ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 35 รับผลกรรมของตัวเองซะ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 35 รับผลกรรมของตัวเองซะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 35
รับผลกรรมของตัวเองซะ

“คุณป้า ยกโทษให้หนูด้วยนะคะ…คุณป้า หนูไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายเสี่ยวเสวี่ย…” ภาพวิดีโอคำสารภาพของเสี่ยวเข่อลี่ถูกบันทึกไว้ที่ตระกูลมู่หรง

มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าเสี่ยวเข่อลี่เจ้าเล่ห์ เธอจึงรู้สึกสังหรณ์ใจและแอบบันทึกวิดีโอไว้ เห็นไหมล่ะ! ตอนนี้ได้ใช้ประโยชน์แล้ว

เมื่อได้เห็นภาพวิดีโอในโทรศัพท์สีหน้าของหวังหยานก็ซีดเผือด แล้วนี่ยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจได้อีกล่ะ?! เธอถูกเสี่ยวเข่อลี่ หลอกใช้ เมื่อคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้อย่างละเอียด เสี่ยวเข่อลี่มักจะบอกว่าเธอนิสัยไม่ค่อยดีและเธอก็อารมณ์ร้อนมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไปทำให้คนหลายคนไม่พอใจแต่ไม่มีใครโทษเสี่ยวเข่อลี่เลย

เช่นเดียวกันนั้น เข่อลี่วิ่งตามเธอมา ดังนั้นเข่อลี่จึงควรจะมาเจอกับมู่หรงเสวี่ยที่นี่ตั้งนานแล้วแต่เธอไม่เห็นว่าเข่อลี่จะตามมาถึงสักที ต่อให้เข่อลี่เดินมาอย่างช้าๆ ก็ควรจะมาถึงได้แล้ว

สีหน้าของหวังหยานเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เธอเอาแต่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เธอเคยมีหน้าตาที่น่ารัก หวังหยานปากสั่นไปหมด หลังจากเวลาผ่านไปนานเธอก็พูดออกมาว่า “ฉันขอโทษ” เธอร้องไห้และวิ่งออกไป เมื่อได้รู้ว่าถูกหักหลังโดยเพื่อนสนิทก็เลยแทบจะทนรับไม่ไหว เด็กนักเรียนมากมายที่อยู่รอบมาตั้งแต่ต้นต่างก็ซุบซิบถึงเรื่องสิ่งที่เสี่ยวเข่อลี่ทำลงไป

ตอนนี้เสี่ยวเข่อลี่มาสาย อย่างไรก็ตามท่าทางรังเกียจทำให้เธอต้องหยุดเล็กน้อย สิ่งที่แตกต่างไปจากที่เธอคาดไว้ เมื่อเธอมองไปรอบๆ แต่กลับไม่เจอหวังหยาน?! เธอมาตามหามู่หรงเสวี่ยไม่ใช่เหรอ?! มันเป็นไปได้ยังไง? เมื่อดูจากนิสัยของหวังหยานแล้ว หวังหยานจะต้องรีบมายืนข้างเธอเพื่อสนับสนุนทันทีไม่ใช่เหรอ?! ถูกใส่ร้ายงั้นเหรอ!

เสี่ยวเข่อลี่กำหมัดแน่น บังคับสายตาตัวเองให้ไม่สนใจคนอื่นๆและเดินกลับไปนั่งในที่ของตัวเองอย่างเงียบๆ
“เบอร์ 1 ใช่ไหมล่ะ?! ยังมีหน้ามาเรียนอีกนะ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดออกมาถึงแม้ปกติแล้วเสี่ยวเข่อลี่จะอ่อนหวานและอบอุ่นก็ตามแต่ก็ยังมีเด็กสาวบางคนที่เกลียดเธออยู่ดี

“หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงอีกนะเนี่ย”ทันทีที่มีคนหนึ่งเปิดปาก นักเรียนอีกหลายคนก็พูดกันเพิ่มมากขึ้นอีก

“น่าเสียดายความรักที่ฉันเคยมีให้เธอจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าดอกไม้งามจะเน่าเฟะได้ขนาดนี้ อี๊!” เด็กหนุ่มๆก็ทนกับเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน รู้สึกเหมือนโดนหักหลัง

“ผู้หญิงแบบนี้เลวถึงขนาดหลอกใช้เพื่อนตัวเอง ไม่รู้เลยว่าหวังหยานจะเสียใจมากแค่ไหน…”

“ใช่เลย ในอนาคตต้องอยู่ห่างๆคนแบบนี้ไว้นะ…”
“…”

เสี่ยวเข่อลี่กัดฟันแน่นกว่าเดิมเพราะพยายามที่จะอดกลั้นกับคำประชดประชันที่ได้ยินเข้าหูเธอตอนนี้ ตอนนี้ถ้าเธอโมโหขึ้นมามันก็มีแต่จะทำให้เรื่องยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก เธอต้องทนเอาไว้

นักเรียนทุกคนที่กำลังพูดถึงเรื่องนี้ไม่มีใครสังเกตเห็นร่องรอยของความโกรธแค้นในสายตาเธอเลย รอก่อนเถอะสักวันเธอจะทำให้พวกเขาต้องมาคุกเข่าต่อหน้าเธอ

มู่หรงเสวี่ยเดินตามเสี่ยวเข่อลี่เข้ามาในห้องเรียน เธออดไม่ได้ที่จะใช้หางตาเพื่อสังเกต และเธอก็ต้องประหลาดใจกับการอดกลั้นของเสี่ยวเข่อลี่ ช่างเป็นคนที่รับมือได้ดีจริงๆ

หลังจากเลิกเรียน เสี่ยวเข่อลี่ก็มาขวางทางมู่หรงเสวี่ยไว้และเริ่มที่จะพูดกับเธอ

มู่หรงเสวี่ยบอกให้โม่อ้ายลี่กลับไปก่อนและเดินตามเสี่ยวเข่อลี่ไปที่มุมเงียบของโรงเรียนด้วยกัน ไม่มีคนอื่นอยู่รอบๆเลย

“พูดออกมาเลย มีอะไรให้ฉันช่วยงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถามออกไป เธอเดินมากับเสี่ยวเข่อลี่เพราะอยากที่จะรู้ว่าเธอมีแผนอะไรอีก เข่อลี่อยากให้เธอช่วยปกปิดเรื่องนี้งั้นเหรอ?! มันเป็นไปได้เหรอ?! น่าประหลาดใจที่เสี่ยวเข่อลี่ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายหรือมีสีหน้าบ้าคลั่งเลย แต่กลับสงบอย่างมาก

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกว่าต้องระวัง เสี่ยวเข่อลี่ต้องการอะไรกันแน่!? นิ่งเงียบแบบนี้มันน่ากลัวมากขึ้นไปอีกว่าไหม?! เธอไม่รู้ว่าเข่อลี่คิดอะไรอยู่?!

“มู่หรงเสวี่ย จริงๆแล้วเธอเกลียดฉันมาตลอดใช่ไหม?” พูดออกมาตรงๆไม่มีอ้อมค้อม มู่หรงเสวี่ยประหลาดใจ เสี่ยวเข่อลี่มักจะมีแผนการเสมอ แต่อยู่ดีๆกลับพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา เข่อลี่พูดจาดูแปลกมากๆ ขณะที่กำลังเตรียมคำตอบ เธอจึงได้สังเกตว่าที่กระเป๋าเสื้อของเสี่ยวเข่อลี่ตุงขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น?!

อะไรกันเนี่ย?! สมองเธอแวบคำตอบขึ้นมาทันที มันคือปากกาบันทึกเสียง! โอ้! เสี่ยวเข่อลี่ไม่พักเลยนะเนี่ย อันที่จริงเสี่ยวเข่อลี่รู้ว่าจะต้องสู้กลับยังไงเลยพยายามที่จะจับเธอ
เมื่อรู้ว่าเสี่ยวเข่อลี่ต้องการจะทำอะไร เธอจึงตอบกลับไป “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? เป็นเธอต่างหากไม่ใช่เหรอที่เกลียดฉันมาตลอด? ไม่งั้นเธอคงไม่ให้พวกโจรมาลักพาตัวฉันหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะคนอื่นมาช่วยฉันไว้ ฉันก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองจะไปอยู่ที่ไหนแล้ว?”

“เธอโกรธฉันเพราะเรื่องหยางเฟิงใช่ไหม? เธอชอบ หยางเฟิงใช่ไหม?” เสี่ยวเข่อลี่กัดฟันแล้วเปลี่ยนเรื่อง

มู่หรงเสวี่ยแสยะแต่น้ำเสียงยังเสแสร้งอยู่ “พูดถึงเรื่องพี่ หยางเฟิง ฉันจำได้ว่าเธอไม่ใช่เหรอที่ชอบเขาก่อน ไม่งั้นเธอจะแกล้งสะดุดขาให้ฉันล้มแล้วก็ขายหน้างั้นเหรอ อีกอย่างนะหยางเฟิงกับฉันก็เป็นแค่เพื่อนกัน อย่าพูดไร้สาระน่า แล้วมันก็ไม่ดีเลยนะที่แอบถ่ายรูปฉันกับหยางเฟิงอ่ะ”

ไม่มีช่องโหว่เลยเหรอ? บ้าจริง! ตรงกันข้ามเลยมีแต่เรื่องไม่ดีของเธอเอง ไม่มีอะไรดีๆเลย “เสี่ยวเสวี่ย ฉันรู้ว่าฉันทำผิดไปแต่เห็นได้ชัดว่าเธอก็รู้ว่าฉันชอบหยางเฟิง แล้วเธอไปยั่วเขาทำไม? ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ฉันก็คงไม่เข้าใจผิดอยู่นานหรอก”

เธอเปลี่ยนแผนงั้นเหรอ?! ล่อลวงงั้นเหรอ? นังงูพิษชัดๆ “เสี่ยวเข่อลี่ เธอไม่ได้สะท้อนเรื่องที่เธอทำผิดเลยแต่กลับมาถามฉัน คนที่เป็นเหยี่อ ฉันไม่รู้จริงๆว่าใจเธอคิดอะไร?! ฉันไม่ได้ติดต่อกับหยางเฟิงเลย แต่ถ้าเธอบอกว่าฉันยั่วเขาฉันก็คงรู้สึกว่ามันแปลกๆ ถ้าเธอเรียกการที่ฉันไม่ได้ติดต่อกับเขาว่ายั่ว แล้วการที่เธอตัวติดกับเขาทุกวันมันเรียกว่าอะไรล่ะ?”

“คือเธอไม่ต้องตอบฉันก็ได้ ฉันรู้สึกขนลุกเวลาที่ยืนข้างเธอ ฉันอดคิดเรื่องนี้ตลอดเวลาไม่ได้ เธอใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรถึงใส่ร้ายฉันได้…” มู่หรงเสวี่ยพูด โดยไม่สนใจท่าทางของเสี่ยวเข่อลี่ เธอรีบเดินจากไปในทันที นี่มันเสียเวลาจริง!

เสี่ยวเข่อลี่ยืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?

มู่หรงเสวี่ยกลับมาที่อะพาร์ตเมนต์พร้อมโม่จื่อเหวิน หลังจากที่คิดเรื่องนี้ เธอก็อัปโหลดวิดีโอความผิดของเสี่ยวเข่อลี่ขึ้นเว็บไซต์โรงเรียน แน่นอนว่าเธอไม่ได้ใช้ชื่อของตัวเอง เธอฉลาดพอที่จะไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเป็นฝีมือเธอ เดิมทีเธอไม่ได้อยากที่จะอัปโหลด เธอคิดว่าแค่เทปบันทึกเสียงก็เพียงพอแล้ว ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์ที่อ่อนหวานของหล่อนจะฝังลงไปในใจของคนมากมายอย่างแนบแน่น เธอเห็นแล้วว่าแค่เทปบันทึกยังทำให้คนมากมายไม่เชื่อได้อยู่
เธอชื่นชมการจัดการของเสี่ยวเข่อลี่จริงๆ

หลังจากนั้น มู่หรงเสวี่ยก็โทรหาพี่กู่ ถามถึงเรื่องขั้นตอนของบริษัท ที่ดินฝั่งตะวันออกเป็นยังไงบ้างแล้วก็ปัญหาเรื่องการพยายามสร้างแผนกใหม่ในอุตสาหกรรมยาด้วย

ช่วงนี้กู่หมิงยุ่งมากเพราะในบริษัทมีหลายเรื่องให้จัดการ นอกจากนี้สำหรับที่ดินฝั่งตะวันออกติดถนน อันที่จริงเขาเจอคนมากมายที่อยากจะซื้อ โชคดีที่เขาเดินหน้าซื้อมันก่อน เพราะเขายุ่งมากๆจึงไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้เธอรู้ บังเอิญเธอโทรมาเขาจึงรายงานเรื่องนี้ด้วย

หลังจากที่คุยกันนานสองชั่วโมง ส่วนใหญ่ก็เรื่องของแผนกการแพทย์ อย่างไรก็ตามกู่หมิงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความรู้เรื่องนี้ จึงขอให้เธอจ้างผู้เชี่ยวชาญมาดูแลเรื่องนี้ ไม่งั้นเขาก็คงจะต้องแยกร่าง

แน่นอน มู่หรงเสวี่ยรู้ว่ากู่หมิงแยกตัวไม่ได้ เธอจึงมีแผนที่จะขอให้ลั่วเฉิงเฟยมาหาเธอที่โรงเรียนพรุ่งนี้ ตอนนี้เธอแค่โทรมาบอกกู่หมิงก่อน
ในตอนเย็น มู่หรงเสวี่ยเติมน้ำแห่งจิตวิญญาณเจือจางใส่สองขวดจนเต็มแล้วจึงเรียกโม่จื่อเหวินให้แวะมาและบอกเขาว่าขวดหนึ่งสำหรับเขาและอีกขวดสำหรับเสี่ยวหลิน หลังจากนั้นก็บอกให้เขาดื่มวันละแก้ว โม่จื่อเหวินถือกลับไป

แน่นอนว่าคุณปู่คุณย่า พ่อและแม่เธอก็ต้องดื่มน้ำแห่งจิตวิญญาณเจือจางด้วยเหมือนกันและเธอจะแอบเอามาให้พวกเขาเรื่อยๆ

ผู้คนที่บ้านสุขภาพดีขึ้นๆและดูอ่อนเยาว์ขึ้นเรื่อยๆ ผมหงอกของคุณปู่คุณย่าก็เริ่มที่จะกลับมาเป็นสีดำอีกทีละเล็กทีละน้อย รอยเหี่ยวย่นก็ลดน้อยลงเยอะเลยด้วย จางเข่อเหรินก็สวยขึ้นทำให้เพื่อนๆที่มักจะแวะมาหาเธอที่บ้านต่างก็ถามความลับนี้กันใหญ่

แน่นอนรู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่เธอเลือกที่จะไม่บอก เพราะเธอแคร์ความรู้สึกของลูกสาว ตอนนี้ทั้งครอบครัวปิดปากเงียบเรื่องสิ่งที่เสี่ยวเสวี่ยมีและไม่อยากที่จะสร้างปัญหา

เสี่ยวเข่อลี่เป็นคนเดียวที่ทำให้มู่หรงเสวี่ยตื่นตัวได้ตลอด
ตอนนี้ที่โรงเรียนไม่มีใครอยากจะสุงสิงกับเสี่ยวเข่อลี่อีกแล้ว และบางครั้งเธอก็จะโดนนักเรียนคนอื่นทำร้ายด้วย และเธอก็จะอดกลั้นไม่สู้หรือร้องไห้ออกมา

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เสี่ยวเข่อลี่ทำยังเป็นเรื่องใหญ่ นักเรียนทั้งโรงเรียนรวมกันลงนามในจดหมายของโรงเรียน นักเรียนที่ไร้ศีลธรรมอย่างเสี่ยวเข่อลี่ไม่สมควรที่จะเรียนที่นี่ จึงมีการลงนามเพื่อให้ไล่เสี่ยวเข่อลี่ออก และโรงเรียนก็ไล่เสี่ยวเข่อลี่เนื่องจากข้อควรพิจารณาต่างๆ

แต่ยังไงซะเธอก็เป็นหลานของตระกูลมู่หรงและพ่อแม่เธอก็ตายหมดแล้ว พ่อแม่เสี่ยวเสวี่ยจึงทอดทิ้งเสี่ยวเข่อลี่ไม่ได้ สุดท้ายเสี่ยวเข่อลี่ก็ถูกโอนย้ายไปที่โรงเรียนมัธยมในเมือง B ซึ่งก็เป็นโรงเรียนชื่อดังเช่นกัน

ก่อนที่จะไปในที่สุดเสี่ยวเข่อลี่ก็เผยธาตุแท้ที่เก็บซ่อนไว้ออกมา เธอพูดกับมู่หรงเสวี่ยด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน “มู่หรงเสวี่ย เดี๋ยวก่อน ฉันจะกลับมาแน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

เมื่อเสี่ยวเข่อลี่ไป มู่หรงเสวี่ยไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลย ด้วยท่าทางแค้นของเสี่ยวเข่อลี่ เธอรู้สึกได้เลยว่าในอนาคตเธอจะต้องสร้างปัญหาให้อีกแน่ๆ นอกจากนี้ตอนที่เสียวเข่อลี่ย้ายไปเมือง B มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เสียวเสวี่ยจะคอยจับตาดูเสี่ยวเข่อลี่ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจะต้องแข็งแกร่งขึ้น

ก่อนที่เธอจะไปเสี่ยวเข่อลี่ไม่ได้ปิดบังความรู้สึกรังเกียจที่มีต่อตระกูลมู่หรงเลย มู่หรงเสวี่ยไม่ได้กลัวว่าเสี่ยวเข่อลี่จะมาจัดการเธอ แต่กลัวว่าเสี่ยวเข่อลี่จะมาทำร้ายครอบครัวที่เธอรัก

อาทิตย์เดียวผ่านไปไวราวกะพริบตา

มู่หรงเสวี่ยมองถนนทรุดโทรมที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีใครมาทำความสะอาดขยะที่อยู่บนถนนเลย มีขอทานหลายคนที่อยากจะเข้ามาขอเงินบ้างเป็นบางครั้งแต่ก็ถูกโม่จื่อเหวินไล่ไป

รูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของมู่หรงเสวี่ยและโม่จื่อเหวินดูไม่ค่อยเข้ากันกับสถานที่นี้เลย

พวกเขาไม่สนใจสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา พวกเขาเดินตรงไปที่ห้องสุดท้ายบนถนนที่ซึ่งตอนนี้เป็นที่อยู่ของ ลั่วเฉิงเฟย เธอเคยได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเขาในชีวิตที่แล้วจึงได้รู้ว่าในเวลานี้เขาอาศัยอยู่ในสลัม เธอขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยหาที่อยู่ที่ชัดเจนให้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 35 รับผลกรรมของตัวเองซะ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 35 รับผลกรรมของตัวเองซะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 35
รับผลกรรมของตัวเองซะ

“คุณป้า ยกโทษให้หนูด้วยนะคะ…คุณป้า หนูไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายเสี่ยวเสวี่ย…” ภาพวิดีโอคำสารภาพของเสี่ยวเข่อลี่ถูกบันทึกไว้ที่ตระกูลมู่หรง

มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าเสี่ยวเข่อลี่เจ้าเล่ห์ เธอจึงรู้สึกสังหรณ์ใจและแอบบันทึกวิดีโอไว้ เห็นไหมล่ะ! ตอนนี้ได้ใช้ประโยชน์แล้ว

เมื่อได้เห็นภาพวิดีโอในโทรศัพท์สีหน้าของหวังหยานก็ซีดเผือด แล้วนี่ยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจได้อีกล่ะ?! เธอถูกเสี่ยวเข่อลี่ หลอกใช้ เมื่อคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้อย่างละเอียด เสี่ยวเข่อลี่มักจะบอกว่าเธอนิสัยไม่ค่อยดีและเธอก็อารมณ์ร้อนมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไปทำให้คนหลายคนไม่พอใจแต่ไม่มีใครโทษเสี่ยวเข่อลี่เลย

เช่นเดียวกันนั้น เข่อลี่วิ่งตามเธอมา ดังนั้นเข่อลี่จึงควรจะมาเจอกับมู่หรงเสวี่ยที่นี่ตั้งนานแล้วแต่เธอไม่เห็นว่าเข่อลี่จะตามมาถึงสักที ต่อให้เข่อลี่เดินมาอย่างช้าๆ ก็ควรจะมาถึงได้แล้ว

สีหน้าของหวังหยานเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เธอเอาแต่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เธอเคยมีหน้าตาที่น่ารัก หวังหยานปากสั่นไปหมด หลังจากเวลาผ่านไปนานเธอก็พูดออกมาว่า “ฉันขอโทษ” เธอร้องไห้และวิ่งออกไป เมื่อได้รู้ว่าถูกหักหลังโดยเพื่อนสนิทก็เลยแทบจะทนรับไม่ไหว เด็กนักเรียนมากมายที่อยู่รอบมาตั้งแต่ต้นต่างก็ซุบซิบถึงเรื่องสิ่งที่เสี่ยวเข่อลี่ทำลงไป

ตอนนี้เสี่ยวเข่อลี่มาสาย อย่างไรก็ตามท่าทางรังเกียจทำให้เธอต้องหยุดเล็กน้อย สิ่งที่แตกต่างไปจากที่เธอคาดไว้ เมื่อเธอมองไปรอบๆ แต่กลับไม่เจอหวังหยาน?! เธอมาตามหามู่หรงเสวี่ยไม่ใช่เหรอ?! มันเป็นไปได้ยังไง? เมื่อดูจากนิสัยของหวังหยานแล้ว หวังหยานจะต้องรีบมายืนข้างเธอเพื่อสนับสนุนทันทีไม่ใช่เหรอ?! ถูกใส่ร้ายงั้นเหรอ!

เสี่ยวเข่อลี่กำหมัดแน่น บังคับสายตาตัวเองให้ไม่สนใจคนอื่นๆและเดินกลับไปนั่งในที่ของตัวเองอย่างเงียบๆ
“เบอร์ 1 ใช่ไหมล่ะ?! ยังมีหน้ามาเรียนอีกนะ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดออกมาถึงแม้ปกติแล้วเสี่ยวเข่อลี่จะอ่อนหวานและอบอุ่นก็ตามแต่ก็ยังมีเด็กสาวบางคนที่เกลียดเธออยู่ดี

“หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงอีกนะเนี่ย”ทันทีที่มีคนหนึ่งเปิดปาก นักเรียนอีกหลายคนก็พูดกันเพิ่มมากขึ้นอีก

“น่าเสียดายความรักที่ฉันเคยมีให้เธอจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าดอกไม้งามจะเน่าเฟะได้ขนาดนี้ อี๊!” เด็กหนุ่มๆก็ทนกับเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน รู้สึกเหมือนโดนหักหลัง

“ผู้หญิงแบบนี้เลวถึงขนาดหลอกใช้เพื่อนตัวเอง ไม่รู้เลยว่าหวังหยานจะเสียใจมากแค่ไหน…”

“ใช่เลย ในอนาคตต้องอยู่ห่างๆคนแบบนี้ไว้นะ…”
“…”

เสี่ยวเข่อลี่กัดฟันแน่นกว่าเดิมเพราะพยายามที่จะอดกลั้นกับคำประชดประชันที่ได้ยินเข้าหูเธอตอนนี้ ตอนนี้ถ้าเธอโมโหขึ้นมามันก็มีแต่จะทำให้เรื่องยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก เธอต้องทนเอาไว้

นักเรียนทุกคนที่กำลังพูดถึงเรื่องนี้ไม่มีใครสังเกตเห็นร่องรอยของความโกรธแค้นในสายตาเธอเลย รอก่อนเถอะสักวันเธอจะทำให้พวกเขาต้องมาคุกเข่าต่อหน้าเธอ

มู่หรงเสวี่ยเดินตามเสี่ยวเข่อลี่เข้ามาในห้องเรียน เธออดไม่ได้ที่จะใช้หางตาเพื่อสังเกต และเธอก็ต้องประหลาดใจกับการอดกลั้นของเสี่ยวเข่อลี่ ช่างเป็นคนที่รับมือได้ดีจริงๆ

หลังจากเลิกเรียน เสี่ยวเข่อลี่ก็มาขวางทางมู่หรงเสวี่ยไว้และเริ่มที่จะพูดกับเธอ

มู่หรงเสวี่ยบอกให้โม่อ้ายลี่กลับไปก่อนและเดินตามเสี่ยวเข่อลี่ไปที่มุมเงียบของโรงเรียนด้วยกัน ไม่มีคนอื่นอยู่รอบๆเลย

“พูดออกมาเลย มีอะไรให้ฉันช่วยงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถามออกไป เธอเดินมากับเสี่ยวเข่อลี่เพราะอยากที่จะรู้ว่าเธอมีแผนอะไรอีก เข่อลี่อยากให้เธอช่วยปกปิดเรื่องนี้งั้นเหรอ?! มันเป็นไปได้เหรอ?! น่าประหลาดใจที่เสี่ยวเข่อลี่ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายหรือมีสีหน้าบ้าคลั่งเลย แต่กลับสงบอย่างมาก

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกว่าต้องระวัง เสี่ยวเข่อลี่ต้องการอะไรกันแน่!? นิ่งเงียบแบบนี้มันน่ากลัวมากขึ้นไปอีกว่าไหม?! เธอไม่รู้ว่าเข่อลี่คิดอะไรอยู่?!

“มู่หรงเสวี่ย จริงๆแล้วเธอเกลียดฉันมาตลอดใช่ไหม?” พูดออกมาตรงๆไม่มีอ้อมค้อม มู่หรงเสวี่ยประหลาดใจ เสี่ยวเข่อลี่มักจะมีแผนการเสมอ แต่อยู่ดีๆกลับพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา เข่อลี่พูดจาดูแปลกมากๆ ขณะที่กำลังเตรียมคำตอบ เธอจึงได้สังเกตว่าที่กระเป๋าเสื้อของเสี่ยวเข่อลี่ตุงขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น?!

อะไรกันเนี่ย?! สมองเธอแวบคำตอบขึ้นมาทันที มันคือปากกาบันทึกเสียง! โอ้! เสี่ยวเข่อลี่ไม่พักเลยนะเนี่ย อันที่จริงเสี่ยวเข่อลี่รู้ว่าจะต้องสู้กลับยังไงเลยพยายามที่จะจับเธอ
เมื่อรู้ว่าเสี่ยวเข่อลี่ต้องการจะทำอะไร เธอจึงตอบกลับไป “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? เป็นเธอต่างหากไม่ใช่เหรอที่เกลียดฉันมาตลอด? ไม่งั้นเธอคงไม่ให้พวกโจรมาลักพาตัวฉันหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะคนอื่นมาช่วยฉันไว้ ฉันก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองจะไปอยู่ที่ไหนแล้ว?”

“เธอโกรธฉันเพราะเรื่องหยางเฟิงใช่ไหม? เธอชอบ หยางเฟิงใช่ไหม?” เสี่ยวเข่อลี่กัดฟันแล้วเปลี่ยนเรื่อง

มู่หรงเสวี่ยแสยะแต่น้ำเสียงยังเสแสร้งอยู่ “พูดถึงเรื่องพี่ หยางเฟิง ฉันจำได้ว่าเธอไม่ใช่เหรอที่ชอบเขาก่อน ไม่งั้นเธอจะแกล้งสะดุดขาให้ฉันล้มแล้วก็ขายหน้างั้นเหรอ อีกอย่างนะหยางเฟิงกับฉันก็เป็นแค่เพื่อนกัน อย่าพูดไร้สาระน่า แล้วมันก็ไม่ดีเลยนะที่แอบถ่ายรูปฉันกับหยางเฟิงอ่ะ”

ไม่มีช่องโหว่เลยเหรอ? บ้าจริง! ตรงกันข้ามเลยมีแต่เรื่องไม่ดีของเธอเอง ไม่มีอะไรดีๆเลย “เสี่ยวเสวี่ย ฉันรู้ว่าฉันทำผิดไปแต่เห็นได้ชัดว่าเธอก็รู้ว่าฉันชอบหยางเฟิง แล้วเธอไปยั่วเขาทำไม? ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ฉันก็คงไม่เข้าใจผิดอยู่นานหรอก”

เธอเปลี่ยนแผนงั้นเหรอ?! ล่อลวงงั้นเหรอ? นังงูพิษชัดๆ “เสี่ยวเข่อลี่ เธอไม่ได้สะท้อนเรื่องที่เธอทำผิดเลยแต่กลับมาถามฉัน คนที่เป็นเหยี่อ ฉันไม่รู้จริงๆว่าใจเธอคิดอะไร?! ฉันไม่ได้ติดต่อกับหยางเฟิงเลย แต่ถ้าเธอบอกว่าฉันยั่วเขาฉันก็คงรู้สึกว่ามันแปลกๆ ถ้าเธอเรียกการที่ฉันไม่ได้ติดต่อกับเขาว่ายั่ว แล้วการที่เธอตัวติดกับเขาทุกวันมันเรียกว่าอะไรล่ะ?”

“คือเธอไม่ต้องตอบฉันก็ได้ ฉันรู้สึกขนลุกเวลาที่ยืนข้างเธอ ฉันอดคิดเรื่องนี้ตลอดเวลาไม่ได้ เธอใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรถึงใส่ร้ายฉันได้…” มู่หรงเสวี่ยพูด โดยไม่สนใจท่าทางของเสี่ยวเข่อลี่ เธอรีบเดินจากไปในทันที นี่มันเสียเวลาจริง!

เสี่ยวเข่อลี่ยืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?

มู่หรงเสวี่ยกลับมาที่อะพาร์ตเมนต์พร้อมโม่จื่อเหวิน หลังจากที่คิดเรื่องนี้ เธอก็อัปโหลดวิดีโอความผิดของเสี่ยวเข่อลี่ขึ้นเว็บไซต์โรงเรียน แน่นอนว่าเธอไม่ได้ใช้ชื่อของตัวเอง เธอฉลาดพอที่จะไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเป็นฝีมือเธอ เดิมทีเธอไม่ได้อยากที่จะอัปโหลด เธอคิดว่าแค่เทปบันทึกเสียงก็เพียงพอแล้ว ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์ที่อ่อนหวานของหล่อนจะฝังลงไปในใจของคนมากมายอย่างแนบแน่น เธอเห็นแล้วว่าแค่เทปบันทึกยังทำให้คนมากมายไม่เชื่อได้อยู่
เธอชื่นชมการจัดการของเสี่ยวเข่อลี่จริงๆ

หลังจากนั้น มู่หรงเสวี่ยก็โทรหาพี่กู่ ถามถึงเรื่องขั้นตอนของบริษัท ที่ดินฝั่งตะวันออกเป็นยังไงบ้างแล้วก็ปัญหาเรื่องการพยายามสร้างแผนกใหม่ในอุตสาหกรรมยาด้วย

ช่วงนี้กู่หมิงยุ่งมากเพราะในบริษัทมีหลายเรื่องให้จัดการ นอกจากนี้สำหรับที่ดินฝั่งตะวันออกติดถนน อันที่จริงเขาเจอคนมากมายที่อยากจะซื้อ โชคดีที่เขาเดินหน้าซื้อมันก่อน เพราะเขายุ่งมากๆจึงไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้เธอรู้ บังเอิญเธอโทรมาเขาจึงรายงานเรื่องนี้ด้วย

หลังจากที่คุยกันนานสองชั่วโมง ส่วนใหญ่ก็เรื่องของแผนกการแพทย์ อย่างไรก็ตามกู่หมิงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความรู้เรื่องนี้ จึงขอให้เธอจ้างผู้เชี่ยวชาญมาดูแลเรื่องนี้ ไม่งั้นเขาก็คงจะต้องแยกร่าง

แน่นอน มู่หรงเสวี่ยรู้ว่ากู่หมิงแยกตัวไม่ได้ เธอจึงมีแผนที่จะขอให้ลั่วเฉิงเฟยมาหาเธอที่โรงเรียนพรุ่งนี้ ตอนนี้เธอแค่โทรมาบอกกู่หมิงก่อน
ในตอนเย็น มู่หรงเสวี่ยเติมน้ำแห่งจิตวิญญาณเจือจางใส่สองขวดจนเต็มแล้วจึงเรียกโม่จื่อเหวินให้แวะมาและบอกเขาว่าขวดหนึ่งสำหรับเขาและอีกขวดสำหรับเสี่ยวหลิน หลังจากนั้นก็บอกให้เขาดื่มวันละแก้ว โม่จื่อเหวินถือกลับไป

แน่นอนว่าคุณปู่คุณย่า พ่อและแม่เธอก็ต้องดื่มน้ำแห่งจิตวิญญาณเจือจางด้วยเหมือนกันและเธอจะแอบเอามาให้พวกเขาเรื่อยๆ

ผู้คนที่บ้านสุขภาพดีขึ้นๆและดูอ่อนเยาว์ขึ้นเรื่อยๆ ผมหงอกของคุณปู่คุณย่าก็เริ่มที่จะกลับมาเป็นสีดำอีกทีละเล็กทีละน้อย รอยเหี่ยวย่นก็ลดน้อยลงเยอะเลยด้วย จางเข่อเหรินก็สวยขึ้นทำให้เพื่อนๆที่มักจะแวะมาหาเธอที่บ้านต่างก็ถามความลับนี้กันใหญ่

แน่นอนรู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่เธอเลือกที่จะไม่บอก เพราะเธอแคร์ความรู้สึกของลูกสาว ตอนนี้ทั้งครอบครัวปิดปากเงียบเรื่องสิ่งที่เสี่ยวเสวี่ยมีและไม่อยากที่จะสร้างปัญหา

เสี่ยวเข่อลี่เป็นคนเดียวที่ทำให้มู่หรงเสวี่ยตื่นตัวได้ตลอด
ตอนนี้ที่โรงเรียนไม่มีใครอยากจะสุงสิงกับเสี่ยวเข่อลี่อีกแล้ว และบางครั้งเธอก็จะโดนนักเรียนคนอื่นทำร้ายด้วย และเธอก็จะอดกลั้นไม่สู้หรือร้องไห้ออกมา

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เสี่ยวเข่อลี่ทำยังเป็นเรื่องใหญ่ นักเรียนทั้งโรงเรียนรวมกันลงนามในจดหมายของโรงเรียน นักเรียนที่ไร้ศีลธรรมอย่างเสี่ยวเข่อลี่ไม่สมควรที่จะเรียนที่นี่ จึงมีการลงนามเพื่อให้ไล่เสี่ยวเข่อลี่ออก และโรงเรียนก็ไล่เสี่ยวเข่อลี่เนื่องจากข้อควรพิจารณาต่างๆ

แต่ยังไงซะเธอก็เป็นหลานของตระกูลมู่หรงและพ่อแม่เธอก็ตายหมดแล้ว พ่อแม่เสี่ยวเสวี่ยจึงทอดทิ้งเสี่ยวเข่อลี่ไม่ได้ สุดท้ายเสี่ยวเข่อลี่ก็ถูกโอนย้ายไปที่โรงเรียนมัธยมในเมือง B ซึ่งก็เป็นโรงเรียนชื่อดังเช่นกัน

ก่อนที่จะไปในที่สุดเสี่ยวเข่อลี่ก็เผยธาตุแท้ที่เก็บซ่อนไว้ออกมา เธอพูดกับมู่หรงเสวี่ยด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน “มู่หรงเสวี่ย เดี๋ยวก่อน ฉันจะกลับมาแน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

เมื่อเสี่ยวเข่อลี่ไป มู่หรงเสวี่ยไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลย ด้วยท่าทางแค้นของเสี่ยวเข่อลี่ เธอรู้สึกได้เลยว่าในอนาคตเธอจะต้องสร้างปัญหาให้อีกแน่ๆ นอกจากนี้ตอนที่เสียวเข่อลี่ย้ายไปเมือง B มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เสียวเสวี่ยจะคอยจับตาดูเสี่ยวเข่อลี่ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจะต้องแข็งแกร่งขึ้น

ก่อนที่เธอจะไปเสี่ยวเข่อลี่ไม่ได้ปิดบังความรู้สึกรังเกียจที่มีต่อตระกูลมู่หรงเลย มู่หรงเสวี่ยไม่ได้กลัวว่าเสี่ยวเข่อลี่จะมาจัดการเธอ แต่กลัวว่าเสี่ยวเข่อลี่จะมาทำร้ายครอบครัวที่เธอรัก

อาทิตย์เดียวผ่านไปไวราวกะพริบตา

มู่หรงเสวี่ยมองถนนทรุดโทรมที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีใครมาทำความสะอาดขยะที่อยู่บนถนนเลย มีขอทานหลายคนที่อยากจะเข้ามาขอเงินบ้างเป็นบางครั้งแต่ก็ถูกโม่จื่อเหวินไล่ไป

รูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของมู่หรงเสวี่ยและโม่จื่อเหวินดูไม่ค่อยเข้ากันกับสถานที่นี้เลย

พวกเขาไม่สนใจสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา พวกเขาเดินตรงไปที่ห้องสุดท้ายบนถนนที่ซึ่งตอนนี้เป็นที่อยู่ของ ลั่วเฉิงเฟย เธอเคยได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเขาในชีวิตที่แล้วจึงได้รู้ว่าในเวลานี้เขาอาศัยอยู่ในสลัม เธอขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยหาที่อยู่ที่ชัดเจนให้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+