ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 365 อาจจะได้เจอองค์จักรพรรดิตอนไหนก็ได้

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 365 อาจจะได้เจอองค์จักรพรรดิตอนไหนก็ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 365

อาจจะได้เจอองค์จักรพรรดิตอนไหนก็ได้

เธอเองก็อยากให้ท่านหญิงของเธอได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุด แม่นมคิดอยู่สักพักแล้วสุดท้ายก็พยักหน้าออกมา “ได้เจ้าค่ะ แต่ท่านต้องระวังไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมานะเจ้าคะ”

“ข้าเข้าใจแล้วท่านแม่นม ข้าไม่ได้โง่นะ” หลิวจือหลิงพูดออกมาอย่างมีความสุข

องค์จักรพรรดิต้องคิดว่าผู้หญิงคนนั้นดีแล้วเพราะพระองค์ยังไม่เคยเจอผู้หญิงคนอื่นเลยในวังนี้ ตราบใดก็ตามที่เธอมีโอกาสได้เผยหน้าตาเบื้องหน้าองค์จักรพรรดิ พระองค์ก็จะต้องทรงเมตตาพวกเธอแน่ๆ

หลิวจือหลิงนั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง “ให้สาวใช้เข้ามาแต่งหน้าให้ข้าที”

“เจ้าค่ะพระสนม” แม่นมตอบ

“ข้าไม่ชอบตำแหน่งพระสนมเลย” ต้องเป็นพระมเหสีสิถึงจะคู่ควรกับเธอ

“คุณหนูหลิวจือหลิง อย่าไปพูดแบบนี้ข้างนอกนะเจ้าคะ” ถ้ามีคนอื่นมาได้ยินจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

องค์จักรพรรดิองค์นี้ต่างจากองค์จักรพรรดิองค์ก่อนๆ พระองค์สังหารองค์จักรพรรดิองค์ก่อนด้วยตัวเองและไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนห้ามได้ด้วย

เธอกลัวว่าการที่องค์จักรพรรดิปล่อยให้คุณหนูเข้ามาอยู่ในวังก็แค่เพื่อเป็นการเอาใจพวกรัฐมนตรี แต่เมื่อมองไปที่สีหน้าของคุณหนูที่เบิกบานราวกับฤดูใบไม้ผลิ เธอก็รู้สึกทนไม่ได้ที่จะต้องทำลายความฝันของนาง

“ท่านแม่นม ให้สาวใช้เข้ามาเตรียมชุดสวยๆให้ข้าด้วยนะ” เธอจะต้องสวย เธอเฝ้าฝันถึงภาพวันที่องค์จักรพรรดิจะได้เจอเธอไว้แล้ว เธอจะทำความเคารพอย่างนอบน้อมและชายตามองพระองค์ แค่คิดก็ทำให้เธอรู้สึกเขินขึ้นมาได้แล้ว

ก่อนที่เธอจะเข้ามาในวัง เธอเคยได้ยินเรื่องความสำเร็จมากมายของดินแดนดำมืดมาบ้างแล้ว ปืนใหญ่ที่องค์จักรพรรดิเป็นคนสร้างเองช่างทรงพลังเหลือเกินและนโยบายมากมายของพระองค์ก็ชาญฉลาดอย่างมากด้วย

ช่างเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมจริงๆ!

แล้วผู้ชายแบบนี้จะไม่หลงรักได้ยังไงกัน

พระมเหสีเก็บผู้ชายดีๆแบบนี้ไว้คนเดียวได้ยังไงกัน

แม่นมเปิดประตูบอกให้สาวใช้ที่อยู่ข้างนอกเข้ามาทำความสะอาดและบอกให้สาวใช้ที่มีทักษะที่สุดเข้ามาช่วยคุณหนูแต่งตัว แล้วเธอก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของคุณหนูหลิวเพื่อเลือกชุดที่สามารถจะดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็นได้แต่ก็ไม่โดดเด่นเกินไปจนทำให้พระมเหสีไม่ชอบได้

ในตอนเย็น หลิวจือหลิงเลือกเครื่องประดับพื้นบ้านและตรงไปที่ตำหนักซูฟางของพระมเหสีพร้อมด้วยสาวใช้อีกสี่คนและแม่นม

ความสาวเป็นสิ่งที่ดีมากจริงๆ หลิวจือหลิงอยู่ในชุดสีฟ้าอ่อนที่ดูสง่างามพร้อมด้วยประดับดอกไม้สีขาวดูสวยงามอย่างมาก

“พระมเหสี พระสนมหลิวขอเข้าพบเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวี่ยที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา เตรียมตัวที่จะกินอาหารเย็น

“เข้ามา!”

“พระมเหสี ข้าไม่เจอท่านนานเลยนะเจ้าคะแต่ท่านยังสวยเหมือนเดิม ข้าแทบจะไม่กล้ายืนข้างๆเลย” หลิวจือหลิงเดินเข้าไปอย่างมีความสุข สีหน้าเผยรอยยิ้มอย่างมีมารยาท

สายตาของมู่หรงมองไปที่รอยยิ้มและปากที่พูดคำหวานออกมา เธอไม่สนใจถ้าพวกนางจะเข้ามาแบบนี้ตราบใดที่ไม่ข้ามเส้นเกินไป ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความเหนื่อยของหลินหยางขึ้นมาทันที ถึงแม้จะมีภรรยาหลายคนมาล้อมรอบแต่ว่าแต่ละคนต่างก็มีจิตใจ ต่อให้แค่ไปเจอหน้าเพียงอย่างเดียวก็ยังเหนื่อยเลย

ใช่แล้ว! เมื่อมองไปที่สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังหลิวจือหลิง พวกนางต่างก็ดูไม่หลงเหลือความสดใสใดๆอีกเลย สีหน้าของเหล่าสาวใช้ยิ่งกว่าซีดซะอีก สำหรับเธอไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนขนาดนี้

“ นั่งลงสิ” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

หลิวจือหลิงเองก็ไม่ได้สุภาพอะไรมาก เธอออกจากไร้เดียงสาและขี้เล่นด้วยซ้ำไป “พระมเหสี ข้านำของจากที่บ้านมาด้วยถึงแม้จะไม่ได้แพงอะไรแต่ก็น่ารักมาก ข้าหวังว่านี่จะทำให้ท่านพี่ยิ้มออกได้บ้างนะเจ้าคะ” แล้วเธอก็แลบลิ้นออกมา

ยิ่งมู่หรงมองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกว่านางน่ารักและหลินหยางน่าจะชอบมากแน่ๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะเวลาที่ไม่เหมาะจะเลือก มู่หรงเองก็ไม่ได้โง่ อย่างไรก็ตามลูกสาวของตระกูลราชการหลายคนก็ไม่ธรรมดาเลย เธอคิดว่าเรื่องพวกนี้พวกนางคงจะได้เห็นมาจนชินแถมยังได้รับการขัดเกลามาอย่างดีด้วย

“ฮ่าฮ่า น่าสนใจดีนะ เอาวางไว้ได้เลย” มู่หรงพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ

หลิวจือหลิงรู้สึกพอใจกับท่าทีของพระมเหสีมากที่แสดงออกมาพยายามจะชวนเธอคุยโดยไม่ได้เอ่ยปากไล่เธอไปไหน เธอคิดว่านางคงจะกลัวว่าองค์จักรพรรดิจะเข้ามาเจอเธอแน่ๆ แต่เธอก็มาที่นี่เพื่อมาเจอองค์จักรพรรดิ แล้วเธอจะกลับได้ยังไง เธอจะต้องจับองค์จักรพรรดิให้อยู่หมัด

“ท่านพี่ดอกไม้ข้างนอกสวยมากเลยนะเจ้าคะ ถ้าท่านมีเวลาข้าอยากจะชวนท่านไปเดินเล่นบ้าง ข้าอยากที่จะคุยเล่นกับพระมเหสีบ้างแต่ก็กลัวว่าจะเป็นการรบกวนท่าน”

“ข้าเห็นดอกไม้ในห้องก็เบื่อมากแล้ว” มู่หรงยังพูดพร้อมรอยยิ้ม อันที่จริงเธอขี้เกียจที่จะออกไปข้างนอก ข้างนอกไม่มีอะไรที่เธอสนใจ ยิ่งเธออยู่ในวังมากเท่าไรเธอก็ยิ่งรู้สึกขี้เกียจมากขึ้นเท่านั้น

บางครั้งบางคราวหลินหยางก็จะเข้ามาถามเธอบางอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องความทรงจำของเธอ บางเรื่องที่เขาจำได้ไม่ชัดเจนและการถามเธอก็เป็นเรื่องที่เร็วกว่า ดังนั้นจึงมีข่าวลือในฮาเร็มว่าองค์จักรพรรดิหลงใหลพระมเหสีมาก ตอนที่ได้ยินข่าวนี้ครั้งแรก มู่หรงเสวี่ยเองก็หัวเราะกับเรื่องนี้อยู่นาน

ช่างเป็นข่าวลือที่น่ากลัวจริงๆ ใครเป็นคนปล่อยข่าวกันเนี่ย

แต่เธอคิดว่าหลินหยางก็น่าจะมีผู้หญิงที่ชอบด้วยเหมือนกัน เขาเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว บางทีอาจจะเพราะจิตสำนึกสมัยใหม่ที่แข็งแกร่ง หลินหยางอยากที่จะหาภรรยาที่สามารถจะแก่เฒ่าไปด้วยกันได้ แทนที่จะเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้หญิงที่สนใจแต่เรื่องธุรกิจแบบนี้

ถึงแม้จะเป็นองค์จักรพรรดิ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องรักเขา อย่างน้อยในความคิดของมู่หรงเสวี่ย หลินหยางก็ไม่ชอบเรื่องนี้

หวังซื่อที่รักเขาแต่กลับไม่ได้เข้ามาอยู่ในฮาเร็มด้วยซ้ำ จากที่หลินหยางบอกว่านางเป็นได้แค่น้องสาวของเพื่อน และถ้าไม่ชอบก็อย่าเข้าใจผิด อีกอย่างฮาเร็มก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดีเท่าไรด้วย

เขาไม่อยากที่จะผิดใจกับพี่ชายของนางด้วยเรื่องผู้หญิงแบบนี้

ในตอนนี้ร่างร่างหนึ่งก็แวบขึ้นมาในความคิดของ มู่หรงเสวี่ย ช่วงนี้ร่างนี้ปรากฏขึ้นมาบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เธอคิดว่าเขาจะต้องเป็นคนที่สำคัญมากแน่ๆ ดังนั้นเธอจึงอยากที่จะฟื้นความทรงจำให้เร็วที่สุดแต่ก็ยังจำอะไรไม่ได้

หลิวจือหลิงเงียบไปสักพัก เธอมองไปรอบๆห้องนอนของพระมเหสีซึ่งอบอุ่นอย่างมากและที่สนามก็เต็มไปด้วยดอกไม้ล้ำค่าเต็มไปหมดซึ่งไม่ด้อยไปกว่าที่สวนด้านหลังเลย นี่ก็น่าจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าองค์จักรพรรดิหลงใหลนางมากแค่ไหนถึงได้ให้เกียรตินางมากขนาดนี้ เพียงแต่ว่าในเมื่อนางได้อะไรมากมายขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่ทำดีกับองค์จักรพรรดิบ้าง

เธอไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำว่าพระมเหสียกซุปไปให้ องค์จักรพรรดิแม้สักครั้ง พวกเธออยากที่จะคลายความกังวลขององค์จักรพรรดิและขอให้พระองค์ไปหาพวกเธอบ้าง

อย่างไรก็ตามพระมเหสีได้ทุกอย่างที่นางต้องการแต่นางกลับไม่สนใจเลยสักนิด แล้วแบบนี้จะไม่ให้พวกเธอรู้สึกอิจฉาและไม่พอใจได้ยังไงกัน

“ข้ายังไม่เคยได้ยินเลยว่าพระมเหสีมาจากไหน? บ้านเกิดของพระมเหสีอยู่ในดินแดนดำมืดงั้นเหรอเพคะ?” หลิวจือหลิงเอียงหัวเล็กน้อยราวกับว่าแปลกใจอยู่นิดหน่อย

แม่นมที่ยืนอยู่ข้างหลังหลิวจือหลิงรู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยคุณหนูก็รู้ว่าตอนไหนควรที่จะเดินหน้า ตอนไหนควรที่จะถอยหลัง

ถ้าถามคำถามแบบนี้ออกไปก็คงจะไม่โดนพระมเหสีโกรธแน่ๆ อย่างไรก็ตามพระมเหสีก็ไม่ได้ดูเป็นคนที่ใจดีมีเมตตาเท่าไรและนางก็ไม่ใช่คนที่จะเข้ากับคนอื่นได้ง่ายๆ

“ที่นี่เหรอ? ข้ากับองค์จักรพรรดิเป็นคนบ้านเดียวกัน และพวกเราก็อยู่บ้านใกล้ๆกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว” มู่หรงพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อน นางถามได้ดี

“องค์จักรพรรดิงั้นเหรอ? พระองค์ไม่ได้มาจากดินแดนดำมืดเหรอเพคะ?” สุดท้ายแล้วเรื่องที่องค์จักรพรรดิมาที่ดินแดนดำมืดตั้งแต่เมื่อไรก็มีเพียงห้าคนเท่านั้นที่รู้เรื่อง

และพระมเหสีก็บอกอีกว่านางมาจากที่เดียวกับ องค์จักรพรรดิ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว สุดท้ายเธอก็เข้าใจว่าทำไมองค์จักรพรรดิถึงได้อยากที่จะปกป้องผู้หญิงที่สวยที่สุดที่อยู่ตรงหน้าเธอ เพราะพวกเขาโตมาด้วยกัน

หลิวจือหลิงยิ่งรู้สึกชอบองค์จักรพรรดิมากขึ้นไปใหญ่

แค่ความสำเร็จของผู้ชายคนหนึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะให้ผู้คนมองข้ามเรื่องอื่นๆแล้วนี่ยังเป็นคนที่แสดงความรักอย่างมีความหมายอีก แล้วจะไม่ทำให้ผู้คนหลงรักได้ยังไงล่ะ

“จะพูดอย่างงั้นก็ได้” มู่หรงตอบแบบคลุมเครือ

พระมเหสีใจแคบจนไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องที่อยู่ของ องค์จักรพรรดิด้วยซ้ำ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงยอมทำทุกอย่างก็เพื่อที่จะครององค์จักรพรรดิไว้คนเดียวแบบนี้

“พระมเหสี ทรงคิดว่าจือหลิงน่ารำคาญหรือเปล่าเพคะ?” หลังจากที่พูดจบดวงตาของนางก็เริ่มที่จะแดงระเรือขึ้นมาทันที

มู่หรงเสวี่ยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ตรงหน้าเธอนี่ละครน้ำเน่าแห่งวังหลวงจริงๆ ถ้าตรงหน้าเธอมีข้าวโพดคั่วให้กินด้วยก็คงจะสนุกไม่หยอก

“เปล่า เปล่าเลย เจ้าออกจะน่ารัก แล้วข้าจะเกลียดเจ้าได้ยังไงกัน?” มู่หรงรีบพูดออกมาเพราะกลัวว่าจะต้องเห็นคนอื่นร้องไห้

หลิวจือหลิงรีบกั้นน้ำตาและเผยรอยยิ้มออกมาทันที “นี่สิท่านพี่ของน้อง งั้นต่อไปข้าจะมากวนท่านบ่อยๆแล้วอย่ามาโทษที่ข้าทำตัวน่ารำคาญไม่ได้นะเพคะ”

ทันใดนั้นมู่หรงก็เข้าใจทันทีว่านี่คือแผนการที่มาที่นี่ตั้งแต่แรก

“ได้สิ ถ้าเจ้าว่างก็แวะมาได้” มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า

ยังไงซะเธอเองก็เบื่ออยู่เหมือนกัน นอกจากที่จะดูแลจัดการเรื่องของฮาเร็มบ้างเป็นบางครั้งบางคราวก็ไม่มีอะไรให้เธอทำแล้ว ถ้ามีใครมาอยู่เป็นเพื่อนบ้างก็คงจะดีเหมือนกันไม่งั้นเธอคงจะเฉาตายแน่ๆ

หลิวจือหลิงแอบมีความสุขอยู่เงียบๆ ไม่ว่าจะยังไงเธอก็รู้สึกชนะ ในเมื่อเธอไปที่ตำหนักใหญ่ไม่ได้ งั้นเธอก็จะมาหาพระมเหสียังไงซะก็ต้องได้พบองค์จักรพรรดิแน่ๆ

ถ้าครั้งแรกไม่สำเร็จ งั้นก็ลองครั้งที่สอง และถ้าครั้งที่สองยังไม่สำเร็จอีก ก็ลองครั้งที่สามอีกได้ ตราบใดที่องค์จักรพรรดิได้เห็นหน้าเธอ ทุกอย่างก็จะเป็นไปได้หมด

“งั้นเดี๋ยวอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันนะ” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

เธอรู้ว่าเดี๋ยวหลินหยางก็จะมาและก็อยากที่จะเห็นสีหน้าอึดอัดใจของหลินหยางที่ไม่ได้เห็นมานานแล้วเหมือนกัน แต่เดาว่าหลินหยางก็คงจะไม่ไว้หน้าเธอเท่าไรเหมือนกัน แต่แค่คิดก็รู้สึกว่าน่าสนใจแล้ว มู่หรงเสวี่ยรู้สึกพอใจอยู่เล็กๆ เธอเองก็สงสัยมานานแล้วว่าหลินหยางจะเป็นยังไงเวลาที่อยู่กับผู้หญิงคนนี้ โดยเฉพาะเมื่อนางดูอ่อนหวานขนาดนี้แล้วด้วย

“ขอบคุณมากนะเพคะ ข้ามีความสุขมากเลยจริงๆ” เธอคงไม่โง่พอที่จะปฏิเสธหรอก เธอต้องรีบคว้าโอกาสที่เธอตั้งตารอคอยมานานนี้ไว้

แม่นมที่อยู่ข้างหลังอดที่จะรู้สึกมีความสุขไปกับคุณหนูของตัวเองไม่ได้ ตราบใดที่องค์จักรพรรดิได้เห็นคุณหนู ในเมื่อนางแต่งตัวมาสวยขนาดนี้จนขนาดเธอเองก็ยังรู้สึกตะลึงเลย

องค์จักรพรรดิเป็นผู้ชาย ตราบใดที่พระองค์ไม่ได้ตาบอด พระองค์ก็ต้องมองคุณหนูด้วยความหิวกระหายอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าท่าทางของพระมเหสีกลับดูแปลกๆ ดูเหมือนกับว่านางไม่สนใจองค์จักรพรรดิเลยสักนิด

ต่อมาแม่นมก็เลิกคิดเรื่องนี้ จะมีผู้หญิงคนไหนกันที่ไม่หึงเวลาที่สามีของตัวเองอยู่กับผู้หญิงอื่น ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงที่อยู่ในวังก็ตาม

นอกจากนี้องค์จักรพรรดิก็ยังเป็นที่ปรารถนาของสาวใช้มากมาย เธอคิดว่าพระมเหสีคงจะเก็บซ่อนความคิดพวกนี้เอาไว้ ไม่ว่ายังไงนางก็ต้องคอยตื่นตัวเอาไว้ นางคงจะไม่ยอมเสียภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าองค์จักรพรรดิหรอก ไม่งั้นชีวิตทั้งชีวิตของนางก็คงจะต้องพังทลาย

มู่หรงโบกมือแล้วคนก็รีบเข้าไปเตรียมอาหารในครัวทันที ปกติเธอจะทำอาหารเอง เธอมีครัวเล็กๆอยู่ในสวนเพราะยังไงซะที่นี่ก็ไม่ได้มีคนมากอะไรดังนั้นเธอจึงทำอาหารเอง และไม่จำเป็นต้องใช้ครัวใหญ่ๆเพื่อเตรียมอาหารด้วย

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 365 อาจจะได้เจอองค์จักรพรรดิตอนไหนก็ได้

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 365 อาจจะได้เจอองค์จักรพรรดิตอนไหนก็ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 365

อาจจะได้เจอองค์จักรพรรดิตอนไหนก็ได้

เธอเองก็อยากให้ท่านหญิงของเธอได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุด แม่นมคิดอยู่สักพักแล้วสุดท้ายก็พยักหน้าออกมา “ได้เจ้าค่ะ แต่ท่านต้องระวังไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมานะเจ้าคะ”

“ข้าเข้าใจแล้วท่านแม่นม ข้าไม่ได้โง่นะ” หลิวจือหลิงพูดออกมาอย่างมีความสุข

องค์จักรพรรดิต้องคิดว่าผู้หญิงคนนั้นดีแล้วเพราะพระองค์ยังไม่เคยเจอผู้หญิงคนอื่นเลยในวังนี้ ตราบใดก็ตามที่เธอมีโอกาสได้เผยหน้าตาเบื้องหน้าองค์จักรพรรดิ พระองค์ก็จะต้องทรงเมตตาพวกเธอแน่ๆ

หลิวจือหลิงนั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง “ให้สาวใช้เข้ามาแต่งหน้าให้ข้าที”

“เจ้าค่ะพระสนม” แม่นมตอบ

“ข้าไม่ชอบตำแหน่งพระสนมเลย” ต้องเป็นพระมเหสีสิถึงจะคู่ควรกับเธอ

“คุณหนูหลิวจือหลิง อย่าไปพูดแบบนี้ข้างนอกนะเจ้าคะ” ถ้ามีคนอื่นมาได้ยินจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

องค์จักรพรรดิองค์นี้ต่างจากองค์จักรพรรดิองค์ก่อนๆ พระองค์สังหารองค์จักรพรรดิองค์ก่อนด้วยตัวเองและไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนห้ามได้ด้วย

เธอกลัวว่าการที่องค์จักรพรรดิปล่อยให้คุณหนูเข้ามาอยู่ในวังก็แค่เพื่อเป็นการเอาใจพวกรัฐมนตรี แต่เมื่อมองไปที่สีหน้าของคุณหนูที่เบิกบานราวกับฤดูใบไม้ผลิ เธอก็รู้สึกทนไม่ได้ที่จะต้องทำลายความฝันของนาง

“ท่านแม่นม ให้สาวใช้เข้ามาเตรียมชุดสวยๆให้ข้าด้วยนะ” เธอจะต้องสวย เธอเฝ้าฝันถึงภาพวันที่องค์จักรพรรดิจะได้เจอเธอไว้แล้ว เธอจะทำความเคารพอย่างนอบน้อมและชายตามองพระองค์ แค่คิดก็ทำให้เธอรู้สึกเขินขึ้นมาได้แล้ว

ก่อนที่เธอจะเข้ามาในวัง เธอเคยได้ยินเรื่องความสำเร็จมากมายของดินแดนดำมืดมาบ้างแล้ว ปืนใหญ่ที่องค์จักรพรรดิเป็นคนสร้างเองช่างทรงพลังเหลือเกินและนโยบายมากมายของพระองค์ก็ชาญฉลาดอย่างมากด้วย

ช่างเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมจริงๆ!

แล้วผู้ชายแบบนี้จะไม่หลงรักได้ยังไงกัน

พระมเหสีเก็บผู้ชายดีๆแบบนี้ไว้คนเดียวได้ยังไงกัน

แม่นมเปิดประตูบอกให้สาวใช้ที่อยู่ข้างนอกเข้ามาทำความสะอาดและบอกให้สาวใช้ที่มีทักษะที่สุดเข้ามาช่วยคุณหนูแต่งตัว แล้วเธอก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของคุณหนูหลิวเพื่อเลือกชุดที่สามารถจะดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็นได้แต่ก็ไม่โดดเด่นเกินไปจนทำให้พระมเหสีไม่ชอบได้

ในตอนเย็น หลิวจือหลิงเลือกเครื่องประดับพื้นบ้านและตรงไปที่ตำหนักซูฟางของพระมเหสีพร้อมด้วยสาวใช้อีกสี่คนและแม่นม

ความสาวเป็นสิ่งที่ดีมากจริงๆ หลิวจือหลิงอยู่ในชุดสีฟ้าอ่อนที่ดูสง่างามพร้อมด้วยประดับดอกไม้สีขาวดูสวยงามอย่างมาก

“พระมเหสี พระสนมหลิวขอเข้าพบเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวี่ยที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา เตรียมตัวที่จะกินอาหารเย็น

“เข้ามา!”

“พระมเหสี ข้าไม่เจอท่านนานเลยนะเจ้าคะแต่ท่านยังสวยเหมือนเดิม ข้าแทบจะไม่กล้ายืนข้างๆเลย” หลิวจือหลิงเดินเข้าไปอย่างมีความสุข สีหน้าเผยรอยยิ้มอย่างมีมารยาท

สายตาของมู่หรงมองไปที่รอยยิ้มและปากที่พูดคำหวานออกมา เธอไม่สนใจถ้าพวกนางจะเข้ามาแบบนี้ตราบใดที่ไม่ข้ามเส้นเกินไป ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความเหนื่อยของหลินหยางขึ้นมาทันที ถึงแม้จะมีภรรยาหลายคนมาล้อมรอบแต่ว่าแต่ละคนต่างก็มีจิตใจ ต่อให้แค่ไปเจอหน้าเพียงอย่างเดียวก็ยังเหนื่อยเลย

ใช่แล้ว! เมื่อมองไปที่สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังหลิวจือหลิง พวกนางต่างก็ดูไม่หลงเหลือความสดใสใดๆอีกเลย สีหน้าของเหล่าสาวใช้ยิ่งกว่าซีดซะอีก สำหรับเธอไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนขนาดนี้

“ นั่งลงสิ” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

หลิวจือหลิงเองก็ไม่ได้สุภาพอะไรมาก เธอออกจากไร้เดียงสาและขี้เล่นด้วยซ้ำไป “พระมเหสี ข้านำของจากที่บ้านมาด้วยถึงแม้จะไม่ได้แพงอะไรแต่ก็น่ารักมาก ข้าหวังว่านี่จะทำให้ท่านพี่ยิ้มออกได้บ้างนะเจ้าคะ” แล้วเธอก็แลบลิ้นออกมา

ยิ่งมู่หรงมองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกว่านางน่ารักและหลินหยางน่าจะชอบมากแน่ๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะเวลาที่ไม่เหมาะจะเลือก มู่หรงเองก็ไม่ได้โง่ อย่างไรก็ตามลูกสาวของตระกูลราชการหลายคนก็ไม่ธรรมดาเลย เธอคิดว่าเรื่องพวกนี้พวกนางคงจะได้เห็นมาจนชินแถมยังได้รับการขัดเกลามาอย่างดีด้วย

“ฮ่าฮ่า น่าสนใจดีนะ เอาวางไว้ได้เลย” มู่หรงพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ

หลิวจือหลิงรู้สึกพอใจกับท่าทีของพระมเหสีมากที่แสดงออกมาพยายามจะชวนเธอคุยโดยไม่ได้เอ่ยปากไล่เธอไปไหน เธอคิดว่านางคงจะกลัวว่าองค์จักรพรรดิจะเข้ามาเจอเธอแน่ๆ แต่เธอก็มาที่นี่เพื่อมาเจอองค์จักรพรรดิ แล้วเธอจะกลับได้ยังไง เธอจะต้องจับองค์จักรพรรดิให้อยู่หมัด

“ท่านพี่ดอกไม้ข้างนอกสวยมากเลยนะเจ้าคะ ถ้าท่านมีเวลาข้าอยากจะชวนท่านไปเดินเล่นบ้าง ข้าอยากที่จะคุยเล่นกับพระมเหสีบ้างแต่ก็กลัวว่าจะเป็นการรบกวนท่าน”

“ข้าเห็นดอกไม้ในห้องก็เบื่อมากแล้ว” มู่หรงยังพูดพร้อมรอยยิ้ม อันที่จริงเธอขี้เกียจที่จะออกไปข้างนอก ข้างนอกไม่มีอะไรที่เธอสนใจ ยิ่งเธออยู่ในวังมากเท่าไรเธอก็ยิ่งรู้สึกขี้เกียจมากขึ้นเท่านั้น

บางครั้งบางคราวหลินหยางก็จะเข้ามาถามเธอบางอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องความทรงจำของเธอ บางเรื่องที่เขาจำได้ไม่ชัดเจนและการถามเธอก็เป็นเรื่องที่เร็วกว่า ดังนั้นจึงมีข่าวลือในฮาเร็มว่าองค์จักรพรรดิหลงใหลพระมเหสีมาก ตอนที่ได้ยินข่าวนี้ครั้งแรก มู่หรงเสวี่ยเองก็หัวเราะกับเรื่องนี้อยู่นาน

ช่างเป็นข่าวลือที่น่ากลัวจริงๆ ใครเป็นคนปล่อยข่าวกันเนี่ย

แต่เธอคิดว่าหลินหยางก็น่าจะมีผู้หญิงที่ชอบด้วยเหมือนกัน เขาเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว บางทีอาจจะเพราะจิตสำนึกสมัยใหม่ที่แข็งแกร่ง หลินหยางอยากที่จะหาภรรยาที่สามารถจะแก่เฒ่าไปด้วยกันได้ แทนที่จะเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้หญิงที่สนใจแต่เรื่องธุรกิจแบบนี้

ถึงแม้จะเป็นองค์จักรพรรดิ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องรักเขา อย่างน้อยในความคิดของมู่หรงเสวี่ย หลินหยางก็ไม่ชอบเรื่องนี้

หวังซื่อที่รักเขาแต่กลับไม่ได้เข้ามาอยู่ในฮาเร็มด้วยซ้ำ จากที่หลินหยางบอกว่านางเป็นได้แค่น้องสาวของเพื่อน และถ้าไม่ชอบก็อย่าเข้าใจผิด อีกอย่างฮาเร็มก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดีเท่าไรด้วย

เขาไม่อยากที่จะผิดใจกับพี่ชายของนางด้วยเรื่องผู้หญิงแบบนี้

ในตอนนี้ร่างร่างหนึ่งก็แวบขึ้นมาในความคิดของ มู่หรงเสวี่ย ช่วงนี้ร่างนี้ปรากฏขึ้นมาบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เธอคิดว่าเขาจะต้องเป็นคนที่สำคัญมากแน่ๆ ดังนั้นเธอจึงอยากที่จะฟื้นความทรงจำให้เร็วที่สุดแต่ก็ยังจำอะไรไม่ได้

หลิวจือหลิงเงียบไปสักพัก เธอมองไปรอบๆห้องนอนของพระมเหสีซึ่งอบอุ่นอย่างมากและที่สนามก็เต็มไปด้วยดอกไม้ล้ำค่าเต็มไปหมดซึ่งไม่ด้อยไปกว่าที่สวนด้านหลังเลย นี่ก็น่าจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าองค์จักรพรรดิหลงใหลนางมากแค่ไหนถึงได้ให้เกียรตินางมากขนาดนี้ เพียงแต่ว่าในเมื่อนางได้อะไรมากมายขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่ทำดีกับองค์จักรพรรดิบ้าง

เธอไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำว่าพระมเหสียกซุปไปให้ องค์จักรพรรดิแม้สักครั้ง พวกเธออยากที่จะคลายความกังวลขององค์จักรพรรดิและขอให้พระองค์ไปหาพวกเธอบ้าง

อย่างไรก็ตามพระมเหสีได้ทุกอย่างที่นางต้องการแต่นางกลับไม่สนใจเลยสักนิด แล้วแบบนี้จะไม่ให้พวกเธอรู้สึกอิจฉาและไม่พอใจได้ยังไงกัน

“ข้ายังไม่เคยได้ยินเลยว่าพระมเหสีมาจากไหน? บ้านเกิดของพระมเหสีอยู่ในดินแดนดำมืดงั้นเหรอเพคะ?” หลิวจือหลิงเอียงหัวเล็กน้อยราวกับว่าแปลกใจอยู่นิดหน่อย

แม่นมที่ยืนอยู่ข้างหลังหลิวจือหลิงรู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยคุณหนูก็รู้ว่าตอนไหนควรที่จะเดินหน้า ตอนไหนควรที่จะถอยหลัง

ถ้าถามคำถามแบบนี้ออกไปก็คงจะไม่โดนพระมเหสีโกรธแน่ๆ อย่างไรก็ตามพระมเหสีก็ไม่ได้ดูเป็นคนที่ใจดีมีเมตตาเท่าไรและนางก็ไม่ใช่คนที่จะเข้ากับคนอื่นได้ง่ายๆ

“ที่นี่เหรอ? ข้ากับองค์จักรพรรดิเป็นคนบ้านเดียวกัน และพวกเราก็อยู่บ้านใกล้ๆกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว” มู่หรงพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อน นางถามได้ดี

“องค์จักรพรรดิงั้นเหรอ? พระองค์ไม่ได้มาจากดินแดนดำมืดเหรอเพคะ?” สุดท้ายแล้วเรื่องที่องค์จักรพรรดิมาที่ดินแดนดำมืดตั้งแต่เมื่อไรก็มีเพียงห้าคนเท่านั้นที่รู้เรื่อง

และพระมเหสีก็บอกอีกว่านางมาจากที่เดียวกับ องค์จักรพรรดิ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว สุดท้ายเธอก็เข้าใจว่าทำไมองค์จักรพรรดิถึงได้อยากที่จะปกป้องผู้หญิงที่สวยที่สุดที่อยู่ตรงหน้าเธอ เพราะพวกเขาโตมาด้วยกัน

หลิวจือหลิงยิ่งรู้สึกชอบองค์จักรพรรดิมากขึ้นไปใหญ่

แค่ความสำเร็จของผู้ชายคนหนึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะให้ผู้คนมองข้ามเรื่องอื่นๆแล้วนี่ยังเป็นคนที่แสดงความรักอย่างมีความหมายอีก แล้วจะไม่ทำให้ผู้คนหลงรักได้ยังไงล่ะ

“จะพูดอย่างงั้นก็ได้” มู่หรงตอบแบบคลุมเครือ

พระมเหสีใจแคบจนไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องที่อยู่ของ องค์จักรพรรดิด้วยซ้ำ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงยอมทำทุกอย่างก็เพื่อที่จะครององค์จักรพรรดิไว้คนเดียวแบบนี้

“พระมเหสี ทรงคิดว่าจือหลิงน่ารำคาญหรือเปล่าเพคะ?” หลังจากที่พูดจบดวงตาของนางก็เริ่มที่จะแดงระเรือขึ้นมาทันที

มู่หรงเสวี่ยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ตรงหน้าเธอนี่ละครน้ำเน่าแห่งวังหลวงจริงๆ ถ้าตรงหน้าเธอมีข้าวโพดคั่วให้กินด้วยก็คงจะสนุกไม่หยอก

“เปล่า เปล่าเลย เจ้าออกจะน่ารัก แล้วข้าจะเกลียดเจ้าได้ยังไงกัน?” มู่หรงรีบพูดออกมาเพราะกลัวว่าจะต้องเห็นคนอื่นร้องไห้

หลิวจือหลิงรีบกั้นน้ำตาและเผยรอยยิ้มออกมาทันที “นี่สิท่านพี่ของน้อง งั้นต่อไปข้าจะมากวนท่านบ่อยๆแล้วอย่ามาโทษที่ข้าทำตัวน่ารำคาญไม่ได้นะเพคะ”

ทันใดนั้นมู่หรงก็เข้าใจทันทีว่านี่คือแผนการที่มาที่นี่ตั้งแต่แรก

“ได้สิ ถ้าเจ้าว่างก็แวะมาได้” มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า

ยังไงซะเธอเองก็เบื่ออยู่เหมือนกัน นอกจากที่จะดูแลจัดการเรื่องของฮาเร็มบ้างเป็นบางครั้งบางคราวก็ไม่มีอะไรให้เธอทำแล้ว ถ้ามีใครมาอยู่เป็นเพื่อนบ้างก็คงจะดีเหมือนกันไม่งั้นเธอคงจะเฉาตายแน่ๆ

หลิวจือหลิงแอบมีความสุขอยู่เงียบๆ ไม่ว่าจะยังไงเธอก็รู้สึกชนะ ในเมื่อเธอไปที่ตำหนักใหญ่ไม่ได้ งั้นเธอก็จะมาหาพระมเหสียังไงซะก็ต้องได้พบองค์จักรพรรดิแน่ๆ

ถ้าครั้งแรกไม่สำเร็จ งั้นก็ลองครั้งที่สอง และถ้าครั้งที่สองยังไม่สำเร็จอีก ก็ลองครั้งที่สามอีกได้ ตราบใดที่องค์จักรพรรดิได้เห็นหน้าเธอ ทุกอย่างก็จะเป็นไปได้หมด

“งั้นเดี๋ยวอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันนะ” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

เธอรู้ว่าเดี๋ยวหลินหยางก็จะมาและก็อยากที่จะเห็นสีหน้าอึดอัดใจของหลินหยางที่ไม่ได้เห็นมานานแล้วเหมือนกัน แต่เดาว่าหลินหยางก็คงจะไม่ไว้หน้าเธอเท่าไรเหมือนกัน แต่แค่คิดก็รู้สึกว่าน่าสนใจแล้ว มู่หรงเสวี่ยรู้สึกพอใจอยู่เล็กๆ เธอเองก็สงสัยมานานแล้วว่าหลินหยางจะเป็นยังไงเวลาที่อยู่กับผู้หญิงคนนี้ โดยเฉพาะเมื่อนางดูอ่อนหวานขนาดนี้แล้วด้วย

“ขอบคุณมากนะเพคะ ข้ามีความสุขมากเลยจริงๆ” เธอคงไม่โง่พอที่จะปฏิเสธหรอก เธอต้องรีบคว้าโอกาสที่เธอตั้งตารอคอยมานานนี้ไว้

แม่นมที่อยู่ข้างหลังอดที่จะรู้สึกมีความสุขไปกับคุณหนูของตัวเองไม่ได้ ตราบใดที่องค์จักรพรรดิได้เห็นคุณหนู ในเมื่อนางแต่งตัวมาสวยขนาดนี้จนขนาดเธอเองก็ยังรู้สึกตะลึงเลย

องค์จักรพรรดิเป็นผู้ชาย ตราบใดที่พระองค์ไม่ได้ตาบอด พระองค์ก็ต้องมองคุณหนูด้วยความหิวกระหายอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าท่าทางของพระมเหสีกลับดูแปลกๆ ดูเหมือนกับว่านางไม่สนใจองค์จักรพรรดิเลยสักนิด

ต่อมาแม่นมก็เลิกคิดเรื่องนี้ จะมีผู้หญิงคนไหนกันที่ไม่หึงเวลาที่สามีของตัวเองอยู่กับผู้หญิงอื่น ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงที่อยู่ในวังก็ตาม

นอกจากนี้องค์จักรพรรดิก็ยังเป็นที่ปรารถนาของสาวใช้มากมาย เธอคิดว่าพระมเหสีคงจะเก็บซ่อนความคิดพวกนี้เอาไว้ ไม่ว่ายังไงนางก็ต้องคอยตื่นตัวเอาไว้ นางคงจะไม่ยอมเสียภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าองค์จักรพรรดิหรอก ไม่งั้นชีวิตทั้งชีวิตของนางก็คงจะต้องพังทลาย

มู่หรงโบกมือแล้วคนก็รีบเข้าไปเตรียมอาหารในครัวทันที ปกติเธอจะทำอาหารเอง เธอมีครัวเล็กๆอยู่ในสวนเพราะยังไงซะที่นี่ก็ไม่ได้มีคนมากอะไรดังนั้นเธอจึงทำอาหารเอง และไม่จำเป็นต้องใช้ครัวใหญ่ๆเพื่อเตรียมอาหารด้วย

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+