ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 147 ระดับมหายานขั้นแปด มารแท้รุกราน

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 147 ระดับมหายานขั้นแปด มารแท้รุกราน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 147 ระดับมหายานขั้นแปด มารแท้รุกราน

ยี่สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับมหายานขั้นแปด มีแรงกดดันแล้วก็มีแรงผลักดัน ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของเขายังเร็วกว่าแต่ก่อนอยู่บ้าง

หลังจากทะลวงแล้ว หานเจวี๋ยก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่ง พลางตรวจสอบจดหมายไปด้วยตามความเคยชิน

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x4729

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x110332

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x78

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x74110

[นักพรตเต๋าจิ่วติ่งสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x85

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านซาบซึ้งถึงมรรคาสวรรค์ขณะฝึกบำเพ็ญ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านได้รับดวงชะตามรรคาเทพ]

[ตู้ขู่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเซียนอิสระ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย]

……

ข้อความต่อมาล้วนเป็นการโจมตีของผู้บำเพ็ญสายมารทั้งหมด

แต่ครั้งนี้ไม่ใช่สายมารที่โหมพัดใต้หล้าอีก แต่กลับเป็นสายมารที่กลายเป็นหนูข้างถนน ถูกล่าสังหารแทน

หานเจวี๋ยไม่ได้รู้สึกเห็นใจแต่อย่างใด เขาไม่ใช่แม่พระ

เดิมทีสายหลักกับสายมารก็ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้

ก่อนหน้านี้ที่สายมารโหมพัดสายหลักนั้น มีกี่สำนักที่ถูกสังหารไปเสียเท่าไร มีกี่คนที่ถูกผู้บำเพ็ญสายมารลงมืออย่างเหี้ยมโหด

บางทีในสายหลักเองก็มีคนชั่วไม่น้อย แต่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ว่าสายมารจะถูกใส่ร้ายว่ากลายเป็นมาร

ส่วนการที่จะให้สายหลักกับสายมารร่วมมือกันต่อต้านวังสวรรค์นั้น มันเป็นเรื่องไร้สาระเกินไป เดิมทีย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!

เดิมทีวังสวรรค์ก็ยืนอยู่ข้างสายหลัก เปรียบเสมือนผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสายหลัก ตอนนี้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดสงสัยว่าผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาสมคบคิดกับศัตรู เพื่อที่จะเอาตัวรอดแล้ว ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาจะสมคบคิดกับศัตรูจริงๆ หรือ

ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องนี้ สายหลักกับสายมารร่วมมือกันก็ต้านทานวังสวรรค์ไม่ได้ หากทำเช่นนั้น สายหลักจะยังคงเป็นสายหลักอยู่หรือ

หานเจวี๋ยไม่ได้ฝากความหวังไว้ที่สายหลักทั้งหมด ตนเองก็ยังต้องแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้

เมื่อถึงเวลานั้น หากวังสวรรค์ยังดึงดันที่จะทำลายโลกมนุษย์ เขาก็ต้องมีกำลังในการปกป้องตัวเอง

อย่างมากที่สุด เมื่อถึงเวลานั้นก็พาเขาเพียรบำเพ็ญเซียนไปหลบในยมโลก!

หานเจวี๋ยยังสามารถหนีไปยังโลกอื่นได้ด้วย ถึงอย่างไรเขาก็เลือกเส้นทางเซียนกระบี่หวนคืนแล้ว แต่ว่าการหนีไปยังโลกอื่นเขาไปได้เพียงลำพังเท่านั้น ไม่อาจพาคนอื่นไปด้วยได้ อีกทั้งเขายังไม่รู้จักโลกอื่นโดยสิ้นเชิง จึงไม่อาจเลือกได้เองว่าจะหนีไปโลกใด กล่าวคือเมื่อสำแดงพลังวิเศษหวนคืนไปยังโลกอื่น มันจะเป็นการสุ่มเลือกสถานที่

หากไม่ถึงตาจน เขาก็ไม่มีทางหนีไปโลกอื่นอย่างแน่นอน

หากหนีไปยังโลกของเผ่ามาร นั่นก็ไม่เท่ากับการโดนระเบิดหรอกหรือ

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ วิธีการเอาชีวิตรอดของตัวเองยังมีอีกมาก

เขาแอบอธิษฐานให้เทพปีศาจตนนั้นก่อกวนอีกสักพัก อย่าได้ทำให้วังสวรรค์ได้สติกลับมาเร็วนัก

หลังจากสาปแช่งเสร็จแล้ว หานเจวี๋ยก็ฝึกฝนต่อ

ยามนี้เขามีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น นั่นก็คือบรรลุระดับมหายานขั้นเก้าอย่างสมบูรณ์โดยเร็ววัน!

……

หนึ่งปีต่อมา

น้ำเสียงคุ้นหูสายหนึ่งก็ดังเข้าสู่โสตประสาทของหานเจวี๋ย “สหายเต๋ากวน ออกมาพบกันหน่อย ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาท้าสู้กับท่าน”

‘จี้เซียนเสิน!’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ‘เจ้าหมอนี่มาอีกแล้ว?”

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังออกไปพบเขาสักหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหมอนี่ก่อเรื่อง

ยังคงเป็นป่าผืนนั้น ไม่เจอกันนานหลายสิบปี กลิ่นอายพลังของจี้เซียนเสินก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่า

เจ้าหมอนี่ฆ่าสังหารผู้บำเพ็ญสายมารไปทั่วทุกหนแห่ง ยังสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ ช่างไม่มีหลักธรรมแห่งสวรรค์เลยจริงๆ

หานเจวี๋ยสงสัยแม้กระทั่งว่า เขากับหวงจี๋เฮ่ามีระบบที่สามารถอัพเกรดขั้นของตัวเองได้

‘เหตุใดระบบของข้าถึงไม่มีฟังก์ชันเช่นนี้บ้าง

ระบบเช็กอินในนิยายเหล่านั้น ผู้คนไปถึงไหนก็เช็กอินถึงที่นั่น และแข็งแกร่งขึ้นทันที แต่ข้ายังต้องฝึกฝนด้วยตนเอง’

หานเจวี๋ยแอบถอนหายใจ

จี้เซียนเสินมองหานเจวี๋ย และกล่าวด้วยสายตาแวววาว “สหายเต๋ากวน ข้าเป็นตัวแทนของจวนเซียนสวรรค์ มาเชิญท่านเข้าร่วมรับตำแหน่งผู้อาวุโสของจวนเซียนสวรรค์ ท่านยินดีเข้าร่วมหรือไม่”

“ขอบคุณในความหวังดีของจวนเซียนสวรรค์ แต่ไม่จำเป็น”

“เพราะเหตุใด”

“รังเงินรังทอง ไม่สู้รังสุนัขที่บ้านตนเอง”

“อึก…”

จี้เซียนเสินอึ้งตะลึงกับวาจาของหานเจวี๋ย นี่คือคำพูดอะไรกัน

เขากล่าวต่อ “จวนเซียนสวรรค์ค้นพบเขตอาคมที่สายมารสร้างขึ้น ซึ่งได้เชื่อมต่อกับโลกที่ไม่อาจทราบได้ เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเผ่ามาร ก่อนหน้านั้นข้าเคยพบเจอกับโลกที่เผ่ามารบุกเบิกขึ้นมา ข้ายังเคยบุกสังหารเข้าไปแล้ว ท่านสนใจที่จะไปรบเผ่ามารกับข้าหรือไม่ โดยทั่วไปโลกเช่นนั้นล้วนซ่อนทรัพยากรบำเพ็ญเพียรที่เผ่ามารซ่อนไว้ให้สายมาร ไม่แน่ว่าอาจจะมีสมบัติที่ท่านต้องการก็เป็นได้”

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เผ่ามารอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

จี้เซียนเสินได้ยินก็พาลโกรธเอาดื้อๆ “ท่านหมายความว่าอย่างไร”

“อะแฮ่มๆ ข้าไม่ได้ดูถูกจวนเซียนสวรรค์ของพวกท่าน ถึงอย่างไรเผ่ามารก็คงจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเหตุใดสายมารถึงบูชาพวกเขาเล่า”

“เผ่ามารที่แท้จริงถูกขังอยู่ในยมโลก ทำได้เพียงส่งมารแท้บางส่วนมาเผยแพร่วิถีมารเท่านั้น มารแท้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเราเคยพบเจอก็อยู่ประมาณระดับมหายานขั้นเก้า”

“ข้าก็ไม่ไปหรอก ขอให้พวกท่านประสบความสำเร็จราบรื่นทุกอย่าง”

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว เมื่อกล่าวจบก็หมุนกายเตรียมจากไป

จี้เซียนเสินรั้งเขาไว้และเอ่ยถามขึ้นว่า “จริงสิ ฟางเหลียงกับท่านมีความพันธ์ใดต่อกันหรือไม่ ข้าเห็นว่าเขาอยู่บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนด้วย”

หานเจวี๋ยตอบ “ไม่มีความสัมพันธ์ใด เป็นเพียงแขกเท่านั้น”

“เช่นนั้นก็ดี เจ้าเด็กนี่พรสวรรค์แข็งแกร่งมาก แม้กระทั่งถูกคนอื่นเข้าใจว่าพรสวรรค์แข็งแกร่งกว่าข้า ข้าเตรียมที่จะเก็บเขา”

“อ้อ ข้านึกขึ้นได้แล้ว เขาเป็นศิษย์หลานของข้า”

“…”

จี้เซียนเสินอยากจะด่าคนนัก

มิน่าเล่าฟางเหลียงถึงได้วิปริตเช่นนี้!

กล่าวตามตรงว่าอยู่มานานนับพันปี นอกจากหานเจวี๋ยแล้ว นี่ก็เป็นครั้งแรกที่จี้เซียนเสินรู้สึกกดดัน

ไม่ใช่ความกดดันทางด้านพลัง แต่เป็นด้านพรสวรรค์!

การผุดขึ้นมาของฟางเหลียงนั้นเร็วเกินไป แม้แต่อาจารย์ของเขาก็เคยกล่าวเตือนเขา หวังว่าเขาจะช่วยประคับประคองฟางเหลียงให้มาก

“ฮึ! ลาก่อน!”

จี้เซียนเสินสะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป

หานเจวี๋ยส่ายหน้า เขากลับเข้าไปภายในถ้ำเทวาฟ้าประทานอีกครั้ง

ราชามังกรสามหัวขมวดคิ้วอยู่ใต้ต้นฝูซัง

คนอื่นไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของจี้เซียนเสิน แต่เขากลับสัมผัสได้

‘แข็งแกร่งมาก!’

ผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ยกลับดูราวกับเป็นเด็กน้อย ทำให้เขายิ่งสงสัยในตบะของหานเจวี๋ยมากขึ้น

……

เจ็ดปีต่อมา

หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกฝนอยู่พลันเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงลืมตาขึ้นมาทันที

‘เกิดเรื่องอะไรขึ้น

เหตุใดจู่ๆ ถึงรู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น อู้เต้าเจี้ยนที่ฝึกฝนอยู่ตรงหน้าก็ลืมตาขึ้นมา

“นายท่าน ท่านรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยหรือไม่” อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยปากถามขึ้น

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เจ้าก็รู้สึกหรือ เจ้ารับรู้อะไรได้บ้าง”

“ข้าเองก็บอกไม่ถูก เพียงแต่มันอึดอัดใจมาก”

คำตอบของอู้เต้าเจี้ยนทำให้หานเจวี๋ยไม่สบายใจมากกว่าเดิม

‘หรือวังสวรรค์จะมาโจมตี

เร็วเพียงนี้เชียวหรือ’

ขณะนั้นเอง มีอักขระสามแถวปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ตรวจสอบพบมารแท้รุกรานโลกมนุษย์ โลกมนุษย์เผชิญกับเคราะห์ใหญ่ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง รีบออกจากด่าน ฆ่าสังหารมารแท้ทั้งหมด ชื่อเสียงสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วปฐพี จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[สอง ฝึกฝนต่อไป อยู่ห่างไกลความขัดแย้ง จะได้สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

‘มารแท้รุกราน?’

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น ที่แท้เผ่ามารก็ออกแรงแล้ว

ปฏิกิริยาแรกของเขาคือเชื่อมต่อกับหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ บอกให้สิงหงเสวียน เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์รีบกลับมายังสำนัก

นี่เป็นครั้งแรกที่ดรุณีทั้งสามได้ยินหานเจวี๋ยเร่งให้พวกนางกลับเช่นนี้ พวกนางจึงรีบวางทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และพากันกลับมายังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ทั้งหมด

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบๆ

สามารถนำพาให้เกิดเคราะห์ใหญ่ได้ มารแท้กลุ่มนี้จะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาไม่อาจเสี่ยงอันตรายได้

ลงมือน่ะได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีความมั่นใจถึงจะดีที่สุด

ไม่นาน หานเจวี๋ยก็ตรวจสอบดูว่าภายในระยะร้อยลี้ในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มีมารแท้หรือไม่

[โหลวอวี้เซวี่ย: ระดับมหายานขั้นเก้า ผู้บัญชาการมารแท้]

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 147 ระดับมหายานขั้นแปด มารแท้รุกราน

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 147 ระดับมหายานขั้นแปด มารแท้รุกราน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 147 ระดับมหายานขั้นแปด มารแท้รุกราน

ยี่สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับมหายานขั้นแปด มีแรงกดดันแล้วก็มีแรงผลักดัน ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของเขายังเร็วกว่าแต่ก่อนอยู่บ้าง

หลังจากทะลวงแล้ว หานเจวี๋ยก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่ง พลางตรวจสอบจดหมายไปด้วยตามความเคยชิน

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x4729

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x110332

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x78

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x74110

[นักพรตเต๋าจิ่วติ่งสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x85

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านซาบซึ้งถึงมรรคาสวรรค์ขณะฝึกบำเพ็ญ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านได้รับดวงชะตามรรคาเทพ]

[ตู้ขู่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเซียนอิสระ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย]

……

ข้อความต่อมาล้วนเป็นการโจมตีของผู้บำเพ็ญสายมารทั้งหมด

แต่ครั้งนี้ไม่ใช่สายมารที่โหมพัดใต้หล้าอีก แต่กลับเป็นสายมารที่กลายเป็นหนูข้างถนน ถูกล่าสังหารแทน

หานเจวี๋ยไม่ได้รู้สึกเห็นใจแต่อย่างใด เขาไม่ใช่แม่พระ

เดิมทีสายหลักกับสายมารก็ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้

ก่อนหน้านี้ที่สายมารโหมพัดสายหลักนั้น มีกี่สำนักที่ถูกสังหารไปเสียเท่าไร มีกี่คนที่ถูกผู้บำเพ็ญสายมารลงมืออย่างเหี้ยมโหด

บางทีในสายหลักเองก็มีคนชั่วไม่น้อย แต่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ว่าสายมารจะถูกใส่ร้ายว่ากลายเป็นมาร

ส่วนการที่จะให้สายหลักกับสายมารร่วมมือกันต่อต้านวังสวรรค์นั้น มันเป็นเรื่องไร้สาระเกินไป เดิมทีย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!

เดิมทีวังสวรรค์ก็ยืนอยู่ข้างสายหลัก เปรียบเสมือนผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสายหลัก ตอนนี้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดสงสัยว่าผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาสมคบคิดกับศัตรู เพื่อที่จะเอาตัวรอดแล้ว ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาจะสมคบคิดกับศัตรูจริงๆ หรือ

ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องนี้ สายหลักกับสายมารร่วมมือกันก็ต้านทานวังสวรรค์ไม่ได้ หากทำเช่นนั้น สายหลักจะยังคงเป็นสายหลักอยู่หรือ

หานเจวี๋ยไม่ได้ฝากความหวังไว้ที่สายหลักทั้งหมด ตนเองก็ยังต้องแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้

เมื่อถึงเวลานั้น หากวังสวรรค์ยังดึงดันที่จะทำลายโลกมนุษย์ เขาก็ต้องมีกำลังในการปกป้องตัวเอง

อย่างมากที่สุด เมื่อถึงเวลานั้นก็พาเขาเพียรบำเพ็ญเซียนไปหลบในยมโลก!

หานเจวี๋ยยังสามารถหนีไปยังโลกอื่นได้ด้วย ถึงอย่างไรเขาก็เลือกเส้นทางเซียนกระบี่หวนคืนแล้ว แต่ว่าการหนีไปยังโลกอื่นเขาไปได้เพียงลำพังเท่านั้น ไม่อาจพาคนอื่นไปด้วยได้ อีกทั้งเขายังไม่รู้จักโลกอื่นโดยสิ้นเชิง จึงไม่อาจเลือกได้เองว่าจะหนีไปโลกใด กล่าวคือเมื่อสำแดงพลังวิเศษหวนคืนไปยังโลกอื่น มันจะเป็นการสุ่มเลือกสถานที่

หากไม่ถึงตาจน เขาก็ไม่มีทางหนีไปโลกอื่นอย่างแน่นอน

หากหนีไปยังโลกของเผ่ามาร นั่นก็ไม่เท่ากับการโดนระเบิดหรอกหรือ

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ วิธีการเอาชีวิตรอดของตัวเองยังมีอีกมาก

เขาแอบอธิษฐานให้เทพปีศาจตนนั้นก่อกวนอีกสักพัก อย่าได้ทำให้วังสวรรค์ได้สติกลับมาเร็วนัก

หลังจากสาปแช่งเสร็จแล้ว หานเจวี๋ยก็ฝึกฝนต่อ

ยามนี้เขามีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น นั่นก็คือบรรลุระดับมหายานขั้นเก้าอย่างสมบูรณ์โดยเร็ววัน!

……

หนึ่งปีต่อมา

น้ำเสียงคุ้นหูสายหนึ่งก็ดังเข้าสู่โสตประสาทของหานเจวี๋ย “สหายเต๋ากวน ออกมาพบกันหน่อย ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาท้าสู้กับท่าน”

‘จี้เซียนเสิน!’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ‘เจ้าหมอนี่มาอีกแล้ว?”

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังออกไปพบเขาสักหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหมอนี่ก่อเรื่อง

ยังคงเป็นป่าผืนนั้น ไม่เจอกันนานหลายสิบปี กลิ่นอายพลังของจี้เซียนเสินก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่า

เจ้าหมอนี่ฆ่าสังหารผู้บำเพ็ญสายมารไปทั่วทุกหนแห่ง ยังสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ ช่างไม่มีหลักธรรมแห่งสวรรค์เลยจริงๆ

หานเจวี๋ยสงสัยแม้กระทั่งว่า เขากับหวงจี๋เฮ่ามีระบบที่สามารถอัพเกรดขั้นของตัวเองได้

‘เหตุใดระบบของข้าถึงไม่มีฟังก์ชันเช่นนี้บ้าง

ระบบเช็กอินในนิยายเหล่านั้น ผู้คนไปถึงไหนก็เช็กอินถึงที่นั่น และแข็งแกร่งขึ้นทันที แต่ข้ายังต้องฝึกฝนด้วยตนเอง’

หานเจวี๋ยแอบถอนหายใจ

จี้เซียนเสินมองหานเจวี๋ย และกล่าวด้วยสายตาแวววาว “สหายเต๋ากวน ข้าเป็นตัวแทนของจวนเซียนสวรรค์ มาเชิญท่านเข้าร่วมรับตำแหน่งผู้อาวุโสของจวนเซียนสวรรค์ ท่านยินดีเข้าร่วมหรือไม่”

“ขอบคุณในความหวังดีของจวนเซียนสวรรค์ แต่ไม่จำเป็น”

“เพราะเหตุใด”

“รังเงินรังทอง ไม่สู้รังสุนัขที่บ้านตนเอง”

“อึก…”

จี้เซียนเสินอึ้งตะลึงกับวาจาของหานเจวี๋ย นี่คือคำพูดอะไรกัน

เขากล่าวต่อ “จวนเซียนสวรรค์ค้นพบเขตอาคมที่สายมารสร้างขึ้น ซึ่งได้เชื่อมต่อกับโลกที่ไม่อาจทราบได้ เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเผ่ามาร ก่อนหน้านั้นข้าเคยพบเจอกับโลกที่เผ่ามารบุกเบิกขึ้นมา ข้ายังเคยบุกสังหารเข้าไปแล้ว ท่านสนใจที่จะไปรบเผ่ามารกับข้าหรือไม่ โดยทั่วไปโลกเช่นนั้นล้วนซ่อนทรัพยากรบำเพ็ญเพียรที่เผ่ามารซ่อนไว้ให้สายมาร ไม่แน่ว่าอาจจะมีสมบัติที่ท่านต้องการก็เป็นได้”

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เผ่ามารอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

จี้เซียนเสินได้ยินก็พาลโกรธเอาดื้อๆ “ท่านหมายความว่าอย่างไร”

“อะแฮ่มๆ ข้าไม่ได้ดูถูกจวนเซียนสวรรค์ของพวกท่าน ถึงอย่างไรเผ่ามารก็คงจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเหตุใดสายมารถึงบูชาพวกเขาเล่า”

“เผ่ามารที่แท้จริงถูกขังอยู่ในยมโลก ทำได้เพียงส่งมารแท้บางส่วนมาเผยแพร่วิถีมารเท่านั้น มารแท้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเราเคยพบเจอก็อยู่ประมาณระดับมหายานขั้นเก้า”

“ข้าก็ไม่ไปหรอก ขอให้พวกท่านประสบความสำเร็จราบรื่นทุกอย่าง”

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว เมื่อกล่าวจบก็หมุนกายเตรียมจากไป

จี้เซียนเสินรั้งเขาไว้และเอ่ยถามขึ้นว่า “จริงสิ ฟางเหลียงกับท่านมีความพันธ์ใดต่อกันหรือไม่ ข้าเห็นว่าเขาอยู่บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนด้วย”

หานเจวี๋ยตอบ “ไม่มีความสัมพันธ์ใด เป็นเพียงแขกเท่านั้น”

“เช่นนั้นก็ดี เจ้าเด็กนี่พรสวรรค์แข็งแกร่งมาก แม้กระทั่งถูกคนอื่นเข้าใจว่าพรสวรรค์แข็งแกร่งกว่าข้า ข้าเตรียมที่จะเก็บเขา”

“อ้อ ข้านึกขึ้นได้แล้ว เขาเป็นศิษย์หลานของข้า”

“…”

จี้เซียนเสินอยากจะด่าคนนัก

มิน่าเล่าฟางเหลียงถึงได้วิปริตเช่นนี้!

กล่าวตามตรงว่าอยู่มานานนับพันปี นอกจากหานเจวี๋ยแล้ว นี่ก็เป็นครั้งแรกที่จี้เซียนเสินรู้สึกกดดัน

ไม่ใช่ความกดดันทางด้านพลัง แต่เป็นด้านพรสวรรค์!

การผุดขึ้นมาของฟางเหลียงนั้นเร็วเกินไป แม้แต่อาจารย์ของเขาก็เคยกล่าวเตือนเขา หวังว่าเขาจะช่วยประคับประคองฟางเหลียงให้มาก

“ฮึ! ลาก่อน!”

จี้เซียนเสินสะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป

หานเจวี๋ยส่ายหน้า เขากลับเข้าไปภายในถ้ำเทวาฟ้าประทานอีกครั้ง

ราชามังกรสามหัวขมวดคิ้วอยู่ใต้ต้นฝูซัง

คนอื่นไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของจี้เซียนเสิน แต่เขากลับสัมผัสได้

‘แข็งแกร่งมาก!’

ผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ยกลับดูราวกับเป็นเด็กน้อย ทำให้เขายิ่งสงสัยในตบะของหานเจวี๋ยมากขึ้น

……

เจ็ดปีต่อมา

หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกฝนอยู่พลันเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงลืมตาขึ้นมาทันที

‘เกิดเรื่องอะไรขึ้น

เหตุใดจู่ๆ ถึงรู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น อู้เต้าเจี้ยนที่ฝึกฝนอยู่ตรงหน้าก็ลืมตาขึ้นมา

“นายท่าน ท่านรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยหรือไม่” อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยปากถามขึ้น

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เจ้าก็รู้สึกหรือ เจ้ารับรู้อะไรได้บ้าง”

“ข้าเองก็บอกไม่ถูก เพียงแต่มันอึดอัดใจมาก”

คำตอบของอู้เต้าเจี้ยนทำให้หานเจวี๋ยไม่สบายใจมากกว่าเดิม

‘หรือวังสวรรค์จะมาโจมตี

เร็วเพียงนี้เชียวหรือ’

ขณะนั้นเอง มีอักขระสามแถวปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ตรวจสอบพบมารแท้รุกรานโลกมนุษย์ โลกมนุษย์เผชิญกับเคราะห์ใหญ่ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง รีบออกจากด่าน ฆ่าสังหารมารแท้ทั้งหมด ชื่อเสียงสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วปฐพี จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[สอง ฝึกฝนต่อไป อยู่ห่างไกลความขัดแย้ง จะได้สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

‘มารแท้รุกราน?’

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น ที่แท้เผ่ามารก็ออกแรงแล้ว

ปฏิกิริยาแรกของเขาคือเชื่อมต่อกับหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ บอกให้สิงหงเสวียน เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์รีบกลับมายังสำนัก

นี่เป็นครั้งแรกที่ดรุณีทั้งสามได้ยินหานเจวี๋ยเร่งให้พวกนางกลับเช่นนี้ พวกนางจึงรีบวางทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และพากันกลับมายังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ทั้งหมด

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบๆ

สามารถนำพาให้เกิดเคราะห์ใหญ่ได้ มารแท้กลุ่มนี้จะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาไม่อาจเสี่ยงอันตรายได้

ลงมือน่ะได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีความมั่นใจถึงจะดีที่สุด

ไม่นาน หานเจวี๋ยก็ตรวจสอบดูว่าภายในระยะร้อยลี้ในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มีมารแท้หรือไม่

[โหลวอวี้เซวี่ย: ระดับมหายานขั้นเก้า ผู้บัญชาการมารแท้]

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 147 ระดับมหายานขั้นแปด มารแท้รุกราน

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 147 ระดับมหายานขั้นแปด มารแท้รุกราน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 147 ระดับมหายานขั้นแปด มารแท้รุกราน

ยี่สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับมหายานขั้นแปด มีแรงกดดันแล้วก็มีแรงผลักดัน ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของเขายังเร็วกว่าแต่ก่อนอยู่บ้าง

หลังจากทะลวงแล้ว หานเจวี๋ยก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่ง พลางตรวจสอบจดหมายไปด้วยตามความเคยชิน

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x4729

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x110332

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x78

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x74110

[นักพรตเต๋าจิ่วติ่งสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x85

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านซาบซึ้งถึงมรรคาสวรรค์ขณะฝึกบำเพ็ญ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านได้รับดวงชะตามรรคาเทพ]

[ตู้ขู่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเซียนอิสระ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย]

……

ข้อความต่อมาล้วนเป็นการโจมตีของผู้บำเพ็ญสายมารทั้งหมด

แต่ครั้งนี้ไม่ใช่สายมารที่โหมพัดใต้หล้าอีก แต่กลับเป็นสายมารที่กลายเป็นหนูข้างถนน ถูกล่าสังหารแทน

หานเจวี๋ยไม่ได้รู้สึกเห็นใจแต่อย่างใด เขาไม่ใช่แม่พระ

เดิมทีสายหลักกับสายมารก็ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้

ก่อนหน้านี้ที่สายมารโหมพัดสายหลักนั้น มีกี่สำนักที่ถูกสังหารไปเสียเท่าไร มีกี่คนที่ถูกผู้บำเพ็ญสายมารลงมืออย่างเหี้ยมโหด

บางทีในสายหลักเองก็มีคนชั่วไม่น้อย แต่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ว่าสายมารจะถูกใส่ร้ายว่ากลายเป็นมาร

ส่วนการที่จะให้สายหลักกับสายมารร่วมมือกันต่อต้านวังสวรรค์นั้น มันเป็นเรื่องไร้สาระเกินไป เดิมทีย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!

เดิมทีวังสวรรค์ก็ยืนอยู่ข้างสายหลัก เปรียบเสมือนผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสายหลัก ตอนนี้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดสงสัยว่าผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาสมคบคิดกับศัตรู เพื่อที่จะเอาตัวรอดแล้ว ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาจะสมคบคิดกับศัตรูจริงๆ หรือ

ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องนี้ สายหลักกับสายมารร่วมมือกันก็ต้านทานวังสวรรค์ไม่ได้ หากทำเช่นนั้น สายหลักจะยังคงเป็นสายหลักอยู่หรือ

หานเจวี๋ยไม่ได้ฝากความหวังไว้ที่สายหลักทั้งหมด ตนเองก็ยังต้องแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้

เมื่อถึงเวลานั้น หากวังสวรรค์ยังดึงดันที่จะทำลายโลกมนุษย์ เขาก็ต้องมีกำลังในการปกป้องตัวเอง

อย่างมากที่สุด เมื่อถึงเวลานั้นก็พาเขาเพียรบำเพ็ญเซียนไปหลบในยมโลก!

หานเจวี๋ยยังสามารถหนีไปยังโลกอื่นได้ด้วย ถึงอย่างไรเขาก็เลือกเส้นทางเซียนกระบี่หวนคืนแล้ว แต่ว่าการหนีไปยังโลกอื่นเขาไปได้เพียงลำพังเท่านั้น ไม่อาจพาคนอื่นไปด้วยได้ อีกทั้งเขายังไม่รู้จักโลกอื่นโดยสิ้นเชิง จึงไม่อาจเลือกได้เองว่าจะหนีไปโลกใด กล่าวคือเมื่อสำแดงพลังวิเศษหวนคืนไปยังโลกอื่น มันจะเป็นการสุ่มเลือกสถานที่

หากไม่ถึงตาจน เขาก็ไม่มีทางหนีไปโลกอื่นอย่างแน่นอน

หากหนีไปยังโลกของเผ่ามาร นั่นก็ไม่เท่ากับการโดนระเบิดหรอกหรือ

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ วิธีการเอาชีวิตรอดของตัวเองยังมีอีกมาก

เขาแอบอธิษฐานให้เทพปีศาจตนนั้นก่อกวนอีกสักพัก อย่าได้ทำให้วังสวรรค์ได้สติกลับมาเร็วนัก

หลังจากสาปแช่งเสร็จแล้ว หานเจวี๋ยก็ฝึกฝนต่อ

ยามนี้เขามีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น นั่นก็คือบรรลุระดับมหายานขั้นเก้าอย่างสมบูรณ์โดยเร็ววัน!

……

หนึ่งปีต่อมา

น้ำเสียงคุ้นหูสายหนึ่งก็ดังเข้าสู่โสตประสาทของหานเจวี๋ย “สหายเต๋ากวน ออกมาพบกันหน่อย ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาท้าสู้กับท่าน”

‘จี้เซียนเสิน!’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ‘เจ้าหมอนี่มาอีกแล้ว?”

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังออกไปพบเขาสักหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหมอนี่ก่อเรื่อง

ยังคงเป็นป่าผืนนั้น ไม่เจอกันนานหลายสิบปี กลิ่นอายพลังของจี้เซียนเสินก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่า

เจ้าหมอนี่ฆ่าสังหารผู้บำเพ็ญสายมารไปทั่วทุกหนแห่ง ยังสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ ช่างไม่มีหลักธรรมแห่งสวรรค์เลยจริงๆ

หานเจวี๋ยสงสัยแม้กระทั่งว่า เขากับหวงจี๋เฮ่ามีระบบที่สามารถอัพเกรดขั้นของตัวเองได้

‘เหตุใดระบบของข้าถึงไม่มีฟังก์ชันเช่นนี้บ้าง

ระบบเช็กอินในนิยายเหล่านั้น ผู้คนไปถึงไหนก็เช็กอินถึงที่นั่น และแข็งแกร่งขึ้นทันที แต่ข้ายังต้องฝึกฝนด้วยตนเอง’

หานเจวี๋ยแอบถอนหายใจ

จี้เซียนเสินมองหานเจวี๋ย และกล่าวด้วยสายตาแวววาว “สหายเต๋ากวน ข้าเป็นตัวแทนของจวนเซียนสวรรค์ มาเชิญท่านเข้าร่วมรับตำแหน่งผู้อาวุโสของจวนเซียนสวรรค์ ท่านยินดีเข้าร่วมหรือไม่”

“ขอบคุณในความหวังดีของจวนเซียนสวรรค์ แต่ไม่จำเป็น”

“เพราะเหตุใด”

“รังเงินรังทอง ไม่สู้รังสุนัขที่บ้านตนเอง”

“อึก…”

จี้เซียนเสินอึ้งตะลึงกับวาจาของหานเจวี๋ย นี่คือคำพูดอะไรกัน

เขากล่าวต่อ “จวนเซียนสวรรค์ค้นพบเขตอาคมที่สายมารสร้างขึ้น ซึ่งได้เชื่อมต่อกับโลกที่ไม่อาจทราบได้ เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเผ่ามาร ก่อนหน้านั้นข้าเคยพบเจอกับโลกที่เผ่ามารบุกเบิกขึ้นมา ข้ายังเคยบุกสังหารเข้าไปแล้ว ท่านสนใจที่จะไปรบเผ่ามารกับข้าหรือไม่ โดยทั่วไปโลกเช่นนั้นล้วนซ่อนทรัพยากรบำเพ็ญเพียรที่เผ่ามารซ่อนไว้ให้สายมาร ไม่แน่ว่าอาจจะมีสมบัติที่ท่านต้องการก็เป็นได้”

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เผ่ามารอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

จี้เซียนเสินได้ยินก็พาลโกรธเอาดื้อๆ “ท่านหมายความว่าอย่างไร”

“อะแฮ่มๆ ข้าไม่ได้ดูถูกจวนเซียนสวรรค์ของพวกท่าน ถึงอย่างไรเผ่ามารก็คงจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเหตุใดสายมารถึงบูชาพวกเขาเล่า”

“เผ่ามารที่แท้จริงถูกขังอยู่ในยมโลก ทำได้เพียงส่งมารแท้บางส่วนมาเผยแพร่วิถีมารเท่านั้น มารแท้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเราเคยพบเจอก็อยู่ประมาณระดับมหายานขั้นเก้า”

“ข้าก็ไม่ไปหรอก ขอให้พวกท่านประสบความสำเร็จราบรื่นทุกอย่าง”

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว เมื่อกล่าวจบก็หมุนกายเตรียมจากไป

จี้เซียนเสินรั้งเขาไว้และเอ่ยถามขึ้นว่า “จริงสิ ฟางเหลียงกับท่านมีความพันธ์ใดต่อกันหรือไม่ ข้าเห็นว่าเขาอยู่บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนด้วย”

หานเจวี๋ยตอบ “ไม่มีความสัมพันธ์ใด เป็นเพียงแขกเท่านั้น”

“เช่นนั้นก็ดี เจ้าเด็กนี่พรสวรรค์แข็งแกร่งมาก แม้กระทั่งถูกคนอื่นเข้าใจว่าพรสวรรค์แข็งแกร่งกว่าข้า ข้าเตรียมที่จะเก็บเขา”

“อ้อ ข้านึกขึ้นได้แล้ว เขาเป็นศิษย์หลานของข้า”

“…”

จี้เซียนเสินอยากจะด่าคนนัก

มิน่าเล่าฟางเหลียงถึงได้วิปริตเช่นนี้!

กล่าวตามตรงว่าอยู่มานานนับพันปี นอกจากหานเจวี๋ยแล้ว นี่ก็เป็นครั้งแรกที่จี้เซียนเสินรู้สึกกดดัน

ไม่ใช่ความกดดันทางด้านพลัง แต่เป็นด้านพรสวรรค์!

การผุดขึ้นมาของฟางเหลียงนั้นเร็วเกินไป แม้แต่อาจารย์ของเขาก็เคยกล่าวเตือนเขา หวังว่าเขาจะช่วยประคับประคองฟางเหลียงให้มาก

“ฮึ! ลาก่อน!”

จี้เซียนเสินสะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป

หานเจวี๋ยส่ายหน้า เขากลับเข้าไปภายในถ้ำเทวาฟ้าประทานอีกครั้ง

ราชามังกรสามหัวขมวดคิ้วอยู่ใต้ต้นฝูซัง

คนอื่นไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของจี้เซียนเสิน แต่เขากลับสัมผัสได้

‘แข็งแกร่งมาก!’

ผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ยกลับดูราวกับเป็นเด็กน้อย ทำให้เขายิ่งสงสัยในตบะของหานเจวี๋ยมากขึ้น

……

เจ็ดปีต่อมา

หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกฝนอยู่พลันเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงลืมตาขึ้นมาทันที

‘เกิดเรื่องอะไรขึ้น

เหตุใดจู่ๆ ถึงรู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น อู้เต้าเจี้ยนที่ฝึกฝนอยู่ตรงหน้าก็ลืมตาขึ้นมา

“นายท่าน ท่านรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยหรือไม่” อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยปากถามขึ้น

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เจ้าก็รู้สึกหรือ เจ้ารับรู้อะไรได้บ้าง”

“ข้าเองก็บอกไม่ถูก เพียงแต่มันอึดอัดใจมาก”

คำตอบของอู้เต้าเจี้ยนทำให้หานเจวี๋ยไม่สบายใจมากกว่าเดิม

‘หรือวังสวรรค์จะมาโจมตี

เร็วเพียงนี้เชียวหรือ’

ขณะนั้นเอง มีอักขระสามแถวปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ตรวจสอบพบมารแท้รุกรานโลกมนุษย์ โลกมนุษย์เผชิญกับเคราะห์ใหญ่ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง รีบออกจากด่าน ฆ่าสังหารมารแท้ทั้งหมด ชื่อเสียงสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วปฐพี จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[สอง ฝึกฝนต่อไป อยู่ห่างไกลความขัดแย้ง จะได้สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

‘มารแท้รุกราน?’

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น ที่แท้เผ่ามารก็ออกแรงแล้ว

ปฏิกิริยาแรกของเขาคือเชื่อมต่อกับหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ บอกให้สิงหงเสวียน เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์รีบกลับมายังสำนัก

นี่เป็นครั้งแรกที่ดรุณีทั้งสามได้ยินหานเจวี๋ยเร่งให้พวกนางกลับเช่นนี้ พวกนางจึงรีบวางทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และพากันกลับมายังสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ทั้งหมด

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบๆ

สามารถนำพาให้เกิดเคราะห์ใหญ่ได้ มารแท้กลุ่มนี้จะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาไม่อาจเสี่ยงอันตรายได้

ลงมือน่ะได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีความมั่นใจถึงจะดีที่สุด

ไม่นาน หานเจวี๋ยก็ตรวจสอบดูว่าภายในระยะร้อยลี้ในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มีมารแท้หรือไม่

[โหลวอวี้เซวี่ย: ระดับมหายานขั้นเก้า ผู้บัญชาการมารแท้]

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+