ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 202 ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์แดนเซียน มหาจักรพรรดิเหยียนจวิน

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 202 ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์แดนเซียน มหาจักรพรรดิเหยียนจวิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 202 ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์แดนเซียน มหาจักรพรรดิเหยียนจวิน

กระแสปราณกระบี่ที่รวมตัวจากเงากระบี่นับร้อยล้านยิ่งใหญ่เหลือหลาย อีกทั้งปกคลุมชายชุดดำอย่างรวดเร็วยิ่ง แม้แต่เจดีย์ยักษ์ร่างแปลงของมังกรก็จมอยู่ในนั้น

ท่ามกลางปราณกระบี่ ชายชุดดำหน้าถอดสี ในใจหวาดกลัวถึงขีดสุด

เป็นไปได้อย่างไร!

พลังเวทนี้…ปราณกระบี่นี้… เป็นแค่เซียนลึกล้ำจริงหรือ

ชายชุดดำกัดฟันแน่น อาศัยพลังเวทมหาศาลของตนเองต้านทานไว้

ไม่นานนัก เจดีย์ที่ครอบเขาอยู่ก็แตกร้าวด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกแค่ไม่กี่อึดใจของวิเศษของเขาก็จะแตกเป็นเสี่ยงแล้ว

“บัดซบ!” ชายชุดดำตะโกนลั่น “มีอะไรก็พูดกันดีๆ ไม่จำเป็นต้องลงมือฆ่าแกงกัน!”

[เทียนเอ้อส่านเหรินเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

หานเจวี๋ยมองเห็นข้อความแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาตรงหน้า จิตสังหารเพิ่มขึ้นพุ่งพรวด

เขาเพิ่มพลังเวท บดขยี้สังหารเทียนเอ้อส่านเหรินด้วยความเด็ดขาดทรงพลัง

ทำลายทั้งร่างและวิญญาณ!

สังหารโดยตรง!

หลังจากหานเจวี๋ยไม่รับรู้ถึงกลิ่นอายของเทียนเอ้อส่านเหรินแล้ว ถึงจะหยุดสำแดงวิชา

หานเจวี๋ยตรวจดูในค่าความสัมพันธ์และไม่พบเทียนเอ้อส่านเหริน น่าจะตายไปแล้ว

เขารู้สึกว่าโชคร้ายนัก นี่มันเรื่องอะไรกัน

เขากำลังปิดด่านฝึกบำเพ็ญ จู่ๆ กลับมีคนคนหนึ่งโผล่มาจะทำลายโลกมนุษย์ของเขา ช่างโชคร้ายจริงๆ

หานเจวี๋ยกลับมาในถ้ำเทวาฟ้าประทานอีกครั้ง

เขาเพิ่งนั่งลง ตัวอักษรแถวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

[เนื่องจากท่านสังหารเซียนลึกล้ำไท่อี่เป็นครั้งแรก ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ยกระดับฟังก์ชันแบบจำลองการทดสอบ]

[สอง ยกระดับฟังก์ชันการซ่อนของระบบ]

หานเจวี๋ยหรี่ตา จมดิ่งอยู่ในภวังค์ความคิด

ผ่านไปสักพัก เขาเลือกยกระดับการทำงานของแบบจำลองการทดสอบ

ฟังก์ชันนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

สามารถรู้พลังที่แท้จริงของศัตรูได้ชัดเจน

[ท่านเลือกยกระดับฟังก์ชันแบบจำลองการทดสอบ]

[ตรวจสอบพบว่าโลกมนุษย์นี้ขึ้นตรงต่อท่าน ขอบเขตการตรวจจับของแบบจำลองการทดสอบถูกยกระดับขึ้น ห้วงอากาศว่างเปล่ารอบๆ ล้วนอยู่ในขอบเขตของแบบจำลองการทดสอบ โดยมีโลกใบนี้เป็นศูนย์กลาง]

‘อันนี้ได้!’

หานเจวี๋ยตื่นเต้นดีใจ

ในที่สุดก็ยกระดับขอบเขตการตรวจจับได้แล้ว ด้วยตบะของเขาในตอนนี้ ระยะรัศมีร้อยลี้ของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เล็กเกินไปจริงๆ

หานเจวี๋ยรีบตรวจหาผู้แข็งแกร่งที่สุดในบริเวณใกล้ๆ โลกเมฆาแดงนอกจากตัวเขา

[ตงฝาเทียน: ระดับเซียนพิภพไท่อี่ระยะต้น ผู้อาวุโสจวนเซียนสวรรค์]

เอ๊ะ? จวนเซียนสวรรค์ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับนี้อีกหรือ

มิน่าล่ะ ผ่านเคราะห์ใหญ่มามากมายเช่นนี้ ทั้งยังเคยถูกล้อมโจมตี แต่จวนเซียนสวรรค์ยังคงอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

ในตอนแรกที่นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนฆ่าล้างจวนเซียนสวรรค์ เหตุใดคนผู้นี้ถึงไม่ลงมือ

หานเจวี๋ยอ่านต่อไป พบว่าโลกเมฆาแดงซ่อนยอดฝีมือไว้ไม่น้อย ลำพังแค่เซียนอิสระก็มีหลายคนแล้ว หรือว่าคนเหล่านี้จะเป็นเทพเซียนพสุธาในตำนาน?

ผู้บำเพ็ญระดับมหายานมีจำนวนนับร้อย ไร้เหตุผลสิ้นดี

หานเจวี๋ยเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองประเมินโลกเมฆาแดงต่ำเกินไป

มีบางคนซ่อนตัวไว้ แม้แต่ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ยังตรวจสอบไม่พบ

มิน่าล่ะอันดับของโลกเมฆาแดงถึงได้เลื่อนขึ้นอยู่ตลอด

หานเจวี๋ยดูอยู่พักหนึ่งก็เริ่มฝึกบำเพ็ญต่อ

……

สี่ปีต่อมา ตี้ไท่ไป๋มาเยี่ยมเยียน

หานเจวี๋ยให้อู้เต้าเจี้ยนออกไป ตนเองอยู่กับตี้ไท่ไป๋ตามลำพัง

“งานชุมนุมใหญ่ท้อเซียนสิ้นสุดลงแล้ว วังเทพไม่ได้เปรียบแต่อย่างใด ก็นับว่าสิ้นสุดโดยสมบูรณ์” ตี้ไท่ไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีไม่น้อย

หานเจวี๋ยถามอย่างสงสัย “จักรพรรดิเทพกระบี่ถูกโจมตีพ่ายแพ้แล้ว?”

“ใช่”

“ฝีมือใคร”

“บุตรแห่งสวรรค์ผู้หนึ่ง แม้จะเป็นเทพเซียนจากวังสวรรค์ แต่สืบทอดสำนักเต๋า ปรากฏตัวให้เห็นน้อยมาก สถานะของเขาเจ้าไม่ต้องสืบ ช้าเร็วพวกเจ้าก็ต้องพบกันอยู่ดี”

วังสวรรค์มีความสัมพันธ์กับสำนักเต๋าด้วยหรือ

หานเจวี๋ยตกอยู่ในภวังค์

ตี้ไท่ไป๋กล่าวต่อว่า “ช่วงนี้มีกลุ่มอิทธิพลอยากจะทำลายโลกมนุษย์ที่อยู่ภายใต้อาณัติของวังสวรรค์ เจ้าต้องระวังสักหน่อย”

หานเจวี๋ยได้ยินก็อดพูดไม่ได้ “หลายปีก่อนมีคนชื่อเทียนเอ้อส่านเหรินมาที่นี่”

หลังจากสังหารเทียนเอ้อส่านเหริน หานเจวี๋ยไม่ได้รับความเกลียดชังจากผู้ทรงพลังคนอื่นๆ เขาอดคิดไม่ได้ว่าเทียนเอ้อส่านเหรินอาจจะเป็นผู้บำเพ็ญอิสระ

ผู้บำเพ็ญอิสระจะกล้ายุแหย่วังสวรรค์ได้อย่างไร

“เทียนเอ้อส่านเหริน?”

สีหน้าตี้ไท่ไป๋เปลี่ยนไปทันที คิ้วก็ขมวดตาม

เขากล่าวราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ “เทียนเอ้อส่านเหรินคือเซียนลึกล้ำ เจ้า…”

หานเจวี๋ยยิ้มแต่ไม่เอ่ยอะไร

ตี้ไท่ไป๋ตื่นตระหนกตกใจ

‘เจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งจนสังหารเซียนลึกล้ำได้แล้ว? จะก้าวหน้ารวดเร็วเกินจริงไปหน่อยแล้วกระมัง!’

ตี้ไท่ไป๋สูดหายใจลึกๆ กล่าวว่า “เทียนเอ้อส่านเหรินมาจากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ของผู้บำเพ็ญอิสระที่แข็งแกร่งราชวงศ์หนึ่ง ดูท่าเผ่ามนุษย์ก็มีความคิดเกี่ยวกับวังสวรรค์ด้วย”

หานเจวี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ “แดนเซียนมีอาณาจักรราชวงศ์ด้วยรึ”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น แดนเซียนก็มีเผ่ามนุษย์เช่นกัน อีกทั้งมีจำนวนมากด้วย เป็นถึงตัวเอกมรรคาสวรรค์ วังสวรรค์และวังเทพส่วนใหญ่ล้วนมีพื้นฐานจากเผ่ามนุษย์ คัดเลือกมาเป็นเทพเซียน”

“พวกเขายังจะมาอีกหรือไม่”

“ข้าจะให้เทพเซียนมาปกป้องโลกเมฆาแดงโดยเฉพาะ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”

คำมั่นสัญญาของตี้ไท่ไป๋ทำให้หานเจวี๋ยโล่งใจไปเปลาะหนึ่งทันที

สมกับเป็นวังสวรรค์ ภูมิหลังแข็งแกร่งมาก

หานเจวี๋ยก็เกรงว่าปัญหาจะมาไม่หยุดหย่อน

ตี้ไท่ไป๋รีบลุกขึ้น กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อรู้ว่ามาจากกลุ่มอิทธิพลใด ก็สามารถจัดการได้ง่ายแล้ว เทียนเอ้อส่านเหรินก็ช่างโง่เขลาเสียจริง คิดไม่ถึงว่าจะเปิดเผยสถานะของตนเองกับเจ้า”

หานเจวี๋ยยิ้มๆ เขาลุกขึ้นยืนส่งตี้ไท่ไป๋กลับ

หลังจากตี้ไท่ไป๋ไปแล้ว หานเจวี๋ยเดินมาเบื้องหน้าต้นฝูซัง สังเกตดูเถาน้ำเต้าพิภพเซียน

เมล็ดน้ำเต้าเจ็ดเมล็ดกลายเป็นน้ำเต้าน้อยเรียบร้อย ดูเหมือนว่าภูตน้ำเต้าใกล้จะเปลี่ยนร่างแล้ว หานเจวี๋ยเฝ้ารอคอยมาก

หานเจวี๋ยส่งพลังจิตเข้าไปในดินที่ฝังเมล็ดท้อเซียนไว้

ไม่มีการเคลื่อนไหว

ดูแล้วการปลูกต้นท้อชนิดนี้จะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

นี่ก็เป็นเรื่องปกติ หากปลูกได้ง่ายๆ ต้นท้อเซียนคงเป็นสินค้าตามท้องตลาดนานแล้ว

“อาจารย์ปู่…”

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะอารมณ์ในการคิดของหานเจวี๋ย

โจวหมิงเยวี่ยเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ท่าทางตื่นเต้นมาก

หานเจวี๋ยปรายตามอง ตอบกลับว่า “หืม?”

โจวหมิงเยวี่ยเรียกความกล้าก่อนจะพูด “อาจารย์ปู่ ข้าอยากเรียนพลังวิเศษวิชาเวทกับท่าน ไม่ทราบว่าข้าต้องทำอย่างไรท่านถึงจะสอนข้า”

ฉู่ซื่อเหรินเกียจคร้านเรื่องการฝึกบำเพ็ญ และก็ไม่เคยเรียนพลังวิเศษ จึงไม่มีพลังวิเศษและวิชาเวทที่สอนโจวหมิงเยวี่ยได้เลย

หานเจวี๋ยเผยรอยยิ้มบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะสอนเจ้าสักหนึ่งกระบวนท่า”

โจวหมิงเยวี่ยดีใจมาก รีบคุกเข่าคารวะหานเจวี๋ยด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง

ฉู่ซื่อเหรินที่อยู่ไม่ไกลเบ้ปาก

ไก่คุกรัตติกาลพูดหยอกล้อ “อาจารย์ของเจ้าคนนี้ทำตามใจตัวเองจริงๆ ระวังจะเป็นแบบสวินฉางอันอาจารย์อาของเจ้า”

ฉู่ซื่อเหรินขมวดคิ้วบอก “อาจารย์ข้าก็ไม่ได้สอนอะไรข้านี่”

ตั้งแต่หยางเทียนตงรู้ว่าเขาไม่ชอบการฝึกบำเพ็ญก็ไม่สนใจเขาอีก มักจะท่องอยู่ภายนอกตลอดปี ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ของคนทั้งสองจืดจางมาก

ไก่คุกรัตติกาลส่ายหน้าและอดหัวเราะไม่ได้

หานเจวี๋ยถ่ายทอดวิชาเทพวายุกับมหาวายุอัสนีให้แก่โจวหมิงเยวี่ย

โจวหมิงเยวี่ยมีคุณสมบัติไม่เลว หานเจวี๋ยต้องสอนแค่ไม่กี่วันเท่านั้น

……

เวลาสิบปีผ่านไปในพริบตา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เริ่มตรวจสอบหาผู้แข็งแกร่งที่สุดในละแวกโลกเมฆาแดง

หลังจากถูกเทียนเอ้อส่านเหรินโจมตี ทุกๆ สิบปีนอกจากจะสาปแช่งและอ่านจดหมายแล้ว หานเจวี๋ยยังตรวจสอบหาผู้ทรงพลังในบริเวณนี้เพื่อป้องกันคนมาโจมตีด้วย

[มหาจักรพรรดิเหยียนจวิน: ระดับเซียนทองไท่อี่ระยะปลาย แม่ทัพสวรรค์ขั้นสามแห่งวังสวรรค์]

หานเจวี๋ยเห็นว่าเป็นระดับเซียนทองระยะปลายก็ตื่นเต้นทันที แต่พอเห็นว่ามาจากวังสวรรค์ เขาก็ถอนหายใจโล่งอก

‘ควรจะไปคารวะเขาสักหน่อยหรือไม่’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ แต่อีกฝ่ายไม่ได้เกิดความประทับใจต่อเขาแม้แต่ดาวเดียว บอกชัดว่าไม่อยากคบค้าสมาคมกับเขา

ช่างเถอะ ฝ่ายนั้นก็ทำเพราะงาน ไม่ได้มีจิตใจดีปกป้องเขาสักหน่อย

หานเจวี๋ยเริ่มจำลองการทดสอบ

การต่อสู้กับมหาจักรพรรดิเหยียนจวิน ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าใด

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 202 ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์แดนเซียน มหาจักรพรรดิเหยียนจวิน

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 202 ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์แดนเซียน มหาจักรพรรดิเหยียนจวิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 202 ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์แดนเซียน มหาจักรพรรดิเหยียนจวิน

กระแสปราณกระบี่ที่รวมตัวจากเงากระบี่นับร้อยล้านยิ่งใหญ่เหลือหลาย อีกทั้งปกคลุมชายชุดดำอย่างรวดเร็วยิ่ง แม้แต่เจดีย์ยักษ์ร่างแปลงของมังกรก็จมอยู่ในนั้น

ท่ามกลางปราณกระบี่ ชายชุดดำหน้าถอดสี ในใจหวาดกลัวถึงขีดสุด

เป็นไปได้อย่างไร!

พลังเวทนี้…ปราณกระบี่นี้… เป็นแค่เซียนลึกล้ำจริงหรือ

ชายชุดดำกัดฟันแน่น อาศัยพลังเวทมหาศาลของตนเองต้านทานไว้

ไม่นานนัก เจดีย์ที่ครอบเขาอยู่ก็แตกร้าวด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกแค่ไม่กี่อึดใจของวิเศษของเขาก็จะแตกเป็นเสี่ยงแล้ว

“บัดซบ!” ชายชุดดำตะโกนลั่น “มีอะไรก็พูดกันดีๆ ไม่จำเป็นต้องลงมือฆ่าแกงกัน!”

[เทียนเอ้อส่านเหรินเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

หานเจวี๋ยมองเห็นข้อความแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาตรงหน้า จิตสังหารเพิ่มขึ้นพุ่งพรวด

เขาเพิ่มพลังเวท บดขยี้สังหารเทียนเอ้อส่านเหรินด้วยความเด็ดขาดทรงพลัง

ทำลายทั้งร่างและวิญญาณ!

สังหารโดยตรง!

หลังจากหานเจวี๋ยไม่รับรู้ถึงกลิ่นอายของเทียนเอ้อส่านเหรินแล้ว ถึงจะหยุดสำแดงวิชา

หานเจวี๋ยตรวจดูในค่าความสัมพันธ์และไม่พบเทียนเอ้อส่านเหริน น่าจะตายไปแล้ว

เขารู้สึกว่าโชคร้ายนัก นี่มันเรื่องอะไรกัน

เขากำลังปิดด่านฝึกบำเพ็ญ จู่ๆ กลับมีคนคนหนึ่งโผล่มาจะทำลายโลกมนุษย์ของเขา ช่างโชคร้ายจริงๆ

หานเจวี๋ยกลับมาในถ้ำเทวาฟ้าประทานอีกครั้ง

เขาเพิ่งนั่งลง ตัวอักษรแถวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

[เนื่องจากท่านสังหารเซียนลึกล้ำไท่อี่เป็นครั้งแรก ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ยกระดับฟังก์ชันแบบจำลองการทดสอบ]

[สอง ยกระดับฟังก์ชันการซ่อนของระบบ]

หานเจวี๋ยหรี่ตา จมดิ่งอยู่ในภวังค์ความคิด

ผ่านไปสักพัก เขาเลือกยกระดับการทำงานของแบบจำลองการทดสอบ

ฟังก์ชันนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

สามารถรู้พลังที่แท้จริงของศัตรูได้ชัดเจน

[ท่านเลือกยกระดับฟังก์ชันแบบจำลองการทดสอบ]

[ตรวจสอบพบว่าโลกมนุษย์นี้ขึ้นตรงต่อท่าน ขอบเขตการตรวจจับของแบบจำลองการทดสอบถูกยกระดับขึ้น ห้วงอากาศว่างเปล่ารอบๆ ล้วนอยู่ในขอบเขตของแบบจำลองการทดสอบ โดยมีโลกใบนี้เป็นศูนย์กลาง]

‘อันนี้ได้!’

หานเจวี๋ยตื่นเต้นดีใจ

ในที่สุดก็ยกระดับขอบเขตการตรวจจับได้แล้ว ด้วยตบะของเขาในตอนนี้ ระยะรัศมีร้อยลี้ของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เล็กเกินไปจริงๆ

หานเจวี๋ยรีบตรวจหาผู้แข็งแกร่งที่สุดในบริเวณใกล้ๆ โลกเมฆาแดงนอกจากตัวเขา

[ตงฝาเทียน: ระดับเซียนพิภพไท่อี่ระยะต้น ผู้อาวุโสจวนเซียนสวรรค์]

เอ๊ะ? จวนเซียนสวรรค์ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับนี้อีกหรือ

มิน่าล่ะ ผ่านเคราะห์ใหญ่มามากมายเช่นนี้ ทั้งยังเคยถูกล้อมโจมตี แต่จวนเซียนสวรรค์ยังคงอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

ในตอนแรกที่นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนฆ่าล้างจวนเซียนสวรรค์ เหตุใดคนผู้นี้ถึงไม่ลงมือ

หานเจวี๋ยอ่านต่อไป พบว่าโลกเมฆาแดงซ่อนยอดฝีมือไว้ไม่น้อย ลำพังแค่เซียนอิสระก็มีหลายคนแล้ว หรือว่าคนเหล่านี้จะเป็นเทพเซียนพสุธาในตำนาน?

ผู้บำเพ็ญระดับมหายานมีจำนวนนับร้อย ไร้เหตุผลสิ้นดี

หานเจวี๋ยเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองประเมินโลกเมฆาแดงต่ำเกินไป

มีบางคนซ่อนตัวไว้ แม้แต่ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ยังตรวจสอบไม่พบ

มิน่าล่ะอันดับของโลกเมฆาแดงถึงได้เลื่อนขึ้นอยู่ตลอด

หานเจวี๋ยดูอยู่พักหนึ่งก็เริ่มฝึกบำเพ็ญต่อ

……

สี่ปีต่อมา ตี้ไท่ไป๋มาเยี่ยมเยียน

หานเจวี๋ยให้อู้เต้าเจี้ยนออกไป ตนเองอยู่กับตี้ไท่ไป๋ตามลำพัง

“งานชุมนุมใหญ่ท้อเซียนสิ้นสุดลงแล้ว วังเทพไม่ได้เปรียบแต่อย่างใด ก็นับว่าสิ้นสุดโดยสมบูรณ์” ตี้ไท่ไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีไม่น้อย

หานเจวี๋ยถามอย่างสงสัย “จักรพรรดิเทพกระบี่ถูกโจมตีพ่ายแพ้แล้ว?”

“ใช่”

“ฝีมือใคร”

“บุตรแห่งสวรรค์ผู้หนึ่ง แม้จะเป็นเทพเซียนจากวังสวรรค์ แต่สืบทอดสำนักเต๋า ปรากฏตัวให้เห็นน้อยมาก สถานะของเขาเจ้าไม่ต้องสืบ ช้าเร็วพวกเจ้าก็ต้องพบกันอยู่ดี”

วังสวรรค์มีความสัมพันธ์กับสำนักเต๋าด้วยหรือ

หานเจวี๋ยตกอยู่ในภวังค์

ตี้ไท่ไป๋กล่าวต่อว่า “ช่วงนี้มีกลุ่มอิทธิพลอยากจะทำลายโลกมนุษย์ที่อยู่ภายใต้อาณัติของวังสวรรค์ เจ้าต้องระวังสักหน่อย”

หานเจวี๋ยได้ยินก็อดพูดไม่ได้ “หลายปีก่อนมีคนชื่อเทียนเอ้อส่านเหรินมาที่นี่”

หลังจากสังหารเทียนเอ้อส่านเหริน หานเจวี๋ยไม่ได้รับความเกลียดชังจากผู้ทรงพลังคนอื่นๆ เขาอดคิดไม่ได้ว่าเทียนเอ้อส่านเหรินอาจจะเป็นผู้บำเพ็ญอิสระ

ผู้บำเพ็ญอิสระจะกล้ายุแหย่วังสวรรค์ได้อย่างไร

“เทียนเอ้อส่านเหริน?”

สีหน้าตี้ไท่ไป๋เปลี่ยนไปทันที คิ้วก็ขมวดตาม

เขากล่าวราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ “เทียนเอ้อส่านเหรินคือเซียนลึกล้ำ เจ้า…”

หานเจวี๋ยยิ้มแต่ไม่เอ่ยอะไร

ตี้ไท่ไป๋ตื่นตระหนกตกใจ

‘เจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งจนสังหารเซียนลึกล้ำได้แล้ว? จะก้าวหน้ารวดเร็วเกินจริงไปหน่อยแล้วกระมัง!’

ตี้ไท่ไป๋สูดหายใจลึกๆ กล่าวว่า “เทียนเอ้อส่านเหรินมาจากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ของผู้บำเพ็ญอิสระที่แข็งแกร่งราชวงศ์หนึ่ง ดูท่าเผ่ามนุษย์ก็มีความคิดเกี่ยวกับวังสวรรค์ด้วย”

หานเจวี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ “แดนเซียนมีอาณาจักรราชวงศ์ด้วยรึ”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น แดนเซียนก็มีเผ่ามนุษย์เช่นกัน อีกทั้งมีจำนวนมากด้วย เป็นถึงตัวเอกมรรคาสวรรค์ วังสวรรค์และวังเทพส่วนใหญ่ล้วนมีพื้นฐานจากเผ่ามนุษย์ คัดเลือกมาเป็นเทพเซียน”

“พวกเขายังจะมาอีกหรือไม่”

“ข้าจะให้เทพเซียนมาปกป้องโลกเมฆาแดงโดยเฉพาะ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”

คำมั่นสัญญาของตี้ไท่ไป๋ทำให้หานเจวี๋ยโล่งใจไปเปลาะหนึ่งทันที

สมกับเป็นวังสวรรค์ ภูมิหลังแข็งแกร่งมาก

หานเจวี๋ยก็เกรงว่าปัญหาจะมาไม่หยุดหย่อน

ตี้ไท่ไป๋รีบลุกขึ้น กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อรู้ว่ามาจากกลุ่มอิทธิพลใด ก็สามารถจัดการได้ง่ายแล้ว เทียนเอ้อส่านเหรินก็ช่างโง่เขลาเสียจริง คิดไม่ถึงว่าจะเปิดเผยสถานะของตนเองกับเจ้า”

หานเจวี๋ยยิ้มๆ เขาลุกขึ้นยืนส่งตี้ไท่ไป๋กลับ

หลังจากตี้ไท่ไป๋ไปแล้ว หานเจวี๋ยเดินมาเบื้องหน้าต้นฝูซัง สังเกตดูเถาน้ำเต้าพิภพเซียน

เมล็ดน้ำเต้าเจ็ดเมล็ดกลายเป็นน้ำเต้าน้อยเรียบร้อย ดูเหมือนว่าภูตน้ำเต้าใกล้จะเปลี่ยนร่างแล้ว หานเจวี๋ยเฝ้ารอคอยมาก

หานเจวี๋ยส่งพลังจิตเข้าไปในดินที่ฝังเมล็ดท้อเซียนไว้

ไม่มีการเคลื่อนไหว

ดูแล้วการปลูกต้นท้อชนิดนี้จะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

นี่ก็เป็นเรื่องปกติ หากปลูกได้ง่ายๆ ต้นท้อเซียนคงเป็นสินค้าตามท้องตลาดนานแล้ว

“อาจารย์ปู่…”

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะอารมณ์ในการคิดของหานเจวี๋ย

โจวหมิงเยวี่ยเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ท่าทางตื่นเต้นมาก

หานเจวี๋ยปรายตามอง ตอบกลับว่า “หืม?”

โจวหมิงเยวี่ยเรียกความกล้าก่อนจะพูด “อาจารย์ปู่ ข้าอยากเรียนพลังวิเศษวิชาเวทกับท่าน ไม่ทราบว่าข้าต้องทำอย่างไรท่านถึงจะสอนข้า”

ฉู่ซื่อเหรินเกียจคร้านเรื่องการฝึกบำเพ็ญ และก็ไม่เคยเรียนพลังวิเศษ จึงไม่มีพลังวิเศษและวิชาเวทที่สอนโจวหมิงเยวี่ยได้เลย

หานเจวี๋ยเผยรอยยิ้มบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะสอนเจ้าสักหนึ่งกระบวนท่า”

โจวหมิงเยวี่ยดีใจมาก รีบคุกเข่าคารวะหานเจวี๋ยด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง

ฉู่ซื่อเหรินที่อยู่ไม่ไกลเบ้ปาก

ไก่คุกรัตติกาลพูดหยอกล้อ “อาจารย์ของเจ้าคนนี้ทำตามใจตัวเองจริงๆ ระวังจะเป็นแบบสวินฉางอันอาจารย์อาของเจ้า”

ฉู่ซื่อเหรินขมวดคิ้วบอก “อาจารย์ข้าก็ไม่ได้สอนอะไรข้านี่”

ตั้งแต่หยางเทียนตงรู้ว่าเขาไม่ชอบการฝึกบำเพ็ญก็ไม่สนใจเขาอีก มักจะท่องอยู่ภายนอกตลอดปี ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ของคนทั้งสองจืดจางมาก

ไก่คุกรัตติกาลส่ายหน้าและอดหัวเราะไม่ได้

หานเจวี๋ยถ่ายทอดวิชาเทพวายุกับมหาวายุอัสนีให้แก่โจวหมิงเยวี่ย

โจวหมิงเยวี่ยมีคุณสมบัติไม่เลว หานเจวี๋ยต้องสอนแค่ไม่กี่วันเท่านั้น

……

เวลาสิบปีผ่านไปในพริบตา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เริ่มตรวจสอบหาผู้แข็งแกร่งที่สุดในละแวกโลกเมฆาแดง

หลังจากถูกเทียนเอ้อส่านเหรินโจมตี ทุกๆ สิบปีนอกจากจะสาปแช่งและอ่านจดหมายแล้ว หานเจวี๋ยยังตรวจสอบหาผู้ทรงพลังในบริเวณนี้เพื่อป้องกันคนมาโจมตีด้วย

[มหาจักรพรรดิเหยียนจวิน: ระดับเซียนทองไท่อี่ระยะปลาย แม่ทัพสวรรค์ขั้นสามแห่งวังสวรรค์]

หานเจวี๋ยเห็นว่าเป็นระดับเซียนทองระยะปลายก็ตื่นเต้นทันที แต่พอเห็นว่ามาจากวังสวรรค์ เขาก็ถอนหายใจโล่งอก

‘ควรจะไปคารวะเขาสักหน่อยหรือไม่’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ แต่อีกฝ่ายไม่ได้เกิดความประทับใจต่อเขาแม้แต่ดาวเดียว บอกชัดว่าไม่อยากคบค้าสมาคมกับเขา

ช่างเถอะ ฝ่ายนั้นก็ทำเพราะงาน ไม่ได้มีจิตใจดีปกป้องเขาสักหน่อย

หานเจวี๋ยเริ่มจำลองการทดสอบ

การต่อสู้กับมหาจักรพรรดิเหยียนจวิน ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าใด

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+