ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 69 อาจารย์ด้านแพทย์แผนจีนโบราณที่ จางหลินหลี่เคารพ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 69 อาจารย์ด้านแพทย์แผนจีนโบราณที่ จางหลินหลี่เคารพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 69
อาจารย์ด้านแพทย์แผนจีนโบราณที่ จางหลินหลี่เคารพ

จะไม่ประหลาดใจได้ยังไง ช่างเป็นเทคนิคการฝังเข็มที่เทพอะไรขนาดนี้ ถ้าเรื่องนี้ได้รับการโฆษณาออกไปรับรองได้เลยว่าจะต้องมีคนไข้มากมายที่อยากจะเข้ามารับการรักษาแน่ๆ สายตาของจางหลินหลี่เปลี่ยนไปและเริ่มที่จะคิดถึงเรื่องความเป็นไปได้ที่จะชวนให้มู่หรงเสวี่ยเข้ามาอยู่ในสถาบันการแพทย์และรับเขาเป็นลูกศิษย์จะดีไหม?!! เฮ้!!

แล้วท่าทางของจางหลินหลี่ก็เปลี่ยนเป็นประจบมากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลากลายเป็นลามกแปลกๆ “คือ…เฮ้ เฮ้…คือ…”

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว สีหน้าแสดงอาการไม่ปกติ “คุณ…คุณจะทำอะไร!” น้ำเสียงสั่น

จางหลินหลี่ยิ้มอย่างสุภาพมากขึ้น เขารู้สึกว่ามู่หรงเสวี่ยคือสมบัติอันมีค่าของโลกแห่งวงการการแพทย์ เขาเผยรอยยิ้มต่อหน้าเธอ หยิบแก้วน้ำมาแล้วยื่นส่งให้มู่หรง

“เสี่ยวเสวี่ย คุณท่าทางจะหิ้วน้ำ ดื่มน้ำเยอะๆนะ เหนื่อยหรือเปล่า? ให้ผมนวดไหล่ให้ไหม?” สมองกระทบกระเทือนหรือไง? อยากให้ผมนวดไหล่ให้ไหมงั้นเหรอ? โอ้ใช่เลย! มันมากไปหน่อยหรือเปล่า? ช่างมันเถอะ หัวเราะกลบเกลื่อนไปแล้วกัน

มู่หรงเสวี่ยเดินถอยหลังไป “ไม่ต้องค่ะ คุณแปลกๆไปนะ! มีอะไรจะบอก…” เธอมองตรงไปที่เขา

จางหลินหลี่หยิบเก้าอี้มาและนั่งลงตรงข้ามมู่หรงเสวี่ย เอามือเท้าคาง กะพริบตาถี่ๆด้วยดวงตากลมโต เขายิ้มอย่างใสซื่อ “คุณคิดว่าผมเป็นยังไง?”
ฮ่า?!! “ไม่ยังไง!” มู่หรงงงนิดหน่อย ถอยหลังไปเรื่อยๆ

จางหลินหลี่ขยับเก้าอี้เข้ามาและก็เดินตรงเข้ามาใกล้ “คุณคิดว่าผมหล่อ, หน้าตาดี, สง่า, มีความสามารถ, เป็นมือหนึ่ง เหมาะที่จะเป็นลูกศิษย์คุณบ้างหรือเปล่า?” ดวงตากลมโตกะพริบเป็นประกาย

เปล่งประกายจนตาเธอเกือบจะบอด!!! “ไม่เลย แล้วคุณอยากจะพูดอะไร?!!”
“เฮ้ เฮ้ ผมแค่อยากจะให้คุณรับผมเป็นลูกศิษย์แค่นั้นเอง”

มู่หรงเสวี่ยไม่มีคำพูด เขาพูดออกมาอย่างโจ่งแจ้ง นี่กำลังล้อเล่นหรือเปล่า?!! หมอชื่อดังที่ชนะรางวัลนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์มามากมายและได้รับคำชื่นชมจากคนทั่วโลกมาบอกว่าจะขอเป็นลูกศิษย์เธอ นี่เรื่องตลกหรือเปล่าเนี่ย?!!! “ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ และฉันไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นอาจารย์ของคุณได้ด้วย!”

จางหลินหลี่ยืดตัวตรงและไม่ได้หัวเราะออกมาอีก “ผมพูดจริงนะ ผมศรัทธาเรื่องการฝังเข็มของคุณและอยากที่จะเรียนวิชา ช่วยสอนผมทีได้ไหม? มีสอนกันเฉพาะในครอบครัวของคุณ ไม่สอนคนนอกงั้นเหรอครับ?” มันก็เป็นไปได้เพราะแพทย์จีนรุ่นเก่าบางรุ่นใช้ยาแผนโบราณของจีนจึงให้ความสำคัญกับการคัดเลือกลูกศิษย์มากขึ้น
มู่หรงเสวี่ยมองท่าทางจริงจังของเขา เมื่อเห็นว่าเขาไม่ขำอะไร อันที่จริงเธอรู้เรื่องเทคนิคฟีนิกซ์เก้าเข็มมากกว่าคนอื่นๆ แต่หนึ่งในกฎของเทคนิคฟีนิกซ์เก้าเข็มนั่นคือห้ามส่งต่อให้คนภายนอก ไม่อย่างนั้นจะถูกลงโทษ ซึ่งบทลงโทษยังไม่ได้ถูกบัญญัติไว้ แต่บันทึกทางการแพทย์สามารถส่งต่อได้ เธอไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะเปิดเผยเรื่องมิติลับนี้ได้ เธอเองก็หวังที่จะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้แต่ก็ไม่กล้าที่จะละเมิดกฎที่เขียนไว้ในมิติลับฟินิกซ์ อย่างเรื่องเทคนิคฟีนิกซ์เก้าเข็ม

จางหลินหลี่รอให้มู่หรงเสวี่ยพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไปในทันทีเป็นขมวดคิ้ว แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าดูเหมือนจะมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกัน หัวใจของ จางหลินหลี่เต้นรัว เขาทนไม่ได้อีกแล้วจึงถามออกไป “ว่ายังไง?”

มู่หรงเสวี่ยแสดงสีหน้าตกใจขึ้นมาในทันทีจนพลั้งมือตบเข้าที่หน้าเขา! แล้วพวกเขาทั้งคู่ก็นิ่งไป

มู่หรงเสวี่ยมองหน้าจางหลินหลี่ที่แดงเป็นรอยมือ เธอยิ้มอย่างเขินอาย “คือ…คือ…โทษฉันไม่ได้นะ…คุณดูเหมือนแมลงวัน…ฉันอดไม่ได้เลย…เฮ้…”
ฮ่ะ!? ว่าไงนะ? ขอโทษนะที่หน้าฉันเหมือนแมลงวัน!!! จางหลินหลี่น้ำตาซึม ไม่ใช่เพราะหน้าตาสะสวยของเธอแต่เป็นเพราะเธอไม่ใช่คนที่เลวร้าย โดยเฉพาะตอนที่เขาเห็นว่าเธอลืมว่าตัวเองเพิ่งจะเจออะไรมา ดูเหมือนเธอจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว เขาแอบโล่งอกอยู่เงียบๆแต่เรื่องการรับเป็นศิษย์ยังไม่จบ

“คุณตบหน้าผม คุณจะต้องรับผมเป็นลูกศิษย์…”
แค่ตบทีเดียวเอง! ไม่ได้ตั้งใจด้วยนะ! มู่หรงอยากจะตีมือตัวเองจริงๆ “ฉันก็อยากนะ แต่อย่างที่เห็นฉันไม่ค่อยว่าง ฉันไม่ได้อยู่ที่เหมืองหลวง อีกสองวันฉันก็จะกลับไปที่เมือง A แล้วด้วย…”
จางหลินหลี่ประหลาดใจ “คุณไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงเหรอ?”
เธอส่ายหัวอย่างใสซื่อ “เปล่าค่ะ!”

“ไม่สำคัญหรอก ง่ายๆแค่คุณสัญญาว่าจะรีบผมเป็นลูกศิษย์ก็พอ” ถึงแม้จะไม่ใช่คนที่นี่แต่ชางกวนโม่ก็อยู่ที่เมืองหลวง เธอเป็นแฟนของโม่งั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กลับมาที่เมืองหลวงอีก อีกอย่างเมือง A ก็ไม่ได้ไกลเท่าไร

“แต่…” ยังกังวลอยู่เธอจึงรีบพูดออกมา!
“คุณไม่อยากปฏิเสธผมหรอก ดูหน้าผมสิ!!!” จางหลินหลี่รีบยื่นหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ทันทีซึ่งขึ้นเป็นรูปรอยมือเลย
โอ้ ใช่สิ! “คือมันก็ขึ้นอยู่กับเรื่อง…เวลา”

“อ่า!” ก่อนที่จะพูดจบ จางหลินหลี่ก็กระโจนเข้ามาด้วยความตื่นเต้น สองคนล้มลงไปที่เตียงด้วยกัน ทันใดนั้นประตูของห้องตรวจก็ถูกเปิดออก “นายจะทำอะไร?!” ชางกวนโม่มองไปที่คนสองคนที่กำลังกอดกันด้วยความโกรธ

จางหลินหลี่รีบลุกขึ้นด้วยความตกใจทันที เขาลุกขึ้นอย่างอายๆ “โม่ นานมาแล้ว!” เขาขี้เกียจที่จะอธิบาย แล้วคิดเอาเองว่าหลายปีที่เป็นเพื่อนกันมาคงทำให้เขาไม่เข้าใจผิด

มู่หรงเสวี่ยมองชางกวนโม่ แล้วทันใดนั้นความเจ็บที่หัวก็ปวดขึ้นมาอีกและรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก

ชางกวนโม่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงเสวี่ยตอนที่ไอ้หมาบ้านี่กำลังกอดเธออยู่ เธอไม่ขัดขืนและกลับยิ้มด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้เขาจะหายโกรธได้ยังไง “ฉันถามว่าพวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่?!!”

จางหลินหลี่ประหลาดใจ เขาโกรธงั้นเหรอ?!!! “หมายความว่าไง?! แค่ล้อเล่นกันเฉยๆ แค่สะดุดล้มเฉยๆ ฮ่าฮ่า!” เดิมทีเขาอยากที่จะบอกว่าตัวเองมีความสุขมากที่ได้กอดมู่หรงเสวี่ยแต่กลัวว่าเพื่อนจะเข้าใจผิด เขาจึงเปลี่ยนเรื่องที่พูด

น้ำเสียงเบาลงหน่อยแต่ก็ยังดูไม่พอใจ “โอ้! ฉันไม่รู้เลยนะว่าพวกนายต้องกอดกันล้มพร้อมกันเลยเหรอ?!!” น้ำเสียงถามอย่างแคลงใจ

นี่เขาไม่เชื่อใจเขางั้นเหรอ? พวกเขาเป็นเพื่อนกันมามากกว่าสิบปีแล้วไม่ใช่เหรอ?!!! “โม่ นายเป็นอะไรไป? นายไม่ควรที่จะสงสัยพวกเราเลยนะ!!!”

ชางกวนโม่เองก็รู้ว่าเพื่อนเขาไม่ใช่คนแบบนั้นแต่ความหึงมันก็ไม่เข้าใครออกใครจึงแกล้งทำเป็นมองไปที่พื้น ไม่กล้าที่จะมองมู่หรงเสวี่ย แล้วจะมัวแต่จ้องที่พื้นเพื่ออะไรเนี่ย! มันมีทองหรือไง? ถึงได้มองนานขนาดนี้
“เปล่า มู่หรงเสวี่ยเป็นไงบ้าง?” เมื่อเห็นผ้าพันแผลหนาที่หัวและมือของมู่หรงเสวี่ย เขาก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวด

“หัวกระแทกอย่างแรง เสียเลือดไปเยอะ บวมอยู่บ้างคาดว่าจะมีการกระทบกระแทกเล็กน้อยควรจะพักดูอาการในโรงพยาบาลต่ออีกสักสองวันน่าจะดีกว่า…” ในน้ำเสียงโทษไปที่เพื่อนเล็กน้อย

สีหน้าของชางกวนโม่เปลี่ยนไป รีบเดินตรงเข้ามาและไม่สนใจสิ่งที่ทั้งสองคนเพิ่งจะกอดกันกลมเมื่อกี้ “ยังเจ็บอยู่ไหม?”

มู่หรงเสวี่ยยังปล่อยให้เขาจับหัวที่ถูกห่อด้วยผ้าพันแผลและกระซิบตอบมา “โอเคค่ะ…” เจ็บแล้วยังไง นี่ก็เกือบจะชั่วโมงแล้วกว่าที่เขาจะนึกถึงเธอ

ชางกวนโม่อยากที่จะแตะตัวเธอและดูที่ผ้าพันแผล เขามองเห็นเลยว่าแผลบวมจนน่ากลัว เขารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ เขาอยากที่จะขอโทษแต่ก็ไม่รู้ที่จะพูดยังไงดี เขาไม่รู้จริงๆ…เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะผลักเธออยู่แล้ว…แต่ตอนที่เขาลุกขึ้นเขาไม่รู้ว่าทำไมเท้าตัวเองถึงพุ่งเข้าไป เขาอยากที่จะช่วยดูมือของเธอแต่กลับกลายเป็นผลักเธอออกไป

มู่หรงเสวี่ยไม่อยากที่จะเห็นเขา เธอจึงพูดออกไปอย่างระวัง “ฉันอยากที่จะพัก คุณออกไปก่อนนะคะ…” แล้วเธอก็เอนตัวลงที่เตียงและหันหลังให้ชางกวนโม่ เธอเห็นว่าเขาปลอบใจไป๋เสวี่ยหลี่ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความหลงใหล ท่าทางเรียกร้องความสนใจอย่างเห็นได้ชัดจนแม้แต่เธอเองก็ยังอิจฉา ถึงแม้เธอจะแค่ถูกลวก เขาก็ยังเลือกที่จะเข้าไปดูไป๋เสวี่ยหลี่ก่อน เขาไม่ได้สนใจเธออย่างเห็นได้ชัด

หัวใจเธอเจ็บปวด…
เหมือนกับในชีวิตที่แล้ว แผลเก่ายังไม่ทันหายก็ต้องมาเจอกับแผลใหม่อีกแล้ว
บางทีชางกวนโม่อาจจะไม่ได้ชอบเธอ แต่เขาชอบน้องสาวที่โตมาด้วยกันมากกว่า

เธอก็อยากจะคิดว่าพวกเขาก็แค่รักกันแบบครอบครัวแต่เมื่อเช้านี้ เสวี่ยหลี่เห็นได้ชัดว่าหว่านเสน่ห์โดยการจับแขนและหน้าเขาตลอด เธอเหมือนคู่รักมากกว่าอีก แล้วเธอจะต้องทำยังไง? เธออยากที่จะหนีไปซะ หนีไปซ่อนในที่ที่ไม่มีใครเห็น เพื่อหลบไปเลียแผลใจของตัวเอง

ในชีวิตนี้เธอทนกับความพ่ายแพ้ไม่ได้ ถ้ามันไม่ดีพอเธอก็จะไม่มีวันเปิดใจ ถ้าไม่มีความรักก็จะไม่มีเรื่องให้ปวดใจ มู่หรงเสวี่ยดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดที่หัว กลัวว่าตัวเองจะเก็บอาการไว้ไม่ได้และรู้สึกว่าหัวเธอยังปวดอยู่…” จางหลินหลี่เข้าใจอารมณ์ของมู่หรงเสวี่ย รู้ว่าตอนนี้เธออยากที่จะอยู่เงียบๆจึงห้าม ชางกวนโม่ไว้โดยไม่รู้ตัว

หลังจากที่ได้เห็นมู่หรงเสวี่ยที่ตอนนี้โผล่ออกมาแค่ครึ่งหัวแล้วเมื่อได้ยินที่จางหลินหลี่พูด เขาคิดว่าอยากที่จะขอโทษเธอแต่ก็เก็บคำพูดไว้ เขาคิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม “เสี่ยวเสวี่ย เธอพักก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันออกไปโทรศัพท์ก่อน…” ที่บริษัทมีเรื่องด่วนที่เขาต้องจัดการ เขาจะอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดไม่ได้ เขารออยู่สักพักแต่ก็ยังไม่ได้ยินคำตอบจากมู่หรงเสวี่ย ชางกวนโม่จึงทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆและ จางหลินหลี่ก็ออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้เธอได้พัก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 69 อาจารย์ด้านแพทย์แผนจีนโบราณที่ จางหลินหลี่เคารพ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 69 อาจารย์ด้านแพทย์แผนจีนโบราณที่ จางหลินหลี่เคารพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 69
อาจารย์ด้านแพทย์แผนจีนโบราณที่ จางหลินหลี่เคารพ

จะไม่ประหลาดใจได้ยังไง ช่างเป็นเทคนิคการฝังเข็มที่เทพอะไรขนาดนี้ ถ้าเรื่องนี้ได้รับการโฆษณาออกไปรับรองได้เลยว่าจะต้องมีคนไข้มากมายที่อยากจะเข้ามารับการรักษาแน่ๆ สายตาของจางหลินหลี่เปลี่ยนไปและเริ่มที่จะคิดถึงเรื่องความเป็นไปได้ที่จะชวนให้มู่หรงเสวี่ยเข้ามาอยู่ในสถาบันการแพทย์และรับเขาเป็นลูกศิษย์จะดีไหม?!! เฮ้!!

แล้วท่าทางของจางหลินหลี่ก็เปลี่ยนเป็นประจบมากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลากลายเป็นลามกแปลกๆ “คือ…เฮ้ เฮ้…คือ…”

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว สีหน้าแสดงอาการไม่ปกติ “คุณ…คุณจะทำอะไร!” น้ำเสียงสั่น

จางหลินหลี่ยิ้มอย่างสุภาพมากขึ้น เขารู้สึกว่ามู่หรงเสวี่ยคือสมบัติอันมีค่าของโลกแห่งวงการการแพทย์ เขาเผยรอยยิ้มต่อหน้าเธอ หยิบแก้วน้ำมาแล้วยื่นส่งให้มู่หรง

“เสี่ยวเสวี่ย คุณท่าทางจะหิ้วน้ำ ดื่มน้ำเยอะๆนะ เหนื่อยหรือเปล่า? ให้ผมนวดไหล่ให้ไหม?” สมองกระทบกระเทือนหรือไง? อยากให้ผมนวดไหล่ให้ไหมงั้นเหรอ? โอ้ใช่เลย! มันมากไปหน่อยหรือเปล่า? ช่างมันเถอะ หัวเราะกลบเกลื่อนไปแล้วกัน

มู่หรงเสวี่ยเดินถอยหลังไป “ไม่ต้องค่ะ คุณแปลกๆไปนะ! มีอะไรจะบอก…” เธอมองตรงไปที่เขา

จางหลินหลี่หยิบเก้าอี้มาและนั่งลงตรงข้ามมู่หรงเสวี่ย เอามือเท้าคาง กะพริบตาถี่ๆด้วยดวงตากลมโต เขายิ้มอย่างใสซื่อ “คุณคิดว่าผมเป็นยังไง?”
ฮ่า?!! “ไม่ยังไง!” มู่หรงงงนิดหน่อย ถอยหลังไปเรื่อยๆ

จางหลินหลี่ขยับเก้าอี้เข้ามาและก็เดินตรงเข้ามาใกล้ “คุณคิดว่าผมหล่อ, หน้าตาดี, สง่า, มีความสามารถ, เป็นมือหนึ่ง เหมาะที่จะเป็นลูกศิษย์คุณบ้างหรือเปล่า?” ดวงตากลมโตกะพริบเป็นประกาย

เปล่งประกายจนตาเธอเกือบจะบอด!!! “ไม่เลย แล้วคุณอยากจะพูดอะไร?!!”
“เฮ้ เฮ้ ผมแค่อยากจะให้คุณรับผมเป็นลูกศิษย์แค่นั้นเอง”

มู่หรงเสวี่ยไม่มีคำพูด เขาพูดออกมาอย่างโจ่งแจ้ง นี่กำลังล้อเล่นหรือเปล่า?!! หมอชื่อดังที่ชนะรางวัลนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์มามากมายและได้รับคำชื่นชมจากคนทั่วโลกมาบอกว่าจะขอเป็นลูกศิษย์เธอ นี่เรื่องตลกหรือเปล่าเนี่ย?!!! “ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ และฉันไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นอาจารย์ของคุณได้ด้วย!”

จางหลินหลี่ยืดตัวตรงและไม่ได้หัวเราะออกมาอีก “ผมพูดจริงนะ ผมศรัทธาเรื่องการฝังเข็มของคุณและอยากที่จะเรียนวิชา ช่วยสอนผมทีได้ไหม? มีสอนกันเฉพาะในครอบครัวของคุณ ไม่สอนคนนอกงั้นเหรอครับ?” มันก็เป็นไปได้เพราะแพทย์จีนรุ่นเก่าบางรุ่นใช้ยาแผนโบราณของจีนจึงให้ความสำคัญกับการคัดเลือกลูกศิษย์มากขึ้น
มู่หรงเสวี่ยมองท่าทางจริงจังของเขา เมื่อเห็นว่าเขาไม่ขำอะไร อันที่จริงเธอรู้เรื่องเทคนิคฟีนิกซ์เก้าเข็มมากกว่าคนอื่นๆ แต่หนึ่งในกฎของเทคนิคฟีนิกซ์เก้าเข็มนั่นคือห้ามส่งต่อให้คนภายนอก ไม่อย่างนั้นจะถูกลงโทษ ซึ่งบทลงโทษยังไม่ได้ถูกบัญญัติไว้ แต่บันทึกทางการแพทย์สามารถส่งต่อได้ เธอไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะเปิดเผยเรื่องมิติลับนี้ได้ เธอเองก็หวังที่จะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้แต่ก็ไม่กล้าที่จะละเมิดกฎที่เขียนไว้ในมิติลับฟินิกซ์ อย่างเรื่องเทคนิคฟีนิกซ์เก้าเข็ม

จางหลินหลี่รอให้มู่หรงเสวี่ยพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไปในทันทีเป็นขมวดคิ้ว แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าดูเหมือนจะมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกัน หัวใจของ จางหลินหลี่เต้นรัว เขาทนไม่ได้อีกแล้วจึงถามออกไป “ว่ายังไง?”

มู่หรงเสวี่ยแสดงสีหน้าตกใจขึ้นมาในทันทีจนพลั้งมือตบเข้าที่หน้าเขา! แล้วพวกเขาทั้งคู่ก็นิ่งไป

มู่หรงเสวี่ยมองหน้าจางหลินหลี่ที่แดงเป็นรอยมือ เธอยิ้มอย่างเขินอาย “คือ…คือ…โทษฉันไม่ได้นะ…คุณดูเหมือนแมลงวัน…ฉันอดไม่ได้เลย…เฮ้…”
ฮ่ะ!? ว่าไงนะ? ขอโทษนะที่หน้าฉันเหมือนแมลงวัน!!! จางหลินหลี่น้ำตาซึม ไม่ใช่เพราะหน้าตาสะสวยของเธอแต่เป็นเพราะเธอไม่ใช่คนที่เลวร้าย โดยเฉพาะตอนที่เขาเห็นว่าเธอลืมว่าตัวเองเพิ่งจะเจออะไรมา ดูเหมือนเธอจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว เขาแอบโล่งอกอยู่เงียบๆแต่เรื่องการรับเป็นศิษย์ยังไม่จบ

“คุณตบหน้าผม คุณจะต้องรับผมเป็นลูกศิษย์…”
แค่ตบทีเดียวเอง! ไม่ได้ตั้งใจด้วยนะ! มู่หรงอยากจะตีมือตัวเองจริงๆ “ฉันก็อยากนะ แต่อย่างที่เห็นฉันไม่ค่อยว่าง ฉันไม่ได้อยู่ที่เหมืองหลวง อีกสองวันฉันก็จะกลับไปที่เมือง A แล้วด้วย…”
จางหลินหลี่ประหลาดใจ “คุณไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงเหรอ?”
เธอส่ายหัวอย่างใสซื่อ “เปล่าค่ะ!”

“ไม่สำคัญหรอก ง่ายๆแค่คุณสัญญาว่าจะรีบผมเป็นลูกศิษย์ก็พอ” ถึงแม้จะไม่ใช่คนที่นี่แต่ชางกวนโม่ก็อยู่ที่เมืองหลวง เธอเป็นแฟนของโม่งั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กลับมาที่เมืองหลวงอีก อีกอย่างเมือง A ก็ไม่ได้ไกลเท่าไร

“แต่…” ยังกังวลอยู่เธอจึงรีบพูดออกมา!
“คุณไม่อยากปฏิเสธผมหรอก ดูหน้าผมสิ!!!” จางหลินหลี่รีบยื่นหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ทันทีซึ่งขึ้นเป็นรูปรอยมือเลย
โอ้ ใช่สิ! “คือมันก็ขึ้นอยู่กับเรื่อง…เวลา”

“อ่า!” ก่อนที่จะพูดจบ จางหลินหลี่ก็กระโจนเข้ามาด้วยความตื่นเต้น สองคนล้มลงไปที่เตียงด้วยกัน ทันใดนั้นประตูของห้องตรวจก็ถูกเปิดออก “นายจะทำอะไร?!” ชางกวนโม่มองไปที่คนสองคนที่กำลังกอดกันด้วยความโกรธ

จางหลินหลี่รีบลุกขึ้นด้วยความตกใจทันที เขาลุกขึ้นอย่างอายๆ “โม่ นานมาแล้ว!” เขาขี้เกียจที่จะอธิบาย แล้วคิดเอาเองว่าหลายปีที่เป็นเพื่อนกันมาคงทำให้เขาไม่เข้าใจผิด

มู่หรงเสวี่ยมองชางกวนโม่ แล้วทันใดนั้นความเจ็บที่หัวก็ปวดขึ้นมาอีกและรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก

ชางกวนโม่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงเสวี่ยตอนที่ไอ้หมาบ้านี่กำลังกอดเธออยู่ เธอไม่ขัดขืนและกลับยิ้มด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้เขาจะหายโกรธได้ยังไง “ฉันถามว่าพวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่?!!”

จางหลินหลี่ประหลาดใจ เขาโกรธงั้นเหรอ?!!! “หมายความว่าไง?! แค่ล้อเล่นกันเฉยๆ แค่สะดุดล้มเฉยๆ ฮ่าฮ่า!” เดิมทีเขาอยากที่จะบอกว่าตัวเองมีความสุขมากที่ได้กอดมู่หรงเสวี่ยแต่กลัวว่าเพื่อนจะเข้าใจผิด เขาจึงเปลี่ยนเรื่องที่พูด

น้ำเสียงเบาลงหน่อยแต่ก็ยังดูไม่พอใจ “โอ้! ฉันไม่รู้เลยนะว่าพวกนายต้องกอดกันล้มพร้อมกันเลยเหรอ?!!” น้ำเสียงถามอย่างแคลงใจ

นี่เขาไม่เชื่อใจเขางั้นเหรอ? พวกเขาเป็นเพื่อนกันมามากกว่าสิบปีแล้วไม่ใช่เหรอ?!!! “โม่ นายเป็นอะไรไป? นายไม่ควรที่จะสงสัยพวกเราเลยนะ!!!”

ชางกวนโม่เองก็รู้ว่าเพื่อนเขาไม่ใช่คนแบบนั้นแต่ความหึงมันก็ไม่เข้าใครออกใครจึงแกล้งทำเป็นมองไปที่พื้น ไม่กล้าที่จะมองมู่หรงเสวี่ย แล้วจะมัวแต่จ้องที่พื้นเพื่ออะไรเนี่ย! มันมีทองหรือไง? ถึงได้มองนานขนาดนี้
“เปล่า มู่หรงเสวี่ยเป็นไงบ้าง?” เมื่อเห็นผ้าพันแผลหนาที่หัวและมือของมู่หรงเสวี่ย เขาก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวด

“หัวกระแทกอย่างแรง เสียเลือดไปเยอะ บวมอยู่บ้างคาดว่าจะมีการกระทบกระแทกเล็กน้อยควรจะพักดูอาการในโรงพยาบาลต่ออีกสักสองวันน่าจะดีกว่า…” ในน้ำเสียงโทษไปที่เพื่อนเล็กน้อย

สีหน้าของชางกวนโม่เปลี่ยนไป รีบเดินตรงเข้ามาและไม่สนใจสิ่งที่ทั้งสองคนเพิ่งจะกอดกันกลมเมื่อกี้ “ยังเจ็บอยู่ไหม?”

มู่หรงเสวี่ยยังปล่อยให้เขาจับหัวที่ถูกห่อด้วยผ้าพันแผลและกระซิบตอบมา “โอเคค่ะ…” เจ็บแล้วยังไง นี่ก็เกือบจะชั่วโมงแล้วกว่าที่เขาจะนึกถึงเธอ

ชางกวนโม่อยากที่จะแตะตัวเธอและดูที่ผ้าพันแผล เขามองเห็นเลยว่าแผลบวมจนน่ากลัว เขารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ เขาอยากที่จะขอโทษแต่ก็ไม่รู้ที่จะพูดยังไงดี เขาไม่รู้จริงๆ…เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะผลักเธออยู่แล้ว…แต่ตอนที่เขาลุกขึ้นเขาไม่รู้ว่าทำไมเท้าตัวเองถึงพุ่งเข้าไป เขาอยากที่จะช่วยดูมือของเธอแต่กลับกลายเป็นผลักเธอออกไป

มู่หรงเสวี่ยไม่อยากที่จะเห็นเขา เธอจึงพูดออกไปอย่างระวัง “ฉันอยากที่จะพัก คุณออกไปก่อนนะคะ…” แล้วเธอก็เอนตัวลงที่เตียงและหันหลังให้ชางกวนโม่ เธอเห็นว่าเขาปลอบใจไป๋เสวี่ยหลี่ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความหลงใหล ท่าทางเรียกร้องความสนใจอย่างเห็นได้ชัดจนแม้แต่เธอเองก็ยังอิจฉา ถึงแม้เธอจะแค่ถูกลวก เขาก็ยังเลือกที่จะเข้าไปดูไป๋เสวี่ยหลี่ก่อน เขาไม่ได้สนใจเธออย่างเห็นได้ชัด

หัวใจเธอเจ็บปวด…
เหมือนกับในชีวิตที่แล้ว แผลเก่ายังไม่ทันหายก็ต้องมาเจอกับแผลใหม่อีกแล้ว
บางทีชางกวนโม่อาจจะไม่ได้ชอบเธอ แต่เขาชอบน้องสาวที่โตมาด้วยกันมากกว่า

เธอก็อยากจะคิดว่าพวกเขาก็แค่รักกันแบบครอบครัวแต่เมื่อเช้านี้ เสวี่ยหลี่เห็นได้ชัดว่าหว่านเสน่ห์โดยการจับแขนและหน้าเขาตลอด เธอเหมือนคู่รักมากกว่าอีก แล้วเธอจะต้องทำยังไง? เธออยากที่จะหนีไปซะ หนีไปซ่อนในที่ที่ไม่มีใครเห็น เพื่อหลบไปเลียแผลใจของตัวเอง

ในชีวิตนี้เธอทนกับความพ่ายแพ้ไม่ได้ ถ้ามันไม่ดีพอเธอก็จะไม่มีวันเปิดใจ ถ้าไม่มีความรักก็จะไม่มีเรื่องให้ปวดใจ มู่หรงเสวี่ยดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดที่หัว กลัวว่าตัวเองจะเก็บอาการไว้ไม่ได้และรู้สึกว่าหัวเธอยังปวดอยู่…” จางหลินหลี่เข้าใจอารมณ์ของมู่หรงเสวี่ย รู้ว่าตอนนี้เธออยากที่จะอยู่เงียบๆจึงห้าม ชางกวนโม่ไว้โดยไม่รู้ตัว

หลังจากที่ได้เห็นมู่หรงเสวี่ยที่ตอนนี้โผล่ออกมาแค่ครึ่งหัวแล้วเมื่อได้ยินที่จางหลินหลี่พูด เขาคิดว่าอยากที่จะขอโทษเธอแต่ก็เก็บคำพูดไว้ เขาคิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม “เสี่ยวเสวี่ย เธอพักก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันออกไปโทรศัพท์ก่อน…” ที่บริษัทมีเรื่องด่วนที่เขาต้องจัดการ เขาจะอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดไม่ได้ เขารออยู่สักพักแต่ก็ยังไม่ได้ยินคำตอบจากมู่หรงเสวี่ย ชางกวนโม่จึงทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆและ จางหลินหลี่ก็ออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้เธอได้พัก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+