ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 346 ฟางเสี่ยวโหรวลงมืออีกครั้ง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 346 ฟางเสี่ยวโหรวลงมืออีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 346

ฟางเสี่ยวโหรวลงมืออีกครั้ง

“หวังฉิง ออกไปเล่นข้างนอกกันเถอะ อยู่ในรถแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร?” มู่หรงพูดพร้อมรอยยิ้ม และเป็นอีกครั้งที่มู่หรงไม่ได้บังเอิญหันไปเห็นรอยยิ้มดูถูกของฟางเสี่ยวโหรว

“ตกลง ลงไปจากรถกันเถอะ หวังฉิงมองไปที่มู่หรงเสวี่ยแล้วจึงยกม่านขึ้นเพื่อบอกคนขับรถด้านนอก “หยุดรถ”

หวังฉิงลงรถนำไปก่อน เขาหันกลับมายื่นมือให้ มู่หรงเสวี่ยจับเพื่อลงจากรถ ฟางเสี่ยวโหรวรีบวางมือตัวเองลงไปในมือของหวังฉิงพร้อมด้วยรอยยิ้มเขินอายเล็กน้อย

มู่หรงไม่สนใจภาพที่อยู่ตรงหน้าและกระโดดลงจากรถเองทันที จริงๆก็ไม่ได้สูงอะไรอยู่แล้ว

หวังฉิงรีบพูดออกไปเสียงสูงอย่างช่วยไม่ได้ว่าให้ระวังจะบาดเจ็บด้วย

มู่หรงหัวเราะแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยแล้ววิ่งออกไปทันที “โคมไฟเยอะมากเลย”

หวังฉิงบอกให้ทหารชุดดำรีบตามเธอไป

ต่อมาเขาเองก็จับมือฟางเสี่ยวโหรวและเดินตามไป

มู่หวงดึงเสี่ยวฉิงเพื่อให้รีบไปดูสิ่งที่เธอสนใจ

หวังฉิงก็เป็นคนดีนะ แต่ชีวิตแบบนี้มันไม่เหมาะกับเธอ เมื่อเธอนึกถึงชีวิตที่แล้ว เธอก็ยังรู้สึกเจ็บทุกครั้งเมื่อเห็นฟางฉีหัวหันไปมองผู้หญิงคนอื่น แล้วเธอจะทนกับชีวิตของการมีเมียสามคนกับสนมอีกสี่ได้ยังไง

ทุกวันต้องรออย่างไร้จุดหมายไม่รู้ว่าวันนี้สามีตัวเองจะไปเข้าห้องไหน เรื่องแบบนั้นเธอทำใจไม่ได้หรอก

“นายหญิงเป็นอะไรเจ้าคะ?” เสี่ยวฉิงดึงแขนเสื้อของ มู่หรง

มู่หรงได้สติกลับมา “มีอะไรเหรอ?” เด็กสาวนี่เริ่มที่จะกล้ามากขึ้นทุกวันและเธอเองก็มีความสุขกับการเปลี่ยนแปลงนี้มากด้วย ไม่เสียแรงที่เธออุตส่าห์เล่าเรื่องยุคสมัยใหม่ให้นางฟังตั้งเยอะ

เสี่ยวฉิงเองก็เริ่มที่จะตื่นเต้นที่ตัวเองไม่รู้สึกกังวลอะไรเลยสักนิด

“ไม่ต้องห่วงหรอก มาสนุกกันก่อนเถอะ” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างคนที่ชื่นชอบโคมไฟ เสน่ห์ของรอยยิ้มและท่าทางไปเข้าตาของใครหลายๆคนซึ่งทำให้หัวใจของคนที่ได้เห็นกลับสงบได้อย่างน่าประหลาด

“ยังจะเล่นได้อีกเหรอเนี่ย?!” เสี่ยวฉิงอดไม่ได้ที่จะเขย่าต่อท่านหญิงขี้เล่นของเธอ

ที่ปลายหางตาของเธอเห็นว่าองค์ชายกำลังเดินมาและเสี่ยวฉิงจึงรีบเปลี่ยนท่าทีกลับมาเป็นเคารพอ่อนน้อมเหมือนเดิม

“สวยไหม?” มู่หรงเสวี่ยยกโคมไฟน่ารักทีรูปร่างเหมือนกระต่ายขึ้นมา

รอยยิ้มบนใบหน้าที่ราวกับดอกไม้บานจนหวังฉิงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาแล้วหยิกไปที่แก้มชมพูระเรื่อของเธอ

มู่หรงตีไปที่มือของเขาอย่างไม่พอใจ “เจ็บนะ”

หวังฉิงมองไปที่รอยแดงบนหน้าของเธอแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างอ่อนโยน เขามองไปที่สายตาแดงระเรื่ออย่างไม่พอใจของเธอ ก้มหัวลงมาเล็กน้อยและกระซิบเสียงเบา “โอ้ ก็เจ้าสวยเหลือเกินจนข้าอดใจไม่ไหวจริงๆ”

ลมหายใจที่กระจายไปทั่วใบหูของมู่หรงทำให้เธอขนลุกขึ้นมาในทันที นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับความรู้สึกรักใคร่อะไรเลยมันก็เป็นแค่การตอบสนองทางธรรมชาติทั่วไป

มู่หรงรีบกระโดดหลบทันทีแล้วก็รีบวิ่งหนีไป “ข้าจะไปดูตรงโน้นหน่อยนะ” พร้อมด้วยเสี่ยวฉิงที่รีบตามไปทันที

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะของหวังฉิงดังออกมา

ประกายดำมือแวบขึ้นมาในสายตาของฟางเสี่ยวโหรว หลังจากที่กระซิบเสียงเบากับแม่นมหลิวแล้วเธอก็เดินตรงเข้าไปหาหวังฉิงที่กำลังอารมณ์ดี “องค์ชาย ตรงนั้นมีเกมปริศนาให้เล่นด้วย เราลองไปเล่นกันหน่อยดีไหมเจ้าคะ?”

ทิศทางที่ฟางเสี่ยวโหรวชี้ไปอยู่ตรงข้ามกับทิศทางของ มู่หรงเสวี่ย

หวังฉิงหุบยิ้มแล้วจึงตอบแค่สั่นๆ ไปว่า “ตรงนั้นก็มีเกมอักษรไขว้ให้เล่นเหมือนกัน ไปกันเถอะ” แล้วก็หันฝีเท้าไปในทิศทางของมู่หรงทันที ฟางเสี่ยวโหรวกัดริมฝีปากแล้วจึงรีบซ่อนสายตาตัวเอง เธอพยักหน้าแล้วจึงเดินไปในทิศทางที่ไม่รู้จัก

สาวใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังเธอไม่น่าที่จะเห็นเพราะพวกนางยืนอยู่ด้านหลังของฟางเสี่ยวโหรว

เธอเดินไปช้าๆและมองไปที่องค์ชายและมู่เทียนที่กำลังคุยกันอยู่ไกลๆ เธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินขนาดนี้มาก่อนเลย

ฝั่งขององค์ชายก็ดูเหมือนจะยังรับรองตำแหน่งตัวเองไม่ได้ แต่ในเมื่อโลกนี้มีเธอ ฟางเสี่ยวโหรวแล้ว ทำไมสวรรค์ต้องส่งนางมาอีก องค์ชายเป็นของเธอและจะไม่มีใครมาแย่งไปได้ด้วย

ทั้งคนที่หลงกันจนหน้ามืดตาบอดนี้จะต้องถูกจับแยกออกจากกันซะ

แล้วเธอก็ซ่อนความคิดไว้เงียบๆ เผยรอยยิ้มแสนอ่อนโยนออกมาและเดินตรงเข้าไป “น้องเล็ก ลองเล่นปริศนาด้วยกันสักตาสองตาไหม?” น้ำเสียงอ่อนหวานดังออกมา เธอไม่เชื่อหรอกว่ามู่เทียนจะเล่นเกมปริศนาพวกนี้ได้! นางก็คงจะมีดีแค่เรื่องความสวยที่ทำให้องค์ชายหลงได้

เธอจะต้องทำให้องค์ชายเห็นตัวตนที่แท้จริงของมู่เทียนให้ได้

ในสายตาของมู่หรงเสวี่ยมีประกายเย็นชาแวบขึ้นมา ต่อให้เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเสี่ยวโหรวก็ยังทนไม่ได้เลยจริงๆ แต่ทำไมเธอจะต้องไปโมโหนางด้วยล่ะ? “หวังฉิง ถ้าข้าทายไม่ถูก เจ้าช่วยข้าทายด้วยนะ ข้าอยากได้โคมไฟอันนั้น” เธอชี้ไปที่โคมไฟอันบนสุด

ฟางเสี่ยวโหรวที่ไม่อยากจะเผยความอ่อนแอจึงพูดออกไปด้วยว่า “องค์ชาย ข้าเองก็ชอบโคมอันนั้นด้วยเหมือนกัน” เมื่อพูดจบก็มองไปทางมู่หรงด้วยสายตายั่วยุ

มู่หรงเสวี่ยกลอกตาและทุกเรื่องก็ต้องเอามาสู้กันตลอด

สายตาของหวังฉิงเติมไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกอึดอัดกับเรื่องพวกนี้แต่เขาเองก็ชอบที่พวกสาวๆหึงกันเองเพราะแย่งเขา

“ได้ ข้าจะเอามาให้เจ้าเอง” โคมไฟทุกอันในงานเทศกาลแขกทุกคนจะต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้เล่นเกม ซึ่งธรรมเนียมพวกนี้เหล่าคนขายสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความสนุก

ด้วยความสามารถของหวังฉิงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรอยู่แล้ว วินาทีต่อมาโคมไฟทั้งสองอันก็ถูกยื่นใส่มือของมู่หรงเสวี่ยและฟางเสี่ยวโหรว

ฟางเสี่ยวโหรวมองอย่างอวดๆไปทางมู่หรงเสวี่ย

นางมีเรื่องอะไรให้อวดกันเนี่ย! มู่หรงเสวี่ยไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าฟางเสี่ยวโหรวจะอวดอะไร

ฟางเสี่ยวโหรวอยากที่จะอวดจริงๆ องค์ชายยื่นโคมไฟใส่มือเธอก่อน เร็วกว่าของนางหลายวินาที

“สาวน้อย เจ้าหายไปอยู่ไหนมา? สามีอย่างข้าหาตัวอยู่ตั้งนาน” ชายร่างเตี้ยวิ่งมาแต่ไกลพร้อมสายตาลามก เหมือนจะเข้ามากอดมู่หรงโดยไม่ทันตั้งตัว

เสี่ยวฉิงรีบเข้ามาขวางด้านหน้ามู่หรงเสวี่ยไว้ทันที่

หวังฉิงที่เร็วกว่า ปัดมือของชายคนนั้นออกไปเต็มแรง อยากตายหรือไงถึงได้กล้ามาตะโกนเรียกผู้หญิงของเขาแบบนั้น

แม่นมหลิวกลับมาอยู่ที่เดิมของตัวเองทันทีตอนที่ไม่มีใครสังเกต เธอและฟางเสี่ยวโหรวต่างก็สบตากันอย่างชัดเจน

ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย มู่หรงเสวี่ยตะลึงไปชั่วขณะ

บ้าเอ่ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย! เธอไปมีสามีตั้งแต่เมื่อไรกัน?!

เพียงชั่วครู่ มู่หรงก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้และรีบหันไปมองในทิศทางของฟางเสี่ยวโหรวทันที

ฟางเสี่ยวโหรวปิดบังท่าทางไว้เรียบร้อยแล้ว

“เสี่ยวซื่อ เจ้าลืมแล้วหรือไง?! นี่สามีเจ้าไง” ชายที่ถูกผลักล้มไปกองกับพื้นร้องตะโกนออกมาเสียงดังจนคนที่อยู่รอบๆเริ่มที่จะหันมาสนใจกันแล้ว

ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องอะไรในโลกนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องมาทนกับเรื่องอะไรแบบนี้

“กล้าดียังไงมาพูดจาไร้สาระ ท่านหญิงของข้าไม่ใช่เมียของเจ้านะ” เสี่ยวฉิงโมโหอย่างมาก ในสายตาของเธอ ท่านหญิงเป็นคนที่ดีราวกับเทพธิดา คนดีอยู่ตรงหน้าเธอหน้าตาน่าเกลียดอย่างที่สุด กล้าดียังไงมาพูดกับท่านหญิงของเธอแบบนี้

หลังจากนั้น เธอก็เตะชายตรงหน้าไปหลายทีด้วยความโมโห

แต่แทนที่จะกลัว ชายคนนั้นกลับร้องตะโกนออกมา “เสี่ยวซื่อ ข้ารู้ดีว่าสามีอย่างข้ามันหน้าตาน่าเกลียดและข้าก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายเพื่อให้เจ้าเอาไปแต่งตัวสวยๆ มันเป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะใฝ่สูง แต่ข้าในฐานะสามีจะพยายามหาเงินมาให้เจ้าเยอะ ๆ ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องลำบาก” เมื่อพูดแบบนี้ออกมา ฝูงชนก็เริ่มที่จะซุบซิบกันพร้อมทั้งมองมาทางมู่หรงด้วยสายตาแปลกๆ ชายที่อยู่ที่พื้นหน้าตาน่าเกลียดจริงๆ ซึ่งต่อให้เป็นแม่หม้ายทั่วไปในชนบทก็ยังไม่ชอบเขาเลย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สาวสวยแบบนี้จะทิ้งเขาไป

สายตาของหวังฉิงแวบประกายเย็นชา “กล้ามากนะ กล้าดียังไงมาพูดจาไร้สาระแบบนี้ ลากไอ้คนโกหกนี่ไปฆ่าทั้งซะ”

สีหน้าของฟางเสี่ยวโหรวที่ยินดีได้ไม่ถึงสองวินาทีต้องสะดุดนิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของหวังฉิง

“องค์ชาย ทำไมไม่ฟังน้องเล็กอธิบายก่อนละเจ้าคะ?” ฟางเสี่ยวโหรวเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและจงใจที่จะเปิดเผยตัวตนของหวังฉิงด้วย

ผู้คนที่อยู่โดยรอบเมื่อได้ยินว่าองค์ชายแห่งดินแดนแห่งไฟมาที่นี่ด้วย จึงต่างก็คุกเข่าลงกับพื้น “องค์ชาย ขอองค์ชายจงอายุยืนหมื่นๆปี”

“ลุกขึ้น” หวังฉิงเก็บกดความโกรธเอาไว้และพูดออกมา

“น้องเล็ก ข้าได้ยินมาว่าตระกูลของเจ้าต้องลำบากเพราะความขัดสน เจ้ามีอะไรที่จะพูดไหมน้องเล็ก?” ฟางเสี่ยวโหรวพูดออกมาเสียงดังให้ได้ยันไปทั้งถนนที่ตอนนี้ต่างก็เงียบสนิท

มู่หรงเสวี่ยแสยะ ฟางเสี่ยวโหรวนี่ทรงอำนาจจริงๆ เธอคิดว่าคงจะมีคนตายด้วยน้ำมือนางมามากแล้วเช่นกัน “เจ้าสงสัยเรื่องตระกูลของข้างั้นเหรอ?! เจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นลูกสาวของตระกูลผู้ร่ำรวย?” มู่หรงแสยะไปทางฟางเสี่ยวโหรวและพูดออกมาเสียงเรียบ

“เจ้าโกหก!” ฟางเสี่ยวโหรวพูดออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ได้ เสียงเธอจึงดังอย่างควบคุมไม่ได้

เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ เธอก็รีบปรับน้ำเสียงทันทีและพูดออกมาว่า “จะเป็นไปได้ยังไง? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องตระกูลของน้องเล็กเลย ถ้าเจ้าอายที่จะพูดก็ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”

ในตอนนี้ชายน่าเกลียดที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้นรู้สึกอยากที่จะเป็นลมแล้ว

ถึงแม้เขาจะอยากได้เงินแต่เขาก็ไม่ได้โง่ เขาถูกหลอกมา

อีกฝ่ายบอกแค่ว่าผู้หญิงเป็นเพียงแค่สาวใช้เท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร ส่วนคนที่มากับเธอด้วย พวกเขาเองก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไร

แต่เขาไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นองค์ชาย เขาไม่ได้อยากตายจนถึงขนาดมาขโมยผู้หญิงขององค์ชายหรอกนะ!

ที่มุมปากของแม่นมหลิวมีรอยยิ้มแสยะ คุ้มแล้วที่สามีของนางเป็นคนฝึกมา เขาทำงานเร็วดีจริงๆ ถึงขนาดหาคนที่หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้มาได้

ดูสิว่านางจะตอบองค์ชายยังไง แล้วถ้าจักรพรรดิรู้เข้าจะเสียใจขนาดไหนนะ

มู่หรงแสยะ ลูกไม้แค่นี้ก็ยังจะเอาออกมาเล่นอีกนะ “ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า ข้าเป็นคนของดินแดนแห่งไฟ”

“น้องเล็กพูดอีกทีสิ” พร้อมด้วยรอยยิ้มแข็งๆ

มู่หรงเดินไปอยู่ข้างกายหวังฉิง “ข้าเป็นใคร องค์ชายรู้ดีที่สุด ส่วนเจ้าที่อยู่ที่พื้น ข้าเกรงว่าคงมีคนเล่นลูกไม้กับเจ้าแล้วล่ะ”

ใบหน้าหล่อเหลาของหวังฉิงเครียดขึ้นมา “ลากตัวไป”

ทหารที่อยู่ด้านหลังเขารีบเข้ามาและลากชายคนนั้นออกไปทันที

“องค์ชาย ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ มีคนจ้างให้ข้ามาทำแบบนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องของข้าเลยองค์ชาย…” ชายคนนั้นเอาแต่ร้องขอความเมตตา

สีหน้าของฟางเสี่ยวโหรวเปลี่ยนไป ไร้ประโยชน์จริงๆ

ในเมื่อชายคนนั้นพูดแบบนี้แล้ว งั้นจะมีเรื่องอะไรให้เข้าใจผิดได้อีกล่ะ

ฝูงชนต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นได้ชัดพร้อมทั้งส่งสายตาขอโทษมาทางมู่หรง

หวังฉิงมองไปที่ฟางเสี่ยวโหรวอย่างเย็นชา สายตาเย็นชาแบบนั้นทะลุไปถึงข้างในจนร่างกายของฟางเสี่ยวโหรอสั่นเทิ้มไปหมด สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นขาวซีดเป็นกระดาษ!

องค์ชายเกลียดเธอ นี่มันเกินจะรับไหวมากกว่าที่มู่เทียนแย่งความรักขององค์ชายไปอีก

แต่จะโทษเธอได้งั้นเหรอ?! ไม่มีหลักฐานว่าเป็นฝีมือเธอซะหน่อยใช่ไหม?! องค์ชายจะทำแบบนั้นไม่ได้ ใช่ไหม?! ในหัวใจของฟางเสี่ยวโหรวแทบจะร้องไห้ออกมา

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 346 ฟางเสี่ยวโหรวลงมืออีกครั้ง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 346 ฟางเสี่ยวโหรวลงมืออีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 346

ฟางเสี่ยวโหรวลงมืออีกครั้ง

“หวังฉิง ออกไปเล่นข้างนอกกันเถอะ อยู่ในรถแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร?” มู่หรงพูดพร้อมรอยยิ้ม และเป็นอีกครั้งที่มู่หรงไม่ได้บังเอิญหันไปเห็นรอยยิ้มดูถูกของฟางเสี่ยวโหรว

“ตกลง ลงไปจากรถกันเถอะ หวังฉิงมองไปที่มู่หรงเสวี่ยแล้วจึงยกม่านขึ้นเพื่อบอกคนขับรถด้านนอก “หยุดรถ”

หวังฉิงลงรถนำไปก่อน เขาหันกลับมายื่นมือให้ มู่หรงเสวี่ยจับเพื่อลงจากรถ ฟางเสี่ยวโหรวรีบวางมือตัวเองลงไปในมือของหวังฉิงพร้อมด้วยรอยยิ้มเขินอายเล็กน้อย

มู่หรงไม่สนใจภาพที่อยู่ตรงหน้าและกระโดดลงจากรถเองทันที จริงๆก็ไม่ได้สูงอะไรอยู่แล้ว

หวังฉิงรีบพูดออกไปเสียงสูงอย่างช่วยไม่ได้ว่าให้ระวังจะบาดเจ็บด้วย

มู่หรงหัวเราะแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยแล้ววิ่งออกไปทันที “โคมไฟเยอะมากเลย”

หวังฉิงบอกให้ทหารชุดดำรีบตามเธอไป

ต่อมาเขาเองก็จับมือฟางเสี่ยวโหรวและเดินตามไป

มู่หวงดึงเสี่ยวฉิงเพื่อให้รีบไปดูสิ่งที่เธอสนใจ

หวังฉิงก็เป็นคนดีนะ แต่ชีวิตแบบนี้มันไม่เหมาะกับเธอ เมื่อเธอนึกถึงชีวิตที่แล้ว เธอก็ยังรู้สึกเจ็บทุกครั้งเมื่อเห็นฟางฉีหัวหันไปมองผู้หญิงคนอื่น แล้วเธอจะทนกับชีวิตของการมีเมียสามคนกับสนมอีกสี่ได้ยังไง

ทุกวันต้องรออย่างไร้จุดหมายไม่รู้ว่าวันนี้สามีตัวเองจะไปเข้าห้องไหน เรื่องแบบนั้นเธอทำใจไม่ได้หรอก

“นายหญิงเป็นอะไรเจ้าคะ?” เสี่ยวฉิงดึงแขนเสื้อของ มู่หรง

มู่หรงได้สติกลับมา “มีอะไรเหรอ?” เด็กสาวนี่เริ่มที่จะกล้ามากขึ้นทุกวันและเธอเองก็มีความสุขกับการเปลี่ยนแปลงนี้มากด้วย ไม่เสียแรงที่เธออุตส่าห์เล่าเรื่องยุคสมัยใหม่ให้นางฟังตั้งเยอะ

เสี่ยวฉิงเองก็เริ่มที่จะตื่นเต้นที่ตัวเองไม่รู้สึกกังวลอะไรเลยสักนิด

“ไม่ต้องห่วงหรอก มาสนุกกันก่อนเถอะ” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างคนที่ชื่นชอบโคมไฟ เสน่ห์ของรอยยิ้มและท่าทางไปเข้าตาของใครหลายๆคนซึ่งทำให้หัวใจของคนที่ได้เห็นกลับสงบได้อย่างน่าประหลาด

“ยังจะเล่นได้อีกเหรอเนี่ย?!” เสี่ยวฉิงอดไม่ได้ที่จะเขย่าต่อท่านหญิงขี้เล่นของเธอ

ที่ปลายหางตาของเธอเห็นว่าองค์ชายกำลังเดินมาและเสี่ยวฉิงจึงรีบเปลี่ยนท่าทีกลับมาเป็นเคารพอ่อนน้อมเหมือนเดิม

“สวยไหม?” มู่หรงเสวี่ยยกโคมไฟน่ารักทีรูปร่างเหมือนกระต่ายขึ้นมา

รอยยิ้มบนใบหน้าที่ราวกับดอกไม้บานจนหวังฉิงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาแล้วหยิกไปที่แก้มชมพูระเรื่อของเธอ

มู่หรงตีไปที่มือของเขาอย่างไม่พอใจ “เจ็บนะ”

หวังฉิงมองไปที่รอยแดงบนหน้าของเธอแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างอ่อนโยน เขามองไปที่สายตาแดงระเรื่ออย่างไม่พอใจของเธอ ก้มหัวลงมาเล็กน้อยและกระซิบเสียงเบา “โอ้ ก็เจ้าสวยเหลือเกินจนข้าอดใจไม่ไหวจริงๆ”

ลมหายใจที่กระจายไปทั่วใบหูของมู่หรงทำให้เธอขนลุกขึ้นมาในทันที นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับความรู้สึกรักใคร่อะไรเลยมันก็เป็นแค่การตอบสนองทางธรรมชาติทั่วไป

มู่หรงรีบกระโดดหลบทันทีแล้วก็รีบวิ่งหนีไป “ข้าจะไปดูตรงโน้นหน่อยนะ” พร้อมด้วยเสี่ยวฉิงที่รีบตามไปทันที

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะของหวังฉิงดังออกมา

ประกายดำมือแวบขึ้นมาในสายตาของฟางเสี่ยวโหรว หลังจากที่กระซิบเสียงเบากับแม่นมหลิวแล้วเธอก็เดินตรงเข้าไปหาหวังฉิงที่กำลังอารมณ์ดี “องค์ชาย ตรงนั้นมีเกมปริศนาให้เล่นด้วย เราลองไปเล่นกันหน่อยดีไหมเจ้าคะ?”

ทิศทางที่ฟางเสี่ยวโหรวชี้ไปอยู่ตรงข้ามกับทิศทางของ มู่หรงเสวี่ย

หวังฉิงหุบยิ้มแล้วจึงตอบแค่สั่นๆ ไปว่า “ตรงนั้นก็มีเกมอักษรไขว้ให้เล่นเหมือนกัน ไปกันเถอะ” แล้วก็หันฝีเท้าไปในทิศทางของมู่หรงทันที ฟางเสี่ยวโหรวกัดริมฝีปากแล้วจึงรีบซ่อนสายตาตัวเอง เธอพยักหน้าแล้วจึงเดินไปในทิศทางที่ไม่รู้จัก

สาวใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังเธอไม่น่าที่จะเห็นเพราะพวกนางยืนอยู่ด้านหลังของฟางเสี่ยวโหรว

เธอเดินไปช้าๆและมองไปที่องค์ชายและมู่เทียนที่กำลังคุยกันอยู่ไกลๆ เธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินขนาดนี้มาก่อนเลย

ฝั่งขององค์ชายก็ดูเหมือนจะยังรับรองตำแหน่งตัวเองไม่ได้ แต่ในเมื่อโลกนี้มีเธอ ฟางเสี่ยวโหรวแล้ว ทำไมสวรรค์ต้องส่งนางมาอีก องค์ชายเป็นของเธอและจะไม่มีใครมาแย่งไปได้ด้วย

ทั้งคนที่หลงกันจนหน้ามืดตาบอดนี้จะต้องถูกจับแยกออกจากกันซะ

แล้วเธอก็ซ่อนความคิดไว้เงียบๆ เผยรอยยิ้มแสนอ่อนโยนออกมาและเดินตรงเข้าไป “น้องเล็ก ลองเล่นปริศนาด้วยกันสักตาสองตาไหม?” น้ำเสียงอ่อนหวานดังออกมา เธอไม่เชื่อหรอกว่ามู่เทียนจะเล่นเกมปริศนาพวกนี้ได้! นางก็คงจะมีดีแค่เรื่องความสวยที่ทำให้องค์ชายหลงได้

เธอจะต้องทำให้องค์ชายเห็นตัวตนที่แท้จริงของมู่เทียนให้ได้

ในสายตาของมู่หรงเสวี่ยมีประกายเย็นชาแวบขึ้นมา ต่อให้เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเสี่ยวโหรวก็ยังทนไม่ได้เลยจริงๆ แต่ทำไมเธอจะต้องไปโมโหนางด้วยล่ะ? “หวังฉิง ถ้าข้าทายไม่ถูก เจ้าช่วยข้าทายด้วยนะ ข้าอยากได้โคมไฟอันนั้น” เธอชี้ไปที่โคมไฟอันบนสุด

ฟางเสี่ยวโหรวที่ไม่อยากจะเผยความอ่อนแอจึงพูดออกไปด้วยว่า “องค์ชาย ข้าเองก็ชอบโคมอันนั้นด้วยเหมือนกัน” เมื่อพูดจบก็มองไปทางมู่หรงด้วยสายตายั่วยุ

มู่หรงเสวี่ยกลอกตาและทุกเรื่องก็ต้องเอามาสู้กันตลอด

สายตาของหวังฉิงเติมไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกอึดอัดกับเรื่องพวกนี้แต่เขาเองก็ชอบที่พวกสาวๆหึงกันเองเพราะแย่งเขา

“ได้ ข้าจะเอามาให้เจ้าเอง” โคมไฟทุกอันในงานเทศกาลแขกทุกคนจะต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้เล่นเกม ซึ่งธรรมเนียมพวกนี้เหล่าคนขายสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความสนุก

ด้วยความสามารถของหวังฉิงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรอยู่แล้ว วินาทีต่อมาโคมไฟทั้งสองอันก็ถูกยื่นใส่มือของมู่หรงเสวี่ยและฟางเสี่ยวโหรว

ฟางเสี่ยวโหรวมองอย่างอวดๆไปทางมู่หรงเสวี่ย

นางมีเรื่องอะไรให้อวดกันเนี่ย! มู่หรงเสวี่ยไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าฟางเสี่ยวโหรวจะอวดอะไร

ฟางเสี่ยวโหรวอยากที่จะอวดจริงๆ องค์ชายยื่นโคมไฟใส่มือเธอก่อน เร็วกว่าของนางหลายวินาที

“สาวน้อย เจ้าหายไปอยู่ไหนมา? สามีอย่างข้าหาตัวอยู่ตั้งนาน” ชายร่างเตี้ยวิ่งมาแต่ไกลพร้อมสายตาลามก เหมือนจะเข้ามากอดมู่หรงโดยไม่ทันตั้งตัว

เสี่ยวฉิงรีบเข้ามาขวางด้านหน้ามู่หรงเสวี่ยไว้ทันที่

หวังฉิงที่เร็วกว่า ปัดมือของชายคนนั้นออกไปเต็มแรง อยากตายหรือไงถึงได้กล้ามาตะโกนเรียกผู้หญิงของเขาแบบนั้น

แม่นมหลิวกลับมาอยู่ที่เดิมของตัวเองทันทีตอนที่ไม่มีใครสังเกต เธอและฟางเสี่ยวโหรวต่างก็สบตากันอย่างชัดเจน

ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย มู่หรงเสวี่ยตะลึงไปชั่วขณะ

บ้าเอ่ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย! เธอไปมีสามีตั้งแต่เมื่อไรกัน?!

เพียงชั่วครู่ มู่หรงก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้และรีบหันไปมองในทิศทางของฟางเสี่ยวโหรวทันที

ฟางเสี่ยวโหรวปิดบังท่าทางไว้เรียบร้อยแล้ว

“เสี่ยวซื่อ เจ้าลืมแล้วหรือไง?! นี่สามีเจ้าไง” ชายที่ถูกผลักล้มไปกองกับพื้นร้องตะโกนออกมาเสียงดังจนคนที่อยู่รอบๆเริ่มที่จะหันมาสนใจกันแล้ว

ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องอะไรในโลกนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องมาทนกับเรื่องอะไรแบบนี้

“กล้าดียังไงมาพูดจาไร้สาระ ท่านหญิงของข้าไม่ใช่เมียของเจ้านะ” เสี่ยวฉิงโมโหอย่างมาก ในสายตาของเธอ ท่านหญิงเป็นคนที่ดีราวกับเทพธิดา คนดีอยู่ตรงหน้าเธอหน้าตาน่าเกลียดอย่างที่สุด กล้าดียังไงมาพูดกับท่านหญิงของเธอแบบนี้

หลังจากนั้น เธอก็เตะชายตรงหน้าไปหลายทีด้วยความโมโห

แต่แทนที่จะกลัว ชายคนนั้นกลับร้องตะโกนออกมา “เสี่ยวซื่อ ข้ารู้ดีว่าสามีอย่างข้ามันหน้าตาน่าเกลียดและข้าก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายเพื่อให้เจ้าเอาไปแต่งตัวสวยๆ มันเป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะใฝ่สูง แต่ข้าในฐานะสามีจะพยายามหาเงินมาให้เจ้าเยอะ ๆ ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องลำบาก” เมื่อพูดแบบนี้ออกมา ฝูงชนก็เริ่มที่จะซุบซิบกันพร้อมทั้งมองมาทางมู่หรงด้วยสายตาแปลกๆ ชายที่อยู่ที่พื้นหน้าตาน่าเกลียดจริงๆ ซึ่งต่อให้เป็นแม่หม้ายทั่วไปในชนบทก็ยังไม่ชอบเขาเลย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สาวสวยแบบนี้จะทิ้งเขาไป

สายตาของหวังฉิงแวบประกายเย็นชา “กล้ามากนะ กล้าดียังไงมาพูดจาไร้สาระแบบนี้ ลากไอ้คนโกหกนี่ไปฆ่าทั้งซะ”

สีหน้าของฟางเสี่ยวโหรวที่ยินดีได้ไม่ถึงสองวินาทีต้องสะดุดนิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของหวังฉิง

“องค์ชาย ทำไมไม่ฟังน้องเล็กอธิบายก่อนละเจ้าคะ?” ฟางเสี่ยวโหรวเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและจงใจที่จะเปิดเผยตัวตนของหวังฉิงด้วย

ผู้คนที่อยู่โดยรอบเมื่อได้ยินว่าองค์ชายแห่งดินแดนแห่งไฟมาที่นี่ด้วย จึงต่างก็คุกเข่าลงกับพื้น “องค์ชาย ขอองค์ชายจงอายุยืนหมื่นๆปี”

“ลุกขึ้น” หวังฉิงเก็บกดความโกรธเอาไว้และพูดออกมา

“น้องเล็ก ข้าได้ยินมาว่าตระกูลของเจ้าต้องลำบากเพราะความขัดสน เจ้ามีอะไรที่จะพูดไหมน้องเล็ก?” ฟางเสี่ยวโหรวพูดออกมาเสียงดังให้ได้ยันไปทั้งถนนที่ตอนนี้ต่างก็เงียบสนิท

มู่หรงเสวี่ยแสยะ ฟางเสี่ยวโหรวนี่ทรงอำนาจจริงๆ เธอคิดว่าคงจะมีคนตายด้วยน้ำมือนางมามากแล้วเช่นกัน “เจ้าสงสัยเรื่องตระกูลของข้างั้นเหรอ?! เจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นลูกสาวของตระกูลผู้ร่ำรวย?” มู่หรงแสยะไปทางฟางเสี่ยวโหรวและพูดออกมาเสียงเรียบ

“เจ้าโกหก!” ฟางเสี่ยวโหรวพูดออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ได้ เสียงเธอจึงดังอย่างควบคุมไม่ได้

เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ เธอก็รีบปรับน้ำเสียงทันทีและพูดออกมาว่า “จะเป็นไปได้ยังไง? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องตระกูลของน้องเล็กเลย ถ้าเจ้าอายที่จะพูดก็ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”

ในตอนนี้ชายน่าเกลียดที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้นรู้สึกอยากที่จะเป็นลมแล้ว

ถึงแม้เขาจะอยากได้เงินแต่เขาก็ไม่ได้โง่ เขาถูกหลอกมา

อีกฝ่ายบอกแค่ว่าผู้หญิงเป็นเพียงแค่สาวใช้เท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร ส่วนคนที่มากับเธอด้วย พวกเขาเองก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไร

แต่เขาไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นองค์ชาย เขาไม่ได้อยากตายจนถึงขนาดมาขโมยผู้หญิงขององค์ชายหรอกนะ!

ที่มุมปากของแม่นมหลิวมีรอยยิ้มแสยะ คุ้มแล้วที่สามีของนางเป็นคนฝึกมา เขาทำงานเร็วดีจริงๆ ถึงขนาดหาคนที่หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้มาได้

ดูสิว่านางจะตอบองค์ชายยังไง แล้วถ้าจักรพรรดิรู้เข้าจะเสียใจขนาดไหนนะ

มู่หรงแสยะ ลูกไม้แค่นี้ก็ยังจะเอาออกมาเล่นอีกนะ “ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า ข้าเป็นคนของดินแดนแห่งไฟ”

“น้องเล็กพูดอีกทีสิ” พร้อมด้วยรอยยิ้มแข็งๆ

มู่หรงเดินไปอยู่ข้างกายหวังฉิง “ข้าเป็นใคร องค์ชายรู้ดีที่สุด ส่วนเจ้าที่อยู่ที่พื้น ข้าเกรงว่าคงมีคนเล่นลูกไม้กับเจ้าแล้วล่ะ”

ใบหน้าหล่อเหลาของหวังฉิงเครียดขึ้นมา “ลากตัวไป”

ทหารที่อยู่ด้านหลังเขารีบเข้ามาและลากชายคนนั้นออกไปทันที

“องค์ชาย ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ มีคนจ้างให้ข้ามาทำแบบนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องของข้าเลยองค์ชาย…” ชายคนนั้นเอาแต่ร้องขอความเมตตา

สีหน้าของฟางเสี่ยวโหรวเปลี่ยนไป ไร้ประโยชน์จริงๆ

ในเมื่อชายคนนั้นพูดแบบนี้แล้ว งั้นจะมีเรื่องอะไรให้เข้าใจผิดได้อีกล่ะ

ฝูงชนต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นได้ชัดพร้อมทั้งส่งสายตาขอโทษมาทางมู่หรง

หวังฉิงมองไปที่ฟางเสี่ยวโหรวอย่างเย็นชา สายตาเย็นชาแบบนั้นทะลุไปถึงข้างในจนร่างกายของฟางเสี่ยวโหรอสั่นเทิ้มไปหมด สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นขาวซีดเป็นกระดาษ!

องค์ชายเกลียดเธอ นี่มันเกินจะรับไหวมากกว่าที่มู่เทียนแย่งความรักขององค์ชายไปอีก

แต่จะโทษเธอได้งั้นเหรอ?! ไม่มีหลักฐานว่าเป็นฝีมือเธอซะหน่อยใช่ไหม?! องค์ชายจะทำแบบนั้นไม่ได้ ใช่ไหม?! ในหัวใจของฟางเสี่ยวโหรวแทบจะร้องไห้ออกมา

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+