ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 386 ชาวบ้าน

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 386 ชาวบ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 386

ชาวบ้าน

ไม่ว่าพวกเขาจะต้องเจอกับอะไรแต่พวกเขาก็จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องตาย

เสี่ยวเชาที่ยืนอยู่ข้างหลังหวู่หมิงก้มหัวต่ำ เธอนึกภาพได้เลยว่าคนที่อยู่เบื้องล่างจะต้องหัวเราะเยาะกับความโง่เขลาของเธออยู่แน่ๆ พวกเซียนควรที่จะเป็นคนดีไม่ใช่เหรอ?! เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาเจอเข้ากับคนแบบนี้

ตอนนี้ร่างกายของเธอยังร้อนลุ่มและเจ็บปวดอยู่เลย ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายแทบจะทนไว้ไม่ไหว แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียง สุดท้ายเธอก็เห็นแล้วว่าทั้งหมดนี้เป็นสัตว์ร้ายที่ปลอมตัวมา เธอเคยคิดว่าเขาจะรับเธอเป็นศิษย์แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เธอสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดของลูกผู้หญิงไปแล้ว เธอเคยอยากที่จะใช้ความสวยของตัวเองเพื่อที่จะตามหาผู้ชายอย่างนายท่านเพื่อที่จะอยู่ไปด้วยกันตลอดทั้งชีวิต

หวู่หมิงที่อยู่ข้างหน้าเธอเป็นคนประเภทที่อารมณ์ร้อนและหยาบคาย ต่อให้เธอไม่สนใจเขา เขาก็จะต้องเอาตัวเธอไปจนได้อยู่ดี เขาไม่มีความสงสารเธอเลยสักนิดและยังอยากที่จะหาโอกาสที่จะหนีไปอีก ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่เลวร้ายมาก

ในตอนเย็นหวู่หมิงยังย่ำยีเสี่ยวเชาอีกหลายครั้ง เธอสลบไปหลายครั้งแต่เขาก็ยังไม่ปล่อยเธอไป จนสุดท้ายโดยไม่สนใจร่างของเสี่ยวเชาที่ยังนอนอยู่ที่พื้น เขาใช้วิชาเพื่อทำความสะอาดร่างกายของพวกเขาทั้งสอง

รุ่งเช้าวันต่อมา เสี่ยวเชาแต่งตัวอยู่เงียบๆ ขาทั้งสองข้างเดินด้วยท่วงท่าที่ดูแปลกๆเพราะไม่สามารถที่จะหุบขาได้สนิท ซึ่งเพียงแค่เห็นก็รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

“เร็วเข้า วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปเจอคนพวกนั้น” น้ำเสียงที่พูดออกมาของหวู่หมิงไร้ซึ่งความอ่อนโยน

“เจ้าค่ะ!” เสี่ยวเชาตะโกนออกมาอย่างสุภาพ ใบหน้าเล็กไม่กล้าที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจ

ในตอนนี้มู่หรงและหลินหยางออกมาจากมิติลับ เสี่ยวไป๋เองก็กำลังฝึกตนอยู่กับเฟิงจือหลิงและคนอื่นๆ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากที่จะไปรบกวนพวกเขา

“ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ” หลินหยางเปลี่ยนชุดใหม่เป็นสีน้ำเงินเข้มพร้อมผมที่ตัดสั้น

“ข้าเดาว่ามันก็คงจะคล้ายๆกับดินแดนแห่งจินตนาการ ข้าคิดว่าเจ้าควรจะฝึกตนต่อในมิติลับอีกหน่อย ยังไงซะพวกเราก็เกือบที่จะขึ้นไปอันดับสูงกันหมดแล้ว ถ้าพวกเราทุกคนขึ้นไปถึงขีดจำกัดกันได้ก็จะเหลือแค่เพียงเจ้าคนเดียวที่รั้งท้าย ข้ารู้ว่ามิติลับจะต้องช่วยให้เจ้าขึ้นไปจุดสูงสุดได้” มู่หรงพูด

“เพิ่งมาในที่ใหม่แล้วจะข้าจะปล่อยให้เจ้าสำรวจที่นี่อยู่คนเดียวได้ยังไง งั้นข้าก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว” หลินหยางยังชินกับความคิดที่ว่าผู้หญิงต้องได้รับการปกป้องอยู่ มันไม่เกี่ยวอะไรกับการมีพลังแห่งจิตวิญญาณเลย นี่เป็นธรรมชาติของผู้ชายอยู่แล้ว

“ไม่เอาน่า แค่นิ้วเดียวข้าก็ขยี้เจ้าจมดินแล้ว จะเชื่อหรือไม่ก็ช่าง” มู่หรงพูดออกมาอย่างไร้ความปรานี

ในดินแดนแห่งจิตนาการ พลังแห่งจิตวิญญาณคือทุกสิ่ง ถึงแม้ค่าพลังจะสามารถเพิ่มได้แต่นี่ก็น่ากลัวกว่ามาก

“โอเค ข้ารู้ว่าเจ้าเก่ง อย่ามัวแต่อวดอยู่เลย ไปกันเถอะ ข้าไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหนงั้นข้าว่าออกไปจากที่นี่น่าจะดีกว่า” หลินหยางใช้มือของตัวเองตัดกิ่งไม้ที่ขว้างทางไปด้วยพร้อมทั้งพูดออกมา

“โอเค หลังจากที่เราออกไปแล้ว เราจะต้องกลับเข้าไป” มู่หรงเสวี่ยพูด ยังไงซะลมหายใจของหลินหยางก็ยังไม่เสถียร ดูเหมือนว่าจะต้องมีการเลื่อนระดับและคงจะต้องเร็วๆนี้ด้วย

“ก็ได้”

เพราะเธอยังอยู่ในป่า มู่หรงเสวี่ยจึงไม่อยากที่จะค่อยเดินดังนั้นเธอจึงใช้พลังแห่งจิตวิญญาณ

ในระหว่างทางเธอเจอเข้ากับกลุ่มชาวบ้านที่กำลังค้นภูเขา

“มีอะไรเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยมองพวกเขาขุดภูเขาด้วยเครื่องมือมากมาย ที่นี่มีสมบัติหรือไงกัน

“ไม่รู้สิ ไปดูกันเถอะ” หลินหยางพูด

พวกเขาเดินไปหาพวกชาวบ้าน

“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างอ่อนโยน

ทันทีที่ชาวบ้านเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเขาเห็นหลินหยางและมู่หรงเสวี่ยก็รีบคำนับลงไปทันที

“ท่านเซียน ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ ท่านเซียน ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ!”

มู่หรงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด เธอรีบใช้พลังแห่งจิตวิญญาณปกป้องชาวบ้านและกันไม่ให้เขาคำนับลงไป

“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ได้มีเจตนาอะไร แค่ถามเฉยๆ” มู่หรงพูดอย่างอ่อนโยน

ชาวบ้านคนนี้ก็คือดาเนี่ยล เขายังอยากที่จะคำนับอยู่แต่ก็พบว่าตัวเองไม่สามารถที่จะทำได้ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่านี่เป็นเพราะเวทย์ของเซียน

“ไม่ต้องกลัว เราไม่ได้มีเจตนาอะไรทั้งนั้น เราแค่อยากที่จะถามเจ้า” มู่หรงเสวี่ยกล่าว

ท่าทางของชาวบ้านพวกนี้แปลกจริงๆ พวกเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!

“ท่านเซียน ไม่ว่าท่านอยากรู้อะไร ข้าจะตอบทุกอย่างเลย” ดาเนี่ยลพูดอย่างตื่นเต้น

“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?!” มู่หรงพยายามสงบใจและถามออกมา ปกติแล้วพวกชาวบ้านจะไม่คำนับและคุกเข่าลงกับพื้น มันน่าแปลกที่พวกเขาทำแบบนี้ดังนั้นเธอจึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไร

ใครจะรู้ว่าดาเนี่ยลจะสั่นเทอมยิ่งกว่าเดิมอีก แต่ก่อนไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เลย ผู้ฝึกตนสองกลุ่มที่ต่างกันเข้ามาในหมู่บ้านพร้อมกันและทุกคนต่างก็บอกให้ชาวบ้านเชื่อฟังคำสั่งและสุดท้ายคนที่ต้องเจ็บปวดก็คือพวกเขาเอง

พวกเขาเคยชินกับการที่คนอยากจะหนีแต่พวกสัตว์ร้ายที่หมู่บ้านไม่ได้สุภาพเหมือนกับสองคนนี้และพวกเขาก็คงจะถูกฆ่าตายถ้าไม่กลับออกไป

“ช่วย กำลังช่วยเซียนหาบางอย่างอยู่” ดาเนี่ยลตอบเสียงสั่น

“เซียนงั้นเหรอ? ใครกันเหรอ?” มู่หรงถามต่อ

“ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย ได้โปรด” ดาเนี่ยลเริ่มที่จะร้องอีกครั้ง

มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจและคิดว่าเซียนคงไม่ใช่คนดีแน่ๆ คงไม่ใช่พวกที่ยอมพูดดีๆด้วยเท่าไร ไม่งั้นพวกชาวบ้านก็คงไม่กลัวตัวสั่นกันขนาดนี้ “โอเค ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว พวกเราจะไปด้วย” แล้วหลินหยางและมู่หรงก็ลุกขึ้นและเดินออกไป

ชาวบ้านทุกคนต่างก็พูดตะกุกตะกัก

มู่หรงให้พวกเขาลุกขึ้นก่อน เธอทำได้เพียงเร่งฝีเท้าของตัวเองเท่านั้น

เสี่ยวเชาที่กำลังยืนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ข้างๆหวู่หมิง เธอเห็นคนสองคนที่กำลังเดินมาไม่ห่างไปนักและประกายแสงก็แวบขึ้นมาในดวงตาของเธอ แล้วเธอก็นึกถึงสถานการณ์ของตัวเองและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกลียดเพิ่มขึ้นมาอีก

ถ้าพวกเขาทำตามข้อตกลงของเธอตั้งแต่เมื่อวาน งั้นเธอก็คงไม่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้หรอกและคงไม่ต้องมามีสภาพแบบตอนนี้หรอก

เธอเห็นมู่หรงเสวี่ยที่กำลังเดินมาด้วยใบหน้าที่สวยงาม, ท่วงท่าที่สง่าก็ยิ่งรู้สึกเกลียดมากขึ้นไปอีก

เสี่ยวเชาอยากที่จะทำลายผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ งั้นก็ควรที่จะลงนรกไปด้วยกันเลยแล้วกัน

เสี่ยวเชาเดินขึ้นมาและพูดออกมา “พี่หวู่ ผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้นสวยเหลือเกิน” เธอพูดอย่างไร้เดียงสา

หวู่หมิงรู้สึกทะแม่งๆและรู้สึกว่านี่มันไร้สาระอยู่นิดหน่อย เขาก้มลงมองไปที่เสี่ยวเชาและทันใดนั้นก็จ้องไปที่ดวงตาของเธอ

หัวใจของเสี่ยวเชารู้สึกเกลียดชังจนอยากจะให้เขาตายแต่ก็ยังทนไว้

มู่หรงและหลินหยางไม่ได้ตั้งใจที่จะยุ่งกับเรื่องนี้ ถึงแม้พวกเขาจะสามารถช่วยครั้งนี้ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะช่วยได้ตลอดไป

หวู่หมิงเบนสายตาจากเสี่ยวเชาที่อยู่ข้างๆเขา ตอนนี้เขาหลงไปกับความงามของมู่หรงเข้าอย่างจัง เขาไม่คิดเลยว่าจะมีผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้แต่นี่ก็ถือเป็นกำไรจริงๆ

เขานึกวิธีใหม่ได้เป็นหมื่นวิธีที่จะใช้เล่นกับเธอแทบจะในทันที หวู่หมิงเดินออกไป

มายืนอยู่เบื้องหน้าของมู่หรง ส่วนหลินหยาง เขากลับไม่สนใจเลยสักนิด คนที่ไม่ชอบค่อยจัดการทีหลังได้

“งามจริงๆ!” สายตาของหวู่หมิงจ้องตรงไปที่มู่หรง

มู่หรงขมวดคิ้ว “ว่าไง?” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ค่อยจะดีเท่าไรพร้อมด้วยสายตาที่มองไปยังชายคนตรงหน้าด้วยความรังเกียจ

“จะไปไหนเหรอคนสวย?” หวู่หมิงถาม

“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”

“ไปให้พ้นทางเลย!”

หลินหยางและมู่หรงพูดออกมาพร้อมกัน

“รู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร?! กล้าดีมากนะที่มาพูดกับข้าแบบนี้” หวู่หมิงมองด้วยสายตาเย็นชา

มู่หรงเองก็มองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นชา อยู่แค่เพียงระดับสีส้มยังจะกล้ามาทำตัวยิ่งใหญ่อีกเหรอ

“ข้าไม่รู้ หลบไปให้พ้นทาง” มู่หรงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างพยายามอดกลั้นเล็กน้อย

“สาวงามก็มักจะอารมณ์ร้อนแต่อย่าให้มันมากนักนะ ไปกับข้าสิ ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บไม่ลืมเลย” หวู่หมิงยิ้มพร้อมทั้งพยายามที่จะยื่นมือออกไปหามู่หรงโดยตำแหน่งเล็งไปที่หน้าอก

มุมปากของมู่หรงยิ้มอย่างเย็นชา พร้อมทั้งยกมือขึ้นผสมกับพลังแห่งจิตวิญญาณและโจมตีไปที่หวู่หมิง

สายตาของหวู่หมิงเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวและกระเด็นออกห่างไปไกล

“ฟู่!” หวู่หมิงกระอักเลือดออกมาทันที อวัยวะภายในและภายนอกเจ็บระบมไปหมด

เป็นใครกันเนี่ย?

ชั่วขณะหนึ่งเขาก็รู้ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป ตอนนี้มือของเขารู้สึกหนักจนแทบจะขยับไม่ได้

เสี่ยวเชามองเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อกี้เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ค่อยชัดเจนแล้วหวู่หมิงก็กระเด็นไปไกล แต่เธอก็เดาว่านี่คงจะเป็นฝีมือของชายหนุ่มแน่ๆ

ช่างเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งจริงๆ เธอชอบจริงๆ มีเพียงผู้ชายแบบเขาเท่านั้นที่คู่ควรกับเธอ ถึงแม้เขาจะทำกับเธอเหมือนที่หวู่หมิงทำ เธอก็ยินดี

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วเสี่ยวเชาก็รีบวิ่งออกไปทันทีพร้อมทั้งคุกเข่าลงกับพื้น “นายท่าน ช่วยข้าด้วยเถอะนายท่าน!”

หลินหยางมองไปที่เธอด้วยสายตาเย็นชาพร้อมทั้งยกเท้าหนี้และเดินออกไป มู่หรงเองก็เดินไปด้วย

สีหน้าของเสี่ยวเชาเปลี่ยนไปและรีบดึงเสื้อคลุมของหลินหยางไว้ทันที “ได้โปรดนายท่าน ขอร้องล่ะ ก่อนหน้านี้พวกเราเคยช่วยท่านไว้ ช่วยเราด้วย ไม่งั้นพวกเราจะต้องตาย”

เสี่ยวเชาร้องไห้อย่างน่าสงสาร ซึ่งบวกกับความรู้สึกที่เจ็บปวดทำให้เธอดูบอบบางอย่างมาก

เพียงแค่ว่าหลินหยางไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้ เขาเพียงแค่สะบัดด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณและเดินไปข้างหน้าต่อโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ทั้งสองเดินต่อไป

“ได้โปรดอย่าไปเลย พวกนั้นจะฆ่าเราทั้งหมู่บ้าน” เสี่ยวเชาวิ่งตามและตะโกนร้อง

มู่หรงยังเดินต่อไป ยังไงซะก็ไม่มีอะไรที่พวกเธอทำได้อยู่แล้ว จะช่วยทุกคนไม่ได้

คนมากมายขนาดนี้พวกเธอจะช่วยหมดได้ยังไง ถึงแม้จะช่วยได้ตอนนี้ แต่พวกเธอก็ปกป้องพวกเขาไม่ตลอดไม่ได้ แล้วถ้าพวกนั้นกลับมาอีกล่ะ

“พวกท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ได้โปรดช่วยด้วย” เสี่ยวเชาร้องคร่ำครวญ

หวู่หมิงอาการสาหัส กึ่งเป็นกึ่งตาย เดาว่าเธอจะต้องตายแน่ๆถ้าพวกเพื่อนของเขากลับมา

“ถ้าชายคนนั้นตาย พวกนั้นก็จะฆ่าพวกเรากันหมด ได้โปรดเถอะ!” เสี่ยวเชายังตะโกนต่อไปอีก

ครั้งนี้มู่หรงหยุดถ้ามันเป็นเพราะเธอ เธอก็คงไม่แบบนี้ไม่ได้จริงๆ

“ได้โปรด อย่างน้อยพวกท่านจะมาทิ้งปัญหาไว้ให้เราไม่ได้” เสี่ยวเชาร้อง

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่หลินหยาง

หลินหยางเย็นชามากกว่ามู่หรงเสวี่ย เขาไม่อยากที่จะสนใจเรื่องนี้ ยังไงซะเขาก็เคยเห็นสงครามที่โหดร้ายกว่านี้มาก่อนแล้ว

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 386 ชาวบ้าน

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 386 ชาวบ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 386

ชาวบ้าน

ไม่ว่าพวกเขาจะต้องเจอกับอะไรแต่พวกเขาก็จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องตาย

เสี่ยวเชาที่ยืนอยู่ข้างหลังหวู่หมิงก้มหัวต่ำ เธอนึกภาพได้เลยว่าคนที่อยู่เบื้องล่างจะต้องหัวเราะเยาะกับความโง่เขลาของเธออยู่แน่ๆ พวกเซียนควรที่จะเป็นคนดีไม่ใช่เหรอ?! เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาเจอเข้ากับคนแบบนี้

ตอนนี้ร่างกายของเธอยังร้อนลุ่มและเจ็บปวดอยู่เลย ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายแทบจะทนไว้ไม่ไหว แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียง สุดท้ายเธอก็เห็นแล้วว่าทั้งหมดนี้เป็นสัตว์ร้ายที่ปลอมตัวมา เธอเคยคิดว่าเขาจะรับเธอเป็นศิษย์แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เธอสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดของลูกผู้หญิงไปแล้ว เธอเคยอยากที่จะใช้ความสวยของตัวเองเพื่อที่จะตามหาผู้ชายอย่างนายท่านเพื่อที่จะอยู่ไปด้วยกันตลอดทั้งชีวิต

หวู่หมิงที่อยู่ข้างหน้าเธอเป็นคนประเภทที่อารมณ์ร้อนและหยาบคาย ต่อให้เธอไม่สนใจเขา เขาก็จะต้องเอาตัวเธอไปจนได้อยู่ดี เขาไม่มีความสงสารเธอเลยสักนิดและยังอยากที่จะหาโอกาสที่จะหนีไปอีก ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่เลวร้ายมาก

ในตอนเย็นหวู่หมิงยังย่ำยีเสี่ยวเชาอีกหลายครั้ง เธอสลบไปหลายครั้งแต่เขาก็ยังไม่ปล่อยเธอไป จนสุดท้ายโดยไม่สนใจร่างของเสี่ยวเชาที่ยังนอนอยู่ที่พื้น เขาใช้วิชาเพื่อทำความสะอาดร่างกายของพวกเขาทั้งสอง

รุ่งเช้าวันต่อมา เสี่ยวเชาแต่งตัวอยู่เงียบๆ ขาทั้งสองข้างเดินด้วยท่วงท่าที่ดูแปลกๆเพราะไม่สามารถที่จะหุบขาได้สนิท ซึ่งเพียงแค่เห็นก็รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

“เร็วเข้า วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปเจอคนพวกนั้น” น้ำเสียงที่พูดออกมาของหวู่หมิงไร้ซึ่งความอ่อนโยน

“เจ้าค่ะ!” เสี่ยวเชาตะโกนออกมาอย่างสุภาพ ใบหน้าเล็กไม่กล้าที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจ

ในตอนนี้มู่หรงและหลินหยางออกมาจากมิติลับ เสี่ยวไป๋เองก็กำลังฝึกตนอยู่กับเฟิงจือหลิงและคนอื่นๆ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากที่จะไปรบกวนพวกเขา

“ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ” หลินหยางเปลี่ยนชุดใหม่เป็นสีน้ำเงินเข้มพร้อมผมที่ตัดสั้น

“ข้าเดาว่ามันก็คงจะคล้ายๆกับดินแดนแห่งจินตนาการ ข้าคิดว่าเจ้าควรจะฝึกตนต่อในมิติลับอีกหน่อย ยังไงซะพวกเราก็เกือบที่จะขึ้นไปอันดับสูงกันหมดแล้ว ถ้าพวกเราทุกคนขึ้นไปถึงขีดจำกัดกันได้ก็จะเหลือแค่เพียงเจ้าคนเดียวที่รั้งท้าย ข้ารู้ว่ามิติลับจะต้องช่วยให้เจ้าขึ้นไปจุดสูงสุดได้” มู่หรงพูด

“เพิ่งมาในที่ใหม่แล้วจะข้าจะปล่อยให้เจ้าสำรวจที่นี่อยู่คนเดียวได้ยังไง งั้นข้าก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว” หลินหยางยังชินกับความคิดที่ว่าผู้หญิงต้องได้รับการปกป้องอยู่ มันไม่เกี่ยวอะไรกับการมีพลังแห่งจิตวิญญาณเลย นี่เป็นธรรมชาติของผู้ชายอยู่แล้ว

“ไม่เอาน่า แค่นิ้วเดียวข้าก็ขยี้เจ้าจมดินแล้ว จะเชื่อหรือไม่ก็ช่าง” มู่หรงพูดออกมาอย่างไร้ความปรานี

ในดินแดนแห่งจิตนาการ พลังแห่งจิตวิญญาณคือทุกสิ่ง ถึงแม้ค่าพลังจะสามารถเพิ่มได้แต่นี่ก็น่ากลัวกว่ามาก

“โอเค ข้ารู้ว่าเจ้าเก่ง อย่ามัวแต่อวดอยู่เลย ไปกันเถอะ ข้าไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหนงั้นข้าว่าออกไปจากที่นี่น่าจะดีกว่า” หลินหยางใช้มือของตัวเองตัดกิ่งไม้ที่ขว้างทางไปด้วยพร้อมทั้งพูดออกมา

“โอเค หลังจากที่เราออกไปแล้ว เราจะต้องกลับเข้าไป” มู่หรงเสวี่ยพูด ยังไงซะลมหายใจของหลินหยางก็ยังไม่เสถียร ดูเหมือนว่าจะต้องมีการเลื่อนระดับและคงจะต้องเร็วๆนี้ด้วย

“ก็ได้”

เพราะเธอยังอยู่ในป่า มู่หรงเสวี่ยจึงไม่อยากที่จะค่อยเดินดังนั้นเธอจึงใช้พลังแห่งจิตวิญญาณ

ในระหว่างทางเธอเจอเข้ากับกลุ่มชาวบ้านที่กำลังค้นภูเขา

“มีอะไรเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยมองพวกเขาขุดภูเขาด้วยเครื่องมือมากมาย ที่นี่มีสมบัติหรือไงกัน

“ไม่รู้สิ ไปดูกันเถอะ” หลินหยางพูด

พวกเขาเดินไปหาพวกชาวบ้าน

“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างอ่อนโยน

ทันทีที่ชาวบ้านเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเขาเห็นหลินหยางและมู่หรงเสวี่ยก็รีบคำนับลงไปทันที

“ท่านเซียน ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ ท่านเซียน ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ!”

มู่หรงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด เธอรีบใช้พลังแห่งจิตวิญญาณปกป้องชาวบ้านและกันไม่ให้เขาคำนับลงไป

“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ได้มีเจตนาอะไร แค่ถามเฉยๆ” มู่หรงพูดอย่างอ่อนโยน

ชาวบ้านคนนี้ก็คือดาเนี่ยล เขายังอยากที่จะคำนับอยู่แต่ก็พบว่าตัวเองไม่สามารถที่จะทำได้ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่านี่เป็นเพราะเวทย์ของเซียน

“ไม่ต้องกลัว เราไม่ได้มีเจตนาอะไรทั้งนั้น เราแค่อยากที่จะถามเจ้า” มู่หรงเสวี่ยกล่าว

ท่าทางของชาวบ้านพวกนี้แปลกจริงๆ พวกเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!

“ท่านเซียน ไม่ว่าท่านอยากรู้อะไร ข้าจะตอบทุกอย่างเลย” ดาเนี่ยลพูดอย่างตื่นเต้น

“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?!” มู่หรงพยายามสงบใจและถามออกมา ปกติแล้วพวกชาวบ้านจะไม่คำนับและคุกเข่าลงกับพื้น มันน่าแปลกที่พวกเขาทำแบบนี้ดังนั้นเธอจึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไร

ใครจะรู้ว่าดาเนี่ยลจะสั่นเทอมยิ่งกว่าเดิมอีก แต่ก่อนไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เลย ผู้ฝึกตนสองกลุ่มที่ต่างกันเข้ามาในหมู่บ้านพร้อมกันและทุกคนต่างก็บอกให้ชาวบ้านเชื่อฟังคำสั่งและสุดท้ายคนที่ต้องเจ็บปวดก็คือพวกเขาเอง

พวกเขาเคยชินกับการที่คนอยากจะหนีแต่พวกสัตว์ร้ายที่หมู่บ้านไม่ได้สุภาพเหมือนกับสองคนนี้และพวกเขาก็คงจะถูกฆ่าตายถ้าไม่กลับออกไป

“ช่วย กำลังช่วยเซียนหาบางอย่างอยู่” ดาเนี่ยลตอบเสียงสั่น

“เซียนงั้นเหรอ? ใครกันเหรอ?” มู่หรงถามต่อ

“ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย ได้โปรด” ดาเนี่ยลเริ่มที่จะร้องอีกครั้ง

มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจและคิดว่าเซียนคงไม่ใช่คนดีแน่ๆ คงไม่ใช่พวกที่ยอมพูดดีๆด้วยเท่าไร ไม่งั้นพวกชาวบ้านก็คงไม่กลัวตัวสั่นกันขนาดนี้ “โอเค ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว พวกเราจะไปด้วย” แล้วหลินหยางและมู่หรงก็ลุกขึ้นและเดินออกไป

ชาวบ้านทุกคนต่างก็พูดตะกุกตะกัก

มู่หรงให้พวกเขาลุกขึ้นก่อน เธอทำได้เพียงเร่งฝีเท้าของตัวเองเท่านั้น

เสี่ยวเชาที่กำลังยืนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ข้างๆหวู่หมิง เธอเห็นคนสองคนที่กำลังเดินมาไม่ห่างไปนักและประกายแสงก็แวบขึ้นมาในดวงตาของเธอ แล้วเธอก็นึกถึงสถานการณ์ของตัวเองและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกลียดเพิ่มขึ้นมาอีก

ถ้าพวกเขาทำตามข้อตกลงของเธอตั้งแต่เมื่อวาน งั้นเธอก็คงไม่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้หรอกและคงไม่ต้องมามีสภาพแบบตอนนี้หรอก

เธอเห็นมู่หรงเสวี่ยที่กำลังเดินมาด้วยใบหน้าที่สวยงาม, ท่วงท่าที่สง่าก็ยิ่งรู้สึกเกลียดมากขึ้นไปอีก

เสี่ยวเชาอยากที่จะทำลายผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ งั้นก็ควรที่จะลงนรกไปด้วยกันเลยแล้วกัน

เสี่ยวเชาเดินขึ้นมาและพูดออกมา “พี่หวู่ ผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้นสวยเหลือเกิน” เธอพูดอย่างไร้เดียงสา

หวู่หมิงรู้สึกทะแม่งๆและรู้สึกว่านี่มันไร้สาระอยู่นิดหน่อย เขาก้มลงมองไปที่เสี่ยวเชาและทันใดนั้นก็จ้องไปที่ดวงตาของเธอ

หัวใจของเสี่ยวเชารู้สึกเกลียดชังจนอยากจะให้เขาตายแต่ก็ยังทนไว้

มู่หรงและหลินหยางไม่ได้ตั้งใจที่จะยุ่งกับเรื่องนี้ ถึงแม้พวกเขาจะสามารถช่วยครั้งนี้ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะช่วยได้ตลอดไป

หวู่หมิงเบนสายตาจากเสี่ยวเชาที่อยู่ข้างๆเขา ตอนนี้เขาหลงไปกับความงามของมู่หรงเข้าอย่างจัง เขาไม่คิดเลยว่าจะมีผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้แต่นี่ก็ถือเป็นกำไรจริงๆ

เขานึกวิธีใหม่ได้เป็นหมื่นวิธีที่จะใช้เล่นกับเธอแทบจะในทันที หวู่หมิงเดินออกไป

มายืนอยู่เบื้องหน้าของมู่หรง ส่วนหลินหยาง เขากลับไม่สนใจเลยสักนิด คนที่ไม่ชอบค่อยจัดการทีหลังได้

“งามจริงๆ!” สายตาของหวู่หมิงจ้องตรงไปที่มู่หรง

มู่หรงขมวดคิ้ว “ว่าไง?” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ค่อยจะดีเท่าไรพร้อมด้วยสายตาที่มองไปยังชายคนตรงหน้าด้วยความรังเกียจ

“จะไปไหนเหรอคนสวย?” หวู่หมิงถาม

“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”

“ไปให้พ้นทางเลย!”

หลินหยางและมู่หรงพูดออกมาพร้อมกัน

“รู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร?! กล้าดีมากนะที่มาพูดกับข้าแบบนี้” หวู่หมิงมองด้วยสายตาเย็นชา

มู่หรงเองก็มองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นชา อยู่แค่เพียงระดับสีส้มยังจะกล้ามาทำตัวยิ่งใหญ่อีกเหรอ

“ข้าไม่รู้ หลบไปให้พ้นทาง” มู่หรงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างพยายามอดกลั้นเล็กน้อย

“สาวงามก็มักจะอารมณ์ร้อนแต่อย่าให้มันมากนักนะ ไปกับข้าสิ ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บไม่ลืมเลย” หวู่หมิงยิ้มพร้อมทั้งพยายามที่จะยื่นมือออกไปหามู่หรงโดยตำแหน่งเล็งไปที่หน้าอก

มุมปากของมู่หรงยิ้มอย่างเย็นชา พร้อมทั้งยกมือขึ้นผสมกับพลังแห่งจิตวิญญาณและโจมตีไปที่หวู่หมิง

สายตาของหวู่หมิงเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวและกระเด็นออกห่างไปไกล

“ฟู่!” หวู่หมิงกระอักเลือดออกมาทันที อวัยวะภายในและภายนอกเจ็บระบมไปหมด

เป็นใครกันเนี่ย?

ชั่วขณะหนึ่งเขาก็รู้ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป ตอนนี้มือของเขารู้สึกหนักจนแทบจะขยับไม่ได้

เสี่ยวเชามองเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อกี้เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ค่อยชัดเจนแล้วหวู่หมิงก็กระเด็นไปไกล แต่เธอก็เดาว่านี่คงจะเป็นฝีมือของชายหนุ่มแน่ๆ

ช่างเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งจริงๆ เธอชอบจริงๆ มีเพียงผู้ชายแบบเขาเท่านั้นที่คู่ควรกับเธอ ถึงแม้เขาจะทำกับเธอเหมือนที่หวู่หมิงทำ เธอก็ยินดี

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วเสี่ยวเชาก็รีบวิ่งออกไปทันทีพร้อมทั้งคุกเข่าลงกับพื้น “นายท่าน ช่วยข้าด้วยเถอะนายท่าน!”

หลินหยางมองไปที่เธอด้วยสายตาเย็นชาพร้อมทั้งยกเท้าหนี้และเดินออกไป มู่หรงเองก็เดินไปด้วย

สีหน้าของเสี่ยวเชาเปลี่ยนไปและรีบดึงเสื้อคลุมของหลินหยางไว้ทันที “ได้โปรดนายท่าน ขอร้องล่ะ ก่อนหน้านี้พวกเราเคยช่วยท่านไว้ ช่วยเราด้วย ไม่งั้นพวกเราจะต้องตาย”

เสี่ยวเชาร้องไห้อย่างน่าสงสาร ซึ่งบวกกับความรู้สึกที่เจ็บปวดทำให้เธอดูบอบบางอย่างมาก

เพียงแค่ว่าหลินหยางไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้ เขาเพียงแค่สะบัดด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณและเดินไปข้างหน้าต่อโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ทั้งสองเดินต่อไป

“ได้โปรดอย่าไปเลย พวกนั้นจะฆ่าเราทั้งหมู่บ้าน” เสี่ยวเชาวิ่งตามและตะโกนร้อง

มู่หรงยังเดินต่อไป ยังไงซะก็ไม่มีอะไรที่พวกเธอทำได้อยู่แล้ว จะช่วยทุกคนไม่ได้

คนมากมายขนาดนี้พวกเธอจะช่วยหมดได้ยังไง ถึงแม้จะช่วยได้ตอนนี้ แต่พวกเธอก็ปกป้องพวกเขาไม่ตลอดไม่ได้ แล้วถ้าพวกนั้นกลับมาอีกล่ะ

“พวกท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ได้โปรดช่วยด้วย” เสี่ยวเชาร้องคร่ำครวญ

หวู่หมิงอาการสาหัส กึ่งเป็นกึ่งตาย เดาว่าเธอจะต้องตายแน่ๆถ้าพวกเพื่อนของเขากลับมา

“ถ้าชายคนนั้นตาย พวกนั้นก็จะฆ่าพวกเรากันหมด ได้โปรดเถอะ!” เสี่ยวเชายังตะโกนต่อไปอีก

ครั้งนี้มู่หรงหยุดถ้ามันเป็นเพราะเธอ เธอก็คงไม่แบบนี้ไม่ได้จริงๆ

“ได้โปรด อย่างน้อยพวกท่านจะมาทิ้งปัญหาไว้ให้เราไม่ได้” เสี่ยวเชาร้อง

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่หลินหยาง

หลินหยางเย็นชามากกว่ามู่หรงเสวี่ย เขาไม่อยากที่จะสนใจเรื่องนี้ ยังไงซะเขาก็เคยเห็นสงครามที่โหดร้ายกว่านี้มาก่อนแล้ว

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+