั้งขุนนางและประชาชนต่างก็มีเครื่องแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แน่นอนว่าบางครั้งก็มีพวกลูกขุนนางแต่งตัวเป็นประชาชนทั่วไปบ้างเพื่อความสนุกแต่มีประชาชนเพียงไม่กี่คนที่จะมาแต่งตัวเลียนแบบพวกขุนนาง

เพราะเสื้อผ้าของพวกขุนนางไม่ได้ราคาถูกๆ ชุดพวกนี้จะทำจากผ้าไหม แค่ชุดธรรมดาหนึ่งชุดก็มากกว่าที่คนธรรมดาทั่วไปจะหาได้ทั้งปีแล้ว

อีกเหตุผลก็คือถ้าเรื่องนี้ถูกตรวจพบ คนที่ปลอมตัวเป็นขุนนางจะต้องถูกลงโทษ

ในอากาศที่ร้อนแบบนี้ เนื้อตัวเธอเปียกชุ่มไปหมดและรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเลยจริงๆ

“ข้าอยากที่จะเปลี่ยนเป็นชุดแบบพวกเขาด้วยเหมือนกัน” มู่หรงพูด

หวังฉิงตะลึงและตอบออกไปโดยไม่ต้องคิดเลย “ไม่มีทาง”

“ทำไมล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยไม่เข้าใจ มันก็แค่เสื้อผ้าเอง ไม่น่าจะมีอะไรให้หวังฉิงไม่พอใจได้นิ

ในตอนแรก หวังฉิงไม่อยากที่จะยอมรับว่าเขาไม่อยากให้คนอื่นได้เห็นผิวหนังของเธอ เสื้อผ้าของประชาชนทั่วไปเผยให้เห็นทั้งขาและแขน ถึงแม้มันจะไม่ได้บ่งบอกว่าเขาเป็นสมาชิกของดินแดนแห่งไฟแต่เขาก็แค่ไม่อยากให้เธอใส่

มู่หรงทำปากเบ้ คิ้วขมวด “มีร้านเสื้อผ้าอยู่ตรงนั้น ข้าอยากจะเปลี่ยนชุด” เธอชี้ไปที่ร้านเสื้อผ้าที่อยู่ไม่ห่างมากนัก

อันที่จริง นอกจากเรื่องชุดนี้ที่มันร้อนเกินไป การเปลี่ยนเป็นชุดที่เหมือนกับชาวบ้านก็ทำให้ไม่เป็นจุดสนใจด้วย

ชุดสีเขียวที่เธอกำลังสวมอยู่ตอนนี้มันเด่นเกินไป ต่อให้เธออยากจะหนีก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

หวังฉิงอยากที่จะปฏิเสธ เมื่อเห็นแบบนี้มู่หรงเสวี่ยจึงจับมือเขาและเดินไปที่ร้านเสื้อผ้า

หวังฉิงมองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันแน่น ในหัวใจเขาเกิดความรู้สึกแปลกๆ มันเป็นความหวานหอมและอ่อนโยนแห่งความสุข

นี่ก็แค่ครั้งแรกที่เธอได้ออกมา และเขาก็ไม่อยากที่จะขัดใจเธอด้วย อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกที่เธอจับมือเขา

ไม่คิดเลยว่าเธอต้องใช้วิธีนี้ ไม่ดีเท่าไรเลย แต่มันก็ได้ผล มู่หรงเสวี่ยไม่ได้รู้สึกผิด หวังฉิงเป็นคนที่อยากบังคับเธอเอง แต่พลาดแล้วล่ะ ความรักเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้

ฝ่ามือของหวังฉิงใหญ่มาก หยาบเล็กน้อยซึ่งเกิดจากการฝึกการต่อสู้มาอย่างยาวนาน

ผู้ชายแบบนี้มาชอบเธอได้ยังไงกัน ถ้าเป็นในชีวิตที่แล้ว ที่เธอยังไม่เข้าใจเรื่องความรัก

ถ้าเป็นชีวิตที่แล้ว ที่เธอไม่เคยถูกความรักหักหลัง

ถ้าเป็นชีวิตที่แล้ว มีฟางฉีฮัวมากมายมาปรากฏต่อหน้าเธอ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฝีเท้าที่กระโดดอย่างร่าเริงของมู่หรงก็เริ่มที่จะช้าลง

หวังฉิงสังเกตได้ในทันที “มีอะไรเหรอ? ชุดไม่สวยงั้นเหรอ?” เขาถามอย่างอ่อนโยน

มู่หรงหันกลับไปมองและหัวเราะออกมาพร้อมทั้งส่ายหัว “เปล่าหรอก ข้าแค่นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้”

“ยินดีต้อนรับท่านทั้งสอง เรามีเสื้อผ้ามากมายหลายแบบเลยนะขอรับ” เจ้าของร้านตาแหลมและรีบเข้ามาต้อนรับทันที

หวังฉิงส่ายมือ “ไม่จำเป็นต้องเดินตามหรอก” ผู้ติดตามพวกเขารีบเดินตรงเข้ามาทันทีและตอบแทนเจ้าของร้านด้วยเงินจำนวนมาก

เจ้าของร้ายรีบยิ้มรับขึ้นมาทันที “ได้เลยครับคุณลูกค้า เชิญเลือกตามสบายเลยนะขอรับ” หลังจากที่พูดจบ เขาก็รีบเดินไปอีกฝั่งและยืนรออย่างเงียบๆ

เขาอยู่ในธุรกิจนี้มานานและรู้ว่าแขกพิเศษพวกนี้ไม่ชอบที่จะถูกเดินตาม

นอกจากนี้จากเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่เพียงแค่มองแวบเดียวก็รู้ได้เลยว่าเป็นเสื้อผ้าชั้นดี เสื้อผ้าชุดผ้าไหมนี่มันราคาแพงมาก ในร้านเขาไม่มีปัญญาที่จะเอาเสื้อผ้าแบบนี้มาขายได้หรอก

มู่หรงสนใจที่จะดูเสื้อผ้าที่อยู่ในร้านนี้อย่างมาก หวังฉิงยืนอยู่ข้างๆเธอ เฝ้าดูรอยยิ้มของเธอซึ่งดูสวยมากกว่าภาพวิวที่ไหนในโลกนี้ทั้งนั้น

มู่หรงเสวี่ยเลือกเสื้อผ้าที่ใกล้เคียงกับของประชาชนทั่วไปมากที่สุด ชุดที่เลือกดูธรรมดาอย่างมาก ซึ่งดูเหมือนว่าคนทั่วท้องถนนก็จะสวมชุดแบบนี้กันทั้งนั้น

หวังฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าชอบชุดนี้งั้นเหรอ?”
ริมฝีปากของมู่หรงเผยรอยยิ้มพร้อมทั้งพยักหน้าอย่างหนัก “ใช่ ชุดนี้ ข้าอยากที่จะเปลี่ยน”

รสนิยมแบบไหนกันเนี่ย? ผู้หญิงมักจะชอบเสื้อผ้าที่สวยหรูไม่ใช่หรือไง?! แม้แต่เสื้อผ้าของประชาชนก็ยังมีหลายรูปแบบ หลายประเภทแต่มู่หรงเสวี่ยกลับเลือกชุดที่ดูธรรมดาที่สุด

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หวังฉิงก็อดไม่ได้ที่จะมองมู่หรงเสวี่ยอย่างสงสัย

มู่หรงเห็นเรื่องนี้ จึงเผยรอยยิ้มมีเสน่ห์ รอยยิ้มที่สวยงามแล้วจึงค่อยๆจับไปที่มือของหวังฉิง พร้อมทั้งเขย่าอย่างขี้เล่นอยู่สักพัก “ข้าอยากที่จะลองความรู้สึกของคนธรรมดาบ้าง ถ้าไม่สวยข้าจะเลือกชุดใหม่”

หวังฉิงที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าผู้หญิงที่เขารักและรู้สึกหลงใหลขึ้นมาทันทีจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น เขาพยักหน้าอย่างโง่เขลา
มู่หรงรีบเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ห้องลองเสื้อ อย่างไรก็ตามหวังฉิงยืนเฝ้าอยู่ที่ประตูด้านนอกอยู่นาน เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆหวังฉิงก็รู้สึกว่าเวลาที่ผ่านไปมันค่อนข้างจะแปลกๆ มู่เทียนเข้าไปนานเกินไปหรือเปล่า?

แล้วจู่ๆเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่ามู่เทียนสามารถที่จะหายตัวได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปหลายครั้ง แล้วสีหน้าเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที

อันที่จริง มู่หรงเสวี่ยเพิ่งจะเข้าไปสักพักเองและเพิ่งจะถอดเสื้อผ้าเสร็จ เธอไม่คิดเลยว่าเวลาเพียงไม่นานแค่นี้ หวังฉิงจะคิดอะไรไปได้มากมาย

จู่ๆหวังฉิงก็อดไม่ได้จึงเคาะไปที่ประตู “มู่เทียน”

มู่หรงเสวี่ยที่กำลังเปลี่ยนชุดเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เธอก็นิ่งไปชั่วขณะและก็เข้าใจได้ทันทีว่าหวังฉิงคงจะกลัวเรื่องที่เธอจะหนีไป
เธอไม่คิดเลยว่าหวังฉิงที่หวาดระแวงมากขนาดนี้จะลดความระวังลงอีกครั้ง

สีหน้าของหวังฉิงที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับในทันทีเหลือเพียงความเคร่งเครียดเท่านั้นพร้อมทั้งร้องเรียกเสียงเบาและตบไปที่ประตู “มู่เทียน มู่เทียน เปิดประตู”

เสียงนี้ไม่เพียงแค่มู่หรงเสวี่ยที่ได้ยินแต่คนทั้งร้านต่างก็ได้ยินด้วย

เจ้าของร้านรีบเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ถูกทหารรอบๆตัวหวังฉิงกั้นไว้ทันที

“นายท่าน นายหญิง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าขอรับ?” เจ้าของร้านถามพร้อมทั้งก้มตัวต่ำ ถ้าเขายังตะโกนอยู่แบบนี้ ประตูจะต้องพังแน่ๆ

มู่หรงพูดไม่ออก รีบสวมเสื้อผ้าทันทีแบบลวกๆพร้อมทั้งแง้มเปิดประตูเล็กน้อย “เจ้าจะทุบประตูทำไม ข้ายังแต่งตัวไม่เสร็จเลย”
ผ่านบานประตูที่แง้มออก หวังฉิงเห็นเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยของมู่เทียนและรีบปิดประตูทันที แล้วจึงหันไปจ้องเหล่าทหารที่อยู่รอบๆพร้อมทั้งพูดออกมา “ทุกคนหันไปให้หมด”

อันที่จริงพวกเขาไม่เห็นอะไรเลยแต่ต่างก็กลัวเสียงคำรามของฝ่าบาทจึงรีบหันหลังกลับไปกันทันที

สีหน้าของหวังฉิงแดงระเรื่อเล็กน้อย เขากังวลและคิดมากเกินไป เขานึกถึงผิวที่ขาวละเอียดที่เพิ่งจะได้เห็นเพียงแวบเดียว เขาก็รู้สึกคันๆขึ้นมาทันที เขาได้เห็นผู้หญิงสวยมาก็มากแต่กลับต้านทานเธอไม่ได้เลยจริงๆ

หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ปิดประตูอีกครั้ง

เสื้อผ้าโบราณนี้มันยุ่งยากจริงๆ มีเชือกมากมายให้ต้องผูกอีกด้วย อันที่จริงเมื่อกี้เธอแต่งตัวเกือบที่จะเสร็จแล้วแต่ยังมีกระดุมที่คอที่เผยให้เห็นกระดูกไหลปลาร้าเล็กน้อย แล้วเสื้อผ้าก็ยังค่อนข้างที่จะสวมใส่ยากแถมยังมีเชือกให้ผูกเต็มไปหมดอีก เมื่อเทียบกับชุดสมัยใหม่แล้วชุดพวกนี้ค่อนข้างที่จะอนุรักษนิยมจริงๆ
หลังจากนั้นหวังฉิงก็ไม่กล้าที่จะทุบประตูอีกแต่กลับยืนเงียบๆอยู่ด้านหน้าประตูพร้อมด้วยร่องรอยแดงระเรื่อบนใบหน้า

โชคดีที่ครั้งนี้เหล่าทหารหันหลังกลับไปแล้ว ไม่งั้นเขาคงจะเสียหน้าน่าดูเลย

พวกทหารไม่รู้ว่าเมื่อกี้ฝ่าบาทของพวกเขาหงุดหงิดเรื่องอะไร ทำไมต้องเคาะประตูอย่างกังวลขนาดนั้นแถมอยู่ดีๆยังสั่งให้พวกเขาหันหลังกลับไปอีกแต่พวกเขาก็ทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่ง พวกเขาจะสงสัยคำสั่งขององค์ชายไม่ได้

หลังจากนั้นสักพักมู่หรงเสวี่ยก็สวมเสื้อผ้าเสร็จ เธอเปิดประตูและเดินออกมา พร้อมทั้งหมุนตัวอยู่เบื้องหน้าหวังฉิง “สวยไหมล่ะ?” เธอถาม

ดวงตาของหวังฉิงเบิกกว้างตั้งแต่วินาทีที่เธอเปิดประตู เห็นอยู่ชัดๆว่ามันเป็นเสื้อผ้าธรรมดาๆ แต่เมื่อมันอยู่บนตัวของ มู่หรงเสวี่ยกลับกลายเป็นชุดแฟชั่นชั้นสูงไปได้

แขนและขาที่ถูกเปิดเผยขาวราวกับน้ำนม ในตอนนี้ มู่หรงเสวี่ยที่สง่างาม เปล่งประกายลำแสงและมองตามมาข้างหน้าอย่างสดใส ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์และขนาดผู้หญิงด้วยกันได้เห็นก็ยังต้องหลงใหลเลย

ภาพที่เห็นทำให้หัวใจของหวังฉิงเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างกับม้าศึกที่ควบคุมไม่ได้

มู่หรงโบกมือเบื้องหน้าหวังฉิง “ฮัลโหล ได้ยินที่ข้าพูดหรือเปล่า?”

ทันใดนั้นหวังฉิงก็ได้สติและพูดออกมา “มู่เทียน เจ้าสวยมาก”

ปากของมู่หรงเสวี่ยอ้ากว้างเล็กน้อย คำสามคำนี้ของหวังฉิงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความรัก ถ้าไม่ใช่เพราะจิตใจที่ด้านชาของเธอ เธอก็คงจะคล้อยตามไปด้วยแล้ว

“ถ้ามันสวยแล้ว งั้นข้าจะออกไปแบบนี้เลยแล้วกัน” มู่หรงทำปากทรงเสน่ห์ เผยให้เห็นรอยยิ้มแสนสวย
ดวงตาของหวังฉิงไม่อาจขยับสายตาออกจากร่างของ มู่หรงเสวี่ยได้เลย เห็นอยู่ชัดๆว่านี่เป็นเสื้อผ้าของประชาชนธรรมดาๆแต่พอเธอสวมแล้วกลับออกมาดูราวกับเป็นชุดของขุนนางชั้นสูง

ถึงแม้มู่หรงจะผิวหนังด้านชาแต่เมื่อมามองกันแบบนี้ตลอดเวลา เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหน้าเจือนๆอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+