ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 362 มเหสี

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 362 มเหสี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 362

มเหสี

“ไม่ช่วยแล้ว!” มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เขาด้วยสายตาดุดัน

“เฮ้ เฮ้ ข้าล้อเล่นน่า” หลินหยางพูด “ข้าร่างคำประกาศไว้แล้ว เจ้ารอเดี๋ยวนะ”

“ฟู่!” มู่หรงแทบจะสำลักออกมา ดูเหมือนเรื่องนี้จะตัดสินใจไว้นานแล้วนิ แล้วจะมาถามเธอทำไมกัน

“เจ้า” มู่หรงเสวี่ยชี้ไปที่เขาอย่างพูดอะไรไม่ออก

“ข้าจะยกตำแหน่งที่สูงที่สุดให้เจ้าไว้รังแกคนอื่นเลย เจ้าไม่ยินดีเหรอ?!” หลินหยางไม่สนใจ เขาดึงพระประสงค์ของจักรพรรดินีออกมาทันที “กันผู้หญิงพวกนั้นให้อยู่แต่ในตำหนักด้านหลัง”

“ผู้หญิงสวยๆมากมายแต่เจ้าทำเสียเปล่าจริงๆ” มู่หรงพูดอย่างดูถูกออกมา

หลินหยางไม่สนใจเธอ “มัวมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ? รีบกลับไปที่ตำหนักของเจ้าและทำตามคำสั่งสิ”

มู่หรงส่ายมือและรีบเดินออกไปทันที ขี้เกียจที่จะสนใจอะไรเขาอีก

องค์หญิงของแต่ละมณฑลต่างก็ถูกส่งมาที่ฮาเร็มของดินแดนดำมืด

เดิมทีหลินหยางไม่อยากที่จะรับไว้ เพราะยังไงซะพวกนางต่างก็เป็นลูกสาวของแต่ละดินแดนและเขาก็เป็นคนที่แย่งดินแดนมาจากพวกเขาด้วย

แต่รัฐมนตรีของมณฑลซึ่งก็คือข้าราชการเดิมของดินแดนทั้งสามต่างก็เริ่มที่จะตัวสั่นด้วยความตกใจ พวกนั้นคิดว่าคงจะโดนฆ่าตายในไม่ช้านี้แน่ๆ ไม่งั้นเขาคงจะไม่ปฏิเสธเรื่ององค์หญิงหรอก

สุดท้ายหลินหยางก็ต้องรับผู้หญิงที่ถูกส่งตัวมาให้เขาเพื่อที่จะเอาใจพวกเจ้าหน้าที่ของมณฑล

ตอนนี่เมื่อสงครามเพิ่งจะสิ้นสุด แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

อีกอย่างเพราะนี่เป็นยุคโบราณ การแต่งงานกับตระกูลราชวงศ์เป็นทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกเหล่าข้าราชการพอใจ ถึงแม้หลินหยางอยากที่จะแก้ไขแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน

จะทำได้ต้องปรับไปอย่างช้าๆ ใจเย็นๆ

“มีอะไรเหรอ? เจ้าดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรเลย” เมื่อเฟิงจือหลิงเห็นมู่หรงกลับมาพร้อมท่าทางนี้จึงถามออกมา

“ก็หลินหยางน่ะสิ” มู่หรงพูดออกมาโดยไม่พักหายใจเลย

“เขาทำอะไรเจ้าเหรอ?” เฟิงจือหลิงถาม

มู่หรงจะไม่พูดเรื่องนี้ เธอจะรอให้หลินหยางเป็นคนพูดเอง

ตอนแรกสีหน้าของเฟิงจือหลิงเปลี่ยนไป แล้วจึงกอด มู่หรงเสวี่ยอย่างอ่อนโยนและพูดปลอบใจเธอหลายครั้ง

คฤหาสน์ของท่านลอร์ดแห่งเมืองได้รับการขยายมานานแล้ว ตอนนี้มู่หรงเสวี่ยและเฟิงจือหลิงย้ายออกมาจากวิลล่าเดิมของพวกเธอและมาอยู่กันตามลำพังที่ตำหนักด้านหลังแล้ว

วิลล่าเดิมก็ถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวังไปแล้วด้วย

ทั้งสองเงียบกันไปนาน แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา

“มีราชโองการมาถึงท่านมู่หรง” กลุ่มคนขบวนใหญ่เดินเข้ามา

ขันทีเดินเข้ามาพร้อมกับราชโองการในมือและสาวใช้ของวังก็ยืนเรียงแถวอยู่ข้างหลังเขาอย่างเป็นระเบียบพร้อมด้วยของมากมายที่อยู่ในขบวนด้วย

มู่หรงเสวี่ยเดินออกมาจากห้อง

แล้วเฟิงจือหลิงก็เดินตามมา ดวงตาของตู้เข่อหลิวเบิกกว้าง มีผู้ชายอยู่ในห้องท่านมู่หรง นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?!

ราชโองการที่อยู่ในมือเขายิ่งร้อนมากขึ้นไปอีก

ไม่แปลกใจเลยที่ตู้เข่อหลิวจะตกใจ เขาไม่ใช่คนของคฤหาสน์ท่านลอร์ด จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่รู้จักมู่หรงเสวี่ย

คุณหลิวเป็นผู้อาวุโสอย่างมากแต่ก็ยังมีเรื่องไร้สาระบ้างเรื่องที่เขาเองก็ไม่รู้จะจัดการยังไงอย่างเช่นเรื่องในตอนนี้

มู่หรงที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้นสุดท้ายก็พูดออกมาอย่างเหลืออด “มีเรื่องจะประกาศไม่ใช่เหรอ? อ่านมาสิ”

ขันทีหลิวหวังอยากจะให้ตัวเองตาบอดจริงๆจะได้ไม่ต้องมาเห็นเหตุการณ์ในตอนนี้

แต่ยังไงละ? เขาเห็นแล้วยังไง?! เมื่อเดินกลับไปเขาอยากจะเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านจักรพรรดิเหรอ แบบนั้นเขามีหวังหัวขาดแน่ๆ แล้วเขาจะทำยังไงดี? ผู้หญิงขององค์จักรพรรดิก็ไม่ไว้หน้าเลย พวกเขาไม่ซ่อนตัวกันเลยด้วยซ้ำ พวกเขาแค่เดินออกมาด้วยกันอย่างโจ่งแจ้ง พวกเขาอยากจะตายหรือฆ่าพวกเขาหรือไงกัน

แล้วทำไมนางถึงไม่คุกเข่าลงกับพื้นอีกล่ะ?!

“พ่ะย่ะค่ะ แม่นางมู่หรง” ขันทีหลิวใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อควบคุมตัวเองและไม่แสดงน้ำเสียงไม่พอใจออกไป

“ข้าจะอ่านแล้ว” คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหวังให้นางคุกเข่าลง

ขันทีหลิวอยากที่จะลงไปคุกเข่าเองและมีความกล้าที่จะขัดราชโองการของวังหลวง แต่เขาได้ยินมาว่าแม่นางมู่หรงที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้หญิงที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาก็ของค์จักรพรรดิ เขาก็เกรงว่าองค์จักรพรรดิเองก็คงจะให้ความสำคัญกับนางมาก ไม่งั้นเขาก็คงจะไม่แต่งตั้งให้นางเป็นพระมเหสีในเวลาที่เร่งรีบแบบนี้หรอก

“ด้วยโองการจากสวรรค์ แม่นางมู่หรงเสวี่ยที่เปี่ยมไปด้วยปรีชาสามารถ จึงขอแต่งตั้งให้นางเป็นพระมเหสีเพื่อเป็นเกียรติแก่นางมา ณ ที่นี้” ไม่ว่าจะยังไงก็อ่านออกไปก่อนแล้วกัน

มู่หรงเบ้ปาก สั้นกระชับดีจริงๆ แต่เมื่อนึกถึงหลินหยางในตอนนี้พร้อมด้วยท่าทางชวนหงุดหงิด มู่หรงก็นึกวิธีที่จะแก้แค้นให้สาสมอยู่ในใจเงียบๆ

“ขอแสดงความยินดีกับพระมเหสีด้วย ขอจงอายุยืนเป็นหมื่นๆปี” ขันทีหลิวพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ขอพระมเหสีจงอายุยืนเป็นหมื่นๆปี” ทุกคนต่างก็ลงไปคุกเข่ากับพื้น

“ลุกขึ้น” มู่หรงเสวี่ยร้องออกมา

เธอรับราชโองการหลวงมาจากขันทีหลิวแล้วจึงพูดออกมาเสียงเรียบ “ทุกคนกลับไปได้แล้ว” ยิ่งคนมากก็ยิ่งปวดหัว

“พระมเหสี พวกนี้คือสาวใช้ของท่าน องค์จักรพรรดิทรงเลือกมาพิเศษเพื่อท่านโดยเฉพาะ” ขันทีหลิวพูดอย่างสุขุม

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้ว หลินหยางอยากจะมีเรื่องใช่ไหมเนี่ย

ทันทีที่กำลังจะพูดปฏิเสธออกไปแต่แล้วก็นึกถึงหน้าที่ของเธอขั้นมาได้ หลินหยางอยากให้เธอคอยดูแลจัดการฮาเร็ม มีหลายเรื่องที่ต้องทำ มันก็คงจะดีเหมือนกันถ้าจะมีคนคอยช่วย “งั้นก็เข้ามา”

“พวกเจ้าต้องดูแลพระมเหสีอย่างดี เข้าใจไหม?” ตู้เข่อหลิวพูดกับขันทีน้อยและสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเขา

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อใหญ่”

“พระมเหสี งั้นข้าขอตัวก่อน” ตู้เข่อหลิวยังลังเลอยู่ว่าจะบอกองค์จักรพรรดิดีหรือเปล่า

“ไปเถอะ” มู่หรงเดินเข้าไปข้างในโดยมีกลุ่มคนมากมายเดินตามไปด้วย

ตู้เข่อหลิวเดินกลับด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง

ถ้าเขาไม่พูด เขาก็ตาย แล้วพระมเหสีล่ะ?

โอ้ย! ตู้เข่อหลิวนึกภาพออกเลยว่าองค์จักรพรรดิจะโกรธมากขนาดไหน

“แค่นั้นเหรอ?! อย่าสนใจเรื่องที่เจ้าไม่ควรสน” หลินหยางมองไปที่ขันทีและพูดออกมาเสียงเรียบ

ขันทีหลิวรีบคำนับทันที “ข้าน้อยสมควรตาย”

“ลุกขึ้นได้แล้ว แล้วก็ระวังอย่าให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปนอกวังด้วย” หลินหยางพูดเรียบๆ

ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปก็รู้ได้เลยว่าพวกรัฐมนตรีอวดรู้คงต้องหาเรื่องมาให้เขาปวดหัวอีกแน่ๆ

“ขอรับ ข้าจะทำตามรับสั่งขององค์จักรพรรดิ” ขันทีหลิวลุกขึ้นและเดินออกไปโดยไม่ส่งเสียง เขายืนอยู่ข้างๆองค์จักรพรรดิ ในหัวใจต่างก็คาดเดาความคิดขององค์จักรพรรดิไปต่างๆนานา เขาไม่โกรธเลย เป็นไปได้ยังไง? ไม่ว่าเรื่องมันจะเล็กแค่ไหนก็ตาม

ส่วนมู่หรงในตอนนี้กำลังเพลิดเพลินอย่างที่สุด เธอไม่ต้องขยับเลยสักนิด สาวใช้ถึงขนาดมานวดหลังให้เธอด้วยซ้ำไป นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้รับการปฏิบัติราวกับเป็นจักรพรรดิ

ไม่นานหลังจากที่ราชโองการประกาศออกไปก็มีการคาดเดามากมายเกิดขึ้นในพระราชวัง วันนี้มีผู้หญิงไม่น้อยกว่า 100 คนที่อยู่ที่ตำหนักด้านหลังของพระราชวังรวมทั้งองค์หญิงของดินแดนทั้งสามและเหล่าลูกสาวของแต่ละดินแดนอีก

ที่ตำหนักด้านหลัง

“น่าขำจริงๆที่ตำแหน่งพระมเหสีถูกประกาศมาแบบนั้น!” หญิงสาวที่สายตาเย็นชาพูดออกมา

“เบาเสียงหน่อยเจ้าค่ะองค์หญิง” เสี่ยวหงพูดออกมาอย่างระวัง

“เหอะ เจ้าก็เคยเห็นมู่หรงคนนั้นไง ก็เห็นๆอยู่ว่านางกำลังคบอยู่กับเฟิงจือหลิง” องค์หญิงของดินแดนสายลมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เธอคิดว่าเธออาจจะมีโอกาสได้คว้าตำแหน่งนี้มาครองแต่ตอนนี้เธอกลับต้องผิดหวัง เธอจะไม่ยืนเฉยๆเพื่อให้หลินหยางมาชอบ เธอจะต้องเข้าใกล้เขาเพื่อเป็นการสร้างสัมพันธ์ดีๆ เธอจะฆ่าท่านลอร์ดของดินแดนดำมืดเพื่อแก้แค้นให้กับท่านพ่อและพี่ชายของเธอ

คำพูดของท่านพี่ก่อนที่จะตายยังตราตรึงอยู่ในหัวใจเธอ เขาบอกกับเธอว่า “น้องหญิง ไม่ต้องคับแค้นใจไปและมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข” หลังจากนั้นองค์จักรพรรดิก็บาดคอตัวเองต่อหน้าเธอ

อย่างมีความสุขงั้นเหรอ?! ยังไงล่ะ?

ญาติพี่น้องและดินแดนของเธอต่างก็ต้องพังทหลายเพราะผู้ชายที่ชื่อหลินหยางคนนี้ แล้วเธอจะญาติดีกับเขาได้ยังไงกัน เธอจะปล่อยความรู้สึกตัวเองไปแบบนั้นได้ยังไง

ท้ายที่สุดมันก็สายไปแล้ว ทำให้คนอื่นมีโอกาสสร้างเสถียรภาพให้กับโลก

เฟิงอู๋ซีนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด ในตอนนี้ดวงตาของเสี่ยวหงก็แดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ เธอนั่งคุกเข่าลงกับพื้น ความโศกเศร้าของเธอยังไม่น้อยลงเลย ตอนนี้เธอคิดว่าคงไม่มีใครเข้ามาสนใจพวกเธอแล้ว ความสะดวกสบายก่อนหน้านี้ก็หายไปหมด

นอกจากเสี่ยวหงและชายแก่เฟิงอู๋ซีที่อยู่ข้างๆแล้ว ที่เหลือก็เป็นคนของหลินหยางหมด เหมือนอย่างตอนนี้ที่พวกเธอจะต้องคุยกันด้วยเสียงเบา

หลินหยางจะปล่อยให้องค์หญิงที่ต้องเสียดินแดนไปอยู่อย่างอิสระได้ยังไงล่ะ? องค์หญิงแต่ละคนจะมีสาวใช้ที่ชำนาญเรื่องทักษะการต่อสู้สองคน ซึ่งคนพวกนี้เป็นคนขององค์จักรพรรดิ

อู๋ซีจับมือเธอไว้แน่น ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกมาก ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้แค้น

เธอเอาด้วย มันจะต้องมีโอกาส เดิมทีเธอคิดว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องผู้หญิงแต่ไม่คิดเลยว่าจะมีสาวสวยมากมายเข้ามาอยู่ในวังแบบนี้

ตราบใดที่เขาชอบความงามของผู้หญิง เธอก็สามารถที่จะหาโอกาสได้เสมอ

อู๋ซีมองไปที่สาวใช้ที่กำลังนั่งคุกเข่าที่พื้นร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร เสี่ยวหงร้องไห้

แน่นอนสิว่าเธอต้องร้องไห้ ก่อนหน้านี้องค์หญิงมีทุกอย่าง แต่ตอนนี้นางกลายมาเป็นสมาชิกที่ต่ำต้อยในฮาเร็มของคนอื่น แบบนี้ต่อไปเธอจะมีชีวิตที่ดีได้ยังไงกัน

เธอถึงขนาดคิดว่าถ้าเธอไม่กลับไปตั้งแต่แรก เธอก็คงได้รับคำอนุญาตจากท่านลอร์ดหลินหยางไปแล้ว แต่ให้เธอไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงศักดิ์แต่ก็คงจะอยู่ในจุดที่ดีกว่าตอนนี้มากแน่ๆ

องค์หญิงเองก็เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน จากปกติที่นางไม่เคยดุด่าอะไรเธอเลย ก็กลายเป็นทุบตีเธอเวลาที่นางไม่พอใจ ตามร่างกายของเธอยังมีรอยแผลเต็มไปหมดอยู่เลย เธอจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้

องค์หญิงไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวหงกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้านางรู้ นางก็คงจะทุบตีเธอไปแล้ว

เฟิงอู๋ซีมองการตกแต่งภายในห้อง ถึงแม้มันจะไม่ได้แย่แต่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ตอนที่นางยังเป็นที่รักของดินแดนแห่งสายลม มันก็ยังแย่กว่ามาก

“องค์หญิง เราจะทำยังไงดี?” เสี่ยวหงถามออกมาพร้อมน้ำตา

“จะร้องไห้ทำไม” เธออยากที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่เมื่อเห็นร่างที่อยู่นอกหน้าต่าง องค์หญิงก็เผยรอยยิ้มแสยะขึ้นมา ให้คนมาเฝ้าเธองั้นเหรอ? เธอเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นอ่อนโยนและพูดออกมา

“คนเขาพูดกันว่าอยู่กับไก่ก็ให้ทำตัวเป็นไก่ อยู่กับสุนัขก็ให้ทำตัวเยี่ยงสุนัข ตอนนี้ข้าเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องแยกกันอยู่แต่เมื่อไรที่องค์จักรพรรดิพอใจ ก็ต้องปรนนิบัติท่านอย่างดี”

ตอนที่เธอได้ฟังแบบนี้ เสี่ยวหงเงยถึงกับหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ แล้วเธอก็เห็นว่าองค์หญิงส่งสายตาให้เธอมองไปทางเงาดำที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง เสี่ยวหงพยักหน้า “เจ้าค่ะองค์หญิงแต่ตำหนักของเราเงียบเหงาเหลือเกิน ข้าเกรงว่าองค์จักรพรรดิคงจะลืมความรักที่ท่านมีต่อประองค์ไปหมดแล้วนะเจ้าคะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าก็แค่อยากที่จะอยู่ข้างๆพระองค์เท่านั้น ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้หรอก เมื่อมีเวลาว่างข้าแค่อยากจะให้พระองค์แวะมานั่งที่นี่บ้าง” น้ำเสียงที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความรักแต่ในหัวใจกลับรู้สึกอยากที่จะอ้วกออกมาแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะการปราบปราม ถ้าไม่ใช่เพราะเหล่าคนที่เธอรักที่สุด บางทีเธอก็อาจจะที่จะชื่นชมความชาญฉลาดของหลินหยาง แต่ตอนนี้ในหัวใจของเธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น

ไม่นานร่างที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างก็จากไป องค์หญิงรู้สึกอ้างว้างอย่างที่สุด

องค์จักรพรรดิที่ไม่น่าไว้ใจนั่นจะให้โอกาสเธออีกครั้งหรือเปล่า?! จะเป็นไปได้ไหม?

เห็นอยู่ชัดๆว่าไม่มีทางแต่ไม่ว่าโอกาสจะน้อยนิดมากแค่ไหน เธอก็จะใช้ทั้งชีวิตของเธอเพื่อแก้แค้นให้ท่านพี่ บางทีเธอน่าจะเริ่มที่มเหสีมู่หรงเสวี่ยก่อน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 362 มเหสี

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 362 มเหสี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 362

มเหสี

“ไม่ช่วยแล้ว!” มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เขาด้วยสายตาดุดัน

“เฮ้ เฮ้ ข้าล้อเล่นน่า” หลินหยางพูด “ข้าร่างคำประกาศไว้แล้ว เจ้ารอเดี๋ยวนะ”

“ฟู่!” มู่หรงแทบจะสำลักออกมา ดูเหมือนเรื่องนี้จะตัดสินใจไว้นานแล้วนิ แล้วจะมาถามเธอทำไมกัน

“เจ้า” มู่หรงเสวี่ยชี้ไปที่เขาอย่างพูดอะไรไม่ออก

“ข้าจะยกตำแหน่งที่สูงที่สุดให้เจ้าไว้รังแกคนอื่นเลย เจ้าไม่ยินดีเหรอ?!” หลินหยางไม่สนใจ เขาดึงพระประสงค์ของจักรพรรดินีออกมาทันที “กันผู้หญิงพวกนั้นให้อยู่แต่ในตำหนักด้านหลัง”

“ผู้หญิงสวยๆมากมายแต่เจ้าทำเสียเปล่าจริงๆ” มู่หรงพูดอย่างดูถูกออกมา

หลินหยางไม่สนใจเธอ “มัวมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ? รีบกลับไปที่ตำหนักของเจ้าและทำตามคำสั่งสิ”

มู่หรงส่ายมือและรีบเดินออกไปทันที ขี้เกียจที่จะสนใจอะไรเขาอีก

องค์หญิงของแต่ละมณฑลต่างก็ถูกส่งมาที่ฮาเร็มของดินแดนดำมืด

เดิมทีหลินหยางไม่อยากที่จะรับไว้ เพราะยังไงซะพวกนางต่างก็เป็นลูกสาวของแต่ละดินแดนและเขาก็เป็นคนที่แย่งดินแดนมาจากพวกเขาด้วย

แต่รัฐมนตรีของมณฑลซึ่งก็คือข้าราชการเดิมของดินแดนทั้งสามต่างก็เริ่มที่จะตัวสั่นด้วยความตกใจ พวกนั้นคิดว่าคงจะโดนฆ่าตายในไม่ช้านี้แน่ๆ ไม่งั้นเขาคงจะไม่ปฏิเสธเรื่ององค์หญิงหรอก

สุดท้ายหลินหยางก็ต้องรับผู้หญิงที่ถูกส่งตัวมาให้เขาเพื่อที่จะเอาใจพวกเจ้าหน้าที่ของมณฑล

ตอนนี่เมื่อสงครามเพิ่งจะสิ้นสุด แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

อีกอย่างเพราะนี่เป็นยุคโบราณ การแต่งงานกับตระกูลราชวงศ์เป็นทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกเหล่าข้าราชการพอใจ ถึงแม้หลินหยางอยากที่จะแก้ไขแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน

จะทำได้ต้องปรับไปอย่างช้าๆ ใจเย็นๆ

“มีอะไรเหรอ? เจ้าดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรเลย” เมื่อเฟิงจือหลิงเห็นมู่หรงกลับมาพร้อมท่าทางนี้จึงถามออกมา

“ก็หลินหยางน่ะสิ” มู่หรงพูดออกมาโดยไม่พักหายใจเลย

“เขาทำอะไรเจ้าเหรอ?” เฟิงจือหลิงถาม

มู่หรงจะไม่พูดเรื่องนี้ เธอจะรอให้หลินหยางเป็นคนพูดเอง

ตอนแรกสีหน้าของเฟิงจือหลิงเปลี่ยนไป แล้วจึงกอด มู่หรงเสวี่ยอย่างอ่อนโยนและพูดปลอบใจเธอหลายครั้ง

คฤหาสน์ของท่านลอร์ดแห่งเมืองได้รับการขยายมานานแล้ว ตอนนี้มู่หรงเสวี่ยและเฟิงจือหลิงย้ายออกมาจากวิลล่าเดิมของพวกเธอและมาอยู่กันตามลำพังที่ตำหนักด้านหลังแล้ว

วิลล่าเดิมก็ถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวังไปแล้วด้วย

ทั้งสองเงียบกันไปนาน แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา

“มีราชโองการมาถึงท่านมู่หรง” กลุ่มคนขบวนใหญ่เดินเข้ามา

ขันทีเดินเข้ามาพร้อมกับราชโองการในมือและสาวใช้ของวังก็ยืนเรียงแถวอยู่ข้างหลังเขาอย่างเป็นระเบียบพร้อมด้วยของมากมายที่อยู่ในขบวนด้วย

มู่หรงเสวี่ยเดินออกมาจากห้อง

แล้วเฟิงจือหลิงก็เดินตามมา ดวงตาของตู้เข่อหลิวเบิกกว้าง มีผู้ชายอยู่ในห้องท่านมู่หรง นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?!

ราชโองการที่อยู่ในมือเขายิ่งร้อนมากขึ้นไปอีก

ไม่แปลกใจเลยที่ตู้เข่อหลิวจะตกใจ เขาไม่ใช่คนของคฤหาสน์ท่านลอร์ด จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่รู้จักมู่หรงเสวี่ย

คุณหลิวเป็นผู้อาวุโสอย่างมากแต่ก็ยังมีเรื่องไร้สาระบ้างเรื่องที่เขาเองก็ไม่รู้จะจัดการยังไงอย่างเช่นเรื่องในตอนนี้

มู่หรงที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้นสุดท้ายก็พูดออกมาอย่างเหลืออด “มีเรื่องจะประกาศไม่ใช่เหรอ? อ่านมาสิ”

ขันทีหลิวหวังอยากจะให้ตัวเองตาบอดจริงๆจะได้ไม่ต้องมาเห็นเหตุการณ์ในตอนนี้

แต่ยังไงละ? เขาเห็นแล้วยังไง?! เมื่อเดินกลับไปเขาอยากจะเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านจักรพรรดิเหรอ แบบนั้นเขามีหวังหัวขาดแน่ๆ แล้วเขาจะทำยังไงดี? ผู้หญิงขององค์จักรพรรดิก็ไม่ไว้หน้าเลย พวกเขาไม่ซ่อนตัวกันเลยด้วยซ้ำ พวกเขาแค่เดินออกมาด้วยกันอย่างโจ่งแจ้ง พวกเขาอยากจะตายหรือฆ่าพวกเขาหรือไงกัน

แล้วทำไมนางถึงไม่คุกเข่าลงกับพื้นอีกล่ะ?!

“พ่ะย่ะค่ะ แม่นางมู่หรง” ขันทีหลิวใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อควบคุมตัวเองและไม่แสดงน้ำเสียงไม่พอใจออกไป

“ข้าจะอ่านแล้ว” คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหวังให้นางคุกเข่าลง

ขันทีหลิวอยากที่จะลงไปคุกเข่าเองและมีความกล้าที่จะขัดราชโองการของวังหลวง แต่เขาได้ยินมาว่าแม่นางมู่หรงที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้หญิงที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาก็ของค์จักรพรรดิ เขาก็เกรงว่าองค์จักรพรรดิเองก็คงจะให้ความสำคัญกับนางมาก ไม่งั้นเขาก็คงจะไม่แต่งตั้งให้นางเป็นพระมเหสีในเวลาที่เร่งรีบแบบนี้หรอก

“ด้วยโองการจากสวรรค์ แม่นางมู่หรงเสวี่ยที่เปี่ยมไปด้วยปรีชาสามารถ จึงขอแต่งตั้งให้นางเป็นพระมเหสีเพื่อเป็นเกียรติแก่นางมา ณ ที่นี้” ไม่ว่าจะยังไงก็อ่านออกไปก่อนแล้วกัน

มู่หรงเบ้ปาก สั้นกระชับดีจริงๆ แต่เมื่อนึกถึงหลินหยางในตอนนี้พร้อมด้วยท่าทางชวนหงุดหงิด มู่หรงก็นึกวิธีที่จะแก้แค้นให้สาสมอยู่ในใจเงียบๆ

“ขอแสดงความยินดีกับพระมเหสีด้วย ขอจงอายุยืนเป็นหมื่นๆปี” ขันทีหลิวพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ขอพระมเหสีจงอายุยืนเป็นหมื่นๆปี” ทุกคนต่างก็ลงไปคุกเข่ากับพื้น

“ลุกขึ้น” มู่หรงเสวี่ยร้องออกมา

เธอรับราชโองการหลวงมาจากขันทีหลิวแล้วจึงพูดออกมาเสียงเรียบ “ทุกคนกลับไปได้แล้ว” ยิ่งคนมากก็ยิ่งปวดหัว

“พระมเหสี พวกนี้คือสาวใช้ของท่าน องค์จักรพรรดิทรงเลือกมาพิเศษเพื่อท่านโดยเฉพาะ” ขันทีหลิวพูดอย่างสุขุม

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้ว หลินหยางอยากจะมีเรื่องใช่ไหมเนี่ย

ทันทีที่กำลังจะพูดปฏิเสธออกไปแต่แล้วก็นึกถึงหน้าที่ของเธอขั้นมาได้ หลินหยางอยากให้เธอคอยดูแลจัดการฮาเร็ม มีหลายเรื่องที่ต้องทำ มันก็คงจะดีเหมือนกันถ้าจะมีคนคอยช่วย “งั้นก็เข้ามา”

“พวกเจ้าต้องดูแลพระมเหสีอย่างดี เข้าใจไหม?” ตู้เข่อหลิวพูดกับขันทีน้อยและสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเขา

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อใหญ่”

“พระมเหสี งั้นข้าขอตัวก่อน” ตู้เข่อหลิวยังลังเลอยู่ว่าจะบอกองค์จักรพรรดิดีหรือเปล่า

“ไปเถอะ” มู่หรงเดินเข้าไปข้างในโดยมีกลุ่มคนมากมายเดินตามไปด้วย

ตู้เข่อหลิวเดินกลับด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง

ถ้าเขาไม่พูด เขาก็ตาย แล้วพระมเหสีล่ะ?

โอ้ย! ตู้เข่อหลิวนึกภาพออกเลยว่าองค์จักรพรรดิจะโกรธมากขนาดไหน

“แค่นั้นเหรอ?! อย่าสนใจเรื่องที่เจ้าไม่ควรสน” หลินหยางมองไปที่ขันทีและพูดออกมาเสียงเรียบ

ขันทีหลิวรีบคำนับทันที “ข้าน้อยสมควรตาย”

“ลุกขึ้นได้แล้ว แล้วก็ระวังอย่าให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปนอกวังด้วย” หลินหยางพูดเรียบๆ

ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปก็รู้ได้เลยว่าพวกรัฐมนตรีอวดรู้คงต้องหาเรื่องมาให้เขาปวดหัวอีกแน่ๆ

“ขอรับ ข้าจะทำตามรับสั่งขององค์จักรพรรดิ” ขันทีหลิวลุกขึ้นและเดินออกไปโดยไม่ส่งเสียง เขายืนอยู่ข้างๆองค์จักรพรรดิ ในหัวใจต่างก็คาดเดาความคิดขององค์จักรพรรดิไปต่างๆนานา เขาไม่โกรธเลย เป็นไปได้ยังไง? ไม่ว่าเรื่องมันจะเล็กแค่ไหนก็ตาม

ส่วนมู่หรงในตอนนี้กำลังเพลิดเพลินอย่างที่สุด เธอไม่ต้องขยับเลยสักนิด สาวใช้ถึงขนาดมานวดหลังให้เธอด้วยซ้ำไป นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้รับการปฏิบัติราวกับเป็นจักรพรรดิ

ไม่นานหลังจากที่ราชโองการประกาศออกไปก็มีการคาดเดามากมายเกิดขึ้นในพระราชวัง วันนี้มีผู้หญิงไม่น้อยกว่า 100 คนที่อยู่ที่ตำหนักด้านหลังของพระราชวังรวมทั้งองค์หญิงของดินแดนทั้งสามและเหล่าลูกสาวของแต่ละดินแดนอีก

ที่ตำหนักด้านหลัง

“น่าขำจริงๆที่ตำแหน่งพระมเหสีถูกประกาศมาแบบนั้น!” หญิงสาวที่สายตาเย็นชาพูดออกมา

“เบาเสียงหน่อยเจ้าค่ะองค์หญิง” เสี่ยวหงพูดออกมาอย่างระวัง

“เหอะ เจ้าก็เคยเห็นมู่หรงคนนั้นไง ก็เห็นๆอยู่ว่านางกำลังคบอยู่กับเฟิงจือหลิง” องค์หญิงของดินแดนสายลมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เธอคิดว่าเธออาจจะมีโอกาสได้คว้าตำแหน่งนี้มาครองแต่ตอนนี้เธอกลับต้องผิดหวัง เธอจะไม่ยืนเฉยๆเพื่อให้หลินหยางมาชอบ เธอจะต้องเข้าใกล้เขาเพื่อเป็นการสร้างสัมพันธ์ดีๆ เธอจะฆ่าท่านลอร์ดของดินแดนดำมืดเพื่อแก้แค้นให้กับท่านพ่อและพี่ชายของเธอ

คำพูดของท่านพี่ก่อนที่จะตายยังตราตรึงอยู่ในหัวใจเธอ เขาบอกกับเธอว่า “น้องหญิง ไม่ต้องคับแค้นใจไปและมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข” หลังจากนั้นองค์จักรพรรดิก็บาดคอตัวเองต่อหน้าเธอ

อย่างมีความสุขงั้นเหรอ?! ยังไงล่ะ?

ญาติพี่น้องและดินแดนของเธอต่างก็ต้องพังทหลายเพราะผู้ชายที่ชื่อหลินหยางคนนี้ แล้วเธอจะญาติดีกับเขาได้ยังไงกัน เธอจะปล่อยความรู้สึกตัวเองไปแบบนั้นได้ยังไง

ท้ายที่สุดมันก็สายไปแล้ว ทำให้คนอื่นมีโอกาสสร้างเสถียรภาพให้กับโลก

เฟิงอู๋ซีนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด ในตอนนี้ดวงตาของเสี่ยวหงก็แดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ เธอนั่งคุกเข่าลงกับพื้น ความโศกเศร้าของเธอยังไม่น้อยลงเลย ตอนนี้เธอคิดว่าคงไม่มีใครเข้ามาสนใจพวกเธอแล้ว ความสะดวกสบายก่อนหน้านี้ก็หายไปหมด

นอกจากเสี่ยวหงและชายแก่เฟิงอู๋ซีที่อยู่ข้างๆแล้ว ที่เหลือก็เป็นคนของหลินหยางหมด เหมือนอย่างตอนนี้ที่พวกเธอจะต้องคุยกันด้วยเสียงเบา

หลินหยางจะปล่อยให้องค์หญิงที่ต้องเสียดินแดนไปอยู่อย่างอิสระได้ยังไงล่ะ? องค์หญิงแต่ละคนจะมีสาวใช้ที่ชำนาญเรื่องทักษะการต่อสู้สองคน ซึ่งคนพวกนี้เป็นคนขององค์จักรพรรดิ

อู๋ซีจับมือเธอไว้แน่น ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกมาก ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้แค้น

เธอเอาด้วย มันจะต้องมีโอกาส เดิมทีเธอคิดว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องผู้หญิงแต่ไม่คิดเลยว่าจะมีสาวสวยมากมายเข้ามาอยู่ในวังแบบนี้

ตราบใดที่เขาชอบความงามของผู้หญิง เธอก็สามารถที่จะหาโอกาสได้เสมอ

อู๋ซีมองไปที่สาวใช้ที่กำลังนั่งคุกเข่าที่พื้นร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร เสี่ยวหงร้องไห้

แน่นอนสิว่าเธอต้องร้องไห้ ก่อนหน้านี้องค์หญิงมีทุกอย่าง แต่ตอนนี้นางกลายมาเป็นสมาชิกที่ต่ำต้อยในฮาเร็มของคนอื่น แบบนี้ต่อไปเธอจะมีชีวิตที่ดีได้ยังไงกัน

เธอถึงขนาดคิดว่าถ้าเธอไม่กลับไปตั้งแต่แรก เธอก็คงได้รับคำอนุญาตจากท่านลอร์ดหลินหยางไปแล้ว แต่ให้เธอไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงศักดิ์แต่ก็คงจะอยู่ในจุดที่ดีกว่าตอนนี้มากแน่ๆ

องค์หญิงเองก็เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน จากปกติที่นางไม่เคยดุด่าอะไรเธอเลย ก็กลายเป็นทุบตีเธอเวลาที่นางไม่พอใจ ตามร่างกายของเธอยังมีรอยแผลเต็มไปหมดอยู่เลย เธอจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้

องค์หญิงไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวหงกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้านางรู้ นางก็คงจะทุบตีเธอไปแล้ว

เฟิงอู๋ซีมองการตกแต่งภายในห้อง ถึงแม้มันจะไม่ได้แย่แต่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ตอนที่นางยังเป็นที่รักของดินแดนแห่งสายลม มันก็ยังแย่กว่ามาก

“องค์หญิง เราจะทำยังไงดี?” เสี่ยวหงถามออกมาพร้อมน้ำตา

“จะร้องไห้ทำไม” เธออยากที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่เมื่อเห็นร่างที่อยู่นอกหน้าต่าง องค์หญิงก็เผยรอยยิ้มแสยะขึ้นมา ให้คนมาเฝ้าเธองั้นเหรอ? เธอเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นอ่อนโยนและพูดออกมา

“คนเขาพูดกันว่าอยู่กับไก่ก็ให้ทำตัวเป็นไก่ อยู่กับสุนัขก็ให้ทำตัวเยี่ยงสุนัข ตอนนี้ข้าเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องแยกกันอยู่แต่เมื่อไรที่องค์จักรพรรดิพอใจ ก็ต้องปรนนิบัติท่านอย่างดี”

ตอนที่เธอได้ฟังแบบนี้ เสี่ยวหงเงยถึงกับหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ แล้วเธอก็เห็นว่าองค์หญิงส่งสายตาให้เธอมองไปทางเงาดำที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง เสี่ยวหงพยักหน้า “เจ้าค่ะองค์หญิงแต่ตำหนักของเราเงียบเหงาเหลือเกิน ข้าเกรงว่าองค์จักรพรรดิคงจะลืมความรักที่ท่านมีต่อประองค์ไปหมดแล้วนะเจ้าคะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าก็แค่อยากที่จะอยู่ข้างๆพระองค์เท่านั้น ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้หรอก เมื่อมีเวลาว่างข้าแค่อยากจะให้พระองค์แวะมานั่งที่นี่บ้าง” น้ำเสียงที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความรักแต่ในหัวใจกลับรู้สึกอยากที่จะอ้วกออกมาแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะการปราบปราม ถ้าไม่ใช่เพราะเหล่าคนที่เธอรักที่สุด บางทีเธอก็อาจจะที่จะชื่นชมความชาญฉลาดของหลินหยาง แต่ตอนนี้ในหัวใจของเธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น

ไม่นานร่างที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างก็จากไป องค์หญิงรู้สึกอ้างว้างอย่างที่สุด

องค์จักรพรรดิที่ไม่น่าไว้ใจนั่นจะให้โอกาสเธออีกครั้งหรือเปล่า?! จะเป็นไปได้ไหม?

เห็นอยู่ชัดๆว่าไม่มีทางแต่ไม่ว่าโอกาสจะน้อยนิดมากแค่ไหน เธอก็จะใช้ทั้งชีวิตของเธอเพื่อแก้แค้นให้ท่านพี่ บางทีเธอน่าจะเริ่มที่มเหสีมู่หรงเสวี่ยก่อน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+