ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 80 รูปที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 80 รูปที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 80
รูปที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ไป๋เสวี่ยหลี่รอจนกระทั่งดึกและสุดท้ายก็อดไม่ได้จนต้องโทรไปถามเขา เธอรู้ว่าพี่โม่กลับมาเมืองหลวงแล้วแต่กลับไม่มาหาเธอ เธอโกรธมากจนถึงกับเขวี้ยงโทรศัพท์ลงกับพื้น
มู่หรงเสวี่ย เป็นเพราะเธอคนเดียว แต่ก่อนพี่โม่มักจะต้องแวะมาหาเธอเป็นคนแรกเสมอ แต่ตอนนี้ทำไมพอเขากลับมาแล้วกลับไม่แวะมาหาเธอ
เธอเปิดลิ้นชักในห้องและหยิบรูปออกมามากมาย เป็นรูปของมู่หรงเสวี่ยและจางหลินหลี่
ไป๋เสวี่ยหลี่หยิบซองออกมาและใส่รูปเข้าไป
วินาทีต่อมาเพราะทุกคนในบริษัทรู้จักไป๋เสวี่ยหลี่กันหมดแล้ว เธอจึงสามารถเดินผ่านเข้าไปในห้องทำงานของชางกวนโม่ได้
ในเวลานี้ชางกวนโม่กำลังจมอยู่ในกองเอกสาร ตอนที่เขาได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูง เขาก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่พอใจแต่ก็ได้พบว่าเป็นไป๋เสวี่ยหลี่ เขาก็เผยรอยยิ้มออกมาและพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “เสวี่ยหลี่ มาที่นี่ได้ยังไง? ยังไม่แข็งแรงอย่าเที่ยวออกไปไหนสิ”

ไป๋เสวี่ยหลี่บ่น “พี่โม่ ถ้าฉันไม่มาที่นี่ พี่ก็จะลืมแล้วก็ไม่ยอมแวะไปหาฉัน…”

ชางกวนโม่ลุกขึ้นและแตะเธอที่หัว “เด็กโง่ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะ? พี่ก็แค่อยากจะจัดการงานให้เสร็จก่อนที่จะแวะไปหาเธอไง โอเคไหม? ช่วงนี้รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างหรือเปล่า?”

เมื่อได้ยินแบบนี้ไป๋เสวี่ยหลี่ก็ยิ้มออกมา “ร่างกายของฉันไม่ได้เป็นอะไรตั้งแต่แรกแล้ว ไม่งั้นคงไม่ฟื้นมาเองแบบนี้ ฮ่าฮ่า” เธอไม่เชื่อว่าฝีมือด้านการแพทย์ของมู่หรงเสวี่ยจะดีเท่าไร

ชางกวนโม่ยิ้ม “เธอน่าจะต้องขอบคุณเสี่ยวเสวี่ยนะ!” เมื่อคิดถึงมู่หรงเสวี่ย รอยยิ้มในดวงตาของเขาก็ชัดขึ้นมากกว่าเดิม
เธอแอบกัดฟันอยู่เงียบๆ พี่โม่เป็นของเธอและไม่มีใครจะมาแย่งไปได้ “พี่โม่ ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือเปล่า…” ไป๋เสวี่ยหลี่แสดงท่าทางลังเลและอยากที่จะพูดแต่ก็กล้าๆกลัวๆ
ชางกวนโม่ถาม “พี่เป็นพี่ของเธอนะ มีเรื่องอะไรเหรอ? มีใครรังแกเธอหรือเปล่า?”

ไป๋เสวี่ยหลี่ส่ายหัว กัดริมฝีปากและกระซิบออกมา “เป็นเรื่องของเสี่ยวเสวี่ย…”

สีหน้าของชางกวนโม่เปลี่ยนไปและถามออกมาอย่างกังวล “เสี่ยวเสวี่ยเป็นอะไร? เธอประสบอุบัติเหตุหรือไม่สบายหรือเปล่า? หรือว่าจากการที่เธอล้มคราวก่อน?” เมื่อคิดถึงอาการบาดเจ็บที่หัวของมู่หรงเสวี่ยก่อนที่เขาจะไป สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
ไป๋เสวี่ยหลี่พยายามที่จะเก็บกดความโกรธของตัวเองไว้และกำมือแน่นเพื่อเป็นการเก็บอาการไว้ “พี่โม่ พี่เข้าใจผิดแล้ว เสี่ยวเสวี่ยไม่ได้เป็นอะไร…” แน่นอนว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร พี่จางถึงขนาดตามเธอไปถึงเมือง A แต่ไม่ได้ไปช่วยเธอ จากการสืบของเธอ ทั้งสองพักอยู่ด้วยกัน ตอนนี้มู่หรงเสวี่ยเป็นนังแพศยา ลองดูสิว่ายังจะทำให้พี่โม่หลงได้อยู่อีกหรือเปล่า

เมื่อได้ยินว่ามู่หรงเสวี่ยไม่เป็นอะไร ชางกวนโม่ก็ปล่อยมือจากไป๋เสวี่ยหลี่และถามออกมาเบาๆ “มีเรื่องอะไรเหรอ? เธออยากจะบอกว่าเสี่ยวเสวี่ยกลับไปที่เมือง A แล้วใช่ไหม? เรื่องนั้นพี่รู้แล้ว…”
ทันทีที่เขากลับมาถึง เขาก็ได้รู้เรื่องของมู่หรงเสวี่ยทันที พี่โม่สนใจเธอมากขนาดนี้เลยเหรอ… “พี่โม่ มู่หรงเสวี่ยไม่เหมาะกับพี่เลย…พี่โม่กับเธอควรจะเลิกกัน…” คิ้วที่ได้รับการแต่งแต้มของไป๋เสวี่ยหลี่แสดงถึงความเศร้าและพูดออกมาอย่างอ่อนโยน

ชางกวนโม่เงยหน้าขึ้นมาทันทีและพูดออกไปอย่างไม่พอใจ “อย่าพูดอะไรไร้สาระ เธอเป็นพี่สะใภ้ของเธอนะและเธอ…”
ดวงตาแดงระเรื่อของไป๋เสวี่ยหลี่ น้ำตาเริ่มเอ่อล้นออกมา “พี่โม่ ฉันพูดจริงๆนะคะ…เธอ…เธอไม่ใช่ผู้หญิงดี…”

ชางกวนโม่ขมวดคิ้ว เขาเคยเช็คประวัติมู่หรงเสวี่ยแล้ว ถึงแม้เธอจะเป็นน้องสาวเขาแต่เขาก็ไม่ยอมให้เธอพูดแบบนี้ “พี่บอกว่าอย่าพูดอะไรไร้สาระไง เสี่ยวเสวี่ยเป็นผู้หญิงที่ดี ลืมไปแล้วหรือไงว่าเธอเป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้นะ?! แล้วจะพูดถึงเธอแบบนี้ได้ยังไง?” จ้องไปที่ดวงตาของไป๋เสวี่ยหลี่ เขาไม่พอใจอย่างมาก

ไป๋เสวี่ยหลี่ปวดใจ พี่โม่แสดงท่าทีไม่พอใจใส่เธอทั้งๆที่เขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยก่อนที่จะเจอนังผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้น เธอพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ “พี่โม่ สิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงนะคะ เดิมทีฉันก็ไม่อยากที่จะพูด ฉันกลัวว่าพี่โม่จะเสียใจ ตอนที่เธอป่วยเธอหว่านเสน่ห์ใส่พี่จาง…”

ชางกวนโม่ตกใจ แล้วตะคอกอย่างโมโหใส่ไป๋เสวี่ยหลี่ “หุบปาก ต่อไปอย่าพูดอะไรแบบนี้อีก! ถ้ายังไม่หยุดก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่”

ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่อยากที่จะเชื่อ เธอเงยหน้ามองชางกวนโม่และพูดว่า “พี่โม่ พี่ไม่เชื่อฉันเหรอ ฉันเป็นน้องสาวพี่นะ!”
สีหน้าชางกวนโม่เยือกเย็น “เธอไม่ควรที่จะว่าร้ายเสี่ยวเสวี่ย”

ในเวลานี้ ไป๋เสวี่ยหลี่รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก และน้ำตาที่ไหลไม่ใช่เพราะความเศร้าใจ แต่เป็นเพราะคำพูดที่แสนเจ็บปวดของพี่โม่เมื่อกี้ เธอคิดมาตลอดว่าถึงแม้พี่โม่จะมีแฟน เธอก็ยังเป็นที่หนึ่งในใจเขา ยังไงซะเธอก็เป็นน้องสาวเขาไม่ใช่เหรอ?

แต่เขาเพิ่งจะตะโกนด่าเธอเพราะมู่หรงเสวี่ยและถึงขนาดง้างมือใส่เธอด้วยซ้ำ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ลงมือแต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เธอโกรธและเกินจะทน

เธอใช้มือปาดน้ำตา หยิบซองที่ใส่รูปถ่ายออกมาและโยนใส่ร่างของชางกวนโม่ “พี่โม่ พี่ดูเอาเองก็แล้วกัน นี่คือธาตุแท้ของผู้หญิงคนนั้น พี่ถูกหลอกแล้วล่ะ…” หลังจากที่พูดจบ เธอก็โยนรูปถ่ายและซีดีที่อยู่ในมือและวิ่งร้องไห้ออกไป

เมื่อชางกวนโม่เห็นรูปที่กองอยู่ที่พื้น สีหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ คนสองคนในรูปนั้น คนหนึ่งคือน้องชายที่โตมาด้วยกัน ส่วนอีกคนคือผู้หญิงที่เขารัก

ทั้งสองกำลังกอดกันอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลในขณะที่มู่หรงเสวี่ยกำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด แล้วก็มีรูปพร้อมรอยยิ้มสดใสที่สวนสนุก

มือของชางกวนโม่สั่นเทอมและหยิบรูปขึ้นมาดูทีละรูป ในระหว่างนั้นก็ค่อยๆปลอบใจตัวเองไปด้วย นี่มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ…นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด มู่หรงเสวี่ยไม่ทำแบบนี้กับเขาแน่ เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้รับข้อความจากเธอ เธอบอกว่าคิดถึงเขา

เป็นไปไม่ได้…ไม่จริง
เขาหยิบซีดีที่อยู่ที่พื้นขึ้นมาและใส่เข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์และเปิดดู ในสมองเขาว่างเปล่าไปหมด ในซีดีคือวิดีโอที่หน้าประตูโรงแรมซึ่งถ่ายอย่างรวดเร็ว

ในวิดีโอถ่ายภาพของทั้งคืนที่มู่หรงเสวี่ยและจางหลินหลี่เดินเข้าไปในห้องของโรงแรมและไม่ได้กลับออกมาอีก
ชางกวนโม่กำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดดำชัดเจน สีหน้าของเขาเคร่งขรึมและเย็นชา ดวงตาฟินิกซ์ของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดเบอร์ของมู่หรงเสวี่ย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อไม่มีใครรับสายก็ยิ่งทำให้เขาโกรธเข้าไปอีก เธอไม่มีวันทำแบบนี้!!! เธอไม่มีวันได้อยู่กับผู้ชายคนอื่น!!!
“ส่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมาพาฉันไปเมือง A ตอนนี้ เดี๋ยวนี้!” ชางกวนโม่สั่งหลิวเฟิง
ในเวลานี้ มู่หรงเสวี่ยที่เมือง A เข้าไปที่ออฟฟิศเพื่อคุยกับลั่วเฉิงเฟยเรื่องกิจกรรมประชาสัมพันธ์ของตลาดยาหลังจากที่ได้เห็นการพัฒนาของยาต่างๆวันนี้ เธอบังเอิญทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่ออฟฟิศและลืมที่จะเอากลับมาด้วย มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ตัวจนกระทั่งกลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์ และวันนี้เธอก็เหนื่อยมากจนเผลอหลับไปที่โซฟา
เมื่อจางหลินหลี่กลับมาจากข้างนอก เขาเห็นมู่หรงเสวี่ยนอนอยู่ที่โซฟา เขาก็ส่ายหัวและหัวเราะออกมา มองที่สีหน้าเหน็ดเหนื่อยของเธอด้วยความปวดใจ เธอยุ่งอะไรหนักหนาเนี่ย? เธอเหนื่อยมากงั้นเขาจะไม่ปลุกเธอขึ้นมาเพื่อคุยเรื่องทักษะการแพทย์กับเขา บางครั้งมู่หรงเสวี่ยก็ไม่ได้พักเลยจนกระทั่งเที่ยงคืน
จางหลินหลี่กลับเข้าไปที่ห้อง หยิบผ้าห่มและค่อยๆคลุมไปที่ร่างของเธอ มองใบหน้าที่กำลังหลับของเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะใจสั่นอีกครั้ง
เขาอดไม่ได้ที่จะลูบไปที่ตาเธอ, คิ้วเธอและสุดท้ายมาหยุดที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ เขาขยับมือออกห่างไม่ได้อยู่นาน
ทำไมเขาไม่เจอเธอก่อนนะ?! ทำไม?
เขารักเธอ หลังจากที่ได้ใช้เวลาอยู่กับเธอไม่นาน เขาก็ยิ่งควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะก้มหัวลงต่ำและจูบลงที่ริมฝีปากแดงของเธอ เขาปล่อยออกเล็กน้อย เขาไม่กลัวว่าเธอจะโทษเขา แต่กลัวว่าจะรบกวนการนอนหลับของเธอ
จางหลินหลี่ไม่อยากที่จะอยู่ห่างเธอ เขาจึงค่อยๆนั่งลงที่โซฟา หยิบหนังสือแพทย์ที่วางอยู่ที่โต๊ะและเปิดอ่านอย่างช้าๆ เพียงเวลาแค่ไม่นาน ขอเขามีความสุขกับหัวใจที่เห็นแก่ตัวสักหน่อย
ในกลางดึก จางหลินหลี่ค่อยๆเผลอหลับไป เอนกายอยู่ข้างๆมู่หรงเสวี่ย
ชางกวนโม่รีบให้คนของตัวเองเช็กที่อยู่ของมู่หรงในทันทีและใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อเปิดประตูเข้าไป
เขาตรงเข้าไปที่อะพาร์ตเมนต์ของมู่หรงเสวี่ย
แต่ใครจะบอกเขาได้ว่าสองคนตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่ใช่สองคนที่เขารู้จักดี ตอนแรกเขายังพอมีหวังอยู่บ้าง คิดว่ามันจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด แต่เมื่อได้เห็นท่าทางของคนสองคนที่กำลังนอนกอดกันเหมือนเป็นการดับความหวังเขาอย่างสิ้นเชิง พวกเขากล้าทรยศเขา
เขาเดินตรงเข้าไปด้วยความโกรธและดึงพวกเขาแยกออกจากกันพร้อมทั้งตบมู่หรงเสวี่ยทั้งๆที่เธอยังหลับอยู่

ในเวลานี้ทั้งสองที่หลับได้ตื่นขึ้นมาแล้ว จางหลินหลี่เห็นชางกวนโม่ตบมู่หรงเสวี่ยกับตาตัวเอง เขารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจและรีบเข้าไปห้ามเขา

“โม่ นายบ้าไปแล้วหรือไง นายกำลังทำอะไร?”
มู่หรงเสวี่ยงงไปหมด เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรู้แค่เพียงว่าอยู่ดีๆชางกวนโม่ก็เข้ามาและตบหน้าเธอ รอยแดงที่หน้าเธอชัดเจนมาก เขาตบเธอ…ทำไม?

ชางกวนโม่กำหมัดและชกเข้าที่หน้าของจางหลินหลี่ และถามออกไปด้วยความโกรธ “ยังจะกล้ามาถามฉันอีกเหรอ? นายสมควรโดนแล้ว!!! ขอบคุณเป็นเพื่อนที่ดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่นายก็ยังกล้าทำกับฉันแบบนี้…”

เมื่อจางหลินหลี่ได้ยินดังนี้ เขาก็นึกถึงความรู้สึกที่พูดไม่ได้ที่มีต่อมู่หรงเสวี่ย ความรู้สึกผิดเล็กน้อยแวบขึ้นมาในสีหน้า ร่างกายของเขาซึ่งยังคงปิดบังอยู่หยุดในทันทีและรับหมัดของชางกวนโม่เข้าไปเต็มๆ

เมื่อเห็นท่าทางรู้สึกผิดของเขา ชางกวนโม่ก็เข้าใจผิดในทันที หมัดของเขายิ่งแรงขึ้นไปอีก ผสมกับความรู้สึกอยากทำลาย เขารู้สึกหมดหวังกับจางหลินหลี่จริงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 80 รูปที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 80 รูปที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 80
รูปที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ไป๋เสวี่ยหลี่รอจนกระทั่งดึกและสุดท้ายก็อดไม่ได้จนต้องโทรไปถามเขา เธอรู้ว่าพี่โม่กลับมาเมืองหลวงแล้วแต่กลับไม่มาหาเธอ เธอโกรธมากจนถึงกับเขวี้ยงโทรศัพท์ลงกับพื้น
มู่หรงเสวี่ย เป็นเพราะเธอคนเดียว แต่ก่อนพี่โม่มักจะต้องแวะมาหาเธอเป็นคนแรกเสมอ แต่ตอนนี้ทำไมพอเขากลับมาแล้วกลับไม่แวะมาหาเธอ
เธอเปิดลิ้นชักในห้องและหยิบรูปออกมามากมาย เป็นรูปของมู่หรงเสวี่ยและจางหลินหลี่
ไป๋เสวี่ยหลี่หยิบซองออกมาและใส่รูปเข้าไป
วินาทีต่อมาเพราะทุกคนในบริษัทรู้จักไป๋เสวี่ยหลี่กันหมดแล้ว เธอจึงสามารถเดินผ่านเข้าไปในห้องทำงานของชางกวนโม่ได้
ในเวลานี้ชางกวนโม่กำลังจมอยู่ในกองเอกสาร ตอนที่เขาได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูง เขาก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่พอใจแต่ก็ได้พบว่าเป็นไป๋เสวี่ยหลี่ เขาก็เผยรอยยิ้มออกมาและพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “เสวี่ยหลี่ มาที่นี่ได้ยังไง? ยังไม่แข็งแรงอย่าเที่ยวออกไปไหนสิ”

ไป๋เสวี่ยหลี่บ่น “พี่โม่ ถ้าฉันไม่มาที่นี่ พี่ก็จะลืมแล้วก็ไม่ยอมแวะไปหาฉัน…”

ชางกวนโม่ลุกขึ้นและแตะเธอที่หัว “เด็กโง่ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะ? พี่ก็แค่อยากจะจัดการงานให้เสร็จก่อนที่จะแวะไปหาเธอไง โอเคไหม? ช่วงนี้รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างหรือเปล่า?”

เมื่อได้ยินแบบนี้ไป๋เสวี่ยหลี่ก็ยิ้มออกมา “ร่างกายของฉันไม่ได้เป็นอะไรตั้งแต่แรกแล้ว ไม่งั้นคงไม่ฟื้นมาเองแบบนี้ ฮ่าฮ่า” เธอไม่เชื่อว่าฝีมือด้านการแพทย์ของมู่หรงเสวี่ยจะดีเท่าไร

ชางกวนโม่ยิ้ม “เธอน่าจะต้องขอบคุณเสี่ยวเสวี่ยนะ!” เมื่อคิดถึงมู่หรงเสวี่ย รอยยิ้มในดวงตาของเขาก็ชัดขึ้นมากกว่าเดิม
เธอแอบกัดฟันอยู่เงียบๆ พี่โม่เป็นของเธอและไม่มีใครจะมาแย่งไปได้ “พี่โม่ ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือเปล่า…” ไป๋เสวี่ยหลี่แสดงท่าทางลังเลและอยากที่จะพูดแต่ก็กล้าๆกลัวๆ
ชางกวนโม่ถาม “พี่เป็นพี่ของเธอนะ มีเรื่องอะไรเหรอ? มีใครรังแกเธอหรือเปล่า?”

ไป๋เสวี่ยหลี่ส่ายหัว กัดริมฝีปากและกระซิบออกมา “เป็นเรื่องของเสี่ยวเสวี่ย…”

สีหน้าของชางกวนโม่เปลี่ยนไปและถามออกมาอย่างกังวล “เสี่ยวเสวี่ยเป็นอะไร? เธอประสบอุบัติเหตุหรือไม่สบายหรือเปล่า? หรือว่าจากการที่เธอล้มคราวก่อน?” เมื่อคิดถึงอาการบาดเจ็บที่หัวของมู่หรงเสวี่ยก่อนที่เขาจะไป สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
ไป๋เสวี่ยหลี่พยายามที่จะเก็บกดความโกรธของตัวเองไว้และกำมือแน่นเพื่อเป็นการเก็บอาการไว้ “พี่โม่ พี่เข้าใจผิดแล้ว เสี่ยวเสวี่ยไม่ได้เป็นอะไร…” แน่นอนว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร พี่จางถึงขนาดตามเธอไปถึงเมือง A แต่ไม่ได้ไปช่วยเธอ จากการสืบของเธอ ทั้งสองพักอยู่ด้วยกัน ตอนนี้มู่หรงเสวี่ยเป็นนังแพศยา ลองดูสิว่ายังจะทำให้พี่โม่หลงได้อยู่อีกหรือเปล่า

เมื่อได้ยินว่ามู่หรงเสวี่ยไม่เป็นอะไร ชางกวนโม่ก็ปล่อยมือจากไป๋เสวี่ยหลี่และถามออกมาเบาๆ “มีเรื่องอะไรเหรอ? เธออยากจะบอกว่าเสี่ยวเสวี่ยกลับไปที่เมือง A แล้วใช่ไหม? เรื่องนั้นพี่รู้แล้ว…”
ทันทีที่เขากลับมาถึง เขาก็ได้รู้เรื่องของมู่หรงเสวี่ยทันที พี่โม่สนใจเธอมากขนาดนี้เลยเหรอ… “พี่โม่ มู่หรงเสวี่ยไม่เหมาะกับพี่เลย…พี่โม่กับเธอควรจะเลิกกัน…” คิ้วที่ได้รับการแต่งแต้มของไป๋เสวี่ยหลี่แสดงถึงความเศร้าและพูดออกมาอย่างอ่อนโยน

ชางกวนโม่เงยหน้าขึ้นมาทันทีและพูดออกไปอย่างไม่พอใจ “อย่าพูดอะไรไร้สาระ เธอเป็นพี่สะใภ้ของเธอนะและเธอ…”
ดวงตาแดงระเรื่อของไป๋เสวี่ยหลี่ น้ำตาเริ่มเอ่อล้นออกมา “พี่โม่ ฉันพูดจริงๆนะคะ…เธอ…เธอไม่ใช่ผู้หญิงดี…”

ชางกวนโม่ขมวดคิ้ว เขาเคยเช็คประวัติมู่หรงเสวี่ยแล้ว ถึงแม้เธอจะเป็นน้องสาวเขาแต่เขาก็ไม่ยอมให้เธอพูดแบบนี้ “พี่บอกว่าอย่าพูดอะไรไร้สาระไง เสี่ยวเสวี่ยเป็นผู้หญิงที่ดี ลืมไปแล้วหรือไงว่าเธอเป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้นะ?! แล้วจะพูดถึงเธอแบบนี้ได้ยังไง?” จ้องไปที่ดวงตาของไป๋เสวี่ยหลี่ เขาไม่พอใจอย่างมาก

ไป๋เสวี่ยหลี่ปวดใจ พี่โม่แสดงท่าทีไม่พอใจใส่เธอทั้งๆที่เขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยก่อนที่จะเจอนังผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้น เธอพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ “พี่โม่ สิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงนะคะ เดิมทีฉันก็ไม่อยากที่จะพูด ฉันกลัวว่าพี่โม่จะเสียใจ ตอนที่เธอป่วยเธอหว่านเสน่ห์ใส่พี่จาง…”

ชางกวนโม่ตกใจ แล้วตะคอกอย่างโมโหใส่ไป๋เสวี่ยหลี่ “หุบปาก ต่อไปอย่าพูดอะไรแบบนี้อีก! ถ้ายังไม่หยุดก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่”

ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่อยากที่จะเชื่อ เธอเงยหน้ามองชางกวนโม่และพูดว่า “พี่โม่ พี่ไม่เชื่อฉันเหรอ ฉันเป็นน้องสาวพี่นะ!”
สีหน้าชางกวนโม่เยือกเย็น “เธอไม่ควรที่จะว่าร้ายเสี่ยวเสวี่ย”

ในเวลานี้ ไป๋เสวี่ยหลี่รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก และน้ำตาที่ไหลไม่ใช่เพราะความเศร้าใจ แต่เป็นเพราะคำพูดที่แสนเจ็บปวดของพี่โม่เมื่อกี้ เธอคิดมาตลอดว่าถึงแม้พี่โม่จะมีแฟน เธอก็ยังเป็นที่หนึ่งในใจเขา ยังไงซะเธอก็เป็นน้องสาวเขาไม่ใช่เหรอ?

แต่เขาเพิ่งจะตะโกนด่าเธอเพราะมู่หรงเสวี่ยและถึงขนาดง้างมือใส่เธอด้วยซ้ำ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ลงมือแต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เธอโกรธและเกินจะทน

เธอใช้มือปาดน้ำตา หยิบซองที่ใส่รูปถ่ายออกมาและโยนใส่ร่างของชางกวนโม่ “พี่โม่ พี่ดูเอาเองก็แล้วกัน นี่คือธาตุแท้ของผู้หญิงคนนั้น พี่ถูกหลอกแล้วล่ะ…” หลังจากที่พูดจบ เธอก็โยนรูปถ่ายและซีดีที่อยู่ในมือและวิ่งร้องไห้ออกไป

เมื่อชางกวนโม่เห็นรูปที่กองอยู่ที่พื้น สีหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ คนสองคนในรูปนั้น คนหนึ่งคือน้องชายที่โตมาด้วยกัน ส่วนอีกคนคือผู้หญิงที่เขารัก

ทั้งสองกำลังกอดกันอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลในขณะที่มู่หรงเสวี่ยกำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด แล้วก็มีรูปพร้อมรอยยิ้มสดใสที่สวนสนุก

มือของชางกวนโม่สั่นเทอมและหยิบรูปขึ้นมาดูทีละรูป ในระหว่างนั้นก็ค่อยๆปลอบใจตัวเองไปด้วย นี่มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ…นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด มู่หรงเสวี่ยไม่ทำแบบนี้กับเขาแน่ เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้รับข้อความจากเธอ เธอบอกว่าคิดถึงเขา

เป็นไปไม่ได้…ไม่จริง
เขาหยิบซีดีที่อยู่ที่พื้นขึ้นมาและใส่เข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์และเปิดดู ในสมองเขาว่างเปล่าไปหมด ในซีดีคือวิดีโอที่หน้าประตูโรงแรมซึ่งถ่ายอย่างรวดเร็ว

ในวิดีโอถ่ายภาพของทั้งคืนที่มู่หรงเสวี่ยและจางหลินหลี่เดินเข้าไปในห้องของโรงแรมและไม่ได้กลับออกมาอีก
ชางกวนโม่กำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดดำชัดเจน สีหน้าของเขาเคร่งขรึมและเย็นชา ดวงตาฟินิกซ์ของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดเบอร์ของมู่หรงเสวี่ย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อไม่มีใครรับสายก็ยิ่งทำให้เขาโกรธเข้าไปอีก เธอไม่มีวันทำแบบนี้!!! เธอไม่มีวันได้อยู่กับผู้ชายคนอื่น!!!
“ส่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมาพาฉันไปเมือง A ตอนนี้ เดี๋ยวนี้!” ชางกวนโม่สั่งหลิวเฟิง
ในเวลานี้ มู่หรงเสวี่ยที่เมือง A เข้าไปที่ออฟฟิศเพื่อคุยกับลั่วเฉิงเฟยเรื่องกิจกรรมประชาสัมพันธ์ของตลาดยาหลังจากที่ได้เห็นการพัฒนาของยาต่างๆวันนี้ เธอบังเอิญทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่ออฟฟิศและลืมที่จะเอากลับมาด้วย มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ตัวจนกระทั่งกลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์ และวันนี้เธอก็เหนื่อยมากจนเผลอหลับไปที่โซฟา
เมื่อจางหลินหลี่กลับมาจากข้างนอก เขาเห็นมู่หรงเสวี่ยนอนอยู่ที่โซฟา เขาก็ส่ายหัวและหัวเราะออกมา มองที่สีหน้าเหน็ดเหนื่อยของเธอด้วยความปวดใจ เธอยุ่งอะไรหนักหนาเนี่ย? เธอเหนื่อยมากงั้นเขาจะไม่ปลุกเธอขึ้นมาเพื่อคุยเรื่องทักษะการแพทย์กับเขา บางครั้งมู่หรงเสวี่ยก็ไม่ได้พักเลยจนกระทั่งเที่ยงคืน
จางหลินหลี่กลับเข้าไปที่ห้อง หยิบผ้าห่มและค่อยๆคลุมไปที่ร่างของเธอ มองใบหน้าที่กำลังหลับของเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะใจสั่นอีกครั้ง
เขาอดไม่ได้ที่จะลูบไปที่ตาเธอ, คิ้วเธอและสุดท้ายมาหยุดที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ เขาขยับมือออกห่างไม่ได้อยู่นาน
ทำไมเขาไม่เจอเธอก่อนนะ?! ทำไม?
เขารักเธอ หลังจากที่ได้ใช้เวลาอยู่กับเธอไม่นาน เขาก็ยิ่งควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะก้มหัวลงต่ำและจูบลงที่ริมฝีปากแดงของเธอ เขาปล่อยออกเล็กน้อย เขาไม่กลัวว่าเธอจะโทษเขา แต่กลัวว่าจะรบกวนการนอนหลับของเธอ
จางหลินหลี่ไม่อยากที่จะอยู่ห่างเธอ เขาจึงค่อยๆนั่งลงที่โซฟา หยิบหนังสือแพทย์ที่วางอยู่ที่โต๊ะและเปิดอ่านอย่างช้าๆ เพียงเวลาแค่ไม่นาน ขอเขามีความสุขกับหัวใจที่เห็นแก่ตัวสักหน่อย
ในกลางดึก จางหลินหลี่ค่อยๆเผลอหลับไป เอนกายอยู่ข้างๆมู่หรงเสวี่ย
ชางกวนโม่รีบให้คนของตัวเองเช็กที่อยู่ของมู่หรงในทันทีและใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อเปิดประตูเข้าไป
เขาตรงเข้าไปที่อะพาร์ตเมนต์ของมู่หรงเสวี่ย
แต่ใครจะบอกเขาได้ว่าสองคนตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่ใช่สองคนที่เขารู้จักดี ตอนแรกเขายังพอมีหวังอยู่บ้าง คิดว่ามันจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด แต่เมื่อได้เห็นท่าทางของคนสองคนที่กำลังนอนกอดกันเหมือนเป็นการดับความหวังเขาอย่างสิ้นเชิง พวกเขากล้าทรยศเขา
เขาเดินตรงเข้าไปด้วยความโกรธและดึงพวกเขาแยกออกจากกันพร้อมทั้งตบมู่หรงเสวี่ยทั้งๆที่เธอยังหลับอยู่

ในเวลานี้ทั้งสองที่หลับได้ตื่นขึ้นมาแล้ว จางหลินหลี่เห็นชางกวนโม่ตบมู่หรงเสวี่ยกับตาตัวเอง เขารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจและรีบเข้าไปห้ามเขา

“โม่ นายบ้าไปแล้วหรือไง นายกำลังทำอะไร?”
มู่หรงเสวี่ยงงไปหมด เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรู้แค่เพียงว่าอยู่ดีๆชางกวนโม่ก็เข้ามาและตบหน้าเธอ รอยแดงที่หน้าเธอชัดเจนมาก เขาตบเธอ…ทำไม?

ชางกวนโม่กำหมัดและชกเข้าที่หน้าของจางหลินหลี่ และถามออกไปด้วยความโกรธ “ยังจะกล้ามาถามฉันอีกเหรอ? นายสมควรโดนแล้ว!!! ขอบคุณเป็นเพื่อนที่ดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่นายก็ยังกล้าทำกับฉันแบบนี้…”

เมื่อจางหลินหลี่ได้ยินดังนี้ เขาก็นึกถึงความรู้สึกที่พูดไม่ได้ที่มีต่อมู่หรงเสวี่ย ความรู้สึกผิดเล็กน้อยแวบขึ้นมาในสีหน้า ร่างกายของเขาซึ่งยังคงปิดบังอยู่หยุดในทันทีและรับหมัดของชางกวนโม่เข้าไปเต็มๆ

เมื่อเห็นท่าทางรู้สึกผิดของเขา ชางกวนโม่ก็เข้าใจผิดในทันที หมัดของเขายิ่งแรงขึ้นไปอีก ผสมกับความรู้สึกอยากทำลาย เขารู้สึกหมดหวังกับจางหลินหลี่จริงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+