ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 377 เป็นไปได้ยังไง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 377 เป็นไปได้ยังไง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 377

เป็นไปได้ยังไง

“พวกนางบ้าไปแล้วหรือไง?! ทำไมถึงปิดประตูในเวลาแบบนี้เนี่ย” หลิวจือหลิงกระทืบเท้าด้วยความโมโห

“ข้าเกรงว่ามันคงไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดไว้”

“ไม่ งั้นข้าจะไปบอกพระองค์เอง” หลิวจือหลิงลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ประตู

แม่นมหลิวรีบเข้าห้ามหลิวจือหลิงไว้ “อย่านะเพคะ เราควรจะรอดูลาดเลาก่อน ไม่งั้นเราไปเปิดโปงเรื่องของพระมเหสีก็อาจจะคว้าน้ำเหลวก็ได้”

บางทีองค์จักรพรรดิอาจจะกำลังยุ่งอยู่ก็เลยยังไม่ได้เข้ามาจัดการเรื่องของพระมเหสี

“งั้นก็แต่งตัวให้ข้าที” หลิวจือหลิงนั่งลง

คนจากตำหนักอื่นบางคนเองก็อยากที่จะไปหาข้อมูลที่ตำหนักของพระมเหสี แต่แน่นอนว่าบางคนก็นั่งรออยู่ในตำหนักของตัวเอง

หลิวจือหลิงรีบแต่งตัวทันทีเพื่อที่จะไปที่ตำหนักของพระมเหสี

“ถวายบังคมพระมเหสี” ถึงแม้หลิวจือหลิงจะไม่อยากที่จะทำความเคารพเท่าไรแต่ตราบใดที่นางยังเป็นพระมเหสีอยู่ เธอก็จำเป็นที่จะต้องทำความเคารพ

มู่หรงนั่งเอนกายอย่างสบายอยู่ที่เก้าอี้ ราวกับว่าไม่ได้ยินคำกล่าวทักทายของหลิวจือหลิง

แต่ก็แน่นอนว่าเธอไม่กล้าที่จะไปตำหนักองค์จักรพรรดิเพื่อรายงานเรื่องนี้แน่ๆ เมื่อเธอได้เป็นพระมเหสี เธอจะต้องจัดการเรื่องนี้แน่ๆ

วันนี้ปล่อยให้นางตายใจไปก่อนเถอะ อีกไม่นานหรอกเธอจะต้องกลับมา

เมื่อเหล่านางสนมของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยเห็นหลิวจือหลิงนั่งคุกเข่าอยู่ที่ตำหนักของพระมเหสี พวกนางก็รู้สึกแย่ ทั้งสองถึงขนาดถอยหลังกลับไปอย่างเงียบๆเลยด้วยซ้ำ แล้วจึงบังคับตัวเองให้เดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางสงบ

“ถวายบังคมพระมเหสี”

เหมือนกับหลิวจือหลิง มู่หรงเสวี่ยไม่ได้บอกให้พวกนางลุกขึ้น

หลิวจือหลิงก้มหัวลง ก็ได้! ก็ดีเหมือนกันจะได้ให้ องค์จักรพรรดิมาเห็นว่าผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมมากแค่ไหน อีกอย่างตำแหน่งพระมเหสีก็กำลังจะจบลงแล้วด้วยแต่นางก็ยังกล้าที่จะอวดดีขนาดนี้

ดวงตาของหลิวจือหลิงเปล่งประกายและเธอก็ไม่ได้สนใจที่ต้องนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นเย็นๆ ยิ่งพระมเหสีบอกให้เธอนั่งคุกเข่ามากเท่าไร เธอก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น

องค์จักรพรรดิต้องไม่ปล่อยให้พวกเธอนั่งคุกเข่าอยู่แบบนี้แน่

เธอจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายองค์จักรพรรดิหรือพระมเหสีที่บอกให้พวกเธอลุกขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานก็เป็นอย่างที่คาดไว้ หลินหยางเดินเข้ามา

หลิวจือหลิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก และเฝ้ารอให้ องค์จักรพรรดิโมโหใส่พระมเหสี ถึงแม้เธอจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นแต่ก็รู้สึกถึงลมเย็นๆที่ผ่านเธอไปได้

“มาแล้วเหรอ ทำงานเสร็จแล้วเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“เสร็จแล้ว อาหารพร้อมหรือยังไง? หิวแล้ว” หลินหยางพูดเสียงเรียบ

“กินองุ่นก่อนไหม?” มู่หรงเสวี่ยหยิบพวงองุ่นขึ้นมาและโยนไปให้เขา หลินหยางไม่สนใจท่าทางของเธอและรับองุ่นไปกิน

มู่หรงมองไปที่เขา “ทำไมเจ้าไม่ให้ท่านหลิวเตรียมอาหารให้เจ้าล่ะ?” เป็นถึงองค์จักรพรรดิยังจะมาบ่นว่าหิวอยู่อีก

ก่อนหน้านี้หลินหยางไม่ได้รู้สึกหิว ก่อนหน้านี้เขาทำงานยุ่งมากแต่ยังไงซะเขาก็อยากที่จะมาหาเธอ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกให้ใครเตรียมอะไร

ตู้เข่อหลิวโค้งหัว เขาจะรู้ได้ยังไงว่าองค์จักรพรรดิจะหิวหรือเปล่า? ก่อนหน้านี้เขาถามพระองค์แล้วและถึงขนาดเตรียมของว่างไว้ให้ด้วย แต่องค์จักรพรรดิก็ไม่ได้แตะอะไรเลย เขาเลยคิดว่าพระองค์คงจะยังไม่อยากกิน

คนที่ดูจะมีความสุขที่สุดน่าจะเป็นสาวใช้ร่างเล็กที่อยู่ข้างหลังพระมเหสี แม้แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงว่า องค์จักรพรรดิจะเข้ามาแล้วกล่าวโทษพระมเหสี ถ้าพระมเหสีถูกสอบสวน พวกเธอเองก็คงจะรู้สึกแย่ไปด้วย

แต่นอกจากที่พระองค์เป็นพระมเหสีแล้ว พวกเธอต่างก็รู้สึกว่าพระองค์เป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายอย่างมาก พระองค์มักจะตามใจพวกเธอเสมอ ยังไงซะก็ยังมีเจ้านายแค่ไม่กี่คนที่ไม่ลงโทษเหล่าสาวใช้

ผู้หญิงในวังหลังพวกนี้ไม่เหมือนกัน พวกนางมีสิทธิอะไรมาท้าทายพระมเหสี? ไม่เห็นหัวพระองค์บ้างเลยหรือไง? บ้าจริงๆ

หลิวจือหลิงตัวสั่นด้วยความไม่อยากจะเชื่อเมื่อได้ยินคำพูดอ่อนโยนขององค์จักรพรรดิ ทำไมพระองค์ถึงไม่โกรธเลย พระองค์รักพระมเหสีมากขนาดนั้นเลยเหรอ?!

แม้แต่สีหน้าของพระมเหสีก็ยังไม่มีความกังวลอะไรเลยงั้นเหรอ? เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง

พวกเธอยังนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น องค์จักรพรรดิไม่เห็นพวกเธอหรือไง?

คืนนั้นองค์จักรพรรดิยังอ่อนโยนกับเธออยู่เลย แล้วเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?!

องค์จักรพรรดิไม่เห็นเธอได้ยังไง

เธอนั่งคุกเข่ามานานมากแล้วเข่าเธอก็เริ่มที่จะเจ็บ

“ยกอาหารเข้ามาเลย” มู่หรงพูดกับสาวใช้ข้างหลังเธอ

“เพคะพระมเหสี” สาวใช้ร่างเล็กได้ยินว่าองค์จักรพรรดิหิวแล้วจึงรีบเดินด้วยความเร็วเข้าไปข้างใน

แม่นมหลิวที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นมองไปที่หลิวจือหลิงด้วยความเป็นห่วง อย่าทำอะไรปุ่มป่ามนะเพคะ

ในตอนนี้จะเห็นได้เลยว่าองค์จักรพรรดิไม่ได้กล่าวโทษอะไรพระมเหสีเลย โอ้ พระเจ้า มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เธอไม่อยากที่จะเชื่อเลย

องค์จักรพรรดิทนผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง แม่นมหลิวได้แต่ภาวนาในใจไม่ให้คุณหนูทำอะไรปุ่มป่าม ไม่อย่างงั้น องค์จักรพรรดิจะต้องโมโหมากแน่ๆ

ทั้งหมดต้องโทษเธอเองที่ไม่คิดให้รอบคอบ เธอน่าจะบอกให้คุณหนูรอดูสถานการณ์อยู่ในตำหนักก่อน

ที่นี่ไม่มีนางสนมคนอื่นเลย สีหน้าของเธอเริ่มที่จะซีดเผือด เธอคิดว่าจะได้เห็นพระมเหสีถูกเล่นงานแต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นพวกเธอเองที่ต้องมาทรมานแบบนี้

วังหลังนี่ช่างเลวร้ายจริงๆ จิตใจของผู้ทรงอำนาจช่างคาดเดาได้อย่างยิ่งนัก

“วันนี้กินชาบูกันเถอะ” มู่หรงพูดเสียงเรียบ เธอรู้สึกได้ถึงเม็ดเหงื่อที่ใบหน้าของหลินหยาง

“เจ้าไม่สบายหรือเปล่า? อาการร้อนแบบนี้ยังจะมากินชาบูอะไรกันอีก” หลินหยางจ้องไปที่เธอ

“ก็ไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว อยู่ดีๆก็รู้สึกอยากกินขึ้นมา ถ้าเจ้าไม่อยากที่จะกิน งั้นก็กลับไปกินที่ตำหนักเจ้าสิ” มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจเขาเลย

หลินหยางเองก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่นิดหน่อย “กินสิ ทำไมจะไม่กินล่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เดี๋ยวค่อยไปว่ายน้ำ เจ้าจะไปไหมล่ะ?” หลินหยางถาม

เขาติดนิสัยที่จะต้องไปว่ายน้ำทุกวัน แน่นอนว่าเพื่อที่จะไม่ให้เกิดข่าวลือที่ไม่จำเป็น สระว่ายน้ำจึงอยู่ในพื้นที่ปิดและปกติแล้วจะไม่อนุญาตให้ใครเข้าไป

ธรรมเนียมบางทีก็ไม่ใช่อะไรที่จะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ อย่างเรื่องที่ว่าผู้หญิงในยุคนี้ห้ามโชคเรือนร่าง เรื่องนี้หยั่งรากลึกจนยากที่เปลี่ยนแปลงได้

“ไปสิ ทำไมจะไม่ไปล่ะ? ข้าไม่ได้ว่ายน้ำมาตั้งนานแล้วด้วย วันที่อาการร้อนแบบนี้เจ้าจะยึดสระว่ายน้ำไว้คนเดียวได้ยังไง? ขี้งกจริงๆเลย” มู่หรงมองไปที่เขาด้วยสายตาดูถูก อีกอย่างเขาก็ไม่ยอมให้เธอไปว่ายน้ำที่อื่นด้วย

เหล่าสนมที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นตั้งแต่แรกต่างก็ตกใจกับเรื่องนี้จนแทบจะหมดหวังไปแล้ว พระมเหสีทำท่าทางแบบนั้นกับองค์จักรพรรดิได้ยังไง

กล้าพูดกับพระองค์แบบนั้นได้ยังไง แล้วแบบนี้พวกเธอจะยังเหลือความหวังอะไรอีก น่าขำจริงๆที่พวกเธอมาที่นี่

บางทีองค์จักรพรรดิอาจจะไม่เห็นพวกเธอตอนที่เดินเข้ามาก็ได้ แต่จะเป็นไปได้ยังไง

คนที่ไม่พอใจที่สุดคือหลิวจือหลิง ดวงตาของเธอแดงระเรื่อ ทันใดนั้นหลิวจือหลิงก็เงยหน้าขึ้นมา “องค์จักรพรรดิ” น้ำเสียงสั่นเครือดังขึ้นมาราวกับนกน้อยที่เต็มไปด้วยความเสียใจและโศกเศร้า

หลินหยางไม่มองพวกเธอด้วยซ้ำ

มู่หรงยิ้มพร้อมทั้งมองไปที่หลินหยาง “ทำไมต้องทำสีหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วยล่ะ” เธอหยิกไปที่หน้าเขา

“ปล่อยเลยนะมู่หรงเสวี่ย ปล่อยเลยนะ” หลินหยางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“ไม่ ดูสีหน้าที่อวดดีของเจ้านี่สิ เจ้าจะว่างเมื่อไรกันเนี่ย?” มู่หรงหยิกแรงกว่าเดิม

“ปล่อยเลยนะไม่งั้นเจ้าเจอดีแน่” หลินหยางพูดขู่

“โอ้ เจ้ากล้าตีข้างั้นเหรอ ลองดูสิ ถ้าเจ้าตีข้าก็จะสู้ล่ะนะ” มู่หรงเสวี่ยตบอย่างแรงไปที่หัวของเขา

หลิวจือหลิงไม่อยากที่จะเชื่อ เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่พระมเหสีที่กำลังจับหน้าองค์จักรพรรดิและตีพระองค์อยู่ เป็นไปได้ยังไง? นี่เป็นอาชญากรรมร้ายแรงมากเลยนะ

“เอาละ ข้าหิวแล้ว รีบปล่อยเร็วเข้า ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว”

หลังจากที่ได้ยินมู่หรงเสวี่ยก็รีบปล่อยมือออก

“ถ้าว่างแล้วก็กินกันเลย ข้ารอเจ้าอยู่ตั้งนาน” มู่หรงเสวี่ยแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

“ยินดีเลย อย่างแรกต้องแก้ปัญหาเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติก่อน หรือพรุ่งนี้เจ้าจะไปช่วยข้าที่ตำหนักเรื่องเอกสารก็ได้นะ ข้าเครียดจนผมจะร่วงหมดแล้วเนี่ย”

“เอาไปให้พ้นเลยนะ ใครอยากจะเห็นกัน? น่าเกลียดจริงๆ”

“พรุ่งนี้ไปที่ตำหนักกับข้านะ ถ้าแก้ปัญหาได้เร็วมันก็เป็นเรื่องที่ดีกับเจ้า ไม่ใช่เหรอ?”

“ข้าต้องเป็นคนงานอีกแล้วสินะ” มู่หรงมองไปที่เขา

“งั้นก็อย่ามารบกวนข้า” หลินหยางพูด

ดวงตาของหลิวจือหลิงเบิกกว้าง สีหน้าของนางสนมที่เหลือเองก็ไม่อยากที่จะเชื่อเช่นกัน

นี่องค์จักรพรรดิกับพระมเหสีกำลังคุยกันเรื่องอะไร ทำไมพวกเธอถึงไม่เข้าใจเลย

แล้วน้ำเสียงระหว่างองค์จักรพรรดิและพระมเหสีมันอะไรกัน นี่มันแย่มากเลย

พวกเธอต่างก็หวังว่าตัวเองจะไม่ได้มาที่นี่แล้วมาเห็นภาพเหตุการณ์ที่น่าตกใจนี้เลยจริงๆ

“องค์จักรพรรดิ ข้าคือสาวงามหลิวไงเพคะ” หลิวจือหลิงร้องไห้

หลินหยางมองเธอด้วยสายตาเย็นชา น้ำตาที่ห่างตาของเธอไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารขึ้นมาได้เลย ไม่เหมือนกับผู้หญิง ผู้ชายไม่ได้ตกหลุมรักใครก็ได้ง่ายๆ

ในหัวใจของหลินหยางยังมีภาพของแฟนสาวในยุคปัจจุบันอยู่เลย บางทีอาจจะไม่มีใครมาแทนที่เธอได้เลยตลอดชีวิตของเขา เธอเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเคยมีและตอนนี้ก็สูญเสียเธอไปแล้ว นี่อาจจะเป็นบาดแผลในหัวใจเขาไปตลอดก็ได้ มันจะไม่มีวันจางหายไปไหน

“องค์จักรพรรดิ พระองค์จะทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้นะ เพคะ องค์จักรพรรดิ” หลิวจือหลิงร้องไห้และพยายามที่จะคลานเข่าเข้ามาหาองค์จักรพรรดิ

แม่นมหลิวหน้าซีดเผือด ทั้งหลินหยางและมู่หรงเสวี่ย ไม่มีใครมองมาที่นางเลย

ถึงแม้เธอจะไม่มีความคิดเห็นเรื่องผู้หญิงในยุคนี้ แต่นางก็ไม่ควรที่จะเล็งเป้ามาที่เธอ เดิมทีเธอกำลังจะไปแล้ว ยังไง องค์จักรพรรดิสุดท้ายก็ไม่ใช่ของพวกนาง ในตอนนี้เธอตั้งใจที่จะหาผู้หญิงที่บริสุทธิ์และดีพอให้หลินหยาง เพื่อที่เมื่อเธอไปแล้วนางจะได้กลายมาเป็นพระมเหสีแทน

หลิวจือหลิงทรมานอย่างมาก องค์จักรพรรดิที่รักของเธอ อย่าทำแบบนี้กับเธอเลย

พระองค์พาเธอขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้วหลังจากนั้นก็ปล่อยเธอกลับลงมาที่นรกแบบนี้ได้ยังไงกัน

ต้องเป็นเพราะพระมเหสีแน่ๆ เธอไม่รู้หรอกว่านางใช้เวทมนตร์อะไรเพื่อให้องค์จักรพรรดิหลงเสน่ห์ องค์จักรพรรดิไม่ใช่คนแบบนี้ ต้องเป็นเพราะพระมเหสีแน่ๆ

หลิวจือหลิงเห็นมีดปอกผลไม้วางอยู่ที่โต๊ะ แล้วเธอก็รีบลุกขึ้นทันทีพร้อมทั้งหยิบมีดมาไว้ในมือและแทงไปที่มู่หรงเสวี่ย

“ไปลงนรกซะเถอะ” ดวงตาของหลิวจือหลิงเต็มไปด้วยรอยยิ้มบ้าคลั่ง

มู่หรงมองด้วยสายตาเย็นชาและพร้อมที่จะเตะออกไปทันที

หลินหยางที่อยู่ข้างๆเร็วกว่าจึงรีบผลักหลิวจือหลิงจนล้มไป

หลังจากที่หลินหยางมาถึงยุคโบราณนี้ เขาได้เรียนรู้ทักษะกำลังภายใน เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็เพียงพอสำหรับ หลิวจือหลิงแล้ว

หลิวจือหลิงมองไปที่องค์จักรพรรดิด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิ พระมเหสี นางทรยศพระองค์นะเพคะ…”

หลินหยางรีบโบกมือให้คนเข้ามาจับหลิวจือหลิงออกไปทันที “องค์จักรพรรดิ พระองค์จะเชื่อใจพระมเหสีไม่ได้นะเพคะ…องค์จักรพรรดิ”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 377 เป็นไปได้ยังไง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 377 เป็นไปได้ยังไง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 377

เป็นไปได้ยังไง

“พวกนางบ้าไปแล้วหรือไง?! ทำไมถึงปิดประตูในเวลาแบบนี้เนี่ย” หลิวจือหลิงกระทืบเท้าด้วยความโมโห

“ข้าเกรงว่ามันคงไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดไว้”

“ไม่ งั้นข้าจะไปบอกพระองค์เอง” หลิวจือหลิงลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ประตู

แม่นมหลิวรีบเข้าห้ามหลิวจือหลิงไว้ “อย่านะเพคะ เราควรจะรอดูลาดเลาก่อน ไม่งั้นเราไปเปิดโปงเรื่องของพระมเหสีก็อาจจะคว้าน้ำเหลวก็ได้”

บางทีองค์จักรพรรดิอาจจะกำลังยุ่งอยู่ก็เลยยังไม่ได้เข้ามาจัดการเรื่องของพระมเหสี

“งั้นก็แต่งตัวให้ข้าที” หลิวจือหลิงนั่งลง

คนจากตำหนักอื่นบางคนเองก็อยากที่จะไปหาข้อมูลที่ตำหนักของพระมเหสี แต่แน่นอนว่าบางคนก็นั่งรออยู่ในตำหนักของตัวเอง

หลิวจือหลิงรีบแต่งตัวทันทีเพื่อที่จะไปที่ตำหนักของพระมเหสี

“ถวายบังคมพระมเหสี” ถึงแม้หลิวจือหลิงจะไม่อยากที่จะทำความเคารพเท่าไรแต่ตราบใดที่นางยังเป็นพระมเหสีอยู่ เธอก็จำเป็นที่จะต้องทำความเคารพ

มู่หรงนั่งเอนกายอย่างสบายอยู่ที่เก้าอี้ ราวกับว่าไม่ได้ยินคำกล่าวทักทายของหลิวจือหลิง

แต่ก็แน่นอนว่าเธอไม่กล้าที่จะไปตำหนักองค์จักรพรรดิเพื่อรายงานเรื่องนี้แน่ๆ เมื่อเธอได้เป็นพระมเหสี เธอจะต้องจัดการเรื่องนี้แน่ๆ

วันนี้ปล่อยให้นางตายใจไปก่อนเถอะ อีกไม่นานหรอกเธอจะต้องกลับมา

เมื่อเหล่านางสนมของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยเห็นหลิวจือหลิงนั่งคุกเข่าอยู่ที่ตำหนักของพระมเหสี พวกนางก็รู้สึกแย่ ทั้งสองถึงขนาดถอยหลังกลับไปอย่างเงียบๆเลยด้วยซ้ำ แล้วจึงบังคับตัวเองให้เดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางสงบ

“ถวายบังคมพระมเหสี”

เหมือนกับหลิวจือหลิง มู่หรงเสวี่ยไม่ได้บอกให้พวกนางลุกขึ้น

หลิวจือหลิงก้มหัวลง ก็ได้! ก็ดีเหมือนกันจะได้ให้ องค์จักรพรรดิมาเห็นว่าผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมมากแค่ไหน อีกอย่างตำแหน่งพระมเหสีก็กำลังจะจบลงแล้วด้วยแต่นางก็ยังกล้าที่จะอวดดีขนาดนี้

ดวงตาของหลิวจือหลิงเปล่งประกายและเธอก็ไม่ได้สนใจที่ต้องนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นเย็นๆ ยิ่งพระมเหสีบอกให้เธอนั่งคุกเข่ามากเท่าไร เธอก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น

องค์จักรพรรดิต้องไม่ปล่อยให้พวกเธอนั่งคุกเข่าอยู่แบบนี้แน่

เธอจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายองค์จักรพรรดิหรือพระมเหสีที่บอกให้พวกเธอลุกขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานก็เป็นอย่างที่คาดไว้ หลินหยางเดินเข้ามา

หลิวจือหลิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก และเฝ้ารอให้ องค์จักรพรรดิโมโหใส่พระมเหสี ถึงแม้เธอจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นแต่ก็รู้สึกถึงลมเย็นๆที่ผ่านเธอไปได้

“มาแล้วเหรอ ทำงานเสร็จแล้วเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“เสร็จแล้ว อาหารพร้อมหรือยังไง? หิวแล้ว” หลินหยางพูดเสียงเรียบ

“กินองุ่นก่อนไหม?” มู่หรงเสวี่ยหยิบพวงองุ่นขึ้นมาและโยนไปให้เขา หลินหยางไม่สนใจท่าทางของเธอและรับองุ่นไปกิน

มู่หรงมองไปที่เขา “ทำไมเจ้าไม่ให้ท่านหลิวเตรียมอาหารให้เจ้าล่ะ?” เป็นถึงองค์จักรพรรดิยังจะมาบ่นว่าหิวอยู่อีก

ก่อนหน้านี้หลินหยางไม่ได้รู้สึกหิว ก่อนหน้านี้เขาทำงานยุ่งมากแต่ยังไงซะเขาก็อยากที่จะมาหาเธอ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกให้ใครเตรียมอะไร

ตู้เข่อหลิวโค้งหัว เขาจะรู้ได้ยังไงว่าองค์จักรพรรดิจะหิวหรือเปล่า? ก่อนหน้านี้เขาถามพระองค์แล้วและถึงขนาดเตรียมของว่างไว้ให้ด้วย แต่องค์จักรพรรดิก็ไม่ได้แตะอะไรเลย เขาเลยคิดว่าพระองค์คงจะยังไม่อยากกิน

คนที่ดูจะมีความสุขที่สุดน่าจะเป็นสาวใช้ร่างเล็กที่อยู่ข้างหลังพระมเหสี แม้แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงว่า องค์จักรพรรดิจะเข้ามาแล้วกล่าวโทษพระมเหสี ถ้าพระมเหสีถูกสอบสวน พวกเธอเองก็คงจะรู้สึกแย่ไปด้วย

แต่นอกจากที่พระองค์เป็นพระมเหสีแล้ว พวกเธอต่างก็รู้สึกว่าพระองค์เป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายอย่างมาก พระองค์มักจะตามใจพวกเธอเสมอ ยังไงซะก็ยังมีเจ้านายแค่ไม่กี่คนที่ไม่ลงโทษเหล่าสาวใช้

ผู้หญิงในวังหลังพวกนี้ไม่เหมือนกัน พวกนางมีสิทธิอะไรมาท้าทายพระมเหสี? ไม่เห็นหัวพระองค์บ้างเลยหรือไง? บ้าจริงๆ

หลิวจือหลิงตัวสั่นด้วยความไม่อยากจะเชื่อเมื่อได้ยินคำพูดอ่อนโยนขององค์จักรพรรดิ ทำไมพระองค์ถึงไม่โกรธเลย พระองค์รักพระมเหสีมากขนาดนั้นเลยเหรอ?!

แม้แต่สีหน้าของพระมเหสีก็ยังไม่มีความกังวลอะไรเลยงั้นเหรอ? เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง

พวกเธอยังนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น องค์จักรพรรดิไม่เห็นพวกเธอหรือไง?

คืนนั้นองค์จักรพรรดิยังอ่อนโยนกับเธออยู่เลย แล้วเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?!

องค์จักรพรรดิไม่เห็นเธอได้ยังไง

เธอนั่งคุกเข่ามานานมากแล้วเข่าเธอก็เริ่มที่จะเจ็บ

“ยกอาหารเข้ามาเลย” มู่หรงพูดกับสาวใช้ข้างหลังเธอ

“เพคะพระมเหสี” สาวใช้ร่างเล็กได้ยินว่าองค์จักรพรรดิหิวแล้วจึงรีบเดินด้วยความเร็วเข้าไปข้างใน

แม่นมหลิวที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นมองไปที่หลิวจือหลิงด้วยความเป็นห่วง อย่าทำอะไรปุ่มป่ามนะเพคะ

ในตอนนี้จะเห็นได้เลยว่าองค์จักรพรรดิไม่ได้กล่าวโทษอะไรพระมเหสีเลย โอ้ พระเจ้า มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เธอไม่อยากที่จะเชื่อเลย

องค์จักรพรรดิทนผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง แม่นมหลิวได้แต่ภาวนาในใจไม่ให้คุณหนูทำอะไรปุ่มป่าม ไม่อย่างงั้น องค์จักรพรรดิจะต้องโมโหมากแน่ๆ

ทั้งหมดต้องโทษเธอเองที่ไม่คิดให้รอบคอบ เธอน่าจะบอกให้คุณหนูรอดูสถานการณ์อยู่ในตำหนักก่อน

ที่นี่ไม่มีนางสนมคนอื่นเลย สีหน้าของเธอเริ่มที่จะซีดเผือด เธอคิดว่าจะได้เห็นพระมเหสีถูกเล่นงานแต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นพวกเธอเองที่ต้องมาทรมานแบบนี้

วังหลังนี่ช่างเลวร้ายจริงๆ จิตใจของผู้ทรงอำนาจช่างคาดเดาได้อย่างยิ่งนัก

“วันนี้กินชาบูกันเถอะ” มู่หรงพูดเสียงเรียบ เธอรู้สึกได้ถึงเม็ดเหงื่อที่ใบหน้าของหลินหยาง

“เจ้าไม่สบายหรือเปล่า? อาการร้อนแบบนี้ยังจะมากินชาบูอะไรกันอีก” หลินหยางจ้องไปที่เธอ

“ก็ไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว อยู่ดีๆก็รู้สึกอยากกินขึ้นมา ถ้าเจ้าไม่อยากที่จะกิน งั้นก็กลับไปกินที่ตำหนักเจ้าสิ” มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจเขาเลย

หลินหยางเองก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่นิดหน่อย “กินสิ ทำไมจะไม่กินล่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เดี๋ยวค่อยไปว่ายน้ำ เจ้าจะไปไหมล่ะ?” หลินหยางถาม

เขาติดนิสัยที่จะต้องไปว่ายน้ำทุกวัน แน่นอนว่าเพื่อที่จะไม่ให้เกิดข่าวลือที่ไม่จำเป็น สระว่ายน้ำจึงอยู่ในพื้นที่ปิดและปกติแล้วจะไม่อนุญาตให้ใครเข้าไป

ธรรมเนียมบางทีก็ไม่ใช่อะไรที่จะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ อย่างเรื่องที่ว่าผู้หญิงในยุคนี้ห้ามโชคเรือนร่าง เรื่องนี้หยั่งรากลึกจนยากที่เปลี่ยนแปลงได้

“ไปสิ ทำไมจะไม่ไปล่ะ? ข้าไม่ได้ว่ายน้ำมาตั้งนานแล้วด้วย วันที่อาการร้อนแบบนี้เจ้าจะยึดสระว่ายน้ำไว้คนเดียวได้ยังไง? ขี้งกจริงๆเลย” มู่หรงมองไปที่เขาด้วยสายตาดูถูก อีกอย่างเขาก็ไม่ยอมให้เธอไปว่ายน้ำที่อื่นด้วย

เหล่าสนมที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นตั้งแต่แรกต่างก็ตกใจกับเรื่องนี้จนแทบจะหมดหวังไปแล้ว พระมเหสีทำท่าทางแบบนั้นกับองค์จักรพรรดิได้ยังไง

กล้าพูดกับพระองค์แบบนั้นได้ยังไง แล้วแบบนี้พวกเธอจะยังเหลือความหวังอะไรอีก น่าขำจริงๆที่พวกเธอมาที่นี่

บางทีองค์จักรพรรดิอาจจะไม่เห็นพวกเธอตอนที่เดินเข้ามาก็ได้ แต่จะเป็นไปได้ยังไง

คนที่ไม่พอใจที่สุดคือหลิวจือหลิง ดวงตาของเธอแดงระเรื่อ ทันใดนั้นหลิวจือหลิงก็เงยหน้าขึ้นมา “องค์จักรพรรดิ” น้ำเสียงสั่นเครือดังขึ้นมาราวกับนกน้อยที่เต็มไปด้วยความเสียใจและโศกเศร้า

หลินหยางไม่มองพวกเธอด้วยซ้ำ

มู่หรงยิ้มพร้อมทั้งมองไปที่หลินหยาง “ทำไมต้องทำสีหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วยล่ะ” เธอหยิกไปที่หน้าเขา

“ปล่อยเลยนะมู่หรงเสวี่ย ปล่อยเลยนะ” หลินหยางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“ไม่ ดูสีหน้าที่อวดดีของเจ้านี่สิ เจ้าจะว่างเมื่อไรกันเนี่ย?” มู่หรงหยิกแรงกว่าเดิม

“ปล่อยเลยนะไม่งั้นเจ้าเจอดีแน่” หลินหยางพูดขู่

“โอ้ เจ้ากล้าตีข้างั้นเหรอ ลองดูสิ ถ้าเจ้าตีข้าก็จะสู้ล่ะนะ” มู่หรงเสวี่ยตบอย่างแรงไปที่หัวของเขา

หลิวจือหลิงไม่อยากที่จะเชื่อ เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่พระมเหสีที่กำลังจับหน้าองค์จักรพรรดิและตีพระองค์อยู่ เป็นไปได้ยังไง? นี่เป็นอาชญากรรมร้ายแรงมากเลยนะ

“เอาละ ข้าหิวแล้ว รีบปล่อยเร็วเข้า ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว”

หลังจากที่ได้ยินมู่หรงเสวี่ยก็รีบปล่อยมือออก

“ถ้าว่างแล้วก็กินกันเลย ข้ารอเจ้าอยู่ตั้งนาน” มู่หรงเสวี่ยแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

“ยินดีเลย อย่างแรกต้องแก้ปัญหาเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติก่อน หรือพรุ่งนี้เจ้าจะไปช่วยข้าที่ตำหนักเรื่องเอกสารก็ได้นะ ข้าเครียดจนผมจะร่วงหมดแล้วเนี่ย”

“เอาไปให้พ้นเลยนะ ใครอยากจะเห็นกัน? น่าเกลียดจริงๆ”

“พรุ่งนี้ไปที่ตำหนักกับข้านะ ถ้าแก้ปัญหาได้เร็วมันก็เป็นเรื่องที่ดีกับเจ้า ไม่ใช่เหรอ?”

“ข้าต้องเป็นคนงานอีกแล้วสินะ” มู่หรงมองไปที่เขา

“งั้นก็อย่ามารบกวนข้า” หลินหยางพูด

ดวงตาของหลิวจือหลิงเบิกกว้าง สีหน้าของนางสนมที่เหลือเองก็ไม่อยากที่จะเชื่อเช่นกัน

นี่องค์จักรพรรดิกับพระมเหสีกำลังคุยกันเรื่องอะไร ทำไมพวกเธอถึงไม่เข้าใจเลย

แล้วน้ำเสียงระหว่างองค์จักรพรรดิและพระมเหสีมันอะไรกัน นี่มันแย่มากเลย

พวกเธอต่างก็หวังว่าตัวเองจะไม่ได้มาที่นี่แล้วมาเห็นภาพเหตุการณ์ที่น่าตกใจนี้เลยจริงๆ

“องค์จักรพรรดิ ข้าคือสาวงามหลิวไงเพคะ” หลิวจือหลิงร้องไห้

หลินหยางมองเธอด้วยสายตาเย็นชา น้ำตาที่ห่างตาของเธอไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารขึ้นมาได้เลย ไม่เหมือนกับผู้หญิง ผู้ชายไม่ได้ตกหลุมรักใครก็ได้ง่ายๆ

ในหัวใจของหลินหยางยังมีภาพของแฟนสาวในยุคปัจจุบันอยู่เลย บางทีอาจจะไม่มีใครมาแทนที่เธอได้เลยตลอดชีวิตของเขา เธอเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเคยมีและตอนนี้ก็สูญเสียเธอไปแล้ว นี่อาจจะเป็นบาดแผลในหัวใจเขาไปตลอดก็ได้ มันจะไม่มีวันจางหายไปไหน

“องค์จักรพรรดิ พระองค์จะทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้นะ เพคะ องค์จักรพรรดิ” หลิวจือหลิงร้องไห้และพยายามที่จะคลานเข่าเข้ามาหาองค์จักรพรรดิ

แม่นมหลิวหน้าซีดเผือด ทั้งหลินหยางและมู่หรงเสวี่ย ไม่มีใครมองมาที่นางเลย

ถึงแม้เธอจะไม่มีความคิดเห็นเรื่องผู้หญิงในยุคนี้ แต่นางก็ไม่ควรที่จะเล็งเป้ามาที่เธอ เดิมทีเธอกำลังจะไปแล้ว ยังไง องค์จักรพรรดิสุดท้ายก็ไม่ใช่ของพวกนาง ในตอนนี้เธอตั้งใจที่จะหาผู้หญิงที่บริสุทธิ์และดีพอให้หลินหยาง เพื่อที่เมื่อเธอไปแล้วนางจะได้กลายมาเป็นพระมเหสีแทน

หลิวจือหลิงทรมานอย่างมาก องค์จักรพรรดิที่รักของเธอ อย่าทำแบบนี้กับเธอเลย

พระองค์พาเธอขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้วหลังจากนั้นก็ปล่อยเธอกลับลงมาที่นรกแบบนี้ได้ยังไงกัน

ต้องเป็นเพราะพระมเหสีแน่ๆ เธอไม่รู้หรอกว่านางใช้เวทมนตร์อะไรเพื่อให้องค์จักรพรรดิหลงเสน่ห์ องค์จักรพรรดิไม่ใช่คนแบบนี้ ต้องเป็นเพราะพระมเหสีแน่ๆ

หลิวจือหลิงเห็นมีดปอกผลไม้วางอยู่ที่โต๊ะ แล้วเธอก็รีบลุกขึ้นทันทีพร้อมทั้งหยิบมีดมาไว้ในมือและแทงไปที่มู่หรงเสวี่ย

“ไปลงนรกซะเถอะ” ดวงตาของหลิวจือหลิงเต็มไปด้วยรอยยิ้มบ้าคลั่ง

มู่หรงมองด้วยสายตาเย็นชาและพร้อมที่จะเตะออกไปทันที

หลินหยางที่อยู่ข้างๆเร็วกว่าจึงรีบผลักหลิวจือหลิงจนล้มไป

หลังจากที่หลินหยางมาถึงยุคโบราณนี้ เขาได้เรียนรู้ทักษะกำลังภายใน เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็เพียงพอสำหรับ หลิวจือหลิงแล้ว

หลิวจือหลิงมองไปที่องค์จักรพรรดิด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิ พระมเหสี นางทรยศพระองค์นะเพคะ…”

หลินหยางรีบโบกมือให้คนเข้ามาจับหลิวจือหลิงออกไปทันที “องค์จักรพรรดิ พระองค์จะเชื่อใจพระมเหสีไม่ได้นะเพคะ…องค์จักรพรรดิ”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+