ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 97 การนัดเจอกันของคนทั้งสี่

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 97 การนัดเจอกันของคนทั้งสี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 97
การนัดเจอกันของคนทั้งสี่
“ไม่ได้นะ ผู้ช่วยที่พี่โม่จ้างมาจะต้องเข้ามาดูแลทุกอย่าง งั้นมันจะมีความหมายอะไรที่ฉันจะเปิดบริษัท” เธอจะจ้างผู้ช่วยได้ยังไง? ถ้าจ้างมาแล้วเธอจะมีโอกาสได้เข้าใกล้พี่โม่ได้ยังไง
“เธอโตขึ้นมาเลยนะเสวี่ยหลี่!” ชางกวนโม่แตะที่หัวเธอพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน ฉันโตตั้งนานแล้วนะคะ ตั้งแน่นี้ต่อไปพี่โม่ต้องคอยดูฉันไว้ดีๆนะคะ ฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง…” ไป๋เสวี่ยหลี่ยิ้มอย่างสดใส
“…”
หลังจากที่ขึ้นมาข้างบนแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาจากข้างล่างอยู่ เธอปิดหูและรีบเดินกลับเข้าไปที่ห้อง ปิดประตูเพื่อแยกตัวเองออกจากเสียงหัวเราะที่ทำให้หัวใจเธออึดอัด เธอยืนพิงประตูและทรุดลงไปนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาเหนื่อยล้าของเธออดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ชางกวนโม่ก็เข้าไปที่ห้องทำงานในระหว่างที่ไป๋เสวี่ยหลี่เดินไปที่ห้องของมู่หรงเสวี่ยและเคาะที่ประตู “เสี่ยวเสวี่ยหลับอยู่หรือเปล่า?” จากสถานการณ์เมื่อตอนกลางวัน ความสัมพันธ์ระหว่างพี่โม่กับมู่หรงเสวี่ยมาถึงทางตันแล้วล่ะ จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขาแน่ๆ ในตอนแรกเธอปล่อยเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันนะ? เธอต้องยิ่งแสดงความรู้สึกเพื่อใส่ไฟเพิ่มขึ้นไปอีก เธอยังจำท่าทางของมู่หรงเสวี่ยวันนี้ได้ดี

มู่หรงเสวี่ยเช็ดน้ำตาแต่ตอนนี้หน้าตาเธอเป็นไงบ้างแล้วนะ เธอรีบหายแวบเข้าไปในมิติลับ ล้างหน้าด้วยน้ำแห่งจิตวิญญาณ และรอเวลาสักครู่ เธอมองไปที่กระจก เธอมั่นใจว่าเธอคงไม่เห็นความแตกต่างก่อนที่เธอจะเข้าไปในมิติลับแน่ๆ ในตอนนี้เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่วินาที

เธอเดินไปที่ประตูและเปิดออก “มีอะไรเหรอ? เสวี่ยหลี่มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอ?” ไป๋เสวี่ยหลี่ยิ้ม “เสี่ยวเสวี่ย พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับพี่โม่กันไหม? ฉันไม่ได้ออกไปข้างนอกนานแล้ว การแข่งของเธอจะเริ่มวันมะรืนไม่ไช่หรอก งั้นคงไม่เป็นไร…”

ไปเที่ยวงั้นเหรอ?! เมื่อนึกได้ว่าเธอและชางกวนโม่ยังเย็นชาและบึ้งตึงต่อกัน บางทีการออกไปเที่ยวอาจจะช่วยผ่อนคลายพวกเขาได้ นอกจากนี้เวลาที่เธอกับชางกวนโม่อยู่ด้วยกันก็ดูเหมือนจะมีแค่เวลาที่ทำงานกับกินเท่านั้นเอง ไม่เคยมีเรื่องสนุกอะไรเลย “โอเค แต่จะไปไหนกันเหรอ?”

ไป๋เสวี่ยหลี่เอียงหัวและพูดออกมาว่า “เราไปเล่นเครื่องร่อนกันไหม? ว่าแต่เสี่ยวเสวี่ยชวนเพื่อนไปด้วยสิ สามคนมันน้อยเกินไปแล้วการร่อนก็ต้องเล่นทีละสองคนด้วย ฉันเป็นเจ้าหญิงนิทรามาหลายปีและตอนนี้ก็ไม่มีเพื่อนที่สนิทๆเลยด้วย…” แล้วเธอก็ทำคอตกอย่างเศร้าสร้อย

อันที่จริง มู่หรงเสวี่ยก็ไม่มีเพื่อนในเมืองหลวงเลย นักเรียนพวกที่มาจากโรงเรียนก็คงไม่อยากที่จะไปเที่ยวกับเธอด้วย ถ้าพวกนั้นรู้ว่าเธอจะออกไปเที่ยวเล่น เธอคงจะโดนเกลียดเพิ่มขึ้นอีกแน่ๆ นอกจากนี้ก็มีจางหลินหลี่และชูอี้เสิ่นแต่ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว เธอก็ไม่เจอพี่จางมานานแล้ว อีกอย่างเรื่องระหว่างเขากับชางกวนโม่ก็ค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย เธอไม่อยากที่จะสร้างปัญหาขึ้นมาอีกหรือว่าจะโทรหาพี่ชูดี ครั้งที่แล้วพี่ชูก็บอกว่าเธอน่าจะแนะนำให้เขารู้จักบ้าง นี่คงจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้แนะนำเขา อีกอย่างผู้ชายสอง ผู้หญิงสองก็ดูจะเหมาะสมดี

“เสวี่ยหลี่ เธอเป็นคนสวยเดี๋ยวเธอก็มีเพื่อนเยอะแยะเอาแหละ ฉันบังเอิญรู้จักผู้ชายคนหนึ่งในเมืองหลวง เดี๋ยวฉันจะลองชวนเขาไปเที่ยวพรุ่งนี้ด้วยนะ แต่ฉันไม่รู้ว่าเราจะไปเที่ยวกันช่วงกี่โมงเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“ฉันยังไม่ได้ถามพี่โม่เลย? ฉันจะไปถามเดี๋ยวนี้เลย รอเดี๋ยวนะ” แล้วเธอก็วิ่งไปที่ห้องทำงานของชางกวนโม่อย่างมีความสุข

“พี่โม่!”
ชางกวนโม่เงยหน้าขึ้นมา “มีอะไรเหรอถึงได้ร่าเริงขนาดนี้?”
“ฮ่าฮ่า พี่โม่ พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันไหมคะ?! ไปเล่นเครื่องร่อนกันไหม?” ไป๋เสวี่ยหลี่ถามออกไปด้วยรอยยิ้ม
“เสวี่ยหลี่ พี่งานอีกตั้งเยอะนะที่จะต้องทำ…”
ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่พอใจจึงทำปากจู้และพูดออกไป “พี่โม่ แล้วพี่จะทำงานเสร็จเมื่อไรล่ะ? พี่ควรที่จะพักผ่อนบ้างนะคะ อีกอย่างเสี่ยวเสวี่ยก็จะไปด้วย เดาว่าเธอคงยังไม่เคยออกไปเที่ยวที่เมืองหลวงเลย…”

เสี่ยวเสวี่ยก็จะไปด้วยงั้นเหรอ?!! เมื่อนึกถึงว่าตัวเขาเองไม่ได้สนใจท่าทางของเธอเมื่อตอนกลางวัน งั้นพาไปเที่ยวน่าจะดีขึ้น คิ้วของเขาผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย “โอเค พรุ่งนี้พี่จะหาเวลาว่างก็ได้”

ไป๋เสวี่ยหลี่รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไร ทันทีที่เธอบอกว่าเสี่ยวเสวี่ยจะไปด้วย พี่โม่ก็ว่างขึ้นมาทันที…แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจน้ำเสียงและสีหน้าของเขา “งั้นเริ่มออกเดินทางกันตอน 9 โมงเช้านะคะ” เธอไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เธอบอกให้มู่หรงเสวี่ยชวนเพื่อนไปด้วย

เช้าวันต่อมา มู่หรงเสวี่ยโทรหาชูอี้เสิ่น “พี่ชู”
“มู่หรงเสวี่ย มีอะไรเหรอ?”
“พี่ชู วันนี้ว่างหรือเปล่าคะ? ฉันอยากจะชวนพี่ออกไปข้างนอกหน่อย แค่อยากจะแนะนำชางกวนโม่ให้พี่รู้จัก ครั้งที่แล้วพี่บอกให้ฉันแนะนำเขาให้รู้จักหน่อยไม่ใช่เหรอ?”
ชางกวนโม่งั้นเหรอ?! เขาเองก็อยากจะเจอเขาเหมือนกัน “โอเค ว่างสิ กี่โมงล่ะ?”

“เก้าโมงค่ะ เจอกันที่วิลล่าที่พี่มาส่งฉันคราวที่แล้วนะคะ อีกอย่างน้องสาวของชางกวนโม่ ไป๋เสวี่ยหลี่ก็จะไปกับเราด้วย วันนี้เราจะไปเล่นเครื่องร่อนกัน…”

“น้องสาวชางกวนโม่งั้นเหรอ? ทำไมแซ่ไป๋ล่ะ?” ชางกวนโม่มีน้องสาวตั้งแต่เมื่อไรกัน?!!

ไม่แปลกใจที่เขาไม่รู้เรื่องนี้เพราะชางกวนโม่ไม่ได้ประกาศเรื่องตัวตนของไป๋เสวี่ยหลี่ เดิมทีเขาอยากที่จะให้ไป๋เสวี่ยหลี่มาใช้นามสกุลของตระกูลชางกวน แต่ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่ยอม เธอบอกว่าเธอมีความสุขดีแล้วและไม่อยากที่จะได้อะไรมากไปกว่านี้ เพราะเรื่องนี้ไป๋เสวี่ยหลี่จึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนักเหมือนสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลชางกวนและก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรด้วย และครอบครัวของชางกวนโม่ก็ชอบเธอมากด้วย ในสายตาของคนนอก ชางกวนโม่เป็นเพียงพี่ชายของชางกวนหลิน ไป๋เสวี่ยหลี่เคยตามประจบชางกวนหลิน แต่เพราะเธอทำอะไรไปหลายอย่างเขาก็ยังไม่สนใจ…ต่อมาไป๋เสวี่ยหลินจึงยอมแพ้กับเรื่องชางกวนหลิน

“ไม่ใช่น้องแท้ๆหรอกค่ะ แต่เธอโตมาพร้อมกับชางกวนโม่ตั้งแต่เด็กๆและนิสัยเธอก็ดีมาก…” นิสัยเธอดีจริงๆแต่ก็ขี้อิจฉาหน่อยๆด้วย

“โอเค เข้าใจแล้ว งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”
“ค่ะ เดี๋ยวเจอกัน!”
หลังจากที่คุยกับชูอี้เสิ่นเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็วางสาย พร้อมแต่งตัวด้วยชุดออกกำลังกายสีขาวสบายๆแล้วจึงเดินลงไปข้างล่าง

ข้างล่างมีชางกวนโม่และไป๋เสวี่ยหลี่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นเรียบร้อยแล้ว พวกเขากำลังพูดคุยกัน มู่หรงเสวี่ยเข้าไปในห้องนั่งเล่นและเปิดปากทักทาย “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่โม่ เสวี่ยหลี่ ”
ไป๋เสวี่ยหลี่ตอบกลับมาก่อน “เสี่ยวเสวี่ย ตื่นแล้วเหรอ ฉันกำลังจะขึ้นไปชวนเธอลงมากินอาหารเช้าเลย ว่าแต่เพื่อนเธอมาหรือยังล่ะ?”
“ฉันบอกเขาไปแล้วว่าเราจะออกกันตอนเก้าโมง”
“เพื่อนอะไร?” ชางกวนโม่อ้าปากถาม
“ชูอี้เสิ่น ฉันไม่มีเพื่อนคนอื่นในเมืองหลวงเลย” มู่หรงเสวี่ยตอบ วันนี้ดูเหมือนพี่โม่จะอารมณ์ดี
ชูอี้เสิ่น เขาอีกแล้วเหรอ! เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทั้งสองสนิทกัน แล้วพวกเขาจะต้องออกไปเที่ยวด้วยกันอีก ไม่รู้ว่าใช่เขาหรือเปล่าที่มาส่งเสี่ยวเสวี่ยเมื่อครั้งที่แล้ว?!!
สีหน้าของชางกวนโม่เข้มขึ้นและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กินข้าวก่อนเถอะ” เขาลุกขึ้นเป็นคนแรกและเดินไปที่โต๊ะ
เขาเป็นอะไรของเขาเนี่ย? เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย

ไป่เสวี่ยหลี่เองก็เดินไปที่โต๊ะอย่างมีความสุขแต่ก็ไม่ลืมที่จะเรียกมู่หรงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ย รีบมาเร็วสิ…” ฮ่าฮ่า เป็นไปตามที่เธอคาด แต่คนที่มู่หรงเสวี่ยชวนมาก็เกินจากที่เธอคาดไว้มาก เธอคิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะโทรชวนพี่จางแต่ผลก็ไม่ต่างจากที่เธอคิดไว้เท่าไร
มื้อเช้า ชางกวนโม่ไม่พูดอะไรสักคำและมีเพียงไป๋เสวี่ยหลี่ที่พูดขึ้นมาในบางครั้งบางคราวแต่ก็ไม่ได้น่าอึดอัดอะไรมาก
หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จ ชูอี้เสิ่นก็มาถึง มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้นคนแรก “พี่ชู มาแล้วเหรอคะ ขอฉันแนะนำหน่อยนะ นี่คือชางกวนโม่และนี่น้องสาวของเขา ไป๋เสวี่ยหลี่ พี่โม่ เสวี่ยหลี่ นี่ชูอี้เสิ่นที่ฉันเคยพูดถึง”

เดิมทีชูอี้เสิ่นก็หล่ออยู่แล้ว แต่วันนี้เขาสวมชุดกีฬาลำลองสีดำยิ่งทำให้ท่าทางของเขาดูสูงศักดิ์ขึ้นไปอีก ผมดำที่ปรกลงมาที่หน้าผาก ริมฝีปากที่เซ็กซี่พร้อมรอยยิ้มเย็นชาและในตาสีอำพันที่ไม่แสดงอารมณ์ใด ในตอนนี้เขามองไปที่ชางกวนโม่ที่นั่งข้างๆไป๋เสวี่ยหลี่และจ้องไปที่ในตาของเขา

“สวัสดี ผมชูอี้เสิ่น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เราได้เจอกัน” เขายื่นมือออกไปให้ชางกวนโม่
“ชางกวนโม่” มือทั้งสองจับกัน สองคู่ไม่ได้สู้กันแบบเปิดเผยแต่แอบบีบมือกันเล็กน้อย

สักครู่ต่อมาพวกเขาก็ปล่อยมือออกจากกัน และดวงตาของพวกเขาก็แวบประกายความรุนแรงของอีกฝ่าย

ไป๋เสวี่ยหลี่ได้แต่นั่งคิด
กลุ่มของคนทั้งสี่ขับรถออกจากเมืองหลวงไปยังหน้าผาที่สวยงามที่อยู่นอกเมือง เป็นสถานที่ที่โด่งดังอย่างมาก ในเวลานี้มีคนเป็นจำนวนมากอยู่ที่หน้าผาและก็มีนักร่อนมากมายอยู่ใกล้ๆด้วย
เช้านี้ตอนที่ตัดสินใจว่าจะมาเล่นเครื่องร่อน ชางกวนโม่สั่งให้คนมาเตรียมเครื่องร่อนไว้ให้แล้ว ซึ่งสองคนต่อหนึ่งเครื่องร่อน
“ฉันมีความสุขจริงๆเลยพี่โม่ นี่เป็นครั้งแรกของฉันเลย เดี๋ยวนะ พี่โม่ต้องเล่นกับฉันนะ ฉันยังกลัวอยู่นิดหน่อย…” ไป๋เสวี่ยหลี่กอดแขนชางกวนโม่และพูดออกมาเสียงเบา

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่พวกเขาพูดอะไรไม่ออก เดิมทีเธออยากที่จะจับคู่กับพี่โม่ นี่พวกเธอจะไม่มีโอกาสได้คุยกันบ้างเลยใช่ไหม?!!! แต่หลังจากที่เห็นชางกวนโม่พยักหน้าให้ไป๋เสวี่ยหลี่ เธอก็คอตกด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว
เธอเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เมื่อมีไป๋เสวี่ยหลี่เข้ามาเกี่ยวข้อง พี่โม่ก็มักจะสนใจเธอเสมอ ทำไมกันล่ะ?!! พวกขาเป็นแฟนกันหรือไง?!! อยากจะอยู่ใกล้ชิดกับเสวี่ยหลี่ขนาดนั้นเลยเหรอ? แน่นอนสิ ไป๋เสวี่ยหลี่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในหัวใจของเขา บางทีเขาอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่ถ้าไม่แล้วในชีวิตที่แล้วพวกเขาแต่งงานกันได้ยังไงล่ะ?
ความสนใจของชูอี้เสิ่นอยู่ที่มู่หรงเสวี่ย เมื่อเห็นท่าทางเหงาหง้อยของเธอ ชูอี้เสิ่นก็ต้องกำหมัดแน่น ชางกวนโม่เป็นอะไรเนี่ย?!! ไม่พูดอะไรกับแฟนตัวเองสักคำ ตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้ว เขายังไม่เห็นสองคนนี้คุยกันเลย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มสงสัยขึ้นมาว่ารอยยิ้มมีความสุขของมู่หรงเสวี่ยเป็นการฝืนยิ้มตั้งแต่แรกหรือเปล่า
“ถ้าเป็นยังงั้น เรามาคู่กันแล้วกันนะ” ชูอี้เสิ่นอดไม่ได้ที่จะขัดความรู้สึกโศกเศร้าของมู่หรงเสวี่ย เขารู้สึกไม่สบายใจแทน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 97 การนัดเจอกันของคนทั้งสี่

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 97 การนัดเจอกันของคนทั้งสี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 97
การนัดเจอกันของคนทั้งสี่
“ไม่ได้นะ ผู้ช่วยที่พี่โม่จ้างมาจะต้องเข้ามาดูแลทุกอย่าง งั้นมันจะมีความหมายอะไรที่ฉันจะเปิดบริษัท” เธอจะจ้างผู้ช่วยได้ยังไง? ถ้าจ้างมาแล้วเธอจะมีโอกาสได้เข้าใกล้พี่โม่ได้ยังไง
“เธอโตขึ้นมาเลยนะเสวี่ยหลี่!” ชางกวนโม่แตะที่หัวเธอพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน ฉันโตตั้งนานแล้วนะคะ ตั้งแน่นี้ต่อไปพี่โม่ต้องคอยดูฉันไว้ดีๆนะคะ ฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง…” ไป๋เสวี่ยหลี่ยิ้มอย่างสดใส
“…”
หลังจากที่ขึ้นมาข้างบนแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาจากข้างล่างอยู่ เธอปิดหูและรีบเดินกลับเข้าไปที่ห้อง ปิดประตูเพื่อแยกตัวเองออกจากเสียงหัวเราะที่ทำให้หัวใจเธออึดอัด เธอยืนพิงประตูและทรุดลงไปนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาเหนื่อยล้าของเธออดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ชางกวนโม่ก็เข้าไปที่ห้องทำงานในระหว่างที่ไป๋เสวี่ยหลี่เดินไปที่ห้องของมู่หรงเสวี่ยและเคาะที่ประตู “เสี่ยวเสวี่ยหลับอยู่หรือเปล่า?” จากสถานการณ์เมื่อตอนกลางวัน ความสัมพันธ์ระหว่างพี่โม่กับมู่หรงเสวี่ยมาถึงทางตันแล้วล่ะ จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขาแน่ๆ ในตอนแรกเธอปล่อยเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันนะ? เธอต้องยิ่งแสดงความรู้สึกเพื่อใส่ไฟเพิ่มขึ้นไปอีก เธอยังจำท่าทางของมู่หรงเสวี่ยวันนี้ได้ดี

มู่หรงเสวี่ยเช็ดน้ำตาแต่ตอนนี้หน้าตาเธอเป็นไงบ้างแล้วนะ เธอรีบหายแวบเข้าไปในมิติลับ ล้างหน้าด้วยน้ำแห่งจิตวิญญาณ และรอเวลาสักครู่ เธอมองไปที่กระจก เธอมั่นใจว่าเธอคงไม่เห็นความแตกต่างก่อนที่เธอจะเข้าไปในมิติลับแน่ๆ ในตอนนี้เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่วินาที

เธอเดินไปที่ประตูและเปิดออก “มีอะไรเหรอ? เสวี่ยหลี่มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอ?” ไป๋เสวี่ยหลี่ยิ้ม “เสี่ยวเสวี่ย พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับพี่โม่กันไหม? ฉันไม่ได้ออกไปข้างนอกนานแล้ว การแข่งของเธอจะเริ่มวันมะรืนไม่ไช่หรอก งั้นคงไม่เป็นไร…”

ไปเที่ยวงั้นเหรอ?! เมื่อนึกได้ว่าเธอและชางกวนโม่ยังเย็นชาและบึ้งตึงต่อกัน บางทีการออกไปเที่ยวอาจจะช่วยผ่อนคลายพวกเขาได้ นอกจากนี้เวลาที่เธอกับชางกวนโม่อยู่ด้วยกันก็ดูเหมือนจะมีแค่เวลาที่ทำงานกับกินเท่านั้นเอง ไม่เคยมีเรื่องสนุกอะไรเลย “โอเค แต่จะไปไหนกันเหรอ?”

ไป๋เสวี่ยหลี่เอียงหัวและพูดออกมาว่า “เราไปเล่นเครื่องร่อนกันไหม? ว่าแต่เสี่ยวเสวี่ยชวนเพื่อนไปด้วยสิ สามคนมันน้อยเกินไปแล้วการร่อนก็ต้องเล่นทีละสองคนด้วย ฉันเป็นเจ้าหญิงนิทรามาหลายปีและตอนนี้ก็ไม่มีเพื่อนที่สนิทๆเลยด้วย…” แล้วเธอก็ทำคอตกอย่างเศร้าสร้อย

อันที่จริง มู่หรงเสวี่ยก็ไม่มีเพื่อนในเมืองหลวงเลย นักเรียนพวกที่มาจากโรงเรียนก็คงไม่อยากที่จะไปเที่ยวกับเธอด้วย ถ้าพวกนั้นรู้ว่าเธอจะออกไปเที่ยวเล่น เธอคงจะโดนเกลียดเพิ่มขึ้นอีกแน่ๆ นอกจากนี้ก็มีจางหลินหลี่และชูอี้เสิ่นแต่ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว เธอก็ไม่เจอพี่จางมานานแล้ว อีกอย่างเรื่องระหว่างเขากับชางกวนโม่ก็ค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย เธอไม่อยากที่จะสร้างปัญหาขึ้นมาอีกหรือว่าจะโทรหาพี่ชูดี ครั้งที่แล้วพี่ชูก็บอกว่าเธอน่าจะแนะนำให้เขารู้จักบ้าง นี่คงจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้แนะนำเขา อีกอย่างผู้ชายสอง ผู้หญิงสองก็ดูจะเหมาะสมดี

“เสวี่ยหลี่ เธอเป็นคนสวยเดี๋ยวเธอก็มีเพื่อนเยอะแยะเอาแหละ ฉันบังเอิญรู้จักผู้ชายคนหนึ่งในเมืองหลวง เดี๋ยวฉันจะลองชวนเขาไปเที่ยวพรุ่งนี้ด้วยนะ แต่ฉันไม่รู้ว่าเราจะไปเที่ยวกันช่วงกี่โมงเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“ฉันยังไม่ได้ถามพี่โม่เลย? ฉันจะไปถามเดี๋ยวนี้เลย รอเดี๋ยวนะ” แล้วเธอก็วิ่งไปที่ห้องทำงานของชางกวนโม่อย่างมีความสุข

“พี่โม่!”
ชางกวนโม่เงยหน้าขึ้นมา “มีอะไรเหรอถึงได้ร่าเริงขนาดนี้?”
“ฮ่าฮ่า พี่โม่ พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันไหมคะ?! ไปเล่นเครื่องร่อนกันไหม?” ไป๋เสวี่ยหลี่ถามออกไปด้วยรอยยิ้ม
“เสวี่ยหลี่ พี่งานอีกตั้งเยอะนะที่จะต้องทำ…”
ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่พอใจจึงทำปากจู้และพูดออกไป “พี่โม่ แล้วพี่จะทำงานเสร็จเมื่อไรล่ะ? พี่ควรที่จะพักผ่อนบ้างนะคะ อีกอย่างเสี่ยวเสวี่ยก็จะไปด้วย เดาว่าเธอคงยังไม่เคยออกไปเที่ยวที่เมืองหลวงเลย…”

เสี่ยวเสวี่ยก็จะไปด้วยงั้นเหรอ?!! เมื่อนึกถึงว่าตัวเขาเองไม่ได้สนใจท่าทางของเธอเมื่อตอนกลางวัน งั้นพาไปเที่ยวน่าจะดีขึ้น คิ้วของเขาผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย “โอเค พรุ่งนี้พี่จะหาเวลาว่างก็ได้”

ไป๋เสวี่ยหลี่รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไร ทันทีที่เธอบอกว่าเสี่ยวเสวี่ยจะไปด้วย พี่โม่ก็ว่างขึ้นมาทันที…แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจน้ำเสียงและสีหน้าของเขา “งั้นเริ่มออกเดินทางกันตอน 9 โมงเช้านะคะ” เธอไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เธอบอกให้มู่หรงเสวี่ยชวนเพื่อนไปด้วย

เช้าวันต่อมา มู่หรงเสวี่ยโทรหาชูอี้เสิ่น “พี่ชู”
“มู่หรงเสวี่ย มีอะไรเหรอ?”
“พี่ชู วันนี้ว่างหรือเปล่าคะ? ฉันอยากจะชวนพี่ออกไปข้างนอกหน่อย แค่อยากจะแนะนำชางกวนโม่ให้พี่รู้จัก ครั้งที่แล้วพี่บอกให้ฉันแนะนำเขาให้รู้จักหน่อยไม่ใช่เหรอ?”
ชางกวนโม่งั้นเหรอ?! เขาเองก็อยากจะเจอเขาเหมือนกัน “โอเค ว่างสิ กี่โมงล่ะ?”

“เก้าโมงค่ะ เจอกันที่วิลล่าที่พี่มาส่งฉันคราวที่แล้วนะคะ อีกอย่างน้องสาวของชางกวนโม่ ไป๋เสวี่ยหลี่ก็จะไปกับเราด้วย วันนี้เราจะไปเล่นเครื่องร่อนกัน…”

“น้องสาวชางกวนโม่งั้นเหรอ? ทำไมแซ่ไป๋ล่ะ?” ชางกวนโม่มีน้องสาวตั้งแต่เมื่อไรกัน?!!

ไม่แปลกใจที่เขาไม่รู้เรื่องนี้เพราะชางกวนโม่ไม่ได้ประกาศเรื่องตัวตนของไป๋เสวี่ยหลี่ เดิมทีเขาอยากที่จะให้ไป๋เสวี่ยหลี่มาใช้นามสกุลของตระกูลชางกวน แต่ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่ยอม เธอบอกว่าเธอมีความสุขดีแล้วและไม่อยากที่จะได้อะไรมากไปกว่านี้ เพราะเรื่องนี้ไป๋เสวี่ยหลี่จึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนักเหมือนสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลชางกวนและก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรด้วย และครอบครัวของชางกวนโม่ก็ชอบเธอมากด้วย ในสายตาของคนนอก ชางกวนโม่เป็นเพียงพี่ชายของชางกวนหลิน ไป๋เสวี่ยหลี่เคยตามประจบชางกวนหลิน แต่เพราะเธอทำอะไรไปหลายอย่างเขาก็ยังไม่สนใจ…ต่อมาไป๋เสวี่ยหลินจึงยอมแพ้กับเรื่องชางกวนหลิน

“ไม่ใช่น้องแท้ๆหรอกค่ะ แต่เธอโตมาพร้อมกับชางกวนโม่ตั้งแต่เด็กๆและนิสัยเธอก็ดีมาก…” นิสัยเธอดีจริงๆแต่ก็ขี้อิจฉาหน่อยๆด้วย

“โอเค เข้าใจแล้ว งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”
“ค่ะ เดี๋ยวเจอกัน!”
หลังจากที่คุยกับชูอี้เสิ่นเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็วางสาย พร้อมแต่งตัวด้วยชุดออกกำลังกายสีขาวสบายๆแล้วจึงเดินลงไปข้างล่าง

ข้างล่างมีชางกวนโม่และไป๋เสวี่ยหลี่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นเรียบร้อยแล้ว พวกเขากำลังพูดคุยกัน มู่หรงเสวี่ยเข้าไปในห้องนั่งเล่นและเปิดปากทักทาย “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่โม่ เสวี่ยหลี่ ”
ไป๋เสวี่ยหลี่ตอบกลับมาก่อน “เสี่ยวเสวี่ย ตื่นแล้วเหรอ ฉันกำลังจะขึ้นไปชวนเธอลงมากินอาหารเช้าเลย ว่าแต่เพื่อนเธอมาหรือยังล่ะ?”
“ฉันบอกเขาไปแล้วว่าเราจะออกกันตอนเก้าโมง”
“เพื่อนอะไร?” ชางกวนโม่อ้าปากถาม
“ชูอี้เสิ่น ฉันไม่มีเพื่อนคนอื่นในเมืองหลวงเลย” มู่หรงเสวี่ยตอบ วันนี้ดูเหมือนพี่โม่จะอารมณ์ดี
ชูอี้เสิ่น เขาอีกแล้วเหรอ! เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทั้งสองสนิทกัน แล้วพวกเขาจะต้องออกไปเที่ยวด้วยกันอีก ไม่รู้ว่าใช่เขาหรือเปล่าที่มาส่งเสี่ยวเสวี่ยเมื่อครั้งที่แล้ว?!!
สีหน้าของชางกวนโม่เข้มขึ้นและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กินข้าวก่อนเถอะ” เขาลุกขึ้นเป็นคนแรกและเดินไปที่โต๊ะ
เขาเป็นอะไรของเขาเนี่ย? เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย

ไป่เสวี่ยหลี่เองก็เดินไปที่โต๊ะอย่างมีความสุขแต่ก็ไม่ลืมที่จะเรียกมู่หรงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ย รีบมาเร็วสิ…” ฮ่าฮ่า เป็นไปตามที่เธอคาด แต่คนที่มู่หรงเสวี่ยชวนมาก็เกินจากที่เธอคาดไว้มาก เธอคิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะโทรชวนพี่จางแต่ผลก็ไม่ต่างจากที่เธอคิดไว้เท่าไร
มื้อเช้า ชางกวนโม่ไม่พูดอะไรสักคำและมีเพียงไป๋เสวี่ยหลี่ที่พูดขึ้นมาในบางครั้งบางคราวแต่ก็ไม่ได้น่าอึดอัดอะไรมาก
หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จ ชูอี้เสิ่นก็มาถึง มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้นคนแรก “พี่ชู มาแล้วเหรอคะ ขอฉันแนะนำหน่อยนะ นี่คือชางกวนโม่และนี่น้องสาวของเขา ไป๋เสวี่ยหลี่ พี่โม่ เสวี่ยหลี่ นี่ชูอี้เสิ่นที่ฉันเคยพูดถึง”

เดิมทีชูอี้เสิ่นก็หล่ออยู่แล้ว แต่วันนี้เขาสวมชุดกีฬาลำลองสีดำยิ่งทำให้ท่าทางของเขาดูสูงศักดิ์ขึ้นไปอีก ผมดำที่ปรกลงมาที่หน้าผาก ริมฝีปากที่เซ็กซี่พร้อมรอยยิ้มเย็นชาและในตาสีอำพันที่ไม่แสดงอารมณ์ใด ในตอนนี้เขามองไปที่ชางกวนโม่ที่นั่งข้างๆไป๋เสวี่ยหลี่และจ้องไปที่ในตาของเขา

“สวัสดี ผมชูอี้เสิ่น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เราได้เจอกัน” เขายื่นมือออกไปให้ชางกวนโม่
“ชางกวนโม่” มือทั้งสองจับกัน สองคู่ไม่ได้สู้กันแบบเปิดเผยแต่แอบบีบมือกันเล็กน้อย

สักครู่ต่อมาพวกเขาก็ปล่อยมือออกจากกัน และดวงตาของพวกเขาก็แวบประกายความรุนแรงของอีกฝ่าย

ไป๋เสวี่ยหลี่ได้แต่นั่งคิด
กลุ่มของคนทั้งสี่ขับรถออกจากเมืองหลวงไปยังหน้าผาที่สวยงามที่อยู่นอกเมือง เป็นสถานที่ที่โด่งดังอย่างมาก ในเวลานี้มีคนเป็นจำนวนมากอยู่ที่หน้าผาและก็มีนักร่อนมากมายอยู่ใกล้ๆด้วย
เช้านี้ตอนที่ตัดสินใจว่าจะมาเล่นเครื่องร่อน ชางกวนโม่สั่งให้คนมาเตรียมเครื่องร่อนไว้ให้แล้ว ซึ่งสองคนต่อหนึ่งเครื่องร่อน
“ฉันมีความสุขจริงๆเลยพี่โม่ นี่เป็นครั้งแรกของฉันเลย เดี๋ยวนะ พี่โม่ต้องเล่นกับฉันนะ ฉันยังกลัวอยู่นิดหน่อย…” ไป๋เสวี่ยหลี่กอดแขนชางกวนโม่และพูดออกมาเสียงเบา

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่พวกเขาพูดอะไรไม่ออก เดิมทีเธออยากที่จะจับคู่กับพี่โม่ นี่พวกเธอจะไม่มีโอกาสได้คุยกันบ้างเลยใช่ไหม?!!! แต่หลังจากที่เห็นชางกวนโม่พยักหน้าให้ไป๋เสวี่ยหลี่ เธอก็คอตกด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว
เธอเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เมื่อมีไป๋เสวี่ยหลี่เข้ามาเกี่ยวข้อง พี่โม่ก็มักจะสนใจเธอเสมอ ทำไมกันล่ะ?!! พวกขาเป็นแฟนกันหรือไง?!! อยากจะอยู่ใกล้ชิดกับเสวี่ยหลี่ขนาดนั้นเลยเหรอ? แน่นอนสิ ไป๋เสวี่ยหลี่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในหัวใจของเขา บางทีเขาอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่ถ้าไม่แล้วในชีวิตที่แล้วพวกเขาแต่งงานกันได้ยังไงล่ะ?
ความสนใจของชูอี้เสิ่นอยู่ที่มู่หรงเสวี่ย เมื่อเห็นท่าทางเหงาหง้อยของเธอ ชูอี้เสิ่นก็ต้องกำหมัดแน่น ชางกวนโม่เป็นอะไรเนี่ย?!! ไม่พูดอะไรกับแฟนตัวเองสักคำ ตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้ว เขายังไม่เห็นสองคนนี้คุยกันเลย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มสงสัยขึ้นมาว่ารอยยิ้มมีความสุขของมู่หรงเสวี่ยเป็นการฝืนยิ้มตั้งแต่แรกหรือเปล่า
“ถ้าเป็นยังงั้น เรามาคู่กันแล้วกันนะ” ชูอี้เสิ่นอดไม่ได้ที่จะขัดความรู้สึกโศกเศร้าของมู่หรงเสวี่ย เขารู้สึกไม่สบายใจแทน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+