ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 339 ความรู้สึกที่แท้จริงและเจตนาที่เป็นเท็จ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 339 ความรู้สึกที่แท้จริงและเจตนาที่เป็นเท็จ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 339

ความรู้สึกที่แท้จริงและเจตนาที่เป็นเท็จ

“ไม่ได้จะหนีไปตอนนี้หรอก ไม่ต้องกังวลไปขนาดนั้น ดูหน้าเจ้าสิซีดเป็นไก่เลย ต่อให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นข้าก็ยังกลัวท่าทางของเจ้าตอนนี้อยู่ดี” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

เสี่ยวฉิงตบไปที่หน้าอกตัวเองและพูดออกมาว่า “นายหญิงก็ ข้าคิดว่าท่านจะหนีไปตอนนี้เลย”

“โง่น่าเสี่ยวฉิง อย่าคิดมากเกินไปสิ ถ้าเจ้าเอาแต่ตัวสั่นแล้วก็กลัวอยู่แบบนี้ตลอด เจ้าไม่กลัวคนอื่นจะเห็นหรือไง?” มู่หรงเสวี่ยอย่างช่วยไม่ได้

เสี่ยวฉิงกำผ้าเช็ดหน้าแน่น กัดริมฝีปาก ขมวดคิ้วและพูดออกมาอย่างเป็นกังวล “นายหญิงเจ้าคะ ข้าจะทำได้ยังไง? ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้เลย” เธอแทบที่จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว

ในตอนนี้มู่หรงเองก็รู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่บอกนางเร็วเกินไปและไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหา แต่นี่กลับทำให้เสี่ยวฉิงคิดมากเกินไปกับเรื่องนี้

“เสี่ยวฉิง อย่าคิดมากไปเลยนะ มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย อีกอย่าง ข้าไม่ได้จะไปตอนนี้ แต่ตอนนี้ได้เวลาที่เราจะต้องออกไปกันแล้ว” มู่หรงแตะไปที่ไหล่ของนางและพูดออกมา

เสี่ยวฉิงพยักหน้าและเดินออกไปพร้อมกัน

ไม่ห่างออกไปนัก องครักษ์ชุดดำที่จ้องพวกนางมาตลอดก็รู้สึกโล่งใจเมื่อได้เห็นพวกนางเดินออกมา เพราะเรื่องขายหน้าครั้งที่แล้วทำให้องครักษ์ชุดดำสองคนที่แอบตามนางต้องถูกลงโทษ ถึงแม้จะยังไม่ตายแต่ก็กว่าจะลุกออกจากเตียงได้ก็ปาเข้าไปครึ่งเดือนได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาต้องเสียหน้าสุดๆในฐานะองครักษ์ลับอันดับหนึ่ง สิ่งที่น่าอับอายที่สุดคือพวกเขาคลาดสายตาจากผู้หญิงคนหนึ่ง

ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ตามพวกนางไปทั้งหมด แต่แยกสามคนให้คอยตามพวกนางไปและให้อีกสองคนเฝ้าคอยสังเกตอยู่ที่ตำแหน่งเดิม เพราะกลัวว่ามู่หรงเสวี่ยจะสลับตัวกันอีกครั้ง

มู่หรงเสวี่ยและเสี่ยวฉิงกลับไปที่ห้องหมายเลขหนึ่ง สีหน้าของหวังฉิงดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มของเขาดูอบอุ่นและสายตาก็เต็มไปด้วยความรักใคร่ เขาเหมือนกับเป็นแสงอาทิตย์ที่เปล่งประกายหลังจากพายุฝน สว่างและสดใส

เขาโบกมือให้มู่หรงเสวี่ย “มู่เทียน มานั่งนี่เร็วเดี๋ยวอาหารจะเย็นหมดนะ”

มู่หรงยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มแสนสวยและเดินเข้าไปหาเขาอย่างเชื่อฟัง “ทำไมเจ้าไม่กินก่อนล่ะ? ไม่ต้องรอข้าหรอก”

เธอเห็นอาหารบนโต๊ะยังเหมือนเดิมไม่ถูกแตะเลย หวังฉิงและฟางเสี่ยวโหรวไม่ได้หยิบตะเกียบขึ้นมาเลย

“ต้องรอสิ มาเถอะ มาชิมกุ้งนี่หน่อย นี่เป็นจานขึ้นชื่อของที่นี่เลยนะ” หวังฉิงหยิบตะเกียบขึ้นมาและตักกุ้งไปวางที่ถ้วยของมู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยเองก็ตักพริกขึ้นมา เธอไม่ชอบกินจึงใส่เข้าไปในถ้วยของหวังฉิงพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าเองก็กินเยอะๆนะ”

“องค์ชายไม่ชอบกินเผ็ด” ฟางเสี่ยวโหรวมองไปที่มู่เทียนด้วยสายตาดูถูกพร้อมทั้งตักผักใส่ลงไปในถ้วยของหวังฉิง “องค์ชาย ลองชิมอันนี้ดูเจ้าคะ ส่วนพริกนั้นไม่ต้องกินหรอกนะเจ้าคะ”

มู่หรงเหล่ตาไปมองฟางเสี่ยวโหรวเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พยายามที่จะยั่วอะไร จะหาเหตุผลอะไรกับผู้หญิงที่ความรักบังตาล่ะ

หวังฉิงไม่เข้าใจน้ำเสียงและสีหน้าจึงตักพริกเข้าปากและกินเข้าไป มู่หรงเงียบไปชั่วขณะ ไม่ได้คิดว่าเขาจะกินเข้าไปจริงๆ ถึงแม้เธอแค่อยากจะแกล้งเขาเฉยๆแต่เมื่อได้เห็นเขากินเข้าไปจริงก็อดที่จะรู้สึกลำบากใจไม่ได้

และฟางเสี่ยวโหรวที่อยู่ข้างๆ ริมฝีปากเซ็กซี่บิดเบี้ยวอยู่บนใบหน้าพร้อมสายตาที่จ้องมาที่มู่เทียนอย่างโหดร้าย

หวังฉิงหลงผู้หญิงคนนี้มากจริงๆ

มู่หรงรีบยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาและยื่นไปให้หวังฉิงที่หน้าแดงก่ำอยู่ตรงหน้า “เอ้า ดื่มน้ำก่อน”

หวังฉิงจับไปที่มือของมู่เทียนพร้อมด้วยสายที่จ้องไปที่ มู่เทียนอย่างหลงใหลแล้วจึงดื่มชาเข้าไป

สีหน้าของมู่หรงเสวี่นสะดุดไปชั่วขณะ เธอเพียงแค่อยากจะส่งน้ำชาให้เขาเฉยๆไม่ได้คิดว่าจะป้อนเขา

อีกอย่างสายตาของหวังฉิงก็ช่างร้อนรุ่มจนเธอแทบจะทนไม่ไหว

สุดท้ายหลังจากที่ดื่มเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็รีบดึงมือตัวเองกลับมาทันที ในตอนนี้ฟางเสี่ยวโหรวก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและเช็ดไปที่มุมปากของหวังฉิง

“รีบกินเข้าเถอะ อาหารเย็นหมดแล้ว” มู่หรงเสวี่ยหันกลับมา ถึงแม้เธออยากที่จะลดการคุ้มกันของเขา แต่เธอก็แสดงต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

“งั้นก็กินเยอะๆนะ” หวังฉิงพูดพร้อมรอยยิ้ม

ทั้งสองต่างก็ทำราวกับว่าฟางเสี่ยวโหรวเป็นอากาศธาตุ มู่หรงเสี่ยวไม่สนใจที่ฟางเสี่ยวโหรวเอาแต่จ้องมาที่เธอ หวังฉิงเองก็ดูจะไม่ตอบสนองอะไรเลยเช่นกัน

เขาเคยเป็นผู้ชายที่คิดว่าผู้หญิงทุกคนก็เหมือนกันหมดแต่ตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่ามีคนหนึ่งที่สำคัญกับหัวใจเขาเป็นพิเศษ มู่เทียนคือคนที่สำคัญที่สุด อันที่จริงเขาก็ไม่ได้โง่ เขามองออกว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง แต่อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาอีกแล้วใช่ไหมล่ะ?! มันจะต้องมีสักวันที่เธอยอมเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ เหมือนอย่างเมื่อกี้ที่มู่เทียนก็ไม่ได้หนีไปใช่ไหมล่ะ?! เขาเชื่อว่าถ้าเธออยากที่จะหนี มันก็คงจะมีวิธีอย่างเช่นการใช้สาวใช้เสี่ยวฉิงนั่น แต่เธอไม่ได้ทำอะไรและยอมกลับมาหาเขาด้วยความสมัครใจ

“หวังฉิงรอเดี๋ยวนะ ข้าอยากจะซื้ออะไรหน่อย มีหลายอย่างเลยที่อยากจะซื้อ อยู่ในตำหนักมันน่าเบื่อเกินไป ข้าอยากจะซื้ออะไรกลับไปเล่นหน่อยได้ไหม?” เธอถามออกมาหลังจากที่กินเสร็จ

ดวงตากลมโตกะพริบถี่

“เจ้าจะซื้ออะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ” หวังฉิงพูดออกมาเสียงดัง ในดินแดนแห่งไฟมีร้านสวยๆงามๆมากมายที่พวกองค์หญิงชอบไปกัน

ฟางเสี่ยวโหรวยืนกัดฟันแน่น หวังฉิงยุ่งขนาดนี้แต่ก็ยังยอมที่จะไปซื้อของกับนังจิ้งจอกนี่อีก เขาหลงนางหัวปักหัวปำเลยจริงๆ

“องค์ชาย ข้าเองก็มีของหลายอย่างที่อยากจะซื้อเหมือนกัน” ฟางเสี่ยวโหรวพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่พอใจเท่าไร

“เจ้าจะซื้ออะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ เจ้าเป็นคนดูแลเรื่องบัญชีภายในของวังอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?! อีกอย่างข้าจะให้เบี้ยเลี้ยงมู่เทียนเท่ากับจำนวนของข้าด้วยเหมือนกัน” หวังฉิงสั่งออกมาเสียงเรียบ

“องค์ชาย มันจะเป็นไปได้ยังไงเจ้าคะ?! ข้าไม่เคยแบ่งสัดส่วนให้ใครในตำหนักสูงขนาดนี้มาก่อนเลย ข้ากลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดเรื่องซุบซิบกันได้” ฟางเสี่ยวโหรวพูดออกด้วยน้ำเสียงเหมือนกับกัดฟันพูด

องค์ชายต้องใช้เงินเยอะเพราะเขาต้องใช้ทำธุรกิจต่างๆ แต่นังจิ้งจอกนี่จะเอาเงินมากมายแบบนั้นไปทำอะไร? ขนาดสนมที่อยู่ข้างกายอย่างเธอยังได้เพียงแค่หนึ่งในสิบขององค์ชายเลย

มู่หรงเงียบไปชั่วขณะแต่ไม่นานก็ได้สติกลับมา “ไม่นะหวังฉิง ปกติข้าก็ไม่ได้ใช้เงินอะไรอยู่แล้ว ให้ข้าเยอะแบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก” เธอไม่อยากที่จะเกี่ยวข้องกับหวังฉิงมากเกินไปและไม่อยากได้เงินเขาแม้แต่สักตำลึง

หวังฉิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยตอนที่ฟางเสี่ยวโหรวเปิดปากพูด นี่เงินของเขา เขาจะใช้ยังไงก็ได้ที่เขาต้องการและไม่มีใครที่จะมาห้ามเขาได้ด้วยถ้าเขาอยากที่จะทำอะไร อย่างไรก็ตามคำพูดของมู่เทียนทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ต้องการเงินแต่ข้าอยากที่จะให้ มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายจะให้เงินผู้หญิงของตัวเอง” หวังฉิงพูด

มู่หรงหยิบเงินเล็กน้อยออกมาจากแขนเสื้อ “ข้าก็มีเงิน เจ้าเห็นไหม ข้าไม่ต้องการจริงๆ” เธอส่ายหัวปฏิเสธ

เขามองไปที่เงินที่อยู่ในมือเธอซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นเงินจากดินแดนเฮ่ยเฉิน สีหน้าเขาขรึมขึ้นเล็กน้อย “เจ้ามีเงินกับเรื่องที่ข้าจะให้เจ้า มันคนละเรื่องกัน” หลังจากเงียบไปสักพัก เขาก็เหล่ตาไปทางฟางเสี่ยวโหรวแล้วจึงพูดต่อ “ช่างมันเถอะ เจ้าไม่ต้องแบ่งเงินให้มู่เทียน ข้าจะให้นางเอง”

ถ้าเธอรู้ว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ เธอก็คงจะเห็นด้วยกับเขาไปแล้วเพราะสิ่งที่องค์ชายจะให้มันต้องมากกว่าอยู่แล้ว นี่มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดแต่เธอจะทำอะไรได้? คำพูดของหวังฉิงถือเป็นที่สิ้นสุด

ในยุคโบราณแบบนี้ ผู้หญิงจะนับถือสามีราวกับเป็นพระเจ้า ความคิดของพวกเธอขึ้นอยู่กับสีหน้าของหวังฉิง เมื่อนึกถึงอดีต หวังฉิงเป็นคนที่ฉลาด ไม่เคยหลงระเริงไปกับความงามและให้เกียรติเธอมากตลอด คนภายนอกมากมายต่างก็อิจฉาเธอกันทั้งนั้น ฟางเสี่ยวโหรวคิดว่านั่นคือช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุด

อย่างไรก็ตามเมื่อองค์ชายพาผู้หญิงที่ชื่อมู่เทียนกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป แล้วแบบนี้เธอจะทนรับการมีตัวตนของ มู่เทียนอยู่ได้ยังไง

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

พูดกันง่ายๆ ทำไมพวกผู้ชายต้องบังคับผู้หญิงอะไรแบบนี้ด้วย อีกอย่างเธอก็ไม่ได้อยากที่จะสู้ด้วยจริงๆเพื่อที่ว่าหลังจากที่เธอไปแล้วจะได้ไม่มีเรื่องอะไรที่ยุ่งเหยิง นี่เศร้าจริงๆเมื่อคิดถึงผู้หญิงในยุคนี้ แต่นี่ก็เป็นเพียงมุมมองสายตาของเธอที่มาจากอนาคต เธอเดาว่าพวกเขาคงคิดว่ามันดีแล้ว นี่เป็นช่องว่างระหว่างยุคสมัยจริงๆ

“ไปกันเถอะ นี่ก็เกือบจะบ่ายแล้ว” มู่หรงลุกขึ้นและพูดออกมา

หวังฉิงเดินตรงเข้าไปและจับมือเล็กของเธอไว้ พวกเขาดูเหมือนกับเป็นคู่รักที่รักใคร่กันมากจริงๆ อย่างน้อยก็ในสายตาของฟางเสี่ยวโหรว

เสี่ยวฉิงก้มหัวลงเพราะกลัวว่าตัวเองจะดูกังวลมากเกินไปจนทำให้ท่านหญิงติดร่างแหไปด้วย

ฟางเสี่ยวโหรวอยู่อีกข้างของหวังฉิง มารยาทที่เธอถูกสอนมาตั้งแต่เด็กจนโตทำให้เธอไม่สามารถที่จะเดินนำหน้าองค์ชายได้ อย่างไรก็ตามเธอก็พูดไม่ได้ว่าสามีของเธอโง่ เธอทำได้เพียงโทษมู่เทียน นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ยั่วยวนองค์ชายอย่างไร้ยางอาย

มู่หรงคอยเฝ้าเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าให้ทนอีกหน่อย อดทนอีกหน่อย เธอจะให้ความพยายามก่อนหน้านี้สูญเปล่าไม่ได้

แม่นมหลิวที่เดินอยู่ในระดับเดียวกับเสี่ยวฉิง จ้องไปที่เสี่ยวฉิงอย่างดุดัน เด็กสาวนี่อวดดีที่ไม่ยอมรับสินบนจากเธอ ในตำหนักของมู่เทียน มีเพียงสาวใช้คนนี้ที่ใกล้ชิดกับมู่เทียนที่สุด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเธอจะพยายามสอบถามมากแค่ไหน เด็กสาวนี่ก็ปิดปากเงียบและไม่ยอมพูดอะไรที่เกี่ยวกับมู่เทียนเลย

หลังจากที่กลับไป เธอจะต้องหาโอกาสที่จะจัดการแม่เด็กนี่หน่อยแล้ว ทำให้นางเข้าใจว่าตอนนี้ใครที่ใหญ่ที่สุดในวัง เพียงช่วงเวลาสั้นๆแต่แม่นมหลิวก็คิดวิธีที่โหดร้ายได้มากมาย เดิมทีแม่นมหลิวเป็นคนของท่านแม่ของฟางเสี่ยวโหรว เธอรู้วิธีสกปรกมากมายที่จะช่วยเจ้านายได้ อีกอย่างชีวิตของเหล่าสาวใช้ให้วังก็อยู่ในกำมือเธอด้วย

มันเป็นเรื่องยากที่เธอจะรู้สึกกลัวอะไรในเมื่อตอนกลางคืนเธอไม่เคยฝันร้ายถึงอะไรเลย พูดง่ายๆว่าคนแบบนี้ไร้ซึ่งมโนธรรม

ตลอดทางมู่หรงแวะซื้อของมากมาย แน่นอนว่าเธอไม่ได้ซื้อแค่ของที่จำเป็น ไม่งั้นมันคงจะดูออกง่ายเกินไป มู่หรงแทบจะซื้อทุกอย่างที่เห็นเลย พูดได้ว่ากวาดเรียบไปตลอดทาง ทุกอย่างดูเป็นของที่น่าตื่นตาตื่นใจไปซะหมด ขนาดกระทะก็ไม่เว้น

หวังฉิงคิดแค่เพียงว่าเพราะเธอไม่ใช่คนจากโลกนี้ ดังนั้นเธอก็เลยสนใจกับทุกอย่างและไม่อยากจะคิดสงสัยอะไร

อันที่จริงมู่หรงเองก็ชอบแบบนี้มากเหมือนกัน บางครั้งเธอก็ร้องโวยวายออกมาบ้างเป็นบางครั้งซึ่งทำให้หวังฉิงหัวเราะได้อย่างมาก

ฟางเสี่ยวโหรวที่เดินตามมาพร้อมกับสีหน้ารังเกียจ ในหัวใจเธอคิดเพียงแค่ว่ามู่เทียนคงจะเป็นผู้หญิงจนๆ ก็เลยไม่เคยเห็นของพวกนี้ เธอก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมากมาย

ไม่ว่ามู่เทียนจะซื้ออะไร หวังฉิงก็จะเดินตามเพื่อจ่ายตังค์ให้อย่างเอาอกเอาใจ ถึงแม้ว่าของพวกนั้นจะไร้ประโยชน์ก็ตามเถอะ

เดิมทีมู่หรงเสวี่ยอยากที่จะจ่ายด้วยตัวเองแต่หวังฉิง ชายหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่จะยอมให้ผู้หญิงอันเป็นที่รักจ่ายได้เองได้ยังไงล่ะ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 339 ความรู้สึกที่แท้จริงและเจตนาที่เป็นเท็จ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 339 ความรู้สึกที่แท้จริงและเจตนาที่เป็นเท็จ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 339

ความรู้สึกที่แท้จริงและเจตนาที่เป็นเท็จ

“ไม่ได้จะหนีไปตอนนี้หรอก ไม่ต้องกังวลไปขนาดนั้น ดูหน้าเจ้าสิซีดเป็นไก่เลย ต่อให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นข้าก็ยังกลัวท่าทางของเจ้าตอนนี้อยู่ดี” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

เสี่ยวฉิงตบไปที่หน้าอกตัวเองและพูดออกมาว่า “นายหญิงก็ ข้าคิดว่าท่านจะหนีไปตอนนี้เลย”

“โง่น่าเสี่ยวฉิง อย่าคิดมากเกินไปสิ ถ้าเจ้าเอาแต่ตัวสั่นแล้วก็กลัวอยู่แบบนี้ตลอด เจ้าไม่กลัวคนอื่นจะเห็นหรือไง?” มู่หรงเสวี่ยอย่างช่วยไม่ได้

เสี่ยวฉิงกำผ้าเช็ดหน้าแน่น กัดริมฝีปาก ขมวดคิ้วและพูดออกมาอย่างเป็นกังวล “นายหญิงเจ้าคะ ข้าจะทำได้ยังไง? ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้เลย” เธอแทบที่จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว

ในตอนนี้มู่หรงเองก็รู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่บอกนางเร็วเกินไปและไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหา แต่นี่กลับทำให้เสี่ยวฉิงคิดมากเกินไปกับเรื่องนี้

“เสี่ยวฉิง อย่าคิดมากไปเลยนะ มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย อีกอย่าง ข้าไม่ได้จะไปตอนนี้ แต่ตอนนี้ได้เวลาที่เราจะต้องออกไปกันแล้ว” มู่หรงแตะไปที่ไหล่ของนางและพูดออกมา

เสี่ยวฉิงพยักหน้าและเดินออกไปพร้อมกัน

ไม่ห่างออกไปนัก องครักษ์ชุดดำที่จ้องพวกนางมาตลอดก็รู้สึกโล่งใจเมื่อได้เห็นพวกนางเดินออกมา เพราะเรื่องขายหน้าครั้งที่แล้วทำให้องครักษ์ชุดดำสองคนที่แอบตามนางต้องถูกลงโทษ ถึงแม้จะยังไม่ตายแต่ก็กว่าจะลุกออกจากเตียงได้ก็ปาเข้าไปครึ่งเดือนได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาต้องเสียหน้าสุดๆในฐานะองครักษ์ลับอันดับหนึ่ง สิ่งที่น่าอับอายที่สุดคือพวกเขาคลาดสายตาจากผู้หญิงคนหนึ่ง

ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ตามพวกนางไปทั้งหมด แต่แยกสามคนให้คอยตามพวกนางไปและให้อีกสองคนเฝ้าคอยสังเกตอยู่ที่ตำแหน่งเดิม เพราะกลัวว่ามู่หรงเสวี่ยจะสลับตัวกันอีกครั้ง

มู่หรงเสวี่ยและเสี่ยวฉิงกลับไปที่ห้องหมายเลขหนึ่ง สีหน้าของหวังฉิงดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มของเขาดูอบอุ่นและสายตาก็เต็มไปด้วยความรักใคร่ เขาเหมือนกับเป็นแสงอาทิตย์ที่เปล่งประกายหลังจากพายุฝน สว่างและสดใส

เขาโบกมือให้มู่หรงเสวี่ย “มู่เทียน มานั่งนี่เร็วเดี๋ยวอาหารจะเย็นหมดนะ”

มู่หรงยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มแสนสวยและเดินเข้าไปหาเขาอย่างเชื่อฟัง “ทำไมเจ้าไม่กินก่อนล่ะ? ไม่ต้องรอข้าหรอก”

เธอเห็นอาหารบนโต๊ะยังเหมือนเดิมไม่ถูกแตะเลย หวังฉิงและฟางเสี่ยวโหรวไม่ได้หยิบตะเกียบขึ้นมาเลย

“ต้องรอสิ มาเถอะ มาชิมกุ้งนี่หน่อย นี่เป็นจานขึ้นชื่อของที่นี่เลยนะ” หวังฉิงหยิบตะเกียบขึ้นมาและตักกุ้งไปวางที่ถ้วยของมู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยเองก็ตักพริกขึ้นมา เธอไม่ชอบกินจึงใส่เข้าไปในถ้วยของหวังฉิงพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าเองก็กินเยอะๆนะ”

“องค์ชายไม่ชอบกินเผ็ด” ฟางเสี่ยวโหรวมองไปที่มู่เทียนด้วยสายตาดูถูกพร้อมทั้งตักผักใส่ลงไปในถ้วยของหวังฉิง “องค์ชาย ลองชิมอันนี้ดูเจ้าคะ ส่วนพริกนั้นไม่ต้องกินหรอกนะเจ้าคะ”

มู่หรงเหล่ตาไปมองฟางเสี่ยวโหรวเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พยายามที่จะยั่วอะไร จะหาเหตุผลอะไรกับผู้หญิงที่ความรักบังตาล่ะ

หวังฉิงไม่เข้าใจน้ำเสียงและสีหน้าจึงตักพริกเข้าปากและกินเข้าไป มู่หรงเงียบไปชั่วขณะ ไม่ได้คิดว่าเขาจะกินเข้าไปจริงๆ ถึงแม้เธอแค่อยากจะแกล้งเขาเฉยๆแต่เมื่อได้เห็นเขากินเข้าไปจริงก็อดที่จะรู้สึกลำบากใจไม่ได้

และฟางเสี่ยวโหรวที่อยู่ข้างๆ ริมฝีปากเซ็กซี่บิดเบี้ยวอยู่บนใบหน้าพร้อมสายตาที่จ้องมาที่มู่เทียนอย่างโหดร้าย

หวังฉิงหลงผู้หญิงคนนี้มากจริงๆ

มู่หรงรีบยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาและยื่นไปให้หวังฉิงที่หน้าแดงก่ำอยู่ตรงหน้า “เอ้า ดื่มน้ำก่อน”

หวังฉิงจับไปที่มือของมู่เทียนพร้อมด้วยสายที่จ้องไปที่ มู่เทียนอย่างหลงใหลแล้วจึงดื่มชาเข้าไป

สีหน้าของมู่หรงเสวี่นสะดุดไปชั่วขณะ เธอเพียงแค่อยากจะส่งน้ำชาให้เขาเฉยๆไม่ได้คิดว่าจะป้อนเขา

อีกอย่างสายตาของหวังฉิงก็ช่างร้อนรุ่มจนเธอแทบจะทนไม่ไหว

สุดท้ายหลังจากที่ดื่มเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็รีบดึงมือตัวเองกลับมาทันที ในตอนนี้ฟางเสี่ยวโหรวก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและเช็ดไปที่มุมปากของหวังฉิง

“รีบกินเข้าเถอะ อาหารเย็นหมดแล้ว” มู่หรงเสวี่ยหันกลับมา ถึงแม้เธออยากที่จะลดการคุ้มกันของเขา แต่เธอก็แสดงต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

“งั้นก็กินเยอะๆนะ” หวังฉิงพูดพร้อมรอยยิ้ม

ทั้งสองต่างก็ทำราวกับว่าฟางเสี่ยวโหรวเป็นอากาศธาตุ มู่หรงเสี่ยวไม่สนใจที่ฟางเสี่ยวโหรวเอาแต่จ้องมาที่เธอ หวังฉิงเองก็ดูจะไม่ตอบสนองอะไรเลยเช่นกัน

เขาเคยเป็นผู้ชายที่คิดว่าผู้หญิงทุกคนก็เหมือนกันหมดแต่ตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่ามีคนหนึ่งที่สำคัญกับหัวใจเขาเป็นพิเศษ มู่เทียนคือคนที่สำคัญที่สุด อันที่จริงเขาก็ไม่ได้โง่ เขามองออกว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง แต่อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาอีกแล้วใช่ไหมล่ะ?! มันจะต้องมีสักวันที่เธอยอมเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ เหมือนอย่างเมื่อกี้ที่มู่เทียนก็ไม่ได้หนีไปใช่ไหมล่ะ?! เขาเชื่อว่าถ้าเธออยากที่จะหนี มันก็คงจะมีวิธีอย่างเช่นการใช้สาวใช้เสี่ยวฉิงนั่น แต่เธอไม่ได้ทำอะไรและยอมกลับมาหาเขาด้วยความสมัครใจ

“หวังฉิงรอเดี๋ยวนะ ข้าอยากจะซื้ออะไรหน่อย มีหลายอย่างเลยที่อยากจะซื้อ อยู่ในตำหนักมันน่าเบื่อเกินไป ข้าอยากจะซื้ออะไรกลับไปเล่นหน่อยได้ไหม?” เธอถามออกมาหลังจากที่กินเสร็จ

ดวงตากลมโตกะพริบถี่

“เจ้าจะซื้ออะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ” หวังฉิงพูดออกมาเสียงดัง ในดินแดนแห่งไฟมีร้านสวยๆงามๆมากมายที่พวกองค์หญิงชอบไปกัน

ฟางเสี่ยวโหรวยืนกัดฟันแน่น หวังฉิงยุ่งขนาดนี้แต่ก็ยังยอมที่จะไปซื้อของกับนังจิ้งจอกนี่อีก เขาหลงนางหัวปักหัวปำเลยจริงๆ

“องค์ชาย ข้าเองก็มีของหลายอย่างที่อยากจะซื้อเหมือนกัน” ฟางเสี่ยวโหรวพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่พอใจเท่าไร

“เจ้าจะซื้ออะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ เจ้าเป็นคนดูแลเรื่องบัญชีภายในของวังอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?! อีกอย่างข้าจะให้เบี้ยเลี้ยงมู่เทียนเท่ากับจำนวนของข้าด้วยเหมือนกัน” หวังฉิงสั่งออกมาเสียงเรียบ

“องค์ชาย มันจะเป็นไปได้ยังไงเจ้าคะ?! ข้าไม่เคยแบ่งสัดส่วนให้ใครในตำหนักสูงขนาดนี้มาก่อนเลย ข้ากลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดเรื่องซุบซิบกันได้” ฟางเสี่ยวโหรวพูดออกด้วยน้ำเสียงเหมือนกับกัดฟันพูด

องค์ชายต้องใช้เงินเยอะเพราะเขาต้องใช้ทำธุรกิจต่างๆ แต่นังจิ้งจอกนี่จะเอาเงินมากมายแบบนั้นไปทำอะไร? ขนาดสนมที่อยู่ข้างกายอย่างเธอยังได้เพียงแค่หนึ่งในสิบขององค์ชายเลย

มู่หรงเงียบไปชั่วขณะแต่ไม่นานก็ได้สติกลับมา “ไม่นะหวังฉิง ปกติข้าก็ไม่ได้ใช้เงินอะไรอยู่แล้ว ให้ข้าเยอะแบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก” เธอไม่อยากที่จะเกี่ยวข้องกับหวังฉิงมากเกินไปและไม่อยากได้เงินเขาแม้แต่สักตำลึง

หวังฉิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยตอนที่ฟางเสี่ยวโหรวเปิดปากพูด นี่เงินของเขา เขาจะใช้ยังไงก็ได้ที่เขาต้องการและไม่มีใครที่จะมาห้ามเขาได้ด้วยถ้าเขาอยากที่จะทำอะไร อย่างไรก็ตามคำพูดของมู่เทียนทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ต้องการเงินแต่ข้าอยากที่จะให้ มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายจะให้เงินผู้หญิงของตัวเอง” หวังฉิงพูด

มู่หรงหยิบเงินเล็กน้อยออกมาจากแขนเสื้อ “ข้าก็มีเงิน เจ้าเห็นไหม ข้าไม่ต้องการจริงๆ” เธอส่ายหัวปฏิเสธ

เขามองไปที่เงินที่อยู่ในมือเธอซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นเงินจากดินแดนเฮ่ยเฉิน สีหน้าเขาขรึมขึ้นเล็กน้อย “เจ้ามีเงินกับเรื่องที่ข้าจะให้เจ้า มันคนละเรื่องกัน” หลังจากเงียบไปสักพัก เขาก็เหล่ตาไปทางฟางเสี่ยวโหรวแล้วจึงพูดต่อ “ช่างมันเถอะ เจ้าไม่ต้องแบ่งเงินให้มู่เทียน ข้าจะให้นางเอง”

ถ้าเธอรู้ว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ เธอก็คงจะเห็นด้วยกับเขาไปแล้วเพราะสิ่งที่องค์ชายจะให้มันต้องมากกว่าอยู่แล้ว นี่มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดแต่เธอจะทำอะไรได้? คำพูดของหวังฉิงถือเป็นที่สิ้นสุด

ในยุคโบราณแบบนี้ ผู้หญิงจะนับถือสามีราวกับเป็นพระเจ้า ความคิดของพวกเธอขึ้นอยู่กับสีหน้าของหวังฉิง เมื่อนึกถึงอดีต หวังฉิงเป็นคนที่ฉลาด ไม่เคยหลงระเริงไปกับความงามและให้เกียรติเธอมากตลอด คนภายนอกมากมายต่างก็อิจฉาเธอกันทั้งนั้น ฟางเสี่ยวโหรวคิดว่านั่นคือช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุด

อย่างไรก็ตามเมื่อองค์ชายพาผู้หญิงที่ชื่อมู่เทียนกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป แล้วแบบนี้เธอจะทนรับการมีตัวตนของ มู่เทียนอยู่ได้ยังไง

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

พูดกันง่ายๆ ทำไมพวกผู้ชายต้องบังคับผู้หญิงอะไรแบบนี้ด้วย อีกอย่างเธอก็ไม่ได้อยากที่จะสู้ด้วยจริงๆเพื่อที่ว่าหลังจากที่เธอไปแล้วจะได้ไม่มีเรื่องอะไรที่ยุ่งเหยิง นี่เศร้าจริงๆเมื่อคิดถึงผู้หญิงในยุคนี้ แต่นี่ก็เป็นเพียงมุมมองสายตาของเธอที่มาจากอนาคต เธอเดาว่าพวกเขาคงคิดว่ามันดีแล้ว นี่เป็นช่องว่างระหว่างยุคสมัยจริงๆ

“ไปกันเถอะ นี่ก็เกือบจะบ่ายแล้ว” มู่หรงลุกขึ้นและพูดออกมา

หวังฉิงเดินตรงเข้าไปและจับมือเล็กของเธอไว้ พวกเขาดูเหมือนกับเป็นคู่รักที่รักใคร่กันมากจริงๆ อย่างน้อยก็ในสายตาของฟางเสี่ยวโหรว

เสี่ยวฉิงก้มหัวลงเพราะกลัวว่าตัวเองจะดูกังวลมากเกินไปจนทำให้ท่านหญิงติดร่างแหไปด้วย

ฟางเสี่ยวโหรวอยู่อีกข้างของหวังฉิง มารยาทที่เธอถูกสอนมาตั้งแต่เด็กจนโตทำให้เธอไม่สามารถที่จะเดินนำหน้าองค์ชายได้ อย่างไรก็ตามเธอก็พูดไม่ได้ว่าสามีของเธอโง่ เธอทำได้เพียงโทษมู่เทียน นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ยั่วยวนองค์ชายอย่างไร้ยางอาย

มู่หรงคอยเฝ้าเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าให้ทนอีกหน่อย อดทนอีกหน่อย เธอจะให้ความพยายามก่อนหน้านี้สูญเปล่าไม่ได้

แม่นมหลิวที่เดินอยู่ในระดับเดียวกับเสี่ยวฉิง จ้องไปที่เสี่ยวฉิงอย่างดุดัน เด็กสาวนี่อวดดีที่ไม่ยอมรับสินบนจากเธอ ในตำหนักของมู่เทียน มีเพียงสาวใช้คนนี้ที่ใกล้ชิดกับมู่เทียนที่สุด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเธอจะพยายามสอบถามมากแค่ไหน เด็กสาวนี่ก็ปิดปากเงียบและไม่ยอมพูดอะไรที่เกี่ยวกับมู่เทียนเลย

หลังจากที่กลับไป เธอจะต้องหาโอกาสที่จะจัดการแม่เด็กนี่หน่อยแล้ว ทำให้นางเข้าใจว่าตอนนี้ใครที่ใหญ่ที่สุดในวัง เพียงช่วงเวลาสั้นๆแต่แม่นมหลิวก็คิดวิธีที่โหดร้ายได้มากมาย เดิมทีแม่นมหลิวเป็นคนของท่านแม่ของฟางเสี่ยวโหรว เธอรู้วิธีสกปรกมากมายที่จะช่วยเจ้านายได้ อีกอย่างชีวิตของเหล่าสาวใช้ให้วังก็อยู่ในกำมือเธอด้วย

มันเป็นเรื่องยากที่เธอจะรู้สึกกลัวอะไรในเมื่อตอนกลางคืนเธอไม่เคยฝันร้ายถึงอะไรเลย พูดง่ายๆว่าคนแบบนี้ไร้ซึ่งมโนธรรม

ตลอดทางมู่หรงแวะซื้อของมากมาย แน่นอนว่าเธอไม่ได้ซื้อแค่ของที่จำเป็น ไม่งั้นมันคงจะดูออกง่ายเกินไป มู่หรงแทบจะซื้อทุกอย่างที่เห็นเลย พูดได้ว่ากวาดเรียบไปตลอดทาง ทุกอย่างดูเป็นของที่น่าตื่นตาตื่นใจไปซะหมด ขนาดกระทะก็ไม่เว้น

หวังฉิงคิดแค่เพียงว่าเพราะเธอไม่ใช่คนจากโลกนี้ ดังนั้นเธอก็เลยสนใจกับทุกอย่างและไม่อยากจะคิดสงสัยอะไร

อันที่จริงมู่หรงเองก็ชอบแบบนี้มากเหมือนกัน บางครั้งเธอก็ร้องโวยวายออกมาบ้างเป็นบางครั้งซึ่งทำให้หวังฉิงหัวเราะได้อย่างมาก

ฟางเสี่ยวโหรวที่เดินตามมาพร้อมกับสีหน้ารังเกียจ ในหัวใจเธอคิดเพียงแค่ว่ามู่เทียนคงจะเป็นผู้หญิงจนๆ ก็เลยไม่เคยเห็นของพวกนี้ เธอก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมากมาย

ไม่ว่ามู่เทียนจะซื้ออะไร หวังฉิงก็จะเดินตามเพื่อจ่ายตังค์ให้อย่างเอาอกเอาใจ ถึงแม้ว่าของพวกนั้นจะไร้ประโยชน์ก็ตามเถอะ

เดิมทีมู่หรงเสวี่ยอยากที่จะจ่ายด้วยตัวเองแต่หวังฉิง ชายหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่จะยอมให้ผู้หญิงอันเป็นที่รักจ่ายได้เองได้ยังไงล่ะ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+