ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 245 เคียงบ่าเคียงไหล่จักรพรรดิเซียน คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 245 เคียงบ่าเคียงไหล่จักรพรรดิเซียน คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 245 เคียงบ่าเคียงไหล่จักรพรรดิเซียน คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งจากไป จึงถอนหายใจเล็กน้อย

เขาไม่อาจดึงสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ให้ก้าวหน้าได้ตลอดไป

เขาไม่เคยติดค้างอะไรสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

สำหรับเขาสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ในเวลานี้ไม่ได้คุ้นเคยดังเดิมอีก

ศัตรูในอดีตล้วนจากไป

หลี่ชิงจื่อตายแล้ว นักพรตเต๋าจิ้งซวีดับดิ้นแล้ว

เซียนซีเสวียนก็อยู่ด้านนอกตลอดปี ความสัมพันธ์กับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์จืดจางลงทุกที

สิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ก็เป็นเช่นนี้

วันเวลาสามารถลบเลือนหลายสิ่งหลายอย่าง รวมทั้งความรู้สึกด้วย

‘นี่คือสิ่งที่ต้องสละบนเส้นทางสู่การมีอายุยืนยาว’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ มรรคจิตยิ่งมั่นคงขึ้นกว่าเดิม

สักวันหนึ่ง บางทีแม้แต่ศิษย์บางคนของสำนักซ่อนเร้นก็จะห่างเหินจากเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ต่อให้ไอเซียนของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนหนาแน่นอีกสักเท่าใด ก็ไม่สามารถทำให้คนฝึกบำเพ็ญบรรลุระดับจักรพรรดิได้ทั้งหมด แม้แต่วังสวรรค์ก็มีการสลับเก่าและใหม่

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญ ทำความเข้าใจมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดต่อ

เมื่อความเข้าใจในมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดของเขายิ่งลึกซึ้งขึ้น เขาจะสามารถใช้มหามรรคเวียนว่ายตายเกิดระหว่างการต่อสู้ได้เช่นกัน

สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยสามารถรับมือเจียงอี้ได้ห้ากระบวนท่า

สามสิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยรับมือได้หนึ่งก้านธูป

ห้าสิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยสามารถต้านได้ครึ่งชั่วยาม แต่ไม่อาจตรึงกำลังจักรพรรดิเซียนได้

เวลาห้าสิบปีเต็ม เขาปิดด่านฝึกบำเพ็ญตลอดและไม่ได้สาปแช่งศัตรู

เขากำลังสุขสมกับความรู้สึกที่ตนแข็งแกร่งขึ้น

ในวันนี้เอง หลิวเป้ยส่งกระแสจิตมาว่า “นายท่าน เจ้านั่นมาแล้ว!”

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น จิตดั้งเดิมดำดิ่งลงสู่แม่น้ำมรรคกระบี่ทันใด

เขามองเห็นจากไกลๆ ว่าหลิวเป้ยถูกเงาร่างสองร่างขวางหน้าอยู่

ภาพนี้ดูคล้ายฉากที่นักเรียนในชีวิตก่อนโดนคนขวางไว้หลังเลิกเรียน…

ทันทีที่เห็นหานเจวี๋ย หลิวเป้ยถอนหายใจโล่งอกก่อนกล่าวว่า “เจ้านายตัวจริงแห่งแม่น้ำมรรคกระบี่มาแล้ว!”

เงาร่างทั้งสองหันมาพร้อมกัน

หานเจวี๋ยมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาได้อย่างชัดเจน คนหนึ่งเป็นหนุ่มรูปงาม ท่าทางสูงศักดิ์ อีกคนเป็นนักพรตเต๋าวัยกลางคน สงบนิ่งเย็นชา

“ไม่ทราบว่าสหายเต๋าทั้งสองคนมีเรื่องอันใด”

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม ในขณะเดียวกันก็ควบคุมแม่น้ำมรรคกระบี่เพื่อแยกพวกเขาทั้งสี่คนออกจากเงาร่างที่สัญจรไปมา

มีผู้ฝึกกระบี่นับไม่ถ้วนมาที่แม่น้ำมรรคกระบี่ หากพบว่าพวกเขาทะเลาะวิวาทกันจะส่งผลในแง่ร้าย

นักพรตเต๋าวัยกลางคนเอ่ยว่า “ได้ยินลูกศิษย์ข้าบอกว่าแม่น้ำมรรคกระบี่มีนายคนใหม่ จึงตั้งใจมาผูกสัมพันธ์ด้วย ไม่ทราบว่าท่านมีความสัมพันธ์อย่างไรกับจั้งกูซิง”

หานเจวี๋ยตอบ “นับว่าเป็นสหายกระมัง ถ้าไม่ใช่เพราะหมดหนทาง เขาคงไม่ส่งต่อแม่น้ำมรรคกระบี่ให้ข้า”

นักพรตเต๋าวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อย บุญคุณความแค้นระหว่างจั้งกูซิงและวังเทพเขาก็เคยได้ยินมา

ชายหนุ่มรูปงามมองพินิจหานเจวี๋ยและยิ้มเอ่ย “ผู้อาวุโส ท่านมีสำนักหรือไม่ หากไม่มี เช่นนั้นก็มาเข้าร่วมนิกายเจี๋ยของเราเถิด”

เหตุผลที่ก่อนหน้านี้เขาคอยตามพัวพันหลิวเป้ย ก็เพราะเขารู้สึกว่าหลิวเป้ยไม่ได้มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ หากนิกายเจี๋ยได้ควบคุมแม่น้ำมรรคกระบี่ ก็จะสามารถติดต่อกับผู้ฝึกกระบี่ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นมากมาย และดึงดูดผู้ฝึกกระบี่แทนนิกายเจี๋ยได้อย่างต่อเนื่อง

หานเจวี๋ยประเมินสักครู่ นักพรตวัยกลางคนน่าจะมีตบะระดับเซียนทองไท่อี่ ทั้งสองคนไม่มีทางทำให้เขากังวลได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว

“ข้ามาจากวังสวรรค์” หานเจวี๋ยพูดอย่างตรงไปตรงมา

ทันทีที่เอ่ยออกไป สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

วังสวรรค์!

เมื่อไม่นานมานี้นิกายเจี๋ยเพิ่งถูกวังสวรรค์บุกโจมตี และพ่ายแพ้ยับเยินทั้งหมด เรื่องนี้สร้างแรงกระทบกระเทือนครั้งใหญ่ให้นิกายเจี๋ย ทำให้หลายคนตระหนักได้ว่ายุคของนิกายเจี๋ยผ่านพ้นไปนานแล้ว

คนทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ

หานเจวี๋ยใช้พลังจิตสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง เผื่อว่ามีศัตรูซุ่มอยู่ในมุมมืด

“ไปกันเถอะ”

นักพรตวัยกลางคนสะบัดแขนเสื้อ ชายหนุ่มรูปงามต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่ถูกดึงจากไป

‘ไปแบบนี้เลยเนี่ยนะ’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

หลิวเป้ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากลัวว่าจะเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ

หานเจวี๋ยรออยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นการแจ้งเตือนความเกลียดชัง

หลังจากพูดคุยกับหลิวเป้ยสักสองสามประโยคก็กลับไปที่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน

ไม่รู้เพราะเหตุใด หานเจวี๋ยถึงรู้สึกวุ่นวายใจนิดๆ

ช่วงนี้นิกายเจี๋ยคึกคักกันเกินไปกระมัง แม้แต่ในแม่น้ำมรรคกระบี่ยังบังเอิญเจอได้

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์มาติดต่อกับตี้ไท่ไป๋

พลังจิตเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว

“ช่วงนี้เป็นเช่นไรบ้าง ผู้อาวุโส?” หานเจวี๋ยถามไถ่อย่างสุภาพ

นับจากที่ตี้ไท่ไป๋ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก

ตี้ไท่ไป๋ยิ้มกล่าวว่า “ดีเลยทีเดียว เจ้าไม่ได้ติดต่อข้าเสียนาน ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นหรือ”

หานเจวี๋ยไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องที่ประสบพบเจอก่อนหน้านี้ออกมา

“ฮึ ไม่นึกว่านิกายเจี๋ยจะยังไม่ล้มเลิกความคิด ถึงขั้นหมายตาแม่น้ำมรรคกระบี่แล้ว โง่เขลานัก” ตี้ไท่ไป๋แค่นเสียงหยัน ในคำพูดเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม

เขาพูดให้คลายกังวล “เจ้าไม่ต้องกังวลไป นิกายเจี๋ยแบกรับบาปกรรมและแรงกรรมมหันต์ไว้ หากกล้าลงมือที่แม่น้ำมรรคกระบี่จะได้รับทัณฑ์สวรรค์”

“เป็นบาปกรรมและแรงกรรมมหันต์อะไร”

“เมื่ออดีตพวกเขาปิดฟ้าด้วยมือเดียวในแดนเซียน สอนสั่งผู้คนนับไม่ถ้วน ไม่มีแบ่งแยกชนชั้น ทั้งยังพยายามที่จะควบคุมมวลสวรรค์หมื่นโลกา ก่อให้เกิดสงครามใหญ่ ทำให้เกิดเคราะห์ภัยไม่หวาดไม่ไหว สรรพชีวิตที่ล้มตายจำนวนมากกลายเป็นแรงกรรม ตามทรมานนิกายเจี๋ยไปทุกชาติภพ”

เมื่อหานเจวี๋ยได้ยินหนังศีรษะก็ชาวาบ ทรมานไปทุกภพทุกชาติ ก็เท่ากับสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนถือหนังสือแห่งความโชคร้ายสาปแช่งนิกายเจี๋ยทุกวัน?

ตี้ไท่ไป๋เอ่ยต่อว่า “ต่อจากนี้ข้าจะกดดันนิกายเจี๋ย เช่นนี้พวกเขาจึงจะสูญเสียครั้งใหญ่และไม่กล้าแก่งแย่งชิงดีกับวังสวรรค์”

เช่นนี้หานเจวี๋ยจึงค่อยโล่งใจเต็มร้อย

ทั้งสองคนคุยกันต่ออีกเล็กน้อย แล้วกล่าวลากันตามมารยาท

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาและเริ่มสาปแช่งศัตรู

…..

สามสิบปีต่อมา

ตบะของหานเจวี๋ยพัฒนาขึ้นไม่น้อย ต่อสู้กับเจียงอี้ก็ถือว่าชนะครึ่งต่อครึ่ง

หานเจวี๋ยมั่นใจได้แล้วว่าเขาจะทะลวงระดับจักรพรรดิเซียนยากเย็นกว่าคนอื่น แต่ขีดจำกัดบนของเขาต้องสูงกว่าแน่นอน

ตอนที่ยังไม่บรรลุระดับจักรพรรดิเซียน เขาก็ต่อสู้กับจักรพรรดิเซียนได้เสมอกันแล้ว

นี่ยังเป็นแค่เจียงอี้ หากเป็นผู้อื่นที่เพิ่งเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเซียน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสังหารได้!

ยามนี้หานเจวี๋ยตั้งตารอนักว่าตนเองฝึกบำเพ็ญต่อไปแล้วจะเกิดผลลัพธ์เช่นใด

เป้าหมายเดียวในตอนนี้!

ก่อนจะบรรลุระดับจักรพรรดิต้องมีพลังที่จะสังหารจักรพรรดิเซียนเสียก่อน!

หานเจวี๋ยรู้สึกว่ามีความหวังมาก!

ในเวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีตัวอักษรสามบรรทัดปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหานเจวี๋ย

[ตรวจสอบพบการเปลี่ยนแปลงดวงชะตาของวังสวรรค์ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ขึ้นสู่สวรรค์ทันที และเข้าร่วมวังสวรรค์ ร่วมแบ่งปันโชค จะได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง และยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[สอง ยังไม่ขึ้นสู่สวรรค์ หลีกเลี่ยงโอกาสวาสนาในครั้งนี้ จะได้รับชิ้นส่วนมรรคาสวรรค์หนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยไม่พูดมากความ เลือกที่จะไม่ขึ้นสวรรค์เลยทันที และได้รับชิ้นส่วนมรรคาสวรรค์มาสำเร็จ

แม้จะไม่รู้ว่าวังสวรรค์กำลังทำอะไรอยู่ แต่การเข้าร่วมวังสวรรค์จะต้องมีปัญหาไม่หยุดหย่อนแน่นอน

เขาต้องการฝึกบำเพ็ญต่อไป

“วังสวรรค์กำลังเตรียมจะเปิดค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา รวบรวมดวงชะตามรรคาสวรรค์ เพื่อช่วยเหล่าเทพเซียนยกระดับตบะ เจ้าเองก็มาด้วยสิ”

เสียงของจักรพรรดิสวรรค์ดังเข้ามาในหูของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดข้างในใจว่า “ฝ่าบาท ช่วงนี้ข้าปิดด่านฝึกบำเพ็ญ คงไม่ได้ไปวังสวรรค์ ขอบคุณความกรุณาของท่านมาก”

“การยกระดับดวงชะตาจะช่วยให้เจ้าพบหนทางสู่ระดับจักรพรรดิ”

“ไม่จำเป็นจริงๆ ตบะของข้ายังแข็งแกร่งขึ้นได้อีก”

“ยังแข็งแกร่งขึ้นได้อีก? ช้าก่อน!”

จักรพรรดิสวรรค์ตกใจ น้ำเสียงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

หานเจวี๋ยสะดุ้งตกใจ

ทำให้ประหม่าทำไมกัน

“ภายในกายเจ้ามีกลิ่นอายฟ้าบุพกาล หรือว่าเจ้ามีคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล เป็นไปได้อย่างไร!” จักรพรรดิสวรรค์อุทาน

นี่เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยได้ยินเขาประหลาดใจมากเช่นนี้

หานเจวี๋ยถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลคือสิ่งใด”

………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 245 เคียงบ่าเคียงไหล่จักรพรรดิเซียน คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 245 เคียงบ่าเคียงไหล่จักรพรรดิเซียน คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 245 เคียงบ่าเคียงไหล่จักรพรรดิเซียน คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งจากไป จึงถอนหายใจเล็กน้อย

เขาไม่อาจดึงสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ให้ก้าวหน้าได้ตลอดไป

เขาไม่เคยติดค้างอะไรสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

สำหรับเขาสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ในเวลานี้ไม่ได้คุ้นเคยดังเดิมอีก

ศัตรูในอดีตล้วนจากไป

หลี่ชิงจื่อตายแล้ว นักพรตเต๋าจิ้งซวีดับดิ้นแล้ว

เซียนซีเสวียนก็อยู่ด้านนอกตลอดปี ความสัมพันธ์กับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์จืดจางลงทุกที

สิงหงเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ก็เป็นเช่นนี้

วันเวลาสามารถลบเลือนหลายสิ่งหลายอย่าง รวมทั้งความรู้สึกด้วย

‘นี่คือสิ่งที่ต้องสละบนเส้นทางสู่การมีอายุยืนยาว’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ มรรคจิตยิ่งมั่นคงขึ้นกว่าเดิม

สักวันหนึ่ง บางทีแม้แต่ศิษย์บางคนของสำนักซ่อนเร้นก็จะห่างเหินจากเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ต่อให้ไอเซียนของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนหนาแน่นอีกสักเท่าใด ก็ไม่สามารถทำให้คนฝึกบำเพ็ญบรรลุระดับจักรพรรดิได้ทั้งหมด แม้แต่วังสวรรค์ก็มีการสลับเก่าและใหม่

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญ ทำความเข้าใจมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดต่อ

เมื่อความเข้าใจในมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดของเขายิ่งลึกซึ้งขึ้น เขาจะสามารถใช้มหามรรคเวียนว่ายตายเกิดระหว่างการต่อสู้ได้เช่นกัน

สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยสามารถรับมือเจียงอี้ได้ห้ากระบวนท่า

สามสิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยรับมือได้หนึ่งก้านธูป

ห้าสิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยสามารถต้านได้ครึ่งชั่วยาม แต่ไม่อาจตรึงกำลังจักรพรรดิเซียนได้

เวลาห้าสิบปีเต็ม เขาปิดด่านฝึกบำเพ็ญตลอดและไม่ได้สาปแช่งศัตรู

เขากำลังสุขสมกับความรู้สึกที่ตนแข็งแกร่งขึ้น

ในวันนี้เอง หลิวเป้ยส่งกระแสจิตมาว่า “นายท่าน เจ้านั่นมาแล้ว!”

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น จิตดั้งเดิมดำดิ่งลงสู่แม่น้ำมรรคกระบี่ทันใด

เขามองเห็นจากไกลๆ ว่าหลิวเป้ยถูกเงาร่างสองร่างขวางหน้าอยู่

ภาพนี้ดูคล้ายฉากที่นักเรียนในชีวิตก่อนโดนคนขวางไว้หลังเลิกเรียน…

ทันทีที่เห็นหานเจวี๋ย หลิวเป้ยถอนหายใจโล่งอกก่อนกล่าวว่า “เจ้านายตัวจริงแห่งแม่น้ำมรรคกระบี่มาแล้ว!”

เงาร่างทั้งสองหันมาพร้อมกัน

หานเจวี๋ยมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาได้อย่างชัดเจน คนหนึ่งเป็นหนุ่มรูปงาม ท่าทางสูงศักดิ์ อีกคนเป็นนักพรตเต๋าวัยกลางคน สงบนิ่งเย็นชา

“ไม่ทราบว่าสหายเต๋าทั้งสองคนมีเรื่องอันใด”

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม ในขณะเดียวกันก็ควบคุมแม่น้ำมรรคกระบี่เพื่อแยกพวกเขาทั้งสี่คนออกจากเงาร่างที่สัญจรไปมา

มีผู้ฝึกกระบี่นับไม่ถ้วนมาที่แม่น้ำมรรคกระบี่ หากพบว่าพวกเขาทะเลาะวิวาทกันจะส่งผลในแง่ร้าย

นักพรตเต๋าวัยกลางคนเอ่ยว่า “ได้ยินลูกศิษย์ข้าบอกว่าแม่น้ำมรรคกระบี่มีนายคนใหม่ จึงตั้งใจมาผูกสัมพันธ์ด้วย ไม่ทราบว่าท่านมีความสัมพันธ์อย่างไรกับจั้งกูซิง”

หานเจวี๋ยตอบ “นับว่าเป็นสหายกระมัง ถ้าไม่ใช่เพราะหมดหนทาง เขาคงไม่ส่งต่อแม่น้ำมรรคกระบี่ให้ข้า”

นักพรตเต๋าวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อย บุญคุณความแค้นระหว่างจั้งกูซิงและวังเทพเขาก็เคยได้ยินมา

ชายหนุ่มรูปงามมองพินิจหานเจวี๋ยและยิ้มเอ่ย “ผู้อาวุโส ท่านมีสำนักหรือไม่ หากไม่มี เช่นนั้นก็มาเข้าร่วมนิกายเจี๋ยของเราเถิด”

เหตุผลที่ก่อนหน้านี้เขาคอยตามพัวพันหลิวเป้ย ก็เพราะเขารู้สึกว่าหลิวเป้ยไม่ได้มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ หากนิกายเจี๋ยได้ควบคุมแม่น้ำมรรคกระบี่ ก็จะสามารถติดต่อกับผู้ฝึกกระบี่ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นมากมาย และดึงดูดผู้ฝึกกระบี่แทนนิกายเจี๋ยได้อย่างต่อเนื่อง

หานเจวี๋ยประเมินสักครู่ นักพรตวัยกลางคนน่าจะมีตบะระดับเซียนทองไท่อี่ ทั้งสองคนไม่มีทางทำให้เขากังวลได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว

“ข้ามาจากวังสวรรค์” หานเจวี๋ยพูดอย่างตรงไปตรงมา

ทันทีที่เอ่ยออกไป สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

วังสวรรค์!

เมื่อไม่นานมานี้นิกายเจี๋ยเพิ่งถูกวังสวรรค์บุกโจมตี และพ่ายแพ้ยับเยินทั้งหมด เรื่องนี้สร้างแรงกระทบกระเทือนครั้งใหญ่ให้นิกายเจี๋ย ทำให้หลายคนตระหนักได้ว่ายุคของนิกายเจี๋ยผ่านพ้นไปนานแล้ว

คนทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ

หานเจวี๋ยใช้พลังจิตสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง เผื่อว่ามีศัตรูซุ่มอยู่ในมุมมืด

“ไปกันเถอะ”

นักพรตวัยกลางคนสะบัดแขนเสื้อ ชายหนุ่มรูปงามต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่ถูกดึงจากไป

‘ไปแบบนี้เลยเนี่ยนะ’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

หลิวเป้ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากลัวว่าจะเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ

หานเจวี๋ยรออยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นการแจ้งเตือนความเกลียดชัง

หลังจากพูดคุยกับหลิวเป้ยสักสองสามประโยคก็กลับไปที่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน

ไม่รู้เพราะเหตุใด หานเจวี๋ยถึงรู้สึกวุ่นวายใจนิดๆ

ช่วงนี้นิกายเจี๋ยคึกคักกันเกินไปกระมัง แม้แต่ในแม่น้ำมรรคกระบี่ยังบังเอิญเจอได้

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์มาติดต่อกับตี้ไท่ไป๋

พลังจิตเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว

“ช่วงนี้เป็นเช่นไรบ้าง ผู้อาวุโส?” หานเจวี๋ยถามไถ่อย่างสุภาพ

นับจากที่ตี้ไท่ไป๋ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก

ตี้ไท่ไป๋ยิ้มกล่าวว่า “ดีเลยทีเดียว เจ้าไม่ได้ติดต่อข้าเสียนาน ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นหรือ”

หานเจวี๋ยไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องที่ประสบพบเจอก่อนหน้านี้ออกมา

“ฮึ ไม่นึกว่านิกายเจี๋ยจะยังไม่ล้มเลิกความคิด ถึงขั้นหมายตาแม่น้ำมรรคกระบี่แล้ว โง่เขลานัก” ตี้ไท่ไป๋แค่นเสียงหยัน ในคำพูดเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม

เขาพูดให้คลายกังวล “เจ้าไม่ต้องกังวลไป นิกายเจี๋ยแบกรับบาปกรรมและแรงกรรมมหันต์ไว้ หากกล้าลงมือที่แม่น้ำมรรคกระบี่จะได้รับทัณฑ์สวรรค์”

“เป็นบาปกรรมและแรงกรรมมหันต์อะไร”

“เมื่ออดีตพวกเขาปิดฟ้าด้วยมือเดียวในแดนเซียน สอนสั่งผู้คนนับไม่ถ้วน ไม่มีแบ่งแยกชนชั้น ทั้งยังพยายามที่จะควบคุมมวลสวรรค์หมื่นโลกา ก่อให้เกิดสงครามใหญ่ ทำให้เกิดเคราะห์ภัยไม่หวาดไม่ไหว สรรพชีวิตที่ล้มตายจำนวนมากกลายเป็นแรงกรรม ตามทรมานนิกายเจี๋ยไปทุกชาติภพ”

เมื่อหานเจวี๋ยได้ยินหนังศีรษะก็ชาวาบ ทรมานไปทุกภพทุกชาติ ก็เท่ากับสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนถือหนังสือแห่งความโชคร้ายสาปแช่งนิกายเจี๋ยทุกวัน?

ตี้ไท่ไป๋เอ่ยต่อว่า “ต่อจากนี้ข้าจะกดดันนิกายเจี๋ย เช่นนี้พวกเขาจึงจะสูญเสียครั้งใหญ่และไม่กล้าแก่งแย่งชิงดีกับวังสวรรค์”

เช่นนี้หานเจวี๋ยจึงค่อยโล่งใจเต็มร้อย

ทั้งสองคนคุยกันต่ออีกเล็กน้อย แล้วกล่าวลากันตามมารยาท

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาและเริ่มสาปแช่งศัตรู

…..

สามสิบปีต่อมา

ตบะของหานเจวี๋ยพัฒนาขึ้นไม่น้อย ต่อสู้กับเจียงอี้ก็ถือว่าชนะครึ่งต่อครึ่ง

หานเจวี๋ยมั่นใจได้แล้วว่าเขาจะทะลวงระดับจักรพรรดิเซียนยากเย็นกว่าคนอื่น แต่ขีดจำกัดบนของเขาต้องสูงกว่าแน่นอน

ตอนที่ยังไม่บรรลุระดับจักรพรรดิเซียน เขาก็ต่อสู้กับจักรพรรดิเซียนได้เสมอกันแล้ว

นี่ยังเป็นแค่เจียงอี้ หากเป็นผู้อื่นที่เพิ่งเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเซียน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสังหารได้!

ยามนี้หานเจวี๋ยตั้งตารอนักว่าตนเองฝึกบำเพ็ญต่อไปแล้วจะเกิดผลลัพธ์เช่นใด

เป้าหมายเดียวในตอนนี้!

ก่อนจะบรรลุระดับจักรพรรดิต้องมีพลังที่จะสังหารจักรพรรดิเซียนเสียก่อน!

หานเจวี๋ยรู้สึกว่ามีความหวังมาก!

ในเวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีตัวอักษรสามบรรทัดปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหานเจวี๋ย

[ตรวจสอบพบการเปลี่ยนแปลงดวงชะตาของวังสวรรค์ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ขึ้นสู่สวรรค์ทันที และเข้าร่วมวังสวรรค์ ร่วมแบ่งปันโชค จะได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง และยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[สอง ยังไม่ขึ้นสู่สวรรค์ หลีกเลี่ยงโอกาสวาสนาในครั้งนี้ จะได้รับชิ้นส่วนมรรคาสวรรค์หนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยไม่พูดมากความ เลือกที่จะไม่ขึ้นสวรรค์เลยทันที และได้รับชิ้นส่วนมรรคาสวรรค์มาสำเร็จ

แม้จะไม่รู้ว่าวังสวรรค์กำลังทำอะไรอยู่ แต่การเข้าร่วมวังสวรรค์จะต้องมีปัญหาไม่หยุดหย่อนแน่นอน

เขาต้องการฝึกบำเพ็ญต่อไป

“วังสวรรค์กำลังเตรียมจะเปิดค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา รวบรวมดวงชะตามรรคาสวรรค์ เพื่อช่วยเหล่าเทพเซียนยกระดับตบะ เจ้าเองก็มาด้วยสิ”

เสียงของจักรพรรดิสวรรค์ดังเข้ามาในหูของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดข้างในใจว่า “ฝ่าบาท ช่วงนี้ข้าปิดด่านฝึกบำเพ็ญ คงไม่ได้ไปวังสวรรค์ ขอบคุณความกรุณาของท่านมาก”

“การยกระดับดวงชะตาจะช่วยให้เจ้าพบหนทางสู่ระดับจักรพรรดิ”

“ไม่จำเป็นจริงๆ ตบะของข้ายังแข็งแกร่งขึ้นได้อีก”

“ยังแข็งแกร่งขึ้นได้อีก? ช้าก่อน!”

จักรพรรดิสวรรค์ตกใจ น้ำเสียงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

หานเจวี๋ยสะดุ้งตกใจ

ทำให้ประหม่าทำไมกัน

“ภายในกายเจ้ามีกลิ่นอายฟ้าบุพกาล หรือว่าเจ้ามีคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล เป็นไปได้อย่างไร!” จักรพรรดิสวรรค์อุทาน

นี่เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยได้ยินเขาประหลาดใจมากเช่นนี้

หานเจวี๋ยถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลคือสิ่งใด”

………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+