ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 99 ความขัดแย้งที่ลึกลงไป

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 99 ความขัดแย้งที่ลึกลงไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 99
ความขัดแย้งที่ลึกลงไป

“อะไรนะ?! เธอได้ยินว่าพวกนั้นจะไปที่ที่ไม่มีคนงั้นเหรอ?! แล้วได้ยินหรือเปล่าว่าที่ไหน?”
ชางกวนโม่อดไม่ได้ที่จะจับไหล่ไป๋เสวี่ยหลี่และเขย่า บ้าจริง สองคนนั้นอยากที่จะไปกันเองตามลำพังจริงๆด้วย ฝันไปเถอะ!!!

ไป๋เสวี่ยหลี่ขมวดคิ้วและส่ายหัวเบาๆ “พี่โม่ ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้ยินว่าพวกเขาจะไปไหนกัน…” ถึงแม้เธอรู้เธอก็ไม่บอกหรอก มันคงจะดีกว่าถ้าปล่อยให้พวกเขาได้อยู่กันตามลำพังและเกิดความรู้สึกต่อกันขึ้นมา

ชางกวนโม่ค่อยๆปล่อยมือจากไป๋เสวี่ยหลี่ หัวใจยิ่งเจ็บปวดขึ้นกว่าเดิม เมื่อคิดถึงภาพเวลาที่เสี่ยวเสวี่ยอยู่กับเขา เธอแทบไม่ยิ้มอย่างมีความสุขเลย แต่เมื่ออยู่กันคนอื่นเธอมักจะหัวเราะอย่างมีความสุข…เขาทำอะไรผิดงั้นเหรอ
“พี่โม่ ไปจากตรงนี้กันก่อนเถอะค่ะ ตรงนี้แดดร้อนมากเลย พี่โม่ไม่ต้องห่วงมากก็ได้ เสี่ยวเสวี่ยไม่เป็นอะไรหรอก อีกอย่างเพื่อนเธอ ชูอี้เสิ่นก็ดูจะคุ้นเคยกับเครื่องร่อนดีด้วย งั้นคงไม่มีอันตรายอะไรหรอก…”

“อื่ม ไปกันเถอะ” ชางกวนโม่ยังมีสีหน้าที่นิ่งสงบ เดิมทีเขาอยากจะใช้ประโยชน์จากวันนี้เพื่อคุยกับเสี่ยวเสวี่ย สองวันที่ผ่านมานี้เขาเองก็รู้สึกถึงทางตันระหว่างพวกเขาสองคน ถ้าเขาไม่รีบแก้ไขมันก็มีแต่จะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ…แต่เขาไม่คิดว่าชูอี้เสิ่นจะมาด้วย
จนกระทั่งพระอาทิตย์ตก ภาพพระอาทิตย์ที่กำลังตกสวยงามมากๆ ชางกวนโม่ส่ายหน้าด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เขาได้รับแจ้งจากลูกน้องแล้ว เขารู้แล้วว่าตอนนี้มู่หรงเสวี่ยและชูอี้เสิ่นอยู่ด้วยกันบนเกาะที่ไม่มีใครรู้จักแต่เขาก็ไม่ไปที่นั่น เขาเพียงแค่รออยู่เงียบๆ…สีหน้าที่เข้มขึ้นของเขาทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่…แม้แต่ไป๋เสวี่ยหลี่เองก็นั่งเงียบๆและไม่กล้าที่จะถามอะไรเพิ่ม

ในตอนนี้ไป๋เสวี่ยหลี่รู้สึกว่าพี่โม่อันตรายมากๆ ราวกับว่าอีกไม่กี่นาทีจะระเบิดออกมาแล้ว
หลังจากเวลาผ่านไปนานก็มีเรือยอร์ชแล่นเข้ามาจากไกลๆและไม่นานก็เข้ามาถึงฝั่ง มู่หรงเสวี่ยและชูอี้เสิ่นลงมาจากเรือยอร์ชลำนั้น

ตอนที่เธอไปถึงเกาะ มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะโทรหาชางกวนโม่ แต่ก็พบว่าที่เกาะไม่มีสัญญาณเลยเธอจึงไม่ได้โทรหาเขา
ชางกวนโม่มองคนสองคนที่ค่อยๆเดินเข้ามา ความโศกเศร้าในหัวใจกลายเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด

ชูอี้เสิ่นเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา “ขอโทษด้วยนะพอดีเกาะของผมอยู่ใกล้ๆนี้ เลยอดไม่ได้ที่จะพาเสี่ยวเสวี่ยไปดูหน่อย เพราะเพิ่งจะนึกขึ้นได้เลยลืมที่จะแจ้งคุณก่อน” เป็นความตั้งใจของเขาเองแต่แน่นอน เขาจะบอกให้เสี่ยวเสวี่ยรู้ไม่ได้

เพิ่งนึกขึ้นได้งั้นเหรอ?! เสวี่ยหลี่ได้ยินเต็มสองหูว่าพวกเขาพูดถึงเรื่องที่จะไปอยู่กันตามลำพัง…มองไปที่มู่หรงเสวี่ย ดวงตาของเธอเหมือนจะมีรอยน้ำตา…ทำไมล่ะ?!!… “ไปกันเถอะ นี่ก็สายมากแล้ว ได้เวลากลับแล้วล่ะ!” ยังคงมีความโกรธอยู่ในสายตา เขาอดไม่ได้ที่ต้องเห็นสายตาว่างเปล่าของเธอ ถึงแม้จะโทษอะไรไปเธอก็คงไม่สนใจ
ชางกวนโม่เดินนำหน้าไป ไม่รู้ว่าทำไมท่าทางเขาถึงดูโดดเดี่ยวเล็กน้อย ไป๋เสวี่ยหลี่รีบวิ่งตามไปแล้วจับเข้าที่แขนของชางกวนโม่
มู่หรงเสวี่ยเพียงแค่เดินตามไปเงียบๆ สังเกตเห็นแค่ว่าข้างเธอมีเพียงชูอี้เสิ่น เขาไม่สนใจท่าทางแปลกๆของเธอเมื่อตอนที่กลับมาบ้างเลยเหรอ

มู่หรงเสวี่ยกัดริมฝีปากและพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ เธอรู้สึกแย่ แย่มากจริงๆ อดีตเคยเตือนเธอไว้แล้วแต่เธอก็ยังเอาหัวใจเข้ามาเสี่ยง ตอนนี้หัวใจของเธอดูเหมือนจะไม่ใช่ของเธอเองอีกแล้วและมันก็ไม่ยอมเชื่อฟังเธอเลย

ชางกวนโม่และไป๋เสวี่ยหลี่เดินไปไกลขึ้นๆแต่พวกเขาไม่เคยหันกลับมามองเธอเลย ถ้าเขาเพียงแค่หันมา เธอก็จะคิดว่าเขายังแคร์เธอแต่ไม่เลย

ทันใดนั้นเธอก็เอามือกุมที่หน้าอกแน่น เริ่มที่จะรู้สึกหายใจไม่ออกและภาพที่อยู่ตรงหน้าเธอก็เริ่มที่จะเบลอ เธออดไม่ได้ที่จะหลับตาและเป็นลมไป วินาทีที่กำลังจะเป็นลม เธอเห็นเพียงท่าทางตกใจของพี่ชูแต่ไม่เห็นร่างของคนที่เป็นห่วงเธอที่สุด
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน มู่หรงเสวี่ยก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมา เธอมองไปรอบๆกำแพงสีขาว กลิ่นยาที่คุ้นเคย ที่นี่โรงพยาบาลงั้นเหรอ?! เธอมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นร่างของชางกวนโม่ เธออดไม่ได้ที่จะหลุบตาลงด้วยความผิดหวัง

หลังจากนั้นสักพักก็มีเสียงฝีเท้าของผู้ชายที่ด้านนอกห้อง เธอมองไปที่ประตูด้วยความสุขแต่เมื่อเธอเห็นชูอี้เสิ่น ก็อดไม่ได้ที่จะหุบรอยยิ้มลง

“มู่หรงเสวี่ย ฟื้นแล้วเหรอ?! รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าตอนที่มู่หรงเสวี่ยเป็นลมไปต่อหน้าเขา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที เขาอยากที่จะเรียกชางกวนโม่แต่เมื่อหันมาเขาก็เดินหายไปแล้ว ในตอนนั้นเขาทำอะไรมากไม่ได้ เขารีบอุ้มมู่หรงเสวี่ยและวิ่งตรงมาที่โรงพยาบาล

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ? พี่ชู” ที่นี่สว่างมากเธอเลยไม่รู้ว่ากี่โมงแล้ว

“เธอสลบไปห้าชั่วโมง นี่ก็ห้าทุ่มแล้ว มาเถอะดื่มน้ำก่อน” หมอบอกว่าเสี่ยวเสวี่ยเครียดมากเกินไปและก่อนหน้านี้หัวใจของเธอก็เต้นผิดจังหวะเธอเลยเป็นลมไป เสี่ยวเสวี่ยเป็นแค่เด็กสาวอายุ 15 จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้เธอต้องเครียดขนาดนี้ได้ ยกเว้นก็แต่เรื่องชางกวนโม่ เขาคิดถึงเหตุผลอื่นไม่ออกเลย

เดิมทีเขาอยากที่จะโทรไปบอกชางกวนโม่แต่หลังจากที่ได้ยินที่หมอบอก เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปเลย ไอ้เลวเอ๊ย ทำร้ายเสี่ยวเสวี่ยถึงขนาดนี้เลยเหรอ แค่ตอนที่เขาเข้ามาแล้วได้เห็นท่าทางอ้างว้างของเสี่ยวเสวี่ยก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกทุกข์ขึ้นไปอีกแต่ยังไงซะเขาก็ไม่อยากที่จะบอกชางกวนโม่ หลังจากที่วันนี้เขาเฝ้าสังเกตท่าทางของเสี่ยวเสวี่ยมาทั้งวันแล้ว เขาก็ได้ข้อสรุปว่าชางกวนโม่ไม่เหมาะกับเสี่ยวเสวี่ย

พรุ่งนี้ก็จะเป็นการแข่งขันแล้ว โชคดีที่เธอไม่ได้พลาดเรื่องเวลาไป เธอลุกขึ้นและอยากที่จะไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ
“เสี่ยวเสวี่ย อยากได้อะไรหรือเปล่า? เธอยังลุกขึ้นไม่ได้นะ…” ชูอี้เสิ่นห้ามเธอไว้

ร่างกายที่อ่อนแรงของมู่หรงเสวี่ยเอนกลับลงไปนอนอีกครั้ง พร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนแรง “พี่ชู ฉันอยากได้โทรศัพท์หน่อยน่ะค่ะ…”

“เดี๋ยวฉันหยิบให้ อีกอย่างเธอน่าจะหิวแล้ว ฉันจะลงไปซื้อโจ๊กมาให้นะ เธอรออยู่นี่แหละ” เขายื่นโทรศัพท์ให้มู่หรงเสวี่ยแล้วจึงเดินออกไป วันนี้เสี่ยวเสวี่ยยังไม่ได้กินอะไรเลยและเขาเองก็เหมือนกัน เมื่อเห็นท่าทางของเสี่ยวเสวี่ย เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะกินอะไรแล้ว

มู่หรงเสวี่ยเปิดโทรศัพท์และเช็คบันทึกของวันนี้ นอกจากแม่เธอที่โทรมาแล้ว ก็ไม่มีการโทรเข้าหรือข้อความจากชางกวนโม่เลย
เขาไม่สนใจเธอเลยสักนิด ใจคนเรามันเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? เธอรักเขา…เธอรักเขา

ในตอนนี้ชางกวนโม่อยู่คนเดียวในห้องทำงาน กำลังอ่านเอกสารที่อยู่ตรงหน้า เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแต่เขายังไม่ได้อ่านมันเลยสักตัว เสี่ยวเสวี่ยยังไม่กลับมาเลย เขานั่งรอเธออยู่ทั้งคืน เมื่อเธอกลับมาเขาอยากที่จะคุยดีๆกับเธอ อย่างไรก็ตามเวลาก็ผ่านไปทีละนิดๆแต่เธอก็ยังไม่กลับมาซะที

ไป๋เสวี่ยหลี่คือคนที่มีความสุขที่สุด ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เธอคาดไว้เท่าไรแต่มันกลับดีกว่าที่เธอคาดไว้อีกต่างหาก คืนนี้มู่หรงเสวี่ยยังไม่กลับมาเลย ฮ่าฮ่า สนุกจริงๆ

วันต่อมา มู่หรงเสวี่ยตรงจากโรงพยาบาลไปที่จุดนัดพบของนักเรียนที่วิทยาลัยเธอเลย คุณฮวงเกือบจะตีเธอด้วยโทรศัพท์ ตั้งแต่เช้าแล้วเขาโทรหาเธอทุก 10 นาที จนพอเธอมาถึงเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมาที่เธอ

เยี่ยมไปเลย เธอไม่ได้สาย จำเป็นต้องจ้องเธอขนาดนี้เลยเหรอ?!
แต่ก็ไม่สงสัยหรอกที่พวกอาจารย์มองเธอแบบนี้ มู่หรงเสวี่ยได้อภิสิทธิ์มากมายแล้วเธอก็มีคนคอยสนับสนุนมากมายด้วยเช่นกัน บอดี้การ์ดที่มากับเธอด้วยครั้งที่แล้วแต่คราวนี้ไม่ได้มาด้วย จึงมีหลายคนในเมืองหลวงที่กล้าเข้ามายุ่งกับเธอ แต่มู่หรงเสวี่ยก็เป็นผู้เข้าร่วมแข่งขันที่มีอำนาจที่สุด แน่นอนพวกอาจารย์ต่างก็เป็นห่วง พวกเขากลัวว่าสิทธิพิเศษมากมายจะหายไปถ้ามู่หรงเสวี่ยบอกว่าจะไม่เข้าร่วมการแข่งขัน แบบนี้จะต้องโทษใครกัน

“ตอนนี้ในเมื่อทุกคนมาพร้อมแล้ว งั้นก็เข้าแถมแล้วเดินตามอาจารย์มา” อาจารย์ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าทีมร้องตะโกน
การแข่งขันระดับวิทยาลัยนานาชาติถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่เกียวโต ล้อมรอบไปด้วยการรักษาความปลอดภัยมากมาย ดูเข้มงวดอย่างมาก

งานใหญ่มากๆ ซึ่งน่าจะครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,000 ตรม. เวทีการแข่งขันถูกจัดขึ้นเรียบร้อยแล้วทั้งงาน นอกจากนี้ยังมีที่นั่งของผู้ตัดสินบนเวทีการแข่งขันเช่นเดียวกับตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามของทั้งสองฝ่าย ภายใต้เวทีการแข่งขันมีโต๊ะและเก้าอี้มากมายแต่เป็นระเบียบเรียบร้อยซึ่งมีการระบุตำแหน่งของแต่ละวิทยาลัยไว้อย่างชัดเจน ภายใต้การนำของอาจารย์ มู่หรงเสวี่ยได้นั่งลงในตำแหน่งของพวกเขา วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ก็อยู่ในสนามด้วยเนื่องจากเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติ ดังนั้นผู้เข้าร่วมจึงมีสีผิวและสีผมที่แตกต่างกันจึงเป็นความแปลกใหม่ในการมองคู่ต่อสู้ด้วยสายตาประเมินกันและกันอยู่ตลอดเวลา
อาจารย์จากประเทศเพื่อนบ้านกล่าวทักทายกันอย่างเป็นมิตร ภาพที่เห็นน่าตกใจจนทำให้เหล่านักเรียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทุกแห่งเข้ามาในสถานที่และนั่งในตำแหน่งของตนเองภายใต้การจัดเตรียมของเจ้าหน้าที่สถานที่ เสียงนกหวีดดังขึ้นเพื่อเป็นการเปิดการแข่งขันระดับวิทยาลัยนานาชาติอย่างเป็นทางการ “เรียนอาจารย์และนักเรียนหัวกะทิทุกคน ยินดีต้อนรับสู่การแข่งขันนานาชาติเมืองหลวง ในช่วงฤดูร้อนเมื่อแมลงปออยู่บนจุดสูงสุด เราจึงได้นำการแข่งขันความรู้ระดับมหาวิทยาลัยนานาชาติกลับมาอีกครั้ง ความรู้เปลี่ยนโชคชะตา, ชีวิต, อุปนิสัยและความรู้คือพลัง มาแกว่งด้ามพายแห่งความรู้และท่องไปในทะเลแห่งความรู้กันเถอะ…” พิธีกรบนเวทีการแข่งขันเริ่มกล่าวเปิดงานอีกครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 99 ความขัดแย้งที่ลึกลงไป

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 99 ความขัดแย้งที่ลึกลงไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 99
ความขัดแย้งที่ลึกลงไป

“อะไรนะ?! เธอได้ยินว่าพวกนั้นจะไปที่ที่ไม่มีคนงั้นเหรอ?! แล้วได้ยินหรือเปล่าว่าที่ไหน?”
ชางกวนโม่อดไม่ได้ที่จะจับไหล่ไป๋เสวี่ยหลี่และเขย่า บ้าจริง สองคนนั้นอยากที่จะไปกันเองตามลำพังจริงๆด้วย ฝันไปเถอะ!!!

ไป๋เสวี่ยหลี่ขมวดคิ้วและส่ายหัวเบาๆ “พี่โม่ ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้ยินว่าพวกเขาจะไปไหนกัน…” ถึงแม้เธอรู้เธอก็ไม่บอกหรอก มันคงจะดีกว่าถ้าปล่อยให้พวกเขาได้อยู่กันตามลำพังและเกิดความรู้สึกต่อกันขึ้นมา

ชางกวนโม่ค่อยๆปล่อยมือจากไป๋เสวี่ยหลี่ หัวใจยิ่งเจ็บปวดขึ้นกว่าเดิม เมื่อคิดถึงภาพเวลาที่เสี่ยวเสวี่ยอยู่กับเขา เธอแทบไม่ยิ้มอย่างมีความสุขเลย แต่เมื่ออยู่กันคนอื่นเธอมักจะหัวเราะอย่างมีความสุข…เขาทำอะไรผิดงั้นเหรอ
“พี่โม่ ไปจากตรงนี้กันก่อนเถอะค่ะ ตรงนี้แดดร้อนมากเลย พี่โม่ไม่ต้องห่วงมากก็ได้ เสี่ยวเสวี่ยไม่เป็นอะไรหรอก อีกอย่างเพื่อนเธอ ชูอี้เสิ่นก็ดูจะคุ้นเคยกับเครื่องร่อนดีด้วย งั้นคงไม่มีอันตรายอะไรหรอก…”

“อื่ม ไปกันเถอะ” ชางกวนโม่ยังมีสีหน้าที่นิ่งสงบ เดิมทีเขาอยากจะใช้ประโยชน์จากวันนี้เพื่อคุยกับเสี่ยวเสวี่ย สองวันที่ผ่านมานี้เขาเองก็รู้สึกถึงทางตันระหว่างพวกเขาสองคน ถ้าเขาไม่รีบแก้ไขมันก็มีแต่จะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ…แต่เขาไม่คิดว่าชูอี้เสิ่นจะมาด้วย
จนกระทั่งพระอาทิตย์ตก ภาพพระอาทิตย์ที่กำลังตกสวยงามมากๆ ชางกวนโม่ส่ายหน้าด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เขาได้รับแจ้งจากลูกน้องแล้ว เขารู้แล้วว่าตอนนี้มู่หรงเสวี่ยและชูอี้เสิ่นอยู่ด้วยกันบนเกาะที่ไม่มีใครรู้จักแต่เขาก็ไม่ไปที่นั่น เขาเพียงแค่รออยู่เงียบๆ…สีหน้าที่เข้มขึ้นของเขาทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่…แม้แต่ไป๋เสวี่ยหลี่เองก็นั่งเงียบๆและไม่กล้าที่จะถามอะไรเพิ่ม

ในตอนนี้ไป๋เสวี่ยหลี่รู้สึกว่าพี่โม่อันตรายมากๆ ราวกับว่าอีกไม่กี่นาทีจะระเบิดออกมาแล้ว
หลังจากเวลาผ่านไปนานก็มีเรือยอร์ชแล่นเข้ามาจากไกลๆและไม่นานก็เข้ามาถึงฝั่ง มู่หรงเสวี่ยและชูอี้เสิ่นลงมาจากเรือยอร์ชลำนั้น

ตอนที่เธอไปถึงเกาะ มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะโทรหาชางกวนโม่ แต่ก็พบว่าที่เกาะไม่มีสัญญาณเลยเธอจึงไม่ได้โทรหาเขา
ชางกวนโม่มองคนสองคนที่ค่อยๆเดินเข้ามา ความโศกเศร้าในหัวใจกลายเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด

ชูอี้เสิ่นเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา “ขอโทษด้วยนะพอดีเกาะของผมอยู่ใกล้ๆนี้ เลยอดไม่ได้ที่จะพาเสี่ยวเสวี่ยไปดูหน่อย เพราะเพิ่งจะนึกขึ้นได้เลยลืมที่จะแจ้งคุณก่อน” เป็นความตั้งใจของเขาเองแต่แน่นอน เขาจะบอกให้เสี่ยวเสวี่ยรู้ไม่ได้

เพิ่งนึกขึ้นได้งั้นเหรอ?! เสวี่ยหลี่ได้ยินเต็มสองหูว่าพวกเขาพูดถึงเรื่องที่จะไปอยู่กันตามลำพัง…มองไปที่มู่หรงเสวี่ย ดวงตาของเธอเหมือนจะมีรอยน้ำตา…ทำไมล่ะ?!!… “ไปกันเถอะ นี่ก็สายมากแล้ว ได้เวลากลับแล้วล่ะ!” ยังคงมีความโกรธอยู่ในสายตา เขาอดไม่ได้ที่ต้องเห็นสายตาว่างเปล่าของเธอ ถึงแม้จะโทษอะไรไปเธอก็คงไม่สนใจ
ชางกวนโม่เดินนำหน้าไป ไม่รู้ว่าทำไมท่าทางเขาถึงดูโดดเดี่ยวเล็กน้อย ไป๋เสวี่ยหลี่รีบวิ่งตามไปแล้วจับเข้าที่แขนของชางกวนโม่
มู่หรงเสวี่ยเพียงแค่เดินตามไปเงียบๆ สังเกตเห็นแค่ว่าข้างเธอมีเพียงชูอี้เสิ่น เขาไม่สนใจท่าทางแปลกๆของเธอเมื่อตอนที่กลับมาบ้างเลยเหรอ

มู่หรงเสวี่ยกัดริมฝีปากและพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ เธอรู้สึกแย่ แย่มากจริงๆ อดีตเคยเตือนเธอไว้แล้วแต่เธอก็ยังเอาหัวใจเข้ามาเสี่ยง ตอนนี้หัวใจของเธอดูเหมือนจะไม่ใช่ของเธอเองอีกแล้วและมันก็ไม่ยอมเชื่อฟังเธอเลย

ชางกวนโม่และไป๋เสวี่ยหลี่เดินไปไกลขึ้นๆแต่พวกเขาไม่เคยหันกลับมามองเธอเลย ถ้าเขาเพียงแค่หันมา เธอก็จะคิดว่าเขายังแคร์เธอแต่ไม่เลย

ทันใดนั้นเธอก็เอามือกุมที่หน้าอกแน่น เริ่มที่จะรู้สึกหายใจไม่ออกและภาพที่อยู่ตรงหน้าเธอก็เริ่มที่จะเบลอ เธออดไม่ได้ที่จะหลับตาและเป็นลมไป วินาทีที่กำลังจะเป็นลม เธอเห็นเพียงท่าทางตกใจของพี่ชูแต่ไม่เห็นร่างของคนที่เป็นห่วงเธอที่สุด
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน มู่หรงเสวี่ยก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมา เธอมองไปรอบๆกำแพงสีขาว กลิ่นยาที่คุ้นเคย ที่นี่โรงพยาบาลงั้นเหรอ?! เธอมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นร่างของชางกวนโม่ เธออดไม่ได้ที่จะหลุบตาลงด้วยความผิดหวัง

หลังจากนั้นสักพักก็มีเสียงฝีเท้าของผู้ชายที่ด้านนอกห้อง เธอมองไปที่ประตูด้วยความสุขแต่เมื่อเธอเห็นชูอี้เสิ่น ก็อดไม่ได้ที่จะหุบรอยยิ้มลง

“มู่หรงเสวี่ย ฟื้นแล้วเหรอ?! รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าตอนที่มู่หรงเสวี่ยเป็นลมไปต่อหน้าเขา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที เขาอยากที่จะเรียกชางกวนโม่แต่เมื่อหันมาเขาก็เดินหายไปแล้ว ในตอนนั้นเขาทำอะไรมากไม่ได้ เขารีบอุ้มมู่หรงเสวี่ยและวิ่งตรงมาที่โรงพยาบาล

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ? พี่ชู” ที่นี่สว่างมากเธอเลยไม่รู้ว่ากี่โมงแล้ว

“เธอสลบไปห้าชั่วโมง นี่ก็ห้าทุ่มแล้ว มาเถอะดื่มน้ำก่อน” หมอบอกว่าเสี่ยวเสวี่ยเครียดมากเกินไปและก่อนหน้านี้หัวใจของเธอก็เต้นผิดจังหวะเธอเลยเป็นลมไป เสี่ยวเสวี่ยเป็นแค่เด็กสาวอายุ 15 จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้เธอต้องเครียดขนาดนี้ได้ ยกเว้นก็แต่เรื่องชางกวนโม่ เขาคิดถึงเหตุผลอื่นไม่ออกเลย

เดิมทีเขาอยากที่จะโทรไปบอกชางกวนโม่แต่หลังจากที่ได้ยินที่หมอบอก เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปเลย ไอ้เลวเอ๊ย ทำร้ายเสี่ยวเสวี่ยถึงขนาดนี้เลยเหรอ แค่ตอนที่เขาเข้ามาแล้วได้เห็นท่าทางอ้างว้างของเสี่ยวเสวี่ยก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกทุกข์ขึ้นไปอีกแต่ยังไงซะเขาก็ไม่อยากที่จะบอกชางกวนโม่ หลังจากที่วันนี้เขาเฝ้าสังเกตท่าทางของเสี่ยวเสวี่ยมาทั้งวันแล้ว เขาก็ได้ข้อสรุปว่าชางกวนโม่ไม่เหมาะกับเสี่ยวเสวี่ย

พรุ่งนี้ก็จะเป็นการแข่งขันแล้ว โชคดีที่เธอไม่ได้พลาดเรื่องเวลาไป เธอลุกขึ้นและอยากที่จะไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ
“เสี่ยวเสวี่ย อยากได้อะไรหรือเปล่า? เธอยังลุกขึ้นไม่ได้นะ…” ชูอี้เสิ่นห้ามเธอไว้

ร่างกายที่อ่อนแรงของมู่หรงเสวี่ยเอนกลับลงไปนอนอีกครั้ง พร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนแรง “พี่ชู ฉันอยากได้โทรศัพท์หน่อยน่ะค่ะ…”

“เดี๋ยวฉันหยิบให้ อีกอย่างเธอน่าจะหิวแล้ว ฉันจะลงไปซื้อโจ๊กมาให้นะ เธอรออยู่นี่แหละ” เขายื่นโทรศัพท์ให้มู่หรงเสวี่ยแล้วจึงเดินออกไป วันนี้เสี่ยวเสวี่ยยังไม่ได้กินอะไรเลยและเขาเองก็เหมือนกัน เมื่อเห็นท่าทางของเสี่ยวเสวี่ย เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะกินอะไรแล้ว

มู่หรงเสวี่ยเปิดโทรศัพท์และเช็คบันทึกของวันนี้ นอกจากแม่เธอที่โทรมาแล้ว ก็ไม่มีการโทรเข้าหรือข้อความจากชางกวนโม่เลย
เขาไม่สนใจเธอเลยสักนิด ใจคนเรามันเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? เธอรักเขา…เธอรักเขา

ในตอนนี้ชางกวนโม่อยู่คนเดียวในห้องทำงาน กำลังอ่านเอกสารที่อยู่ตรงหน้า เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแต่เขายังไม่ได้อ่านมันเลยสักตัว เสี่ยวเสวี่ยยังไม่กลับมาเลย เขานั่งรอเธออยู่ทั้งคืน เมื่อเธอกลับมาเขาอยากที่จะคุยดีๆกับเธอ อย่างไรก็ตามเวลาก็ผ่านไปทีละนิดๆแต่เธอก็ยังไม่กลับมาซะที

ไป๋เสวี่ยหลี่คือคนที่มีความสุขที่สุด ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เธอคาดไว้เท่าไรแต่มันกลับดีกว่าที่เธอคาดไว้อีกต่างหาก คืนนี้มู่หรงเสวี่ยยังไม่กลับมาเลย ฮ่าฮ่า สนุกจริงๆ

วันต่อมา มู่หรงเสวี่ยตรงจากโรงพยาบาลไปที่จุดนัดพบของนักเรียนที่วิทยาลัยเธอเลย คุณฮวงเกือบจะตีเธอด้วยโทรศัพท์ ตั้งแต่เช้าแล้วเขาโทรหาเธอทุก 10 นาที จนพอเธอมาถึงเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมาที่เธอ

เยี่ยมไปเลย เธอไม่ได้สาย จำเป็นต้องจ้องเธอขนาดนี้เลยเหรอ?!
แต่ก็ไม่สงสัยหรอกที่พวกอาจารย์มองเธอแบบนี้ มู่หรงเสวี่ยได้อภิสิทธิ์มากมายแล้วเธอก็มีคนคอยสนับสนุนมากมายด้วยเช่นกัน บอดี้การ์ดที่มากับเธอด้วยครั้งที่แล้วแต่คราวนี้ไม่ได้มาด้วย จึงมีหลายคนในเมืองหลวงที่กล้าเข้ามายุ่งกับเธอ แต่มู่หรงเสวี่ยก็เป็นผู้เข้าร่วมแข่งขันที่มีอำนาจที่สุด แน่นอนพวกอาจารย์ต่างก็เป็นห่วง พวกเขากลัวว่าสิทธิพิเศษมากมายจะหายไปถ้ามู่หรงเสวี่ยบอกว่าจะไม่เข้าร่วมการแข่งขัน แบบนี้จะต้องโทษใครกัน

“ตอนนี้ในเมื่อทุกคนมาพร้อมแล้ว งั้นก็เข้าแถมแล้วเดินตามอาจารย์มา” อาจารย์ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าทีมร้องตะโกน
การแข่งขันระดับวิทยาลัยนานาชาติถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่เกียวโต ล้อมรอบไปด้วยการรักษาความปลอดภัยมากมาย ดูเข้มงวดอย่างมาก

งานใหญ่มากๆ ซึ่งน่าจะครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,000 ตรม. เวทีการแข่งขันถูกจัดขึ้นเรียบร้อยแล้วทั้งงาน นอกจากนี้ยังมีที่นั่งของผู้ตัดสินบนเวทีการแข่งขันเช่นเดียวกับตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามของทั้งสองฝ่าย ภายใต้เวทีการแข่งขันมีโต๊ะและเก้าอี้มากมายแต่เป็นระเบียบเรียบร้อยซึ่งมีการระบุตำแหน่งของแต่ละวิทยาลัยไว้อย่างชัดเจน ภายใต้การนำของอาจารย์ มู่หรงเสวี่ยได้นั่งลงในตำแหน่งของพวกเขา วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ก็อยู่ในสนามด้วยเนื่องจากเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติ ดังนั้นผู้เข้าร่วมจึงมีสีผิวและสีผมที่แตกต่างกันจึงเป็นความแปลกใหม่ในการมองคู่ต่อสู้ด้วยสายตาประเมินกันและกันอยู่ตลอดเวลา
อาจารย์จากประเทศเพื่อนบ้านกล่าวทักทายกันอย่างเป็นมิตร ภาพที่เห็นน่าตกใจจนทำให้เหล่านักเรียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทุกแห่งเข้ามาในสถานที่และนั่งในตำแหน่งของตนเองภายใต้การจัดเตรียมของเจ้าหน้าที่สถานที่ เสียงนกหวีดดังขึ้นเพื่อเป็นการเปิดการแข่งขันระดับวิทยาลัยนานาชาติอย่างเป็นทางการ “เรียนอาจารย์และนักเรียนหัวกะทิทุกคน ยินดีต้อนรับสู่การแข่งขันนานาชาติเมืองหลวง ในช่วงฤดูร้อนเมื่อแมลงปออยู่บนจุดสูงสุด เราจึงได้นำการแข่งขันความรู้ระดับมหาวิทยาลัยนานาชาติกลับมาอีกครั้ง ความรู้เปลี่ยนโชคชะตา, ชีวิต, อุปนิสัยและความรู้คือพลัง มาแกว่งด้ามพายแห่งความรู้และท่องไปในทะเลแห่งความรู้กันเถอะ…” พิธีกรบนเวทีการแข่งขันเริ่มกล่าวเปิดงานอีกครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+