ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 45 การอยู่ร่วมกัน

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 45 การอยู่ร่วมกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 45
การอยู่ร่วมกัน

“ไปกันเถอะ!” ชางกวนโม่ยื่นมือออกมา

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นและเห็นชางกวนโม่โดยไม่รู้ว่าเขาทำงานเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ มู่หรงเสวี่ยไม่ได้แสดงความรักอะไรและวางมือลงในฝ่ามือของเขา “จะไปไหน?”

“พาเธอไปทัวร์รอบๆบ้านของเราไง” ชางกวนโม่หัวเราะ ช่วงนี้เขาหัวเราะบ่อยขึ้นมาก

บ้านของเรางั้นเหรอ?! มู่หรงเสวี่ยใจสั่น … แปลกใจที่ได้เห็นคนชั้นสูงแบบชางกวนโม่ บอกความตรง เธอไม่เข้าใจเลยว่าเขาหมายถึงอะไร?! เพราะได้เธอมาเป็นสัตว์เลี้ยงก็เลยอารมณ์ดีงั้นเหรอ?! เลิกคิดบ้าๆได้แล้ว ตอนนี้เธออยากจะทำให้เขาพอใจ งั้นก็ไหลตามน้ำไปแล้วกัน

เขาพูดกันว่าไงนะ?! ชีวิตก็แบบนี้แหละ ถ้าขัดขืนไม่ได้งั้นก็สนุกกับมันไปเลย!

มู่หรงเสวี่ยจึงหัวเราะออกมา “โอเค! แล้วฉันจะต้องอยู่ที่ไหนล่ะ?” เธอชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางที่อยู่ตรงมุมห้อง

แน่นอนว่าเขาอยากจะขำเธอ

มู่หรงเสวี่ยทำหน้าแข็งและรีบดึงสติ “เพื่อเก็บเสื้อผ้า”

เขารู้สึกประหลาดใจ เขาพร้อมที่จะรับอารมณ์โมโหของเธอ แต่ชางกวนโม่ไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะตกลง

เดิมทีเขาไม่อยากที่จะบังคับให้เธออยู่ห้องเดียวกับเขาและถึงขนาดให้แม่บ้านไปทำความสะอาดห้องสวีทที่อยู่ข้างๆห้องเขาแล้วด้วย อย่างไรก็ตามถ้าเธอตกลงเขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีก ฮ่าฮ่า!

“มาเถอะ ห้องอยู่ไม่ไกลนี่เอง!”

ห้องนอนของชางกวนโม่ถูกจัดไว้อย่างเรียบง่ายด้วยสีดำและสีขาว ดูเย็นชามาก แต่เดิมเธอคิดว่าเขาเป็นคนเย็นชา แต่ไม่กี่ครั้งที่ผ่านมาเธอได้เห็นเขาในท่าทางอื่นๆ ทำให้รู้ว่าความเย็นชาคงเป็นเพียงแค่ท่าทางเท่านั้น

หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยถูกเขากดขี่ ข่มเหงมาหลายครั้ง ในที่สุดเธอก็รู้สึกดีขึ้นมาก เธอจะปฏิบัติกับเขาเหมือนผู้ป่วยทางจิต ใครกันที่อยากจะเถียงกับคนป่วยทางจิตล่ะ? งั้นเธอตัดสินใจว่าจะยกโทษให้เขา…อันที่จริง เธอต้องยกโทษให้เขา

มู่หรงเสวี่ยเปิดกระเป๋าและหยิบเสื้อผ้าออกมาแขวนในห้องหลายชุด กระโปรงสีขาวของเธอและชุดสูทสีดำของ ชางกวนโม่ถูกแขวนไว้ด้วยกัน เธอไม่รู้ว่าจะมองยังไง อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกแปลกแต่ก็กลมกลืน

เมื่อเธอหยิบชุดชั้นในออกมา มู่หรงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงและรู้สึกเขินขึ้นมา เธอเก็บมันไว้ในลิ้นชักด้านล่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แสร้งทำเป็นสงบนิ่งและปิดกระเป๋า “โอเค ไปกันเถอะ”

ชางกวนโม่รู้ว่าเธอขี้อายและแสร้งทำเป็นไม่เห็นเธอ อันที่จริงเขาเองก็รู้สึกเขินเล็กน้อยเหมือนกัน

พวกเขาหยุดคุยและออกไป ชางกวนโม่แนะนำทุกอย่างเกี่ยวกับคฤหาสน์เป็นครั้งคราว และบางครั้งก็พูดเรื่องตลกแทรกเข้ามา มู่หรงเสวี่ยรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เข้ากันได้อย่างน่าอัศจรรย์ เรื่องบ้าอะไรเนี่ย!

ในตอนบ่าย ชางกวนโม่ไม่ชอบให้มีใครอยู่บ้าน เขาจึงไม่ได้เชิญคนทำอาหารเข้ามา โดยปกติเขาจะขอให้ทางโรงแรมส่งอาหารมาให้โดยตรง แต่วันนี้มู่หรงเสวี่ย มาที่นี่ เขาจึงอยากพาเธอออกไปกินข้าว บอกตามตรงว่าเขาไม่ชอบกินอาหารข้างนอก แต่เมื่อเทียบกันแล้วเขาไม่ชอบให้มีคนอื่นอยู่ในบ้านมากกว่า

“เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปทานอาหารค่ำกันไหม?” ชางกวนโม่พูดกับมู่หรงเสวี่ยซึ่งกำลังดูทีวีอยู่

“ฮ่ะ?! ทำไมไม่กินที่บ้านล่ะ? “คำถามธรรมดามาก

เขามองเธอจ้องไปที่ทีวีโดยไม่กะพริบตา แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “ที่บ้านไม่มีใครทำอาหารเลย ไปกันเถอะ”

ไม่มีใครทำอาหารเหรอ?! มู่หรงเสวี่ยกะพริบดวงตากลมโต แล้วเธอก็นึกขึ้นมาได้ โอ้! ไม่นะ เธอต้องทำให้เจ้าชายพอใจ “งั้นฉันทำอาหารเอง โอเคไหม?”

“เธอจะทำอาหารเหรอ?” คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่หรงจะทำอาหารเป็นได้ยังไง?! แต่เมื่อมองดวงตากลมโตของเธอ เขาอยากกอดเธอมากจริงๆ เธอน่ารักมากจนไม่มีใครปฏิเสธได้เลยจริงๆ งั้นในเมื่อเธออยากทำอาหาร ถึงแม้จะเป็นแค่ไข่เจียวเธอก็คงจะมีความสุข

“โอเค แต่ที่บ้านไม่มีอาหารเลยนะ ไปห้างกันเถอะ” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตู้เย็นที่บ้านไม่มีของ เขาจึงแนะนำออกมา

“อืม ไปกันเถอะ” ในเมื่อมู่หรงเสวี่ยมองว่าชางกวนโม่เป็นไอ้โรคจิต เธอจึงไม่รู้สึกกดดันอะไรที่จะออกไปกับเขา ฮ่าฮ่า! ถ้าชางกวนโม่รู้ว่าเธอคิดกับเขาแบบนี้…คงจะสนุกดีนะ

พวกเขากำลังเลือกผักอยู่ในตลาด พวกเขาดูสวีทเหมือนกับคู่แต่งงานใหม่และคนอื่นๆต่างก็อิจฉา

“คุณกินเนื้อหรือเปล่า?”

“กินสิ ฉันไม่ใช่คนเลือกมาก” ชางกวนโม่ตอบมู่หรงเสวี่ยอย่างอ่อนโยน แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะจ้องไปที่พวกผู้หญิงที่อยากจะเข้ามาคุยกับเขา

“แล้วมะเขือเทศล่ะ? ฉันชอบกินมะเขือเทศ” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้สังเกตรอบตัวเลย เธอยังคงเลือกผักอยู่

“ถ้าเธอชอบก็ซื้อไปอีกสิ”
“ …… ”
หลังจากที่ซื้ออาหารมากมายเสร็จ ชางกวนโม่ก็รีบหิ้วถุงทั้งหมดคนเดียวโดยไม่ปล่อยให้มู่หรงเสวี่ยต้องถือเลย

มู่หรงเสวี่ยสังเกตเห็นเรื่องนี้เช่นกัน และก็คิดในใจว่า: คนโรคจิตก็ยังมีหัวใจเหมือนกันนะเนี่ย ยังมีความดีและน้ำใจเหลืออยู่บ้าง!
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงคฤหาสน์

มู่หรงเสวี่ยไล่ชางกวนโม่ที่อยากจะดูเธอทำอาหารออกมาและปิดประตูกระจก เธอไม่อยากให้เขาเข้ามารบกวน!

แน่นอนว่าเธอต้องถูกรบกวนอยู่แล้ว ปีศาจโรคจิตมายืนอยู่ข้างๆเธอแล้วเธอก็ต้องป้องกันตัวเองบ้างเป็นบางครั้งบางคราว อีกอย่างถ้าเขายังยืนอยู่ในนี้ด้วย เธอก็จะไม่สามารถหยิบเอาอาหารออกมาจากมิติลับได้

มิติลับทำให้เธอกินอาหารข้างนอกไม่ได้เลยจริงๆ เธอไม่สามารถกินอาหารข้างนอกที่มียาฆ่าแมลงมากมายได้เลย

เมื่อเห็นว่าคุณชายชางกวนโม่กลับไปทำงานแน่นอนแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็แอบเอาผักที่มาจากมิติลับออกมาวางแทน ครึ่งชั่วโมงต่อมา มู่หรงเสวี่ยก็ทำอาหารค่ำเสร็จ

ถอดผ้ากันเปื้อนออกพร้อมทั้งเดินไปที่ห้องหนังสือ เมื่อเห็นว่าชางกวนโม่ยังยุ่งอยู่ก็รู้สึกว่าไม่อยากจะเข้าไปรบกวนเขาเท่าไร แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาหารก็จะเย็นชืดและไม่อร่อย เมื่อคิดแบบนี้จึงอ้าปากเรียก “พี่ชางกวน อาหารค่ำพร้อมแล้วค่ะ”

เสร็จแล้วเหรอ นี่จะกินได้จริงๆหรือเปล่าเนี่ย?! เขาคิดไว้ว่าถ้ากินไม่ได้ก็จะออกไปกินข้างนอก เขาไม่ได้คาดหวังอะไรไว้มาก

“ไปกันเถอะ” ชางกวนโม่วางเอกสารลง ลุกขึ้นและเดินออกมา เขาจะรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นอาหารที่น่าอร่อยวางอยู่เต็มโต๊ะหรือเปล่าเนี่ย?! ชางกวนโม่รู้สึกประหลาดใจที่เธอทำได้ดีขนาดนี้ ถึงแม้เขาจะยังไม่ได้กินด้วยซ้ำ แต่เขาก็รู้ได้เลยว่าฝีมือเธอต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เมื่อได้กลิ่นของอาหารซึ่งสามารถเทียบกับฝีมือเชฟดังๆได้เลย

“พี่ชางกวน ลองชิมดูสิ ฉันไม่รู้ว่าพี่จะชอบหรือเปล่า” อันที่จริง มู่หรงเสวี่ยรู้สึกมั่นใจกับฝีมือการทำอาหารของเธออย่างมาก

“โอเค มากินพร้อมกันเถอะ”

ท่าทางการกินของชางกวนโม่ดูสง่างามราวกับพวกขุนนางชั้นสูงในภาพวาดซึ่งแตกต่างจากท่าทางสบายๆของ มู่หรงเสวี่ยอย่างมาก แค่จากท่าทางของเขาก็บอกได้เลยว่าเขาพอใจในฝีมือการทำอาหารของมู่หรงเสวี่ยมาก

“เสี่ยวเสวี่ย ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะทำอะไรได้ดีขนาดนี้?”

มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้รับคำชมเรื่องการทำอาหาร เธอมีความสุขอย่างมาก “พี่ชอบไหม?”

“ฉันชอบนะ ไว้ทำให้ฉันกินอีกนะ” ชางกวนโม่รีบพูดออกมา

มู่หรงเสวี่ยถึงกับสำลัก นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งวันเธอก็เปลี่ยนจากคู่นอนมาเป็นแม่ครัวแล้วงั้นเหรอ?!!! แต่ตราบใดที่เขาพอใจ เธอก็จะมีความสุข “โอเค งั้นไปทำงานต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปล้างจานเอง”

ทันใดนั้นชางกวนโม่ก็รู้สึกอบอุ่นในใจเหมือนเป็นคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานาน “เดี๋ยวฉันช่วยล้างเอง!” เขาอยากที่จะทำเรื่องทั่วไปกับเธอ

“ไม่ต้อง ฉันล้างไม่นานหรอก” เธอจะกล้าให้คุณชายมาล้างจานได้ยังไงล่ะ
“ล้างด้วยกัน” เมื่อพูดจบเขาก็ยกจานที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาทันที

มู่หรงเสวี่ยก็รีบช่วยด้วยเช่นกัน เธอรู้สึกแปลกใจมากที่ชางกวนโม่ล้างจานได้อย่างชำนาญมากๆ

ในตอนเย็นหลังจากที่มู่หรงเสวี่ยอาบน้ำเสร็จ นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับ ชางกวนโม่ยังยุ่งอยู่ในห้องทำงาน สมแล้วที่เป็นเจ้าชายแห่งเมืองหลวง เขามักจะยุ่งอยู่เสมอ

อยู่ดีๆเสียงเท้าก็ชางกวนโม่ก็ดังขึ้นมา มู่หรงเสวี่ยนอนคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่ม กังวลจนตัวสั่นไปหมด

ประตูเปิดออก “นอนหรือยัง?” ชางกวนโม่ถามด้วยเสียงเบาๆ
มู่หรงเสวี่ยนอนนิ่งอยู่สักพักและเขาคงจะคิดว่าเธอหลับไปแล้วถ้าชางกวนโม่ไม่ได้ยินคำตอบ ทันใดนั้นไฟก็ถูกเปิดสว่างขึ้น

มู่หรงเสวี่ยหลับตาแต่หูยังได้ยินเป็นอย่างดี เธอได้ยินว่าชางกวนโม่เปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าของตัวเองออกมาและเดินเข้าห้องน้ำไป

หลังจากนั้นสักพักก็ได้ยินเสียงน้ำดังออกมาจากห้องน้ำ

มู่หรงเสวี่ยหายใจเข้าลึกๆ บังคับตัวเองให้รู้สึกผ่อนคลาย พยายามที่จะกล่อมตัวเองให้หลับ ให้ตัวเองหลับไปเร็วๆ หลับไปเร็วๆ

แต่มู่หรงเสวี่ยกังวลมากจนนอนไม่หลับ ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก มู่หรงเสวี่ยหลับตาและนอนนิ่งๆอีกครั้ง

ชางกวนโม่ปิดไฟ ดึงผ้าห่มออกมา ค่อยๆกอดเอวเธอด้วยมืออีกข้างและจูบเธอที่หน้าผาก

รับรู้ได้ถึงร่างที่แข็งในอ้อมแขน ชางกวนโม่ก็แอบยิ้มอยู่เล็กๆและดวงตาเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แกล้งทำเป็นหลับงั้นเหรอ! เด็กน้อยเอ่ย ช่างเถอะ อย่าทำให้เธอกลัวเลย

ผ่านไปนานมู่หรงเสวี่ยที่ยังตื่นเต้นอยู่ก็พล่อยหลับไปไม่ได้สติ ชางกวนโม่เองก็หลับไปด้วยความสงบเช่นกัน

ค่ำคืนที่ไร้ซึ่งความฝัน

หลังจากรุ่งเช้า มู่หรงเสวี่ยก็ลืมตาขึ้นมาและมองไปที่เพดานที่ไม่คุ้นเคย ดูเหมือนเธอจะหลงลืมไปว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แล้วอยู่ดีๆเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหันหัวไปและเจอเข้ากับใบหน้าสง่างามที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ตาเธอพร่ามัวไปหมด

มู่หรงเสวี่ยค่อยๆดึงมือที่กำลังกอดเอวเธอออกและเดินย่องเข้าห้องน้ำไป

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็เดินลงไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า

ชางกวนโม่ลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตูและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ อันที่จริงเขาตื่นตั้งแต่ตอนที่มู่หรงเสวี่ยขยับตัวแล้ว แต่กลัวว่าจะทำให้เธออึดอัดจึงแกล้งทำเป็นหลับต่อไป

กลิ่นหอมของเธอยังคงอยู่ที่ผ้าห่มซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าการเริ่มต้นใหม่ของวันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

ชางกวนโม่ลุกขึ้นแล้วรีบไปจัดการธุระเพื่อที่จะได้ไปอยู่กับเธอ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเขายังไม่ได้ลงไปข้างล่าง แต่เดินตรงไปที่ห้องทำงานแล้วเริ่มงานที่แสนจะยุ่งและน่าเบื่อ

มู่หรงเสวี่ยยังยุ่งกับชีวิตในครัวอยู่หรือเปล่า!?

เธอจะอยู่กับชางกวนโม่ตลอดเวลาไม่ได้ ฝ่ายเภสัชกรรมของบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปยังรอยาที่เธอกำลังพัฒนาอยู่ เธอต้องหาเวลาเพื่อที่จะเข้าไปในมิติลับ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอต้องแบ่งห้องกับชางกวนโม่เมื่อคืน ทำให้เธอไม่มีเวลาเลย ต้องคิดหาวิธีอื่นแล้ว

มู่หรงเสวี่ยที่เตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วเดินขึ้นไปข้างบนเพื่อที่จะปลุกชางกวนโม่ แต่กลับเจอว่าเขาเริ่มทำงานอยู่ในห้องทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว

ชีวิตการอยู่ร่วมกันของคนสองคนเริ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 45 การอยู่ร่วมกัน

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 45 การอยู่ร่วมกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 45
การอยู่ร่วมกัน

“ไปกันเถอะ!” ชางกวนโม่ยื่นมือออกมา

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นและเห็นชางกวนโม่โดยไม่รู้ว่าเขาทำงานเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ มู่หรงเสวี่ยไม่ได้แสดงความรักอะไรและวางมือลงในฝ่ามือของเขา “จะไปไหน?”

“พาเธอไปทัวร์รอบๆบ้านของเราไง” ชางกวนโม่หัวเราะ ช่วงนี้เขาหัวเราะบ่อยขึ้นมาก

บ้านของเรางั้นเหรอ?! มู่หรงเสวี่ยใจสั่น … แปลกใจที่ได้เห็นคนชั้นสูงแบบชางกวนโม่ บอกความตรง เธอไม่เข้าใจเลยว่าเขาหมายถึงอะไร?! เพราะได้เธอมาเป็นสัตว์เลี้ยงก็เลยอารมณ์ดีงั้นเหรอ?! เลิกคิดบ้าๆได้แล้ว ตอนนี้เธออยากจะทำให้เขาพอใจ งั้นก็ไหลตามน้ำไปแล้วกัน

เขาพูดกันว่าไงนะ?! ชีวิตก็แบบนี้แหละ ถ้าขัดขืนไม่ได้งั้นก็สนุกกับมันไปเลย!

มู่หรงเสวี่ยจึงหัวเราะออกมา “โอเค! แล้วฉันจะต้องอยู่ที่ไหนล่ะ?” เธอชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางที่อยู่ตรงมุมห้อง

แน่นอนว่าเขาอยากจะขำเธอ

มู่หรงเสวี่ยทำหน้าแข็งและรีบดึงสติ “เพื่อเก็บเสื้อผ้า”

เขารู้สึกประหลาดใจ เขาพร้อมที่จะรับอารมณ์โมโหของเธอ แต่ชางกวนโม่ไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะตกลง

เดิมทีเขาไม่อยากที่จะบังคับให้เธออยู่ห้องเดียวกับเขาและถึงขนาดให้แม่บ้านไปทำความสะอาดห้องสวีทที่อยู่ข้างๆห้องเขาแล้วด้วย อย่างไรก็ตามถ้าเธอตกลงเขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีก ฮ่าฮ่า!

“มาเถอะ ห้องอยู่ไม่ไกลนี่เอง!”

ห้องนอนของชางกวนโม่ถูกจัดไว้อย่างเรียบง่ายด้วยสีดำและสีขาว ดูเย็นชามาก แต่เดิมเธอคิดว่าเขาเป็นคนเย็นชา แต่ไม่กี่ครั้งที่ผ่านมาเธอได้เห็นเขาในท่าทางอื่นๆ ทำให้รู้ว่าความเย็นชาคงเป็นเพียงแค่ท่าทางเท่านั้น

หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยถูกเขากดขี่ ข่มเหงมาหลายครั้ง ในที่สุดเธอก็รู้สึกดีขึ้นมาก เธอจะปฏิบัติกับเขาเหมือนผู้ป่วยทางจิต ใครกันที่อยากจะเถียงกับคนป่วยทางจิตล่ะ? งั้นเธอตัดสินใจว่าจะยกโทษให้เขา…อันที่จริง เธอต้องยกโทษให้เขา

มู่หรงเสวี่ยเปิดกระเป๋าและหยิบเสื้อผ้าออกมาแขวนในห้องหลายชุด กระโปรงสีขาวของเธอและชุดสูทสีดำของ ชางกวนโม่ถูกแขวนไว้ด้วยกัน เธอไม่รู้ว่าจะมองยังไง อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกแปลกแต่ก็กลมกลืน

เมื่อเธอหยิบชุดชั้นในออกมา มู่หรงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงและรู้สึกเขินขึ้นมา เธอเก็บมันไว้ในลิ้นชักด้านล่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แสร้งทำเป็นสงบนิ่งและปิดกระเป๋า “โอเค ไปกันเถอะ”

ชางกวนโม่รู้ว่าเธอขี้อายและแสร้งทำเป็นไม่เห็นเธอ อันที่จริงเขาเองก็รู้สึกเขินเล็กน้อยเหมือนกัน

พวกเขาหยุดคุยและออกไป ชางกวนโม่แนะนำทุกอย่างเกี่ยวกับคฤหาสน์เป็นครั้งคราว และบางครั้งก็พูดเรื่องตลกแทรกเข้ามา มู่หรงเสวี่ยรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เข้ากันได้อย่างน่าอัศจรรย์ เรื่องบ้าอะไรเนี่ย!

ในตอนบ่าย ชางกวนโม่ไม่ชอบให้มีใครอยู่บ้าน เขาจึงไม่ได้เชิญคนทำอาหารเข้ามา โดยปกติเขาจะขอให้ทางโรงแรมส่งอาหารมาให้โดยตรง แต่วันนี้มู่หรงเสวี่ย มาที่นี่ เขาจึงอยากพาเธอออกไปกินข้าว บอกตามตรงว่าเขาไม่ชอบกินอาหารข้างนอก แต่เมื่อเทียบกันแล้วเขาไม่ชอบให้มีคนอื่นอยู่ในบ้านมากกว่า

“เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปทานอาหารค่ำกันไหม?” ชางกวนโม่พูดกับมู่หรงเสวี่ยซึ่งกำลังดูทีวีอยู่

“ฮ่ะ?! ทำไมไม่กินที่บ้านล่ะ? “คำถามธรรมดามาก

เขามองเธอจ้องไปที่ทีวีโดยไม่กะพริบตา แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “ที่บ้านไม่มีใครทำอาหารเลย ไปกันเถอะ”

ไม่มีใครทำอาหารเหรอ?! มู่หรงเสวี่ยกะพริบดวงตากลมโต แล้วเธอก็นึกขึ้นมาได้ โอ้! ไม่นะ เธอต้องทำให้เจ้าชายพอใจ “งั้นฉันทำอาหารเอง โอเคไหม?”

“เธอจะทำอาหารเหรอ?” คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่หรงจะทำอาหารเป็นได้ยังไง?! แต่เมื่อมองดวงตากลมโตของเธอ เขาอยากกอดเธอมากจริงๆ เธอน่ารักมากจนไม่มีใครปฏิเสธได้เลยจริงๆ งั้นในเมื่อเธออยากทำอาหาร ถึงแม้จะเป็นแค่ไข่เจียวเธอก็คงจะมีความสุข

“โอเค แต่ที่บ้านไม่มีอาหารเลยนะ ไปห้างกันเถอะ” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตู้เย็นที่บ้านไม่มีของ เขาจึงแนะนำออกมา

“อืม ไปกันเถอะ” ในเมื่อมู่หรงเสวี่ยมองว่าชางกวนโม่เป็นไอ้โรคจิต เธอจึงไม่รู้สึกกดดันอะไรที่จะออกไปกับเขา ฮ่าฮ่า! ถ้าชางกวนโม่รู้ว่าเธอคิดกับเขาแบบนี้…คงจะสนุกดีนะ

พวกเขากำลังเลือกผักอยู่ในตลาด พวกเขาดูสวีทเหมือนกับคู่แต่งงานใหม่และคนอื่นๆต่างก็อิจฉา

“คุณกินเนื้อหรือเปล่า?”

“กินสิ ฉันไม่ใช่คนเลือกมาก” ชางกวนโม่ตอบมู่หรงเสวี่ยอย่างอ่อนโยน แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะจ้องไปที่พวกผู้หญิงที่อยากจะเข้ามาคุยกับเขา

“แล้วมะเขือเทศล่ะ? ฉันชอบกินมะเขือเทศ” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้สังเกตรอบตัวเลย เธอยังคงเลือกผักอยู่

“ถ้าเธอชอบก็ซื้อไปอีกสิ”
“ …… ”
หลังจากที่ซื้ออาหารมากมายเสร็จ ชางกวนโม่ก็รีบหิ้วถุงทั้งหมดคนเดียวโดยไม่ปล่อยให้มู่หรงเสวี่ยต้องถือเลย

มู่หรงเสวี่ยสังเกตเห็นเรื่องนี้เช่นกัน และก็คิดในใจว่า: คนโรคจิตก็ยังมีหัวใจเหมือนกันนะเนี่ย ยังมีความดีและน้ำใจเหลืออยู่บ้าง!
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงคฤหาสน์

มู่หรงเสวี่ยไล่ชางกวนโม่ที่อยากจะดูเธอทำอาหารออกมาและปิดประตูกระจก เธอไม่อยากให้เขาเข้ามารบกวน!

แน่นอนว่าเธอต้องถูกรบกวนอยู่แล้ว ปีศาจโรคจิตมายืนอยู่ข้างๆเธอแล้วเธอก็ต้องป้องกันตัวเองบ้างเป็นบางครั้งบางคราว อีกอย่างถ้าเขายังยืนอยู่ในนี้ด้วย เธอก็จะไม่สามารถหยิบเอาอาหารออกมาจากมิติลับได้

มิติลับทำให้เธอกินอาหารข้างนอกไม่ได้เลยจริงๆ เธอไม่สามารถกินอาหารข้างนอกที่มียาฆ่าแมลงมากมายได้เลย

เมื่อเห็นว่าคุณชายชางกวนโม่กลับไปทำงานแน่นอนแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็แอบเอาผักที่มาจากมิติลับออกมาวางแทน ครึ่งชั่วโมงต่อมา มู่หรงเสวี่ยก็ทำอาหารค่ำเสร็จ

ถอดผ้ากันเปื้อนออกพร้อมทั้งเดินไปที่ห้องหนังสือ เมื่อเห็นว่าชางกวนโม่ยังยุ่งอยู่ก็รู้สึกว่าไม่อยากจะเข้าไปรบกวนเขาเท่าไร แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาหารก็จะเย็นชืดและไม่อร่อย เมื่อคิดแบบนี้จึงอ้าปากเรียก “พี่ชางกวน อาหารค่ำพร้อมแล้วค่ะ”

เสร็จแล้วเหรอ นี่จะกินได้จริงๆหรือเปล่าเนี่ย?! เขาคิดไว้ว่าถ้ากินไม่ได้ก็จะออกไปกินข้างนอก เขาไม่ได้คาดหวังอะไรไว้มาก

“ไปกันเถอะ” ชางกวนโม่วางเอกสารลง ลุกขึ้นและเดินออกมา เขาจะรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นอาหารที่น่าอร่อยวางอยู่เต็มโต๊ะหรือเปล่าเนี่ย?! ชางกวนโม่รู้สึกประหลาดใจที่เธอทำได้ดีขนาดนี้ ถึงแม้เขาจะยังไม่ได้กินด้วยซ้ำ แต่เขาก็รู้ได้เลยว่าฝีมือเธอต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เมื่อได้กลิ่นของอาหารซึ่งสามารถเทียบกับฝีมือเชฟดังๆได้เลย

“พี่ชางกวน ลองชิมดูสิ ฉันไม่รู้ว่าพี่จะชอบหรือเปล่า” อันที่จริง มู่หรงเสวี่ยรู้สึกมั่นใจกับฝีมือการทำอาหารของเธออย่างมาก

“โอเค มากินพร้อมกันเถอะ”

ท่าทางการกินของชางกวนโม่ดูสง่างามราวกับพวกขุนนางชั้นสูงในภาพวาดซึ่งแตกต่างจากท่าทางสบายๆของ มู่หรงเสวี่ยอย่างมาก แค่จากท่าทางของเขาก็บอกได้เลยว่าเขาพอใจในฝีมือการทำอาหารของมู่หรงเสวี่ยมาก

“เสี่ยวเสวี่ย ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะทำอะไรได้ดีขนาดนี้?”

มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้รับคำชมเรื่องการทำอาหาร เธอมีความสุขอย่างมาก “พี่ชอบไหม?”

“ฉันชอบนะ ไว้ทำให้ฉันกินอีกนะ” ชางกวนโม่รีบพูดออกมา

มู่หรงเสวี่ยถึงกับสำลัก นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งวันเธอก็เปลี่ยนจากคู่นอนมาเป็นแม่ครัวแล้วงั้นเหรอ?!!! แต่ตราบใดที่เขาพอใจ เธอก็จะมีความสุข “โอเค งั้นไปทำงานต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปล้างจานเอง”

ทันใดนั้นชางกวนโม่ก็รู้สึกอบอุ่นในใจเหมือนเป็นคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานาน “เดี๋ยวฉันช่วยล้างเอง!” เขาอยากที่จะทำเรื่องทั่วไปกับเธอ

“ไม่ต้อง ฉันล้างไม่นานหรอก” เธอจะกล้าให้คุณชายมาล้างจานได้ยังไงล่ะ
“ล้างด้วยกัน” เมื่อพูดจบเขาก็ยกจานที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาทันที

มู่หรงเสวี่ยก็รีบช่วยด้วยเช่นกัน เธอรู้สึกแปลกใจมากที่ชางกวนโม่ล้างจานได้อย่างชำนาญมากๆ

ในตอนเย็นหลังจากที่มู่หรงเสวี่ยอาบน้ำเสร็จ นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับ ชางกวนโม่ยังยุ่งอยู่ในห้องทำงาน สมแล้วที่เป็นเจ้าชายแห่งเมืองหลวง เขามักจะยุ่งอยู่เสมอ

อยู่ดีๆเสียงเท้าก็ชางกวนโม่ก็ดังขึ้นมา มู่หรงเสวี่ยนอนคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่ม กังวลจนตัวสั่นไปหมด

ประตูเปิดออก “นอนหรือยัง?” ชางกวนโม่ถามด้วยเสียงเบาๆ
มู่หรงเสวี่ยนอนนิ่งอยู่สักพักและเขาคงจะคิดว่าเธอหลับไปแล้วถ้าชางกวนโม่ไม่ได้ยินคำตอบ ทันใดนั้นไฟก็ถูกเปิดสว่างขึ้น

มู่หรงเสวี่ยหลับตาแต่หูยังได้ยินเป็นอย่างดี เธอได้ยินว่าชางกวนโม่เปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าของตัวเองออกมาและเดินเข้าห้องน้ำไป

หลังจากนั้นสักพักก็ได้ยินเสียงน้ำดังออกมาจากห้องน้ำ

มู่หรงเสวี่ยหายใจเข้าลึกๆ บังคับตัวเองให้รู้สึกผ่อนคลาย พยายามที่จะกล่อมตัวเองให้หลับ ให้ตัวเองหลับไปเร็วๆ หลับไปเร็วๆ

แต่มู่หรงเสวี่ยกังวลมากจนนอนไม่หลับ ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก มู่หรงเสวี่ยหลับตาและนอนนิ่งๆอีกครั้ง

ชางกวนโม่ปิดไฟ ดึงผ้าห่มออกมา ค่อยๆกอดเอวเธอด้วยมืออีกข้างและจูบเธอที่หน้าผาก

รับรู้ได้ถึงร่างที่แข็งในอ้อมแขน ชางกวนโม่ก็แอบยิ้มอยู่เล็กๆและดวงตาเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แกล้งทำเป็นหลับงั้นเหรอ! เด็กน้อยเอ่ย ช่างเถอะ อย่าทำให้เธอกลัวเลย

ผ่านไปนานมู่หรงเสวี่ยที่ยังตื่นเต้นอยู่ก็พล่อยหลับไปไม่ได้สติ ชางกวนโม่เองก็หลับไปด้วยความสงบเช่นกัน

ค่ำคืนที่ไร้ซึ่งความฝัน

หลังจากรุ่งเช้า มู่หรงเสวี่ยก็ลืมตาขึ้นมาและมองไปที่เพดานที่ไม่คุ้นเคย ดูเหมือนเธอจะหลงลืมไปว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แล้วอยู่ดีๆเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหันหัวไปและเจอเข้ากับใบหน้าสง่างามที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ตาเธอพร่ามัวไปหมด

มู่หรงเสวี่ยค่อยๆดึงมือที่กำลังกอดเอวเธอออกและเดินย่องเข้าห้องน้ำไป

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็เดินลงไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า

ชางกวนโม่ลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตูและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ อันที่จริงเขาตื่นตั้งแต่ตอนที่มู่หรงเสวี่ยขยับตัวแล้ว แต่กลัวว่าจะทำให้เธออึดอัดจึงแกล้งทำเป็นหลับต่อไป

กลิ่นหอมของเธอยังคงอยู่ที่ผ้าห่มซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าการเริ่มต้นใหม่ของวันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

ชางกวนโม่ลุกขึ้นแล้วรีบไปจัดการธุระเพื่อที่จะได้ไปอยู่กับเธอ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเขายังไม่ได้ลงไปข้างล่าง แต่เดินตรงไปที่ห้องทำงานแล้วเริ่มงานที่แสนจะยุ่งและน่าเบื่อ

มู่หรงเสวี่ยยังยุ่งกับชีวิตในครัวอยู่หรือเปล่า!?

เธอจะอยู่กับชางกวนโม่ตลอดเวลาไม่ได้ ฝ่ายเภสัชกรรมของบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปยังรอยาที่เธอกำลังพัฒนาอยู่ เธอต้องหาเวลาเพื่อที่จะเข้าไปในมิติลับ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอต้องแบ่งห้องกับชางกวนโม่เมื่อคืน ทำให้เธอไม่มีเวลาเลย ต้องคิดหาวิธีอื่นแล้ว

มู่หรงเสวี่ยที่เตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วเดินขึ้นไปข้างบนเพื่อที่จะปลุกชางกวนโม่ แต่กลับเจอว่าเขาเริ่มทำงานอยู่ในห้องทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว

ชีวิตการอยู่ร่วมกันของคนสองคนเริ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+