ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 366 เธอไม่ดีหรือไง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 366 เธอไม่ดีหรือไง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 366

เธอไม่ดีหรือไง

หลิวจือหลิงนั่งอยู่ด้านข้างของเธอ สายตามองออกไปนอกประตูตรงไปที่สนาม

มู่หรงรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ พร้อมทั้งกินผลไม้ในระหว่างที่กำลังรอหลินหยางไปด้วย

อันที่จริงหัวใจของหลิวจือหลิงไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนกับสีหน้าเลย คืนนี้องค์จักรพรรดิไม่น่าที่จะไม่มานะ นี่มันก็ดึกมากแล้วด้วย อีกอย่างองค์จักรพรรดิก็มาที่นี่ทุกวันด้วย

หรือว่าเธอจะมาเร็วเกินไป บางทีเธอจะรอให้ องค์จักรพรรดิมาก่อนแล้วค่อยแกล้งทำเป็นว่าบังเอิญมาเจอกันน่าจะดีกว่า

สาวใช้ที่อยู่รอบๆมู่หรงเริ่มที่จะจัดโต๊ะ

“ท่านพี่ ทำไมถึงได้ตั้งโต๊ะที่สนามล่ะเจ้าคะ?” หลิวจือหลิงถามอย่างสงสัย

“โอ้ ข้าชอบที่จะกินที่นี่จะได้ชมวิวสวยๆไปด้วย” มู่หรงพูดพร้อมรอยยิ้ม

ที่สนามมีบรรยากาศที่สวยงามมากจริงๆ มีทั้งศาลา, ก้อนหินและดอกไม้น้ำมากมายด้วย ที่สำคัญคือพื้นที่กว้างขวางขนาดนี้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่เบ่งบานกันอย่างมีความสุข นี่ก็เป็นเพราะเหล่าขันทีในวังที่ช่ำชองในการดูแลดอกไม้พวกนี้อย่างดี

จะกินตรงนี้ได้ยังไงกัน?! กินในที่สาธารณะแบบนี้มันเป็นเรื่องที่น่าอายจะตายไป

หลิวจือหลิงกัดริมฝีปากตัวเอง องค์จักรพรรดิจะมากินที่นี่งั้นเหรอ?!

เป็นเพราะวันนี้เธอมาที่นี่ พระมเหสีจึงอยากที่จะทำให้เธอขายหน้างั้นเหรอ? แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะถามคำถามนี้ออกไป

ถ้าพูดถึงเรื่องตัวตนแล้วนางก็ดูเป็นคนที่มีความสามารถ พระมเหสีหาเหตุผลที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้ในนาทีสุดท้ายและก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดขัดอะไรด้วย

“แต่ท่านพี่ ในสนามเนี่ยเหรอเจ้าคะ?” นี่มันขัดกับกฎมากมายเลยนะ

มู่หรงมองมาที่นางเล็กน้อย “ทำไมล่ะ ถ้าเจ้าไม่ชอบก็กลับไปกินที่ตำหนักเจ้าก้ได้นะ” ทั้งหมดนี้มันของเธอ

หลิวจือหลิงกัดริมฝีปากและไม่กล้าที่จะแสดงสายตาไม่พอใจให้พระมเหสีได้เห็นในตอนนี้ และเธอก็จะไม่ไปไหนด้วย เมื่อองค์จักรพรรดิมาถึง เธอจะต้องปรนนิบัติอย่างดี

ถ้าเธอสามารถเข้าไปอยู่ในสายตาขององค์จักรพรรดิได้ แล้วเธอจะยังต้องกลัวพระมเหสีอยู่เหนืออีกรึเปล่า?!

เธอดูเหมือนจะมั่นใจกับความคิดนี้มาก

มู่หรงเสวี่ยไม่มีอารมณ์ที่จะมาเดาว่าเด็กสาวกำลังคิดอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องผู้ชายแล้วจะมีเรื่องอะไรอีก?!

เมื่ออาหารเตรียมใกล้จะเสร็จ หลินหยางก็รีบเข้ามา

มู่หรงนั่งประจำตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว สายตาของ หลิวจือหลิงแวบประกายประหลาดใจแล้วจึงรีบลุกขึ้นยืนและเดินตรงเข้าไป “ข้าน้อยหลิวจือหลิง ขอคารวะองค์จักรพรรดิ ขอพระองค์จงมีอายุยืนหมื่นๆปี”

ฝีเท้าของหลินหยางหยุดไปชั่วขณะ แล้วจึงเผยสีหน้าจริงจังออกมา “ลุกขึ้น”

“ขอบพระทัยเพคะ” เมื่อหลิวจือหลิงลุกขึ้น เธอก็แอบชำเลืองมองไปที่องค์จักรพรรดิอย่างระวัง ใบหน้าที่โดดเด่นผสมเข้ากับท่าทางที่สง่างามและเปล่งประกายอย่างเป็นเอกลักษณ์ ช่างเป็นผู้ชายที่หล่อเหลา ทรงเสน่ห์จริงๆ คนนี้เป็นองค์จักรพรรดิงั้นเหรอ?!

ช่างเป็นผู้ชายที่ทำให้เขินและหัวใจเต้นรัวได้ไม่ยากเลยจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพระมเหสีถึงได้อยากที่จะเก็บไว้คนเดียว

มันเลี่ยงไม่ได้เลยที่เธอจะมีความคิดอะไรแบบนี้

การที่มู่หรงไม่ได้ลุกขึ้นมาต้อนรับเป็นเรื่องที่หลินหยางเคยชินไปแล้ว เขาเดินตรงเข้าไปนั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะ ปกติมู่หรงเสวี่ยจะเป็นคนนั่งที่หัวโต๊ะเองแต่เพราะวันนี้หลิวจือหลิงมาที่ด้วย เธอจึงเปลี่ยนมานั่งที่ด้านข้างแทน

“มากินข้าวเถอะ” มู่หรงพูดกับหลิวจือหลิงที่ยืนโง่อย่างเฉยๆ

หลิวจือหลิงที่จู่ๆก้ได้สติกลับมารู้สึกอับอายมาก เธอเห็นว่าพระมเหสีไม่ได้ลุกขึ้นเลยตั้งแต่ต้นจนจบและสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป ทำไมนางถึงเป็นคนที่เอาแต่ใจแบบนี้นะ แต่เรื่องที่สำคัญคือองค์จักรพรรดิก็ยังยอมนางด้วย

นี่เป็นการกระทำที่แปลกอย่างมาก ทันใดนั้นความรู้สึกอิจฉาก็แวบเข้ามาในหัวใจ ผู้ชายคนนี้!

ผู้ชายคนนี้เป็นสามีของเธอ ตั้งแต่นี้ไปเราจะต้องอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าไปตลอด

เธอมองไปตรงที่นั่งและเห็นว่าพระมเหสีนั่งอยู่ด้านขวาขององค์จักรพรรดิ เธอจึงเดินตรงไปที่ด้านซ้ายและนั่งลงที่เก้าอี้ด้านซ้ายขององค์จักรพรรดิ เธอนั่งใกล้มากจนแทบจะได้กลิ่นขององค์จักรพรรดิ

มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจว่าพวกเขาจะทำอะไร เธอเริ่มกินไปก่อนแล้ว อาหารถ้าเย็นก็จะไม่อร่อย

หลินหยางจ้องตาเขม็งไปที่เธอ นี่เขาขอให้เธอจัดการเรื่องผู้หญิงพวกนี้นะ แล้วดูสิ่งที่เธอทำสิ เธอไม่ไล่นางกลับไปด้วยซ้ำทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่าเขากำลังจะมา แถมนี่ยังอยู่กินข้าวด้วยอีก แค่คิดเขาก็หมดอารมณ์ที่จะกินแล้ว

หลิวจือหลิงมองไปที่องค์จักรพรรดิด้วยความเขินอายแต่แล้วก็ต้องเห็นว่าเขาเอาแต่จ้องไปที่พระมเหสีอีกแล้ว ประกายแสงในดวงตาของหลิวจือหลิงหมองลง เมื่อเธอหันไปมองพระมเหสีที่กำลังกินอยู่ในตอนนี้ ก็เกิดรู้สึกไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูก

องค์จักรพรรดิยังไม่ได้เริ่มกินเลย แล้วในฐานะนางในแบบนี้จะเริ่มกินก่อนได้ยังไง ยิ่งคิดเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกทรมานใจมากขึ้นเท่านั้น องค์จักรพรรดิใจดีกับนางมากขนาดนี้ แต่นางก็ยังทำกับพระองค์แบบนี้ ตอนที่พระองค์เห็นนางหยิบตะเกียบขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

เมื่อเห็นแบบนี้หลิวจือหลิงยิ่งรู้สึกสงสารองค์จักรพรรดิมากขึ้นไปอีก แถมตอนที่องค์จักรพรรดิมาถึง ก็ไม่มีใครเข้ามาคอยเสิร์ฟอาหารให้เขาเลยด้วย

ถ้ามู่หรงเสวี่ยรู้ว่านางกำลังคิดอะไร เธอก็คงจะบอกว่านางต้องบ้าแน่ๆ กินเองไม่เป็นหรือไง?!

เพราะพวกเธอเคยชินกับการดูแลตัวเองแบบยุคสมัยใหม่มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พวกเธอจึงไม่ค่อยชินกับการดูแลแบบยุคโบราณเท่าไรแต่ก็ยังให้คนมีคนคอยทำอาหารให้

อย่างไรก็ตามถ้าเสี่ยวฉิงอยู่ที่นี่ด้วย มู่หรงเสวี่ยก็คงจะพูดไม่ได้ว่าไม่ให้นางทำ เสี่ยวฉิงมักจะคอยเตรียมอาหารให้เธอก่อนเสมอแล้วนางค่อยนั่งลงกินอาหารได้

องค์จักรพรรดิมองไปที่อาหารแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก มีหลายอย่างที่เขาอยากจะถามเธอแต่ตอนนี้มีคนนอกอยู่ด้วยดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะเปิดปากพูด

อาหารมื้อนี้จึงผ่านไปอย่างเงียบเชียบ

หลังจากเวลาผ่านไปนานสุดท้ายหลิวจือหลิงก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน “องค์จักรพรรดิ สนมอย่างข้าจะเตรียมอาหารให้ท่านเอง”

แล้วเธอก็หยิบตะเกียบสะอาดพร้อมทั้งถ้วยเล็กๆและค่อยๆคีบอาหารเตรียมใส่จานให้องค์จักรพรรดิอย่างระวัง

หลินหยางขมวดคิ้วและพูดออกมาเสียงเรียบ “ไม่ต้อง เจ้านั่งกินเถอะ”

หลังจากที่พูดจบ หลินหยางเองก็จ้องไปที่มู่หรง

มู่หรงเสวี่ยกำลังกินอย่างมีความสุขดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย

เมื่อได้ยินแบบนี้ หลิวจือหลิงก็รู้สึกว่าพระมเหสีทำเกินไป องค์จักรพรรดิต้องเห็นแก่พระมเหสีแน่ๆ เขาเป็นถึงองค์จักรพรรดิ ก็ต้องมีคนคอยดูแลเสิร์ฟอาหารให้พระองค์ไม่ใช่งั้นเหรอ?! ต่อให้เห็นแก่หน้าพระมเหสีก็เถอะ

เมื่อคิดได้แบบนี้ ดวงตาของหลิวจือหลิงก็แดงระเรื่อ เธอถึงขนาดยอมที่ตักอาหารให้ทั้งๆที่เธอไม่เคยทำมาก่อนเลย ในหัวใจเธอคิดว่าองค์จักรพรรดิมีค่ามากกว่านั้น

“ข้ายังไม่หิว พระองค์ทานเยอะๆนะเจ้าคะ” หลังจากที่พูดจบ หลิวจือหลิงก็ไม่ยอมกินแต่เลือกที่จะนังมององค์จักรพรรดิแทน

หลินหยางรู้สึกปวดหัวกับภาพที่เห็น เขามองไปที่ หลิวจือหลิงด้วยสายตาเย็นชา “อย่ามองหน้าข้า”

สีหน้าของหลิวจือหลิงเปลี่ยนเป็นซีดเผือดและรีบก้มหัวลงทันที เธอถึงขนาดลืมตัวจนนั่งจ้องหน้าองค์จักรพรรดิตามอำเภอใจเลย

“ข้าขออภัยเพคะ” หลิวจือหลิงพูด

เธอไม่ได้รู้สึกเลยว่ามีอะไรผิดปกติในน้ำเสียงของ องค์จักรพรรดิแต่กลับคิดว่าเธอเองที่เป็นฝ่ายผิด

มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่หลินหยาง ผู้หญิงแบบนี้ต้องมาอยู่กับเจ้านี่น่าเสียดายจริงๆ

หลินหยางจ้องกลับไปที่เธอ ถ้าเจ้าชอบข้ายกให้ก็ได้นะ ข้าจะไม่เปลี่ยนใจแน่นอน!

ในสายตาของหลิวจือหลิง พวกเขาต่างก็กำลังมองตากันด้วยความรักใคร่ องค์จักรพรรดิซื่อสัตย์กับพระมเหสี ในหัวใจของหลิวจือหลิงรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา เธอไม่ดีหรือไงกัน?!

ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาประตูมาองค์จักรพรรดิยังไม่มองหน้าเธอเลย ตราบใดที่พระองค์มองเธอมากกว่านี้หน่อย เธอก็คงจะพอใจแล้ว

พระมเหสีจะไม่พอใจได้ยังไงกัน? หลิวจือหลิงรู้สึกปวดในหัวใจ เธอรู้สึกฝืนใจอยู่นิดหน่อย

หลังจากเวลาผ่านไปนาน หลิวจือหลิงก็ถามออกมาเสียงเบา และน้ำเสียงของเธอก็ค่อนข้างที่จะระวัง “องค์จักรพรรดิ วันนี้ข้าวาดภาพดอกโบตั๋นไว้ พระองค์อยากจะไปที่ตำหนักของข้าเพื่อชมภาพดอกโบตั๋นที่ข้าวาดไว้หน่อยไหมเจ้าคะ?” หลังจากที่พูดจบเธอก็เงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่องค์จักรพรรดิอย่างระวัง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรักใคร่

ผู้หญิงใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีที่จะตกหลุมรัก ตั้งแต่วินาทีที่หลิวจือหลิงเห็นองค์จักรพรรดิ เธอก็หมอบหัวใจของเธอให้จนหมดแล้ว

หลินหยางเตะมู่หรงเสวี่ยใต้โต๊ะจนมู่หรงเสวี่ยแทบจะกระโดดลุกขึ้นกล้าดียังไงมาเตะเธอเนี่ย?!

มู่หรงเหยียบไปที่เท้าของหลินหยางด้วยแรงทั้งหมดที่มี หลินหยางเก็บกดความเจ็บปวดและเตะมู่หรงเสวี่ยด้วยเท้าอีกข้าง

สุดท้ายมู่หรงก็ช่วยไม่ได้จนต้องพูดออกมา “หลินหยาง เจ้าอยากตายหรือไง!”

หลินหยางยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้แล้วจึงพูดออกมา “ไม่ต้องโกรธหรอก ข้าไม่ไปหรอก”

เมื่อหลิวจือหลิงได้ยินสีหน้าของเธอก็ซีดเผือดและมองจ้องไปที่มู่หรงเสวี่ยด้วยสายตาไม่พอใจอย่างควบคุมไม่ได้

ทำไมล่ะ แค่คืนเดียวนางก็ไม่ยอมงั้นเหรอ?

ปากของมู่หรงเสวี่ยเบ้ บ้าจริง เธอถูกหลอกซะแล้ว เธอจ้องไปที่หลินหยางด้วยสายตาดุดัน

ท่าทางของหลินหยางยิ่งยากที่จะทนได้เข้าไปอีกและสายตาของเขาก็บ่งบอกออกมาว่าเขาเบื่อจะตายอยู่แล้ว

“ถ้าเจ้ามองข้าอีกครั้ง ข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมาเลย” มู่หรงพูดอย่างดุดัน

“ได้ ได้เลย แต่ถ้าเจ้าไม่มอง เจ้าจะรู้ได้ยังไงว่าข้ามองอยู่” หลินหยางพูดออกมาด้วยสายตาอย่างที่คาดไว้เลย จะสู้กับเขางั้นเหรอ?! ถ้ากล้าก็เตรียมตัวรับเรื่องสนุกๆได้เลย

ดวงตาของหลิวจือหลิงเบิกกว้าง พระมเหสีพูดแบบนั้นได้ยังไงกัน

เธออ้าปากกว้างและอดที่จะรู้สึกสงสัยในตัวของพระมเหสีไม่ได้ นั่นองค์จักรพรรดินะ นางพูดแบบนั้นได้ยังไงกัน?!

เมื่อมองไปรอบๆเหล่าสาวใช้และขันทีต่างก็มีท่าทางที่สงบนิ่ง หลิวจือหลิงเผยรอยยิ้มขมขื่น ในสถานการณ์แบบนี้เธอกลับไม่เห็นสายตาประหลาดใจจากพวกเขาเลย เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมากี่ครั้งกี่คราวแล้วนะถึงทำให้คนพวกนี้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรได้ขนาดนี้เนี่ย

มู่หรงแสยะ “องค์จักรพรรดิคืนนี้ท่านไปที่ตำหนักของหลิวจือหลิงแล้วกัน ข้าจะให้สาวใช้เดินไปส่งที่นั่นเอง”

หลินหยางส่ายหน้าและจึงพูดออกมาพร้อมเบามือไปบีบจมูกของมู่หรง “ข้ารู้ว่าเจ้าน่ะปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่ต้องห่วงนะ ข้าสัญญากับเจ้าแล้วว่าจะไม่ไปก็คือไม่ไป”

มู่หรงแทบจะกลั้นหายใจตาย เธอมองไปที่หลินหยางอีกครั้ง ระวังเถอะว่าเฟิงจือหลิงจะมาคิดบัญชีกับเจ้า

ฮึ ข้าสนิทกับพี่เฟิงไม่ใช่หรือไง?!

เจ้ามาหยอกล้อกับคนรักเขาแบบนี้ลองดูสิว่าเขาจะจัดการเจ้ายังไง

โอ้ เจ้าทำให้ข้าอยากจะหัวเราะจริงๆ ถ้าเจ้าเป็นแบบนี้ เขาก็คงจะมองเจ้าหรอก เจ้ายังห่างไกลจากข้ามาก ถึงแม้เจ้าจะเก่งแต่ก็อย่าลืมว่าข้าเป็นจักรพรรดิ ดูเหมือนว่าข้าจะทำอะไรก็ได้นะ

มู่หรงเสวี่ยข้าขอเตือนเจ้านะ อย่าทำอะไรหน้าไม่อาย

คงหนังหนาไม่เท่ากับเจ้าหรอก

พวกเขาจ้องตากันอยู่นาน

สุดท้ายหลิวจือหลิงก็ทนไม่ได้จนต้องเดินมาดึงแขนเสื้อขององค์จักรพรรดิเบาๆและพูดออกมาด้วยความรัก “องค์จักรพรรดิ คืนนี้ไปที่ตำหนักของข้าเถอะนะเจ้าคะ คืนนี้ข้าจะนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้ท่านเอง ท่านจะได้นอนหลับสบาย”

ใช่ ต้องทำแบบนี้สิ!

มู่หรงมองไปที่เขา “งั้นก็ฝากดูแลองค์จักรพรรดิด้วยนะ”

หลินหยางขมวดคิ้ว ผู้หญิงรอบตัวเขามีแต่พวกทำตัวเป็นเด็ก นี่เขาเป็นพวกพรากผู้เยาว์หรือไงกัน

เขาค่อยๆดึงมือหลิวจือหลิงออกเบาๆ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 366 เธอไม่ดีหรือไง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 366 เธอไม่ดีหรือไง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 366

เธอไม่ดีหรือไง

หลิวจือหลิงนั่งอยู่ด้านข้างของเธอ สายตามองออกไปนอกประตูตรงไปที่สนาม

มู่หรงรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ พร้อมทั้งกินผลไม้ในระหว่างที่กำลังรอหลินหยางไปด้วย

อันที่จริงหัวใจของหลิวจือหลิงไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนกับสีหน้าเลย คืนนี้องค์จักรพรรดิไม่น่าที่จะไม่มานะ นี่มันก็ดึกมากแล้วด้วย อีกอย่างองค์จักรพรรดิก็มาที่นี่ทุกวันด้วย

หรือว่าเธอจะมาเร็วเกินไป บางทีเธอจะรอให้ องค์จักรพรรดิมาก่อนแล้วค่อยแกล้งทำเป็นว่าบังเอิญมาเจอกันน่าจะดีกว่า

สาวใช้ที่อยู่รอบๆมู่หรงเริ่มที่จะจัดโต๊ะ

“ท่านพี่ ทำไมถึงได้ตั้งโต๊ะที่สนามล่ะเจ้าคะ?” หลิวจือหลิงถามอย่างสงสัย

“โอ้ ข้าชอบที่จะกินที่นี่จะได้ชมวิวสวยๆไปด้วย” มู่หรงพูดพร้อมรอยยิ้ม

ที่สนามมีบรรยากาศที่สวยงามมากจริงๆ มีทั้งศาลา, ก้อนหินและดอกไม้น้ำมากมายด้วย ที่สำคัญคือพื้นที่กว้างขวางขนาดนี้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่เบ่งบานกันอย่างมีความสุข นี่ก็เป็นเพราะเหล่าขันทีในวังที่ช่ำชองในการดูแลดอกไม้พวกนี้อย่างดี

จะกินตรงนี้ได้ยังไงกัน?! กินในที่สาธารณะแบบนี้มันเป็นเรื่องที่น่าอายจะตายไป

หลิวจือหลิงกัดริมฝีปากตัวเอง องค์จักรพรรดิจะมากินที่นี่งั้นเหรอ?!

เป็นเพราะวันนี้เธอมาที่นี่ พระมเหสีจึงอยากที่จะทำให้เธอขายหน้างั้นเหรอ? แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะถามคำถามนี้ออกไป

ถ้าพูดถึงเรื่องตัวตนแล้วนางก็ดูเป็นคนที่มีความสามารถ พระมเหสีหาเหตุผลที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้ในนาทีสุดท้ายและก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดขัดอะไรด้วย

“แต่ท่านพี่ ในสนามเนี่ยเหรอเจ้าคะ?” นี่มันขัดกับกฎมากมายเลยนะ

มู่หรงมองมาที่นางเล็กน้อย “ทำไมล่ะ ถ้าเจ้าไม่ชอบก็กลับไปกินที่ตำหนักเจ้าก้ได้นะ” ทั้งหมดนี้มันของเธอ

หลิวจือหลิงกัดริมฝีปากและไม่กล้าที่จะแสดงสายตาไม่พอใจให้พระมเหสีได้เห็นในตอนนี้ และเธอก็จะไม่ไปไหนด้วย เมื่อองค์จักรพรรดิมาถึง เธอจะต้องปรนนิบัติอย่างดี

ถ้าเธอสามารถเข้าไปอยู่ในสายตาขององค์จักรพรรดิได้ แล้วเธอจะยังต้องกลัวพระมเหสีอยู่เหนืออีกรึเปล่า?!

เธอดูเหมือนจะมั่นใจกับความคิดนี้มาก

มู่หรงเสวี่ยไม่มีอารมณ์ที่จะมาเดาว่าเด็กสาวกำลังคิดอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องผู้ชายแล้วจะมีเรื่องอะไรอีก?!

เมื่ออาหารเตรียมใกล้จะเสร็จ หลินหยางก็รีบเข้ามา

มู่หรงนั่งประจำตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว สายตาของ หลิวจือหลิงแวบประกายประหลาดใจแล้วจึงรีบลุกขึ้นยืนและเดินตรงเข้าไป “ข้าน้อยหลิวจือหลิง ขอคารวะองค์จักรพรรดิ ขอพระองค์จงมีอายุยืนหมื่นๆปี”

ฝีเท้าของหลินหยางหยุดไปชั่วขณะ แล้วจึงเผยสีหน้าจริงจังออกมา “ลุกขึ้น”

“ขอบพระทัยเพคะ” เมื่อหลิวจือหลิงลุกขึ้น เธอก็แอบชำเลืองมองไปที่องค์จักรพรรดิอย่างระวัง ใบหน้าที่โดดเด่นผสมเข้ากับท่าทางที่สง่างามและเปล่งประกายอย่างเป็นเอกลักษณ์ ช่างเป็นผู้ชายที่หล่อเหลา ทรงเสน่ห์จริงๆ คนนี้เป็นองค์จักรพรรดิงั้นเหรอ?!

ช่างเป็นผู้ชายที่ทำให้เขินและหัวใจเต้นรัวได้ไม่ยากเลยจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพระมเหสีถึงได้อยากที่จะเก็บไว้คนเดียว

มันเลี่ยงไม่ได้เลยที่เธอจะมีความคิดอะไรแบบนี้

การที่มู่หรงไม่ได้ลุกขึ้นมาต้อนรับเป็นเรื่องที่หลินหยางเคยชินไปแล้ว เขาเดินตรงเข้าไปนั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะ ปกติมู่หรงเสวี่ยจะเป็นคนนั่งที่หัวโต๊ะเองแต่เพราะวันนี้หลิวจือหลิงมาที่ด้วย เธอจึงเปลี่ยนมานั่งที่ด้านข้างแทน

“มากินข้าวเถอะ” มู่หรงพูดกับหลิวจือหลิงที่ยืนโง่อย่างเฉยๆ

หลิวจือหลิงที่จู่ๆก้ได้สติกลับมารู้สึกอับอายมาก เธอเห็นว่าพระมเหสีไม่ได้ลุกขึ้นเลยตั้งแต่ต้นจนจบและสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป ทำไมนางถึงเป็นคนที่เอาแต่ใจแบบนี้นะ แต่เรื่องที่สำคัญคือองค์จักรพรรดิก็ยังยอมนางด้วย

นี่เป็นการกระทำที่แปลกอย่างมาก ทันใดนั้นความรู้สึกอิจฉาก็แวบเข้ามาในหัวใจ ผู้ชายคนนี้!

ผู้ชายคนนี้เป็นสามีของเธอ ตั้งแต่นี้ไปเราจะต้องอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าไปตลอด

เธอมองไปตรงที่นั่งและเห็นว่าพระมเหสีนั่งอยู่ด้านขวาขององค์จักรพรรดิ เธอจึงเดินตรงไปที่ด้านซ้ายและนั่งลงที่เก้าอี้ด้านซ้ายขององค์จักรพรรดิ เธอนั่งใกล้มากจนแทบจะได้กลิ่นขององค์จักรพรรดิ

มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจว่าพวกเขาจะทำอะไร เธอเริ่มกินไปก่อนแล้ว อาหารถ้าเย็นก็จะไม่อร่อย

หลินหยางจ้องตาเขม็งไปที่เธอ นี่เขาขอให้เธอจัดการเรื่องผู้หญิงพวกนี้นะ แล้วดูสิ่งที่เธอทำสิ เธอไม่ไล่นางกลับไปด้วยซ้ำทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่าเขากำลังจะมา แถมนี่ยังอยู่กินข้าวด้วยอีก แค่คิดเขาก็หมดอารมณ์ที่จะกินแล้ว

หลิวจือหลิงมองไปที่องค์จักรพรรดิด้วยความเขินอายแต่แล้วก็ต้องเห็นว่าเขาเอาแต่จ้องไปที่พระมเหสีอีกแล้ว ประกายแสงในดวงตาของหลิวจือหลิงหมองลง เมื่อเธอหันไปมองพระมเหสีที่กำลังกินอยู่ในตอนนี้ ก็เกิดรู้สึกไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูก

องค์จักรพรรดิยังไม่ได้เริ่มกินเลย แล้วในฐานะนางในแบบนี้จะเริ่มกินก่อนได้ยังไง ยิ่งคิดเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกทรมานใจมากขึ้นเท่านั้น องค์จักรพรรดิใจดีกับนางมากขนาดนี้ แต่นางก็ยังทำกับพระองค์แบบนี้ ตอนที่พระองค์เห็นนางหยิบตะเกียบขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

เมื่อเห็นแบบนี้หลิวจือหลิงยิ่งรู้สึกสงสารองค์จักรพรรดิมากขึ้นไปอีก แถมตอนที่องค์จักรพรรดิมาถึง ก็ไม่มีใครเข้ามาคอยเสิร์ฟอาหารให้เขาเลยด้วย

ถ้ามู่หรงเสวี่ยรู้ว่านางกำลังคิดอะไร เธอก็คงจะบอกว่านางต้องบ้าแน่ๆ กินเองไม่เป็นหรือไง?!

เพราะพวกเธอเคยชินกับการดูแลตัวเองแบบยุคสมัยใหม่มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พวกเธอจึงไม่ค่อยชินกับการดูแลแบบยุคโบราณเท่าไรแต่ก็ยังให้คนมีคนคอยทำอาหารให้

อย่างไรก็ตามถ้าเสี่ยวฉิงอยู่ที่นี่ด้วย มู่หรงเสวี่ยก็คงจะพูดไม่ได้ว่าไม่ให้นางทำ เสี่ยวฉิงมักจะคอยเตรียมอาหารให้เธอก่อนเสมอแล้วนางค่อยนั่งลงกินอาหารได้

องค์จักรพรรดิมองไปที่อาหารแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก มีหลายอย่างที่เขาอยากจะถามเธอแต่ตอนนี้มีคนนอกอยู่ด้วยดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะเปิดปากพูด

อาหารมื้อนี้จึงผ่านไปอย่างเงียบเชียบ

หลังจากเวลาผ่านไปนานสุดท้ายหลิวจือหลิงก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน “องค์จักรพรรดิ สนมอย่างข้าจะเตรียมอาหารให้ท่านเอง”

แล้วเธอก็หยิบตะเกียบสะอาดพร้อมทั้งถ้วยเล็กๆและค่อยๆคีบอาหารเตรียมใส่จานให้องค์จักรพรรดิอย่างระวัง

หลินหยางขมวดคิ้วและพูดออกมาเสียงเรียบ “ไม่ต้อง เจ้านั่งกินเถอะ”

หลังจากที่พูดจบ หลินหยางเองก็จ้องไปที่มู่หรง

มู่หรงเสวี่ยกำลังกินอย่างมีความสุขดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย

เมื่อได้ยินแบบนี้ หลิวจือหลิงก็รู้สึกว่าพระมเหสีทำเกินไป องค์จักรพรรดิต้องเห็นแก่พระมเหสีแน่ๆ เขาเป็นถึงองค์จักรพรรดิ ก็ต้องมีคนคอยดูแลเสิร์ฟอาหารให้พระองค์ไม่ใช่งั้นเหรอ?! ต่อให้เห็นแก่หน้าพระมเหสีก็เถอะ

เมื่อคิดได้แบบนี้ ดวงตาของหลิวจือหลิงก็แดงระเรื่อ เธอถึงขนาดยอมที่ตักอาหารให้ทั้งๆที่เธอไม่เคยทำมาก่อนเลย ในหัวใจเธอคิดว่าองค์จักรพรรดิมีค่ามากกว่านั้น

“ข้ายังไม่หิว พระองค์ทานเยอะๆนะเจ้าคะ” หลังจากที่พูดจบ หลิวจือหลิงก็ไม่ยอมกินแต่เลือกที่จะนังมององค์จักรพรรดิแทน

หลินหยางรู้สึกปวดหัวกับภาพที่เห็น เขามองไปที่ หลิวจือหลิงด้วยสายตาเย็นชา “อย่ามองหน้าข้า”

สีหน้าของหลิวจือหลิงเปลี่ยนเป็นซีดเผือดและรีบก้มหัวลงทันที เธอถึงขนาดลืมตัวจนนั่งจ้องหน้าองค์จักรพรรดิตามอำเภอใจเลย

“ข้าขออภัยเพคะ” หลิวจือหลิงพูด

เธอไม่ได้รู้สึกเลยว่ามีอะไรผิดปกติในน้ำเสียงของ องค์จักรพรรดิแต่กลับคิดว่าเธอเองที่เป็นฝ่ายผิด

มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่หลินหยาง ผู้หญิงแบบนี้ต้องมาอยู่กับเจ้านี่น่าเสียดายจริงๆ

หลินหยางจ้องกลับไปที่เธอ ถ้าเจ้าชอบข้ายกให้ก็ได้นะ ข้าจะไม่เปลี่ยนใจแน่นอน!

ในสายตาของหลิวจือหลิง พวกเขาต่างก็กำลังมองตากันด้วยความรักใคร่ องค์จักรพรรดิซื่อสัตย์กับพระมเหสี ในหัวใจของหลิวจือหลิงรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา เธอไม่ดีหรือไงกัน?!

ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาประตูมาองค์จักรพรรดิยังไม่มองหน้าเธอเลย ตราบใดที่พระองค์มองเธอมากกว่านี้หน่อย เธอก็คงจะพอใจแล้ว

พระมเหสีจะไม่พอใจได้ยังไงกัน? หลิวจือหลิงรู้สึกปวดในหัวใจ เธอรู้สึกฝืนใจอยู่นิดหน่อย

หลังจากเวลาผ่านไปนาน หลิวจือหลิงก็ถามออกมาเสียงเบา และน้ำเสียงของเธอก็ค่อนข้างที่จะระวัง “องค์จักรพรรดิ วันนี้ข้าวาดภาพดอกโบตั๋นไว้ พระองค์อยากจะไปที่ตำหนักของข้าเพื่อชมภาพดอกโบตั๋นที่ข้าวาดไว้หน่อยไหมเจ้าคะ?” หลังจากที่พูดจบเธอก็เงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่องค์จักรพรรดิอย่างระวัง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรักใคร่

ผู้หญิงใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีที่จะตกหลุมรัก ตั้งแต่วินาทีที่หลิวจือหลิงเห็นองค์จักรพรรดิ เธอก็หมอบหัวใจของเธอให้จนหมดแล้ว

หลินหยางเตะมู่หรงเสวี่ยใต้โต๊ะจนมู่หรงเสวี่ยแทบจะกระโดดลุกขึ้นกล้าดียังไงมาเตะเธอเนี่ย?!

มู่หรงเหยียบไปที่เท้าของหลินหยางด้วยแรงทั้งหมดที่มี หลินหยางเก็บกดความเจ็บปวดและเตะมู่หรงเสวี่ยด้วยเท้าอีกข้าง

สุดท้ายมู่หรงก็ช่วยไม่ได้จนต้องพูดออกมา “หลินหยาง เจ้าอยากตายหรือไง!”

หลินหยางยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้แล้วจึงพูดออกมา “ไม่ต้องโกรธหรอก ข้าไม่ไปหรอก”

เมื่อหลิวจือหลิงได้ยินสีหน้าของเธอก็ซีดเผือดและมองจ้องไปที่มู่หรงเสวี่ยด้วยสายตาไม่พอใจอย่างควบคุมไม่ได้

ทำไมล่ะ แค่คืนเดียวนางก็ไม่ยอมงั้นเหรอ?

ปากของมู่หรงเสวี่ยเบ้ บ้าจริง เธอถูกหลอกซะแล้ว เธอจ้องไปที่หลินหยางด้วยสายตาดุดัน

ท่าทางของหลินหยางยิ่งยากที่จะทนได้เข้าไปอีกและสายตาของเขาก็บ่งบอกออกมาว่าเขาเบื่อจะตายอยู่แล้ว

“ถ้าเจ้ามองข้าอีกครั้ง ข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมาเลย” มู่หรงพูดอย่างดุดัน

“ได้ ได้เลย แต่ถ้าเจ้าไม่มอง เจ้าจะรู้ได้ยังไงว่าข้ามองอยู่” หลินหยางพูดออกมาด้วยสายตาอย่างที่คาดไว้เลย จะสู้กับเขางั้นเหรอ?! ถ้ากล้าก็เตรียมตัวรับเรื่องสนุกๆได้เลย

ดวงตาของหลิวจือหลิงเบิกกว้าง พระมเหสีพูดแบบนั้นได้ยังไงกัน

เธออ้าปากกว้างและอดที่จะรู้สึกสงสัยในตัวของพระมเหสีไม่ได้ นั่นองค์จักรพรรดินะ นางพูดแบบนั้นได้ยังไงกัน?!

เมื่อมองไปรอบๆเหล่าสาวใช้และขันทีต่างก็มีท่าทางที่สงบนิ่ง หลิวจือหลิงเผยรอยยิ้มขมขื่น ในสถานการณ์แบบนี้เธอกลับไม่เห็นสายตาประหลาดใจจากพวกเขาเลย เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมากี่ครั้งกี่คราวแล้วนะถึงทำให้คนพวกนี้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรได้ขนาดนี้เนี่ย

มู่หรงแสยะ “องค์จักรพรรดิคืนนี้ท่านไปที่ตำหนักของหลิวจือหลิงแล้วกัน ข้าจะให้สาวใช้เดินไปส่งที่นั่นเอง”

หลินหยางส่ายหน้าและจึงพูดออกมาพร้อมเบามือไปบีบจมูกของมู่หรง “ข้ารู้ว่าเจ้าน่ะปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่ต้องห่วงนะ ข้าสัญญากับเจ้าแล้วว่าจะไม่ไปก็คือไม่ไป”

มู่หรงแทบจะกลั้นหายใจตาย เธอมองไปที่หลินหยางอีกครั้ง ระวังเถอะว่าเฟิงจือหลิงจะมาคิดบัญชีกับเจ้า

ฮึ ข้าสนิทกับพี่เฟิงไม่ใช่หรือไง?!

เจ้ามาหยอกล้อกับคนรักเขาแบบนี้ลองดูสิว่าเขาจะจัดการเจ้ายังไง

โอ้ เจ้าทำให้ข้าอยากจะหัวเราะจริงๆ ถ้าเจ้าเป็นแบบนี้ เขาก็คงจะมองเจ้าหรอก เจ้ายังห่างไกลจากข้ามาก ถึงแม้เจ้าจะเก่งแต่ก็อย่าลืมว่าข้าเป็นจักรพรรดิ ดูเหมือนว่าข้าจะทำอะไรก็ได้นะ

มู่หรงเสวี่ยข้าขอเตือนเจ้านะ อย่าทำอะไรหน้าไม่อาย

คงหนังหนาไม่เท่ากับเจ้าหรอก

พวกเขาจ้องตากันอยู่นาน

สุดท้ายหลิวจือหลิงก็ทนไม่ได้จนต้องเดินมาดึงแขนเสื้อขององค์จักรพรรดิเบาๆและพูดออกมาด้วยความรัก “องค์จักรพรรดิ คืนนี้ไปที่ตำหนักของข้าเถอะนะเจ้าคะ คืนนี้ข้าจะนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้ท่านเอง ท่านจะได้นอนหลับสบาย”

ใช่ ต้องทำแบบนี้สิ!

มู่หรงมองไปที่เขา “งั้นก็ฝากดูแลองค์จักรพรรดิด้วยนะ”

หลินหยางขมวดคิ้ว ผู้หญิงรอบตัวเขามีแต่พวกทำตัวเป็นเด็ก นี่เขาเป็นพวกพรากผู้เยาว์หรือไงกัน

เขาค่อยๆดึงมือหลิวจือหลิงออกเบาๆ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+